GLP-1 ฮอร์โมนควบคุมความหิว คืออะไร? ทางเลือกใหม่ดูแลหุ่นและสุขภาพไปพร้อมกัน

GLP-1 คืออะไร?

GLP-1 หรือฮอร์โมนควบคุมความหิว อาจจะเป็นชื่อที่หลายคนต่างคุ้นหู เนื่องจากกำลังได้รับความสนใจอย่างเป็นวงกว้างในวงการสุขภาพ เพราะฮอร์โมน GLP-1 ไม่ได้มีบทบาทเพียงช่วยทำให้รู้สึกอิ่มนาน แต่ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และปัจจุบันได้มีการพัฒนาเปปไทด์ที่มีความใกล้เคียงมาเป็นตัวช่วยในการดูแลรูปร่างและสุขภาพ ทำความรู้จักกับ GLP-1 ฮอร์โมนควบคุมความหิว ทางเลือกใหม่ดูแลหุ่นและสุขภาพไปพร้อมกัน 

 

GLP-1 คืออะไร ?

GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) หรือที่รู้จักกันว่า “ฮอร์โมนควบคุมความหิว” เป็นฮอร์โมนชนิดเปปไทด์ที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ มีบทบาทสำคัญในการช่วยลดความอยากอาหาร ความอิ่ม และดูแลระดับน้ำตาลในเลือด โดย GLP-1 ถูกสร้างจาก L-cells ที่อยู่บริเวณเยื่อบุลำไส้เล็กส่วนปลายและลำไส้ใหญ่บางส่วน L-cells จะทำการหลั่ง GLP-1 ออกมาหลังจากรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน ซึ่งหน้าที่หลักของ GLP-1 จะช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน เพื่อช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือก พร้อมส่งสัญญาณไปยังสมองให้รู้สึกอิ่ม และช่วยลดความอยากอาหารได้

อย่างไรก็ตาม GLP-1 มีอายุสั้นมากในร่างกาย เมื่อหลั่งออกมาแล้วสามารถอยู่ในร่างกายได้เพียงไม่กี่นาที เนื่องจากถูกย่อยสลายอย่างรวดเร็วโดยเอนไซม์ DPP-4 (Dipeptidyl Peptidase-4) ทำให้มีปริมาณเพียง 10–15% เท่านั้น ที่สามารถเข้าสู่กระแสเลือดและออกฤทธิ์ที่อวัยวะต่าง ๆ ได้จริง

 

GLP-1 มีหน้าที่และทำงานอย่างไร ?

ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

  • ฮอร์โมน GLP-1 ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน เมื่อหลังรับประทานอาหารระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มสูงขึ้น GLP-1 จะทำการกระตุ้นให้ตับอ่อนหลั่งอินซูลินออกมา เพื่อนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงาน และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
  • ฮอร์โมน GLP-1 ช่วยลดการหลั่งกลูคากอน จึงช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เพิ่มสูงเกินไป

ลดความอยากอาหารและรู้สึกอิ่ม

  • ฮอร์โมน GLP-1 สามารถช่วยชะลอการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะได้นานมากขึ้น จึงส่งผลให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้น และรับประทานอาหารได้น้อยลง
  • ฮอร์โมน GLP-1 จะทำการออกฤทธิ์ที่สมองส่วนควบคุมความหิวและความอิ่ม ทำให้รู้สึกอิ่มได้ไว และช่วยทำให้ลดความอยากอาหารลง

ดูแลสุขภาพ

  • ฮอร์โมน GLP-1 สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดโดยไม่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลต่ำเกินไป (hypoglycemia) ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2
  • ฮอร์โมน GLP-1 จะช่วยลดความอยากอาหาร ลดการสะสมของไขมัน ทำให้สามารถช่วยสนับสนุนการควบคุมน้ำหนักได้
  • ฮอร์โมน GLP-1 อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและช่วยลดภาวะไขมันพอกตับในระยะเริ่มต้นได้

 

GLP-1 มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร ?
GLP-1 มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร ?

 

GLP-1 มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร ?

GLP-1 เป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด พร้อมช่วยลดความอยากอาหาร โดย GLP-1 จะหลั่งเมื่อรับประทานอาหาร และออกฤทธิ์กับกลไกทางร่างกายหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น

  • สมอง GLP-1 จะส่งสัญญาณไปยังสมองที่มีส่วนช่วยควบคุมความหิว ให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม และช่วยลดความอยากอาหาร
  • ตับอ่อน เมื่อรับประทานอาหารหรือมีน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่ร่างกาย GLP-1 จะกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน และลดการหลั่งกลูคากอนที่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ
  • กระเพาะอาหาร GLP-1 จะช่วยชะลอการบีบตัวของกระเพาะอาหารและชะลอการหลั่งน้ำย่อย ทำให้อาหารอยู่ท้องนานขึ้น รู้สึกอิ่มนานขึ้น ส่งผลให้รับประทานอาหารได้น้อยลง
  • ตับ GLP-1 จะออกฤทธิ์กับตับโดยลดการสร้างน้ำตาลกลูโคสใหม่ (gluconeogenesis) จากตับโดยตรง และยังช่วยเพิ่มการเก็บสะสมน้ำตาลกลูโคส จึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้

นอกจากนี้ยังมี GLP-1 ยังมีการออกฤทธิ์กับอวัยวะอื่น ๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อลาย หรือ กล้ามเนื้อหัวใจและเซลล์ไขมัน ที่จะช่วยจัดการระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น

 

GLP-1 ทำงานกับฮอร์โมนอะไรบ้าง

ฮอร์โมน GLP-1 จะทำงานร่วมกับฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) และกลูคากอน (Glucagon) เป็นหลัก เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ดังนี้

  • อินซูลิน (Insulin)

อินซูลิน (Insulin) คือ ฮอร์โมนที่ผลิตโดยตับอ่อน มีหน้าที่นำน้ำตาลจากเลือดกับเก็บไว้ที่เซลล์ต่าง ๆ ภายในร่างกาย จึงช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง โดย GLP-1 จะไปกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งฮอร์โมนอินซูลินเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้

  • กลูคากอน (Glucagon) 

กลูคากอน (Glucagon) คือ ฮอร์โมนที่ผลิตโดยตับอ่อนมีหน้าที่ตรงกันข้ามกับอินซูลิน ซึ่งกลูคากอนจะช่วยกระตุ้นให้ตับสร้างกลูโคสเพิ่มขึ้น หรือช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด โดย GLP-1 จะไปยับยั้งการหลั่งกลูคากอนจึงช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้

 

GLP-1 กับการดูแลสุขภาพ
GLP-1 กับการดูแลสุขภาพ

 

GLP-1 กับการดูแลสุขภาพ 

  • GLP-1 กับโรคไขมันพอกตับ

โรคไขมันพอกตับ (Non-Alcoholic Fatty Liver Disease: NAFLD) คือ ภาวะที่มีไขมันสะสมในตับมากกว่า 5% ทำให้ตับทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดตับอักเสบ ตับแข็ง ไปจนถึงมะเร็งตับได้ ซึ่งสามารถเกิดได้จากทั้งการดื่มแอลกอฮอล์ หรือภาวะน้ำหนักเกิน โรคอ้วน โรคเบาหวาน และไขมันในเลือดสูง โดย GLP-1 สามารถช่วยลดการสะสมของไขมันในร่างกายและตับ ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดภาวะการดื้ออินซูลิน รวมถึงช่วยลดการอักเสบในตับบรรเทาภาวะไขมันพอกตับได้ 

 

  • GLP-1 กับโรคเบาหวาน

GLP-1 มีหน้าที่สำคัญในการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงสามารถช่วยรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ เนื่องจากมีกลไกการออกฤทธิ์ต่ออวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน และลดการหลั่งกลูคาคอน รวมถึงช่วยลดการสะสมและเพิ่มการดูดซึมกลูโคสเข้าสู่กล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มได้ไวและนานขึ้น จึงส่งผลดีต่อการควบคุมน้ำหนักและการปรับพฤติกรรมการกิน

  • GLP-1 กับการลดน้ำหนัก

ในปัจจุบัน GLP-1 ถูกพัฒนามาเพื่อช่วยดูแลสุขภาพ และยังสามารถดูแลรูปร่างควบคู่ไปด้วยได้ โดยมีการพัฒนาเปปไทด์ที่เลียนแบบการทำงานของ GLP-1 พร้อมปรับโครงสร้างทางเคมีที่ทำให้ GLP-1 สามารถออกฤทธิ์ได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่าง Slim & Slender เปปไทด์ลดความอยากอาหาร ชะลอการเคลื่อนที่ของอาหารในกระเพาะอาหาร ช่วยให้อิ่มได้นานและไวขึ้น ช่วยปรับพฤติกรรมการกิน ลดไขมันสะสมในร่างกาย และควบคุมระดับน้ำตาลเลือด เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการดูแลรูปร่าง และควบคุมน้ำหนักสำหรับผู้ที่ต้องการตัวช่วยปรับพฤติกรรมการกิน

 

GLP-1 ต่างจากการลดน้ำหนักแบบออกกำลังกายอย่างไร?

  • การออกกำลังกาย

สามารถช่วยพัฒนาสมรรถภาพร่างกาย พร้อมเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรังอย่าง โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน โดยการออกกำลังกายจะเน้นการดูแลรูปร่างภายนอก และเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ช่วยให้สัดส่วนดูกระชับได้รูปมากขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ของการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้จะขึ้นอยู่กับวินัย ความต่อเนื่อง การปรับพฤติกรรมระยะยาว และปัจจัยส่วนบุคคล เช่น การเผาผลาญพื้นฐาน (BMR)

  • GLP-1

GLP-1 สามารถช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในช่องท้อง และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดบางโรคได้ เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจ และภาวะตับอักเสบจากไขมัน โดย GLP-1 จะออกฤทธิ์โดยตรงกับระบบฮอร์โมนและสมอง จึงส่งผลทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยปรับพฤติกรรมการกินให้ดีมากขึ้น ทั้งนี้ ควรทำควบคู่กับการควบคุมอาหารและออกกำลังกายร่วมด้วย เนื่องจาก GLP-1 ไม่สามารถสร้างกล้ามเนื้อ หรือเพิ่มความแข็งแรงได้เท่ากับการออกกำลังกาย

 

โดยการใช้ Slim & Slender ควรปรึกษาแพทย์ เนื่องจากแพทย์จะทำการวางแผนการรักษาตามความต้องการของผู้ใช้บริการ โดยผู้ใช้บริการสามารถแจ้งความต้องการเกี่ยวกับร่างกาย เช่น สัดส่วนที่ต้องการ น้ำหนักที่ต้องการ หากต้องการรักษาโดย Slim & Slender ให้ได้ผลควรทำอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ

 

GLP-1 มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง ?

แม้ว่าฮอร์โมน GLP-1 หรือ  Slim & Slender จะมีประสิทธิภาพในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยลดความอยากอาหาร แต่ในช่วงแรกของการใช้อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงบางอย่าง เนื่องจากร่างกายกำลังปรับตัว โดยส่วนมากอาการที่พบได้บ่อย คือ อาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องผูก รวมถึงอาการอื่น ๆ เช่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย วิงเวียนศีรษะ เมื่อร่างกายปรับตัวแล้วอาการเหล่าก็นี้มักดีขึ้นตามไปด้วย โดยความรุนแรงและความถี่ของผลข้างเคียงจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล  แต่หากมีอาการที่รุนแรงหรือผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

 

Slim & Slender คืออะไร
Slim & Slender คืออะไร

 

Slim & Slender คืออะไร

ทางเลือกใหม่ในการดูแลรูปร่าง Slim & Slender คือ เปปไทด์ช่วยลดความอยากอาหาร ที่พัฒนามาโดยการเลียนแบบการทำงานของฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ซึ่งเป็นฮอร์โมนธรรมชาติในร่างกายที่ทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหาร และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่ง Slim & Slender จะมีระยะในการออกฤทธิ์ที่ยาวนานกว่า GLP-1 ตามธรรมชาติ ทำให้สามารถช่วยทำให้อิ่มได้นานและไวขึ้น ช่วยลดความอยากอาหาร ลดการสะสมของไขมัน พร้อมควบคุมระดับน้ำตาล และปรับพฤติกรรมการกินได้ในระยะยาว Slim & Slender ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาว่าไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

 

Slim & Slender มีกลไกการทำงานอย่างไร?

Slim & Slender เป็นเปปไทด์ที่ถูกออกแบบมาให้มีโครงสร้างทางเคมีและการทำงานที่ใกล้เคียงกับฮอร์โมนควบคุมความหิว GLP-1 สูงถึง 97% จึงเข้ากับกลไกตามธรรมชาติของร่างกายและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ลดความอยากอาหาร โดยฮอร์โมน GLP-1 จะส่งสัญญาณไปยังสมอง ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว และช่วยลดความอยากอาหาร ลดการกินจุบจิบระหว่างวัน
  • ปรับสมดุลทางเดินอาหาร โดยฮอร์โมน GLP-1 จะช่วยชะลอการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหาร ลดการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะได้นานขึ้น ส่งผลให้รู้สึกอิ่มได้นาน และทานได้น้อยลง
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด โดยฮอร์โมน GLP-1 จะช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน และลดการหลั่งกลูคากอนที่ทำให้ระดับน้ำตาลสูงขึ้น

 

Slim & Slender ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

Slim & Slender เปปไทด์ลดความอยากอาหารที่ถูกพัฒนามาจากฮอร์โมน GLP-1 เพื่อช่วยดูแลรูปร่างพร้อมดูแลสุขภาพในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น 

  1. ช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง
  2. ช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่มนาน ช่วยลดอาการโหยและความหิวระหว่างวัน
  3. ลดการกินจุบจิบ ช่วยปรับพฤติกรรมการกินจุบจิบ หรือกินระหว่างมื้อให้สมดุลขึ้น
  4. ชะลอการย่อยอาหาร ช่วยลดการดูดซึมน้ำตาลหลังมื้ออาหาร
  5. เพิ่มการเผาผลาญพลังงาน ช่วยให้ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  6. ลดการสะสมของไขมันในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ไขมันใต้ชั้นผิว หรือไขมันในช่องท้อง
  7. ลดความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ และโรคไขมันพอกตับ

ทั้งนี้ ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวางแผนการรักษา Slim & Slender เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามต้องการ

 

Slim & Slender เหมาะกับใคร ?

Slim & Slender เป็นวิธีดูแลรูปร่างที่ได้รับความนิยม และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย สามารถทำควบคู่กับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย และยังเหมาะกับคนหลากหลายกลุ่ม ดังนี้

  • Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 12-75 ปีขึ้นไป 
  • Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน หรือมีค่า BMI มากกว่า 30 
  • Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลรูปร่างภายใต้การดูแลของแพทย์
  • Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่ลดน้ำหนักได้ยาก น้ำหนักลงยากแม้จะออกกำลังกาย หรือควบคุมอาหาร
  • Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดพฤติกรรมกินจุบจิบระหว่างวัน หิวบ่อย หรืออิ่มยาก
  • Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดไขมันในช่องท้อง และไขมันสะสมในร่างกาย
  • Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่ต้องการตัวช่วยดูแลรูปร่างควบคู่กับการออกกำลังกาย
  • Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพร่างกายโดยรวม 
  • Slim & Slender เหมาะกับผู้ที่เคยลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นแต่ไม่ได้ผล

ทั้งนี้ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล การใช้ Slim & Slender ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ก่อนเข้ารับการบริการ Slim & Slender ควรแจ้งประวัติการรักษา ประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัวให้ละเอียด

 

Slim & Slender ไม่เหมาะกับใคร

แม้ว่า Slim & Slender จะเป็นเปปไทด์ลดความอยากอาหารที่ได้รับการยอมรับว่าไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ในบางกลุ่มเสี่ยงที่ควรหลีกเลี่ยงหรือการใช้ Slim & Slender อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เช่น

  1. Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคตับระยะรุนแรง ไม่ว่าจะเป็น ภาวะตับอ่อนอักเสบ หรือมะเร็งตับอ่อน
  2. Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไตระยะรุนแรง เพราะการขับสารออกทางไตอาจผิดปกติ เพิ่มความเสี่ยงต่อการสะสมของยา
  3. Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติหรือครอบครัวเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิด Medullary Thyroid Carcinoma (MTC) หรือมีโรคพันธุกรรมกลุ่ม Multiple Endocrine Neoplasia type 2 (MEN2) 
  4. Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะ Multiple Endocrine Neoplasia Syndrome Type 2 (MEN2) ซึ่งเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับต่อมไร้ท่อ
  5. Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 เนื่องจากร่างกายของผู้ป่วยไม่สามารถสร้างอินซูลินเองได้ และหากจำเป็นต้องใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะดื้ออินซูลินร่วมด้วย ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
  6. Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่วางแผนมีบุตรหรือกำลังตั้งครรภ์ และให้นมบุตร
  7. Slim & Slender ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เนื่องจากการใช้ Slim & Slender จะต้องอาศัยการวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลจากแพทย์ หากใช้เองอาจเกิดอันตรายหรือผลข้างเคียงได้

ทั้งนี้ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล การใช้ Slim & Slender ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ก่อนเข้ารับการบริการ Slim & Slender ควรแจ้งประวัติการรักษา ประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัวให้ละเอียด

 

ข้อควรระวังในการใช้ Slim & Slender

Slim & Slender เป็นเปปไทด์ลดความอยากอาหารที่จัดอยู่ในกลุ่ม GLP-1 และได้รับรองจากองค์การอาหารและยา จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่อย่างไรก็ตามการใช้ Slim & Slender จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Slim & Slender ดังนี้

  1. ก่อนเริ่มใช้ Slim & Slender ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติการรักษา โรคประจำตัว รวมถึงเป้าหมายในการใช้โดยความจริง เพื่อให้แพทย์ทำการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
  2. ควรศึกษาข้อมูล วิธีการใช้งาน Slim & Slender รวมถึงข้อควรระวัง และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นให้ละเอียดก่อนเลือกใช้
  3. ระหว่างการใช้ Slim & Slender ควรดื่มน้ำระหว่างวันให้เพียงพอ เพื่อบรรเทาอาการที่อาจเกิดจากผลข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือเบื่ออาหาร
  4. Slim & Slender ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น หากปรับขนาดด้วยตนเองอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนได้
  5. อาการข้างเคียงที่อาจพบในช่วงแรกหลังใช้ Slim & Slender เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หรือเบื่ออาหาร ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะค่อย ๆ ดีเมื่อร่างกายปรับตัวแล้ว แต่หากพบอาการที่รุนแรงขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป
  6. ไม่แนะนำให้ใช้ Slim & Slender กับผู้ป่วยบางโรค หรือบางกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ที่วางแผนมีบุตรหรือกำลังตั้งครรภ์ ผู้ที่มีประวัติเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดเมดัลลารี ผู้ป่วยมะเร็งตับอ่อน และผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 
  7.  ควรใช้ Slim & Slender ตามแผนการรักษา ไม่ควรใช้ ในปริมาณที่มากเกินไป และหากน้ำหนักลดลงเร็วกว่าปกติ ควรปรึกษาแพทย์

 

Slim & Slender สามารถลดไขมันเฉพาะจุดได้ไหม?

Slim & Slender ไม่สามารถเลือกลดไขมันเฉพาะจุดได้ แต่สามารถช่วยลดไขมันภาพรวมทั่วร่างกายได้ทั้งไขมันใต้ชั้นผิว และไขมันในช่องท้อง เนื่องจาก Slim & Slender เป็นเปปไทด์ที่เลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ที่ทำหน้าที่ควบคุมความหิว และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงสามารถช่วยลดความอยากอาหาร ช่วยชะลอการเคลื่อนตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มได้ไวและนานขึ้น และยังช่วยปรับพฤติกรรมการกิน ลดการกินจุบจิบ ทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันสะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ควรทำควบคู่กับการออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร เพื่อผลลัพธ์ที่พึงพอใจ และสุขภาพที่ดีในระยะยาว

 

Slim & Slender ช่วยให้น้ำหนักลดลงได้จริงหรือไม่?

Slim & Slender สามารถช่วยให้น้ำหนักลดลงได้จริง เนื่องจากเปปไทด์มีการออกฤทธิ์เลียนแบบการทำงานของฮอร์โมน GLP-1 ที่ทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหารและความรู้สึกอิ่ม จึงสามารถช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้อิ่มเร็วและอิ่มนาน จึงทำให้ทานได้น้อยลง และยังช่วยลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ และการกินเกินความจำเป็น เมื่อรับประทานอาหารได้น้อยลง ก็จะช่วยลดการสะสมไขมันในร่างกาย และช่วยร่างกายเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น ส่งผลให้น้ำหนักตัวลดลง Slim & Slender จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดูแลรูปร่าง ทั้งนี้ ควรทำควบคู่กับการออกกำลังกายและการควบคุมอาหาร เพื่อผลลัพธ์ที่พึงพอใจ และสุขภาพที่ดีในระยะยาว

 

ทั้งนี้ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล การใช้ Slim & Slender ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ก่อนเข้ารับการบริการ Slim & Slender ควรแจ้งประวัติการรักษา ประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัวให้ละเอียด

 

สาเหตุของน้ำหนักเกินและโรคอ้วน
สาเหตุของน้ำหนักเกินและโรคอ้วน

 

สาเหตุของน้ำหนักเกินและโรคอ้วน

น้ำหนักเกินและโรคอ้วน เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น ปัจจัยเกี่ยวกับร่างกาย หรือปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย ดังนี้

  • พฤติกรรมการรับประทานอาหาร

การรับประทานอาหารที่มีพลังงานสูง ไขมัน และน้ำตาลมาก รวมถึงการกินจุบจิบ หรือกินเกินความจำเป็นของร่างกาย อาจส่งผลให้เกิดโรคอ้วน รวมถึงโรคเรื้อรังต่าง ๆ ได้

  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต

หากขาดการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมทางกาย จะทำให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญพลังงานได้น้อยและอาจทำให้ร่างกายขาดการสร้างกล้ามเนื้อ ส่งผลให้เกิดไขมันสะสมเฉพาะจุด และผิวไม่กระชับได้ นอกจากนี้การนอนหลับไม่เพียงพอ ก็อาจส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหาร ทำให้เกิดความหิวได้บ่อย

  • ปัจจัยทางพันธุกรรม

พันธุกรรม สามารถส่งผลต่อการสะสมไขมันและการเผาผลาญพลังงานของแต่ละบุคคลได้ เช่น ผู้ที่มีความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น อินซูลิน เลปติน หรือ GLP-1 ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ช่วยควบคุมความหิวและความอิ่ม อาจจะเผาผลาญพลังงานได้น้อยกว่าปกติ หรือมีการทานอาหารที่มากกว่าปกติ

  • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

ปัจจัยทางสภาพแวดล้อมก็สามารถเอื้อต่อการบริโภคอาหารที่มีแคลอรีสูง เช่น การนั่งทำงานนาน การเคลื่อนไหวน้อย และการกินอาหารมื้อดึก ซึ่งล้วนเป็นสาเหตุของโรคอ้วนและโรคอื่น ๆ 

  • ปัจจัยทางจิตใจ

สภาวะทางจิตใจ เช่น ความเครียด วิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า อาจส่งผลทำให้ร่างกายหิวมากกว่าปกติ และกินมากขึ้นเพื่อระบายความรู้สึก จึงอาจส่งผลให้เกิดภาวะอ้วนได้

  • ปัจจัยทางโรคประจำตัว

โรคประจำตัวบางชนิดรวมถึงการใช้ยาบางประเภท อาจมีผลข้างเคียงที่ส่งผลต่อโรคอ้วนหรือภาวะน้ำหนักเกินได้ เช่น เช่น ภาวะไทรอยด์ทำงานต่ำ (Hypothyroidism) หรืออาการคุชชิง (Cushing’s syndrome) และการใช้ยาสเตียรอยด์ ยาคุมกำเนิด รวมถึงยาต้านซึมเศร้าบางชนิด

GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) เป็นฮอร์โมนที่อยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ ช่วยควบคุมความหิวและความอิ่ม รวมถึงช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ปัจจุบันได้มีการพัฒนา Slim & Slender เปปไทด์ลดความอยากอาหารที่เลียนแบบการทำงานของ GLP-1 เพื่อช่วยดูแลรูปร่าง ปรับพฤติกรรมการกิน ลดไขมัน และช่วยดูแลสุขภาพ สำหรับใครที่สนใจ Slim & Slender  สามารถเข้ามาปรึกษาและสอบถามได้ที่ รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการบริการ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด