Slim & Slender คืออะไร ทางเลือกหุ่นสวย ช่วยลดน้ำหนัก
“โรคอ้วน” เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคเรื้อรังหลายชนิด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ยังทำให้หลาย ๆ คนขาดความมั่นใจในตัวเอง การดูแลสุขภาพเป็นทางออกที่จะช่วยทำให้ร่างกายของเรานั้นห่างไกลจากโรคอ้วน แต่สำหรับบางคนที่ลดน้ำหนักลดยาก น้ำหนักลงช้าไม่เป็นไปตามเป้าสักทีนั้น การใช้ตัวช่วยอย่าง Slim & Slender ลดน้ำหนัก ก็เป็นทางเลือกที่จะทำให้ได้หุ่นเป๊ะในแบบที่ต้องการ
โรคอ้วน ภาวะอ้วน ต้นเหตุของปัญหาสุขภาพ
โรคอ้วน หรือภาวะที่ร่างกายมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ เป็นโรคที่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น กรรมพันธุ์ โรคประจำตัวบางชนิด การเลือกรับประทานอาหารที่มีไขมัน และน้ำตาลสูง รวมถึงการเคลื่อนไหวน้อย มักเกิดจากการที่ร่างกายมีไขมันสะสมมากเกินไป ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง และการทำงานที่ผิดปกติของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันคนเราเป็นโรคอ้วนกันง่ายมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ทั้งการเลือกรับประทานอาหาร การทำกิจกรรมต่าง ๆ อาจจะส่งผลตัวให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เมื่อน้ำหนักตัวของเราเกินเกณฑ์ ไม่ได้ส่งผลแต่เพียงรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไป ทำให้ขาดความมั่นใจ ทั้งยังส่งผลถึงสุขภาพกาย และระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจจะเกิดโรคร้ายตามมาได้
ซึ่งเราสามารถสังเกตตัวเองว่าเรานั้นใกล้น้ำหนักเกินเกณฑ์ หรือมีภาวะโรคอ้วนหรือไม่ได้ง่าย ๆ ด้วยการหาค่าดัชนีมวลกาย หรือ BMI ดังนี้
สูตรการคำนวณค่า BMI (body mass index) = น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ÷ ส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง
สามารถแปลผลคำควณได้ ดังนี้
- < 18.5 < 18.5 น้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐาน
- 18.5-24.9 18.5-22.9 ปกติ
- 25-29.9 23-24.9 อ้วนระดับ 1
- 30-34.9 25-29.9 อ้วนระดับ 2
- 35-39.9 มากกว่าหรือเท่ากับ 30 อ้วนระดับ 3
- มากกว่าหรือเท่ากับ 40 – อ้วนระดับ 4
Slim & Slender คืออะไร
Slim & Slender หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เปปไทด์คุมหิว” นั้น คือ โปรแกรมควบคุมน้ำหนักชนิดหนึ่ง ที่มีส่วนประกอบเป็นตัวยาสำคัญที่เลียนแบบการทำงานของฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ซึ่งเป็นฮอร์โมนธรรมชาติที่ร่างกายปล่อยออกมาเมื่อเราทานอาหาร มีส่วนช่วยควบคุมความอยากอาหารและการเผาผลาญ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน และลดการหลั่งของกลูคากอน (ตัวเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด) ซึ่ง Slim & Slender จะช่วยลดน้ำหนัก ให้รู้สึกอิ่มเร็วและลดความอยากอาหาร ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและอยากอาหารน้อยลง
Slim & Slender ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
Slim & Slender เป็นหนึ่งในตัวช่วยเรื่องลดน้ำหนัก ช่วยลดความอยากอาหาร เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องน้ำหนักเยอะ มีไขมันส่วนเกิน ไม่มั่นใจ ซึ่ง Slim & Slender ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? มาดูกัน
- Slim & Slender ช่วยคุมความอยากอาหาร เนื่องจากภายใน Slim & Slender มีเปปไทด์ที่ช่วยลดความอยากอาหาร ช่วยทำให้ควบคุมปริมาณการทานอาหารให้พอเหมาะ
- Slim & Slender ช่วยปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงาน ลดน้ำหนักได้ดีขึ้น
- Slim & Slender ช่วยลดน้ำหนักและลดการสะสมของไขมันส่วนต่าง ๆ ในร่างกายได้ เนื่องจากเมื่อทานอาหารได้น้อยลง ร่างกายก็จะนำไขมันสะสมมาใช้มากขึ้น
- Slim & Slender ช่วยปรับพฤติกรรมการกิน ช่วยลดปัญหาการกินจุบจิบ รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา ปรับพฤติกรรมการกินให้ดีขึ้น
- Slim & Slender ช่วยทำให้อิ่มเร็วและอิ่มได้นานขึ้น ส่งผลให้รับประทานอาหารได้น้อยลง ปริมาณอาหารลดลง ลดความโหยระหว่างวัน
- Slim & Slender ลดน้ำหนัก ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะอ้วนเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ที่เป็นปัญหาสุขภาพระยะยาว
การลดน้ำหนักและปรับรูปร่าง เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยายาม การใช้ Slim & Slender ลดน้ำหนักควบคู่กับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามเป้าหมาย
Slim & Slender ลดน้ำหนัก ทำงานอย่างไร?
- Slim & Slender เป็นการเลียนแบบฮอร์โมนอิ่ม GLP-1 (Glucagon Like Peptide 1) โดยตัวยานั้นมีความใกล้เคียงกับ GLP-1 ที่มีอยู่ในร่างกายสูงถึง 97%
- Slim & Slender จะเข้าไปช่วยลดการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้มีการย่อยอาหารที่ช้าลง ทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น อิ่มนานขึ้น จึงทำให้ทานได้น้อยลง
- Slim & Slender นั้นมีการออกฤทธิ์ต่อสมอง ทำให้ความรู้สึกหิวลดลง ความอยากอาหารน้อยลง และทำให้ควบคุมการกินได้ดียิ่งขึ้น
- Slim & Slender จะช่วยเข้าไปกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินจากตับอ่อน ให้ช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งมีส่วนช่วยไม่ทำให้เกิดอาการวูบ หรืออาการน้ำตาลตก Slim & Slender จะออกฤทธิ์เมื่อทานอาหารเข้าไปแล้วเท่านั้น
GLP-1 (Glucagon Like Peptide 1) คืออะไร
ทำความรู้จักกับ Slim & Slender เปปไทด์คุมหิวที่เลียนแบบการทำงานของ ฮอร์โมน Glucagon-Like Peptide-1 หรือ GLP-1 ซึ่งเป็นฮอร์โมนตามธรรมชาติที่อยู่ภายในร่างกาย สร้างจากเยื่อบุลำไส้เล็กส่วนปลาย โดยจะหลั่งออกมาเมื่อรับประทานอาหารเข้าไปแล้ว และจะออกฤทธิ์ต่อระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย เช่น การควบคุมความอยากอาหาร การจัดการระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ช่วยยับยั้งการหลั่งกลูคากอนจากตับอ่อนในภาวะที่ร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูง และชะลอการเคลื่อนไหว การบีบตัวของกระเพาะอาหาร โดย GLP-1 จะเข้าไปทำงานกับสมองส่วนไฮโปธาลามัส ส่งผลให้เราเกิดความอิ่มนั่นเอง ทั้งนี้ GLP-1 สามารถทำงานได้เต็มที่เพียงแค่ 2 นาที หลังจากที่ร่างกายรับสารอาหาร
ปัจจุบันจึงได้มีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงบางโมเลกุลของ GLP-1 มาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ GLP-1 ให้ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน ทั้งยังช่วยส่งผลให้ร่างกายอิ่มไวขึ้น อิ่มนานขึ้น และยังทำให้น้ำหนักตัวลดลง อย่าง Slim & Slender เปปไทด์คุมหิวที่ช่วยลดความอยากอาหาร
GLP-1 ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?
- กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน : ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อน โดยเฉพาะในช่วงที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหาร
- ยับยั้งการหลั่งกลูคากอน : GLP-1 ยับยั้งการหลั่งกลูคากอน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นการปล่อยน้ำตาลจากตับเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง
- ยับยั้งการบีบตัวของกระเพาะอาหาร : GLP-1 ชะลอการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้กระเพาะย่อยอาหารช้าลง ส่งผลให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนานขึ้น
- ลดการบริโภคอาหาร : เนื่องจากความรู้สึกอิ่มที่เพิ่มขึ้น GLP-1 ช่วยลดความอยากอาหารและการบริโภคอาหารในแต่ละมื้อ ส่งผลต่อการลดน้ำหนัก
- ลดน้ำหนักตัว : ควบคุมความอยากอาหารและลดปริมาณการบริโภคอาหาร GLP-1 เป็นอีกวิธีที่ช่วยในการลดน้ำหนัก โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีโรคอ้วนหรือน้ำหนักเกิน
รู้จักฮอร์โมนความหิวในร่างกาย
จริง ๆ ร่างกายของเรามีฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ภายในกระเพาะอาหารของเรา นั่นคือ “ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin hormone)” ซึ่งฮอร์โมนนี้เป็นฮอร์โมนต้นกำเนิดของความหิว โดยจะหลั่งออกมาจากเซลล์กระเพาะอาหาร และส่งสัญญาณไปที่สมอง เพื่อกระตุ้นความหิว ทำให้ร่างกายต้องการอาหาร ในบางครั้งอาจจะแสดงออกเป็นอาการต่าง ๆ เช่น ท้องร้อง โดยฮอร์โมนเกรลินจะค่อย ๆ สูงขึ้นก่อนมื้ออาหาร และจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อรับประทานอาหารเข้าไปแล้ว โดยเฉลี่ยประมาณ 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นฮอร์โมน GLP-1 จะเริ่มทำงานให้ร่างกายเราอิ่ม ซึ่งการใช้ Slim & Slender นั้นจะช่วยคุมหิว ลดความอยากอาหารได้
การทำงานของ Slim & Slender ในการลดน้ำหนัก
- Slim & Slender ช่วยควบคุมความอยากอาหาร : โดย Slim & Slender จะส่งสัญญาณไปยังสมองส่วนไฮโปธาลามัสซึ่งควบคุมความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ลดความหิว และช่วยควบคุมการบริโภคอาหารได้ดีขึ้น
- Slim & Slender ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน : เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นหลังมื้ออาหาร Slim & Slender จะช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ซึ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดค่อย ๆ ลดลง โดยไม่ทำให้ระดับน้ำตาลต่ำเกินไป
- Slim & Slender ช่วยลดฮอร์โมนกลูคากอน : Slim & Slender ช่วยลดการหลั่งฮอร์โมนกลูคากอน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เพิ่มระดับน้ำตาลและกรดไขมัน เมื่อกลูคากอนลดลงจะทำให้การเพิ่มของระดับน้ำตาลในเลือดลดลงตามไปด้วย
- Slim & Slender ช่วยลดการบีบตัวของกระเพาะอาหาร : Slim & Slender ทำให้กระเพาะอาหารย่อยอาหารช้าลง ส่งผลให้อาหารค้างอยู่ในกระเพาะนานขึ้น ทำให้รู้สึกอิ่มและทานน้อยลง สามารถช่วยลดน้ำหนักได้
**การทดลองจาก Astrup และคณะ (2010) ยังพบว่าอาสาสมัครที่ได้รับ Slim & Slender สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าผู้ที่ใช้ยาลดความอ้วนชนิดอื่น (Orlistat) และกลุ่มที่ได้รับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ แสดงให้เห็นว่า Slim & Slender มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักและช่วยควบคุมการอยากอาหารได้ดี**
ข้อควรรู้ก่อนใช้ Slim & Slender
การใช้ Slim & Slender ลดน้ำหนักนั้น เป็นการลดน้ำหนักที่มีความปลอดภัย และดูแลโดยแพทย์อย่างใกล้ชิด แต่อย่างไรก็ตามการใช้ Slim & Slender ก็มีข้อควรรู้ และข้อควรระวังที่ผู้ใช้ควรให้ความสำคัญ และควรสังเกตตัวเองระหว่างการใช้ Slim & Slender ดังนี้
- ควรระมัดระวังการใช้ Slim & Slender ลดน้ำหนัก ในปริมาณมากเกินไป หากน้ำหนักลดลงเร็วกว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์ โดยปกติการใช้ครั้งแรกภายใน 1 สัปดาห์ ไม่ควรลดเกิน 5% ของน้ำหนัก
- โดยปกติแล้วแพทย์จะทำการวางแผนการรักษา Slim & Slender ตามความต้องการของผู้ใช้บริการ เช่น สัดส่วนที่ต้องการ น้ำหนักที่ต้องการ หากต้องการรักษาโดย Slim & Slender ให้ได้ผลควรทำอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
- เพื่อผลลัพธ์ของการลดน้ำหนักที่ดี และยาวนานขึ้น ควรใช้ Slim & Slender ร่วมกับการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ ร่วมด้วย
Slim & Slender ลดน้ำหนัก เหมาะกับใคร ?
การลดน้ำหนักโดยใช้ Slim & Slender นั้น เป็นวิธีการลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยม และสามารถทำควบคู่กับการลดน้ำหนักวิธีอื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัย ซึ่ง Slim & Slender เหมาะกับกลุ่มคน ดังนี้
- Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่มีค่า BMI มากกว่า 30 และสุขภาพปกติ
ผู้ที่มีค่า BMI สูงกว่า 30 ถือว่าเข้าข่ายน้ำหนักเกินเกณฑ์ หรือภาวะอ้วน Slim & Slender เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย
- Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่มีค่า BMI มากกว่า 27 และมีปัญหาสุขภาพ
สำหรับผู้ที่มีค่า BMI มากกว่า 27 และอาจจะมีปัญหาสุขภาพในระยะยาว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือโรคความดันโลหิตสูง การลดน้ำหนัก Slim & Slender จะช่วยทำให้ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคดังกล่าว
- Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ภายใต้การดูแลของแพทย์
ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพนั้น การใช้ Slim & Slender ควรดูแลโดยแพทย์ จะช่วยลดความเสี่ยงของการลดน้ำหนักแบบผิดวิธีได้
- Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่เคยลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแต่ไม่ได้ผล
Slim & Slender ยังเหมาะสำหรับผู้ที่เคยลองลดน้ำหนักมาหลายวิธีแล้ว แต่ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน Slim & Slender นี้จะช่วยทำให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่มีนิสัยกินจุบจิบ และรู้สึกอิ่มยากจากโรคอ้วนเรื้อรัง
Slim & Slender ช่วยลดความโหย ความอยากลง ทำให้ช่วยลดนิสัยกินจุบจิบ จากผู้ที่มีภาวะโรคอ้วนเรื้อรังได้
ทั้งนี้การลดน้ำหนักด้วย Slim & Slender จำเป็นที่จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อให้ลดน้ำหนักได้มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยมากที่สุด
ใครบ้างที่ห้ามใช้ Slim & Slender ลดน้ำหนัก
การใช้ Slim & Slender นั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้คนในบางกลุ่ม หากต้องการใช้ Slim & Slender ควรเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์โดยตรง ซึ่งกลุ่มที่ควรระวังในการใช้ Slim & Slender มีดังนี้
- Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นเนื้องอกต่อมไร้ท่อชนิดที่ 2 การใช้ Slim & Slender อาจเข้าไปเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติในร่างกายได้
- Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคไทรอยด์ หรือมะเร็งไทรอยด์ การใช้ Slim & Slender อาจจะทำให้เกิดปัญหากับผู้ที่มีความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ เพราะ Slim & Slender อาจจะมีผลกระทบต่อฮอร์โมนได้
- Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะตับอักเสบ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับ ตับอ่อน หรือไตการใช้ Slim & Slender ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
- Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากการลดน้ำหนัก อาจจะเกิดอันตรายต่อทั้งตัวแม่ และตัวเด็กได้ ควรใช้ Slim & Slender หลังจากหยุดการให้นมบุตร
- Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่ใช้ยารักษาโรคเบาหวานบางชนิด การใช้ Slim & Slender นั้นมีสารที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ทำให้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่มีภาวะดื้ออินซูลิน อาจจะเกิดอันตรายหลังจากตัวยาออกฤทธิ์ได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
- Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารุนแรงเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เพื่อป้องกันการเกิดอาการแทรกซ้อนในระบบย่อยอาหารในผู้ป่วย หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
- Slim & Slender ลดน้ำหนัก ไม่เหมาะกับผู้ที่มีนิสัยกินน้อยอยู่แล้ว เพราะจะออกฤทธิ์ลดความอยากอาหาร ซึ่งอาจจะส่งผลให้ไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ หากต้องการลดน้ำหนักควรเน้นไปที่ระบบเผาผลาญแทน
- Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี และผู้ที่อายุมากกว่า 75 ปี หากจำเป็นต้องใช้ ควรอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้การลดน้ำหนักด้วย Slim & Slender จำเป็นที่จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อให้ลดน้ำหนักได้มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยมากที่สุด
ผลข้างเคียงจากการใช้งาน Slim & Slender
เนื่องจาก Slim & Slender นั้นมีผลต่อระบบทางเดินอาหาร และระดับน้ำตาลในเลือดโดยตรง ในระหว่างที่มีการใช้ Slim & Slender อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้
- Slim & Slender ช่วยลดน้ำหนัก อาจทำให้คลื่นไส้ พะอืดพะอม อาเจียน เมื่อรับประทานอาหารในปริมาณที่มากเกินไป
- Slim & Slender อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง อาหารไม่ย่อย
- Slim & Slender อาจทำให้ท้องเสีย ท้องผูก เนื่องจาก Slim & Slender จะลดอัตราการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ อาจจะทำให้เกิดอาการท้องเสีย ท้องผูกได้
- Slim & Slender อาจทำให้มีอาการปวดศีรษะร่วมด้วยในบางครั้ง
- การใช้ Slim & Slender ที่ปริมาณมากเกินไป อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำระดับอันตราย
- Slim & Slender ช่วยลดน้ำหนัก อาจทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคน ซึ่งทำให้เกิดอาการผื่นคัน หัวใจเต้นผิดปกติ อาการบวม ชา บริเวณใบหน้า และลำตัวได้ หากเกิดอาการแพ้ Slim & Slender ควรรีบเข้าปรึกษาแพทย์
- นอกจากนี้การใช้ Slim & Slender ช่วยลดน้ำหนัก อาจจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรค และปัญหาสุขภาพหลายอย่าง เช่น ตับอ่อนอักเสบ เนื้องอกไทรอยด์ หรือมะเร็งไทรอยด์ ได้ในอนาคต
Slim & Slender มีข้อควรระวังอะไรบ้างที่ควรรู้ไว้
- ก่อนเริ่มใช้ Slim & Slender ลดน้ำหนัก ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินและวางแผนการรักษาก่อนเสมอ
- หากต้องการใช้ตัวช่วย Slim & Slender ลดน้ำหนัก ควรศึกษาข้อมูล วิธีการใช้งาน Slim & Slender ข้อควรระวัง ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นอย่างละเอียดก่อน
- การใช้ Slim & Slender อาจเกิดผลข้างเคียงในช่วงเริ่มแรงของการใช้ได้ เช่น อาเจียน ปวดศีรษะ ปวดท้อง ผู้ใช้ควรสังเกตอาการตัวเอง หากมีอาการข้างเคียงจากการใช้ Slim & Slender ที่รุนแรง ควรรีบเข้าพบแพทย์
- ควรใช้ Slim & Slender ควบคู่กับการลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้น้ำหนักลดลงอย่างสุขภาพดี
- ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ ในแต่ละวัน ระหว่างการใช้ Slim & Slender เพื่อช่วยประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก
- หลังจากเปิดใช้ Slim & Slender ลดน้ำหนัก จะมีอายุการใช้งานอยู่ได้ 1 เดือน และควรเก็บรักษา Slim & Slender ให้ดีทุกครั้ง เมื่อไม่ได้ใช้งานแล้ว
Slim & Slender ช่วยให้น้ำหนักลดลงได้จริงหรือไม่?
การใช้ Slim & Slender จะช่วยในเรื่องการลดน้ำหนัก เนื่องจากตัวยาจะเข้าไปลดความอยากอาหาร รวมถึงช่วยลดไขมันสะสมในร่างกาย ทั้งนี้ควรเลือกใช้ Slim & Slender ที่มีมาตรฐานผ่านการรับรองความปลอดภัย และควรอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์
ยาลดน้ำหนัก กับ Slim & Slender ต่างกันอย่างไร?
การลดน้ำหนักนั้นในปัจจุบันมีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมถึงการใช้ตัวช่วยอย่าง ยาลดน้ำหนัก หรือ Slim & Slender ถึงแม้ว่าทั้ง 2 รูปแบบนั้นจะมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก แต่สิ่งที่ยาลดน้ำหนัก กับ Slim & Slender ต่างกัน คือ เรื่องความปลอดภัย เนื่องจากการลดน้ำหนักด้วย Slim & Slender นั้นเป็นการลดน้ำหนักที่มีความปลอดภัยสูง เพราะดูแลโดยแพทย์อย่างใกล้ชิด ทั้งยังผ่านการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้ลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
ความอ้วน เสี่ยงต่อโรคร้ายจริงเหรอ ?
ความอ้วนนั้น อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายได้ โดยผู้ที่มีภาวะอ้วนเกิน นั้นจะมีเนื้อเยื่อไขมันแทรกตามกล้ามเนื้อ และตามอวัยวะภายในร่างกาย ทำให้การทำงานของระบบต่าง ๆ ผิดปกติ ซึ่งจะทำให้เกิดโรคอันตรายได้ เช่น
- โรคเบาหวานประเภทที่ 2 (Type 2 Diabetes)
มักเกิดจากเซลล์ไขมันส่วนเกินที่สะสมมาก โดยเฉพาะไขมันในช่องท้อง โดยเกิดจากร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลิน ทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลินเหมือนอย่างเคย อินซูลิน ถือเป็นฮอร์โมนสำคัญที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยทำหน้าที่นำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์เพื่อใช้เป็นพลังงาน แต่เมื่อเกิดภาวะดื้ออินซูลิน ระดับน้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ตับอ่อนต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อผลิตอินซูลินเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เมื่อเซลล์ยังไม่สามารถใช้น้ำตาลได้อย่างเต็มที่ ระดับน้ำตาลในเลือดก็ยังคงสูงอยู่ ทำให้กลายเป็นภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรัง และเกิดอันตรายต่อร่างกายได้
- โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
เป็นอีกหนึ่งโรคที่มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากโรคอ้วน เป็นภาวะที่ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ จึงทำให้เกิดการสะสมของไขมันในเลือดระดับสูง โดยเฉพาะไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) กรดไขมันอิสระ (Free Fatty Acid) และไลโปโปรตีนชนิดบี (ApoB) ซึ่งที่เป็นสาเหตุของหลอดเลือดอักเสบอย่างต่อเนื่อง ภาวะอักเสบในหลอดเลือดเป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว ทั้งยังเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือด (Heart Attack) และหลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก (Stroke) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
- ภาวะโรคอ้วนเรื้อรัง
เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีการสะสมของเซลล์ไขมันมากเกินไป โดยจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสาร C-Reactive Protein (C-RP) เป็นโปรตีนที่ตับสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการอักเสบในร่างกาย ซึ่งสาร C-RP นี้จะไปจับกับฮอร์โมนเลปติน (Leptin) ฮอร์โมนที่มีหน้าที่ส่งสัญญาณให้สมองรับรู้ว่าอิ่มแล้ว แต่เมื่อ C-RP จับกับเลปติน เกิดเป็น “C-RP Leptin Complex” ทำให้สมองไม่สามารถรับรู้สัญญาณอิ่มได้ จึงเกิดเป็นภาวะดื้อต่อเลปติน (Leptin Resistance) หากเกิดในระยะยาวจะส่งผลให้การสะสมไขมันในร่างกายมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังและภาวะโรคอ้วนได้
- โรคมะเร็ง
เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยส่วนมากนั้นเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น กรรมพันธุ์ โรคประจำตัวอื่น ๆ รวมถึงโรคอ้วน ที่อาจจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งตามได้
จะเห็นได้ว่าโรคอ้วนนั้น ถือเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหลาย ๆ โรคตามมา ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง ภาวะหยุดหายใจในขณะนอนหลับ หรือโรคมะเร็ง ซึ่งการดูแลน้ำหนักให้ไม่เกิดมาตรฐาน ก็จะช่วยลดปัญหาความเสี่ยงของโรคได้หลายโรค
ซึ่งการดูแลตัวเอง หรือการลดน้ำหนักนั้น สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่ดี การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องการคุมอาหาร อยากลดน้ำหนักให้ได้ประสิทธิภาพ Slim & Slender ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
ถ้าหยุดใช้ Slim & Slender แล้วโยโย่ไหม ?
หลาย ๆ คนอาจจะมีความสงสัยว่า แล้วถ้าใช้ Slim & Slender แล้วน้ำหนักลดลงจนพอใจแล้ว หากต้องการหยุดใช้ Slim & Slender แล้วจะกลับมาโยโย่ไหม ต้องบอกเลยว่า การใช้ Slim & Slender นั้นเป็นการใช้ตัวยาเพื่อช่วยลดความอยากอาหาร หากหยุดใช้จะไม่กลับมาโย่โย่ หรือส่งผลเสียต่อร่างกาย อย่างไรก็ตามควรปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร และการใช้ชีวิต เพื่อที่จะได้ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพดี และสุขภาพดีอย่างยั่งยืน
Slim & Slender สามารถลดไขมันส่วนใดบ้าง ?
Slim & Slender เป็นตัวช่วยลดน้ำหนักที่อยู่ในรูปแบบของเปปไทด์คุมหิว โดยจะช่วยลดน้ำหนักทั่วร่างกาย ทั้งยังช่วยปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารได้ เนื่องจาก Slim & Slender ช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนาน รับประทานอาหารได้น้อยลง แต่ Slim & Slender นั้นจะไม่สามารถเลือกลดเฉพาะส่วนได้
การลดน้ำหนักด้วย Slim & Slender เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน ควบคุมพฤติกรรมการกินไม่ได้ หรือมีภาวะเสี่ยงโรคอ้วนเรื้อรัง ซึ่ง Slim & Slender จะเข้าไปช่วยลดความอยากอาหาร ลดอาการกินจุบจิบ กินเยอะ ปรับให้ร่างกายรับประทานอาหารแบบพอดี ทั้งนี้การรักษาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น สำหรับใครที่มีปัญหา หรือมีความกังวลใจเกี่ยวกับรูปร่าง ต้องการหาตัวช่วยอย่าง Slim & Slender ลดน้ำหนัก นั้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา