อันตราย! ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนแล้วตาบอด

อันตราย! ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนแล้วตาบอด

อันตราย! ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนแล้วตาบอด

เกิดเหตุการณ์สุดช็อกในวงการความงาม จนกลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลอย่างหนัก สืบเนื่องมาจากมีผู้เสียหายรายหนึ่ง ได้เข้ารับบริการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนกลุ่ม Biostimulator จากต่างประเทศ แล้วเกิดภาวะเส้นเลือดอุดตันในจอประสาทตาอย่างเฉียบพลัน จนส่งผลให้สูญเสียการมองเห็น หรือตาบอดอย่างถาวร ซึ่งแพทย์หลาย ๆ ท่านได้ออกมาเตือนภัยว่า การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนนั้น หากฉีดโดยแพทย์ที่ขาดความชำนาญ อาจทำให้เสี่ยงฉีดผิดตำแหน่ง จนเกิดการอุดตันในเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตาได้ ซึ่งในกรณีนี้ ถือเป็นอุทาหรณ์สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน วันนี้ รมย์รวินท์คลินิก จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนแล้วตาบอดว่า เกิดจากสาเหตุอะไร? มีวิธีแก้ไข? และป้องกันอย่างไร? สามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้ค่ะ

 

ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนแล้วตาบอด เกิดจากอะไร? มีวิธีแก้ไขไหม?

 

ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนแล้วตาบอด
ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนแล้วตาบอด

 

ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน คืออะไร?

การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน เป็นการฉีดสารชนิดหนึ่งในกลุ่ม Biostimulator เข้าไปยังผิวหนัง เพื่อกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย โดยจะเน้นในการฟื้นฟูโครงสร้างผิว ให้มีความแน่นกระชับ ยืดหยุ่น และแข็งแรงในระยะยาว ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะค่อยเป็นค่อยไป ทำให้มีความเป็นธรรมชาติ และไม่ทำให้โครงสร้างใบหน้าเปลี่ยน โดยสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ได้แก่ PLLA (Poly-L-Lactic Acid), CaHA (Calcium Hydroxylapatite), PDO (Polydioxanone) หรือ PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid)

 

ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนแล้วตาบอด เกิดจากอะไร?

การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนแล้วตาบอดนั้น เกิดจากการที่สารเข้าไปอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา ทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างเฉียบพลัน ซึ่งแม้จะมีโอกาสพบได้น้อยมาก แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ โดยสาเหตุหลักจากการฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนแล้วตาบอด มีดังนี้

  • ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนผิดตำแหน่ง

การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนผิดตำแหน่ง อาจทำให้เสี่ยงต่อการตาบอดได้ โดยเฉพาะในบริเวณที่มีเส้นเลือดสำคัญจำนวนมาก เช่น ระหว่างคิ้ว จมูก ใต้ตา หรือหน้าผาก เนื่องจากตำแหน่งเหล่านี้ มีเส้นเลือดที่เชื่อมต่อกับดวงตาโดยตรง หากฉีดผิดพลาดเข้าไปในเส้นเลือด อาจทำให้สารเกิดการอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา จนส่งผลให้เกิดภาวะขาดเลือดเฉียบพลัน และสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้

  • ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนกับแพทย์ที่ขาดความชำนาญ

การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ และขาดประสบการณ์ อาจทำให้เสี่ยงต่อการตาบอดได้ โดยเฉพาะเมื่อฉีดในบริเวณที่มีเส้นเลือดเชื่อมต่อกับดวงตาโดยตรง หากพลาดฉีดผิดตำแหน่ง หรือใช้เทคนิคในการฉีดที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้สารเข้าไปอุดตันเส้นเลือด และส่งผลให้จอประสาทตาขาดเลือดเฉียบพลัน จนทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้

  • ขั้นตอนการเตรียมยาไม่ถูกต้อง 

การเตรียมยา และผสมยาไม่ถูกต้อง ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการตาบอดได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากมีการผสมยาในอัตราส่วนที่ไม่เหมาะสม หรือผสมผิดวิธี เช่น ไม่ใช้เครื่องเขย่า เพื่อให้ตัวยากลายเป็นเนื้อเดียวกัน อาจทำให้ตัวยามีลักษณะเป็นก้อน และไม่กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนัง จึงเสี่ยงต่อการเข้าสู่เส้นเลือดได้ง่าย และส่งผลให้เกิดการอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา จนสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้

  • ใช้สารกระตุ้นคอลลาเจนปลอม

การใช้สารกระตุ้นคอลลาเจนปลอมไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้เสี่ยงต่อการตาบอดได้ เนื่องจากสารกระตุ้นคอลลาเจนปลอม มักมีส่วนประกอบที่ไม่มีคุณภาพ อนุภาคไม่สม่ำเสมอ และมีการปนเปื้อนสารอันตราย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะจับตัวเป็นก้อนแข็ง และเพิ่มโอกาสในการอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตาได้ง่ายกว่า สารกระตุ้นคอลลาเจนแท้ที่ได้รับการรับรองจาก อย.

 

ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนแล้วตาบอด แก้ไขได้อย่างไร?

ในกรณีที่ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนแล้วเกิดการตาบอด โดยเฉพาะจากการอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตา หากพบว่า มีอาการตาพร่ามัว หรือสูญเสียการมองเห็นกะทันหันหลังฉีด ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องรีบเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน ภายใน 90 นาทีแรก เพื่อเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูการมองเห็นได้บางส่วน ทั้งนี้ ผลการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และระยะเวลาที่ได้รับการรักษา 

 

ฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนอย่างไรให้ไม่เสี่ยงตาบอด?

  • เลือกฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจนกับแพทย์ที่มีความชำนาญ สามารถฉีดเข้าไปในตำแหน่งที่เหมาะสมได้อย่างแม่นยำ และสามารถผสมตัวยาในอัตราส่วนที่ถูกต้อง
  • เลือกคลินิกที่มีมาตรฐานทางการแพทย์ มีอุปกรณ์ และเครื่องมือที่ทันสมัย รวมถึง มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอย่างถูกต้อง 
  • แจ้งข้อมูลสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างครบถ้วน เช่น ประวัติการรักษา ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา และยาที่ใช้อยู่ เพื่อให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
  • ใช้สารกระตุ้นคอลลาเจนแท้ ที่ได้รับการรับรอง และผ่านการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องจาก อย. 
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  • หมั่นสังเกตอาการของตนเองหลังฉีด หากพบว่ามีอาการตาพร่ามัว สีผิวเปลี่ยนสี เห็นภาพซ้อน หรือปวดตารุนแรง ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษา ภายใน 90 นาที

 

การฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน แม้จะเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้ผิว แต่หากฉีดโดยแพทย์ที่ขาดความชำนาญ หรือพลาดฉีดผิดตำแหน่ง อาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้ แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมากก็ตาม ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดสารกระตุ้นคอลลาเจน ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ที่มีความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ใบหน้าอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์ประเมิน วิเคราะห์ และวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม พร้อมเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน และใช้สารกระตุ้นคอลลาเจนแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนอันตรายหลังฉีด