ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
BEFORE & AFTER
Radiesse biostimulator งานผิวกระตุ้นคอลลาเจนผิวฉ่ำโกลด์
เทรนด์งานผิวที่เป็นที่สุดในช่วงนี้ที่ใคร ๆ ก็พูดถึง และเป็นกระแสดีไม่มีตกก็คงต้องยกให้งานผิว ไม่ว่าจะเป็น การดูแลผิวชั้นใน ผิวชั้นนอก หรือสร้างคอลลาเจนให้กับผิวเพื่อเสริม ทดแทน และแทนที่คอลลาเจนบนใบหน้าที่เกิดการสูญเสียไปตามวัย โดยคอลลาเจนใต้ผิวของคนเราเมื่ออายุมากขึ้นจะไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง หากไม่มีสิ่งใดเข้าไปทดแทนหรือกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวให้เกิดการสร้างใหม่ ผิวหนังจะเกิดการหย่อนคล้อย หลวม ไม่แน่น พร้อมกันกับปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ ความแห้งกร้าน เหี่ยวหย่อนที่จะเกิดขึ้นเมื่อผิวของเราขาดคอลลาเจน
อีกทั้งด้วยสภาวะ มลพิษและปัจจัยต่าง ๆ ภายนอก เพียงแค่การดื่มน้ำให้มาก ๆ พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง คงไม่พอที่จะช่วยในเรื่องของการสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิว เนื่องจากปัจจัยภายนอกไม่เหมือนกันกับเมื่อก่อน ดังนั้นการมีตัวช่วยที่ดี และทำควบคู่ไปกับการดูแลตัวเอง ก็นับเป็นสิ่งที่ดีที่จะช่วยฟื้นฟูผิว ให้ดีมากขึ้นไปอีกขั้นนั่นเอง
Radiesse biostimulator งานผิวกระตุ้นคอลลาเจนคือ ?
ตัวช่วยที่เป็นที่สุดแห่งยุคฟื้นฟูผิวจากภายในส่งผลให้ผิวสวยสู่ภายนอก โดยให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติที่สุดในตอนนี้ คือ Radiesse biostimulator ตัวงานผิวกระตุ้นคอลลาเจนฟื้นฟูผิวถึงระดับโครงสร้าง ที่มีความแตกต่างจากงานผิวชนิดอื่น ๆ เนื่องจากไม่ได้มีส่วนประกอบหลักเป็น HA หรือ Hyaluronic acid เหมือนตัวฟิลเลอร์งานผิว และไม่ได้มีส่วนประกอบหลักที่ใช้ผลิตไหมสำหรับทำการเย็บแผลอย่าง PDO PCL PLLA หรือ PDLLA แต่ Radiesse เป็น biostimulator ที่ผลิตมาจากแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ หรือ Calcium Hydroxylapatite microsphere เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อกระดูกที่ตอนนี้ใครๆก็เรียกกันว่า CaHA “คาฮ่าไมโครสเฟียร์” กันจนกลายเป็นคำติดปาก
CaHA Microspheres“คาฮ่า ไมโครสเฟียร์” เป็นสารที่ใช้มานานกว่า 25 ปีในวงการแพทย์ โดยเป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เองสามารถพบ CaHA “คาห้าไมโครสเฟียร์” ได้ที่บริเวณเนื้อเยื่อกระดูกรวมถึงในบริเวณฟัน แต่ Radiesse เป็น biostimulator ที่เกิดจากการสังเคราะห์จึงทำให้มีสารที่มีขนาดสม่ำเสมอเท่า ๆ กันในขนาด 25-45 ไมครอน สามารถ เข้ากันได้ดีกับร่างกายของมนุษย์ ไม่ก่อให้เกิดการกระตุ้นให้แพ้ เป็นสารที่ร่างกายไม่ต่อต้าน มีข้อมูลตีพิมพ์ทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนมากกว่า 250 ฉบับ จึงสามารถมั่นใจได้ในความปลอดภัย สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ รวมทั้งยังเป็นสารที่ได้รับการอนุมัติและรับรองจากยุโรป CE US FDA หรือองค์การอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา และ THFDA องค์กรอาหารและยาของประเทศไทยใช้ฉีดที่หน้าและมือด้วย
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังและใบหน้าจะเกิดการผลิตตัวที่น้อยลง และที่มีอยู่เดิมก็จะเริ่มเสื่อมสภาพ ความยืดหยุ่น ความแข็งแรงก็จะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ การใช้สารที่เป็นตัวกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวที่ดี ก็จะทำให้ผิวมีการฟื้นฟูที่ดี มีส่วนในการลดริ้วรอย ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั่นเอง
โดย Radiesse biostimulator มี Concept ส่วนตัวที่บ่งบอกถึงภาพรวมของผลิตภัณฑ์อยู่ว่า
“The One of a Kind Regenerative Biostimulator”
การทำงานของ Radiesse biostimulator
Radiesse biostimulator จะทำงานโดยการกระตุ้น Fibroblasts (ไฟโบรบลาส) โดย Fibroblasts จัดเป็นเซลล์ต้นกำเนิดในการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว และเป็นสิ่งที่ทำให้คอลลาเจนใต้ผิวมีจำนวนมากขึ้นเนื่องจาก CaHA ก็เป็นสารที่ก่อตัวเป็นโครงสร้าง จึงทำให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ในร่างกายให้เกิดการผลิตคอลลาเจนหรือเส้นใยตาข่าย 3 มิติ (3D Matrix)โดยรอบโครงสร้าง หลังจากนั้นจึงเกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ที่บริเวณใต้ชั้นผิว เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงลึกไปจนถึงขนาดโครงสร้าง จึงทำให้หลังทำการฉีด Radiesse biostimulator ผิวจึงได้รับการฟื้นฟูมากขึ้น ทั้งสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งสร้างได้มากถึง 250% ผิวจึงมีการเติมเต็ม อิ่มฟู มีการคืนตัวได้ดีได้ในทันทีหลังทำการฉีด Radiesse biostimulator
รวมทั้ง Radiesse ยังเป็นโปรแกรมที่ช่วยเติมเต็ม และทำให้ลดปัญหาเกี่ยวกับการสูญเสียไขมันบนใบหน้า ในผู้ที่มีโรคประจำตัวต่าง ๆ รวมไปจนถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว อันเนื่องมากจากไขมัน อาทิ โรค HIV Lipoatrophy ทั้งนี้หากมีโรคประจำตัวดังกล่าวที่ต้องการใช้ Radiesse ในการรักษาควรแจ้งให้แพทย์ทราบโดยละเอียด เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัย และเกิดผลลัพธ์ที่ดี
โดย Radiesse biostimulator มี สโลแกนที่ทำให้คนจำผลิตภัณฑ์ได้ง่ายว่า “ผิว YOUNG ดี ดู HEALTHY ได้กว่านี้ไปอีกนาน” เพื่อเป็นสิ่งบ่งบอกว่าหากได้ฉีด Radiesse ไม่ว่าจะเป็นใครก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีทุกคน
Radiesse biostimulator สามารถคงสภาพอยู่ใต้ชั้นผิวได้นานเท่าไร ?
Radiesse สามารถคงสภาพใต้ชั้นผิวได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละบุคคล
ระยะเวลาในการเห็นผลของ Radiesse biostimulator
Radiesse biostimulator จะสามารถแจกแจงผลลัพธ์โดยละเอียดได้ 3 ระยะหลังทำการรักษาดังนี้
1. ผลลัพธ์ทันทีหลังจากฉีด Radiesse
Radiesse จะเป็นสารที่สามารถเข้าไปเติมเต็มใต้ชั้นผิวได้ทันที โดยสามารถเปรียบเทียบได้กับการฉีดฟิลเลอร์ ที่สามารถช่วยในการเติมเต็มหรือทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปบริเวณใต้ชั้นผิวได้ ทั้งนี้ยังสามารถลดเลือนริ้วรอยได้อีกด้วย
2. ผลลัพธ์ระยะสั้น 1 สัปดาห์ – 1 เดือน หลังจากฉีด Radiesse
เมื่อทำฉีด Radiesse ไปในระยะ 1 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน CaHA ที่เป็นส่วนประกอบหลัก จะเกิดการทำงานโดยการเริ่มเข้าไปกระตุ้น Fibroblast ในบริเวณใต้ชั้นผิวให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอิลาสตินเพิ่ม ซึ่งคอลลาเจนและอิลาสตินดังกล่าวจะเข้ามาแทนที Radiesse ที่ทำการฉีดเข้าไปในตอนแรก และค่อย ๆ สลายตัวไปจนหมดในที่สุด หลังจากนั้นก็จะได้ผิวที่มีความหนาแน่น นุ่มเด้ง อิ่มฟู และกระชับที่มากขึ้น
3. ผลลัพธ์ผลระยะยาว 6-24 เดือนหลังจากทำฉีด Radiesse
เมื่อทำฉีด Radiesse ไปในระยะ 6-24 เดือน เส้นใยคอลลาเจนและอิลาสติน จะถูกสร้างขึ้นมาอย่างเต็มที่ และเริ่มทำงาน ส่งผลให้ใบหน้ามีความแน่นขึ้น รวมทั้งยังได้สุขภาพผิวที่ดีขึ้นในระยะยาว ผิวที่หลวมก็จะดีขึ้น และแข็งแรงขึ้น
ข้อมูลผลิตภัณฑ์
ขนาดบรรจุ Radiesse biostimulator
Radiesse 1 กล่อง บรรจุด้วยกัน 1 ไซริงค์ 1 ไซริงค์ บรรจุ 1.5 cc และยังมีเข็มฉีดยาขนาด 27 บรรจุมาด้วยในกล่องพร้อมฉีด เพื่อความสะดวกสบายในการใช้บริการของแพทย์
Radiesse สามารถเก็บไว้โดย ไม่จำเป็นต้องนำเข้าตู้เย็น และเก็บในอุณหภูมิห้องได้นาน 2 ปี Storage temp 15-25 Celsius degree
รมรวินท์คลินิกเป็นคลินิกที่มีแพทย์ที่เป็น KOLs ของ Radiesse biostimulator อย่างคุณหมอออย พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ แพทย์ผู้มีประสบการณ์เป็นผู้ทำการรักษา และทำการเทรนด์ทีมแพทย์ในคลินิกอย่างใกล้ชิด จึงทำให้ทีมแพทย์ทุกท่านในรมย์รวินท์คลินิก มีความแม่นยำในการรักษาฉีด Radiesse biostimulator อีกทั้งยังสามารถฉีดให้ได้ผลลัพธ์ของโปรแกรมที่ดีที่สุด เชื่อถือได้ และปลอดภัยที่สุด
ประโยชน์ของ Radiesse biostimulator 5 ประการ CaHA
- Radiesse biostimulator ช่วยในการกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างคอลลาเจน type 1 ได้สูงสุดถึง 150%
- Radiesse biostimulator ช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน type 3 ให้กับใต้ชั้นผิวสูงสุดถึง 130% โดยคอลลาเจน type 3 เป็นคอลลาเจนที่พบในผิวเด็ก และยังเป็นคอลลาเจนที่ทำงานร่วมกันกับคอลลาเจน Type1
- Radiesse biostimulator ช่วยในการกระตุ้นอิลาสตินในบริเวณใต้ชั้นผิวสูงสุดถึง 250% โดยอิลาสตินนั้นเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น คืนตัวง่าย และเมื่อผิวมีอิลาสตินมากก็จะทำให้ผิวไม่มีริ้วรอย และทำให้ภาพรวมดูอ่อนกว่าวัย
- Radiesse biostimulator ช่วยในการกระตุ้น Proteoglycan ที่เปรียบเสมือนตัวกักเก็บน้ำของผิว ยิ่งผิวมี Proteoglycan มากเท่าไร ยิ่งทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ มากเท่านั้น
- Radiesse biostimulator ช่วยในการกระตุ้น Angiogenesis ที่เป็นเหมือนรากแก้ว ที่ช่วยสร้างเส้นเลือดที่ร่างกายใช้ในการหล่อเลี้ยงผิว ทำให้ผิวมีสารอาหารและมีการสูบฉีดเลือดอย่างทั่วถึง ทำให้เลือดสูบฉีดดี ผิวสวย มีเลือดฝาด ดูแดงอมชมพู
ประสิทธิภาพ 5 ประการส่งผลให้ Radiesse biostimulator ทำให้เกิผลลัพธ์ที่เหนือกว่าถึง 3 ประการ โดยสรุปได้ดังนี้
- Healthier ทำให้ผิวมีสุขภาพดีมากขึ้นในทุกมิติ
- Younger ช่วยให้ใบหน้าภาพรวมดูอ่อนเยาว์ลง สัมผัสไปรู้สึกเหมือนผิวเด็กอีกครั้ง
- Longer ช่วยยืดอายุของผิวให้ดูดี ผิวดูเด็กได้ยาวนานขึ้น
ลักษณะเด่นของ Radiesse biostimulator
- ลักษณะเด่นของ Radiesse คือ Strong Structural Skin ทำให้ผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น โดยเป็นการเสริมสร้างให้ผิวมีความแข็งแรงลงลึกในระดับโครงสร้าง
- ลักษณะเด่นของ Radiesse คือ Profound Rejuvenation ฟื้นฟูผิวในระดับล้ำลึกอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ภาพรวมของผิวดูดีและแข็งแรงมากขึ้น
- ลักษณะเด่นของ Radiesse คือ Cell Regenerative Stimulation ช่วยให้เกิดการสร้างเซลล์ใหม่ เพื่อมาทดแทนเซลล์เดิมที่เกิดการสูญเสียไป และเพิ่มความหนาแน่นในผิวที่เริ่มหย่อนคล้อยและหลวม
ข้อดีของ Radiesse biostimulator
- Radiesse ช่วยในการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ทั้งยังช่วยทำให้ผิวมีความแน่นกระชับมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- Radiesse ช่วยในการลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วทุกบริเวณ
- Radiesse ช่วยในการเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกดูตื้นขึ้น
- Radiesse ช่วยในการกระตุ้นให้เกิดกระบวนการผลิตคอลลาเจนของผิวตามธรรมชาติ
- Radiesse ช่วยในการฟื้นฟูทั้งยังช่วยเสริมสร้างให้ผิวมีคุณภาพมากขึ้นทุกประการ
- Radiesse มีความปลอดภัย เป็นการใช้สารที่มีในร่างกายในการฟื้นฟูผิว ไม่แปลกปลอม สลายได้เองตามธรรมชาติ จึงไม่ตกค้าง และไม่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิว
- Radiesse ใช้ระยะเวลาในการทำสั้นมาก เพียง 30-60 นาที และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 1 ปี (ทั้งนี้เป็นผลลัพธ์เฉพาะบุคคล)
Radiesse biostimulator ใช้ฉีดบริเวณใดได้บ้าง
- Radiesse ใช้ฉีดบริเวณ “ใบหน้าส่วนกลาง หรือ middle face”
- Radiesse ใช้ฉีดบริเวณ “ใบหน้าส่วนล่าง หรือ lower face”
- Radiesse ใช้ฉีดบริเวณ “ลำคอ”
- Radiesse ใช้ฉีดบริเวณ “หลังมือ”
Radiesse biostimulator เหมาะกับใคร ?
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีผิวเหี่ยว มีริ้วรอย ร่องลึกที่ต้องการเติมเต็ม
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับที่ต้องการฟื้นฟู
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ในการรักษาที่รวดเร็ว
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีคอและหลังมือเหี่ยว ที่ต้องการแก้ปัญหา
- Radiesse เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยที่ต้องการแก้ปัญหาในระยะยาว
Radiesse biostimulator ไม่เหมาะกับใคร ?
- Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคที่เกี่ยวกับอาการเลือดออกง่าย
- Radiesse ไม่เหมาะกับสตรีที่ตั้งครรภ์ และสตรีที่อยู่ในระยะให้นมบุตร
- Radiesse ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติการแพ้ส่วนประกอบในตัวยา
ระยะเวลาในการฉีด Radiesse biostimulator ในแต่ละครั้ง
Radiesse biostimulator ใช้ระยะเวลาในการทำเพียง 30 นาทีถึง 60 นาทีเท่านั้น
การเตรียมตัวก่อนฉีด Radiesse biostimulator
- Radiesse ก่อนทำให้งดการรับประทานยาที่ทำให้เลือดแข็งตัว อาทิ ยาจำพวกแอสไพริน น้ำมันตับปลา วิตามินอี โสม กระเทียม กิงโกะ เป็นต้น เพื่อป้องกันการเลือดออกมาก
- Radiesse ก่อนทำให้งดการทำสครับผิว หรือการผลัดเซลล์ผิวด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อป้องกันการอักเสบของผิว
- Radiesse ก่อนทำควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวพร้อมกับการบำรุง
ขั้นตอนการทำการฉีด Radiesse biostimulator
- ผู้ช่วยแพทย์เก็บผมให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมความพร้อมในการฉีด Radiesse
- ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ทา หรือ ฉีดยาชา เพื่อบรรเทาความเจ็บระหว่างการรักษา
- ทำการฉีด Radiess บนใบหน้า หรือบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
- ผู้ช่วยแพทย์กดห้ามเลือด
การดูแลตัวเองหลังฉีด Radiesse biostimulator
- หลังฉีด Radiesse ให้งดกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก
- หลังฉีด Radiesse ให้งดการโดนแสงแดด หรือทำกิจกรรมที่โดนความร้อนมากๆ
- หลังฉีด Radiesse ไม่เอามือไปสัมผัสบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ผู้ที่ต้องปรึกษาแพทย์และแจ้งข้อมูลโดยละเอียดก่อนทำการรักษาด้วย Radiesse biostimulator
- ผู้ที่มีอาการผิวหนังมีการติดเชื้อ
- ผู้ที่มีอาการเป็นสิวเรื้อรัง
- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคเริม
- ผู้ที่มีประวัติการใช้ยาละลายลิ่มเลือด หรือยาที่ก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด
- ผู้ที่มีประวัติมีแผลแล้วกลายเป็นคีลอยด์
ผลข้างเคียงของการฉีด Radiesse biostimulator
- สามารถเกิดรอยแดงรอย จ้ำ หรือรอยเขียวช้ำหลังจากทำการฉีด Radiesse โดยอาการนี้เป็นอาการปกติ ที่สามารถเกิดขึ้นในเวลาชั่วคราว และสามารถหายได้เอง
- อาจเกิดอาการคันได้ที่บริเวณที่ฉีด Radiesse โดยอาการคันที่เกิดขึ้นสามารถหายได้เอง
- อาจเกิดการปวด หรือเจ็บบริเวณรอยเข็มที่ทำการฉีด Radiesse หากมีสิ่งสกปรกไปโดนอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- อาการดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น อาการคัน เจ็บ ปวด หรือรอยแดง สามารถหายได้เองใน 1-2 วัน หากเป็นนานมากกว่า 1-2 วัน ควรปรึกษาคลินิกหรือแพทย์ที่ให้บริการ
- อาจมีการเปลี่ยนสีของผิวในบริเวณที่ทำ อาทิ ผิวซีดซึ่งหากเกิดอาการดังกล่าวให้ปรึกษาแพทย์
Radiesse biostimulator ต่างกับ Sculptra อย่างไร ?
- Radiesse ผลิตโดยการใช้สาร CaHA Microspheres เป็นสารสังเคราะห์ที่มีลักษณะเนื้อสารเป็นเจลมาในไซริงค์ ใช้ในการสร้างคอลลาเจนไทป์ 1 และไทป์ 3 ใช้สำหรับการฉีด เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ฟื้นฟูผิวในระดับโครงสร้าง ยกกระชับความหย่อนคล้อย และเติมเต็มผิวในบริเวณที่มีความบกพร่อง โดยเห็นผลทันทีในการทำ อันเนื่องมาจากเนื้อเจลของตัวยา คงผลลัพธ์ยาวนาน 2 ปี
- Sculptra ผลิตโดยการใช้สาร PLLA (Poly-L-Lactic Acid) เป็นสารที่ใช้ในการผลิตไหมเย็บแผลใช้ในการสร้างคอลลาเจนไทป์ 1 ถึง 66.5% ใช้ในการฉีดเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยในการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว ฟื้นฟูผิวจากภายในให้ส่งผลสู่ภายนอก คืนความอ่อนเยาว์ หลังการฉีดจำเป็นต้องทำการนวด 5 วัน เพื่อเป็นการกระจายตัวยาและเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด จะเห็นผลหลังการฉีด Sculptra ประมาณ 5 วัน เนื่องจากจะต้องรอสาร PLLA จะออกฤทธิ์ และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นหลังจากฉีดไปแล้ว 3 เดือน มีผลลัพธ์ที่ยาวนาน 2 ปี
- จะเห็นได้ว่าทั้งสองโปรแกรมใช้สารในการผลิตที่แตกต่างกัน จึงทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน 100% อีกทั้งลักษณะของเนื้อสารยังไม่เหมือนกัน ทำให้ผลลัพธ์หลังจากการฉีดทันที่จะเห็นผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน สามารถทำทั้งสองชนิดควบคู่กันได้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในการฟื้นฟูโครงสร้างผิวที่ดีที่สุด
Radiesse biostimulator ต่างกับ Gouri อย่างไร ?
- Radiesse ผลิตโดยการใช้สาร CaHA Microspheres เป็นสารสังเคราะห์ที่มีลักษณะเนื้อสารเป็นเจล มาในไซริงค์ ใช้ในการสร้างคอลลาเจนไทป์ 1 และไทป์ 3 ใช้สำหรับการฉีดเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ให้เกิดการสร้างในระยะยาว ฟื้นฟูผิวในระดับโครงสร้าง ยกกระชับความหย่อนคล้อย และเติมเต็มผิวในบริเวณที่มีความบกพร่อง โดยเห็นผลทันทีในการทำ อันเนื่องมาจากเนื้อเจลของตัวยา คงผลลัพธ์ยาวนาน 2 ปี
- Gouri ผลิตโดยการใช้สาร PCL (Polycaprolactone) มีลักษณะเป็นของเหลวมาในไซริงค์ (Fully Liquid) ช่วยในการป้องกันการเกิดริ้วรอยในอนาคต เติมเต็มผิวทำให้ผิวอิ่มฟู คงผลลัพธ์ในผิวได้ 1 ปี
- จะเห็นได้ว่าทั้งสองโปรแกรมให้ผลลัพธ์ในการรักษาที่มีความคล้ายคลึงกัน และ Gouri มีอายุการคงผลลัพธ์ที่สั้นกว่า Radiesse
Radiesse biostimulator ต่างกับ Rejuran อย่างไร ?
- Radiesse ผลิตโดยการใช้สาร CaHA Microspheres เป็นสารสังเคราะห์ที่มีลักษณะเนื้อสารเป็นเจล มาในไซริงค์ ใช้ในการสร้างคอลลาเจนไทป์ 1 และไทป์ 3 ใช้สำหรับการฉีดเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เกิดการสร้างในระยะยาว ฟื้นฟูผิวในระดับโครงสร้าง ยกกระชับความหย่อนคล้อย และเติมเต็มผิวในบริเวณที่มีความบกพร่องโดยเห็นผลทันทีในการทำ อันเนื่องมาจากเนื้อเจลของตัวยา คงผลลัพธ์ยาวนาน 2 ปี
- Rejuran เป็นโปรแกรมฉีดในกลุ่ม Skin Booster ผลิตโดยการใช้ Polyneucleotide (พอลินิวคลิโอไทด์) หรือ PN จากปลาแซลมอน ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวกระจ่างใส ชุ่มชื้น ลดจุดด่างดำ ฝ้า กระ รอยแดง รอยดำ รวมทั้งรอยสิว เสริมสร้างผิวให้มีความแข็งแรงมากขึ้น คงผลลัพธ์ได้นาน 3-6 เดือน
- จะเห็นได้ว่าทั้งสองโปรแกรมช่วยแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน และทำงานกับผิวคนละชั้นผิว โดย Radiesse จะทำงานในชั้นผิวที่ลึกกว่า และ Rejuran จะทำงานกับผิวบริเวณชั้นตื้น จึงสามารถทำการรักษาร่วมกันเพื่อเป็นการเป็นการดูแลผิวอย่างครบถ้วนทุกมิติได้โดยสมบูรณ์แบบ ทั้งเป็นการสร้างคอลลาเจน ทั้งสร้างความชุ่มชื้น รูขุมขนกระชับ ลดความโทรมของใบหน้าได้ด้วย
ทำไมควรฉีด Radiesse biostimulator ที่รมย์รวินท์คลินิก
- ที่รมย์รวินท์คลินิกมีแพทย์ผู้ชำนาญการ และเป็น KOLs ของ Radiesse อย่างคุณหมอออย พญ.อรุณี ทองอัครนิโรจน์ แพทย์ผู้ชำนาญการประจำรมย์รวินท์คลินิก
- ที่รมย์รวินท์คลินิกแพทย์ทุกท่าน ได้รับการเทรนการทำผลิตภัณฑ์ Radiesse มาจนชำนาญ
- ที่รมย์รวินท์คลินิกแพทย์วิเคราะห์ปัญหาของคนไข้ทุกท่านตามจริงแบบเคสต่อเคส
- ที่รมย์รวินท์คลินิกมีการดูแลความสะอาดตรงตามหลักกระทรวงสาธารณะสุข
- ที่รมย์รวินท์คลินิกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้ จากบริษัทจัดจำหน่ายจริงสามารถตรวจสอบได้
- ที่รมย์รวินท์คลินิกมีประสบการณ์กว่า 20 ปีในการรักษา และดูแลด้านความงาม
- ที่รมย์รวินท์คลินิกมีการจัดอบรมพนักงาน เพื่อให้การเข้ารับบริการของคนไข้ในทุกครั้งเป็นการรับบริการที่ดีที่สุด
- ที่รมย์รวินท์คลินิกมีสาขามากมาย เพื่อพร้อมสำหรับการดูแลรักษาคนไข้ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด รวม 26 สาขา
- ที่รมย์รวินท์คลินิกมีที่จอดรถมากมาย
- คลินิกทุกสาขาสามารถเดินทางได้สะดวกสบาย
รู้แบบนี้แล้วไม่ต้องลังเลรีบเข้ามารับบริการ พร้อมรับโปรโมชันสุดพิเศษได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ได้แล้ววันนี้