เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงเลข 40 หลายคนเริ่มสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าอย่างชัดเจน ริ้วรอยที่ลึกขึ้น กรอบหน้าที่ไม่คมเหมือนเดิม และความยืดหยุ่นของผิวที่ค่อย ๆ ลดลง ล้วนเป็นสัญญาณของ ผิวหย่อนคล้อย ซึ่งแม้จะเป็นกระบวนการตามธรรมชาติ แต่ก็มักทำให้หลายคนรู้สึกเสียความมั่นใจและดูแก่กว่าวัยจริง
ข่าวดีคือ ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่สามารถช่วยจัดการปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด นั่นคือ หัตถการยกกระชับผิวหย่อนคล้อยที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิวลึก กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และยกพยุงผิวให้กลับมากระชับเหมือนเดิม ไม่เพียงช่วยให้ผิวดูเรียบตึงขึ้น แต่ยังคืนความสดใสและความมั่นใจให้กับใบหน้าได้อย่างกลมกลืนกับใบหน้า
สำหรับผู้ที่ก้าวเข้าสู่วัย 40 นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเริ่มต้นเลือกหัตถการที่ตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวนด์ คลื่นวิทยุ การร้อยไหม หรือหัตถการใหม่ ๆ ที่สามารถปรับตามสภาพผิวและปัญหาเฉพาะบุคคลได้ หากคุณกำลังมองหาวิธีที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน การยกกระชับผิวหย่อนคล้อยถือเป็นคำตอบที่ช่วยชะลอวัยและทำให้คุณกลับมาดูอ่อนวัยได้อีกครั้ง

เปิดสัญญาณเตือน ผิวหย่อนคล้อยในวัย 40
เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงวัย 40 ร่างกายและผิวเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน หลายคนพบว่าปัญหาผิวหย่อนคล้อยปรากฏให้เห็นมากขึ้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น
- ชั้นไขมันใต้ผิวค่อย ๆ ลดลง ทำให้ผิวสูญเสียความอิ่มฟูเหมือนวัยหนุ่มสาว ส่งผลให้ใบหน้าดูแบนและเกิดความหย่อนคล้อย
- เนื้อเยื่อพังผืด SMAS ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญในการคงความกระชับ เริ่มอ่อนแรงลงตามวัย ส่งผลให้กรอบหน้าไม่ชัดเหมือนเดิม
- คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อม การผลิตโปรตีนสำคัญเหล่านี้ลดลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและไม่กระชับเหมือนเก่า
- โครงสร้างกระดูกใบหน้าเสื่อมถอย การยุบตัวของกระดูกและกล้ามเนื้อใบหน้าเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้รูปหน้าเปลี่ยนและผิวตกลงมา
- ปัจจัยภายนอก เช่น รังสียูวีจากแสงแดด มลภาวะ ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงพฤติกรรมอย่างการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ล้วนเร่งการเสื่อมของผิว
ด้วยเหตุนี้ วัย 40 จึงเป็นช่วงที่หลายคนเริ่มหันมาใส่ใจในการดูแลและมองหาทางเลือกในการยกกระชับผิวหย่อนคล้อย เพื่อฟื้นคืนความกระชับและคงความอ่อนวัยอย่างยาวนานต่อเนื่อง

เข้าใจโครงสร้างผิว จุดเริ่มต้นของผิวหย่อนคล้อย
ผิวของเราประกอบด้วยหลายชั้นที่ทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องร่างกายและคงความอ่อนวัย โดยโครงสร้างหลักแบ่งออกได้เป็น 3 ชั้นสำคัญ ดังนี้
- ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)
เป็นเกราะป้องกันด่านแรกของผิวหนัง มีหน้าที่ป้องกันสารแปลกปลอม แบคทีเรีย และช่วยลดการสูญเสียน้ำออกจากผิว ชั้นนี้ประกอบด้วยเซลล์ที่สร้างเคราติน และมีการผลัดเซลล์ผิวใหม่อยู่เสมอ เพื่อให้ผิวดูเรียบเนียนและมีสุขภาพดี
- ชั้นหนังแท้ (Dermis)
อยู่ถัดลงมาจากหนังกำพร้า ถือเป็นหัวใจของความยืดหยุ่นและความกระชับ เนื่องจากมีเส้นใยคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูโรนิกที่ทำให้ผิวดูแน่น ชุ่มชื้น และอ่อนวัย นอกจากนี้ยังเป็นที่อยู่ของต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ เส้นเลือดฝอย และรูขุมขน
- ชั้นไขมันใต้ผิว (Subcutaneous Layer)
เป็นฐานรองรับผิวหนังทั้งหมด มีบทบาทในการกักเก็บพลังงาน ช่วยเป็นเบาะป้องกันแรงกระแทก และคงรูปหน้าให้ดูอิ่มฟูแบบกลมกลืนกับใบหน้ามากขึ้น
- ชั้น SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System)
เป็นชั้นเนื้อเยื่อที่มีลักษณะเป็นพังผืดบาง ๆ อยู่ลึกลงไปใต้ชั้นไขมันใต้ผิว แต่ยังวางตัวอยู่เหนือกล้ามเนื้อใบหน้า เป็นโครงสร้างสำคัญที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวเคลื่อนไหวไปพร้อมกับการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการยิ้ม การหัวเราะ หรือการพูด
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ชั้นผิวหนังจะเริ่มเสื่อมสภาพลง การผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ขณะเดียวกันความชุ่มชื้นของผิวก็หายไป ส่งผลให้ผิวสุญเสียความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอย และนำไปสู่ผิวหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นการแก้ปัญหาเพียงการบำรุงจากภายนอกอาจไม่เพียงพอ หลายคนจึงหันมาพิจารณาวิธียกกระชับผิวหย่อนคล้อยที่สามารถกระตุ้นโครงสร้างผิวลึกและฟื้นฟูให้กลับมากระชับได้อีกครั้ง

หัตถการยกกระชับผิวหย่อนคล้อยที่เหมาะกับคนวัย 40
เมื่อก้าวเข้าสู่วัย 40 ปัญหาผิวหย่อนคล้อย มักแสดงออกอย่างเด่นชัดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแก้มที่ตกลงมา กรอบหน้าไม่ชัด หรือริ้วรอยที่เริ่มลึกขึ้น หัตถการที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันจึงมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีที่สามารถเข้าถึงชั้น SMAS และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพื่อให้ผิวกลับมากระชับและดูอ่อนกว่าวัย ตัวอย่างหัตถการที่น่าสนใจ มีดังนี้
- Ultherapy Prime
เทคโนโลยีที่พัฒนามาจาก Ultherapy รุ่นก่อน โดยใช้พลังงานอัลตราซาวนด์ความแม่นยำสูง (MFU-V) ส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า จุดเด่นคือสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ทำให้ใบหน้าดูกระชับและอ่อนวัยขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น และความรู้สึกเจ็บน้อยกว่ารุ่นเดิม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทางเลือกการยกกระชับผิวหย่อนคล้อยแบบไม่อันตรายและเห็นผลจริง
- Thermage FLX
เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ Monopolar RF ที่ช่วยฟื้นฟูผิว โดยปล่อยพลังงานความร้อนลงไปในชั้นหนังแท้ เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ให้เกิดการหดตัวและจัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ ผิวจึงกลับมาตึงกระชับขึ้น พร้อมทั้งช่วยลดเลือนริ้วรอยและทำให้รูขุมขนดูเล็กลง เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีผิวหย่อนคล้อยระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง และต้องการปรับผิวให้เรียบเนียนโดยไม่ต้องพักฟื้น
- Ultraformer 4D Lift
เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์แบบโฟกัส (Micro & Macro Focused Ultrasound – MMFU) ยิงพลังงานได้ถึงชั้น SMAS ทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอย พร้อมทั้งช่วยลดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ต้องการ ผลลัพธ์คือผิวกระชับขึ้น รูปหน้าเรียว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย และต้องการยกกระชับปรับรูปหน้าครบจบในเครื่องเดียว
- Super HIFU
เทคโนโลยีนี้ทำงานด้วยหลักการ High-Intensity Focused Ultrasound ที่ส่งพลังงานตรงสู่ชั้น SMAS จุดเด่นคือสามารถช่วยยกกระชับผิว ลดริ้วรอย และจัดการไขมันใต้ผิวได้ในคราวเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลาง และต้องการผลลัพธ์ที่เห็นได้ค่อนข้างชัดเจน
- EMFACE
เทคโนโลยีที่ใช้พลังงาน HIFES (High-Intensity Facial Electrical Stimulation) ร่วมกับ คลื่นวิทยุ RF เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าให้ยกกระชับและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในเวลาเดียวกัน โดยไม่ต้องใช้เข็มหรือการผ่าตัด ผลลัพธ์คือผิวที่ดูเฟิร์มแน่นขึ้น กรอบหน้าชัด ลดความหย่อนคล้อยและริ้วรอยให้จางลง อีกทั้งยังช่วยยกกล้ามเนื้อบริเวณแก้มและหน้าผากให้ยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนวัย สดใสขึ้น
หัตถการยกกระชับเหล่านี้ ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการยกกระชับผิวหย่อนคล้อย ที่สามารถใช้ได้ตามปัญหาและความต้องการของแต่ละคน หากได้รับการวิเคราะห์และวางแผนโดยแพทย์ ก็จะช่วยคืนความอ่อนวัยอย่างกลมกลืนให้กับใบหน้าได้เป็นอย่างดี
วิธีเลือกหัตถการยกกระชับตามระดับปัญหาผิวหย่อนคล้อย
การดูแลปัญหาผิวหย่อนคล้อยไม่ใช่วิธีเดียวที่ใช้ได้กับทุกคน แต่ควรเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับสภาพผิวและระดับความรุนแรงของปัญหา เพื่อให้การยกกระชับผิวหย่อนคล้อยได้ผลลัพธ์ที่ตอบโจทย์กับปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- ระดับเริ่มต้น – ผิวเริ่มหย่อนคล้อยเล็กน้อย
EMFACE เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวเริ่มหย่อนจากมวลกล้ามเนื้อลดลง แต่ยังไม่ต้องการทำหัตถการที่ลึกมาก โดยเทคโนโลยีนี้ใช้พลังงาน HIFES ร่วมกับ RF เพื่อยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้าและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในเวลาเดียวกัน เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าแบบไม่ใช้เข็ม เจ็บน้อย และพักฟื้นไม่นาน ผลลัพธ์คือผิวที่ดูกระชับแน่นขึ้น กรอบหน้าชัด และใบหน้าดูสดใสขึ้น
- ระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง – ผิวหย่อนคล้อยเห็นได้ชัดบางจุด
Thermage FLX ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ Monopolar RF ส่งความร้อนลงลึกถึงชั้นหนังแท้ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวตึงกระชับ เรียบเนียน และลดเลือนริ้วรอยรวมถึงรูขุมขน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวทั่วหน้าโดยไม่ต้องพักฟื้น
ในขณะที่ Super HIFU ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง (High-Intensity Focused Ultrasound) ลงลึกถึงชั้น SMAS เพื่อยกกระชับผิว ลดไขมันใต้ผิว และยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลาง และต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วโดยไม่ต้องผ่าตัด
- ระดับปานกลางถึงมาก – ผิวหย่อนคล้อยทั่วใบหน้า
Ultraformer 4D Lift เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานอัลตราซาวนด์แบบ MMFU (Micro & Macro Focused Ultrasound) ยิงพลังงานได้ทั้งชั้นตื้นและลึกถึงชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดไขมันส่วนเกิน และยกผิวบริเวณกรอบหน้าให้กระชับขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวและปรับรูปหน้าให้ดูเข้ารูปครบในเครื่องเดียว
ส่วน Ultherapy Prime เป็นเทคโนโลยีอัลตราซาวนด์ความแม่นยำสูง (MFU-V) ที่ส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS เช่นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า ช่วยยกผิวให้แน่นกระชับ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก ต้องการยกกระชับในระดับลึกโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
ท้ายที่สุด การเลือกวิธียกกระชับผิวหย่อนคล้อย ควรอยู่ภายใต้การประเมินของแพทย์ เพื่อออกแบบการรักษากับปัญหาและเป้าหมายของแต่ละคน

บริเวณที่นิยมทำหัตถการยกกระชับผิวหย่อนคล้อย
- หน้าผาก – ลดริ้วรอยแนวนอน ยกคิ้วให้ดวงตาดูสดใส
- หางตาและเปลือกตาบน – ช่วยแก้ตาตก ทำให้ดวงตาดูเปิดกว้างและอ่อนวัย
- ใต้ตา – ลดความหย่อนคล้อย ถุงใต้ตา และริ้วรอยหางตา
- แก้ม – ยกแก้มที่ตกลงตามวัย ทำให้ใบหน้าดูสดชื่นและมีมิติ
- ร่องแก้ม – ลดร่องลึก ทำให้ใบหน้าดูอ่อยวัยขึ้น
- มุมปาก – ปรับมุมปากที่ตกลง ให้ใบหน้าดูไม่เศร้า
- แนวกรอบหน้า – ยกกระชับกรอบหน้าคมชัด ลดความหย่อนคล้อยของผิวช่วงกราม
- คางและใต้คาง – ลดเหนียงและไขมันสะสม ยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
- ลำคอ – ยกผิวที่หย่อน ปรับให้คอดูเรียบเนียนและเต่งตึง
การเตรียมตัวก่อนทำหัตถการยกกระชับผิวหย่อนคล้อย
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินระดับผิวหย่อนคล้อย และเลือกหัตถการที่เหมาะกับปัญหา
- แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว และยาที่ใช้อยู่ กับแพทย์ก่อนทำ
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1–2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24–48 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการออกแดดจัด ๆ ก่อนทำ 1–2 วัน เพื่อลดการระคายเคืองของผิว
- งดการทำหัตถการอื่นบริเวณใบหน้าก่อนทำ ควรเว้นระยะอย่างน้อย 1–2 สัปดาห์
- งดการขัดผิวหรือสครับหน้า อย่างน้อย 2–3 วันก่อนทำ
- ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดก่อนเข้ารับการรักษา
- พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6–8 ชั่วโมงในคืนก่อนทำ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 1.5–2 ลิตร เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น

การดูแลหลังตัวเองทำหัตถการยกกระชับผิวหย่อนคล้อย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าแรง ๆ เช่น การขยี้ นวด หรือกดผิดในช่วง 1–2 วันแรก
- หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น การอบซาวน่า การแช่น้ำร้อน หรือการโดนแดดจัด เป็นเวลา 1–2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้การฟื้นฟูผิวล่าช้า
- งดการออกกำลังกายหยัก ๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก ในช่วง 2–3 วันแรก
- งดการสครับ การผลัดเซลล์ผิว และการขัดผิวแรง ๆ อย่างน้อย 1–2 สัปดาห์
- ทาครีมบำรุงที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวตามที่แพทย์แนะนำ
- ดื่มน้ำสะอาดและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัว
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะโปรตีน วิตามินซี และอาหารที่เสริมสร้างคอลลาเจน
อัปเดตราคาหัตถการยกกระชับผิวหย่อนคล้อย
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ ปัจจัยสำคัญคือราคาของแต่ละหัตถการ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับจำนวนไลน์ จำนวนช็อต หรือขนาดของพื้นที่ที่ต้องการทำ ซึ่งราคาเฉลี่ยของแต่ละหัตถการ มีดังนี้
- รอบดวงตา ราคาเริ่มต้นประมาณ 25,000 บาท
- บริเวณแก้ม ราคาประมาณ 40,000 บาท
- แก้มและเหนียง ราคาประมาณ 70,000 บาท
- ทั่วใบหน้า ราคาประมาณ 90,000 บาท
- ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 60,000 – 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับพื้นที่และขนาดบริเวณที่ทำ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีผิวหย่อนคล้อย และต้องการยกกระชับทั่วใบหน้า
- ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 – 70,000 บาท ซึ่งแตกต่างกันไปตามจำนวนช็อต และตำแหน่งที่เลือกทำ
- ราคาโดยทั่วไปอยู่ที่ 30,000 – 70,000 บาท ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ทำการรักษา
- โดยทั่วไปเริ่มต้นที่ประมาณ 40,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งราคานี้อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละโปรโมชั่น
ทั้งนี้ราคาที่ระบุเป็นเพียงเกณฑ์โดยเฉลี่ยเท่านั้น ราคาจริงอาจแตกต่างกันออกไป และการออกแบบแผนการรักษาเฉพาะบุคคล แนะนำให้เข้ารับคำปรึกษาเพื่อให้แพทย์ประเมินปริมาณช็อตหรือจำนวนไลน์ที่เหมาะสมกับปัญหาผิวหย่อนคล้อยของแต่ละบุคคล
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหัตถการยกกระชับผิวหย่อนคล้อย
ทำไมวัย 40 ถึงเจอปัญหาผิวหย่อนคล้อยชัดเจนกว่าวัยอื่น?
- เมื่อเข้าสู่ช่วงวัย 40 โครงสร้างผิวเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งชั้นไขมันใต้ผิว ชั้นหนังแท้ และชั้น SMAS ค่อย ๆ เสื่อมสภาพ การผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น อีกทั้งกระดูกใบหน้ายังเกิดการยุบตัวตามธรรมชาติ จึงทำให้ผิวหย่อนคล้อยมองเห็นได้ชัดเจนในวัยนี้มากกว่าวัยอื่น ๆ
การยกกระชับผิวหย่อนคล้อยแบบผ่าตัดและไม่ผ่าตัด แตกต่างกันอย่างไร?
- การยกกระชับผิวหย่อนคล้อยแบบผ่าตัดนั้นมุ่งเน้นการดึงผิวชั้น SMAS และผิวหนังให้ตึงขึ้น ผลลัพธ์คงทนยาวนาน แต่มีบาดแผลและต้องใช้เวลาในการพักฟื้น ส่วนยกกระชับผิวหย่อนคล้อยแบบไม่ผ่าตัด เป็นการใช้เทคโนโลยีพลังงาน เช่น คลื่นเสียงหรือคลื่นวิทยุ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏ ไม่มีบาดแผลและไม่ต้องพักฟื้นนาน แต่จำเป็นต้องทำซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
ชั้น SMAS เกี่ยวข้องกับผิวหย่อนคล้อยยังไง?
- ชั้น SMAS คือเนื้อเยื่อพังผืดที่อยู่ระหว่างไขมันใต้ผิวและกล้ามเนื้อใบหน้า ทำหน้าที่เสมือนโครงพยุงผิว หากชั้นนี้เสื่อมสภาพ ผิวก็จะขาดแรงพยุง เกิดการหย่อนคล้อยและริ้วรอยลึก การยกกระชับผิวหย่อนคล้อยที่เข้าถึงชั้น SMAS จึงเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน และคงทนกว่าการแก้ปัญหาเพียงผิวชั้นตื้น
ต้องทำหัตถการยกกระชับผิวหย่อนคล้อยบ่อยแค่ไหน?
- ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเครื่องยกกระชับและสภาพผิวของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปผลลัพธ์จะอยู่ได้นานตั้งแต่ 6 เดือนจนถึง 2 ปี แพทย์มักแนะนำให้ทำซ้ำตามช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ผิวกระชับต่อเนื่องและดูอ่อนวัยอย่างสม่ำเสมอ
การยกกระชับผิวหย่อนคล้อยมีผลข้างเคียงหรือความเสี่ยงอะไรบ้าง?
- หลังทำอาจมีอาการเจ็บ บวม แดง หรือรอยช้ำเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการชั่วคราวและจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน ทั้งนี้หากอยู่ในการดูแลของแพทย์และใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐาน ความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจะต่ำมาก
ผู้ชายสามารถทำหัตถการยกกระชับผิวหย่อนคล้อยได้ไหม?
- ผู้ชายสามารถทำได้เช่นเดียวกับผู้หญิง โดยผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่เลือกและการดูแลหลังทำ เพียงแต่ผิวของผู้ชายจะมีลักษณะหนาและโครงสร้างแตกต่างจากผู้หญิงเล็กน้อย แพทย์จึงต้องเลือกวิธีที่เหมาะสมกับลักษณะผิวของแต่ละบุคคล
ผิวผู้ชายกับผู้หญิงตอบสนองต่อการยกกระชับผิวหย่อนคล้อยต่างกันไหม?
- โดยทั่วไปผิวของผู้ชายมีความหนาแน่นมากกว่า และมีการตอบสนองต่อพลังงานที่แตกต่างเล็กน้อย แพทย์จะพิจารณาปรับเทคนิคและพลังงานให้สอดคล้องกับสภาพผิว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่กลมกลืนกับใบหน้า
ทำไมการยกกระชับชั้น SMAS ถึงได้รับความนิยมมากในวัย 40+?
- เพราะปัญหาผิวหย่อนคล้อยในวัยนี้มักเกิดจากการเสื่อมของโครงสร้างลึก ยกกระชับที่เข้าถึงชั้น SMAS จึงช่วยแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน และตอบโจทย์คนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
หัตถการยกกระชับผิวหย่อนคล้อยเหมาะกับทุกสภาพผิวไหม?
- โดยทั่วไปสามารถทำได้กับทุกสภาพผิว แต่ผู้ที่มีโรคผิวหนังบางชนิดหรือมีปัญหาผิวเฉพาะ อาจไม่เหมาะกับเทคโนโลยีบางอย่าง ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินก่อนทำทุกครั้ง
สามารถทำหัตถการยกกระชับผิวหย่อนคล้อยพร้อมกันหลายเทคนิคในครั้งเดียวได้ไหม?
- สามารถทำพร้อมกันหลายเทคนิคได้ เช่น การใช้ Ultherapy Prime คู่กับ Thermage FLX หรือเสริมด้วยการร้อยไหม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยกกระชับ แต่ต้องอยู่ในการวิเคราะห์วางแผนของแพทย์ เพื่อให้เหมาะสมกับปัญหาผิวหย่อนคล้อยของแต่ละคน
เมื่อเข้าสู่วัย 40 หลายคนย่อมพบเจอกับสัญญาณของผิวหย่อนคล้อย ไม่ว่าจะเป็นแก้มที่เริ่มตก กรอบหน้าไม่ชัด หรือริ้วรอยที่ลึกขึ้น แม้จะเป็นกระบวนการตามธรรมชาติ แต่ในปัจจุบันเรามีตัวช่วยที่ไม่อันตรายและมีประสิทธิภาพอย่างหัตถการยกกระชับผิวหย่อนคล้อย ที่สามารถฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แน่นขึ้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และคืนความสดใสให้กับใบหน้าได้อย่างเห็นผล
การเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับสภาพผิวและระดับปัญหา รวมถึงการดูแลตัวเองทั้งภายในและภายนอก จะช่วยยืดอายุผลลัพธ์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญคือควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อวางแผนการดูแลที่ไม่อันตรายและตรงกับความต้องการของแต่ละคน
เพราะความอ่อนวัยไม่ใช่เรื่องของตัวเลขอายุเพียงอย่างเดียว แต่คือการดูแลสุขภาพผิวอย่างถูกวิธี เมื่อผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างเหมาะสม คุณก็สามารถกลับมามีความมั่นใจได้อีกครั้งในทุกช่วงวัย

