กำจัดขนแบบไหนดี ? รวมวิธียอดนิยมและข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ

กำจัดขนแบบไหนดี

การกำจัดขนเป็นหนึ่งในวิธีดูแลความงามที่หลายคนให้ความสำคัญ ซึ่งในปัจจุบันมีการกำจัดหลายวิธี ตั้งแต่วิธีง่าย ๆ ที่ทำได้เองจนไปถึงการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ แต่ละวิธีมีข้อดี ข้อเสีย แตกต่างกันออกไป การเลือกวิธีกำจัดขนที่เหมาะสมกับตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ บทความนี้จึงจะพาทุกคนไปรู้จักกับวิธีการกำจัดขนยอดนิยม พร้อมข้อควรรู้ก่อนการตัดสินใจทำ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าควรเลือกทำวิธีไหนจึงจะเหมาะสมกับตัวเอง

 

ขน (Hair) คืออะไร ?

ขน (Hair) คือ เส้นใยโปรตีนที่งอกขึ้นมาจากรูขุมขน ซึ่งประกอบด้วยโปรตีนเคราติน (Keratin) เป็นหลัก โดยขนที่โผล่พ้นผิวหนังมามักเป็นเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว แต่ยังคงมีโครงสร้างรากของเคราติน จึงทำให้เส้นขนยังมีความแข็งแรงและทนทานต่อแรงดึง การเสียดสี ไม่หลุดออกไปง่าย ๆ 

 

ขน (Hair) เกิดจากอะไร ?

ขน (Hair) ถูกสร้างขึ้นมาจากเซลล์เคราติน (Keratin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ผลิตขึ้นภายในรูขุมขนที่อยู่ในชั้นผิวหนังแท้ของผิวหนัง โดยขั้นตอนการเกิดขนสรุปเป็นขั้นตอนได้ ดังต่อไปนี้

 

การสร้างเซลล์ใหม่ 

ในการเริ่มต้นของการเกิดขน รากขน (Hair Root) ที่ประกอบด้วยเซลล์จะมีการแบ่งตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างเซลล์ใหม่ โดยเซลล์เหล่านี้จะค่อย ๆ รวมตัวกัน จนกลายเป็นโครงสร้างแรกของเส้นขน และพัฒนาเป็นเส้นขนงอกขึ้นมาได้ในอนาคต

  • การผลิตโปรตีนเคราติน

เมื่อเซลล์ใหม่ผลิตเคราติน ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเส้นขน โดยเคราตินจะถูกรวมตัวเป็นเส้นใยขนาดเล็กจำนวนมาก 

  • ขนที่โผล่ขึ้นสู่ผิวหนัง

เซลล์ใหม่ที่เกิดขึ้นจะดันเซลล์เก่าให้เคลื่อนตัวขึ้นมาด้านบนเรื่อย ๆ ผ่านช่องทางรูขุมขน โดยระหว่างการถูกดันขึ้นสู่ผิวหนังจะค่อย ๆ เสียความชุ่มชื้นและสารอาหาร ทำให้โครงสร้างแข็งแรงขึ้น จนโผล่พ้นผิวหนังออกมาเป็นเส้นขนที่มองเห็นได้

  • ความแข็งแรงของเส้นขน

เมื่อเซลล์ขนถูกดันจนโผล่พ้นผิวหนังผ่านรูขุมขนขึ้นมาแล้ว เซลล์เหล่านั้นจะหยุดทำงาน ตายลง และค่อย ๆ แข็งตัว กลายเป็นเส้นขนที่เรามองเห็นภายนอกได้อย่างชัดเจน ถึงแม้เซลล์ขนจะเป็นเซลล์ที่ตายไปแล้วแต่โครงสร้างของเคราตินไว้ ทำให้เส้นขนแข็งแรงและคงรูปไว้ได้

  • การสร้างเม็ดสีของเส้นขน

ภายในรูขุมขนจะมีการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) เพื่อกำหนดสีของเส้นขน โดยปริมาณและชนิดของเมลานินจะส่งผลต่อโทนสีของเส้นขนที่แตกต่างกัน และเมื่ออายุมากขึ้นการผลิตเม็ดสีเมลานินจะลดลง ทำให้เส้นขนเปลี่ยนเป็นสีเทาหรือสีขาว

 

ตำแหน่งและหน้าที่ของขนในแต่ละตำแหน่ง

ขนสามารถขึ้นได้เกือบทุกส่วนในร่างกาย โดยเฉพาะในบริเวณที่มีรูขุมขน ซึ่งขนแต่ละบริเวณที่งอกขึ้นมาจะมีความแตกต่างกันออกไป ตามตำแหน่ง ความหนาแน่น และหน้าที่เฉพาะในแต่ละบริเวณ โดยตำแหน่งที่เกิดขนในร่างกายมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้

  • เส้นผม (Hair) เป็นขนที่ขึ้นบริเวณหนังศรีษะ ซึ่งเป็นขนที่มีความหนาแน่นและยาวที่สุด โดยเส้นผมจะทำหน้าที่ในการปกป้องศรีษะและควบคุมอุณหภูมิ
  • ขนคิ้ว (Eyebrows) เป็นขนที่ขึ้นบริเวณผิวหนังเหนือดวงตา ทำหน้าที่ในการป้องกันเหงื่อหรือน้ำไม่ให้ไหลเข้าดวงตา และทำหน้าที่ในการช่วยแสดงอารมณ์
  • ขนตา (Eyelashes) เป็นขนที่ขึ้นบริเวณผิวหนังเปลือกตา ทำหน้าที่ป้องกันฝุ่นละอองหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าดวงตา
  • ขนจมูก (Nasal Hair) เป็นขนที่ขึ้นภายในรูจมูก ซึ่งทำหน้าที่กรองฝุ่นและสิ่งแปลกปลอมที่สูดเข้าทางจมูก
  • ขนหนวดและเครา (Facial Hair) เป็นขนที่ขึ้นบริเวณผิวหนังใบหน้า มักพบได้บ่อยในเพศชาย (Testosterone) เนื่องจากเป็นขนที่มีความเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศชาย ที่กระตุ้นให้เส้นขนบริเวณนี้หนาและยาวมากขึ้น
  • ขนรักแร้ (Axillary Hair) เป็นขนที่ขึ้นบริเวณผิวหนังบริเวณรักแร้ โดยมีหน้าที่หลักในการลดแรงเสียดสี ดูดซับเหงื่อ และมีความเกี่ยวข้องกับการระบายความร้อนอีกด้วย
  • ขนแขนและขา เป็นขนที่ขึ้นบริเวณผิวหนังทั่วทั้งแขนและขา ซึ่งขนที่เกิดบริเวณนี้มักบางและสั้นกว่าเส้นผม ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อม 
  • ขนบริเวณอวัยวะเพศ (Pubic Hair) เป็นขนที่ขึ้นบริเวณผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ ทำหน้าที่ในการปกป้องผิวหนังจากการเสียดสี ติดเชื้อ
  • ขนหู (Ear Hair) เป็นขนที่ขึ้นในช่องหูด้านนอก มักพบได้บ่อยในผู้ชายสูงวัย ทำหน้าที่ในการป้องกันฝุ่นและป้องกันแมลงไม่ให้เข้าหู
  • ขนหน้าอก (Chest Hair) เป็นขนที่ขึ้นบริเวณหน้าอก โดยพบได้บ่อยในเพศชาย ทำหน้าที่ในการปกป้องผิว
  • ขนหลัง (Back Hair) เป็นขนที่ขึ้นบริเวณผิวหนังแผ่นหลัง ซึ่งมีความหนาแน่นแตกต่างกันออกไป ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากสิ่งแวดล้อม
  • ขนท้อง (Abdominal Hair) เป็นขนที่ขึ้นบริเวณท้องน้อยขึ้นมาถึงรอบสะดือ ซึ่งเกิดได้มากน้อยขึ้นอยู่กับบุคคล

ขนสามารถขึ้นได้แทบทุกบริเวณของร่างกายที่มีรูขุมขน และแต่ละตำแหน่งก็มีหน้าที่ที่เฉพาะแตกต่างกันออกไปในการปกป้องร่างกาย

 

ทำไมควรกำจัดขน

การกำจัดขนเป็นพฤติกรรมที่หลายบุคคลเลือกกำจัดขนด้วยเหตุผลที่หลากหลาย ซึ่งการกำจัดขนไม่ได้ทำเพียงเพื่อความสวยงามแต่เพียงท่านั้น แต่ยังช่วยในด้านสุขอนามัยและความมั่นใจได้อีกด้วย โดยเหตุผลที่ควรกำจัดขนมีดังนี้

  • เพื่อสุขอนามัย

การกำจัดขนมีความเกี่ยวข้องกับสุขอนามัยโดยตรง เนื่องจากขนตามร่างกายในบางบริเวณที่อับชื้นมักเป็นจุดสะสมเหงื่อ แบคทีเรีย และสิ่งสกปรก การจึงช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • เพื่อความสวยงาม

การกำจัดขนช่วยเสริมภาพลักษณ์ในชีวิตประจำวันได้ เนื่องจากผิวที่เรียบเนียนและเกลี้ยงเกลามักถูกมองว่าน่าดึงดูดและสะอาดตา ทำให้หลายคนเลือกกำจัดขน เพื่อด้านความสวยงามโดยเฉพาะ

  • เพื่อความมั่นใจ

การกำจัดขนช่วยเสริมความมั่นใจในชีวิตประจำวัน เนื่องจากหลายคนมักรู้สึกสบายใจ และกล้าจะแสดงออกในการแต่งตัวมากขึ้น เมื่อผิวสะอาด เรียบเนียน และไม่มีขนส่วนเกิน

  • เพื่อการดูแลผิว

การกำจัดขนมีส่วนช่วยโดยตรงต่อการดูแลผิว เนื่องจากเส้นขนที่ขึ้นตามร่างกายอาจเป็นอุปสรรคต่อการบำรุงผิวพรรณได้

  • เพื่อลดปัญหาขนคุด

การกำจัดขนอย่างถูกวิธีเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยลดการเกิดขนคุดได้ เพราะเมื่อเส้นขนถูกกำจัดออกไปอย่างเหมาะสม โอกาสที่ขนจะงอกผิดทิศทางและย้อนเข้าไปใต้ผิวหนังก็ลดลง

การกำจัดขนมีประโยชน์มากมายหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความสวยงาม สุขอนามัย ความมั่นใจ ลดปัญหาขนคุด และการดูแลผิวอีกด้วย

 

กำจัดขนแบบไหนดี 6 วิธียอดนิยม พร้อมข้อดีและข้อควรระวัง

กำจัดขนแบบไหนดี 6 วิธียอดนิยม พร้อมข้อดีและข้อควรระวัง
กำจัดขนแบบไหนดี 6 วิธียอดนิยม พร้อมข้อดีและข้อควรระวัง

 

กำจัดขนแบบไหนดี 6 วิธียอดนิยม พร้อมข้อดีและข้อควรระวัง

การกำจัดขนสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่วิธีง่าย ๆ ที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน ไปจนถึงวิธีทางการแพทย์ โดยแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อควรระวังที่แตกต่างกันออกไป การเลือกวิธีที่เหมาะสมกับความต้องการ งบประมาณ และสภาพผิว จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สามารถกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ก่อให้เกิดอันตราย โดย 6 วิธียอดนิยมมีข้อดีและข้อควรระวังที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

1.การโกน (Shaving)

การโกนเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากเป็นวิธีที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ซับซ้อน ใช้เวลาไม่นาน

การโกน เหมาะสำหรับ

  • ผู้ที่ต้องการวิธีที่สะดวก ทำเองได้ง่ายที่บ้าน
  • ผู้ที่ต้องการกำจัดขนเฉพาะจุดในระยะสั้น
  • ผู้ที่มีงบไม่มาก

ข้อดีของการโกน 

  • ประหยัดเวลา สามารถกำจัดขนได้ในระยะเวลาไม่นาน
  • ไม่เจ็บปวด ไม่ต้องพักฟื้น
  • อุปกรณ์หาได้ง่าย ทำได้เองที่บ้าน
  • สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

ข้อควรระวังในการโกนขน

  • ขนงอกใหม่ได้เร็ว ต้องโกนบ่อย และขนที่เกิดใหม่อาจดูหนาหรือแข็งขึ้น
  • มีโอกาสเกิดการระคายเคือง หรือเกิดบาดแผลเล็ก ๆ ได้
  • เสี่ยงต่อการเกิดขนคุด

 

2.การถอน (Plucking/Tweezing)

การถอน เป็นอีกวิธีที่ได้รับการนิยมในการกำจัดขนเฉพาะจุด เนื่องจากสามารถทำได้ง่ายด้วยแหนบและให้ผลลัพธ์ในระยะที่ยาวกว่าการโกน

การถอน เหมาะสำหรับ

  • ผู้ที่ต้องการกำจัดขนเส้นเล็กหรือขนเฉพาะจุด
  • ผู้ที่ไม่ได้มีปริมาณขนมาก
  • ผู้ที่ต้องการความละเอียด

ข้อดีของการถอน

  • สามารถให้ผลลัพธ์ในระยะที่ยาวกว่าการโกน เนื่องจากขนถูกดึงออกมาจากราก
  • อุปกรณ์หาได้ง่ายและสะดวกต่อการพกพา
  • มีความแม่นยำในบริเวณเล็ก ๆ

ข้อควรระวังในการถอน

  • ในผู้มีผิวบอบบาง อาจทำให้รู้สึกเจ็บแสบได้
  • มีโอกาสเกิดการอักเสบหรือรูขุมขนอุดตันได้
  • มีโอกาสทำให้เกิดขนคุดได้
  • ไม่เหมาะสำหรับการกำจัดขนในพื้นที่กว้าง

 

กำจัดขนแบบไหนดี 6 วิธียอดนิยม พร้อมข้อดีและข้อควรระวัง

กำจัดขนแบบไหนดี 6 วิธียอดนิยม พร้อมข้อดีและข้อควรระวัง
กำจัดขนแบบไหนดี 6 วิธียอดนิยม พร้อมข้อดีและข้อควรระวัง

 

3.การแว็กซ์ (Waxing)

การแว็กซ์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการกำจัดขน เนื่องจากการแว๊กซ์สามารถดึงขนออกได้ทั้งราก ทำให้ผิวเรียบเนียนและคงผลลัพธ์ได้ในระยะยาว

การแว็กซ์ เหมาะสำหรับ

  • ผู้ที่ต้องการกำจัดขนในพื้นที่กว้าง
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้ระยะยาวกว่าการโกนหรือถอน
  • ผู้ที่สามารถทนต่อความเจ็บปวดจากการดึงขนได้

ข้อดีของการแว็กซ์ 

  • ช่วยดึงขนออกได้ทั้งราก ทำให้ผิวเรียบเนียนและขึ้นช้ากว่าการโกน
  • สามารถกำจัดขนได้จำนวนมากในครั้งเดียว จึงเหมาะกับการกำจัดขนบริเวณกว้าง
  • เมื่อทำซ้ำต่อเนื่องขนอาจขึ้นน้อยและบางลง

ข้อควรระวังในการแว็กซ์

  • ในผู้มีผิวบอบบาง อาจทำให้รู้สึกเจ็บแสบได้
  • มีโอกาสเกิดการระคายเคือง แดง หรือบวมชั่วคราวหลังการแว็กซ์
  • มีโอกาสทำให้เกิดขนคุดได้
  • หากทำโดยผู้ไม่มีประสบการณ์ อาจเสี่ยงต่อการป้องกันการบาดเจ็บหรือติดเชื้อได้

 

4.ครีมกำจัดขน (Depilatory Cream)

ครีมกำจัดขนเป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายคนเลือกใช้ เพราะสามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ซับซ้อน โดยการใช้ครีมกำจัดขนจะทำงานโดยการละลายโปรตีนเคราติน (Keratin) ที่อยู่ในเส้นขน ทำให้เส้นขนอ่อนตัวและหลุดออกเมื่อเช็ดหรือล้างออก

ครีมกำจัดขน เหมาะสำหรับ

  • ผู้ที่ต้องการวิธีกำจัดขนที่ไม่เจ็บปวดและสะดวก
  • ผู้ที่มีขนเส้นเล็กถึงปานกลางในบริเวณแขน ขา หรือรักแร้

ข้อดีของครีมกำจัดขน 

  • ไม่เจ็บปวดใช้ง่ายและสะดวก 
  • สามารถทำเองได้ที่บ้านเหมาะสำหรับพื้นที่กว้าง 
  • ขนที่ขึ้นใหม่มักดูนุ่มกว่าเมื่อเทียบกับการโกน

ข้อควรระวังของการใช้ครีมกำจัดขน 

  • ในผู้ที่มีผิวบอบบาง ส่วนผสมในครีมอาจทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้
  • กลิ่นของครีมอาจแรง
  • ผลลัพธ์อยู่ได้ไม่นาน ขนจะขึ้นใหม่ภายในไม่กี่วันถึงหนึ่งสัปดาห์
  • ไม่ควรใช้ในบริเวณที่บอบบางมาก
  • ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้จริงเสมอ

กำจัดขนแบบไหนดี 6 วิธียอดนิยม พร้อมข้อดีและข้อควรระวัง

กำจัดขนแบบไหนดี 6 วิธียอดนิยม พร้อมข้อดีและข้อควรระวัง
กำจัดขนแบบไหนดี 6 วิธียอดนิยม พร้อมข้อดีและข้อควรระวัง

 

5.เลเซอร์กำจัดขน (Laser Hair Removal)

เลเซอร์กำจัดขนเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพและให้ผลลัพธ์ระยะยาว โดยเลเซอร์จะปล่อยพลังงานแสงไปจับกับเม็ดสีเมลานินในเส้นขน ซึ่งความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำลายรากขน ทำให้ขนหลุดร่วงเลเซอร์กำจัดขน เหมาะสำหรับ

  • ผู้ที่มีปัญหาขนดกหรือขนหนาในหลายบริเวณ
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว
  • ผู้ที่ต้องการผิวที่เรียบเนียน ลดความกังวลเรื่องขนในระยะยาว

ข้อดีของเลเซอร์กำจัดขน

  • เห็นผลลัพธ์ในระยะยาว  ไม่ต้องทำทุกวันเหมือนการโกน
  • ลดโอกาสการเกิดขนคุดและการอักเสบของผิวหนัง
  • สามารถกำจัดขนได้ในพื้นที่กว้างในระยะเวลาไม่นาน
  • ช่วยให้ขนขึ้นใหม่บางลงและจางลงเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง
  • ผิวบริเวณที่ทำเลเซอร์จะมีความเรียบเนียน สม่ำเสมอได้

ข้อควรระวังของเลเซอร์กำจัดขน

  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังบางประเภท 
  • ต้องทำหลายครั้งต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน 
  • ควรทำโดยแพทย์ เพื่อไม่ก่อให้เกิดอันตรายและลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง

 

6. IPL (Intense Pulsed Light)

IPL เป็นเทคนิคที่ใช้แสงความเข้มสูงในการกำจัดขน แม้จะไม่ใช่เลเซอร์โดยตรง แต่มีหลักการคล้ายกัน โดย IPL จะทำงานด้วยการปล่อยแสงออกมาเป็นช่วงคลื่นกว้างและดูดซับโดยเม็ดสีเมลานินในเส้นขน ทำให้รากขนถูกทำลายและขนค่อย ๆ หลุดร่วง

IPL เหมาะสำหรับ

  • ผู้ที่ต้องการกำจัดขนที่ให้ผลลัพธ์ระยะยาว
  • ผู้ที่มีผิวและสีขนที่เหมาะสม
  • ผู้ที่ต้องการดูแลบริเวณกว้าง

ข้อดีของ IPL

  • ครอบคลุมพื้นที่กว้างได้ในเวลาไม่นาน 
  • ช่วยให้ขนขึ้นใหม่บางลงและจางลงเมื่อทำอย่างต่อเนื่อง
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่าวิธีชั่วคราวทั่วไป

ข้อควรระวังของ IPL

  • ประสิทธิภาพอาจน้อยกว่าเลเซอร์กำจัดขน และผลลัพธ์ไม่ถาวร 
  • ต้องทำหลายครั้ง 
  • อาจมีอาการแดง แสบ หรือระคายเคืองหลังการทำได้ 
  • ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวเข้มมากหรือขนสีอ่อน

 

ผลข้างเคียงที่มักเกิดหลังกำจัดขน

การกำจัดขนสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการโกน การแว๊กซ์ การถอน การเลเซอร์ การใช้ครีมกำจัดขน และการทำ IPL โดยแต่ละวิธีมีโอกาสการเกิดผลข้างเคียงที่แตกต่างกันออกไป โดยผลข้างเคียงที่มักเกิดหลังการกำจัดขน มีดังนี้

  • การระคายเคืองของผิว มีโอกาสการเกิดได้หลังการทำเกือบทุกวิธี โดยเฉพาะการโกน ถอน และแว๊กซ์ ซึ่งการระคายเคืองอาจเกิดได้หลายอาการ ไม่ว่าจะเป็นอาการผิวแดง คัน แสบ เจ็บ หรือไม่สบายผิว
  • การเกิดขนคุด มักพบได้บ่อยหลังจากการโกน การถอน หรือแว๊กซ์ โดยอาการนี้อาจทำให้เกิดตุ่มแดง เจ็บ หรืออักเสบได้
  • การติดเชื้อ สามารถเกิดได้หากกำจัดขนด้วยอุปกรณ์ที่ไม่สะอาด ทำให้เกิดบาดแผลเล็ก ๆ จนเชื้อโรคสามารถเข้าสู่ผิวได้ง่าย ทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อได้
  • การเปลี่ยนสีผิว มักเกิดได้จากการใช้แสงหรือความร้อน ซึ่งการเปลี่ยนสีผิวอาจทำให้ผิวคล้ำหรือผิวขาวมากกว่าปกติในบางบุคคล หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
  • บาดแผลหรือรอยไหม้ อาจเกิดได้จากการไม่ระมัดระวังจนเกิดเป็นบาดแผล หรือเกิดจากการกำหนดพลังงานไม่เหมาะสมในการทำเลเซอร์หรือ IPL จนเกิดการไหม้
  • อาการบวมแดงชั่วคราว มักพบได้หลังการแว๊กซ์หรือการทำเลเซอร์ โดยรูขุมขนจะเกิดการอักเสบเล็กน้อย ทำให้บวมแดง แต่มักหายได้เองในไม่นาน
  • การแพ้สารเคมี มักพบได้ในการใช้ครีมจำกัดขน ซึ่งอาจทำให้เกิดผื่นแดง คัน หรือบวมได้

ไม่ว่าการกำจัดขนด้วยวิธีใดก็มีโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงหลังทำได้เช่นเดียวกัน ทั้งแบบชั่วคราวและในบางกรณีที่รุนแรง การเลือกวิธีกำจัดขนที่เหมาะสมกับสภาพผิว การใช้อุปกรณ์ที่สะอาด และการดูแลผิวหลังทำอย่างถูกวิธี จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงหลังการทำได้มากขึ้น

 

สามารถช่วยให้ขนหายแบบถาวรได้ไหม

การกำจัดขนไม่มีวิธีไหนที่สามารถทำให้ขนหายได้แบบถาวร 100% แต่ก็มีวิธีการกำจัดขน เช่น การใช้เลเซอร์ ในการช่วยลดจำนวนขนและความหนาของเส้นขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้ขนขึ้นใหม่บางลง สีอ่อนลง และขึ้นช้าลงเรื่อย ๆ ทำให้เมื่อทำการจัดขนด้วยเลเซอร์อย่างต่อเนื่อง ขนบริเวณนั้นจะแทบไม่เกิดขึ้นอีกเลย แต่อาจมีการเกิดขนเส้นเล็ก ๆ งอกขึ้นมาได้บ้าง ทำให้การทำเลเซอร์กำจัดขนจึงกลายเป็นตัวช่วยที่ทำให้ขนหายได้กี่งถาวรนั่นเอง

 

ทำไมเลเซอร์กำจัดขนถึงเป็นที่นิยม
ทำไมเลเซอร์กำจัดขนถึงเป็นที่นิยม

 

ทำไมเลเซอร์กำจัดขนถึงเป็นที่นิยม

เลเซอร์กำจัดขนเป็นวิธีการกำจัดขนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากมีข้อดีหลายด้าน โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เลเซอร์กำจัดขนเป็นที่นิยม มีดังนี้

  • ให้ผลลัพธ์ระยะยาว เนื่องจากทำลายรากขน ทำให้ขนที่เกิดใหม่เกิดช้าและบางลงได้
  • ลดปัญหาขนคุดและการระคายเคือง ที่มักเกิดจากการกำจัดขนวิธีอื่น ๆ ได้
  • ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน ได้มากกว่าการกำจัดขนด้วยวิธีอื่น ๆ 
  • สามารถกำจัดขนได้ครอบคลุมหลายบริเวณ สามารถทำได้แม้ในผู้ที่มีขนเยอะ หนาแน่น
  • มีความสะดวกสบาย ไม่ต้องกำจัดขนด้วยตัวเองบ่อย ๆ ทำให้ประหยัดเวลาและลดความยุ่งยากในการดูแลผิว
  • กำจัดขนทำได้ทุกคน เนื่องจากสามารถปรับระดับให้เหมาะกับสภาพผิวและสีขนของแต่ละบุคคลได้
  • ไม่เป็นอันตรายและมีประสิทธิภาพ เมื่อทำโดยแพทย์หรือผู้ที่มีประสบการณ์ \

เลเซอร์กำจัดขนเป็นที่นิยมเพราะให้ผลลัพธ์ระยะยาว ลดปัญหาผิวจากการกำจัดขนแบบทั่วไปและช่วยให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอได้มากขึ้น

 

เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนถาวรได้จริงหรือไม่

เลเซอร์กำจัดขนสามารถกำจัดขนไม่สามารถทำให้ขนหายไปถาวร 100% แต่สามารถช่วยลดจำนวนเส้นขนและทำให้ขนที่ขึ้นใหม่บางลงและขึ้นช้าลงอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยส่วนใหญ่จะเห็นผลลัพธ์ว่าปริมาณขนลดลง 70-90% และขนที่เหลือจะเริ่มบางลงจนแทบมองไม่เห็น ซึ่งในระยะยาวอาจมีขนบางส่วนขึ้นใหม่ทำให้จะต้องทำเลเซอร์กำจัดขนซ้ำเพื่อคงผลลัพธ์

 

ปัจจัยที่ส่งผลให้ขนเกิดขึ้นใหม่เร็วขึ้นหลังจากกำจัดขน
ปัจจัยที่ส่งผลให้ขนเกิดขึ้นใหม่เร็วขึ้นหลังจากกำจัดขน

 

ปัจจัยที่ส่งผลให้ขนเกิดขึ้นใหม่เร็วขึ้นหลังจากกำจัดขน

ปัจจัยที่ส่งผลให้ขนเกิดขึ้นเร็วหลังจากการกำจัดขนมีหลายด้าน ทั้งปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับร่างกายภายในและปัจจัยภายนอก  โดยปัจจัยที่มักส่งผลให้ขนขึ้นเร็วหลังการกำจัดขน มีดังนี้ 

1.ฮอร์โมนในร่างกาย

ระดับฮอร์โมนมีผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นขน หากร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบ่อย ขนก็อาจกลับมาขึ้นเร็วขึ้นได้

 

2.กรรมพันธุ์

กรรมพันธุ์มีผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นขน โดยส่งผลโดยตรงกับความหนาแน่น ความเร็ว และลักษณะของขน ทำให้ผู้ที่มีพันธุ์กรรมที่มีการเจริญเติบโตของขนไว ก็มีแนวโน้มในการเกิดขนขึ้นใหม่ไวเช่นกัน

 

3.วิธีการกำจัดขน

วิธีการกำจัดขนมีผลอย่างมากต่อความเร็วในการงอกใหม่ของเส้นขน เพราะการกำจัดขนแต่ละวิธีมีระดับในการทำลายรากขนที่แตกต่างกันออกไป โดยแต่ละวิธีมีระยะการที่งอกใหม่ช้าเร็วต่างกัน ดังนี้

  • วิธีกำจัดขนที่ทำให้ขนงอกใหม่เร็ว ได้แก่ การโกน การใช้ครีมกำจัดขน เนื่องจากเป็นวิธีการกำจัดขนเพียงชั่วคราว ไม่ได้ทำลายรากขน
  • วิธีกำจัดขนที่ทำให้ขนขึ้นช้าระดับปานกลาง ได้แก่ การแว๊กซ์ การถอน เนื่องจากเป็นการดึงจนออกจากราก แต่ถ้าหากไม่ได้ทำบ่อยหรือไม่ถูกวิธี ก็อาจงอกกลับมาเร็วได้เช่นกัน
  • วิธีกำจัดขนที่ทำให้ขนขึ้นช้า กำจัดขนได้กึ่งถาวร ได้แก่ การทำเลเซอร์เนื่องจากเป็นการกำจัดขนที่ทำลายรากขน แต่ถ้าหากไม่ได้ทำต่อเนื่องขนก็อาจกลับมางอกใหม่ได้

 

4.คุณภาพเครื่องมือและประสบการณ์ของผู้ให้บริการ

คุณภาพของเครื่องมือและทักษะของผู้ทำมีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการกำจัดขน เนื่องจากการใช้อุปกรณ์ที่ใช้ไม่ได้มาตรฐานหรือมีการตั้งค่าพลังงานไม่เหมาะสม อาจทำลายรากขนได้ไม่ลึกเพียงพอ ทำให้ขนกลับขึ้นมาได้เร็วเช่นกัน

 

5.การดูแลหลังทำ

การดูแลผิวหลังการกำจัดขนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้เร็ว ลดโอกาสเกิดการระคายเคือง และยืดระยะเวลาการขึ้นใหม่ของขนได้

การที่ขนกลับมาขึ้นเร็วหลังการกำจัดขนขึ้นอยู่กับทั้งปัจจัยภายใน เช่น ฮอร์โมน กรรมพันธุ์ และปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็น วิธีที่ใช้ เครื่องมือ และการดูแลรักษา หาก

การกำจัดขนเป็นกระบวนการที่ช่วยลดหรือกำจัดเส้นขนออกจากผิวหนัง ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่การโกน ถอน แว็กซ์ ใช้ครีมกำจัดขน ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเลเซอร์และ IPL ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน แต่ขนมักกลับมาขึ้นใหม่ภายในไม่กี่วัน ส่วนวิธีที่ทำลายรากขนอย่างเลเซอร์สามารถช่วยให้ขนขึ้นช้าลง เส้นบางลง และลดจำนวนขนได้ในระยะยาว จึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในการกำจัดขนในปัจจุบัน

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด