Biostimulator ทางลัดสู่ความอ่อนเยาว์ กระตุ้นคอลลาเจนขั้นสุด
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายของเราเริ่มเสื่อมสภาพลง ผิวพรรณเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง คอลลาเจนที่เคยมีอยู่ค่อย ๆ สูญเสียไปตามอายุ โดยเฉพาะเมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป ร่างกายจะสูญเสียคอลลาเจนถึง 1.5% ต่อปี จากนั้นเมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนลดลง เหลือเพียง 20 – 30% เมื่อคอลลาเจนในชั้นผิวลดลงแล้ว ผิวหนังก็จะขาดการพยุงและขาดความยืดหยุ่น เนื่องจากคอลลาเจนเป็นโครงสร้างสำคัญ ที่ช่วยพยุงชั้นผิวให้มีความแข็งแรงและเรียบเนียน จึงทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาสารพัด ไม่ว่าจะเป็นผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ร่องลึก ขาดความชุ่มชื้น ดูหมองคล้ำ รวมถึงผิวหน้าดูแก่กว่าวัยอีกด้วย
นอกจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น จะทำให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนน้อยลงแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ส่งผลต่อคอลลาเจนในร่างกายเช่นกัน ได้แก่ การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนน้อย เจอแสงแดด และมลภาวะต่าง ๆ เป็นระยะเวลานาน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนเป็นผลกระทบให้คอลลาเจนในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็วได้ทั้งสิ้น
ปัจจุบัน เทรนด์ความงามยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการคิดค้นสารกระตุ้นคอลลาเจน หรือ Biostimulator ที่มีความสำคัญต่อผิวของเราขึ้นมา ซึ่ง Biostimulator เป็นทางเลือกใหม่ในการฟื้นฟูผิว ทำให้ร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนขึ้นมาได้เองตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวแน่น กระชับ และเรียบเนียน จึงถือเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์สำหรับใครหลาย ๆ คนอย่างมาก แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า Biostimulator คืออะไร? ช่วยเรื่องอะไร? แล้วหัตถการอะไรบ้าง? บทความนี้รวบรวมทุกคำตอบของ Biostimulator มาให้แล้ว
Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน คืออะไร? มีหัตถการอะไรบ้าง?
ทำไมคอลลาเจนถึงจำเป็นต่อผิว?
คอลลาเจน (Collagen) เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีมากที่สุดในร่างกาย สามารถสร้างขึ้นได้เองตามธรรมชาติ เปรียบเสมือนโครงสร้างหลัก ที่ทำให้ผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และอวัยวะต่าง ๆ สามารถประสานและเชื่อมโยงเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ คอลลาเจน ถือเป็นกุญแจสำคัญ ที่มีบทบาททำให้ผิวหนัง มีโครงสร้างที่แข็งแรงและกระชับ โดยเป็นโครงสร้างหลักของผิวชั้นหนังแท้ (Dermis) หรือ ชั้นผิวที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังบนสุด (Epidermis) ทำหน้าที่เป็นเหมือนเส้นใยตาข่าย ที่ช่วยให้ผิวหนังมีความแข็งแรงและยืดหยุ่น ทำให้ผิวเต่งตึง เรียบเนียน ไม่ดูแก่ก่อนวัย ซึ่งนอกจาก จะช่วยรักษาโครงสร้างผิวให้แข็งแรงแล้ว คอลลาเจนยังมีส่วนช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวอีกด้วย โดยคอลลาเจนจะทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำที่ช่วยกักเก็บน้ำไว้ในผิวหนัง ทำให้ผิวดูฉ่ำวาว อิ่มน้ำ และมีความชุ่มชื้น ดังนั้น การเติมคอลลาเจนให้กับผิว จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะชะลอความเสื่อมของเซลล์ผิว และคงความอ่อนเยาว์ให้กับผิวของเราได้ดียิ่งขึ้น
คอลลาเจนที่จำเป็นต่อผิว มีกี่ประเภท?
คอลลาเจนในร่างกายของเรามีอยู่หลายประเภท แต่คอลลาเจนที่จำเป็นต่อผิวของเราและพบได้บ่อยที่สุด มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- คอลลาเจน ชนิดที่ 1 (Collagen Type I)
คอลลาเจน ชนิดที่ 1 ถือเป็นคอลลาเจนที่พบมากที่สุดในร่างกาย คิดเป็นประมาณ 90% ของคอลลาเจนทั้งหมด มีบทบาทสำคัญในการสร้างโครงสร้างของผิวหนัง เส้นเอ็น กระดูก และผนังหลอดเลือด ช่วยปกป้องเนื้อเยื่อไม่ให้ถูกฉีกขาด ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง ส่งผลให้ผิวหนังมีความเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอย และดูอ่อนเยาว์
- คอลลาเจน ชนิดที่ 3 (Collagen Type III)
คอลลาเจน ชนิดที่ 3 เป็นอีกหนึ่งคอลลาเจนที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะผิวหนัง มักจะทำงานร่วมกับคอลลาเจน ชนิดที่ 1 พบได้ในผิวหนัง กล้ามเนื้อ อวัยวะภายใน และผนังหลอดเลือด ช่วยให้ผิวหนังมีความกระชับ ยืดหยุ่น และยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน
สัญญาณเตือน! บ่งบอกว่า ผิวของเรากำลังขาดคอลลาเจน
- มีปัญหาริ้วรอยและร่องลึก
ปัญหาริ้วรอยและร่องลึก เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เมื่ออายุมากขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นก่อนวัย สามารถเห็นได้ชัดเจนในบริเวณที่มีการแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ เช่น หางตา ระหว่างคิ้ว หรือหน้าผาก สาเหตุหลักมาจากการที่ผิวหนังสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น เมื่อปริมาณของคอลลาเจนลดลง ผิวจึงขาดความกระชับและเกิดเป็นริ้วรอยขึ้นมา
- มีปัญหาผิวไม่ความชุ่มชื้น
ปัญหาผิวขาดความชุ่มชื้น ลอกเป็นขุย เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เนื่องจากคอลลาเจนที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวหนังเริ่มผลิตได้น้อยลง เมื่อคอลลาเจนลดลง ผิวหนังยิ่งสูญเสียน้ำ ส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน หมองคล้ำ และไม่สดใสได้
- มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
ปัญหาผิวหย่อนคล้อย เป็นปัญหาที่หลายคนกังวล โดยเฉพาะเมื่อมีอายุที่มากขึ้น คอลลาเจนที่คอยพยุงผิวของเราก็ค่อย ๆ น้อยลงตามไปด้วย ส่งให้ผิวที่เคยมีความยืดหยุ่น แน่น กระชับ กลายเป็นผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย และดูแก่กว่าวัยอีกด้วย
- มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ
ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ เกิดจากคอลลาเจนในร่างกายลดลง โครงสร้างผิวจึงถูกทำลายได้ง่าย ส่งผลให้ผิวบอบบางและไวต่อแสงแดดมากขึ้น ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำได้เช่นกัน
- มีปัญหารูขุมขนกว้าง
ปัญหารูขุมขนกว้าง เกิดจากผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่น ซึ่งเป็นผลมาจากคอลลาเจนที่ลดลง รูขุมขนจึงขยายกว้างขึ้นได้ง่าย ทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน
คอลลาเจน สามารถนำไปใช้ในรูปแบบใดได้บ้าง?
ปัจจุบัน คอลลาเจน สามารถนำไปใช้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบกิน แบบทา และแบบฉีดเข้าสู่ผิวหน้าโดยตรง ซึ่งแต่ละแบบมีความแตกต่างกัน ดังนี้
- คอลลาเจนแบบกิน
คอลลาเจนแบบกิน เป็นรูปแบบที่นิยมมากที่สุด พบได้ในอาหารเสริม เช่น แคปซูล ผง หรือชงดื่ม โดยคอลลาเจนชนิดนี้ มีความสะดวกในการรับประทาน สามารถเห็นผลลัพธ์ได้เมื่อรับประทานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานกว่าจะเห็นผล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวจากภายใน ต้องการเห็นผลในระยะยาว
- คอลลาเจนแบบทา
คอลลาเจนแบบทา พบได้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ ที่มีส่วนประกอบของคอลลาเจน เช่น ครีม โลชั่น หรือเซรั่ม ซึ่งคอลลาเจนชนิดนี้ มีโมเลกุลขนาดใหญ่ เมื่อทาลงไปบนผิวแล้ว อาจดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ยาก เน้นเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นหลัก เหมาะสำหรับการบำรุงผิวชั้นนอกมากกว่า
- คอลลาเจนแบบฉีด
คอลลาเจนแบบฉีด เป็นการฉีดคอลลาเจน หรือสารกระตุ้นคอลลาเจนเข้าสู่ผิวโดยตรง เพื่อฟื้นฟู ปรับปรุง และบำรุงผิวแบบเร่งด่วน สามารถเห็นผลลัพธ์ได้เร็วกว่าวิธีอื่น ๆ พบได้ในหัตถการต่าง ๆ เช่น หัตถการกลุ่มกระตุ้นคอลลาเจน หรือ Biostimulator อย่าง Radiesse, Sculptra หรือ Gouri เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และต้องการแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุด
Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน คืออะไร
Biostimulator คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายของเรา ผลิตคอลลาเจนขึ้นมาเองตามธรรมชาติ เมื่อฉีด Biostimulator เข้าสู่ผิวหนังแล้ว Biostimulator จะทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ที่มีความสำคัญต่อโครงสร้างผิวขึ้นมาใหม่ จึงทำให้ผิวหนังเกิดการฟื้นฟูตัวเองจากภายใน ส่งผลให้ผิวแน่นกระชับ เต่งตึง และมีความแข็งแรง โดยในปัจจุบันมี Biostimulator ให้เลือกหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น CaHA, PDO หรือ PLLA
Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน มีกลไกการทำงานอย่างไร?
กลไกการทำงานของ Biostimulator หรือ สารกระตุ้นคอลลาเจน จะทำงานโดยตรงที่ชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) ซึ่ง Biostimulator จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblasts) เซลล์ต้นกำเนิดในการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวหนัง เมื่อเซลล์ไฟโบรบลาสต์ได้รับการกระตุ้น ก็จะเริ่มผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ตามกระบวนการธรรมชาติ ทดแทนส่วนที่เสื่อมสภาพไป ซึ่งคอลลาเจนใหม่ที่สร้างขึ้นจากการฉีด Biostimulator จะเข้าไปเติมเต็มช่องว่างใต้ชั้นผิว พร้อมเสริมสร้างโครงสร้างผิวหนัง ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรง มีความเรียบเนียน ริ้วรอยดูตื้นขึ้น และผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน มีทั้งหมดกี่ประเภท?
ปัจจุบัน Biostimulator หรือสารกระตุ้นคอลลาเจน มีหลากหลายประเภท โดย Biostimulator แต่ละประเภท ก็จะมีคุณสมบัติและเหมาะสมกับปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ได้แก่
- Biostimulator ประเภท PLLA (Poly-L-Lactic Acid)
PLLA (Poly-L-Lactic Acid) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ที่สกัดมาจากธรรมชาติตัวแรกของโลก เป็นวัสดุประเภทพอลิเมอร์ ที่มาในรูปแบบผง โดย PLLA ได้รับการรับรองว่า ปลอดภัยต่อร่างกายของเรา และถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์อย่างกว้างขวาง มีลักษณะเป็นอนุภาคขนาดเล็ก เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวจะค่อย ๆ กระจายตัว และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ให้เกิดการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 เป็นหลัก ฟื้นฟูโครงสร้างผิวเดิม ทำให้ผิวมีโครงสร้างที่แข็งแรงและเรียบเนียนมากขึ้น ซึ่ง PLLA สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย
- Biostimulator ประเภท CaHA (Calcium Hydroxylapatite)
CaHA (Calcium Hydroxylapatite) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ที่ผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ พบได้ในร่างกายของเรา โดยเฉพาะกระดูกและฟัน จึงสามารถเข้ากันได้ดีกับผิวหนัง มีลักษณะเป็นอนุภาคขนาดเล็ก ทำให้สามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก ทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ ผลิตคอลลาเจน ชนิดที่ 1 และ คอลลาเจน ชนิดที่ 3 ขึ้นมาใหม่ โดยผ่านกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย ไม่ได้ผ่านกระบวนการอักเสบใด ๆ ช่วยเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก ให้ผิวดูอิ่มฟู และปรับรูปหน้าให้คมชัด โดยไม่เกิดการระคายเคืองผิว เหมาะสำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย
- Biostimulator ประเภท PDO (Polydioxanone)
PDO (Polydioxanone) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ซึ่งเป็นวัสดุประเภทพอลิเมอร์ที่สังเคราะห์ขึ้นมา ในรูปแบบผลึก ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น โดยพัฒนาต่อยอดมาจากไหม PDO แบบเส้นดั้งเดิม ที่ถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์อย่างแพร่หลาย ผ่านการกระบวนการ Nano Technology ทำให้ PDO มีโมเลกุลเป็นทรงกลม และมีขนาดเล็กระดับนาโน หรือที่เรียกว่า PDO Microsphere ซึ่งมีความปลอดภัยสูง และสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ เมื่อฉีด PDO เข้าสู่ผิว สามารถกระจายตัวได้อย่างทั่วถึง ทำหน้าที่ในการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 และ คอลลาเจน ชนิดที่ 3 โดยไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและไม่เกิดการบวมหลังฉีด
- Biostimulator ประเภท PCL (Polycaprolactone)
PCL (Polycaprolactone) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ในรูปแบบของเหลว (Fully Liquid) ซึ่งพัฒนามาจากเส้นไหมละลายที่ใช้ในทางการแพทย์ เป็นวัสดุประเภทพอลิเมอร์กึ่งผลึกที่สังเคราะห์ขึ้นมา มีความบริสุทธิ์สูง สามารถย่อยสลายได้ตามกระบวนการ Hydrolysis เมื่อฉีดสาร PCL เข้าสู่ผิว อนุภาค PCL สามารถกระจายตัวได้ดี และสม่ำเสมอทั่วใบหน้า ทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ทดแทนส่วนที่เสื่อมโทรมไป ทำให้ผิวแน่นกระชับ ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง ตัวยาไม่ต้องละลายก่อนใช้ ทำให้ปลอดภัยต่อร่างกาย ลดโอกาสในการเกิดการปนเปื้อนได้เป็นอย่างดี
- Biostimulator ประเภท PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid)
PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ที่มีโมเลกุลแบบเดียวกับ Poly Lactic Acid (PLA) แต่มีลักษณะพื้นผิวที่แตกต่างกัน โดย PDLLA เป็นไบโอพอลิเมอร์ชีวภาพ มีลักษณะเป็นวงกลมคล้ายฟองสบู่ เมื่อฉีด PDLLA เข้าสู่ผิวหนัง อนุภาคเล็ก ๆ ของ PDLLA จะเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ทำงานอย่างแข็งขัน ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 ขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยได้เป็นอย่างดี โดยไม่เกิดการตกค้างในร่างกาย ไม่เกิดเป็นก้อนได้ง่าย และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรชาติ
Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน มีหัตถการอะไรบ้าง?
Sculptra
- Sculptra มีส่วนประกอบหลัก คือ สาร PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ตัวแรกของโลก ถูกพัฒนาโดยบริษัท Galderma Laboratories, L.P. โดยใช้กระบวนการผลิตที่จดสิทธิบัตรเฉพาะของบริษัท กัลเดอร์มา เท่านั้น มีงานวิจัยรองรับมากกว่า 50 ฉบับ และได้รับการรับรองจาก US FDA (อย. อเมริกา) และ TH FDA (อย. ไทย)
- Sculptra มาในรูปแบบผง บรรจุอยู่ในขวด ซึ่งจะต้องถูกผสมด้วย Sterile water ก่อนนำไปฉีดเข้าสู่ผิว
- มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 ตามกระบวนการธรรมชาติ ได้ถึง 66.5% เสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงจากภายใน ทำให้ผิวยืดหยุ่น แน่นกระชับ และเรียบเนียน
- หลังฉีด Sculptra สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ถึง 2 ปี
Radiesse
- Radiesse มีส่วนประกอบหลัก คือ สาร CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ถูกพัฒนาโดยบริษัท Merz Aesthetics มีงานวิจัยรองรับกว่า 250 ฉบับ และได้รับการรับรองจาก US FDA (อย. อเมริกา) และ TH FDA (อย. ไทย)
- Radiesse มาในรูปแบบเจล บรรจุอยู่ในไซริงค์ ที่อยู่ในสภาพพร้อมฉีด
- มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม กระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายตรึงผิวใหม่ ถึง 5 ประการ ได้แก่ คอลลาเจน ชนิดที่ 1, คอลลาเจน ชนิดที่ 3, อีลาสติน, Angiogenesis และ Proteoglycan ที่สำคัญยังมอบ 3 ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าในระยะยาว ได้แก่ Healthier ทำให้ผิวแน่น กระชับ, Younger ลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวดูเด็กลง และ Longer ยืดอายุผิวให้ยาวนานขึ้น
- หลังฉีด Radiesse สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ถึง 2 ปี
Gouri
- Gouri มีส่วนประกอบหลัก คือ สาร PCL (Polycaprolactone) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) โดยสามารถกระจายตัวได้ดี ไม่จำเป็นต้องฉีดหลายจุด จึงมีความปลอดภัยสูง สามารถย่อยสลายได้เอง ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย และได้รับการรับรองจาก TH FDA (อย. ไทย)
- Gouri ใช้เทคโนโลยี CESABP เทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของ Gouri ที่ทำให้สาร PCL อยู่ในรูปแบบของเหลว (Fully Liquid) บรรจุอยู่ในไซริงค์ ไม่มีส่วนของ Microparticle จึงไม่ต้องละลายน้ำก่อนใช้
- มีคุณสมบัติในการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ ให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการธรรมชาติ ไม่ทำให้ผิวเกิดการบาดเจ็บ ส่งผลให้ผิวแน่นกระชับ เรียบเนียน และปรับปรุงคุณภาพผิวได้อีกด้วย
- หลังฉีด Gouri สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ถึง 1 ปี
Ultracol
- Ultracol มีส่วนประกอบหลัก คือ สาร PDO (Polydioxanone) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ถูกพัฒนาโดยบริษัท Ultra V ร่วมกับ Seoul University Hospital (มหาวิทยาลัยทางการแพทย์ชื่อดังของประเทศเกาหลีใต้) และ Chung-Ang University Hospital ซึ่งมีความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจาก TH FDA (อย. ไทย) และอีก 13 ประเทศทั่วโลก
- Ultracol มาในรูปแบบผงละลาย บรรจุอยู่ในขวด ซึ่งจะต้องถูกผสมด้วย Sterile water ก่อนนำไปฉีดเข้าสู่ผิว
- มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 และ คอลลาเจน ชนิดที่ 3 โดยไม่เสี่ยงอาการบวมจากเข็ม ซึ่งใน Ultracol ปริมาณ 1 ขวด จะเท่ากับการร้อยไหม PDO ปกติจำนวนถึง 1,427 เส้น ส่งผลให้เพิ่มความหนาแน่นให้กับผิว ถึง 34.36% ริ้วรอยดูตื้นขึ้น ถึง 13.33% และเพิ่มความกระจ่างใส ถึง 9.15%
- หลังฉีด Ultracol สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ถึง 6 – 8 เดือน
Juvelook
- Juvelook มีส่วนประกอบหลัก คือ สาร PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ผสมผสานร่วมกับ กรดไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid – HA) อย่างลงตัว มีขนาดอนุภาค ตั้งแต่ 10 ถึง 40 ไมโครเมตร จัดเป็น Hybrid Biostimulator ที่มีความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจาก TH FDA (อย. ไทย)
- Juvelook มาในรูปแบบผง บรรจุอยู่ในขวด ซึ่งจะต้องถูกผสมด้วย Sterile water ก่อนนำไปฉีดเข้าสู่ผิว
- มีคุณสมบัติในการสร้างกระตุ้นคอลลาเจน ชนิดที่ 1 เสริมความยืดหยุ่นให้กับผิว และเติมเต็มริ้วรอยได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน พร้อมปรับปรุงคุณภาพผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น ฉ่ำวาว กระชับรูขุมขนได้อีกด้วย
- หลังฉีด Juvelook สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ถึง 2 ปี
Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน สามารถฉีดบริเวณใดได้บ้าง?
Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน สามารถฉีดได้หลากหลายบริเวณ ทั้งใบหน้า ลำคอ และหลังมือ เพื่อแก้ไขปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ แต่ละหัตถการก็เหมาะสมกับบริเวณที่ฉีดแตกต่างกัน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ ก่อนตัดสินใจฉีด Biostimulator โดยตำแหน่งที่ฉีดกระตุ้นคอลลาเจน มีดังนี้
- Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณหน้าแก้ม
- Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณกรอบหน้า
- Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณหน้าผาก
- Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณขมับ
- Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณร่องแก้ม
- Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณรอบดวงตา
- Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณมุมปาก
- Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณคาง
- Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณลำคอ
- Biostimulator สามารถฉีดกระตุ้นคอลลาเจนได้ บริเวณหลังมือ
Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
- Biostimulator ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 และ คอลลาเจน ชนิดที่ 3 ตามกระบวนการธรรมชาติ
- Biostimulator ช่วยฟื้นฟูผิวลึกถึงโครงสร้าง ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงในระยะยาว
- Biostimulator ช่วยเติมเต็มผิว และลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า
- Biostimulator ช่วยให้เพิ่มความหนาแน่นให้ผิว ทำให้ผิวแน่นกระชับ
- Biostimulator ช่วยยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยจากการอายุที่มากขึ้น
- Biostimulator ช่วยกระชับรูขุมขน แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง ทำให้ผิวเรียบเนียน
- Biostimulator ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มน้ำ
- Biostimulator ช่วยปรับผิวสว่างกระจ่างใส ลดความหมองคล้ำของผิว
- Biostimulator ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ทำให้ผิวอ่อนเยาว์ ดูสุขภาพดี
- Biostimulator ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้
- Biostimulator ช่วยเพิ่มความอิ่มฟูให้กับผิว ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง
- Biostimulator ช่วยให้รูปหน้าดูมีมิติ กรอบหน้าคมชัด
Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะกับใคร?
- Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป คอลลาเจนค่อย ๆ หายไปตามอายุ
- Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
- Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอยตามจุดต่าง ๆ ของใบหน้า
- Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่ผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น มีปัญหาผิวแห้งกร้าน
- Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง รูขุมขนไม่กระชับ
- Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวหมองคล้ำ มีจุดด่างดำต่าง ๆ
- Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิว
- Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัด ต้องการเพิ่มความคมชัดให้ใบหน้า
- Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน มีหลุมสิวตื้น ๆ
- Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวโทรม ผิวหน้าไม่สดใส
- Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการเสริมความแข็งแรงให้กับผิว
- Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวที่ถูกทำลาย จากแสงแดดและมลภาวะต่าง ๆ
- Biostimulator เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการป้องกันริ้วรอยก่อนวัย
Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ไม่เหมาะกับใคร?
- Biostimulator ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เป็นโรคเลือดออกง่าย
- Biostimulator ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ได้
- Biostimulator ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังให้นมบุตร เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อทารกแรกเกิดได้
- Biostimulator ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีแผลเปิด หรือผิวหนังอักเสบในบริเวณที่ต้องการฉีด Biostimulator
- Biostimulator ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีประวัติแพ้สารประกอบในตัวยา Biostimulator
- Biostimulator ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องรับประทานกลุ่มยาแอสไพริน หรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- Biostimulator ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที เนื่องจาก Biostimulator เป็นการกระตุ้นคอลลาเจนตามกระบวนการธรรมชาติ จึงต้องใช้เวลาค่อยเป็นค่อยไป
ก่อนฉีด Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ควรเตรียมตัวอย่างไร?
- ก่อนฉีด Biostimulator แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพผิวหน้า และเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาของเรามากที่สุด
- ก่อนฉีด Biostimulator ควรแจ้งประวัติสุขภาพ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา ให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
- ก่อนฉีด Biostimulator งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพื่อป้องกันผิวอักเสบ
- ก่อนฉีด Biostimulator งดสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันการอักเสบและอาการบวมช้ำ
- ก่อนฉีด Biostimulator งดรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพื่อป้องกันเลือดออกมากเกินไป
- ก่อนฉีด Biostimulator งดผลัดเซลล์ผิว หรือสครับผิว ในบริเวณที่ฉีด Biostimulator เพื่อป้องกันผิวอักเสบ
- ก่อนฉีด Biostimulator ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมที่จะทำการฉีด Biostimulator ทำให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น
หลังฉีด Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ควรดูแลตัวเองอย่างไร?
- หลังฉีด Biostimulator งดแต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอาง ในบริเวณที่ฉีด 12 ชั่วโมงแรก
- หลังฉีด Biostimulator งดการโดนแสงแดดโดยตรง เพื่อป้องกันการอักเสบ
- หลังฉีด Biostimulator งดกิจกรรมที่โดนความร้อนมาก ๆ เช่น ซาวน่า
- หลังฉีด Biostimulator งดสัมผัส นวด แกะ เกา ในบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- หลังฉีด Biostimulator หากมีอาการบวมช้ำ สามารถประคบเจลเย็น เพื่อบรรเทาอาการบวมช้ำได้
- หลังฉีด Biostimulator หลีกเสี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ เพื่อป้องกันการระคายเคือง และป้องกันการติดเชื้อ
รวมคำถามยอดฮิต เกี่ยวกับการฉีด Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน
ผลข้างเคียงหลังฉีด Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน
- หลังฉีด Biostimulator อาจเกิดรอยแดง บวมช้ำได้ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยและมักหายไปเองภายใน 2 – 3 วัน
- หลังฉีด Biostimulator อาจเกิดอาการคันเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด Biostimulator ซึ่งอาการคันที่เกิดขึ้น สามารถหายได้เอง
- หลังฉีด Biostimulator อาจเกิดอาการปวดหรือเจ็บในบริเวณที่ฉีด Biostimulator ซึ่งสามารถบรรเทาอาการปวดได้ด้วยการประคบเย็น
- หลังฉีด Biostimulator อาจเกิดรอยแดง รอยดำเล็กน้อย ซึ่งจะค่อย ๆ จางหายไปได้เอง
Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ปลอดภัยไหม?
- การฉีด Biostimulator เป็นการกระตุ้นคอลลาเจนที่มีความปลอดภัย มีหัตถการให้เลือกหลากหลาย เช่น Radiesse, Sculptra หรือ Ultracol ซึ่งแต่ละหัตถการ ก็ผ่านการรับรองจาก TH FDA หรือ อย.ไทย ทั้งสิ้น ดังนั้น Biostimulator จึงมีความปลอดภัยสูง สามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกายของเรา แต่อย่างไรก็ตาม ควรฉีด Biostimulator กับแพทย์ผู้ชำนาญการ ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน เท่านั้น เนื่องจากการฉีด Biostimulator ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในโครงสร้างผิวหน้า และเทคนิคในการฉีดที่ถูกต้อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยที่สุด หากเลือกฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ คลินิกที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้ เช่น เกิดการติดเชื้อ หรือผิวหนังอักเสบได้
Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน กับ ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร?
- การฉีดฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มที่มีส่วนประกอบของ ไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) เป็นหลัก ซึ่งจะเน้นการเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และปรับรูปหน้า ทำให้ผิวหน้าดูอิ่มฟู เรียบเนียน และดูมีมิติ สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด โดยฟิลเลอร์ จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าไม่สมส่วน เช่น ขมับตอบ แก้มตอบ คางบุ๋ม หรือมีปัญหาร่องลึก เช่น ร่องแก้ม เบ้าตาลึก ทำให้ดูแก่กว่าวัย
- ส่วน Biostimulator เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนจากภายใน ตามกระบวนการธรรมชาติ ซึ่งมีหลากหลายประเภท ทั้ง CaHA, PLLA หรือ PDO โดยจะเน้นกระตุ้นคอลลาเจน เสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงเป็นหลัก ทำให้ผิวแน่นกระชับ เต่งตึง และลดเลือนริ้วรอย สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนานมากกว่าการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่ง Biostimulator เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยแห่งวัย ผิวขาดความกระชับ ต้องการปรับปรุงโครงสร้างผิวให้แข็งแรง
ดังนั้น การฉีด Biostimulator หรือ สารกระตุ้นคอลลาเจน จึงถือเป็นทางเลือกที่น่าจับตามองอย่างมาก เนื่องจากสามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนขึ้นมาเองตามธรรมชาติ ฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ทำให้สามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็น ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย หรือขาดความชุ่มชื้น ซึ่งการฉีด Biostimulator มีให้เลือกหลากหลายหัตถการที่ได้รับความนิยมทั่วโลก อย่าง Sculptra, Radiesse หรือ Utracol โดยแต่ละหัตถการก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันอยู่ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการก่อนตัดสินใจฉีด Biostimulator ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา เพื่อให้แพทย์วิเคราะห์และประเมินปัญหาผิวหน้าอย่างละเอียด พร้อมเลือกหัตถการที่เหมาะสมที่สุด ตอบโจทย์ความต้องการอย่างแท้จริง