รู้ลึกทุกปัญหาสิว จัดการถึงต้นตอ

สิว คืออะไร

“สิว” เกิดจากอะไร ? รู้ลึกทุกปัญหาสิว จัดการถึงต้นตอ

ปัญหาสิวเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในหลายช่วงอายุ โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นที่มีฮอร์โมนพลุ่งพล่าน และสิ่งที่หลายคนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเกิดสิว คือ การเกิดสิวนั้นเกิดได้จากต่อมฮอร์โมนเพียงอย่างเดียว แต่ความเป็นจริงแล้วการเกิดสิว สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย และสิวก็มีหลายประเภท ดังนั้นการแยกแยะสิวแต่ละประเภท จะช่วยให้เราเลือกวิธีการดูแล และการรักษาสิวได้อย่างเหมาะสม

วันนี้รวมย์รวินท์คลินิก เลยจะพาทุกคนไปเจาะลึกถึงต้นตอการเกิดสิว และตอบทุกปัญหาเกี่ยวกับสิวกันสิว คืออะไร

สิวคืออะไร ?

สิวเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยจากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นผลมาจากการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมันที่มากเกินไป รวมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่บนผิว เมื่อรูขุมขนถูกอุดตัน จะกลายเป็นแหล่งที่แบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Cutibacterium Acnes (C. Acnes)เจริญเติบโต ส่งผลให้เกิดการอักเสบและเกิดสิวขึ้นมาในที่สุด และสิวส่วนมากมักจะเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น เช่น ใบหน้า หลัง หน้าอก และไหล่ ซึ่งเป็นบริเวณที่ผลิตน้ำมันออกมามากกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย รูปแบบของสิวนั้นสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามลักษณะการเกิด

สิว เกิดจากอะไร

สิวเกิดจากอะไร ?

การเกิดสิวสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน และเกิดการอักเสบ ซึ่งปัจจัยหลักของการเกิดสิว มีได้ดังนี้

การเกิดสิวจากการผลิตน้ำมันมากเกินไป (Sebum)

  • เมื่อฮอร์โมนกระตุ้นการผลิตน้ำมันมากเกินไป จะทำให้เกิดปริมาณน้ำมันส่วนเกินที่ผิวไม่สามารถจัดการได้ และเมื่อผสานกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว จะทำให้เกิดการอุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว

การเกิดสิวจากการอุดตันของรูขุมขน

  • รูขุมขนเป็นช่องเปิดเล็ก ๆ ที่อยู่ในผิวหนัง ทำหน้าที่เป็นทางออกสำหรับน้ำมันและเหงื่อ เมื่อน้ำมันเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ไปอุดตันรูขุมขน ผิวจะไม่สามารถหายใจได้ ทำให้รูขุมขนอักเสบทำให้เกิดสิวได้

การเกิดสิวจากแบคทีเรีย (Propionibacterium acnes)

  • เมื่อรูขุมขนอุดตัน แบคทีเรียจะสามารถเจริญเติบโตได้ในสภาพที่ไม่มีออกซิเจนภายในรูขุมขนที่อุดตัน โดยแบคทีเรียนี้สามารถปล่อยสารเคมีที่กระตุ้นการอักเสบ ทำให้เกิดสิวอักเสบได้

การเกิดสิวจากฮอร์โมน

  • การเกิดสิวจากฮอร์โมนแอนโดรเจนโดยเฉพาะในวัยรุ่น และผู้หญิงในช่วงก่อนประจำเดือน มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นให้ต่อมไขมัน ผลิตน้ำมันเยอะขึ้นทำให้เกิดการอุดตันและเกิดสิวได้ และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลต่อสิวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในวัยรุ่นเท่านั้น แต่ยังเกิดได้ในวัยผู้ใหญ่ เช่น การตั้งครรภ์ หรือในช่วงวัยทอง ก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกันการ

เกิดสิวจากปัจจัยทางพันธุกรรม

  • การเกิดสิวจากพันธุกรรม เกิดได้หากคนในครอบครัวโดยเฉพาะพ่อแม่มีปัญหาสิวตั้งแต่วัยรุ่น ทำให้โอกาสที่รุ่นลูกจะมีปัญหาสิวก็สูงขึ้นตาม โดยพันธุกรรมอาจส่งผลต่อการทำงานของต่อมไขมัน และการตอบสนองของผิวต่อปัจจัยต่าง ๆ

การเกิดสิวจากการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสม

  • บางครั้งการเกิดสิวก็สามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิด เพราะในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางบางชนิดอาจมีส่วนผสมที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันเยอะๆ หรือสารซิลิโคน ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อคนที่มีผิวมัน หรือผิวแพ้ง่ายอาจทำให้สิวกำเริบได้

การเกิดสิวจากความเครียด

  • การเกิดสิวสามารถเกิดจากความเครียดได้ เนื่องจากความเครียดสามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่สามารถกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้นได้ นอกจากนี้ความเครียดยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ส่งผลให้ผิวหนังมีความไวต่อการอักเสบและแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และความเครียดระยะยาวยังอาจทำให้สิวเกิดขึ้นบ่อยและหายได้ช้าลง

การเกิดสิวจากการระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อม

  • การเกิดสิวสามารถเกิดจากการระคายเคืองจากสิ่งแวดล้อมได้ เช่น มลภาวะ ฝุ่น ควัน และสิ่งสกปรกในอากาศ สิ่งเหล่านี้สามารถสะสมบนผิวหนังก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขนได้ และการใส่หน้ากากอนามัยนาน ๆ โดยไม่มีการเปลี่ยนหรือทำความสะอาด อาจทำให้ผิวระคายเคืองและเพิ่มโอกาสการเกิดสิวในบริเวณที่สัมผัสได้ เช่น สิวบริเวณคางและกรอบหน้า เป็นต้น

สิว มีกี่ประเภท

สิวมีกี่ประเภท ?

การเกิดสิวบนใบหน้า หรือลำตัวเป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลใจ ซึ่งสิวก็สามารถเกิดได้ในหลายช่วงวัยและเกิดได้ในหลายจุดบนร่างกาย สิวแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะและความต้องการในการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน โดยสิวสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท ดังนี้

สิวอุดตัน หรือสิวไม่อักเสบ (Comedone)

สิวอุดตันเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่ไม่ได้เกิดการอักเสบ ซึ่งมักเป็นผลมาจากการผลิตน้ำมันมากเกินไป และเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งสิวอุดตันแบ่งออกเป็น

  • สิวหัวขาว (Closed Comedone) เป็นตุ่มที่เกิดจากการอุดตันในรูขุมขนที่ปิดอยู่ เมื่อสิ่งที่อุดตันอยู่ใต้ผิวหนัง จะปรากฏเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีขาว ส่วนนี้มักจะไม่เจ็บปวดและมีความเสี่ยงน้อยต่อการเกิดการอักเสบ
  • สิวหัวดำ (Open Comedone) เป็นสิวที่รูขุมขนเปิดออก ทำให้อากาศทำปฏิกิริยากับน้ำมันและเซลล์ที่อุดตัน ทำให้มีสีดำสิวหัวดำมักเป็นสิวที่ดูมีลักษณะเด่นชัด และสามารถกำจัดได้ง่ายด้วยการทำความสะอาดผิว

สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)

การเกิดสิวประเภทนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน ทำให้เกิดการอักเสบ โดยสิวอักเสบแบ่งออกเป็น

  • สิวตุ่มนูนแดง (Papules) เป็นตุ่มเล็ก ๆ สีแดงที่มีอาการบวม แต่ยังไม่มีหนอง สิวตุ่มแดงมักมีอาการปวดและเป็นสัญญาณว่าเกิดการอักเสบ
  • สิวหัวหนอง (Pustules) มีลักษณะเป็นตุ่มแดงที่มีหัวหนองสีขาวหรือเหลืองด้านบน สิวหัวหนองเป็นผลจากการอักเสบรุนแรงขึ้น ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด

สิวหัวช้าง (Nodules)

  • สิวหัวช้างเกิดจากการอักเสบที่ลึกในชั้นผิวหนัง ซึ่งเริ่มจากการอุดตันของรูขุมขนที่เกิดจากการสะสมของน้ำมันส่วนเกินและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว มีลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดใหญ่ แข็ง และเจ็บปวด อาการอักเสบที่ลึกและรุนแรงทำให้สิวชนิดนี้แตกต่างจากสิวชนิดอื่น และมักทำให้เกิดรอยแผลเป็น หรือหลุมสิวถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง

สิวซีสต์ (Cystic Acne)

  • สิวซีสต์เป็นสิวที่รุนแรงที่สุด ปรากฏในรูปแบบของตุ่มใหญ่ที่ลึกลงไปในผิวหนังและเต็มไปด้วยหนอง มักมีอาการเจ็บปวดและมีแนวโน้มที่จะทิ้งรอยแผลเป็นถาวรมากกว่าสิวประเภทอื่น การรักษาอาจต้องใช้ยาต้านการอักเสบหรือการรักษาทางการแพทย์เพื่อจัดการกับปัญหานี้

สิวผด (Acne Mechanica)

  • การเกิดสิวผดมักเกิดจากการเสียดสี หรือการระคายเคืองที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง เช่น การใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น การใส่หมวก หรือการสัมผัสหน้าบ่อย ๆ มักมีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ ที่ไม่รุนแรงและอาจมีอาการคัน แต่หากไม่ดูแล อาจกลายเป็นสิวอักเสบได้

สิวจากฮอร์โมน (Hormonal Acne)

  • การเกิดสิวจากฮอร์โมนมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ในช่วงวัยรุ่น, การมีประจำเดือน, การตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน มักเกิดบริเวณคางและกราม โดยมีทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ สิวประเภทนี้อาจได้รับการดูแลด้วยการใช้ยาที่มีผลต่อฮอร์โมน

การแบ่งประเภทของสิวนั้น ช่วยให้เข้าใจถึงลักษณะและความรุนแรงของสิวแต่ละชนิด ซึ่งจะทำให้ผู้ที่เป็นสิว สามารถเลือกใช้วิธีการดูแลรักษาได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษาและป้องกันการเกิดสิวในอนาคต

 

การเกิดสิวในแต่ละช่วงอายุ

การเกิดสิวสามารถเกิดได้ในทุกช่วงอายุ ลักษณะของสิวในแต่ละช่วงวัยมักแตกต่างกันไปตามปัจจัยทางกายภาพและฮอร์โมน โดยสิวแต่ในแต่ละช่วงอายุมักเกิดได้มีดังนี้

  • การเกิดสิวในวัยรุ่น (Teenage Acne) อายุ 12-20 ปี

สิวในวัยรุ่นเป็นสิวที่พบบ่อยที่สุด และมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งเพิ่มขึ้นในช่วงวัยรุ่น จากการกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เมื่อรูขุมขนถูกอุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้เกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ โดยลักษณะสิวที่มักพบมากในวัยรุ่นจะเป็นสิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวอักเสบและสิวหนอง มักพบมากบนใบหน้า หน้าอก และหลัง

  • การเกิดสิวในวัยผู้ใหญ่ช่วงต้น (Early Adulthood Acne) อายุ 20-30 ปี

ในวัยนี้สิวยังคงเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความเครียด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนจากรอบเดือน หรือการตั้งครรภ์ นอกจากนี้การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมหรือเครื่องสำอางที่อุดตันรูขุมขนก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดสิวในวัยนี้ได้เช่นเดียวกัน โดยลักษณะสิวที่มักพบมากในวัยนี้คือ สิวหัวดำ สิวอุดตัน สิวอักเสบ บางครั้งสิวในวัยนี้มักจะลึกลงไปในชั้นผิว และใช้เวลารักษานาน

  • การเกิดสิวในวัยผู้ใหญ่ (Adult Acne) อายุ 30-40 ปี

สิวในวัยนี้อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การทำงานของฮอร์โมนที่ไม่สมดุล, ความเครียดสะสม, การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว โดยวัยนี้สิวอาจไม่เกิดมากเท่าวัยรุ่น แต่ปัญหาสิวที่เกิดขึ้นมักใช้เวลารักษานานกว่า และอาจทิ้งรอยดำหรือรอยแผลเป็นได้ ลักษณะสิวที่มักพบในวัยนี้มักเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ และมักพบที่คางหรือกรอบหน้าเป็นส่วนใหญ่

  • การเกิดสิวในวัย 40 ปีขึ้นไป (Mature Acne)

แม้ว่าคนอายุ 40 ปีขึ้นไปจะเริ่มมีปัญหาผิวจากการเสื่อมสภาพตามวัย แต่สิวยังสามารถเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะในผู้หญิงจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนลดลง ทำให้การผลิตน้ำมันในผิวที่เปลี่ยนแปลง นอกจากนี้การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมยังอาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้ โดยลักษณะสิวที่พบมักจะเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ มักเกิดบริเวณคาง และกรอบหน้า

ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว
5 ปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดสิวซ้ำ

สิวสามารถเกิดขึ้นซ้ำได้ โดยสิวสามารถเกิดขึ้นซ้ำได้หลายครั้งจากการกระตุ้นผ่านปัจจัยต่างๆ และปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดสิวมีหลายปัจจัย แบ่งออกได้หลักๆดังนี้

  • สิวถูกกระตุ้นจากการกินอาหาร

การกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น ขนมหวาน เค้ก น้ำอัดลม หรืออาหารจานด่วน สามารถกระตุ้นการผลิตอินซูลิน ทำให้ระดับฮอร์โมนเพิ่มขึ้นจนเกิดสิวได้ รวมถึงการดื่มนมวัวหรืออาหารที่มีนมวัวก็อาจทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน เนื่องจากฮอร์โมนในนมวัวอาจจะไปกระตุ้นการผลิตน้ำมันในผิวหนังจนเกิดสิวได้

  • สิวถูกกระตุ้นจากการทำความสะอาดผิวไม่เพียงพอ

การล้างหน้าไม่สะอาดหรือล้างไม่ถูกวิธี สามารถทำให้มีสิวเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากการล้างหน้าไม่สะอาดอาจทำให้เกิดการอุดตันบนใบหน้าจากเครื่องสำอางค์ที่ล้างไม่หมด ทำให้เกิดการสะสมอุดตันจนเกิดสิว แต่ถึงอย่างนั้นการทำความสะอาดใบหน้ามากเกินไปก็สามารถทำให้สิวเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน จากการที่ผิวระคายเคืองส่งผลให้ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น

  • สิวถูกกระตุ้นจากการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ

การเอามือสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ หรือการบีบสิวโดยที่มือไม่สะอาด ทำให้เกิดการแพร่กระจายของแบคทีเรียและสิ่งสกปรกได้ ส่งผลให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น

  • สิวถูกกระตุ้นจากยาบางชนิด

ในบางกรณีการใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ ยาต้านโรคซึมเศร้า หรือยาคุมกำเนิดบางประเภท เนื่องจากการใช้ยาบางชนิดมีผลต่อระบบฮอร์โมน หรือการทำงานของร่างกายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำมันของต่อมไขมัน และการตอบสนองของผิวหนัง จึงสามารถทำให้สิวกำเริบได้

  • สิวถูกกระตุ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

การที่อากาศร้อนชื้นมักทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น ทำให้ผิวมันและเกิดสิว ในขณะที่อากาศหนาวแห้งก็อาจทำให้ผิวระคายเคือง และส่งผลต่อการเกิดสิวเช่นกัน

การเกิดสิวสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ โดยแต่ละวัยจะมีปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดสิวแตกต่างกันไป เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน พฤติกรรมการดูแลผิว และปัจจัยทางสภาพแวดล้อม ดังนั้นการรักษาสิวควรพิจารณาตามสาเหตุของการเกิดสิวในแต่ละช่วงอายุอย่างเหมาะสม เพื่อการรักษาที่ถูกต้องไม่ให้สิวลุกลาม

 

วิธีลดการเกิดสิว

การลดการเกิดสิว ถือเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญในการดูแลสุขภาพผิว การมีผิวที่สะอาดจะเป็นส่วนหนึ่งในการลดการเกิดสิวได้ วันนี้รมย์รวินท์รวมวิธีการลดการเกิดสิวมาฝาก ดังนี้

1.รักษาความสะอาดของผิวหน้า การล้างหน้าควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมกับสภาพผิวเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน และเชื้อแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดสิว รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ เพราะอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกเข้าสู่ผิวได้

2.เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวหน้า ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมัน เลือกใช้เครื่องสำอางและครีมบำรุงที่ระบุว่า oil-free เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว และควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์และน้ำหอม ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนและเหมาะสมกับผิว

3.ขจัดความมันในผิว การใช้โทนเนอร์หลังการทำความสะอาดผิวช่วยกระชับรูขุมขนและควบคุมความมัน ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวได้

4.รักษาสุขภาพจากภายใน ควรดื่มน้ำมาก ๆ การดื่มน้ำช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย โดยแนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน

ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นการรับประทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง เช่น ผักและผลไม้ ธัญพืช และไขมันดี เช่น อะโวคาโด
ควรนอนหลับอย่างเพียงพอ การนอนหลับที่เพียงพอไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟู แต่ยังช่วยให้ผิวมีโอกาสซ่อมแซมตัวเองในขณะที่คุณนอน โดยควรตั้งเป้าหมายในการนอนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน

วิธีรักษาสิว

วิธีการรักษาสิว

การรักษาสิวในปัจจุบันมีหลากหลายวิธี ทั้งการใช้ยาและการรักษาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยแพทย์จะพิจารณาประเภทของสิว ความรุนแรง และลักษณะผิวของแต่ละบุคคล เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสม โดยวิธีต่อไปนี้เป็นวิธียอดนิยมในการรักษาสิว

1. การรักษาสิวด้วยยา

1.1 การใช้ยาทาภายนอกในการรักษาสิว
การใช้ยาทาภายนอกในการรักษาสิวเป็นวิธีที่ดี โดยเฉพาะสำหรับคนที่เป็นสิวที่ไม่รุนแรงหรือสิวในระยะแรกเริ่ม เช่น สิวอุดตัน สิวหัวขาว สิวหัวดำ และสิวอักเสบเล็กน้อย การใช้ยาทาภายนอกช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ลดการอักเสบ และป้องกันการลุกลามของสิวได้

1.2 การใช้ยารับประทาน
การใช้ยารับประทานในการรักษาสิวสามารถแบ่งออกได้หลายแบบ เช่นการทานยาปฏิชีวนะบางอย่างที่ช่วยในการรักษาสิวอักเสบรุนแรง เนื่องจากยาบางชนิดสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบได้

หรือการใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อปรับสมดุลฮอร์โมน และลดการผลิตน้ำมันจากต่อมไขมัน สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาสิวจากฮอร์โมน ทำให้ลดการเกิดสิว

ส่วนยาที่ใช้รักษาสิวรุนแรง เช่น สิวหัวช้างหรือสิวซีสต์ เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน ต้องใช้อย่างระมัดระวัง และควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ผิวแห้งมาก ผิวลอก
ดังนั้นก่อนใช้ยารักษาสิว ไม่ว่าจะยาทาภายนอกหรือยารับประทานควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและได้รับรายการยาที่ต้องใช้จากคำสั่งแพทย์เพื่อป้องกันอันตราย หรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

2. การรักษาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์

2.1 การใช้เลเซอร์ในการรักษาสิว

การใช้เลเซอร์รักษาสิว คือ การใช้พลังงานจากแสงเลเซอร์เพื่อช่วยลดการเกิดสิว และลดอาการอักเสบ โดยเลเซอร์ทำงานด้วยการเจาะลึกเข้าไปในผิวหนัง เพื่อลดปริมาณแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และยังช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว นอกจากนี้ เลเซอร์ยังช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้รูขุมขนกระชับขึ้นและลดรอยสิว

2.2 แสงบำบัด (Light Therapy)

การรักษาสิวด้วยการใช้แสงบำบัดเป็นวิธีการใช้แสงสีต่าง ๆ เพื่อช่วยลดสิวและอาการอักเสบ โดยแสงบำบัดจะเน้นไปที่การฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P. acnes) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิวอักเสบ และช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันในต่อมไขมัน รวมถึงลดอาการบวมแดงที่เกิดจากสิว โดยแสงบำบัดมีหลายประเภทตามความยาวคลื่นของแสง ถือเป็นวิธีการที่มีความปลอดภัยและไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง

3. การรักษาด้วยวิธีทางธรรมชาติ

การรักษาสิวด้วยวิธีทางธรรมชาติ คือ การใช้สมุนไพรหรือวัตถุดิบจากธรรมชาติเพื่อลดการเกิดสิวและลดอาการอักเสบ โดยไม่ต้องใช้สารเคมีหรือยาที่มีผลข้างเคียง วิธีนี้เป็นที่นิยม เนื่องจากปลอดภัยและสามารถทำได้ง่ายที่บ้าน แต่อาจจะต้องใช้เวลารักษาที่นาน และต้องทำอย่างสม่ำเสมอ

4. การทำทรีทเม้นท์และหัตถการผิว

การทำทรีทเม้นท์และหัตถการผิวเป็นกระบวนการดูแล และฟื้นฟูผิวพรรณโดยใช้เทคนิคต่าง ๆ เพื่อปรับสภาพผิวให้ดีขึ้น โดยทรีทเม้นท์มักเป็นการบำรุงผิวหรือฟื้นฟูอย่างล้ำลึก เช่น การมาสก์หน้าหรือการบำรุงด้วยวิตามิน

5. การดูแลผิวในชีวิตประจำวัน

การล้างหน้าควรทำเป็นประจำโดยใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน และไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน เพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันที่อาจทำให้เกิดสิว นอกจากนี้ ควรใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว แม้ว่าผิวจะมันก็ตาม ควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงที่ไม่เพิ่มน้ำมันในผิว เพื่อช่วยลดโอกาสการเกิดสิว

การรักษาสิวในปัจจุบันมีหลายวิธี ตั้งแต่การใช้ยาทาภายนอกและยารับประทาน ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น เลเซอร์และแสงบำบัด การเลือกวิธีรักษาควรพิจารณาตามสภาพผิวและความรุนแรงของสิว ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยของแต่ละบุคคล

การเกิดสิว เป็นปัญหาผิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน โดยมีสาเหตุหลักจากการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งสกปรก ซึ่งสิวสามารถแบ่งประเภทได้หลายประเภท และการรักษาสิวมีหลายวิธีเช่นเดียวกัน ดังนั้นการเลือกวิธีรักษาควรพิจารณาจากประเภทและความรุนแรงของสิว รวมถึงควรปรึกษาแพทย์ผู้มีความชำนาญการในการรักษาสิวเพื่อให้ได้วิธีที่เหมาะสมและปลอดภัยของแต่ละบุคคล