CaHA สารกระตุ้นคอลลาเจน ตัวช่วยหน้าเด็ก โกงอายุผิว
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะเริ่มเสื่อมสภาพจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ซึ่งส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากการสูญเสียคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ หากไม่มีการทดแทนหรือเติมเต็ม ผิวของเราก็จะเกิดปัญหาตามมาสารพัด เช่น ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ร่องลึก ขาดความยืดหยุ่น และขาดความชุ่มชื้น ซึ่งส่งผลใบหน้าดูแก่กว่าวัย จนหมดความมั่นใจในที่สุด ปัจจุบันมีการพัฒนาสาร CaHA ที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และชะลอความเสื่อมของผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวหน้ากลับมาอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง
บทความนี้ จะพาไปทำความรู้จักกับ CaHA สารกระตุ้นคอลลาเจนว่า CaHA คืออะไร? ทำไม CaHA ถึงสำคัญต่อผิว? และ CaHA มีกลไกการทำงานอย่างไร? บทความนี้พร้อมตอบทุกประเด็นเกี่ยวกับ CaHA
CaHA สารกระตุ้นคอลลาเจนใน Radiesse คืออะไร? เหมาะกับใคร?
CaHA สารกระตุ้นคอลลาเจน คืออะไร?
แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite – CaHA) คือ สารที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย (Biostimulator) มักถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ความงามอย่าง Radiesse สารเติมเต็มชนิดหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและฟื้นฟูผิว ซึ่ง CaHA เป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายของเรา โดยเฉพาะกระดูกและฟัน CaHA มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแรงและความทนทาน ให้กับกระดูกและฟัน ดังนั้น CaHA จึงเป็นสารที่สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย ทำให้มีความปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากระบบภูมิคุ้มกัน
CaHA มีหลักการทำงานอย่างไร?
CaHA มีลักษณะเป็นไมโครสเฟียร์ (Microsphere) ที่มีขนาดอนุภาคสม่ำเสมอ ขนาด 25 – 45 ไมครอน เมื่อฉีด CaHA เข้าสู่ชั้นผิวแล้ว CaHA จะจับตัวกันเป็นโครงสร้างที่แข็งแรง ในการสร้างเส้นใยตาข่าย 3 มิติ (3D Matrix) และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ที่เป็นเซลล์ต้นกำเนิดของคอลลาเจน ให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น โดยสามารถกระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอในบริเวณที่ฉีด ทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างทั่วถึง ส่งผลให้ผิวแข็งแรง มีความหนาแน่น และยืดหยุ่น นอกจากนี้ CaHA ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวและเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวสุขภาพดีขึ้นในระยะยาว โดยผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ในร่างกาย
ทำไม CaHA ถึงมีความสำคัญต่อผิว?
CaHA มีความสำคัญในด้านการดูแลผิวอย่างมาก ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์อย่างยาวนานกว่า 25 ปี มีงานวิจัยยืนยันถึง ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้ CaHA เพื่อฟื้นฟูผิว ซึ่งสามารถกระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายตรึงผิวใหม่ถึง 5 ประการ ได้แก่
- CaHA กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภทที่ 1 (Type I) เพิ่มขึ้น 150% ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรง เฟิร์ม กระชับ
- CaHA กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภทที่ 3 (Type III) เพิ่มขึ้น 130% ช่วยให้ผิวแน่น เต่งตึง เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเรียงตัวของคอลลาเจนประเภทที่ 1
- CaHA กระตุ้นการสร้างอีลาสติน (Elastin) เพิ่มขึ้น 260% ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และลดเลือนริ้วรอย
- CaHA กระตุ้นการสร้าง Proteoglycan ช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและเปล่งปลั่ง
- CaHA กระตุ้นการสร้าง Angiogenesis หรือกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่ ทำให้ผิวได้รับสารอาหารและออกซิเจนมากขึ้น ส่งผลให้ผิวมีสุขภาพดี ดูอมชมพู มีเลือดฝาด
3 ผลลัพธ์ของ CaHA ในระยะยาว มีอะไรบ้าง?
CaHA นอกจากจะให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ทันทีหลังการฉีดแล้ว CaHA ยังมี 3 ผลลัพธ์ในระยะยาวที่โดดเด่น จากการที่ร่างกายค่อย ๆ เพิ่มจำนวนคอลลาเจนขึ้นมาใหม่หลังฉีด CaHA ได้แก่
- ผลลัพธ์ของ CaHA ในระยะยาว คือ Healthier เสริมสร้างโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวเฟิร์มกระชับ อิ่มฟู และดูสุขภาพดีมากขึ้น
- ผลลัพธ์ของ CaHA ในระยะยาว คือ Younger ทำให้ริ้วรอย ร่องลึก และความหย่อนคล้อยลดลง ผิวดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
- ผลลัพธ์ของ CaHA ในระยะยาว คือ Longer ยืดอายุผิวที่มีคุณภาพดีให้ยาวนานมากขึ้น สามารถคงผลลัพธ์ได้ถึง 2 ปี
CaHA มีความพิเศษกว่า HA ทั่วไปอย่างไร?
CaHA (Calcium Hydroxylapatite) และ HA (Hyaluronic Acid) เป็นสารเติมเต็มที่นิยมใช้ในการเติมเต็มผิว และปรับรูปหน้า ซึ่งทั้งสองชนิดนี้ มีหลักการทำงานและผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ได้แก่
- CaHA เป็นส่วนประกอบหลักของ Radiesse ซึ่งเป็นสารธรรมชาติ ที่สามารถพบได้ในร่างกายของเรา เช่น กระดูกและฟัน CaHA มีความโดดเด่นตรงที่ไม่เพียงแต่การเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และปรับรูปหน้า แต่ CaHA ยังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาใหม่ เน้นการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวในระยะยาว และต้องการมีผิวหน้าที่แข็งแรง อ่อนกว่าวัย โดยผลลัพธ์ของ CaHA จะคงอยู่ได้ยาวนานกว่า HA ทั่วไปถึง 2 ปี
- HA เป็นส่วนประกอบหลักของฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นสารธรรมชาติ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเลียนแบบสารในร่างกายของเรา HA มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ กักเก็บความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เมื่อนำมาใช้ในรูปแบบของฟิลเลอร์ จะช่วยเพิ่มวอลุ่มและเติมเต็มช่องว่างใต้ผิวหนัง เพื่อทดแทนเนื้อเยื่อหรือกระดูกที่ทรุดตัวลงจากอายุที่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง ยังสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ ดูตื้นขึ้น ผิวอิ่มน้ำ ดูเรียบเนียน เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาผิว ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
คอลลาเจนมีกี่ประเภท?
คอลลาเจน (Collagen) มีหลายประเภท สามารถได้ตามคุณสมบัติและการทำงานในร่างกาย โดยทั่วไปแล้วมีการจำแนกคอลลาเจนออกเป็น 5 ประเภทหลัก ได้แก่
- คอลลาเจนประเภทที่ 1 (Type I) พบมากที่สุดในร่างกาย ประมาณ 90% ของคอลลาเจนทั้งหมด ทำหน้าที่เสริมสร้างความแข็งแรง และความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง กระดูก เอ็น และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
- คอลลาเจนประเภทที่ 2 (Type II) พบในกระดูกอ่อน เช่น หู จมูก และกระดูกซี่โครง ทำหน้าที่รักษาความยืดหยุ่น และลดการเสื่อมของกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อ
- คอลลาเจนประเภทที่ 3 (Type III) มักพบร่วมกับคอลลาเจนประเภทที่ 1 ในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และหลอดเลือด มีหน้าที่ในการเสริมสร้างโครงสร้างของผิว
- คอลลาเจนประเภทที่ 4 (Type IV) พบในชั้นเยื่อบุผิว และชั้นเนื้อประสานที่รองรับเนื้อผิว มีลักษณะเฉพาะตัว ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือด
- คอลลาเจนประเภทที่ 5 (Type V) พบในเซลล์ผิว รก และเส้นผม ทำหน้าที่ในการเสริมสร้างโครงสร้างของเนื้อเยื่อ เพิ่มความแข็งแรงให้แก่เส้นผมและเล็บ
จะเห็นได้เลยว่า คอลลาเจนแต่ละชนิดมีบทบาทที่สำคัญต่อร่างกายแตกต่างกันไป แต่คอลลาเจนที่จำเป็นสำหรับผิวหนังนั้น คือ คอลลาเจนประเภทที่ 1 และ คอลลาเจนประเภทที่ 3 ดังนั้น การเสริมคอลลาเจนประเภทที่ 1 และ 3 จึงเป็นอีกหนึ่งวิธี ในการช่วยชะลอความเสื่อมของผิวหนัง และคงความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า
ความเสื่อมของคอลลาเจนในผิวหนัง แต่ละช่วงวัย?
ความเสื่อมของคอลลาเจนในผิวหนังเกิดขึ้นตามช่วงอายุ โดยจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ตั้งแต่อายุ 25 ปี ขึ้นไป เนื่องจากร่างกายจะเริ่มผลิตคอลลาเจนลดลงประมาณ 1 – 1.5% ต่อปี ซึ่งส่งผลให้ผิวของเรา เริ่มมีริ้วรอยและความหย่อนคล้อยได้
- อายุ 25 – 30 ปี เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของคอลลาเจนที่ลดลง ทำให้ผิวเริ่มมีริ้วรอยบาง ๆ และเริ่มสูญเสียน้ำ รูขุมขนกว้าง ผิวแห้งตึง
- อายุ 30 – 40 ปี การผลิตคอลลาเจนลดลงมากขึ้น ส่งผลให้เห็นริ้วรอยต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา ร่องแก้ม และริ้วรอยหน้าผาก อีกทั้ง ผิวเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้เกิดความหย่อนคล้อย ผิวหมองคล้ำ ดูไม่สดใส
- อายุ 40 – 60 ปี คอลลาเจนจะลดลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้เห็นริ้วรอย ร่องลึกชัดเจนกว่าเดิม ผิวหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้ง ผิวจะบางลงและบอบบางง่าย ทำให้เกิดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะลดลง ซึ่งส่งผลต่อการผลิตคอลลาเจน
- อายุ 65 ปีขึ้นไป คอลลาเจนเสื่อมสภาพอย่างมาก ทำให้ผิวหนังบาง แห้งกร้าน เห็นริ้วรอยอย่างชัดเจน และเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยขั้นรุนแรง เช่น บริเวณรอบดวงตา บริเวณแก้ม และบริเวณลำคอ อีกทั้งยังส่งผลต่อมวลกระดูกที่เสื่อมสภาพลงอีกด้วย
พฤติกรรมที่ทำลายคอลลาเจนในชั้นผิว?
- การสูบบุหรี่ สารพิษในบุหรี่จะทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง ทำให้เกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยเร็วกว่าปกติ
- การดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลให้คอลลาเจนถูกทำลาย ผิวจึงสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้ผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น และเกิดความเหี่ยวย่นได้ง่าย
- การรับประทานน้ำตาลมากเกินไป น้ำตาลทำให้เกิดกระบวนการไกลเคชั่น (Glycation) ซึ่งจะเข้าไปทำลายโปรตีนในผิวหนังอย่าง คอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเหี่ยวย่นและมีริ้วรอย
- ได้รับแสงแดดมากเกินไป รังสี UV จากแสงแดดเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้เกิดความเสื่อมสภาพของผิวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ผิวขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยได้ง่าย
- ความเครียด เมื่อมีความเครียด ร่างกายจะกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งมีส่วนในการทำลายคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวแห้งและหมองคล้ำ
- พักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนหลับไม่เพียงพอ จะทำให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ไม่เต็มที่ ซึ่งส่งผลต่อการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว
เมื่อคอลลาเจนลดลงจะส่งผลต่อผิวหนังอย่างไร?
- ผิวหย่อนคล้อยและมีริ้วรอย เนื่องจากการสูญเสียคอลลาเจน ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น และความกระชับ ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ร่องลึก และความหย่อนคล้อยได้ง่าย
- ผิวแห้งและหมองคล้ำ เนื่องจากคอลลาเจน มีบทบาทในการรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว เมื่อระดับคอลลาเจนลดลง ผิวจะเริ่มแห้งกร้าน ดูไม่สดใส
- ผิวแพ้ง่ายและไม่แข็งแรง เนื่องจากการลดลงของคอลลาเจน ทำให้โครงสร้างของผิวหนังอ่อนแอลง ส่งผลให้ผิวแพ้ง่าย บอบบาง มีโอกาสเกิดสิว ผด และผื่นได้ง่ายขึ้น
- การเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ เมื่อผิวหนังบอบบางลงจากการขาดคอลลาเจน ผิวจึงมีแนวโน้มที่จะเกิดการอักเสบได้ง่าย ซึ่งเป็นการยิ่งกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ส่งผลให้เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ อีกทั้ง เมื่อคอลลาเจนลดลง กระบวนการฟื้นฟูตัวเองจึงช้าลงตามไปด้วย
- การสร้างเซลล์ผิวใหม่ลดลง เนื่องจากคอลลาเจนมีความสำคัญในกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ เมื่อคอลลาเจนลดลง อาจทำให้กระบวนการนี้ชะลอลง ส่งผลให้ผิวขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น
Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA คืออะไร?
Radiesse (เรเดียสซ์) เป็นสารเติมเต็ม Regenerative Biostimulator ที่มีส่วนประกอบหลัก คือ Calcium Hydroxylapatite หรือ CaHA ซึ่งถูกพัฒนาโดยบริษัท Merz Aesthetics บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเทคโนโลยีความงามระดับโลก และได้รับ FDA Approved จากอย. อเมริกา (US FDA) ในปี 2006 ซึ่ง Radiesse ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ความงามอย่างกว้างขวาง จึงมียอดใช้งานกว่า 15 ล้านไซริงค์ทั่วโลก ถือเป็นสารเติมเต็มที่มีความปลอดภัยสูง ไม่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยมีคอนเซปต์ คือ The One of a Kind Regenerative Biostimulator
ด้วยส่วนประกอบของ CaHA ใน Radiesse จึงทำให้ Radiesse มีคุณสมบัติเด่นในการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนประเภทที่ 1 และคอลลาเจนประเภทที่ 3 เสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน และยังสามารถใช้ในการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ ทำให้ผิวอิ่มฟู ปรับรูปหน้าให้ดูมีมิติ มีความคมชัดมากขึ้น
อีกทั้ง ใน Radiesse มีปริมาณของ CaHA สูงถึง 30% ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมในการออกฤทธิ์เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้จริงหลังฉีด และอีก 70% คือ CarboxyMethyl Cellulose (CMC gel) ที่เป็นตัวนำพาอนุภาค CaHA เข้าสู่ผิวหนัง ช่วยให้ CaHA กระจายตัวอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มีลักษณะเด่นเฉพาะอย่างไร?
- ลักษณะเด่นเฉพาะของ Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA คือ Strong Structural Skin เสริมสร้างโครงสร้างผิวให้แข็งแรง ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเต่งตึง
- ลักษณะเด่นเฉพาะของ Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA คือ Profound Rejuvenation ฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก พร้อมปรับปรุงคุณภาพผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน ดูอ่อนเยาว์
- ลักษณะเด่นเฉพาะของ Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA คือ Cell Regenerative Stimulation กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ เพิ่มความหนาแน่นของผิว เพื่อทดแทนส่วนที่เสื่อมสภาพไป
Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?
Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA สามารถฉีดได้หลายบริเวณ ทั้งใบหน้าและลำคอ แต่ไม่แนะนำให้ฉีดในบริเวณที่ผิวบอบบาง เช่น รอบดวงตา และริมฝีปาก
- ฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA บริเวณหน้าแก้ม เพื่อยกกระชับและเพิ่มวอลุ่ม ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
- ฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA บริเวณขมับ เพื่อเติมเต็มขมับที่ยุบตัว ทำให้โครงหน้ามีความสมดุลมากขึ้น โหนกแก้มลดลง
- ฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA บริเวณร่องแก้ม เพื่อเติมเต็มร่องลึกข้างแก้มที่เกิดขึ้นตามอายุ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
- ฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA บริเวณร่องน้ำหมาก เพื่อเติมเต็มเส้นร่องมุมปาก ให้ดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูเด็กลง
- ฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA บริเวณกรอบหน้า เพื่อเพิ่มความคมชัด เพิ่มมิติให้กรอบหน้า
- ฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA บริเวณหลังมือ เพื่อแก้ปัญหาหลังมือแห้งกร้าน เหี่ยวย่น ทำให้หลังมือมีความเต่งตึง และชุ่มชื้น
- ฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA บริเวณลำคอ เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น เพิ่มความเต่งตึงให้ผิวบริเวณคอ
Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มีข้อดีอะไรบ้าง?
- การฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มีความปลอดภัยสูง เนื่องจาก CaHA ไม่ใช่สารแปลกปลอม จึงไม่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดโอกาสในการเกิดอาการแพ้
- การฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มีความสะดวกและประหยัดเวลา ฉีดเพียงครั้งเดียว สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานถึง 2 ปี ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
- การฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย
- การฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ทั้งจาก US FDA (อย.อเมริกา) และ TH FDA (อย.ไทย)
- การฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มีการใช้ในวงการแพทย์ทั่วโลกกว่า 25 ปี และมีงานวิจัยรองรับกว่า 250 ฉบับ
- การฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มียอดใช้งานกว่า 15 ล้านไซริงค์ทั่วโลก
Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะกับใคร?
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอายุ 25 ปี ขึ้นไป คอลลาเจนค่อย ๆ เสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอยหรือร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ใบหน้าไม่กระชับ
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลุ่มให้ผิว
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่ผิวหน้าสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ผิวขาดวอลุ่ม
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่ผิวหน้าไม่แข็งแรง ขาดความยืดหยุ่น
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า กรอบหน้าไม่คมชัด
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีรอยเหี่ยวย่นบริเวณหลังมือ และลำคอ
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าในระยะยาว
Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะกับใคร?
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังให้นมบุตร
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีแผลเปิด หรือสิวอักเสบบริเวณที่จะฉีด
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ เลือดออกง่าย
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีประวัติการแพ้ขั้นรุนแรง
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบใน Radiesse
- Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดคีลอยด์ หรือรอยแผลเป็นนูน
การเตรียมตัวก่อนฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA
- ก่อนฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ควรแจ้งประวัติการแพ้ยา และประวัติโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบ
- ก่อนฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA งดรับประทานยา หรืออาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- ก่อนฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- ก่อนฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- ก่อนฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA งดสครับผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวในบริเวณที่ีฉีด
- ก่อนฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA นอนหลับให้เพียงพอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
การดูแลตัวเองหลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หลีกเลี่ยงการนอนตะแคง หรือนอนคว่ำ
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA งดแต่งหน้า 12 ชั่วโมงแรก
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น ออกกำลังกายหนัก นอนอาบแดด หรือเข้าซาวน่า
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA งดสัมผัส นวด หรือกดในบริเวณที่ฉีด
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA สามารถประคบเย็นเบา ๆ ในบริเวณที่ฉีด เพื่อลดอาการบวมช้ำได้
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด หรือความร้อนทุกรูปแบบ
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ทันที
ผลลัพธ์ 3 ระยะที่เกิดขึ้นหลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เห็นผลลัพธ์ทันที
หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA สามารถเข้าไปเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และเพิ่มวอลุ่มให้กับผิว ทำให้เห็นผลลัพธ์ในการยกกระชับและปรับรูปหน้าได้ทันที
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เห็นผลลัพธ์ใน 1 เดือน
หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ใน 1 เดือน สาร CaHA ใน Radiesse จะเริ่มออกฤทธิ์ในการกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวมีความแข็งแรง มีความหนาแน่น เด้งฟู และยืดหยุ่นมากขึ้น
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA เห็นผลลัพธ์ใน 6 – 24 เดือน
หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA ใน 6 – 24 เดือน เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว จะถูกสร้างขึ้นอย่างเต็มที่ ทำให้ผิวแข็งแรง เฟิร์มกระชับ (Healthier) ผิวดูอ่อนเยาว์ (Younger) และยืดอายุผิวคุณภาพดีให้ยาวนาน (Longer)
ผลข้างเคียงของ Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA
แม้ว่า Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA จะเป็นสารเติมเต็มที่ได้รับความนิยม และมีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้บ้าง ซึ่งส่วนใหญ่หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มักพบผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง และหายได้เองภายในระยะเวลาอันสั้น
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA อาจเกิดรอยแดง บวมช้ำขึ้นได้ในบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 1 – 2 วัน
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA อาจเกิดอาการคันในบริเวณที่ฉีด ซึ่งสามารถหายได้เอง
- หลังฉีด Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น ผิวเปลี่ยนสี หรือเกิดเป็นก้อนขึ้นมา ควรรีบพบแพทย์ทันที
Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA มีวิธีตรวจสอบของแท้อย่างไร?
- ตัวกล่อง Radiesse ต้องสมบูรณ์ ไม่ชำรุด บุบ หรือถูกเปิดใช้งานมาก่อน
- มีเลขทะเบียนอย. และเอกสารกำกับภาษาอังกฤษอย่างถูกต้อง
- ตรวจสอบ QR Code สติ๊กเกอร์ Merz Check หน้ากล่อง และลองสแกนดูว่า เป็นของแท้หรือไม่
- มีเลข Lot. วันที่ผลิต และวันหมดอายุที่ชัดเจน ซึ่งเลข Lot. ที่กล่องและเลข Lot. ที่ซองต้องตรงกัน
- ได้รับใบรับประกัน Skin Rejuvenation Card หรือ Radiesse Club Card หลังใช้บริการฉีด Radiesse
- ตรวจสอบรายชื่อคลินิกที่มีการสั่งซื้อ Radiesse อย่างถูกต้องในเว็บไซต์ www.merzaesthetics.co.th
จะเห็นได้ว่า สาร CaHA ใน Radiesse ถือเป็นสารที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม และมีประสิทธิภาพ ซึ่งต่างจากสารเติมเต็มทั่วไป ที่เน้นแค่การเติมเต็มและเพิ่มปริมาตรให้ผิวในชั่วคราว แต่สาร CaHA ใน Radiesse จะให้ผลลัพธ์ในการกระตุ้นคอลลาเจน และเสริมโครงสร้างผิวในระยะยาว ทำให้ผิวแข็งแรง และสุขภาพดีจากภายใน
สำหรับใครที่สนใจ Radiesse สารกระตุ้นคอลลาเจน CaHA รีบจองคิวเข้ามาปรึกษาแพทย์กับ รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา อย่าปล่อยให้ผิวหน้าดูแก่กว่าวัยมากไปกว่านี้ เตรียมบอกลาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ค้นพบผิวใหม่ที่สวยกว่าเดิม รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน