ฉีดโบเพื่ออะไร เห็นผลหรือไม่ ทำไมต้องฉีด ข้อควรรู้ในการฉีดโบ

ฉีดโบ

ฉีดโบลดริ้วรอยทั่วใบหน้าครั้งแรก ต้องรู้อะไรบ้าง? รวมเรื่องฉีดโบริ้วรอยต้องรู้ 

เมื่อเทรนด์ดูแลตัวเองได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นยุคสมัยใหม่ที่คนส่วนมากใส่ใจในเรื่องของสุขภาพและความงาม ทำให้กระแสเทรนด์ความงามได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ซึ่งเทรนด์ความที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้คือ “ฉีดโบลดริ้วรอย” เป็นหัตถการแรกที่คนส่วนใหญ่เริ่มเข้าวงการความงาม เนื่องจากปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยหางตา ริ้วรอยใต้ตา และริ้วรอยร่องแก้ม ซึ่งสาเหตุของริ้วรอยบนใบหน้าเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ การฉีดโบลดริ้วรอยจึงเป็นหัตถการที่แก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ให้กลับมาเรียบเนียนและตึงกระชับมากขึ้น เห็นผลลัพธ์ได้เร็ว และไม่ต้องพักฟื้น ทั้งนี้การฉีดโบลดริ้วรอยจึงเป็นหัตถการอันดับแรกที่เหมาะสำหรับคนที่อยากลดริ้วรอยที่สุด

 

ฉีดโบลดริ้วรอยทั่วใบหน้า ต้องรู้อะไรบ้าง? รวมเรื่องฉีดโบริ้วรอยที่มือใหม่ต้องรู้ 

 

ฉีดโบลดริ้วรอย คืออะไร ?

 

การฉีดโบลดริ้วรอย เป็นการนำสารพิษที่ได้จากแบคทีเรียที่มีถึง 7 ชนิดด้วยกัน มีคุณสมบัติออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ มีความปลอดภัย ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. ช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ปรับใบหน้าให้เรียวเล็กลง และสามารถใช้เพื่อการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น ออฟฟิศซินโดรม ไมเกรน ได้อีกด้วย

ฉีดโบ
ฉีดโบทำงานอย่างไร

ฉีดโบลดริ้วรอย ทำงานอย่างไร ?

  • การทำงานของฉีดโบลดริ้วรอย เป็นสารพิษที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยจะรบกวนระบบประสาทให้ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาท ทำให้กล้ามเนื้อขาดการรับรู้การสั่งงานจากเซลล์ประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ตามปกติ ซึ่งหลักการทำงานของการฉีดโบลดริ้วรอย ทำให้มีการฉีดโบเพื่อการลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าบริเวณหน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว รวมไปถึงช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อรูปหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงอีกด้วย

 

ฉีดโบลดริ้วรอย เลือกยี่ห้อไหนดี ?

  • ปัจจุบันประเทศไทยมีการนำเข้าโบลดริ้วรอยหลากหลายยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ซึ่งในแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันออกไป ที่รมย์รวินท์คลินิกมียี่ห้อโบลดริ้วรอยทั้งหมด 5 ยี่ห้อ ดังนี้

 

ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Allergan

 

  • ฉีดโบลดริ้วรอย Allergan เป็นแบรนด์ฉีดโบลดริ้วรอยที่แรกที่คิดค้นนำการฉีดโบเข้ามาใช้ในวงการแพทย์ เพื่อการรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท ในปัจจุบันการฉีดโบลดริ้วรอยจึงนำมาเพื่อใช้ในการลดเลือนริ้วรอย ปรับรูปหน้า ลดกราม และเป็นแบรนด์โบลดริ้วรอยแรกที่ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA ซึ่งผลิตโดยบริษัท Allergan ประเทศสหรัฐอเมริกา

 

จุดเด่นของฉีดโบลดริ้วรอย Allergan มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% สูงที่สุด เมื่อเทียบกับฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้ออื่น ๆ จึงเหมาะสำหรับการฉีดโบเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า และปรับหน้าเรียวเล็ก อีกทั้งฉีดโบลดริ้วรอย Allergan โอกาสที่จะเกิดการดื้อยาเกิดขึ้นได้ยากเมื่อฉีดหลายครั้งในอนาคต เนื่องจากตัวยาไม่กระจายเป็นวงกว้าง ออกฤทธิ์ยาได้อย่างแม่นยำ ให้ผลลัพธ์ที่ตรงจุด ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-8 เดือน

 

ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Dysport

 

ฉีดโบลดริ้วรอย Dysport เป็นยี่ห้อที่ผลิตจากประเทศอังกฤษ มีโมเลกุลขนาดเล็ก  มีจุดเด่นคือตัวยามีการกระจายวงกว้าง เมื่อฉีดเข้าไปในบริเวณกล้ามเนื้อ จะไม่รวมตัวกันอยู่ในพื้นที่แคบ เหมาะกับการฉีดลิฟกรอบหน้า หรือฉีดยกกระชับด้วยเทคนิค Dermolift และฉีดบริเวณกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น ฉีดโบลดต้นแขน ฉีดโบลดน่อง ฉีดโบริ้วรอยหน้าผาก รวมไปถึงการฉีดโบลดกลิ่นตัว ฉีดโบลดเหงื่อ ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน 

 

อีกจุดแตกต่างที่ทำให้ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Dysport มีความแตกต่างกับยี่ห้ออื่น คือ การนับจำนวนยูนิต โดยฉีดโบลดริ้วรอย Dysport 300 ยูนิต เทียบเท่ากับ 100 ยูนิตของฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้ออื่น ๆ 

 

ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Xeomin 

 

ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Xeomin ผลิตโดยบริษัท MERZ PHARMA GMBH & CO. KGaA จากประเทศเยอรมนี จุดเด่นคือมีโมเลกุลขนาดเล็กเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เนื่องจากใช้กระบวนการผลิต XTRACT Technology™ ในการกำจัดโปรตีนที่ไม่จำเป็นออก ทำให้ขนาดโมเลกุลมีขนาดเล็กลง ทำให้ฉีดโบลดริ้วรอย Xeomin มีความบริสุทธิ์สูง

 

ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Nabota

 

ฉีดโบลดริ้วรอย Nabota ผลิตโดยบริษัท DAEWOONG จากประเทศเกาหลีใต้ โบลดริ้วรอยเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านการรับรองจาก U.S.FDA approved ปี 2018 จุดเด่นคือมีการพัฒนาเพื่อให้ออกฤทธิ์ไว มีความบริสุทธิ์สูง ทำให้เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงหลังฉีดเร็ว แค่ผลลัพธ์นั้นอยู่ได้ไม่นานเท่ากับฉีดโบลดริ้วรอยของอเมริกา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์เร็วและคนที่ต้องการลิฟกรอบหน้า

 

ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Aestox

 

ฉีดโบลดริ้วรอย Aestox  จากประเทศเกาหลี ที่ได้รับการรับรองจากมาตรฐาน อย.เกาหลี (KFDA) มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% จุดเด่นของการฉีดโบลดริ้วรอย Aestox คือ ผลลัพธ์จะมีความเป็นธรรมชาติ เมื่อเทียบกับกลุ่มฉีดโบลดริ้วรอยอื่น ๆ จากประเทศเกาหลี เมื่อฉีดโบลดริ้วรอยต่อเนื่อง จะช่วยให้ผลลัพธ์การฉีดครั้งต่อไปอยู่ได้นานมากขึ้นและปริมาณการฉีดลดน้อยลง

 

ฉีดโบลดริ้วรอย แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร ?

 

ฉีดโบลดริ้วรอยมีจุดเด่นและความแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อ ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการทำตัวยาให้มีความบริสุทธิ์ ขนาดของโมเลกุล (Molecule complex) ชนิดของโปรตีน (Protein complex) และความคงทนในการเก็บรักษาขนาดของโมเลกุล (Molecule complex size) คุณสมบัติเหล่านี้ที่ทำให้การฉีดโบลดริ้วรอยมีความแตกต่างกัน ดังนี้

 

ขนาดของโมเลกุลในการฉีดโบลดริ้วรอย (Molecule complex size)

ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักด้วยกัน คือ

 

  1. ส่วนที่ 1 Accessories protein 

ทำหน้าที่แพร่กระจายตัวยาและปกป้องส่วนของ Heavy chain และ ส่วนของ Light chain จากจุดที่ฉีดโบลดริ้วรอยไปยังปลายเส้นประสาท ได้อย่างปลอดภัยและไม่ถูกทำลาย ซึ่งขนาดของโมเลกุลที่ส่งผลต่อการแพร่กระจาย ดังนี้

  • โมเลกุลกระจายตัวแคบ : ข้อดีคือทำให้สามารถควบคุมการฉีดโบลดริ้วรอยออกมาแม่นยำ ตรงจุด เหมาะกับการฉีดโบลดริ้วรอยที่กล้ามเนื้อโดยตรง ซึ่งมีความเข้มข้นสูง ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น แต่การฉีดโบลดริ้วรอยชนิดนี้ให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นธรรมชาติ ต้องอาศัยแพทย์ที่มากประสบการณ์ เนื่องจากอาจเกิด ยิ้มแข็ง คิ้วกระดก แก้มตอบ ได้
  • โมเลกุลกระจายตัวกว้าง : เป็นการฉีดที่ช่วยให้ผลลัพธ์ของการฉีดโบลดริ้วรอยดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับเทคนิค Dermolift โดยมีข้อดี คือ ออกฤทธิ์ไว เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์การฉีดโบหน้ากระชับแบบรวดเร็ว และเหมาะกับการฉีดโบลดต้นแขน ลดน่องในบริเวณกว้าง 

 

  1. ส่วนที่ 2 Heavy chain 

ทำหน้าที่พาส่วนของ Light chain เข้าสู่เซลล์เส้นประสาท

 

  1. ส่วนที่ 3 Light chain 

เป็นส่วนหนึ่งของ สารที่ออกฤทธิ์ระงับการทำงานของกล้ามเนื้อ

 

ความบริสุทธิ์ของโบลดริ้วรอย

 

การฉีดโบลดริ้วรอย คือ โปรตีน (Protein) ชนิดหนึ่ง เมื่อฉีดโบลดริ้วรอยเข้าไปภายในร่างกาย จะสามารถสลายได้หมด 100% โดยไม่เป็นอันตราย แต่ในร่างกายของบางคน จะเกิดการสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ทำให้เกิดการดื้อโบลดริ้วรอย เมื่อดื้อโบลดริ้วรอยจะทำให้ตัวยาที่ฉีดเข้าไปไม่ออกฤทธิ์

 

ซึ่งการดื้อโบสามารถเกิดได้จาก Accessories protein, Heavy chain และ Light chain โดยปกติ  Light chain ในโบลดริ้วรอยจะมีความคล้ายคลึงกันทุกยี่ห้อ เพราะเป็นสารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อชนิดเอ เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่สายพันธุ์เล็กน้อย ซึ่งส่วน Accessories protein และ Heavy chain แตกต่างกัน ดังนี้

  • โบลดริ้วรอยยี่ห้อ Allergan : มีงานวิจัยรับรองที่ยาวนานที่สุด กว่า 3,500 งานวิจัย (since 1989) จึงน่าเชื่อถือได้ว่าชนิดของโปรตีน (protein complex) ส่วน Accessories protein และ Heavy chain นี้ผ่านการพัฒนามาเพื่อทำให้โอกาสดื้อโบลดริ้วรอยน้อยที่สุด และผลการรักษาดีที่สุด เมื่อเทียบกับโบลดริ้วรอยยี่ห้ออื่น ๆ
  • โบลดริ้วรอยยี่ห้อ Xeomin : เป็นการพัฒนาข้อดีของยี่ห้อ Allergan กับ Dysport มามัดรวมกันโดยที่คุณสมบัติต่าง ๆ จะอยู่กึ่งกลาง มีความบริสุทธิ์สูง และตัวยาที่ไม่กระจุกตัวแคบมากจนเกินไป
  • โบลดริ้วรอยยี่ห้อ Dysport : เป็นการเน้นพัฒนาแค่ส่วน Heavy chain เท่านั้น โดยเชื่อว่า การลด Accessories protein จะทำให้โอกาสในการดื้อโบลดริ้วรอยน้อยลง และช่วยให้ในส่วนของ Light chain ออกฤทธิ์ระงับกล้ามเนื้อได้เร็วมากยิ่งขึ้น
  • โบลดริ้วรอยยี่ห้อ Nabota : จุดเด่นคือการเน้นให้ออกฤทธิ์เร็วกว่าโบลดริ้วรอยเกาหลียี่ห้ออื่นเล็กน้อย เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์โบลดริ้วรอยแบบเร่งด่วน รวดเร็ว
ฉีดโบ
ฉีดโบเหมาะกับใคร

ฉีดโบลดริ้วรอย เหมาะกับใครบ้าง?

ฉีดโบลดริ้วรอยเป็นหัตถการที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า และการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ เช่น ริ้วรอยหางตา ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รวมไปถึงริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตาและรอบริมฝีปาก ป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคต นอกจากนี้การฉีดโบลดริ้วรอยยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการยกคิ้ว ทำให้ดวงตาโตขึ้น แลดูอ่อนเยาว์ ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอย สามารถเห็นผลลัพธ์เร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน และมีความปลอดภัยสูง

ฉีดโบ
ข้อดีของการฉีดโบ

โบลดริ้วรอย มีข้อดีอย่างไร?

ข้อดีของการฉีดโบลดริ้วรอย มีดังนี้

  • ฉีดโบลดริ้วรอย ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยดูจางลง เป็นหัตถการที่ใช้เวลาในการรักษารวดเร็ว หลังฉีดโบสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • ฉีดโบลดริ้วรอย ช่วยให้รูปลักษณ์และบุคลิกดูดีมากขึ้น เพิ่มความมั่นใจ เนื่องจากรอยเหี่ยวย่นยับบนใบหน้า เป็นการบ่งบอกถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าไม่เรียบเนียนและไม่สดใส
  • ฉีดโบลดริ้วรอย ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต เนื่องจากการออกฤทธิ์ของโบลดริ้วรอยในช่วง 3-4 เดือน ทำให้สามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ กล้ามเนื้อบนใบหน้าทำงานน้อยลง
  • ฉีดโบลดริ้วรอย ป้องกันการเกิดของริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ บนใบหน้า
ฉีดโบ
ฉีดโบตรงไหนได้บ้าง

โบลดริ้วรอย ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?

  • ฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผาก

 

การฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผาก ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น ที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและอารมณ์ ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก เป็นจุดที่ใกล้กับดวงตา หากฉีดไปถูกเส้นเลือด อาจเกิดอันตรายต่อดวงตาได้ ดังนั้นการฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผาก ควรฉีดโดยแพทย์ที่มากประสบการณ์ และมีความชำนาญในเทคนิคการฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผากที่ถูกต้อง

 

  • ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว

 

ริ้วรอยระหว่างคิ้ว เป็นบริเวณที่เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นง่ายที่สุด และเป็นจุดสังเกตแรกที่คนส่วนใหญ่เห็นชัดเจน การฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้วจะช่วยยับยั้งการหดตัว ทำให้ผิวหนังส่วนบนมีความเรียบเนียนขึ้น ซึ่งตำแหน่งบริเวณระหว่างคิ้วนั้น เป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัย ควรฉีดโดยแพทย์ที่มากประสบการณ์ และมีความชำนาญในเทคนิคการฉีด

 

  • ฉีดโบลดริ้วรอยหางตา

 

ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาและหางตา เป็นปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น หรืออาจมีปัญหาถุงใต้ตาร่วมด้วย ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ ไม่สดใส ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยหางตา จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเกิดการคลายตัวชั่วคราว สามารถช่วยให้ริ้วรอยลดลงได้

 

  • ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา

 

บริเวณใต้ตาเป็นจุดที่เกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ง่ายที่สุด และมักจะเกิดริ้วรอยก่อนบริเวณอื่น ๆ ใบหน้า การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาจะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณใต้ตาคลายตัวชั่วคราว ทำให้ริ้วรอยรอบบริเวณดวงตาลดลง ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตานั้นหากฉีดใบปริมาณที่มากจนเกินไป

 

  • ฉีดโบลดร่องแก้ม

 

ปัญหาร่องแก้ม มักเกิดจากการยิ้มบ่อย ๆ จนกล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงจนเกินไป ซึ่งการฉีดโบลดร่องแก้มไม่ควรแก้ด้วยการฉีดโบ 100% เนื่องจากทำให้การยิ้มดูแข็งและไม่เป็นธรรมชาติ แนะนำว่าให้ใช้ฉีดโบลดร่องแก้ม 50% และแก้ด้วยการเติมฟิลเลอร์เทคนิค Myomodulation จะช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เทคนิคนี้เรียกว่า การใช้ฟิลเลอร์ฉีดหนุนกล้ามเนื้อ หรือฉีดกดกล้ามเนื้อ สามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้บางส่วน ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานมากกว่า

 

  • ฉีดโบลิฟกรอบหน้า

 

การฉีดโบลิฟกรอบหน้า จะช่วยให้บริเวณกรอบหน้ามีความยกกระชับขึ้น ช่วยให้ใบหน้าคมขึ้น เพิ่มมิติให้แก่ใบหน้า โดยเทคนิคของการฉีดโบลิฟกรอบหน้ามีทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน ดังนี้

ฉีดโบ
ฉีดโบต้องฉีดเท่าไร

ฉีดโบลดริ้วรอย แต่ละจุดฉีดกี่ยูนิต ?

การฉีดโบลดริ้วรอยในแต่ละบุคคลอาจใช้ปริมาณการฉีดโบที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับปัญหา ความต้องการ และการประเมินของแพทย์ ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยตำแหน่งต่าง ๆ ใช้ปริมาณ ดังนี้

  • ฉีดโบลดริ้วรอย บริเวณหน้าผาก ใช้ประมาณ 30 ยูนิต
  • ฉีดโบลดริ้วรอย บริเวณระหว่างคิ้ว ใช้ประมาณ 25 ยูนิต
  • ฉีดโบลดริ้วรอย บริเวณหางตา ใช้ประมาณ 25 ยูนิต
  • ฉีดโบลิฟกรอบหน้า ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต

 

การดูแลตัวเองก่อน-หลังฉีดโบลดริ้วรอย

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบลดริ้วรอย

  • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย ควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับการฉีดโบลดริ้วรอยอย่างละเอียด เช่น ศึกษายี่ห้อโบลดริ้วรอยยี่ห้อต่าง ๆ เป็นต้น
  • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย ควรเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น
  • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย งดยาหรือวิตามินประเภทที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
  • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย งดสครับบริเวณใบหน้า 2-3 วัน 
  • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย งดยากลุ่มแก้ปวด หรือยากลุ่มยาต้านการอักเสบ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
  • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย งดดื่มแอลกอฮอล์ เป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง

 

ขั้นตอนการฉีดโบลดริ้วรอย

 

  • ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินรูปหน้า สภาพผิว และปัญหาของแต่ละบุคคล
  • แพทย์จะเลือกยี่ห้อของโบลดริ้วรอยให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล
  • แพทย์จะเริ่มฉีดโบลดริ้วรอยในตำแหน่งที่ต้องการรักษา โดยใช้ระยะเวลา 30 นาทีโดยประมาณ
  • หลังจากแพทย์ฉีดโบลดริ้วรอยเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะทำการแนะนำข้อควรปฏิบัติตัวดูแลตัวเองหลังฉีดโบ ทั้งนี้ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

การดูแลตัวเองหลังฉีดโบลดริ้วรอย

 

  • หลังฉีดโบลดริ้วรอย ควรขยับเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณนั้นทันที 1-2 ครั้ง เพื่อให้โบลดริ้วรอยถูกเซลล์ประสาทดูดซึมเข้าไปมากที่สุด
  • หลังฉีดโบลดริ้วรอย หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
  • หลังฉีดโบลดริ้วรอย ห้ามนอนราบ 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการไหลของโบลดริ้วรอย
  • หลังฉีดโบลดริ้วรอย งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
  • หลังฉีดโบลดริ้วรอย งดอาหารรสจัด รสเผ็ด แสบร้อนจนหน้าแดง อย่างน้อย 48 ชั่วโมง

 

คำถามพบบ่อยของโบลดริ้วรอย

 

ฉีดโบลดริ้วรอย มีผลข้างเคียงอย่างไร ?

 

การฉีดโบลดริ้วรอยอาจมีผลข้างเคียงหลังฉีด เช่น รู้สึกเมื่อยหรือรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด เป็นอาการปกติที่ไม่อันตราย ส่วนผลข้างเคียงที่อันตราย มักเกิดจากการฉีดกับหมอกระเป๋า การใช้โบลดริ้วรอยราคาถูก หรือใช้โบลดริ้วรอยที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งผลข้างเคียงอันตราย มีดังนี้

  • การอักเสบติดเชื้อหลังฉีด กรณีนี้เกิดจากการเลือกฉีดโบลดริ้วรอยกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือหมอกระเป๋า ที่ไม่มีระบบการดูแลความสะอาดและปลอดเชื้อ
  • หนังตาตก มุมปากเบี้ยว หน้าแข็ง เกิดจากใช้เทคนิคที่ผิดในฉีดโบลดริ้วรอย ประเมินปริมาณโบลดริ้วรอยไม่เหมาะสม และฉีดโบลดริ้วรอยไม่ถูกตำแหน่ง เช่น ฉีดโบลดริ้วรอยใกล้เปลือกตาด้านบน เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหนังตาอ่อนแรง และหนังตาตกลงมา เป็นต้น

 

ฉีดโบลดริ้วรอย กี่วันเห็นผลลัพธ์ ?

 

หลังฉีดโบลดริ้วรอย โบลดริ้วรอยจะเริ่มออกฤทธิ์หลังฉีด 3-4 วัน และโบลดริ้วรอยจะให้ผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็น การฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว หรือ ใต้ตา เป็นต้น โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองหลังฉีดโบลดริ้วรอยในแต่ละบุคคล

 

ฉีดโบลดริ้วรอย บ่อยได้แค่ไหน ?

 

ในการฉีดโบลดริ้วรอยเพื่อรักษาผลลัพธ์ ไม่ควรฉีดบ่อยจนมากเกินไป อย่างน้อยควรเว้น 3 เดือน แต่ไม่ควรเว้นนานเกิน 5-6 เดือน เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้ากลับมาทำงานได้ตามปกติ และอาจทำให้ต้องใช้ปริมาณของโบลดริ้วรอยเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

 

ฉีดโบลดริ้วรอย ใช้กี่ยูนิต ?

 

การฉีดโบลดริ้วรอย โดยส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ 25 ยูนิต ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยในแต่ละบริเวณจะพิจารณาจากยี่ห้อโบลดริ้วรอยและปริมาณที่ใช้ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินตามความเหมาะสมในแต่ละบุคคล

 

ฉีดโบลดริ้วรอย ดีไหม ?

 

การฉีดโบลดริ้วรอยจะช่วยในการรักษาริ้วรอยบนใบหน้าและปกป้องการเกิดริ้วรอยใหม่ ที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ใบหน้ามีความอ่อนเยาว์ และนอกจากนี้การฉีดโบลดริ้วรอยทำให้ผิวมีความตึงกระชับขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยลดเหงื่อ ลดกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน และลดกล้ามเนื้อน่องได้อีกด้วย

 

ดื้อโบลดริ้วรอย คืออะไร ? 

 

ดื้อโบลดริ้วรอย  คือ ภาวะที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้น มาทำลายตัวยาโบลดริ้วรอยที่ฉีดเข้าไป เพราะมองว่าเป็นสารแปลกปลอมที่เข้ามาร่างกาย ส่งผลให้การฉีดโบลดริ้วรอยแล้วไม่เห็นผลลัพธ์ หรือถ้าเห็นผลลัพธ์ ก็จะเห็นผลลัพธ์ได้น้อยมาก และการออกฤทธิ์ของโบลดริ้วรอยจะเสื่อมไวกว่าปกติ จากเดิมที่ออกฤทธิ์ได้ 4 – 6 เดือน ก็อาจอยู่ได้เพียง 1 – 2 เดือน เท่านั้น

 

ดื้อโบลดริ้วรอย สาเหตุมาจากอะไร ?

 

อาการดื้อโบลดริ้วรอยมี 3 สาเหตุ ดังนี้

  • ฉีดโบลดริ้วรอยปริมาณมาก หรือถี่เกินไป : โดยปกติการฉีดโบลดริ้วรอย ควรเว้นระยะห่างการฉีดในแต่ละครั้งประมาณ 3 – 4 เดือนขึ้นไป เพื่อรอให้โบลดริ้วรอยที่ฉีดไปล่าสุด เสื่อมฤทธิ์ลงก่อน เพราะหากฉีดโบลดริ้วรอยถี่เกินไป อาจทำให้เกิดอาการดื้อโบลดริ้วรอยได้
  • ฉีดโบลดริ้วรอยปลอม หรือโบลดริ้วรอยที่ไม่ได้มาตรฐาน : การฉีดโบลดริ้วรอยที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีการควบคุมอุณหภูมิของตัวยา อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้โบลดริ้วรอยได้
  • เกิดจากระบบภูมิคุ้มกัน : ในบางกรณี ร่างกายจะมีการสร้างภูมิคุ้มกันออกมา เพื่อต่อต้านโบลดริ้วรอยมากกว่าปกติ ทำให้การฉีดโบลดริ้วรอยครั้งต่อไปไม่ได้ผลลัพธ์ หรือเห็นผลลัพธ์น้อยกว่าปกติ

 

ฉีดโบลดริ้วรอย แล้วทำหัตถการอื่นได้ไหม ?

 

การฉีดโบลดริ้วรอยสามารถทำพร้อมกับหัตถการอื่นได้ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ การทำเครื่องยกกระชับ เป็นต้น เนื่องจากเป็นการแก้ปัญหาคนละส่วน โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินสภาพผิวและปัญหาผิวในแต่ละบุคคลก่อน เพื่อวางแผนการทำหัตถการว่า ควรทำหัตถการไหนก่อน และควรเว้นระยะเวลาในการทำแต่ละหัตถการเท่าไหร่

 

สรุปการฉีดโบลดริ้วรอยทั่วหน้า เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย

 

การฉีดโบลดริ้วรอย เป็นทางเลือกที่จะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยแห่งวัยบนใบหน้า ที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและอารมณ์ หรือริ้วรอยที่มาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้โบลดริ้วรอย ยังสามารถใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคบางชนิดอีกด้วย เช่น โรคไมเกรน ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง เป็นต้น

 

สำหรับใครที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยด้วยการฉีดโบลดริ้วรอย ทางรมย์รวินท์คลินิกมีบริการฉีดโบลดริ้วรอยเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวดูมีอายุ ให้กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง ซึ่งทางรมย์รวินท์คลินิกพร้อมให้คำปรึกษา และพร้อมให้บริการด้านข้อมูลที่เกี่ยวกับโบลดริ้วรอย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด