Radiesse ( เรเดียสซ์ )และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) ต่างกันอย่างไร

Radiesse และ Radiesse Plus ต่างกันอย่างไร

Radiesse และ Radiesse Plus ต่างกันอย่างไร

ในยุคที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเรา อาจส่งผลต่อการดูแลผิวหน้า และความงามไม่ต่างกันเลย ด้วย Radiesse และ Radiesse Plus ที่กำลังเป็นที่นิยมในวงการความงาม ผู้ใช้บริการทุกคนที่สนใจในเรื่องของความสวยความงามควรจะต้องศึกษาหามูลให้ดีไม่ใช่เพียงแค่มองหาข้อดีข้อดี แต่จะต้องหาขู้มูลเกี่ยวกับข้อควรระวังต่าง ๆ ร่วมด้วย

ผู้เข้ารับบริการมักจะต้องการแหล่งความรู้มากขึ้นเรื่อยๆในบทความนี้รมย์รวินท์คลินิกได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยว “การฉีด Radiesse” และ “การฉีด Radiesse Plus ” เพื่อประกอบการพิจารณา และการตัดสินใจ

Radiesse (เรเดียสซ์) คืออะไร

โปรแกรมฉีด เป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่มีคุณสมบัติพิเศษ เนื่องจากไม่เพียงแต่ช่วยในด้านของการเติมเต็ม ยังช่วยแก้ไขข้อบกพร่องของใบหน้า และยังช่วยในการสร้างโครงสร้างภายในผิวที่ดีเยี่ยม เพื่อผลลัพธ์ที่ธรรมชาติมากขึ้น

การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) เป็นวิธีการเสริมสร้างโครงสร้างผิวหนังทีดีที่สุดอีกตัวหนึ่ง โดยมีองค์ประกอบหลักของผลิตภัณฑ์คือแคลเซียมไฮโดรการ์บอเนต หรือ CaHA ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น และสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ ทำให้ผิวดูสม่ำเสมอ และมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น

ช่วยให้ผิวหนังดูอ่อนเยาว์ ด้วยผลลัพธ์ที่สามารถมองเห็นได้โดยทันทีหลังทำ และประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการแก้ไขข้อบกพร่องของใบหน้า ไม่แปลกใจที่การฉีด Radiesse นั้นเป็นโปรแกรมงานผิวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการความงามในปัจจุบัน

Radiesse (เรเดียสซ์) เหมาะกับใครบ้าง

การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) เหมาะกับบุคคลที่ต้องการมีผิวที่สวยและ แข็งแรงทุกมิติในระดับโครงสร้าง ผลิตภัณฑ์นี้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับผู้เข้ารับบริการหรือคนไข้ที่มีปัญหาด้านใดบ้างดังนี้

  1. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการให้ผิวมีโครงสร้างที่แข็งแรง และยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้ใบหน้าดูมีความสมดุลมากยิ่งขึ้น
  2. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์)  เหมาะสมกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย เนื่องจากโปรแกรมนี้สามารถเติมเต็มริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
  3. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) เหมาะสมกับผู้ที่มีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง และไม่มีประวัติการแพ้ยา หรือสารเคมี
  4. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) เหมาะสมกับผู้ที่คนที่มีความต้องการเห็นผลลัพธ์ทันทีและจะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลา

Radiesse (เรเดียสซ์) ไม่เหมาะกับใครบ้าง

  1. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) ไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติการแพ้ยา ที่มีสารประกอบโปรตีนอื่น ๆ ก่อนเข้ารับบริการควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ เพื่อป้องกันอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
  2. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรง หรือคนที่มีโรคประจำตัวไม่แนะนำให้ทำหัตถการนี้ เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่สูงขึ้น
  3. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) ไม่เหมาะกับคนที่มีภาวะผิวบอบบาง คนที่สุขภาพผิวไม่แข็งแรง ผิวแพ้ง่าย หรือมีรอยแตก ไม่เหมาะสมกับการเข้ารับบริการ
  4. การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) ไม่เหมาะกับคนที่อายุมาก ในบางเคสการฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) สำหรับผู้ที่มีอายุมาก อาจมีความเสี่ยงต่ออาการแพ้ต่าง ๆ รวมถึงภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ง่าย

อย่างไรก็ตาม ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และคำแนะนำของแพทย์อย่างละเอียดก่อนค่อยตัดสินใจ หากคนไข้ทราบข้อมูลที่ถูกต้องโดยละเอียดแล้ว จะช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยอีกด้วย

Radiesse กับคุณสมบัติที่มือใหม่ควรรู้

คุณสมบัติของตัวยา Radiesse (เรเดียสซ์)

    1. กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน

หนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญหลัก ๆ คือการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวหนัง ซึ่งเป็นโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญในการรักษาความยืดหยุ่น และความกระชับของผิว

    1. ให้ผลลัพธ์ยาวนาน

ผลลัพธ์จากการฉีด สามารถคงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลรักษาตัวเองหลังเข้ารับการทำหัตถการ

    1. ระดับความปลอดภัย

ด้วยการใช้สารที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์ จึงมีความปลอดภัยสูง และมีโอกาสเกิดปฏิกิริยาแพ้ตัวยาน้อยมาก ๆ

    1. มีการใช้งานได้หลายจุดบนร่างกาย

ตัวยาชนิดนี้สามารถใช้ได้หลากหลายบริเวณบนร่างกาย รวมถึงใบหน้า และมือ เพื่อปรับปรุงรูปร่าง และความยืดหยุ่นของผิว

Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) คืออะไร

Radiesse Plus ( เรเดียสซ์ พลัส ) มีสารประกอบหลักคือ แคลเซียมไฮดรอกซีลาพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite หรือ CaHA) ซึ่งเป็นสารที่มีความปลอดภัย และได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ต้องบอกก่อนเลยว่าสาร CaHA เป็นส่วนประกอบที่พบได้ในร่างกายมนุษย์ ทำให้ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แถมยังมีความสามารถในการเข้ากันได้กับร่างกายสูง และมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย

แคลเซียมไฮดรอกซีลาพาไทต์ (CaHA) คืออะไร

หลายคนอาจเกิดข้อสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับสารชนิดนี้ สาร CaHA ประกอบด้วยอนุภาคแคลเซียม และฟอสเฟตที่อยู่ในรูปแบบของเจล เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนัง สารนี้จะช่วยเติมเต็ม และยกกระชับผิวในทันที ในระยะยาว อนุภาคแคลเซียมจะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และเต่งตึงขึ้น กระบวนการนี้ช่วยให้ Radiesse+ เป็นฟิลเลอร์ที่มีผลลัพธ์ยาวนาน และเป็นธรรมชาติมากที่สุดนั่นเอง

Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส)เหมาะกับใครบ้าง

การฉีด Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) นับว่าเป็นตัวเลือกแห่งการเสริมความงามที่มีคุณสมบัติทางกายภาพ และเคมีที่ดีที่สุด สำหรับบุคคลที่มีความสนใจในการปรับรูปหน้า หรือร่างกายโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่พึ่งมีดหมอ ซึ่งตัวยานี้มีส่วนช่วยให้ผิวหนังดูเต่งตึง และมีสมดุลในลักษณะที่ต้องการอาทิเช่น

  • ผู้ที่ใบหน้าขาดความกระชับ

สำหรับการกระชับผิวหนัง เหมาะสำหรับผู้ที่มีการสูญเสียเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ใบหน้าไม่กระชับ หย่อนยาน

  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน

สำหรับผลลัพธ์ที่ยาวนาน การฉีด Radiesse Plus ( เรเดียสซ์ พลัส ) มีประสิทธิภาพให้ผลลัพธ์ในระยะยาวนาน และช่วยให้ผิวหนังดูสมบูรณ์ และมีความยืดหยุ่นได้

  • ผู้ที่มีความต้องการปรับเปลี่ยนรูปหน้า

สำหรับบุคคลที่มีความต้องการปรับรูปหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด เช่น ปรับรูปทรงหน้าผาก ผิวหน้า และรักษาการเกิดริ้วรอยต่าง ๆ

  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติ

หัตถการนี้ช่วยให้ผิวดูธรรมชาติ หลังเข้ารับบริการไม่ทำให้ใบหน้าเกิดรูปร่างที่ดูผิดธรรมชาติ แถมยังมีความยืดหยุ่นที่เหมาะสมกับโครงสร้างภายในของใบหน้าแต่ละคนอีกด้วย

  • ผู้ที่ต้องการเพิ่มความสมดุลให้กับลักษณะของใบหน้า

สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความสมดุลของใบหน้า สามารถปรับลักษณะโครงสร้างของใบหน้าที่ไม่สมดุล ให้มีความสมส่วนมากยิ่งขึ้น

Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) ไม่เหมาะกับใคร ?

แม้การฉีด Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) จะเป็นวิธีการเสริมความงามที่มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูงก็ตาม แต่ก็ยังมีคนไข้บางกลุ่มไม่เหมาะสมหรือมีความเสี่ยงในการเข้ารับบริการนี้ คนไข้ในกลุ่มนี้คือกลุ่มของ

  • บุคคลที่มีประวัติแพ้ยา หรือแพ้สารประกอบในตัวยาบางชนิด

คนไข้ที่มีประวัติแพ้สารเคมี ที่เป็นสารประกอบของ ตัวยาของ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเข้ารับบริการ เพื่อป้องกันอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

  • บุคคลที่มีภาวะแพ้หรือตอบสนองต่อการติดเชื้อง่าย

คนที่มีภาวะแพ้ง่าย หรือมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแออาจมีความเสี่ยงสูง ต่อการเข้ารับบริการดังกล่าวอย่างไรก็ตามหากตัดสินใจเข้ารับบริการ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนการรับบริการทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัย และป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

  • บุคคลที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง หรืออยู่ในสภาวะเสี่ยงโรคต่างๆ

บุคคลที่มีโรคเรื้อรัง หรืออยู่ในสภาวะเสี่ยงอาจได้รับผลกระทบที่ไม่คาดฝันจากการทำหัตถการนี้ จึงขอแนะนำให้คนไข้เข้าปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินโอกาสการเกิดผลกระทบดังกล่าว รวมถึงความปลอดภัยในการเข้ารับบริการทุกครั้ง

Radiesse อันตรายหรือไม่

Radiesse และ Radiesse Plus ต่างกันอย่างไร

 

การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) และการฉีด Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) อันตรายหรือไม่

การตัดสินใจเกี่ยวกับการรับบริการ เพื่อเสริมสร้างโครงหน้า และลดเลือนริ้วรอยเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่ควรพิจารณาก่อนการตัดสินใจคือความปลอดภัยของกระบวนการ บทความนี้จะช่วยให้คนไข้เข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับความปลอดภัย และเปรียบเทียบความเสี่ยงกับประโยชน์ของการใช้งานเหล่านี้

  • ความปลอดภัยของบริการ

เป็นสารเติมเต็มผิวที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA และมีประสิทธิภาพสูงในการปรับโครงหน้า และลดเลือนริ้วรอย ส่วนประกอบหลักของ Radiesse (เรเดียสซ์) และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) คือแคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (CaHA) ที่มีความปลอดภัยสูง และได้รับการยอมรับในการใช้งานมากว่า 10 ปี สารสำคัญใน Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) ยังรวมถึง Lidocaine ที่ช่วยลดความเจ็บปวดระหว่างการฉีด ทั้งสองสารนี้ได้รับการทดสอบ และพิสูจน์ว่ามีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการใช้งาน

  • การเปรียบเทียบความเสี่ยงและประโยชน์

การทำหัตถการนี้อาจมีความเสี่ยงบางประการ เช่น อาจเกิดบวม แดง หรือช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่สามารถหายไปเองได้ในไม่กี่วัน อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงเหล่านี้มีน้อยมาก และสามารถหายได้ทันทีหากได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม ประโยชน์ของการฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) และการฉีด Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) รวมถึงการเสริมสร้างโครงหน้า และลดเลือนริ้วรอย นับเป็นเหตุผลที่สำคัญที่ทำให้คนไข้เลือกใช้ เพื่อเสริมสร้างโครงหน้า และลดเลือนริ้วรอยเป็นกระบวนการที่มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ผู้รับการรักษาควรพิจารณาความเสี่ยง และประโยชน์ก่อนการตัดสินใจ อย่างไรก็ตามการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนับว่าเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และผลลัพธ์ที่เหมาะสม

การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) กับขั้นตอนการทำหัตถการ

ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และปลอดภัย ขั้นตอนการฉีดประกอบด้วยหลายขั้นตอนดังนี้

  1. การปรึกษา และประเมินปัญหาผิว

ก่อนเข้ารับบริการฉีด Radiesse ( เรเดียสซ์ ) และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) แพทย์จะทำการปรึกษา และประเมินปัญหาผิวของผู้รับการรักษาอย่างละเอียด แพทย์ผู้ทำหัตถการจะสอบถามประวัติสุขภาพ ประเมินสภาพผิว และประเมินปัญหาผิวของคนไข้ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป

  1. ขั้นตอนการเตรียมผิวก่อนทำหัตถการ

การเตรียมผิวเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อให้ผิวพร้อมรับการรับบริการ มีประสิทธิภาพ และปลอดภัย แพทย์จะทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีดด้วยสารทำความสะอาด และสารฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนี้แพทย์อาจใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อทำให้บริเวณที่ฉีดชาขึ้นก่อนการฉีดจริงเพื่อลดอาการเจ็บปวดของคนไข้

  1. ขั้นตอนการทำหัตถการ

ขั้นตอนการฉีดจะดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แพทย์จะทำการฉีดสารเติมเต็มลงไปในชั้นผิวหนังที่ต้องการแก้ไขความบกพร่อง โดยจะใช้ปริมาณที่เหมาะสม และปรับแต่งให้ผิวดูเรียบเนียน และเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

  1. การดูแลหลังการฉีด

หลังจากเข้ารับบริการ แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลรักษาผิวอย่างละเอียด การดูแลหลังการฉีดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่นาน และป้องกันการเกิดปัญหาต่าง ๆ คำแนะนำที่มักจะได้รับหลังการฉีดประกอบด้วย

  • หลีกเลี่ยงการนวด หรือกดบริเวณที่ฉีด
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อน หรือความเย็นจัด เช่น ซาวน่า หรือแสงแดดแรง ๆ
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด
  • รักษาความสะอาดผิว และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง

หลังฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) ใช้ระยะเวลา กี่วันจึงเริ่มเห็นผลลัพธ์

การฉีดสารเติมเต็มผิวเพื่อแก้ไขปัญหาริ้วรอย และเสริมสร้างโครงหน้าเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในวงการความงาม เนื่องจากเป็นสารเติมเต็มที่มีประสิทธิภาพสูง และเป็นที่รู้จักกันดี คำถามที่หลายคนสงสัยคือ “การฉีด Radiesse (เรเดียสซ์)และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) กี่วันเห็นผล ?”

ระยะเวลาการเห็นผลหลังการฉีด

  1. หลังทำหัตถการทันที

หลังจากการฉีดตัวยา ผู้รับการรักษาจะเห็นผลลัพธ์บางส่วนทันที ผิวจะดูเต็มอิ่มขึ้น และริ้วรอยลึกจะดูตื้นขึ้น เนื่องจากสารเติมเต็มที่ถูกฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังทำให้ผิวดูเรียบเนียน และเป็นธรรมชาติขึ้น

  1. หลังจากเข้ารับบริการ 1-2 สัปดาห์

ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการฉีด ร่างกายจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการปรับตัว และกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ชั้นผิว ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์ดูชัดเจน และสมบูรณ์มากขึ้น ระยะเวลานี้ผิวจะดูเรียบเนียน และยืดหยุ่นขึ้น ส่งผลให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

  1. ผลลัพธ์ระยะยาว

ตัวยามีความสามารถในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลรักษาของคนไข้ การสร้างคอลลาเจนใหม่จะทำให้ผิวดูเนียนนุ่ม และยืดหยุ่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อผลลัพธ์หลังฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส)

  1. สภาพผิว และอายุของคนไข้

สภาพผิว และอายุของคนไข้มีผลต่อระยะเวลาการเห็นผล และความคงทนของผลลัพธ์ ผิวที่มีคอลลาเจนปริมาณมากจะดูเป็นธรรมชาติ และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน คงสภาพผลลัพธ์หลังทำหัตถการได้ยาวนานกว่าโครงสร้างผิวที่มีปริมาณคอลลาเจนน้อย

  1. ปริมาณสารเติมเต็มและตำแหน่งที่ทำหัตถการ

ปริมาณสารเติมเต็มที่ใช้ และตำแหน่งที่ฉีดมีผลต่อระยะเวลาการเห็นผล การฉีดในตำแหน่งที่ต้องการความละเอียดและทักษะสูง เช่น ใบหน้า จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และเป็นธรรมชาติมากกว่า

  1. การดูแลรักษา รวมถึงการปฏิบัติตัวหลังทำหัตถการ

การดูแลรักษาผิวหลังการฉีดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่นาน และป้องกันการเกิดปัญหาต่าง ๆ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้ผลลัพธ์ดูดีและคงทน

ฉีด Radiesse (เรเดียสซ์) และ Radiesse Plus (เรเดียสซ์ พลัส) ราคาเท่าไหร่ แพงไหม

การรักษาริ้วรอย และการเสริมสร้างโครงหน้าด้วยสารเติมเต็มผิวเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน นับว่าเป็นสารเติมเต็มผิวที่มีประสิทธิภาพสูง และเป็นที่รู้จักกันดีในวงการความงาม สำหรับผู้ที่สนใจในการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ คำถามที่มักจะเกิดขึ้นคือ “ฉีด Radiesse และฉีด Radiesse Plus ราคาเท่าไหร่ แพงไหม?” ในหัวข้อนี้จะมาเจาะลึกถึงรายละเอียดด้านราคารวมถึงการประเมินความคุ้มค่าในการลงทุนเพื่อความงามว่าคุ้มค่าหรือไม่อย่างไร

ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อราคาฉีด Radiesse และฉีด Radiesse Plus

  1. ปริมาณที่ใช้
    • ราคาของจะขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ในการฉีด ปริมาณมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความต้องการ และสภาพผิวของผู้รับการรักษา
  2. ตำแหน่งที่ฉีด
    • การฉีดในตำแหน่งที่ต้องการความละเอียด และทักษะสูง เช่น ใบหน้า อาจมีราคาสูงกว่าการฉีดในตำแหน่งอื่น
  3. สถานพยาบาล และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
    • ราคาอาจแตกต่างกันไปตามสถานพยาบาล และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการ สถานพยาบาลที่มีชื่อเสียง และแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงมักมีราคาที่สูงมากกว่า
    • โปรโมชั่น และแพ็คเกจ
    • บางสถานพยาบาลอาจมีโปรโมชั่นหรือแพ็คเกจพิเศษที่ลดราคา Radiesse และ Radiesse+ หากต้องการรับบริการในราคาที่สบายกระเป๋า แนะนำให้ดูเป็นช่วงโปรโมชั่นของคลินิก

เรทราคานี้เป็นราคาประมาณการที่อาจแตกต่างกันไปตามสถานพยาบาล และปริมาณที่ใช้จริง แนะนำให้สอบถามราคาโดยตรงจากสถานพยาบาลหรือคลินิกที่ให้บริการเพื่อได้รับข้อมูลด้านราคาและโปรโมชั่นที่ถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ความคุ้มค่าของการฉีด Radiesse และ Radiesse Plus

การประเมินความคุ้มค่าในการใช้ ควรพิจารณาจากหลายปัจจัยดังนี้:

  1. ผลลัพธ์ที่ยาวนาน
    • การฉีด Radiesse: เหมาะกับงานผิว เนื่องจากช่วยปรับสภาพผิวให้ดูสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
    • การฉีด Radiesse Plus: เหมาะกับงานโครงสร้าง เนื่องจากช่วยปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงในระดับลึก ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลหลังการฉีด
  2. วัตถุประสงค์การใช้งาน
    • การฉีด Radiesse: เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยลึก บริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก
    • การฉีด Radiesse Plus: เหมาะสำหรับการเสริมสร้างโครงหน้าที่ชัดเจน ช่วยให้ใบหน้ามีมิติมากยิ่งขึ้น
  3. ความสะดวกสบาย
    • การฉีด Radiesse: อาจมีความเจ็บปวดในระหว่างการฉีดเนื่องจากไม่มีสารช่วยหล่อลื่น คนไข้สามารถแจ้งแพทย์ผู้ทำหัตถการ เพื่อขอทายาชาเพื่อระงับอาการเจ็บปวดก่อนทำหัตถการได้
    • การฉีด Radiesse Plus: การเพิ่มสาร Lidocaine ช่วยลดความเจ็บปวด และความไม่สบายในระหว่างการฉีด
  4. ความปลอดภัย:
    • CaHA ที่เป็นส่วนประกอบหลักของตัวยาทั้งสองแบบนี้ เป็นสารธรรมชาติที่พบในร่างกายมนุษย์ ทำให้มีความปลอดภัยสูง และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้แต่อย่างใด

ข้อควรพิจารณาเพิ่มเติม

  1. ความชำนาญของแพทย์:
    • การฉีดสารเติมเต็มผิวต้องอาศัยความชำนาญ และประสบการณ์ของแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม และปลอดภัย การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์สูงจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อผลลัพธ์ที่ได้
  2. การดูแลหลังการฉีด:
    • การดูแลรักษาผิวหลังการฉีดมีความสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์คงอยู่นาน และป้องกันการเกิดปัญหาต่างๆ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

Radiesse และ Radiesse Plus เป็นสารเติมเต็มผิวที่มีประสิทธิภาพสูง และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน แม้ราคาจะค่อนข้างสูง แต่เมื่อพิจารณาถึงผลลัพธ์ที่ได้ และความปลอดภัยในการใช้จึงถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในการดูแลผิวพรรณ และปรับโครงสร้างใบหน้าให้กลับมาดูอวบอิ่มอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม การปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คนไข้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม และยังช่วยให้คนไข้เลือกใช้สินค้าหรือบริการของทางคลินิกได้ตรงกับความต้องการ และปัญหาผิวของคนไข้ได้อย่างดีที่สุดอีกด้วย

สรุป

การฉีด Radiesse เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องการงานผิว เนื่องจากแพทย์จะทำการฉีดตัวยาลงไปในชั้นผิวที่ตื้น บริการนี้ช่วยในเรื่องของการปรับสภาพผิวให้ดูดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ส่งผลให้ผิวสว่างใสอมชมพูได้อีกด้วย

ส่วนการฉีด Radiesse Plus เหมาะกับงานโครงสร้าง ปรับรูปหน้า เพิ่มมิติใบหน้ามากกว่า เนื่องจากแพทย์ผู้ทำหัตถการจะฉีดตัวยาลงไปในชั้นที่ลึกติดกระดูกใบหน้าของคนไข้ นอกจากนี้สิ่งที่เพิ่มเข้ามายังมีในเรื่องของการผสมสาร Lidocaine ที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดขณะทำหัตถการ ส่งผลให้คนไข้ที่เข้ารับการรักษาไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดระหว่างทำหัตถการ

อย่างไรก็ตามก่อนเข้ารับบริการคนไข้ควรพบแพทย์ผู้ทำหัตถการทุกครั้ง ประเมินสภาพผิวหน้า รวมถึงปัญหาที่พบ เพื่อความปลอดภัย ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และหาแนวทางในการรักษาต่อไป

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




    วันที่สะดวกในการติดต่อ