เครื่องยกกระชับที่รมย์รวินท์คลินิกเลือกใช้เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล เช่น US FDA และ CE ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก จึงมั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพ
Duo Slim Max คืออะไร? ลดไขมัน ยกกระชับผิวได้ในเครื่องเดียว
ออกกำลังกายหนักแค่ไหนไขมันก็ไม่ลด ผิวก็ไม่กระชับ ทางเลือกสำหรับคนไม่มีเวลา ที่อยากจะลดไขมัน ยกกระชับ ได้พร้อมกันในครั้งเดียว แบบไม่ต้องพักฟื้น Duo Slim Max อาจจะเป็นคำตอบที่ใช่ มาทำความรู้จักกับ Duo Slim Max คืออะไร? ลดไขมัน ยกกระชับผิวได้ในเครื่องเดียว เหมาะกับใครบ้าง? ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล? บทความนี้เรามีคำตอบ
Duo Slim Max คืออะไร?
Duo Slim Max คืออะไร?
Duo Slim Max ลดไขมัน พร้อมยกกระชับร่างกาย ที่ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) ที่ทำงานร่วมกับคลื่นเสียง Ultrasound โดยส่งผ่านพลังงานแบบเฉพาะเจาะจง ที่จะส่งพลังงานความร้อนเข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว ทั้งยังช่วยปรับโครงสร้างการจัดเรียงของคอลลาเจนให้เรียงตัวได้ดีขึ้น จึงส่งผลให้ผิวเรียบเนียน แก้ปัญหาผิวริ้วรอย เซลลูไลท์ รอยแตกลาย ลดไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว และช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึง ซึ่งสามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ Duo Slim Max จึงเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ใคร ๆ ก็ต่างไว้ใจ
Duo Slim Max ทำงานอย่างไร ?
หลักการทำงานของ Duo Slim Max นั้นจะใช้เทคโนโลยีที่มีความโดดเด่น ซึ่งประกอบด้วยการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง Monopolar Radio Frequency (RF) ร่วมกับคลื่นเสียง Ultrasound โดยจะทำการส่งพลังงานความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 40 – 42 °C ลงไปที่ชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) สามารถลงไปได้ลึกถึง 2.5 cm. ซึ่งจะมีความลึกมากกว่าการใช้พลังงานแบบ Monopolar RF อย่างเดียว จากนั้นพลังงานความร้อนจะเข้าไปทำให้เซลล์ไขมันตายอย่างธรรมชาติ (Apoptosis) และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ๆ พร้อมทั้งจัดเรียงโมเลกุลของคอลลาเจนให้เรียงตัวได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผิวบริเวณที่ทำเกิดความเรียบเนียน เต่งตึง และไขมันลดลง และยังสามารถทำได้หลายบริเวณทั่วร่างกายนอกจากนี้ Duo Slim Max ยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยตรวจจับอุณหภูมิ และช่วยปรับความร้อนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับผิวแต่ละบริเวณ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าไม่เกิดความเจ็บ หรือผิวเกิดการเบิร์น โดย Duo Slim Max จะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 20-30 นาที ต่อบริเวณ ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคลด้วย
Duo Slim Max ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
Duo Slim Max ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
Duo Slim Max เป็นการใช้พลังงาน Radio Frequency (RF) และ Ultrasound ในการกระตุ้นเซลล์ผิว ออกแบบมาเพื่อช่วยยกกระชับผิวและลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด จึงทำให้มีข้อดีหลายด้านที่จะช่วยแก้ปัญหาผิว และปัญหารูปร่างได้ ดังนี้
Duo Slim Max ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว ทำให้ผิวดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ขึ้น
Duo Slim Max ช่วยยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย ลดความหย่อนคล้อยของผิว เช่น ใบหน้า รอบดวงตา ลำคอ และเนินอก
Duo Slim Max ช่วยลดไขมันส่วนเกิน กำจัดไขมันเฉพาะจุดบริเวณใต้วงแขน แขน หลังมือ หน้าท้อง สะโพก และต้นขา
Duo Slim Max ช่วยปรับรูปร่างให้กระชับขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด หรือดูดไขมัน
Duo Slim Max ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และการทำงานของระบบน้ำเหลือง
Duo Slim Max ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น และยังช่วยยกกระชับสัดส่วนให้ได้รูปร่างที่สวยงาม
Duo Slim Max ช่วยขจัดเซลลูไลท์ ลดปัญหาผิวเปลือกส้ม ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
Duo Slim Max สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน และเห็นความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรก
Duo Slim Max ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีบาดแผล และมีความเจ็บน้อย ทำให้ไม่ต้องพักฟื้น
Duo Slim Max เหมาะกับใคร?
Duo Slim Max เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
Duo Slim Max เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวขาดความกระชับ
Duo Slim Max เหมาะกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด เช่น แขน หน้าท้อง หลัง สะโพก ต้นขา น่อง
Duo Slim Max เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกาย และต้องการให้เห็นมัดกล้ามเนื้อเชัดขึ้น
Duo Slim Max เหมาะกับคุณแม่หลังคลอด ที่มีผิวหน้าท้องที่หย่อนคล้อย
Duo Slim Max เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยจากการลดน้ำหนัก หรือดูดไขมัน
Duo Slim Max เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด Duo Slim Max ใช้เทคโนโลยีที่ไม่เสี่ยงอันตราย ไม่ต้องผ่าตัด
Duo Slim Max เหมาะกับผู้ที่มีเซลลูไลท์ หรือผิวเปลือกส้ม ต้องการลดเซลลูไลท์บริเวณต้นขาและสะโพก
Duo Slim Max เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสริมการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น ทำร่วมกับการดูดไขมัน หรือฉีดแฟต เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
แม้ว่า Duo Slim Max จะเป็นเทคโนโลยีที่ไม่เสี่ยงอันตรายต่อร่างกาย แต่อาจจะมีบางกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะไม่เหมาะกับการใช้Duo Slim Max หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ ได้แก่
Duo Slim Max ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอุปกรณ์ฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย
Duo Slim Max ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอุปกรณ์โลหะฝังอยู่ในร่างกาย หรือมีเหล็กดาม
Duo Slim Max ไม่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานเรื้อรัง หรือผู้ที่มีแผลเรื้อรัง หรือระบบไหลเวียนเลือดไม่ดี
Duo Slim Max ไม่เหมาะกับผู้ที่มีความผิดปกติในการรับความรู้สึก อาจทำให้ไม่สามารถรับรู้ระดับความร้อนที่เกิดจากเครื่องได้
Duo Slim Max ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับมะเร็งเม็ดเลือด หรือเกล็ดเลือด
Duo Slim Max ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังอยู่ในช่วงให้นมบุตร
Duo Slim Max ไม่เหมาะกับผู้ที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน
Duo Slim Max ไม่เหมาะกับผู้ที่ฉีดโบ ควรเว้นอย่างน้อย 3 เดือนหลังฉีดโบ
Duo Slim Max ไม่เหมาะกับผู้ที่ร้อยไหม ควรเว้นอย่างน้อย 6 เดือนหลังร้อนไหม
Duo Slim Max ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะผิวบางผิดปกติ หรือผิวไวต่อความร้อน ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
Duo Slim Max ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวอักเสบ หรือมีแผลเปิดในบริเวณที่ต้องการทำ Duo Slim Max ควรรอให้แผลหายก่อน
Duo Slim Max ถือเป็นเครื่องที่ไม่เสี่ยงอันตราย จึงสามารถเข้ารับบริการได้เลยทันที แต่สำหรับใครที่อยากจะเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ Duo Slim Max ลดไขมัน ยกกระชับ สามารถเตรียมตัวให้พร้อมได้ ดังนี้
ก่อนทำ Duo Slim Max ลดไขมัน ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อย 2-3 ลิตร ต่อวัน เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถขับของเสียและเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น
ก่อนทำ Duo Slim Max ควรหลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ อาจส่งผลต่อการทำงานของ Duo Slim Max
ก่อนทำ Duo Slim Max ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารออกฤทธิ์แรง เช่น ครีมที่มีกรดผลไม้ (AHA, BHA) หรือเรตินอลบริเวณที่ต้องการทำ Duo Slim Max อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำ
ก่อนทำ Duo Slim Max ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักก่อนทำ เพราะอาจทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า และส่งผลต่อกระบวนการเผาผลาญไขมันในระหว่างการทำ Duo Slim Max
ก่อนทำ Duo Slim Max ควรแจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์อย่างละเอียด หากมีโรคประจำตัว หรือใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) ควรแจ้งแพทย์หรือผู้ให้บริการก่อนเข้ารับการรักษา
ขั้นตอนการทำ Duo Slim Max
Duo Slim Max เป็นการลดไขมัน ยกกระชับ โดยใช้เทคโนโลยีที่ไม่เสี่ยงอันตรายอย่าง คลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) และคลื่นเสียง Ultrasound ที่จะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ พร้อมช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
เมื่อทำ Duo Slim Max เสร็จแล้วแพทย์จะทำการให้คำแนะนำ และวิธีดูแลตัวเองหลังทำ ซึ่งหลังจากทำเสร็จอาจจะรู้สึกอุ่นหรือแดงเล็กน้อยที่บริเวณผิว ซึ่งเป็นอาการปกติ และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
Duo Slim Max ลดไขมัน ระหว่างทำเจ็บไหม?
Duo Slim Max เป็นการใช้คลื่น RF และคลื่น Ultrasound ทำให้ขณะทำไม่มีความเจ็บ แต่จะมีความรู้สึกอุ่น ๆ หรือร้อนเล็กน้อยในบริเวณที่ทำ ในบางเคสอาจจะรู้สึกถึงความสบาย ซึ่งเกิดจากคลื่นความร้อนที่ปล่อยออกมาจาก Duo Slim Max ลดไขมัน หากระหว่างทำรู้สึกร้อนเกินไป สามารถแจ้งแพทย์เพื่อปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมได้ หลังทำหากไม่มีอาการที่ผิดปกติ สามารถทำกิจกรรมหรือใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติได้ ไม่ต้องพักฟื้น
Duo Slim Max หลังทำต้องดูแลตัวเองอย่างไร ?
หลังจากทำ Duo Slim Max ลดไขมัน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์หลังทำออกมามีประสิทธิภาพ
หลังจากทำ Duo Slim Max ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถขับไขมันที่ถูกลดออกไปทางระบบขับถ่ายได้มากขึ้น
หลังจากทำ Duo Slim Max ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีไขมันสูง ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีน เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น
หลังจากทำ Duo Slim Max ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักภายใน 24 ชั่วโมงแรก เนื่องจากหลังทำ Duo Slim Max อาจจะทำให้ร่างกายเกิดความเหนื่อยล้ามากเกินไป
หลังจากทำ Duo Slim Max ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ผลัดเซลล์ผิว เช่น สารสกัด AHA, BHA, เรตินอล อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เนื่องจากอาจจะทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้
หลังจากทำ Duo Slim Max ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจทำให้ Duo Slim Max ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทั้งยังมีโอกาสที่จะทำให้ไขมันกลับมา
ควรทำ Duo Slim Max อย่างน้อย 4-6 ครั้ง โดยเว้นระยะห่าง 7-10 วันต่อการทำ 1 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและพึงพอใจมาก
Duo Slim Max ต้องทำบ่อยแค่ไหน
Duo Slim Max ต้องทำบ่อยแค่ไหน
การทำ Duo Slim Max สามารถลดไขมัน ยกกระชับ ได้ทั้งบริเวณใบหน้า และลำตัว ซึ่งในแต่ละบริเวณนั้นก็จะมีจำนวนครั้งในการทำที่แตกต่างกันไป
Duo Slim Max ลดไขมัน สำหรับบริเวณใบหน้าและลำคอ ควรทำประมาณ 4 ครั้ง โดยแต่ละครั้งห่างกัน 7 – 10 วัน จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนประมาณ 3 เดือน
การทำ Duo Slim Max ลดไขมัน ยกกระชับ ใช้เวลานานไหม ? ระยะเวลาในการทำ Duo Slim Max จะอยู่ประมาณ 30 นาที ต่อ 1 บริเวณ ซึ่งระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับปัญหาผิว และปริมาณไขมันของแต่ละบุคคล โดยหลังทำการรักษา Duo Slim Max บริเวณผิวที่ทำจะมีอาการแดงเล็กน้อย ซึ่งสามารถหายได้เองภายใน 1-2 ชั่วโมง หลังจากนั้นผิวหนังอาจจะเกิดการแห้งได้ แนะนำให้บำรุงผิวด้วยครีมบำรุงที่มีความชุ่มชื้นสูงทั้งนี้ เพื่อผลลัพธ์การรักษา Duo Slim Max มีประสิทธิภาพ ควรเข้ามารักษาตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำอย่างต่อเนื่อง
Duo Slim Max ลดไขมัน ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล ?
ต้องทำการรักษาด้วย Duo Slim Max กี่ครั้งถึงเห็นผลลัพธ์ ? การทำ Duo Slim Max สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เลยทันทีหลังทำ และหากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนควรทำ Duo Slim Max ประมาณ 4 ครั้ง โดยแต่ละครั้งนั้นควรมีระยะห่างประมาณ 7-10 วัน และจะเห็นผลเต็มที่ภายใน 3 เดือน ทั้งนี้จำนวนครั้งจะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและปริมาณไขมันของแต่ละบุคคลทั้งนี้ เพื่อผลลัพธ์การรักษา Duo Slim Max ลดไขมัน มีประสิทธิภาพ ควรเข้ามารักษาตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำอย่างต่อเนื่อง
Duo Slim Max ผลลัพธ์อยู่ได้นานแค่ไหน?
หลังทำ Duo Slim Max ลดไขมัน ยกกระชับ ผลลัพธ์นั้นจะอยู่ได้นานถึง 6 เดือนถึง 1 ปี โดยจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลตัวเองหลังทำ Duo Slim Max ซึ่งแม้ว่าไขมันที่ถูกทำลายจะไม่สามารถกลับมาได้อีกนั้น แต่หากยังมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบเดิม การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง และการพักผ่อนที่ไม่ดีนั้น อาจจะทำให้ไขมันใหม่นั้นเพิ่มขึ้นแทนได้
Duo Slim Max เหมาะกับทุกสภาพผิวหรือไม่?
Duo Slim Max เป็นการลดไขมัน ยกกระชับ ลดเลือนริ้วรอย และลดเซลลูไลท์ที่ไม่เสี่ยงอันตราย เนื่องจากใช้พลังงาน RF และ Ultrasound ทำให้มีข้อจำกัดการทำที่น้อยมาก Duo Slim Max สามารถทำได้กับทุกสภาพผิว และทุกสีผิว
Duo Slim Max ลดไขมัน ทำที่ไหนดี?
การเลือกคลินิกสำหรับทำ Duo Slim Max ลดไขมัน เป็นสิ่งสำคัญ เพราะแม้จะเป็นเทคโนโลยีที่ไม่เสี่ยงอันตราย แต่ Duo Slim Max เป็นหัตถการที่ควรทำโดยแพทย์เท่านั้นและอยู่ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งวิธีพิจารณาเลือกคลินิกทำ Duo Slim Max ลดไขมัน มีดังนี้
Duo Slim Max ลดไขมัน ต้องมาจากบริษัท BTL Aesthetics และต้องได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ควรสอบถามกับคลินิกและขอดูเครื่องจริงก่อนทำ
แพทย์และผู้เจ้าหน้า แพทย์หรือเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการควรมีประสบการณ์ในการใช้เครื่อง Duo Slim Max สามารถประเมินสภาพผิวได้อย่างแม่นยำ และสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับตัวเครื่องได้อย่างชัดเจน
มีรีวิว Duo Slim Max ลดไขมัน จากผู้ใช้จริง และมีภาพผลลัพธ์ก่อน-หลังทำ โดยสามารถดูรีวิวได้จากเว็บไซต์ของคลินิก หรือโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram หรือ Pantip เพื่อดูว่าคลินิกมีความน่าเชื่อถือ และมีประสบการณ์ในการใช้ Duo Slim Max มากแค่ไหน
ต้องมีราคาที่เหมาะสม ควรเปรียบเทียบราคา Duo Slim Max ลดไขมัน กับคลินิกอื่น ๆ ซึ่งราคาควรอยู่ในช่วง มาตรฐานของตลาด ระวังคลินิกที่ราคาถูกเกินไป เพราะอาจใช้เครื่องปลอม หรือไม่ได้มาตรฐาน
เหตุผลที่ควรเลือกทำ Duo Slim Max ลดไขมัน
เหตุผลที่ควรเลือกทำ Duo Slim Max ลดไขมัน
Duo Slim Max เป็นเทคโนโลยีลดไขมัน ยกกระชับผิว ที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากไม่เสี่ยงอันตราย ทั้งยังมีจุดเด่นและมีข้อดีที่หลากหลาย ดังนี้
Duo Slim Max ลดไขมันได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บ และไม่มีแผล ต่างจากการดูดไขมันหรือศัลยกรรม ทำให้หลังทำ Duo Slim Max ไม่ต้องพักฟื้น และไม่มีรอยแผลหลังทำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
Duo Slim Max ลดไขมัน สามารถใช้ได้ทั่วร่างกาย ทั้งบริเวณใบหน้าและร่างกาย โดยสามารถทำเพื่อยกกระชับผิวหน้า ลดเซลลูไลท์ และลดริ้วรอย หรือใช้สำหรับการลดไขมันเฉพาะจุด ลดเหนียง เช่น หน้าท้อง เอว ต้นแขน ต้นขา ได้
Duo Slim Max ลดไขมัน ไม่เสี่ยงอันตราย เนื่องจาก Duo Slim Max นั้นได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำให้มั่นใจได้เลยว่าไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
Duo Slim Max ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และกระตุ้นการเผาผลาญไขมันได้พร้อมกัน โดยการใช้พลังงาน Radio Frequency (RF) และ Ultrasound ทำให้ช่วยลดไขมันและกระชับผิวในเวลาเดียวกัน เพิ่มความสะดวกสบาย และประหยัดเวลาได้เป็นอย่างดี
Duo Slim Max ลดไขมัน สามารถเห็นผลเร็ว โดยจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรก และจะเริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อย ๆ หลังทำครบคอร์ส ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 6 เดือน – 1 ปี
Duo Slim Max กับเทคโนโลยีลดไขมันและยกกระชับผิวอื่น ๆ เลือกตัวไหนดี ?
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีหลากหลายที่ใช้ในการลดไขมันและยกกระชับผิว ซึ่งแต่ละเทคโนโลยีก็มีข้อดีและเหมาะกับความต้องการที่แตกต่างกันไป เรามาดูการเปรียบเทียบ Duo Slim Max กับเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยม
Duo Slim Max
Duo Slim Max เป็นเทคโนโลยีลดไขมัน กระชับผิว ที่รวมมีความพิเศษ เนื่องจากได้รวมคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) และ Ultrasound ไว้ด้วยกัน เพื่อช่วยลดไขมันและยกกระชับผิวในคราวเดียวกัน โดย RF จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูกระชับเต่งตึงขึ้น ในขณะที่ Ultrasound จะช่วยลดไขมันใต้ผิวหนังได้ Duo Slim Max จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมันเฉพาะจุด พร้อมกับยกกระชับผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้น โดยไม่ต้องพักฟื้น โดยแนะนำให้ทำ Duo Slim Max ลดไขมัน ประมาณ 4-6 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน และได้ประสิทธิภาพมาก
2.โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวมีพลังงานสูง จึงช่วยลดระยะเวลาในการรักษาได้
โปรแกรม Nu Pico MLA ใช้พลังงานเลเซอร์ที่มีความเร็วระดับ Picosecond ทำให้สามารถส่งพลังงานเข้าสู่ผิวและกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูได้รวดเร็ว และช่วยลดรอยดำหลังเลเซอร์ได้ดีกว่าเลเซอร์ทั่วไป
3.โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวเหมาะกับทุกสภาพผิว
โปรแกรม Nu Pico MLA สามารถใช้รักษาหลุมสิวได้ทุกประเภท เหมาะกับทุกสภาพผิว แม้สำหรับผิวบอบบางและแพ้ง่าย ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงได้ เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ช่วยควบคุมพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิว
4.โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวแก้ไขปัญหาผิวได้หลากหลาย
โปรแกรม Nu Pico MLA เป็นเลเซอร์หลุมสิวที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นช่วยกระชับรูขุมขน, ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และรอยแผลเป็นจากสิว ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิว เหมาะกับใคร
โปรแกรม Nu Pico MLA เป็นเลเซอร์หลุมสิวที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย และถูกออกแบบมาให้มีความแม่นยำสูง ทำให้โปรแกรม Nu Pico MLA เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวในหลาย ๆ ด้าน โดยโปรแกรม Nu Pico MLA เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาผิวดังต่อไปนี้
โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวทุกประเภท
โปรแกรม Nu Pico MLAเลเซอร์หลุมสิวเหมาะสำหรับผู้ที่มีรอยดำและรอยแดงจากสิว
โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง และต้องการให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวและลดริ้วรอยเล็ก ๆ
โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ เช่น ฝ้า กระ หรือจุดด่างดำจากแสงแดด
โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
โปรแกรม Nu Pico MLA เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์หลุมสิว ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ลดหลุมสิว และแก้ไขปัญหาผิวอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนการทำ Nu Pico MLA ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิว ไม่เหมาะกับใคร
แม้ว่าโปรแกรม Nu Pico MLA จะเป็นเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการรักษาหลุมสิวและฟื้นฟูผิว แต่ก็มีบางผู้คนที่อาจไม่เหมาะสมกับการทำโปรแกรม Nu Pico MLA หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษา โดยผู้ที่ไม่เหมาะกับการทำโปรแกรม Nu Pico MLA ได้แก่
โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบหรือเป็นแผลเปิด
โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวอักเสบขั้นรุนแรง
โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวไม่เหมาะกับผู้ที่หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวไม่เหมาะกับผู้ที่ผิวแพ้ง่ายหรือไวต่อแสง
โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติโรคผิวหนังที่เกิดจากเม็ดสีผิดปกติ
โปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้ยาบางชนิดที่มีผลต่อผิวหนัง
แม้ว่าโปรแกรม Nu Pico MLA จะเป็นเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพ แต่อาจจะไม่เหมาะกับบางบุคคล ดังนั้นก่อนตัดสินใจทำโปรแกรม Nu Pico MLA ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าการทำโปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวจะให้ผลลัพธ์ที่ดี
การเตรียมตัวก่อนทำโปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิว
การเตรียมตัวก่อนการทำโปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิวเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพและช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดหลังการทำได้ ซึ่งการเตรียมตัวก่อนการทำโปรแกรม Nu Pico MLA มีดังนี้
ก่อนการทำโปรแกรม Nu Pico MLA ควรงดใช้สกินแคร์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิวอย่างน้อย 3-5 วัน ก่อนทำเลเซอร์
ก่อนการทำโปรแกรม Nu Pico MLA ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำโปรแกรม Nu Pico MLA
ก่อนการทำโปรแกรม Nu Pico MLA ควรงดทำหัตถการที่ระคายเคืองผิว ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ก่อนทำโปรแกรม Nu Pico MLA
ก่อนการทำโปรแกรม Nu Pico MLA ควรแจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือแพ้ยา เพื่อให้แพทย์ทราบและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้
ก่อนการทำโปรแกรม Nu Pico MLA ควรงดแอลกอฮอล์และบุหรี่ ซึ่งการงดก่อนทำโปรแกรมควรทำอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
การเตรียมตัวก่อนทำโปรแกรม Nu Pico MLA อย่างถูกต้อง จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง และช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น
ระยะเวลาและผลลัพธ์ หลังการทำโปรแกรม Nu Pico MLA เลเซอร์หลุมสิว
โปรแกรม Nu Pico MLA ในการรักษาหลุมสิว จะมีระยะเวลาของผลลัพธ์อาจแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลและการดูแลตัวเองหลังทำโปรแกรม Nu Pico MLA ซึ่งการทำโปรแกรม Nu Pico MLA จะให้ผลลัพธ์ ดังนี้
โปรแกรม Fix Lift Body เป็นเทคโนโลยีน้องใหม่ที่ได้รับการรับรองจาก US FDA ว่าเป็นเทคโนโลยีที่ไม่อันตรายต่อผิว ทั้งยังสามารถใช้ได้กับทุกสีผิว และทุกสภาพผิว
เทคโนโลยี Fast Moving ของโปรแกรม Oligio มาพร้อมกับระบบ Cooling System ที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิของผิวให้คงที่ ทำให้ผู้รับการรักษารู้สึกสบายตลอดการรักษา โดยไม่ต้องใช้ยาชา
ไม่อันตรายและได้มาตรฐานระดับสากล
โปรแกรม Oligio เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานมาตรฐานระดับโลกอย่าง US FDA องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา และ CE Mark มาตรฐานของยุโรป ซึ่งยืนยันได้ว่าไม่มีอันตรายและมีประสิทธิภาพ
การยกกระชับผิวหน้าโปรแกรม Oligio ที่รมย์รวินท์คลินิก มาพร้อมกับมาตรฐานให้บริการที่ครบครันและใส่ใจในทุกขั้นตอน โดยที่นี่มีทีมแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์ ที่ผ่านการอบรมเฉพาะทางในการใช้โปรแกรม Oligio ทำให้สามารถออกแบบการรักษาได้อย่างเหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ ยังใช้โปรแกรม Oligio ของแท้ ที่ได้รับมาตรฐานจาก US FDA และ CE Mark ซึ่งไม่อันตราย ไม่ส่งผลเสียทั้งยังให้ประสิทธิภาพสูงสุด
การทำยกกระชับผิวหน้าโปรแกรม Oligio ไม่ส่งผลเสียหรืออันตราย ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก US FDA และ CE Mark โดยไม่ก่อให้เกิดบาดแผลหรือความเสี่ยงใด ๆ เหมาะกับทุกสภาพผิวและไม่มีผลข้างเคียงที่อันตราย
การยกกระชับผิวโปรแกรม Oligio โดยทั่วไปแล้ว ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ไม่อันตรายและผ่านการรับรองจาก US FDA และ CE Mark ซึ่งหลังทำอาจมีรอยแดงเล็กน้อย หรือ รู้สึกอุ่น ๆ บริเวณผิวหนัง ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงแบบไม่ต้องพักฟื้น
โปรแกรม Oligio เหมาะสำหรับคนที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าและลำคอ ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด นอกจากนี้ เทคโนโลยีนี้ยังผ่านการรับรองจาก US FDA และ CE Mark ซึ่งมีประสิทธิภาพในการรักษาอีกด้วย
ยกกระชับผิวหน้าโปรแกรมUltherapy Prime และโปรแกรม EMFACE มีความอันตรายไหม?
ทั้งยกกระชับผิวหน้าโปรแกรม Ultherapy Prime และโปรแกรม EMFACE เป็นเทคโนโลยีที่ผ่านการรับรองจาก US FDA (องค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา) ว่าไม่เป็นอันตรายและมีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวหน้า โดยผลข้างเคียงที่พบได้น้อยมากและมักเป็นเพียงอาการชั่วคราว ทั้งสองเทคโนโลยีสามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลถึงผลกระทบระยะยาว
การทำยกกระชับผิวหน้าโปรแกรม Ultherapy Prime หรือโปรแกรม EMFACE สามารถใช้ร่วมกับการรักษาอื่นได้ไหม?
เทคนิค “Less is More” สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ที่ได้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ
โดยคุณหมอบีบีบอกเล่าถึงการฉีดฟิลเลอร์แบบ Less is More ว่าแท้จริงแล้วเป็นแนวทางการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ที่ไม่เพียงแค่เติมเต็มฟิลเลอร์ในปริมาณน้อยอย่างเหมาะสมเท่านั้น แต่คุณหมอยังเน้นการออกแบบรูปหน้า และแก้ปัญหาใบหน้าอย่างพิถีพิถัน ซึ่งเทคนิคนี้มีเป้าหมายเพื่อเติมเต็ม หรือยกกระชับในบริเวณที่ต้องการเท่านั้น โดยไม่ทำให้ใบหน้าดูเปลี่ยนไปจากเดิมมาก จนขาดความเป็นตัวเอง ทั้งยังเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูง เป็นโปรแกรมฟิลเลอร์ยุคใหม่ สามารถสลายได้หมดตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในผิวเท่านั้น จึงทำให้หลังจากฉีดไปแล้ว ไม่ส่งผลลัพธ์ข้างเคียงที่อันตราย เช่นอาการ บวมๆ ยุบๆ รวมไปจนถึง การเคลื่อนย้ายไปตำแหน่งอื่นทั้งยังไม่กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
จุดเด่นของแนวคิด Less is More ของคุณหมอบีบี
แนวคิด Less is More เป็นแนวคิดที่คุณหมอบีบีนำมาใช้เพื่อตอบโจทย์การเสริมความงามแบบพอดี ที่เน้นผลลัพธ์ความสวยแบบเป็นธรรมชาติ ด้วยการใช้ปริมาณฟิลเลอร์น้อยที่สุดหรือใช้เท่าที่จำเป็น เพื่อปรับแก้ปัญหาบนใบหน้าเฉพาะจุดอย่างแม่นยำ
เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Ulthera Prime มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Full HD ที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมถึง 35% ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างชั้นผิวในระหว่างการรักษาได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินและกำหนดตำแหน่งในการยิงพลังงานได้แม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ แพทย์ยังสามารถปรับพลังงานได้ตามสภาพผิวแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ระบบประมวลผลที่เร็วขึ้น
ด้วยการพัฒนาระบบประมวลผลที่ล้ำสมัย ซึ่งเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Ulthera Prime สามารถประมวลผลได้เร็วขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ส่งผลให้การทำหัตถการใช้เวลาน้อยลง ผู้เข้ารับบริการจึงสามารถรับการรักษาได้อย่างรวดเร็วและมีความสะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดความรู้สึกไม่สบายในระหว่างทำหัตถการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Fit Shape Body หรือ Indiba เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีลดไขมัน กระชับสัดส่วนที่กำลังมาแรงอย่างมากในตอนนี้ โดย Fit Shape Body กระชับสัดส่วน นั้น ออกแบบมาเพื่อช่วยลดไขมัน กระชับสัดส่วน สามารถลดไขมันสะสมได้มากถึง 11% โดยไม่ต้องผ่าตัด นอกจากนี้ Fit Shape Body ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า มาพร้อมเทคโนโลยี Capacitive Resistive Monopolar Radiofrequency (CRMRF) ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุที่ 448 kHz ที่มีความปลอดภัยสูง และถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์นานกว่า 35 ปี ซึ่งการรักษา Fit Shape Body กระชับสัดส่วน ด้วยการใช้คลื่นวิทยุนั้น ถือเป็นคลื่นความถี่ที่มีความเสถียรในการรักษา ทำให้สามารถรักษาได้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็น การกำจัดไขมัน การกระชับสัดส่วน ฟื้นฟูเนื้อเยื่อชั้นลึก รวมถึงการบรรเทาอาการปวดตามร่างกาย
Fit Shape Body คืออะไร
Fit Shape Body ดีอย่างไร?
Fit Shape Body ถือเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยดูแลสุขภาพได้อย่างหลากหลายตั้งแต่หัวจรดเท้า เนื่องจาก Indiba นั้น สามารถแก้ปัญหาได้ถึงระดับเซลล์ ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในร่างกายให้ทำงานได้ดี และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการรักษาด้วย Fit Shape Body กระชับสัดส่วน สามารถช่วยอาการต่าง ๆ ได้ ดังนี้
Fit Shape Body ช่วยลดไขมันสะสมใต้ชั้นผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ช่วยกระชับสัดส่วน และช่วยลดเซลลูไลท์ ผิวเปลือกส้มในทุกจุด
Fit Shape Body ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ให้ฟื้นฟู ซ่อมแซมตัวเอง อีกทั้งยังกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cell) ให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Fit Shape Body ช่วยกระตุ้นการเกิดใหม่ของเส้นผม บำรุงหนังศีรษะ ชะลอการหลุดร่วงของเส้นผม ให้รากผมแข็งแรงขึ้น
Fit Shape Body ช่วยเร่งกระบวนการฟื้นตัวของเนื้อเยื่อหลังการผ่าตัด ลดอาการปวด บวมหลังการผ่าตัด
Fit Shape Body ช่วยยกกระชับผิวที่มีความหย่อนคล้อย ไม่ว่าจะเป็น บริเวณใบหน้า รอบดวงตา คอ และบริเวณลำตัว
Fit Shape Body ช่วยบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) อาการปวดคอ บ่า ไหล่
Fit Shape Body ช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อและเซลล์ผิวบริเวณช่องคลอด กระชับช่องคลอด พร้อมลดปัญหาปัสสาวะเล็ด
Fit Shape Body ช่วยเรื่องอะไร?
Fit Shape Body ช่วยเรื่องอะไร?
Fit Shape Body เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ ที่มีประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น การกระชับผิวหน้า กระชับรูปร่าง กระชับช่องคลอด ปลูกผม รวมถึงปัญหาออฟฟิศซินโดรม นอกจากนี้ Fit Shape Body ยังช่วยดูแลในเรื่อง การกระชับรูปร่างและสัดส่วนได้ ดังนี้
Fit Shape Body ช่วยลดการสะสมไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว และไขมันในช่องท้อง
Fit Shape Body ช่วยลดไขมันเฉพาะจุด เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นขา
Fit Shape Body ช่วยลดความหย่อนคล้อยของผิว ยกกระชับผิวให้เต่งตึง
Fit Shape Body ช่วยกระชับสัดส่วนให้ได้รูปร่างที่ต้องการ
Fit Shape Body ช่วยกำจัดและลดการเกิดเซลลูไลท์ (Cellulite) ใต้ชั้นผิว ลดการเกิดผิวเปลือกส้ม
Fit Shape Body ช่วยเร่งการเผาผลาญของไขมัน และกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย
Fit Shape Body ช่วยฟื้นฟู ซ่อมแซม และกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิว
Fit Shape Body ช่วยฟื้นฟูเซลล์ในร่างกาย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน
Fit Shape Body ช่วยลดอาการปวด บวม ช้ำจากการศัลยกรรม หรือทำหัตถการ
Fit Shape Body ช่วยลดการอักเสบของผิว ลดความฟกช้ำบริเวณผิวหนัง
Fit Shape Body ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นให้ดูจางลง
Fit Shape Body ปลอดภัยไหม?
Fit Shape Body เป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นการใช้คลื่นความถี่วิทยุในการปรับสมดุลเซลล์ โดยคลื่นนั้นจะไม่ทำลายเซลล์บริเวณข้างเคียง ช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกาย พร้อมกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยลดการสะสมไขมันในร่างกาย กระชับสัดส่วน ช่วยลดไขมัน และลดเซลลูไลท์ส่วนเกิน ทั้งยังมีความปลอดภัยสูง Fit Shape Body ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ FDA จากทั้งประเทศไทย และประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังมีการจดสิทธิบัตรรับรองถึง 12 สิทธิบัตร และยังได้รับรางวัลในการยอมรับระดับสากลมากมาย ว่า Fit Shape Body เป็นโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพ ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่เข้ารับบริการ ซึ่ง Indiba เป็นโปรแกรมที่มีประโยชน์อย่างมากในด้านการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องความงาม หรือการรักษา เนื่องจาก Fit Shape Body เป็นโปรแกรมที่สามารถทำการรักษาได้อย่างครอบคลุมทั่วทั้งร่างกาย
Fit Shape Body ทำงานอย่างไร?
Fit Shape Body เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุที่ 448 kHz ที่คลื่นความถี่ 0.5 MHz โดยจะมีระบบโปรไอออนิก (Proionic) ที่จะส่งคลื่นไปที่ชั้นผิวหนังแท้ หรือชั้นผิวลึก ที่มีเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินอยู่ โดยคลื่นวิทยุของ Fit Shape Body จะส่งพลังงานเข้าไปทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างปลอดภัย และเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ที่อยู่ในระดับตื้น และระดับลึก ทำให้ผิวหรือเซลล์บริเวณนั้นถูกฟื้นฟู ซึ่งการรักษาโดย Fit Shape Body จะมี 3 โหมดด้วยกัน ซึ่งแต่ละโหมดนั้น ก็จะเหมาะกับแต่ละบริเวณ และแต่ละปัญหาที่แตกต่างกันไป ดังนี้
Fit Shape Body มีโหมด Biostimulation เป็นโหมดที่ไม่มีความร้อน ใช้กระตุ้นบริเวณชั้นผิวหนัง ซึ่งคลื่นความถี่วิทยุจะเข้าไปซ่อมแซม ฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหาย และกระตุ้นการสร้างไฟโบรบลาสต์ ให้สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนังใหม่ และเรียงตัวได้ดีขึ้น ช่วยให้ผิวกระชับ กระชับสัดส่วน มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ลดความหย่อนคล้อยได้
Fit Shape Body มีโหมด Vascularization เป็นโหมดที่ใช้ความร้อนปานกลาง โดยจะความรู้สึกอุ่น ๆ ที่ผิว ซึ่งคลื่นความถี่วิทยุจะเข้าไปกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มออกซิเจนให้กับเซลล์ใต้ชั้นผิวหนัง ให้เลือดไหลเวียนได้ดี ฟื้นฟูเนื้อเยื่อบริเวณชั้นผิวชั้นลึกให้ทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดบวม กระชับสัดส่วน พร้อมช่วยบรรเทาอาการปวดตามร่างกายได้ดี
Fit Shape Body มีโหมด Hyperactivation เป็นโหมดที่มีการใช้ความร้อนสูงบริเวณผิว จะให้ความรู้สึกที่อุ่นมากขึ้น ไม่ร้อนจนเกินไป โดยคลื่นความถี่วิทยุจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของกระบวนการเมแทบอลิซึม (metabolism) หรือกระบวนการเผาผลาญของเซลล์เพื่อให้ร่างกายสร้างพลังงานได้ ทั้งยังช่วยดีท็อกซ์ของเสียที่ตกค้างในร่างกาย Fit Shape Body พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว ช่วยลดไขมัน กระชับสัดส่วน ทั้งยังช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิว ฟื้นฟูสุขภาพได้ดี
Fit Shape Body ช่วยลดไขมัน กระชับสัดส่วน ได้อย่างไร?
Fit Shape Body ใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency) 448 kHz ที่มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยลดไขมันและกระชับสัดส่วน Fit Shape Body จะส่งคลื่นวิทยุความถี่ 448 kHz ผ่านกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าสู่เนื้อเยื่อบริเวณที่มีการสะสมไขมันอย่างหนาแน่น จากนั้นจะค่อย ๆ เพิ่มอุณหภูมิบริเวณเนื้อเยื่อ ทำให้ไขมันเกิดการหดตัวและแตกตัวและไขมันเหล่านี้จะถูกเผาผลาญ จากนั้นจะถูกกำจัดออกผ่านกระบวนการตามธรรมชาติของร่างกาย โดยกระบวนการนี้ช่วยลดปริมาณไขมันสะสมในระดับเซลล์ และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและไฟฟ้าระหว่างเซลล์
คลื่นความถี่จาก Fit Shape Body จะช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมส่วนเกินในระดับเซลล์ โดยทำการเพิ่มสารอาหารและออกซิเจนเข้าสู่เซลล์มากขึ้น ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญในเซลล์ไขมัน ทำให้เซลล์ไขมันลดจำนวนลงอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงยังช่วยกระตุ้นไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตคอลลาเจน และอิลาสตินใหม่ มากขึ้น ทำให้ผิวบริเวณที่ทำยกกระชับ ไม่หย่อนคล้อย กระชับสัดส่วน และ Fit Shape Body ช่วยปรับโครงสร้างเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้ลดปัญหาผิวเปลือกส้มหรือเซลลูไลท์ ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับมากยิ่งขึ้น
Fit Shape Body กระชับสัดส่วน เหมาะกับใคร ?
Fit Shape Body กระชับสัดส่วน เหมาะกับใคร ?
อยากลดไขมัน กระชับสัดส่วนด้วย Fit Shape Body by Indiba เทคโนโลยีที่จะช่วยฟื้นฟูเซลล์ภายในร่างกายให้กลับมาทำงานได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว พร้อมกระตุ้นให้เซลล์ไขมันเสื่อมสภาพลง โดยพลังงานนี้จะไม่ทำให้เซลล์บริเวณรอบ ๆ ถูกทำลาย การลดไขมันกระชับสัดส่วนด้วย Fit Shape Body by Indiba เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่าง หรือผู้ที่มีปัญหา ดังนี้
Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยและต้องการกระชับสัดส่วน ต้องการฟื้นฟูผิวให้มีความยืดหยุ่น และยกกระชับให้ผิวดูเต่งตึงขึ้น
Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่มีผิวไม่เรียบเนียน ผิวเปลือกส้ม มีเซลลูไลท์ที่เกิดจากไขมันใต้ผิวหนัง
Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่มีผิวหลวม ผิวไม่แน่น หรือมีร่องริ้วรอย เนื่องจากอายุที่มากขึ้น หรือผิวย้วยจากการลดน้ำหนัก
Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด และต้องการลดไขมันส่วนเกินในจุดที่ลดได้ยาก
Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการรักษารอยแผลเป็น อยากลดรอยแผลเป็นให้จางลง
Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยและต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์
Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเซลลูไลท์บริเวณต้นขา สะโพก หรือหน้าท้อง
Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่มีไขมันหน้าท้อง ต้องการลดไขมันส่วนเกิน และกระชับสัดส่วนเฉพาะจุด
Fit Shape Body เหมาะกับผู้ที่ต้องการเผาผลาญไขมันในร่างกาย สำหรับคนที่ต้องการเร่งการเผาผลาญไขมันและเพิ่มความกระชับให้รูปร่าง
สำหรับใครที่อยากจะลดไขมัน กระชับสัดส่วนด้วย Fit Shape Body สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาได้ ซึ่งผลลัพธ์ของการรักษาด้วย Fit Shape Body นั้นก็จะขึ้นอยู่กับปัญหา และรูปร่างของแต่ละบุคคล
Fit Shape Body ไม่เหมาะกับใคร ?
Fit Shape Body กระชับสัดส่วน เป็นการรักษาโดยใช้คลื่นวิทยุความถี่ 448 kHz โดยจะมีการใช้พลังงานกระแสไฟฟ้าส่งไปยังบริเวณที่ต้องการรักษา จึงมีในบางกลุ่มที่อาจจะไม่เหมาะ หรือต้องระวังการรักษาด้วยคลื่นวิทยุ ดังนี้
Fit Shape Body ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากคลื่นวิทยุอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกได้
Fit Shape Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าในร่างกาย เพราะคลื่นความถี่อาจรบกวนการทำงานของอุปกรณ์
Fit Shape Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น ผู้ป่วยโรคหลอดเลือด เส้นเลือดโป่งพอง
Fit Shape Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะมะเร็งระยะลุกลาม
Fit Shape Body ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการติดเชื้อเฉพาะที่ หรือมีแผลเปิดบริเวณที่จะทำการรักษา Fit Shape Body
Fit Shape Body มีข้อดีอะไรบ้าง ?
Fit Shape Body เป็นคลื่นวิทยุความถี่ 448 kHz ที่เหมาะสมในการแลกเปลี่ยนพลังงานระหว่างเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Fit Shape Body กระชับสัดส่วน สามารถช่วยฟื้นฟู และซ่อมแซมเนื้อเยื่อชั้นลึกได้ และ Fit Shape Body ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ต้นกำเนิดให้ทำงานได้เต็มที่ขึ้น
Fit Shape Body กระชับสัดส่วน หลังทำไม่มีผลข้างเคียงใด
การกระชับสัดส่วน ด้วย Fit Shape Body ไม่เจ็บ และไม่มีบาดแผล
Fit Shape Body กระชับสัดส่วน ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากช่วยเร่งกระบวนการฟื้นฟูเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิว
Fit Shape Body กระชับสัดส่วน ช่วยลดอาการเจ็บปวดหลังการผ่าตัด การทำคีโม หรือการบาดเจ็บได้
Fit Shape Body กระชับสัดส่วน สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต พร้อมช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อต่าง ๆ ภายในร่างกาย
Fit Shape Body กระชับสัดส่วน ช่วยลดการเกิดพังผืดหลังการทำศัลยกรรม และช่วยรักษาแผลคีลอยด์
ข้อควรระวังในการกระชับสัดส่วน ด้วย Fit Shape Body
การกระชับสัดส่วน Fit Shape Body ในบางโหมดจะมีอุณหภูมิของเนื้อเยื่อ ควรปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม ไม่ควรปล่อยให้เกิดความร้อนสูงเกินไปที่อาจทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง
การกระชับสัดส่วน Fit Shape Body ไม่ควรทำการรักษานานเกินไปในจุดเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้เนื้อเยื่อ หรือเซลล์เกิดความเสียหาย โดยการทำ 1 พื้นที่ ไม่ควรเกิน 60 นาที เพราะอาจจะทำให้เกิดพลังงานสะสมได้
การกระชับสัดส่วน Fit Shape Body ควรหลีกเลี่ยงทำในบริเวณที่มีโลหะในร่างกาย เช่น รากฟันเทียม หรือโลหะจากการผ่าตัด
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังทำ Fit Shape Body
ในการทำ Fit Shape Body ลดไขมัน กระชับสัดส่วนนั้น จะมีการใช้ความร้อนในบริเวณผิวเพื่อลดไขมันสะสมใต้ชั้นผิว อาจจะทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดความแดงชั่วคราว หรือเกิดความร้อน และอาการตึงบริเวณผิว เนื่องจากการทำงานของคลื่นวิทยุใน Fit Shape Body กระชับสัดส่วน จะเข้าไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ให้ไหลเวียนดีขึ้น
การกระชับสัดส่วนด้วย Fit Shape Body ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล? ซึ่งผลลัพธ์ของการทำ Fit Shape Body จะขึ้นอยู่กับปัญหาผิว ปริมาณไขมัน และบริเวณที่ทำ โดยในแต่ละบริเวณนั้นก็จะมีจำนวนครั้งที่ไม่เท่ากัน ซึ่ง Fit Shape Body นั้นใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุทำให้มีความเสถียรและความปลอดภัยสูงจึงสามารถทำได้หลายครั้ง ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษา Fit Shape Body ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
ทำ Fit Shape Body เจ็บไหม?
ในการทำ Fit Shape Body ลดไขมัน กระชับสัดส่วนนั้น จะมีการใช้โหมดที่มีความร้อนเล็กน้อย ซึ่งจะให้ความรู้สึกอุ่น ๆ ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่แสบ ไม่อันตรายต่อผิว จึงทำให้ไม่ต้องแปะยาชา และหลังทำ Fit Shape Body สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ลดไขมันด้วย Fit Shape Body ไขมันจะถูกขับออกทางไหน
ไขมันที่ถูกทำให้หดและแตกตัวด้วย Fit Shape Body จะถูกเผาผลาญ และถูกขับออกทางกระบวนการขับของเสียของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น การปัสสาวะ อุจจาระ โดยไม่ตกค้าง และไม่เกิดอันตรายต่อร่างกาย
หลังลดไขมันด้วย Fit Shape Body ไขมันจะกลับมาอีกไหม?
หลังลดไขมันด้วย Fit Shape Body ไขมันจะกลับมาอีกไหม?
หลังการลดไขมัน กระชับสัดส่วนด้วย Fit Shape Body นั้น มีโอกาสที่ไขมันจะกลับมาใหม่ เนื่องจากการทำ Fit Shape Body เป็นการลดไขมันเก่าที่สะสมอยู่ใต้ชั้นผิว และไม่สามารถป้องกันการสะสมของไขมันใหม่ได้ หากหลังทำแล้วไม่ดูแลตัวเอง ปรับพฤติกรรมการกิน และการออกกำลังกาย ก็อาจจะทำให้เกิดไขมันใหม่สะสมขึ้นมาได้ ทั้งนี้หากต้องการลดไขมัน ลดน้ำหนัก และลดสัดส่วนให้ได้ผลในระยะยาว ควรทำ Fit Shape Body ควบคู่กับการออกกำลังกาย ทานอาหารให้มีประโยชน์ ลดของมัน ของทอด ของหวาน พักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะช่วยทำให้คุณได้รูปร่างที่สวยงาม และมีสุขภาพที่ดีได้
เลือกทำ Fit Shape Body ที่ไหนดี?
เลือกทำ Fit Shape Body ที่ไหนดี? การเลือกคลินิกทำ Fit Shape Body นั้นมีหลายปัจจัยอย่างมาก เนื่องจาก Fit Shape Body เป็นเครื่องลดไขมัน กระชับสัดส่วน ที่ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุที่ 448 kHz จึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย และเพื่อผลลัพธ์ที่ตรงใจ ควรพิจารณาคลินิกที่ทำ Fit Shape Body ดังนี้
คลินิกต้องมีความน่าเชื่อถือ และถูกกฎหมาย
ควรเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ตรวจสอบว่าคลินิกมีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลและได้รับการรับรองจากหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุข และเลือกคลินิกที่มีประสบการณ์ในการให้บริการ Fit Shape Body โดยเฉพาะ
คลินิกต้องมีแพทย์ที่ผ่านการอบรมการทำ Fit Shape Body
คลินิกต้องมีแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาต ที่ผ่านการฝึกอบรมในการใช้เครื่อง Fit Shape Body โดยเฉพาะ รวมถึงแพทย์ควรให้คำปรึกษาและประเมินสภาพร่างกายอย่างละเอียดก่อนเริ่มการรักษา
เลือกใช้ Fit Shape Body เครื่องแท้ ตรวจสอบได้
เลือกคลินิกที่ใช้ Fit Shape Body ของแท้และได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย และคลินิกที่เลือกใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน มีการบำรุงรักษาเครื่องมืออย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัย
อ่านรีวิว และสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับ Fit Shape Body
ก่อนเลือกคลินิกทำ Fit Shape Body สามารถเข้าดูรีวิวของผู้เข้าใช้บริการ หรืออ่านประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้บริการที่คลินิกก่อน หรือสอบถามทางคลินิกเกี่ยวกับข้อมูล รายละเอียด และราคาของคอร์สก่อนเลือกทำ เพื่อให้ได้คลินิกที่ถูกใจ และมีความสบายใจในการเข้ารับบริการ
คลินิกมีบริการติดตามผลหลังการรักษา
ควรเลือกคลินิกที่ดูแลพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองหลังทำ Fit Shape Body และมีบริการติดตามผล และพร้อมให้คำแนะนำได้ทุกคำถาม
Fit Shape Body ราคาเท่าไหร่
ราคาของ Fit Shape Body ลดไขมัน กระชับสัดส่วนนั้น ในแต่ละคลินิกก็จะมีราคาที่แตกต่างกันไป โดยจะขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นในช่วงเวลานั้น ๆ และขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินถึงปัญหา รวมถึงวางแผนการรักษา Fit Shape Body เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
Fit Shape Body เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่หลาย ๆ คนต่างให้ความสนใจ นอกจากเป็นเครื่องที่ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุที่ 448 kHz ซึ่งเป็นความถี่ที่ปลอดภัยต่อการฟื้นฟูได้ถึงระดับเซลล์แล้ว ยังช่วยลดไขมันส่วนเกิน กระชับสัดส่วน ลดความหย่อนคล้อย ผิวไม่เรียบเนียนได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่สนใจลดไขมัน กระชับสัดส่วน ด้วย Fit Shape Body สามารถเข้ามาปรึกษาและสอบถามได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกช่องทาง
เทคโนโลยี Bar Lift เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ทันสมัยในการยกกระชับผิวหน้า ที่จะช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น ซึ่ง Bar Lift คือเทคนิคยกกระชับผิวหน้าที่ใช้เครื่องมือที่มีพลังงานในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว โดยที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน
บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ตั้งแต่หลักการทำงาน ประโยชน์ และเหตุผลที่ทำให้เทคโนโลยี Bar Lift กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมในการดูแลผิวหน้าในปัจจุบัน
BARLIFT คืออะไร
เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift คืออะไร?
เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า Bar Lift เป็นการยกกระชับผิวหน้าโดยใช้เทคโนโลยี HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ซึ่งเป็นการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจงไปยังชั้นผิว SMAS เพื่อกระตุ้นการหดตัวของเนื้อเยื่อและกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift จึงเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับการยกกระชับผิวหน้าและแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยแบบไม่ต้องผ่าตัด ผลลัพธ์ที่ได้มีความปลอดภัยสูง มีประสิทธิภาพดี อีกทั้งยังเหมาะสำหรับคนที่มองหาการยกกระชับผิวหน้าอย่างเป็นธรรมชาติในระยะยาวอีกด้วย
A : การทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift โดยปกติจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่ในบางคนอาจจะรู้สึกอุ่นหรือรู้สึกจี๊ดเล็กน้อยในระหว่างทำยกกระชับผิวหน้า ซึ่งระดับความรู้สึกนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
A : ผลลัพธ์ของการทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift จะเริ่มเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นในระยะเวลา 4-6 สัปดาห์ ซึ่งอาจต้องทำซ้ำ 2-3 ครั้งต่อปี เพื่อคงผลลัพธ์การยกกระชับที่ดีที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย
Q : ผลลัพธ์ของยกกระชับผิวหน้า Bar Lift อยู่ได้นานแค่ไหน?
A : ผลลัพธ์ของการทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถอยู่ได้นานตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละบุคคล
Q : หลังทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ต้องพักฟื้นไหม?
A : ทำยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแรง ๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ระคายเคืองในช่วง 1-2 วันแรก
Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift มีผลข้างเคียงไหม?
A : ผลข้างเคียงจากการทำยกกระชับ Bar Lift พบได้น้อยมาก อาจมีรอยแดงหรืออาการบวมเล็กน้อยหลังทำ ซึ่งจะหายได้เองภายใน 1-2 วัน
Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะกับคนอายุเท่าไหร่?
A : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เหมาะกับคนที่อายุ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะคนที่เริ่มมีสัญญาณของริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย
Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ราคาเท่าไหร่?
A : ราคายกกระชับผิวหน้า Bar Lift โดยปกติทั่วไปจะอยู่ที่ 10,000-50,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการทำและจำนวนครั้งที่ต้องการทำ
Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift มีข้อจำกัดหรือไม่?
A : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังในบริเวณที่ต้องการทำ หรือมีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคหัวใจหรือโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม?
A : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำร่วมกับหัตถการความงามอื่นได้ เช่น การฉีดโบหรือฟิลเลอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวหน้าอย่างรอบด้าน อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีความรู้เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด
Q : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำบริเวณร่างกายได้ไหม?
A : ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift สามารถทำบริเวณร่างกายได้ เช่น ลำคอ แขน หน้าท้อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์
ยกกระชับผิวหน้า Bar Lift เป็นเทคโนโลยียกกระชับที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ ที่ต้องการดูแลผิวให้อ่อนเยาว์อย่างปลอดภัยแบบมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นนาน ซึ่งความโดดเด่นของยกกระชับผิวหน้า Bar Lift อยู่ที่การฟื้นฟูผิวจากภายใน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวดูยกกระชับและเรียบเรียนขึ้นอีกครั้งอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยไหน การยกกระชับผิวหน้าด้วย Bar Lift ก็สามารถปรับให้เหมาะสมกับสภาพผิว และความต้องการเฉพาะบุคคลได้ หากกำลังมองหาคลินิกความงามที่น่าเชื่อถือและมีความรู้ในการดูแลผิวพรรณ รมย์รวินท์คลินิก พร้อมให้บริการด้วยทีมแพทย์ที่มีความรู้และเครื่องมือที่ทันสมัย มั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุด
Dorothy Dewy Filler เป็นฟิลเลอร์นวัตกรรมใหม่ที่ผลิตโดย CHA Bio Group บริษัทชีวการแพทย์ชั้นนำอันดับ 1 ของเกาหลี ซึ่งอยู่ในกลุ่มมหาวิทยาลัยแพทย์ CHA และเครือ Medical Center กว่า 90 สาขา พร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,800 คน และนักวิจัย R&D มากกว่า 2,000 คน บริษัทนี้ยังเป็นผู้ผลิตฟิลเลอร์ชื่อดังอย่าง HYAFILIA ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการความงาม
จุดเด่น : มีความบริสุทธิ์มาก ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และได้รับการรับรองจาก US FDA ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย และปรับรูปหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นของ Ultherapy Prime ที่ทำให้โดดเด่นกว่าเดิม มีดังนี้
หน้าจอขนาดใหญ่และคมชัด 35%
Ultherapy Prime มาพร้อมระบบแสดงผลอัลตราซาวนด์รุ่นใหม่ ที่ยกระดับประสบการณ์การมองเห็นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่พิเศษ 35% พร้อมความคมชัดระดับ Full HD ช่วยให้แพทย์สามารถศึกษาโครงสร้างผิวได้อย่างละเอียด ทั้งในแง่ความลึกและมิติของชั้นผิวแต่ละระดับ
การเห็นภาพชั้นผิวระหว่างทำยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime ทำให้แพทย์สามารถวางแผนการยิงพลังงานได้อย่างละเอียด และเหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและคงนานกว่า
เนื่องจากความแม่นยำในการยิงพลังงานและผลลัพธ์ที่ได้จากการยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime จะเห็นได้ชัดเจนในระยะเวลาที่เร็วขึ้น และผลลัพธ์คงนานอย่างเป็นธรรมชาติ
ความสะดวกสบาย
เทคโนโลยียกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime ที่สามารถปรับพลังงานให้เหมาะสมกับแต่ละจุด ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกเจ็บน้อยลง และมีความสบายมากขึ้นในระหว่างการทำยกกระชับ
ใครควรเลือกการยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime vs Ulthera SPT
ใครควรเลือกยกกระชับใบหน้า Ultherapy Prime?
ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป
ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณกรอบหน้า หางตา และแก้ม
ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และหางตาตก
ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัด
ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่ต้องการป้องกันความหย่อนคล้อย
ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย
ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
ยกกระชับใบหน้าด้วย Ultherapy Prime เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นผลได้ชัดเจน
Ultherapy Prime vs Ulthera SPT เทคโนโลยียกกระชับผิวหน้าที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
Ultherapy Prime และ Ulthera SPT เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยโดยไม่ต้องผ่าตัด ทั้งสองเทคโนโลยีมีประสิทธิภาพสูงในการฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิว พร้อมยกกระชับให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม Ultherapy Prime ถือเป็นเวอร์ชันที่ถูกพัฒนาให้ก้าวล้ำยิ่งขึ้นจาก Ulthera SPT โดยเน้นที่ความแม่นยำในการส่งพลังงานล้ำลึกถึงชั้นผิวที่ต้องการ มีระบบประมวลผลที่เร็วขึ้น ช่วยลดระยะเวลาในการรักษา และหน้าจออัลตราซาวนด์ที่ใหญ่ขึ้นถึง 35% พร้อมความคมชัดระดับ Full HD ทำให้การวิเคราะห์และวางแผนการรักษาในแต่ละจุดมีความละเอียดและแม่นยำยิ่งกว่าเดิม
ก่อนตัดสินใจ ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีความรู้และประสบการณ์ เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดกับความต้องการและสภาพผิว ในการยกกระชับด้วย Ultherapy Prime ไม่เพียงแต่จะช่วยยกกระชับใบหน้า แต่ยังช่วยเสริมความมั่นใจ และคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้าได้อย่างยาวนาน
Polynucleotide (PN) เป็นสารที่ถูกสกัดขึ้นมาจาก DNA ของปลาแซลมอน ที่ดข้าสู่กระบวนการต่างๆ จนเกิดเป็น Polynucleotide ที่มีความบริสุทธิ์ในตัวสูง ทั้งยังเป็นสารที่ช่วยในการช่วยในการปรับปรุงความยืดหยุ่นและเพิ่มความกระชับให้กับผิว
Pluryal DENSIFY มีส่วนประกอบจาก Mannitol
เป็นสารที่มีคุณสมบัติในด้านเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวทั้งยังมีฤทธิ์ที่ช่วยในการต้านสารอนุมูลอิสระ ทำให้เมื่อทำงานร่วมกับสารเติมเต็มประเภท HA จะสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์สามารถคงสภาพผลลัพธ์ได้นานมากขึ้น
IV Energy Plus เป็นการให้วิตามิน และสารอาหารผ่านทางหลอดเลือดดำ สามารถเข้าสู่ร่างกายโดยตรง ดูดซึมได้ถึง 100% โดยประกอบไปด้วยสารสำคัญหลายชนิดอย่าง L-Carnitine ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองจากตับและไต โดยจะเข้าไปช่วยให้ร่างกายนำไขมันที่สะสมมาใช้เป็นพลังงาน เร่งอัตราการเผาผลาญไขมันลึกถึงระดับเซลล์ ทำให้ไขมันส่วนเกินลดลง ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพ
IV Energy Plus เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ ชอบกินของหวาน อาหารที่มีไขมันสูง รวมถึง ผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก และออกกำลังกายเป็นประจำ ซึ่งการให้ IV Energy Plus จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการออกกำลังกายให้ดียิ่งขึ้น
ผลลัพธ์หลังให้ IV Energy Plus คือ ช่วยเร่งระบบเผาผลาญ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด พร้อมเสริมสร้างกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ ยังช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ที่เกิดจากการทำลายของสารอนุมูลอิสระอีกด้วย
Fit Shape Body โปรแกรมรีดไขมัน กระชับสัดส่วน
Fit Shape Body เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุความถี่เฉพาะ 448 kHz ซึ่งมีความปลอดภัย ในการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในร่างกาย สามารถลดไขมันในช่องท้อง และเซลลูไลต์ได้อย่างตรงจุด โดยไม่ทำลายเซลล์อื่น ๆ รวมถึง ยังต่อต้านการสร้างใหม่ของเซลล์ไขมัน พร้อมกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เพิ่มออกซิเจนให้กับเซลล์ใต้ชั้นผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ สามารถกระชับผิวในบริเวณที่หย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี
Fit Shape Body เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเซลลูไลต์ ผิวขรุขระ ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีไขมันสะสมตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึง ผู้ที่ต้องการลดสัดส่วนแบบเร่งด่วน
ผลลัพธ์หลังทำ Fit Shape Body คือ ช่วยกำจัดเซลล์ไขมันส่วนเกิน ทั้งในชั้นผิวหนังและในช่องท้อง (Visceral Fat) อีกทั้ง ยังช่วยกำจัดเซลลูไลต์ และผิวเปลือกส้มในทุกระดับชั้นผิว พร้อมลดการอักเสบและลดอาการบวมน้ำ ทำให้ผิวเรียบเนียน รูปร่างเฟิร์มกระชับ ไม่ห้อยย้อย