ปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีอะไรบ้าง? ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เกิดจากอะไร?
ปัญหาใต้ตาคล้ำ เบ้าตาลึก เป็นปัญหาที่กวนใจใครหลาย ๆ คน เนื่องจากทำให้ใบหน้าดูอิดโรย เหนื่อยล้า ไม่สดใส ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จึงเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาใต้ตา โดยเฉพาะปัญหาถุงใต้ตา เบ้าตาลึก ใต้ตาคล้ำ และริ้วรอยใต้ตา ซึ่งฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็ม ให้ผิวใต้ตาดูอิ่มฟู สดใส ใบหน้าดูไม่โทรม แต่ทั้งนี้ การฉีดฟิลเลอร์ควรฉีดโดยแพทย์ที่มีความรู้และมีประสบการณ์เท่านั้น เพราะหากฉีดไม่ถูกวิธี อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอย่าง ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้
ในบทความนี้ ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาให้แล้วว่า ปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีอะไรบ้าง? แล้วฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนคืออะไร? ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนเกิดจากอะไร? พร้อมบอกวิธีแก้ไขฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนมาไว้ให้แล้ว
ปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นก้อนเกิดจากอะไร? มีวิธีแก้อย่างไร?
ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร?
ฟิลเลอร์ใต้ตา คือ การฉีดสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบหลักของ ไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid – HA) เข้าไปในบริเวณใต้ตา เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น ร่องน้ำตา ใต้ตาคล้ำ ถุงใต้ตา และริ้วรอยใต้ตา ที่ทำให้ใบหน้าดูโทรมและมีอายุ ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยเติมเต็มช่องว่าง เพื่อทดแทนไขมันและกระดูกทรุดตัวลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ใต้ตาดูสดใส อิ่มฟู และมีความเรียบเนียน
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ถือว่ามีความปลอดภัยสูง เนื่องจาก HA เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติ จึงสามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย และย่อยสลายได้เอง แต่ก็มีความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาที่มีเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความรู้ความชำนาญ อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้
ปัญหาที่พบบ่อยจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วบวม หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจมีอาการบวมเกิดขึ้น ซึ่งมาจากการบวมยาชา หรือบวมเข็มที่ฉีดเข้าไป ถือเป็นอาการที่พบได้บ่อย และเป็นเรื่องปกติ โดยจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 – 2 สัปดาห์ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัส จับ กด นวดในบริเวณที่ฉีด เพื่อลดการเกิดผลข้างเคียง
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วมีรอยช้ำ หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจมีรอยเขียวช้ำเกิดขึ้นจากรูเข็มที่ฉีด ถือเป็นอาการปกติที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะผู้ที่เขียวช้ำง่าย ซึ่งอาการนี้จะค่อย ๆ ดีขึ้น และหายไปเอง ภายใน 1 – 2 สัปดาห์
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วตึง ปวดระบม หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจมีอาการตึง และปวดระบมเกิดขึ้น เนื่องจากบริเวณใต้ตาเป็นผิวหนังที่บอบบาง และมีเส้นเลือดฝอยจำนวนมาก ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบ หรือเนื้อเยื่อเกิดการบาดเจ็บเล็กน้อย จึงอาจทำให้รู้สึกปวดระบม หรือตึงได้บ้างในช่วงแรก ๆ ถือเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และจะค่อย ๆ หายไปเอง
ปัญหาอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะเป็นการแก้ไขปัญหาใต้ตาที่ได้รับความนิยม แต่ก็อาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากไม่ได้ฉีดโดยแพทย์ที่มีความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างใบหน้า หรือเลือกใช้ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. อาจทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ดังนี้
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เป็นหนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยมากในปัจจุบัน ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งเทคนิคในการฉีดไม่ถูกต้อง ฟิลเลอร์ที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน หรือแพทย์ไม่มีความรู้ความชำนาญเพียงพอ ทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปบริเวณใต้ตาเกิดการจับตัวเป็นก้อนนูนใต้ผิวหนัง หากปล่อยทิ้งไว้ อาจส่งผลเสียในระยะยาวได้
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วอักเสบ ติดเชื้อ
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ เนื่องจากอุปกรณ์ หรือเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้ไม่สะอาด หลังฉีดไปแล้วดูแลตัวเองไม่ถูกวิธี ทำให้เกิดการติดเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ รวมถึง เมื่อฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้ว ร่างกายอาจเกิดปฏิกิริยาต่อต้านฟิลเลอร์ ทำให้เกิดการอักเสบ หรือเกิดอาการแพ้ในบริเวณที่ฉีด มีอาการปวด บวม ตุ่มขึ้น หรือมีหนองบริเวณใต้ตาได้
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเข้าเส้นเลือด
เนื่องจากบริเวณใต้ตามีเส้นเลือดอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงจำเป็นต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างใบหน้า และเทคนิคการฉีดที่แม่นยำ หากแพทย์ที่ทำการฉีดไม่มีประสบการณ์เพียงพอ อาจทำให้ฉีดพลาด จนฟิลเลอร์หลุดเข้าไปในเส้นเลือดได้ ซึ่งส่งผลกระทบให้เกิดอันตรายร้ายแรง ถึงขั้นตาบอด
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเคลื่อนที่
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว หากใช้เทคนิคในการฉีดที่ไม่ถูกต้อง เช่น ฉีดตื้นเกินไป หรือฉีดในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์บริเวณใต้ตาเคลื่อนที่ไปยังบริเวณอื่นได้ อีกทั้ง การนวด กด หรือขยับใบหน้าบ่อย ๆ ก็ส่งผลให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ได้ง่ายเช่นกัน
ปัญหาใต้ตาแบบไหน ควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา?
- เบ้าตาลึก
เบ้าตาลึก หรือที่เรียกกันว่า ตาโหล ตาโบ๋ มีลักษณะเป็นร่องลึกใต้ตา ทำให้ดวงตาดูโหลลึก จนเห็นขอบกระดูกเบ้าตาอย่างชัดเจน ทั้งบริเวณดวงตาด้านบนและด้านล่าง ทำให้ดวงตาโบ๋ลึกเข้าไปเป็นวง ในบางรายอาจดูเหมือนมีชั้นตาหลายชั้น ส่งผลให้ใบหน้าดูอิดโรย ดูเหนื่อย ไม่สดใส
- ใต้ตาคล้ำ
ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาดำ มีลักษณะเป็นรอยคล้ำที่อยู่บริเวณใต้ตา ซึ่งแต่ละคนก็อาจมีเฉดสีที่แตกต่างกันไป เช่น น้ำตาล น้ำเงิน ม่วง หรือดำ ทำให้ขอบตาดูหมองคล้ำ ไม่สดใส ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมดูโทรม เหมือนไม่ได้พักผ่อน
- ถุงใต้ตา
ถุงใต้ตา มีลักษณะเป็นถุงป่องนูนอยู่บริเวณใต้ดวงตา ทำให้ใต้ตาดูบวม ผิวหนังบริเวณใต้ตาหย่อนคล้อย ในบางรายอาจมีปัญหาใต้ตาคล้ำร่วมด้วย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า และดูมีอายุ
- ริ้วรอยใต้ตา
ริ้วรอยใต้ตา หรือที่เรียกกันว่า รอยตีนกา มีลักษณะเป็นเส้นเล็ก ๆ หรือเป็นร่องลึกที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนังใต้ดวงตา ทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตาหย่อนคล้อย ไม่เรียบเนียน ใบบางรายอาจมีปัญหาถุงใต้ตาร่วมด้วย ยิ่งทำให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สดใส
- ร่องน้ำตาชัด
ร่องน้ำตาชัด หรือร่องที่อยู่บริเวณใต้ตา ตรงกระดูกเบ้าตา โดยเริ่มจากหัวมุมตา ไปจนถึงช่วงกลางกระดูกเบ้าตา ทำให้ดวงตาดูโหลลึกเข้าไปในเบ้าตา และเห็นขอบกระดูกเบ้าตาอย่างชัดเจน ส่งผลให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส และดูแก่กว่าวัย
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน คืออะไร?
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนนูนเล็ก ๆ เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปในบริเวณใต้ตากระจายตัวไม่สม่ำเสมอ ทำให้ฟิลเลอร์จับตัวกันเป็นก้อนใต้ผิวหนัง โดยสามารถเห็นได้ชัดเจนเมื่อมีการแสดงสีหน้า เช่น การยิ้ม หรือการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ซึ่งปัญหานี้ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ดูไม่เป็นธรรมชาติ ใต้ตาไม่เรียบเนียน ในบางกรณีอาจมีการอักเสบ บวมแดง หรือใต้ตาเปลี่ยนสีร่วมด้วย โดยฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
- ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแบบไม่อักเสบ
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแบบไม่อักเสบ จะมีลักษณะเป็นก้อนไม่เรียบเนียนบริเวณใต้ตา มักจะเห็นได้ชัดเมื่อมีการยิ้มหรือแสดงสีหน้า แต่ไม่มีอาการปวด บวมแดง หรืออักเสบใด ๆ
- ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแบบอักเสบ
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแบบอักเสบ จะมีลักษณะเป็นก้อนบวม ซึ่งจะบวมขึ้นเรื่อย ๆ ในบริเวณใต้ตา และยังรู้สึกเจ็บ รู้สึกว่าผิวใต้ตาร้อนกว่าบริเวณอื่น รวมถึง ฟิลเลอร์ใต้ตาอาจมีการเปลี่ยนสี เป็นสีแดง สีม่วง หรือสีคล้ำกว่าปกติได้ ซึ่งมักเกิดจากฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฟิลเลอร์ปลอม หากมีอาการดังกล่าว แนะนำให้รีบพบแพทย์ทันที
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน มีสาเหตุมาจากอะไร?
- ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สาเหตุมาจาก เนื้อฟิลเลอร์ไม่เหมาะกับบริเวณใต้ตา
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เนื่องจากเลือกเนื้อฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม ซึ่งฟิลเลอร์แต่ละเนื้อ ถูกออกแบบมาเพื่อฉีดชั้นผิวที่แตกต่างกัน โดยสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นตื้น ควรเลือกฟิลเลอร์เนื้อนิ่มหรือเนื้อละเอียด เพื่อเติมเต็มให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ส่วนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาชั้นลึก ควรเลือกฟิลเลอร์เนื้อแข็ง เพื่อช่วยเติมเต็มและเสริมชั้นกระดูกให้ผิวใต้ตาดูอ่อนเยาว์ หากเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม เช่น เลือกฟิลเลอร์เนื้อแข็งไปฉีดใต้ตาชั้นตื้น อาจทำให้เกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนอย่างเห็นได้ชัด
- ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สาเหตุมาจาก ฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือฟิลเลอร์ปลอม มีส่วนประกอบที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. ทำให้เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหน้าแล้ว ร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน เกิดอาการแพ้ และอักเสบ จนส่งผลให้ฟิลเลอร์เป็นก้อนได้ อีกทั้ง ฟิลเลอร์ปลอม ไม่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ เมื่อฉีดไปนาน ๆ ฟิลเลอร์มักจับตัวกันเป็นก้อน จนไหลย้อยไม่เป็นทรง ใบหน้าบิดเบี้ยวไปจากเดิม จนส่งผลกระทบต่อความมั่นใจได้
- ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สาเหตุมาจาก ฉีดฟิลเลอร์ปริมาณมากเกินไป
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เนื่องจากใต้ตาเป็นบริเวณที่มีผิวค่อนข้างบาง หากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามากเกินความจำเป็น อาจทำให้เกิดแรงดันภายในเนื้อเยื่อใต้ตา ส่งผลให้ฟิลเลอร์ถูกดันให้เคลื่อนที่ จนจับตัวกันเป็นก้อนได้ง่าย โดยสามารถเห็นได้ชัดเวลายิ้ม หรือแสดงสีหน้า
- ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สาเหตุมาจาก แพทย์ไม่มีความรู้เพียงพอ
หากแพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไม่มีความรู้ ความสามารถ และประสบกาณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาที่เพียงพอ อาจไม่สามารถประเมินปัญหา คำนวณปริมาณฟิลเลอร์ และแนะนำเนื้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาที่ต้องการแก้ไขได้ อีกทั้ง ยังเสี่ยงต่อการฉีดผิดจุด ฉีดผิดชั้นผิว จนทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน หรืออาจถึงขั้นฉีดพลาดเข้าเส้นเลือด ทำให้ตาบอดได้เลยทีเดียว
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน อันตรายไหม?
ความอันตรายของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะของก้อนและอาการที่เกิดขึ้น หากฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแบบไม่อักเสบ มีเพียงแค่ก้อนนูนขึ้นมา ไม่มีการอักเสบหรือบวมแดงใด ๆ ถือว่าไม่อันตรายต่อร่างกาย สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้ตามปกติ แต่หากฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแบบอักเสบ มีลักษณะเป็นก้อนบวม ผิวบริเวณใต้ตาปลี่ยนสี เนื่องจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ถือว่ามีความเสี่ยงอันตรายสูง ทั้งก่อให้เกิดพังผืด ฟิลเลอร์ไหลย้อย จนถึงขั้นตาบอดได้ โดยฟิลเลอร์ในลักษณะนี้ ไม่สามารถฉีดสลายได้ ต้องทำการขูดออกหรือผ่าตัดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากสังเกตตัวเองว่า หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามาแล้ว มีก้อนนูนเกิดขึ้น แนะนำให้รีบพบแพทย์ เพื่อหาทางแก้ไขฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนทันที
ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน มีวิธีแก้ไขอย่างไร?
- ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สามารถแก้ไขด้วย การฉีดสลายฟิลเลอร์
การฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เป็นการใช้สารที่เรียกว่า ไฮยาลูรอนิเดส (Hyaluronidase – HYAL) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สามารถย่อยสลายฟิลเลอร์ประเภท HA เท่านั้น โดยฉีดเข้าไปยังผิวหนังในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดการกักเก็บน้ำ และลดการยึดเกาะของเนื้อฟิลเลอร์ ทำให้บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ค่อย ๆ ย่อยสลายไปเองตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวใต้ตากลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง
- ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สามารถแก้ไขด้วย การขูดฟิลเลอร์อออก
การขูดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เป็นวิธีการแก้ไขสำหรับผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร หรือฟิลเลอร์ปลอมมาก่อน ซึ่งฟิลเลอร์ประภทนี้ไม่สามารถสลายตัวได้ตามธรรมชาติ เหมือนฟิลเลอร์ประเภท HA โดยการขูดฟิลเลอร์นั้น จะใช้เครื่องมือทางการแพทย์ขูดเอาเนื้อฟิลเลอร์ที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังออกมา ซึ่งสามารถขูดออกมาได้เพียง 60 – 70% เท่านั้น ไม่สามารถขูดออกมาได้ทั้งหมด
- ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สามารถแก้ไขด้วย การผ่าตัดฟิลเลอร์
การผ่าตัดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เป็นวิธีการแก้ไขสำหรับผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์ปลอม ในกรณีที่ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่ หรือเกิดการอักเสบอย่างรุนแรง จนพังผืดเกาะ ไม่สามารถขูดออกได้ โดยการผ่าตัดนั้น จะเป็นการผ่าตัดเปิดผิว และใช้เครื่องมือทางการแพทย์เลาะเนื้อฟิลเลอร์ออกมา ซึ่งต้องอาศัยแพทย์ที่มีความรู้และความชำนาญ เพื่อไม่ให้พลาดไปโดนเส้นประสาท จึงมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนสูง
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาควรปฏิบัติตัวอย่างไร?
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส กดทับ หรือขยี้ตาในบริเวณที่ฉีด เนื่องจากอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ และเกิดการจับตัวเป็นก้อนได้
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรหลีกเลี่ยงความร้อน หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก เช่น ออกกำลังกายหนัก ทำเลเซอร์ หรือซาวน่า เนื่องจากอาจทำให้ฟิลเลอร์บวม หรืออักเสบได้
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เนื่องจากจะทำให้ฟิลเลอร์ฟูสวย และคงรูปได้นานขึ้น
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันฟิลเลอร์อักเสบ ติดเชื้อ และฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา หากพบว่ามีอาการผิดปกติ อย่างเช่น ใต้ตาเปลี่ยนสี มีหนอง หรือฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาทันที
วิธีป้องกันปัญหาหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีเลขใบอนุญาตประกอบกิจการ 11 หลักอย่างถูกต้อง ตามกฎของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึง ภายในคลินิกต้องมีความสะอาด ปลอดเชื้อ ไม่อับ ไม่คับแคบ
- เลือกฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ที่มีความรู้ และประสบการณ์เท่านั้น เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินและวิเคราะห์โครงหน้าได้อย่างเหมาะสม รวมถึง ให้คำแนะนำได้อย่างตรงจุด รู้เทคนิคในการฉีดฟิลเลอร์ที่ถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้
- เลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ประเภท HA ที่สามารถสลายได้หมด 100% ซึ่งต้องเป็นยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. แล้วเท่านั้น จึงจะมีความปลอดภัย ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย และลดความเสี่ยงในการเกิดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน
- มีการนัดติดตามผลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อสอบถามอาการและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น พร้อมให้คำแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดที่เหมาะสม ถือเป็นสัญญาณที่ดี และแสดงถึงความใส่ใจในผู้รับบริการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียง หรือฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้
- มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ โดยดูรีวิวจากหลาย ๆ ช่องทาง ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ทั้งภาพก่อน – หลัง รวมถึง คลิปวิดีโอ เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลังฉีดอย่างชัดเจน ทำให้สามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ใต้ตา
ฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน อันตรายไหม?
- การฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน สามารถสลายฟิลเลอร์ประเภท HA ได้หมด 100% ไ่ม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย จึงถือว่ามีความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน โดยแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์ เพื่อให้แพทย์ประเมินปัญหา และคำนวณปริมาณยาที่ฉีดสลายได้อย่างเหมาะสม หากฉีดในปริมาณที่มากเกินไป อาจเป็นการไปทำลายคอลลาเจนในบริเวณใต้ตาได้
ฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแล้ว สามารถเติมฟิลเลอร์ต่อได้เลยไหม?
- หลังจากฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนแล้ว ไม่สามารถเติมฟิลเลอร์ได้ทันที เนื่องจากสารที่ใช้ในการสลายฟิลเลอร์ใต้ตาจะต้องใช้เวลาในการทำงาน ประมาณ 24 – 72 ชั่วโมงหลังฉีด เพื่อสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนออกไปได้อย่างสมบูรณ์ หากเติมฟิลเลอร์ใหม่เข้าไปในทันที อาจทำให้ฟิลเลอร์ใหม่ถูกสลายไปด้วยได้ โดยทั่วไป แพทย์จะแนะนำให้เว้นระยะห่างประมาณ 1 – 2 สัปดาห์หลังฉีดสลาย แล้วจึงจะค่อยเติมฟิลเลอร์ใต้ตาใหม่ได้
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วบวม อันตรายไหม?
- โดยปกติแล้ว หลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อาจมีอาการบวมช้ำเกิดขึ้นจากยาชา หรือจากเข็มฉีดยา ซึ่งอาการเหล่านี้ ถือว่าไม่เป็นอันตรายใด ๆ สามารถหายเองได้ภายในไม่กี่วัน แต่หากหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้ว มีอาการบวมจากการติดเชื้อ หรือบวมจากการอักเสบ ทำให้บริเวณใต้ตามีสีคล้ำ หรือเปลี่ยนสีไปจากเดิม เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ฉีดไม่มีคุณภาพ ขั้นตอนในการฉีดไม่สะอาด มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค ถือว่ามีความอันตรายสูง ควรพบแพทย์ทันที
ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะกับใคร?
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา มีริ้วรอยใต้ตา ใต้ตาคล้ำ เบ้าตาลึก
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่อยากผ่าตัด ไม่มีเวลาพักฟื้น ไม่อยากเจ็บตัว
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่อายุมาก ต้องการแก้ไขกระดูกใต้ตาทรุดตัวลง
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันที
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาจากพันธุกรรม
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาจากโรคภูมิแพ้
ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ผิวบริเวณใต้ตาเต่งตึง ลดความหย่อนคล้อย
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ริ้วรอยใต้ตาตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ผิวใต้ตาดูเรียบเนียน มีความอิ่มฟู
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ใบหน้าดูสดใส มีชีวิตชีวา เหมือนนอนเต็มอิ่มตลอดเวลา
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ใต้ตาสว่างขึ้น ลดความหมองคล้ำบริเวณใต้ตา
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้เบ้าลึกใต้ตาตื้นขึ้น ใบหน้าดูมีมิติ อ่อนกว่าวัย
ฟิลเลอร์ใต้ตา ควรฉีดกี่ CC?
- ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในแต่ละคนนั้น จะมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข และโครงหน้าของแต่ละคน โดยทั่วไปแล้ว ควรเริ่มต้นปริมาณ 1 – 2 CC ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่า ควรใช้ฟิลเลอร์ปริมาณกี่ CC ถึงจะเหมาะสม และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ หากฉีดปริมาณน้อยเกินไป อาจทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่หากฉีดปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน บวม ไม่เป็นธรรมชาติได้
ฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดกี่วันเห็นผล?
- หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด ซึ่งในช่วงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสร็จ อาจมีอาการบวมช้ำเกิดขึ้นเล็กน้อย ซึ่งอาการบวมช้ำจะค่อย ๆ หายไป และเนื้อฟิลเลอร์จะค่อย ๆ เซ็ทตัวเข้ากับผิวของเรา ภายใน 1 – 2 สัปดาห์
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ บริเวณใต้ตาแล้ว ยังทำให้ใบหน้าดูสดใส และอ่อนกว่าวัยอีกด้วย ซึ่งถือเป็นหัตถการที่มีความละเอียดอ่อน จำเป็นต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ของแพทย์เป็นหลัก หากฉีดผิดพลาด อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายได้ ทั้งฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ฟิลเลอร์ใต้ตาอักเสบ หรือฟิลเลอร์ใต้ตาติดเชื้อ ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจฉีด ควรศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียด พร้อมเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน ใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการอนุมัติจาก อย. เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และปลอดภัยสูง