ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
AviClear จบปัญหาสิวในเครื่องเดียว
สิว เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเคยประสบ และเป็นเรื่องที่ไม่ว่าจะพูดกับใครเรื่องสิว ๆ ก็มักจะเป็นเรื่องที่ทุกคนมีประสบการณ์ร่วม เพียงแต่ว่าปัญหาสิวในแต่ละคนอาจเกิดขึ้นกันคนละช่วงเวลาเท่านั้นเอง
สำหรับสาเหตุของการเกิดสิว ปัญหาหลักก็ คือ เมื่อร่างกายเกิดการผลิตน้ำมัน (sebum) ออกมาในจำนวนที่มากเกินไป น้ำมันส่วนเกินจะเกิดการผสมตัวเข้ากับเซลล์ผิวหนังที่เกิดการเสื่อมสภาพลง จากนั้นการผสมตัวดังกล่าวจะเข้าไปเกิดการอุดตันอยู่ที่รูขุมขนของคนเรา ทำให้แบคทีเรียที่อยู่ในผิวหนังได้เจริญเติบโตขึ้น และส่งผลให้เข้าไปกระตุ้นให้ผิวเกิดการอักเสบขึ้น ซึ่งการอักเสบนั่นเองที่เป็นสาเหตุของอาการแดง และเกิดตุ่มหนอง
AviClear เป็นโปรแกรมเครื่องเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นในระดับ 1726 นาโนเมตร ทำงานกับต่อมไขมันบริเวณรูขุมขน อยู่ใต้ผิว 0.5 – 1.5 มม. ซึ่งคลื่นดังกล่าวเป็นคลื่นที่สามารถดูดซับน้ำมัน (sebum) ได้ ผลิตโดยบริษัท Cutera Inc โดยมีค่า +/- 3 nm ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการทำงานของ ลำแสงเลเซอร์ (spot size) พลังงาน และระยะเวลาในการระบายความร้อนของต่อมไขมัน มีผลต่อระยะเวลาในการปล่อยพลังงานคลื่น
AviClear ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่พัฒนามาเพื่อแก้ปัญหาสิวทุกปัญหา โดย AviClear ทำงานโดยการเลือกจับที่เป้าหมาย คือ บริเวณต่อม ไขมัน (Sebaceous glands) เป็นหลัก AviClear เหมาะสำหรับคนทุกกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ (all acne severities : mild moderate and severe) ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสิวที่อยู่ในระดับที่มีความรุนแรงมาก ขนาดไหนก็สามารถทำการรักษาได้อย่างปลอดภัย ใช้ได้กับสีผิวในทุกระดับ ด้วยการใช้ความยาว และระดับคลื่นอย่างเหมาะสมในการรักษา AviClear จึงสามารถรักษาได้ทุกช่วงวัย ตั้งแต่กลุ่มวัยรุ่น ไปจนถึงผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองจาก อย. ของประเทศแคนาดา (Health Canada) ว่าสามารถรักษารอยแผลเป็นจากสิวได้อีกด้วย
อีกทั้ง AviClear ยังได้รับรางวัลเทคโนโลยี ที่มีความปลอดภัยต่อผิวของผู้เข้ารับการรักษาที่อยู่ในทุกระดับสีผิว (safe for all skin types and skin tones)
โดยปกติแล้วการรักษาสิว จะมีหลักในการรักษาอยู่ที่สาเหตุของการเกิดสิว แต่ยังไม่มีการรักษาชนิดใด ที่สามารถลดการผลิตน้ำมันบนผิวหนังได้แบบ AviClear จึงทำให้การรักษาทั้งหมดนั้น ไม่สามารถให้ผลการรักษาที่ดีในระยะยาวได้ ในบางคนที่ทำการรักษาไม่ตรงกับปัญหาจึงส่งผล ให้เมื่อหยุดการรักษาก็จะสามารถกลับมาเป็นสิวได้อีกครั้ง แต่ AviClear มีหลักในการรักษาที่แตกต่างกัน จึงทำให้สามารถรักษาสิวได้ดีกว่าอย่างแตกต่าง
ข้อดีของการรักษาด้วย AviClear
- AviClear ไม่ต้องใช้ยาชา
- AviClear ลดการเกิดสิวทุกชนิดได้จริง
- AviClear ลดการเกิดสิวระยะยาวถึงสองปี
- AviClear ทำได้แม้ผิวที่บอบบาง
- AviClear ไม่เบิร์น ไม่ไหม้
- AviClear ไม่ทำร้ายผิว
- AviClear ช่วยปกป้องผิวในระหว่างทำ
- AviClear มีระบบทำความเย็นในเครื่อง
- AviClear ช่วยรักษารอยแผลเป็นได้ด้วย
- AviClear ลดหน้ามันได้
- AviClear ลดขนาดรูขุมขนได้
- AviClear ไม่ทำลายชั้นผิวหนัง ให้ผิวหนังบริเวณที่ทำการรักษามีความสมบูรณ์
ข้อเสียของการรักษาด้วย AviClear
- AviClear ทำให้ผิวแห้งหลังทำการรักษา
- AviClear ทำให้ทำกิจกรรมกลางแจ้งไม่ได้ในระยะการรักษา
- AviClear ทำให้คันบริเวณที่ทำการรักษา
- AviClear ต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น
ใครเหมาะสําหรับการรักษาด้วย AviClear
- ผู้ที่หมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวทุกประเภท
- ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวจากทุกสาเหตุ
- ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวทุกระดับความรุนแรง
- ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวในทุกสีผิว
- ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวทุกช่วงวัย
- ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เคยรักษาสิวด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่หาย
- ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ ไม่ต้องการรักษาสิวด้วยการรับประทานยา
- ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ ต้องการรักษาสิวในระยะยาว
- ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวที่เปลี่ยนเครื่องสำอางแล้วยังไม่หาย
- ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้วยังไม่หาย
- ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ แพ้ยารักษาสิว
- ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวในระยะรุนแรง
ใครไม่เหมาะสําหรับการรักษาด้วย AviClear
- ผู้ที่ไม่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ กำลังตั้งครรภ์ หรือเป็นสิวในระหว่างตั้งครรภ์
- ผู้ที่ไม่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เคยมีอาการแพ้คลื่นแสงเลเซอร์
การเตรียมก่อนเข้ารับการรักษาด้วย AviClear
- 2 – 3 วันก่อนเข้ารับการรักษา หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว
- เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการทำเลเซอร์
การเตรียมตัวเพื่อเข้ารับการรักษาด้วย AviClear
- ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดก่อนเข้ารับบริการ AviClear
- หากในบริเวณที่ต้องการทำมีเส้นขน จำเป็นต้องโกนขนออกให้หมด เพื่อไม่ให้เกิดฟองอากาศใต้หัวยิง เนื่องจากจะไม่สามารถวางหัวยิง AviClear แนบผิวได้
- ทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการทำ AviClear อีกรอบด้วยสบู่อ่อน ๆ และล้างน้ำเปล่าอีกครั้ง
- เก็บภาพก่อนทำการรักษา เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
- ซับความชุ่มชื้นของผิวออก ด้วยผ้าก๊อซ แห้ง และสวมแว่นตา เพื่อป้องกันแสงเลเซอร์จากเครื่อง AviClear
- ซับความมันด้วยผ้าก๊อซชุบ medical/ACS grade acetone บิดให้แห้ง
- เตรียมผิวด้วย ผ้าก๊อซ หรือ Mask ชุบน้ำโปะให้ทั่วบริเวณที่ต้องการทำ ประมาณ 3 นาทีก่อนทำการรักษา
ขณะทําการรักษาด้วย AviClear
ขณะทำการรักษาด้วย AviClear ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา เนื่องจากบริเวณหัวยิงเลเซอร์จะมี สิ่งที่เรียกว่า AviClearSapphire skin coolling and sensory control หรือเครื่องทำความเย็น เพื่อปกป้องผิวบริเวณที่ทำการรักษาในระหว่างก่อน ขณะ และหลังยิงเลเซอร์ในทุก ๆ Pulse ของ AviClear จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกผ่อนคลาย และสบายผิวระหว่างทำการรักษา โดยจะมีเพียงความรู้สึกอุ่น ๆ ในบริเวณที่ทำการรักษา ยกเว้นบริเวณที่บอบบาง sensitive area เช่น หน้าผาก ขมับ รอบริมฝีปาก รวมทั้งบริเวณสิวอักเสบ สำหรับบริเวณดังกล่าวนี้ อาจมีความรู้สึกมากกว่าในตำแหน่งอื่น ๆ ทุก ๆ 1-3 Pulse ให้จับผิวด้วยผ้าก๊อซชุบน้ำสะอาดบริเวณผิวที่ทำการรักษา เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น โดยการยิง แพทย์จะทำการยิงทั้งหมดจำนวน 300 shots ในแต่ละครั้งของการเข้ารับบริการ
ข้อควรปฏิบัติหลังเข้ารับบริการ AviClear
- ทาครีมกันแดดที่มีค่าป้องกัน UVA/UVB SPF 30+ โดยสามารถทาได้ทันที หลังจากได้รับการรักษาด้วย AviClear (ทาก่อนออกแดด 90 นาที)
- ให้ล้างทำความสะอาดผิวหน้า ทาครีมบำรุงผิวสูตรอ่อนโยนทาครีมกันแดดที่มีค่าป้องกัน UVA/UVB SPF 30+ หลังทำ AviClear
- หลีกเลี่ยงครีม หรือการรักษา หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวใน 2 – 3 วันภายหลังการรักษาด้วย AviClear
- สามารถใช้ครีมบำรุงผิวที่ใช้เป็นประจำได้ ภายใน 2 – 3 วันหลังการรักษา AviClear
การดูแลภายหลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear
- หากรู้สึกไม่สบายผิวหลังทำ AviClear สามารถประคบเย็นที่ผิวบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อบรรเทาอาการได้
- ในบางผู้เข้ารับบริการ AviClear อาจทำให้เกิดอาการบวมได้ หรือผิวเป็นดวงในบริเวณที่ทำการรักษา สามารถประคบเย็นได้เพื่อบรรเทาอาการ โดยอาการบวม และดวงจะคงค้างนานที่สุดไม่เกิน 24 ชั่วโมง
- ในวันถัดไปหลังทำ AviClear สามารถล้างหน้า หรือล้างในบริเวณที่ทำการรักษาด้วยสบู่อ่อน และน้ำสะอาด รวมทั้งทาผิวด้วยครีมที่เพิ่มความชุ่มชื้น อ่อนโยน ไม่แพ้ ทาครีม กันแดด UVA/UVB SPF30+ หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
- หลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิวเช่น vitamin C/ascorbic acid Ita: astringents เป็นระยะเวลา 8-10 วัน
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน ซาวน่า อย่างน้อย 1-2 วันหลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear
- ห้ามออกกำลังกายที่ทำให้มีเหงื่อออกเยอะ 24 ชั่วโมงหลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear
- หลังเข้ารับการรักษา AviClear จะทำให้ผิวในบริเวณที่ทำการรักษา อาจแห้งอุดตันคงค้างในบางราย 4 สัปดาห์หลังเข้ารับการรักษา ให้ทาครีมเพื่อทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ที่อ่อนโยน และไม่แพ้
- หลังเข้ารับบริการ AviClear ควรทาครีมกันแดด และครีม ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากขณะเข้ารับบริการผิวจะแห้งกว่าปกติ
- งดกำจัดขนด้วยการแว๊กซ์ หรือใช้เลเซอร์ ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันผิวระคายเคือง
- ห้ามทำกิจกรรมกลางแจ้งขณะอยู่ในครอสทำการรักษาด้วย AviClear
ความรู้สึกภายหลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear
- ผู้เข้ารับการรักษาด้วย AviClear บางคนมีอาการบวมที่บริเวณที่ทำการรักษา โดยอาจมี หรือไม่มีหนองร่วมด้วย โดยอาการนี้จะเป็นไปตามรูปแบบของการยิง ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2 – 3 ชั่วโมง หรือในบางคนอาจดี ขึ้นภายใน 2 – 3 วัน
- หลังทำ AviClear จะมีอาการผิวแห้ง และมีอาการคัน ซึ่งอาการนี้พบได้นาน 2 – 3 สัปดาห์ โดยไม่ควรเกา และให้ทาครีมบำรุงผิวสูตรอ่อนโยน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว เพื่อบรรเทาอาการคันแทน
AviClear ได้ทำการศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้ารับการรักษาได้ผลลัพธ์ ดังต่อไปนี้
- ภายใน 1 เดือนหลังจากทำการรักษาด้วย AviClear ครั้งสุดท้าย จะพบว่าผู้เข้ารับการรักษามีความพึงพอใจ และเห็นผลการรักษาสูงถึง 87%
- นอกจากนี้ 3 เดือนภายหลังการรักษาด้วย AviClear ครั้งสุดท้าย ผู้เข้ารับการรักษามากกว่า 75% ยังคงมีความชื่นชอบในผลการรักษา และยังต้องการทำการรักษาซ้ำ
การตอบสนองของผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่ ภายหลังการรักษา AviClear มีพบผลลัพธ์ดังนี้
- ผู้เข้ารับบริการ AviClear ไม่พบผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ภายหลังการรักษา
- ภายหลังการรักษา AviClear พบว่าผู้เข้ารับบริการจะมีอาการแดงขึ้นเล็กน้อย และรอยแดงดังกล่าวจะค่อย ๆ ดีขึ้นได้เองโดยไม่ต้องกังวล
- อาการบวม แดง ที่เกิดขึ้นจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 ชั่วโมง โดยไม่ทิ้งรอยอื่น ๆ ที่ต้องพักฟื้น
- หลังการรักษาด้วย AviClear จะไม่มีรอยแผลที่ส่งผลให้เกิดรอยดำ (hyperpigmentation) ตลอดระยะเวลาที่ทำงานวิจัย
ผลการตัดชิ้นเนื้อ: หลังจากการทำรักษาด้วยเครื่อง AviClear
ผลการตัดชิ้นเนื้อหลังทำการรักษา AviClear พบว่า AviClear สามารถเข้าไปยับยั้งการผลิตน้ำมัน (sebum) ได้โดยที่ไม่รบกวนเนื้อเยื่อรอบข้าง และผิวหนังชั้นนอก ส่งผลให้ผิวหนังชั้นนอกที่ได้รับการรักษายังคงสมบูรณ์ครบถ้วน และ AviClear มีการทำลายเฉพาะต่อมไขมันที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวเพียงเท่านั้น
การรักษาด้วย AviClear ควรทำบ่อยแค่ไหน และควรทำกี่ครั้ง
- เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา ควรเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ให้ครบ 3 ครั้ง โดยในแต่ละครั้ง ควรเว้นระยะห่าง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ในบางรายที่เป็นหนักอาจต้องทำการรักษามากกว่า 3 ครั้งหรือ 6 ครั้ง
AviClear ใช้ระยะเวลาในการรักษาแต่ละครั้งกี่นาที
- AviClear ใช้ระยะเวลาในการรักษาแต่ละครั้งประมาณ 30 นาที ไม่รวมทำความสะอาดใบหน้า
AviClear รักษารอยแผลเป็นจากสิวได้ด้วยหรือไม่
- AviClear สามารถรักษาสิวได้ ทั้งยังได้รับการรับรองจาก อย. ของประเทศแคนาดา (Health Canada) เกี่ยวกับด้านการรักษารอยแผลเป็นจากสิวอีกด้วย
ระบบทำความเย็นใน AviClear ที่มีชื่อว่า AviCool คืออะไร ทำงานอย่างไร
- ช่วยปกป้องผิวชั้นนอก จากการลดอุณหภูมิของผิวในขณะทำการรักษา
- มีระบบทำความเย็น ทั้งก่อน ขณะ และหลังการปล่อยพลังงาน
- เครื่อง AviClear มีระบบทำความเย็นก่อนยิงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- จะใช้อุณหภูมิที่มีความเย็นมาก ในช่วงก่อนปล่อยพลังงานเลเซอร์ เนื่องจากจะทำให้หลังจากการปล่อยพลังงานจากเครื่อง AviClear แล้วอุณหภูมิคลื่นจะไม่สูงจนเกินไป
- ระบบทำความเย็นหลังปล่อยพลังงาน ช่วยปกป้องผิวหนังชั้นนอก ไม่ให้ร้อนขึ้นจากการระบายความร้อนใต้ผิว
ข้อจำกัดของ AviClear Laser มีอะไรบ้าง
- หากเป็นโรคเริม ในขณะแสดงอาการ ไม่แนะนำให้ทำ AviClear หากคนไข้มีประวัติ การเป็นโรคเริม แนะนำให้ทานยาต้านไวรัสก่อนมาทำการรักษา 1-2 วัน และทานต่อเนื่องจนครบ 5 วัน เพื่อป้องกันการลุกลามของอาการ
- ผู้ที่เป็นมะเร็งผิวหนัง หรือมีประวัติการเป็นมะเร็งผิวหนัง ที่ผ่านการผ่าตัดรักษาแล้ว อยู่ในข้อควรระวังที่ต้องปรึกษา และให้แพทย์ประเมินก่อนทำ AviClear
- ผู้ที่เป็นแผลคีย์ลอย หรือมีประวัติการเป็น ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการประเมินการรักษาอย่างละเอียดก่อนทำ AviClear
- ผู้ที่มีผิวไหมจากการโดนแดด กลุ่มนี้จะมีผิวที่เกิดการระคายเคืองง่าย แนะนำในพักผิว 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ AviClear เหมือนกันกับเครื่องเลเซอร์ ชนิดอื่นๆ
- ในกรณีรับประทานยากลุ่ม anti coagulant (ยาต้านการแข็งตัวของเลือด) ควรปรึกษาแพทย์โดยละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาก่อนทำ AviClear
สิวมีกี่ทั้งหมดประเภท
การแบ่งประเภทของสิว สามารถแบ่งได้ 2 ประเภทหลัก และสามารถแบ่งแยกย่อยลงไปอีกได้ ดังนี้
1. สิวอักเสบ
สิวอักเสบ เป็นสิวที่เกิดขึ้นจากการอักเสบของรูขุมขนรวม ทั้ง ต่อมไขมันบนผิวหนัง เมื่อรูขุมขนเกิดการอุดตันจากน้ำมันบวกกับเซลล์ผิวต่าง ๆ ที่ตายไปแล้ว แต่ยังคงเกาะอยู่ตามผิวหนังทั้งยังมี เชื้อแบคทีเรียจากสิ่งสกปรกในชีวิตประจำวัน รวมตัวเข้าด้วยกัน จึงทำให้ผิวหนัง และรูขุมขนดังกล่าวเกิดการอักเสบขึ้น จึงส่งผลให้ผิวนั้นมีลักษณะบวมแดง เจ็บ และอาจมีหนอง ร่วมด้วย ซึ่งก็คือสิวที่เรารู้จักกันนั่นเอง โดยสิวจำนวกนี้สามารถแยกย่อยออกไปอีกได้ ดังนี้
- สิวตุ่มแดง จะเป็นสิวที่มีขนาดเล็ก มีลักษณะเพียงเป็นตุ่มนูนแดง ขึ้นมาเฉย ๆ โดยจะไม่มีอาการคัน หรือเจ็บร่วมด้วย
- สิวหัวหนอง จะเป็นสิวที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคต่าง ๆ ทำให้ผิวเกิดการอักเสบขึ้น มีลักษณะเป็นสิวขนาดเล็ก และที่มีหัวที่เป็นหนองอยู่ด้านใน อาจทำให้เจ็บ หรือคัน เวลาสัมผัส
- สิวอักเสบขนาดใหญ่ จะเป็นสิวที่มีลักษณะการอักเสบรุนแรงมากกว่าสิวชนิดอื่น ๆ มีรูปร่างเป็นสิวที่เป็นตุ่มนูน บวมแดงขนาดใหญ่ ในบางทีอาจมีหนองร่วมด้วย เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ และคัน
- สิวหัวช้าง จะเป็นสิวอักเสบที่มีขนาดใหญ่ สิวชนิดนี้จะฝังตัวอยู่ลึกใต้ผิวหนัง หากเป็นจะมีความเจ็บปวดร่วมด้วย ร้ายแรงยิ่งกว่าคือหากเป็นสิวชนิดนี้ และมีการอักเสบจะมีความรุนแรงมากที่สุด โดยเชื้อโรคจากสิวชนิดนี้จะสามารถกระจายไปทั่วทุกบริเวณ อวัยวะที่เกิดสิว ไม่ว่าจะเป็น ใบหน้า ลำคอ หลัง ได้ เมื่อเป็นแล้วควรได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี
2. สิวไม่อักเสบ
สิวไม่อักเสบ เรียกอีกอย่างได้ว่า สิวอุดตัน (หรือ Non-inflammatory acne) เป็นสิวที่เกิดขึ้นจากการที่รูขุมขนของคนเรานั้น เกิดการอุดตันด้วยขึ้นด้วยน้ำมันส่วนเกิน บวกกับเซลล์ผิวของเราที่ตายแล้ว รวมกันอยู่ในรูขุมขนโดยยังไม่มีการติดเชื้อจากแบคทีเรีย หรือสิ่งสกปรก จึงทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดง หรืออาการเจ็บปวดเหมือนสิวประเภทแรก โดยสิวชนิดนี้สามารถจะแบ่งชนิดออกได้ ดังนี้
- สิวหัวขาว มีลักษณะเป็นสิวที่มีขนาดตุ่มเล็ก ๆ สีขาว เกิดจากการอุดตันในรูขุมขนที่ลึกลงไป แต่จะไม่มีการอักเสบร่วมด้วย สิวชนิดนี้จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าผื่น หรือผด แต่ข้อควรระวัง คือ สิวหัวขาวนั้นเป็นสิวที่สามารถติดเชื้อ และอักเสบได้ในอนาคต โดยจะไม่อักเสบทันที แต่จะเป็นการอักเสบจากกระตุ้น คือ การบีบ หรือแกะสิว
- สิวหัวดำ มีลักษณะเป็นสิวตุ่มเล็ก ๆ มีสีดำ อันเกิดจากการอุดตันที่เกิดจากรูขุมขนที่เกิดการออกซิไดซ์จากน้ำมันบนใบหน้า และเซลล์ผิว จึงเกิดเป็นสีดำเมื่อได้สัมผัสกับอากาศ เราจึงสามารถมองเห็นสิวประเภทนี้ได้ชัดเจน มักจะอยู่บริเวณรูขุมขน สามารถรักษาให้หายได้
อะไรคือสาเหตุของการเกิดสิว
การเกิดสิว เป็นสิ่งที่มีสาเหตุการเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย อาทิ ฮอร์โมนในร่างกาย อาหารการกิน พันธุกรรม การดูแลผิวหน้า ครีม หรือเครื่องสำอางที่ใช้ การพักผ่อนไม่เพียงพอ การใช้ชีวิตประจำวัน ความเครียด ก็เป็นสิ่งที่สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้ทั้งสิ้น แต่ในบางคนดูแลผิวหน้าเป็นอย่างดีก็สามารถเกิดสิวได้ เนื่องจากสิวเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัยตามที่กล่าวมาข้างต้น โดยเป็นปัจจัยที่ทั้งมองเห็น และมองไม่เห็น
- สิวเกิดจากน้ำมันส่วนเกิน เป็นสิวที่เกิดจากต่อมน้ำมันใต้ผิว เกิดการผลิตไขมันออกมาในปริมาณที่มากเกินไป จนทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
- สิวเกิดจากเซลล์ผิวตาย เป็นสิวที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ผิวที่ตาย เกิดการผลัดและหลุดออกไม่หมด จึงส่งผลให้เข้าไปอุดตันอยู่ในรูขุมขนร่วมกับน้ำมัน ทำให้เกิดสิว
- สิวเกิดจากแบคทีเรีย เป็นสิวที่ได้จากแบคทีเรียชนิด P. acnes หรือชื่อใหม่ C.acnes เป็นแบคที่เรียที่อยู่ในรูขุมขน และเกิดการอักเสบขึ้น
- สิวเกิดจากฮอร์โมน ในผู้ที่มีฮอร์โมนสูง ร่างกายจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันเกิดการผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณมากเกินไป โดยจะพบในกลุ่มวัยรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน วัยกำลังโต หรือที่เรียกกันอย่างติดปากว่าสิวสาวนั่นเอง
- สิวเกิดจากพันธุกรรม สิวจากพันธุกรรม มักเกิดขึ้นในผู้ที่มีครอบครัว หรือประวัติคนในครอบครัวเคยมีประวัติการเป็นสิว จึงทำให้คนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นสิวได้ง่ายมากกว่าคนอื่น ๆ และสิวเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- สิวเกิดจากโรคบางชนิด โรคบางชนิดนั้นมีส่วนในการทำให้ฮอร์โมนเพศสูงขึ้น เมื่อฮอร์โมนเพศสูงขึ้นจึงทำให้เกิดสิวได้ เช่นกัน
- สิวเกิดจากการดูแลผิวไม่ถูกวิธี การหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ทำให้มีข้อมูลที่ถูกและผิดที่ทำให้เกิดการเลียนแบบ และทำความสะอาดสะอาดผิวหน้าได้อย่างไม่ถูกต้อง รวมทั้งการซื้อครีม หรือซื้อเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับผิวของเรา
- สิวเกิดจากอาหาร การรับประทานอาหารบางชนิดสามารถทำให้เกิดสิวได้ อาทิ อาหารที่มีความมัน อาหารทอด นม หรืออาหารหวาน แพทย์จึงให้ปรับการรับประทานอาหารเพื่อรักษาสิว
- สิวเกิดจากความเครียด เป็นการกระตุ้นฮอร์โมน ส่งผลให้เกิดสิว
- สิวเกิดจากการใช้ยาบางชนิด ยาบางชนิดมีส่วนผสม หรือสารที่ส่งผลให้เกิดสิวได้
วิธีรักษาสิว มีอะไรบ้าง?
สิว เรียกได้ว่าเป็นปัญหาผิวที่มีความรุนแรงตั้งแต่ระดับเล็ก ไปจนถึงความรุนแรงที่สูง การรักษาสิวนั้นก็สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การรักษาด้วยตัวเอง และการรักษาโดยแพทย์ รวมถึงการรักษาด้วยหัตถการที่จะช่วยรักษาได้อย่างตรงจุด โดยการรักษาสิวจะมุ่งเน้นไปที่การทำให้สิวยุบตัวลง พร้อมหยุดการเกิดสิวใหม่ และป้องกันการเกิดรอยสิว รอยแผลเป็น ดังนี้
- การใช้ยาทาภายนอก เช่น เจลแต้มสิว ยารักษาสิว
- การใช้ยารับประทานยาปฏิชีวนะ เช่น ยาปรับฮอร์โมน หรือในยาบางชนิดที่ช่วยลดสิว
- การดูแลผิว เช่น การทำความสะอาดผิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะกับสภาพผิว
- การรักษาด้วยหัตถการ เช่น การกดสิว การทำเลเซอร์สิว AviClear laser
ใครที่ผ่านการรักษาสิวมาแล้วทุกรูปแบบ แต่ก็ยังไม่หายสักที จนกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความกังวลใจ จนเป็นผลถึงการใช้ชีวิตต้องลอง AviClear เพราะทำครั้งเดียวเห็นผลในระยะยาวถึง 2 ปี โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดสิวอีก ทำได้ในทุกประเภทของสิว ทุกสีผิว และทุกประเภทของสิว ปลอดภัย ได้รับ FDA รับประกัน
ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาปรึกษาปัญหาสิวที่รมย์รวินท์คลินิกพร้อมทั้งให้แพทย์ประเมินการรักษาเบื้องต้น ก่อนทำการรักษา เพื่อความปลอดภัยในการรักษาหรือทักเข้ามาช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง เพื่อปรึกษาปัญหาต่าง ๆ ได้ทั้งช่องทางไลน์ https://bit.ly/RomrawinLINE และ Facebook หรือลงทะเบียนผ่านช่องทางลงทะเบียนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
Pingback: รมย์รวินท์ทุ่มงบ 10 ล้าน AviClear ขยายฐานลูกค้ารักษาสิว