ฝันสลาย! หน้าเบี้ยว เพราะฉีดฟิลเลอร์เกินขนาด 

หน้าเบี้ยว

ฝันสลาย! หน้าเบี้ยว เพราะฉีดฟิลเลอร์เกินขนาด 

เกิดเหตุการณ์สลดใจ สะเทือนวงการความงาม สืบเนื่องมาจาก มีผู้เสียหายรายหนึ่ง ได้พาครอบครัวไปทำสวยที่คลินิกชื่อดัง ย่านใจกลางเมือง แต่กลับต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่น่าตกใจ เมื่อหลังจากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว ทั้งตนเอง แม่ และพี่สาวกลับมีอาการหน้าเบี้ยว หน้าผิดรูปอย่างรุนแรง โดยผู้เสียหายเปิดเผยว่า แพทย์ผู้ทำการรักษา ได้ฉีดฟิลเลอร์ให้ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ตนเองฉีดไป 18 CC พี่สาว 22 CC และแม่ 37 CC ซึ่งเป็นปริมาณที่มากเกินมาตรฐาน และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน สูญเสียเงินไปกว่า 1 ล้านบาท ขณะนี้ มีผู้เสียหายออกมาร้องทุกข์มากกว่า 10 รายแล้ว จากการตรวจสอบพบว่า นายแพทย์เจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดัง เป็นเพียงแพทย์ทั่วไป มีการแอบอ้างตนเองว่า เป็นอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ฟื้นฟู ซึ่งมีการจ้างดาราและอินฟลูเอนเซอร์ มาโปรโมทคลินิกเป็นจำนวนมาก ทำให้มีผู้คนหลงเชื่อเข้ารับบริการร ผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้าม ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งร่างกายและจิตใจอีกด้วย

เหตุการณ์นี้ แสดงให้เห็นถึงความละเลยของผู้ประกอบการที่ยอมเสี่ยงเพื่อผลกำไร โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้รับบริการ ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในวงการคลินิกความงาม ดังนั้น การเลือกใช้บริการคลินิกความงาม ควรมีการศึกษาข้อมูลและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครเป็นเหยื่อลักษณะนี้อีก

ระวัง! ฉีดฟิลเลอร์มากไป เสี่ยงหน้าเบี้ยว หน้าผิดรูป

ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร?

การฉีดฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภท กรดไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) ซึ่งมีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและดูอิ่มฟู โดยการฉีดฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มชั้นผิวที่เสื่อมสภาพและมีการยุบตัวลง ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถฉีดงานผิว Skin Booster เพื่อปรับปรุงคุณภาพผิวและเติมเต็มความชุ่มชื้นได้อีกด้วย ซึ่ง การฉีดฟิลเลอร์สามารถเลือกฉีดได้หลากหลายบริเวณ เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หน้าแก้ม หน้าผาก ขมับ คาง หรือริมฝีปาก เป็นการแก้ไขปัญหาผิว ริ้วรอยและร่องลึกต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดควรใช้กี่ CC ?

ปริมาณในการเลือกฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุด ในแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสภาพผิวหน้า ปัญหาที่ต้องการแก้ไข บริเวณที่ต้องการฉีด รวมถึงความต้องการของแต่ละคน โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินสภาพผิวหน้า พร้อมแนะนำปริมาณการฉีดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมว่า แต่ละจุดควรเลือกฉีดฟิลเลอร์กี่ CC  เพื่อลดโอกาสในการฉีดฟิลเลอร์มากเกินความจำเป็น จนอาจทำให้เสี่ยงหน้าเบี้ยวได้ ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่เหมาะสม จะทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อจนเกินไป

 

ภาวะฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป คืออะไร?

Facial Overfilled Syndrome หรือที่เรียกกันว่า “ภาวะฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป คือ ภาวะฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินความพอดี ซึ่งอาจเป็นการเติมเต็มฟิลเลอร์ในทุกพื้นที่ของใบหน้า หรือเติมเต็มเฉพาะจุดในปริมาณที่มากเกินความต้องการ จนใบหน้าดูล้นและไม่ธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายตามมาสารพัด ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าผิดรูป ใบหน้าไม่สมส่วน และใบหน้าเบี้ยวได้

 

ฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป เกิดจากอะไร?

  • แพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ เกิดจากแพทย์ประเมินปริมาณการฉีดฟิลเลอร์ ในแต่ละจุดไม่พอดีกับปัญหาผิวหน้า มีการคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ที่ผิดพลาด ทำให้เกิดการฉีดฟิลเลอร์มากเกินความพอดี จนใบหน้าเบี้ยวและผิดรูปได้
  • ความต้องการของผู้รับบริการ เกิดจากผู้รับบริการบางราย ต้องการเห็นผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดฟิลเลอร์แบบชัดเจน ทำให้ยอมรับที่จะฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น
  • โฆษณาเกินจริง คลินิกบางแห่งมีการโฆษณาที่เกินจริง เกี่ยวกับปริมาณในการฉีดฟิลเลอร์ เป็นที่มาของคำว่า ยิ่งเติมยิ่งเต็ม ยิ่งเต็มยิ่งสวย ทำให้ผู้รับบริการเกิดความเข้าใจผิดและหลงเชื่อ หากฉีดฟิลเลอร์มากเกินความพอดี อาจทำให้ใบหน้าเบี้ยวได้ไม่รู้ตัว

หน้าเบี้ยว

ฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป อันตรายไหม?

การฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป ถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง อาจทำให้เกิดอันตรายในบริเวณที่ฉีดหรือลุกลามไปยังบริเวณอื่น ๆ ได้ เช่น

  • ใบหน้าแข็งทื่อ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป ทำให้ใบหน้าแข็งทื่อ ดูไม่เป็นธรรมชาติ และแสดงออกทางสีหน้าได้ยากขึ้น
  • ใบหน้าไม่สมส่วน การฉีดฟิลเลอร์ในบางจุดมากเกินความพอดี อาจทำให้ใบหน้าไม่สมส่วน ดูบวม แหลม และแปลกไปจากเดิมได้ เช่น หน้าผากนูน ริมฝีปากดูหนาใหญ่ หรือคางแหลมเหมือนแม่มด
  • ฟิลเลอร์เป็นก้อน เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป เกิดการจับตัวเป็นก้อนอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวไม่เรียบเนียนและมองเห็นเป็นก้อนได้อย่างชัดเจน
  • ใบหน้าเบี้ยว ในกรณีรุนแรง มีความเสี่ยงสูงที่ฟิลเลอร์จะไปอุดตันในหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะขาดเลือด ส่งผลให้ใบหน้าเบี้ยวได้

 

ฉีดฟิลเลอร์มากเกินไป มีวิธีแก้ไขอย่างไร?

  • ฉีดสลายฟิลเลอร์ เป็นทางเลือกแรกที่แพทย์จะพิจารณา ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์มาแล้วเกิดปัญหา ซึ่งแพทย์จะทำการฉีดสลายฟิลเลอร์เข้าไปในยังผิวหนัง โดยใช้เอนไซม์ไฮยาลูรอนิเดส (Hyaluronidase หรือ HYAL) สามารถย่อยสลายฟิลเลอร์ประเภท ไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) ได้ ซึ่งเอนไซม์ตัวนี้จะเข้าไปทำลายการยึดเกาะของเนื้อฟิลเลอร์ ทำให้ฟิลเลอร์เกิดการสลายตัว ส่งผลให้ผิวกลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิมหรือใกล้เคียงเดิมมากที่สุด ซึ่งก่อนฉีดสลายฟิลเลอร์ ต้องแจ้งข้อมูลการฉีดฟิลเลอร์ก่อนหน้า ให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์คำนวณปริมาณการใช้ยาสลายฟิลเลอร์ที่เหมาะสม ไม่กระทบเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ
  • ขูดฟิลเลอร์ สามารถใช้กับฟิลเลอร์ที่ไม่ใช่ประเภท ไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) ซึ่งใช้ในกรณีที่ฟิลเลอร์ไม่สามารถใช้การฉีดสลายได้ เมื่อขูดแล้ว ไม่สามารถนำฟิลเลอร์ออกได้หมด อาจนำออกได้เพียง 60 – 70%
  • ผ่าตัด สามารถใช้กับฟิลเลอร์ประเภท ซิลิโคนเหลว ที่เป็นก้อนแข็งขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์มานานจนเป็นพังผืดเกาะ ซึ่งการผ่าตัดไม่สามารถนำฟิลเลอร์ออกได้หมด เนื่องจากต้องระมัดระวังเส้นประสาทหรือเส้นเลือดสำคัญต่าง ๆ ในร่างกาย แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ

ฉีดฟิลเลอร์ที่ รมย์รวินท์คลินิก ดีกว่าอย่างไร?

  • ทีมแพทย์มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ สามารถคำนวณปริมาณในการฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุดได้อย่างแม่นยำ
  • วิเคราะห์รูปหน้าอย่างละเอียดด้วยเทคนิค Lifting Select เฉพาะที่ รมย์รวินท์คลินิก ได้แก่ Fame Selection ปรับโครงหน้าให้ดูอ่อนเยาว์, Light & Shadow Me เพิ่มมิติ เสริมจุดเด่นให้ใบหน้า และ Conceal Selection เผยงานผิว ปรับผิวฉ่ำวาว
  • ใช้ฟิลเลอร์แท้ มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ที่นำเข้ามาจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่างถูกต้อง สามารถตรวจสอบฟิลเลอร์ได้ทุกกล่องก่อนฉีด
  • เลือกใช้ฟิลเลอร์ ที่ผ่านการรองรับมาตรฐานความปลอดภัยจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทั้งจากประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา
  • รีวิวการฉีดฟิลเลอร์จากผู้ใช้บริการจริง สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน หลังฉีดให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

ฉีดฟิลเลอร์แล้วหน้าเบี้ยว ฉีดฟิลเลอร์แล้วหน้าผิดรูป ซึ่งวิธีป้องกันปัญหาเหล่านี้ที่ดีที่สุด คือ การเลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีประสบการณ์และคลินิกที่ได้มาตรฐาน รวมถึง เลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอันดับแรก ก่อนจะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดโอกาสในการฉีดฟิลเลอร์เกินขนาด มากเกินความพอดี จนทำให้เสี่ยงหน้าเบี้ยวได้ สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัยหรือสนใจฉีดฟิลเลอร์ สามารถเข้ามาปรึกษากับ รมย์รวินท์คลินิกได้เลย เพื่อให้แพทย์ประเมินผิวหน้าเบื้องต้น พร้อมเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะกับเรามากที่สุด ให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง