Ultra Lift ยกกระชับผิวหน้า ปรับหน้าเรียว

Ultra Lift ยกกระชับผิวหน้า ปรับหน้าเรียว

ทำความรู้จักเทคโนโลยี Ultra Lift ยกกระชับผิวหน้า ปรับหน้าเรียว

ในยุคที่เทคโนโลยีความงามก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การดูแลผิวให้แลดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดีไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป หนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบันคือ Ultra Lift ซึ่งเป็นเทคโนโลยีช่วยยกกระชับผิวหน้าด้วยพลังงานอัลตราซาวนด์ที่สามารถเข้าลึกถึงโครงสร้างผิวชั้นใน โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด และไม่มีช่วงพักฟื้นเหมือนหัตถการแบบเดิม ๆ

 

ด้วยจุดเด่นที่เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว และไม่รุกรานผิว Ultra Lift จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ที่ใส่ใจรูปลักษณ์ และต้องการดูแลตัวเองแบบมีประสิทธิภาพในเวลาจำกัด

 

นอกจากผลลัพธ์ด้านการยกกระชับแล้ว Ultra Lift ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ลดเลือนริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัย และเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้นานขึ้น ที่สำคัญคือสามารถใช้ได้กับทุกเพศทุกวัย

 

และหากคุณกำลังตั้งคำถามว่า Ultra Lift ทำงานอย่างไร? ให้ผลลัพธ์นานแค่ไหน? และทำไมถึงได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่? บทความนี้จะพาคุณไปค้นหาคำตอบอย่างละเอียด พร้อมแนะนำแนวทางการดูแลผิวหลังทำ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ปรับหน้าเรียว คืออะไร?
ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ปรับหน้าเรียว คืออะไร?

 

ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ปรับหน้าเรียว คืออะไร? 

Ultra Lift เป็นเทคโนโลยีด้านความงามที่ใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง (High-Intensity Focused Ultrasound – HIFU) ส่งผ่านพลังงานลงลึกไปถึง ชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการยกกระชับใบหน้าแบบผ่าตัด โดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือเสียเวลาพักฟื้น

 

หนึ่งในจุดเด่นของ Ultra Lift คือ หัวทิปเฉพาะที่ออกแบบมาให้ยิงพลังงานแบบจุด (Dot Pattern) และสามารถเข้าถึงความลึกสูงสุดประมาณ 4.5 มิลลิเมตร ซึ่งช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างแม่นยำ ตรงจุด และสอดคล้องกับลักษณะของปัญหาผิวในแต่ละพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณกรอบหน้า แก้ม หรือใต้คาง

 

Ultra Lift ไม่ได้เพียงแค่ช่วยยกกระชับผิวให้เต่งตึง แต่ยังมีบทบาทในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินตามธรรมชาติในชั้นผิว ทำให้ผิวดูแน่น เรียบเนียน อ่อนเยาว์อย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไป

 

นอกจากนี้ เทคโนโลยีนี้ยังเหมาะกับการยกกระชับปรับรูปหน้าให้ดูเรียวได้รูปอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดหรือหัตถการที่ต้องมีการฟื้นตัวนาน จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับคนยุคใหม่ที่ต้องการดูแลผิวโดยไม่อันตรายและเห็นผลชัดเจน

 

ถอดรหัสยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ทำงานอย่างไรให้หน้าเรียว?

กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว

เทคโนโลยี Ultrasound ถูกนำมาใช้ในการส่งพลังงานความร้อนอย่างแม่นยำลงสู่ชั้นผิวลึก โดยเฉพาะในบริเวณ SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้าแบบศัลยกรรม ความร้อนที่ส่งลงไปมีอุณหภูมิประมาณ 60-70°C ซึ่งถือเป็นระดับที่เหมาะสมในการกระตุ้นการฟื้นฟูผิวโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง

 

เมื่อเซลล์ผิวได้รับพลังงานความร้อนในระดับที่เหมาะสม ร่างกายจะเริ่มกระบวนการ สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ตามธรรมชาติ ทำให้โครงสร้างผิวที่เคยหย่อนคล้อยกลับมากระชับแน่นและมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ผิวหน้าจึงดูเรียบเนียน เต่งตึง และอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

 

ยกกระชับผิวหน้าชั้นลึก 

เทคโนโลยีพลังงาน HIFU ถูกออกแบบมาให้ทำงานในระดับชั้นผิวที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

  • ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ช่วยปรับให้ผิวมีความเรียนเนียนมากขึ้น
  • ชั้นหนังแท้ (Dermis) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดเลือนริ้วรอย
  • ชั้น SMAS ปรับโครงสร้างของผิวและยกกระชับผิวหน้าให้เต่งตึง

 

ผลลัพธ์ที่แม่นยำแบบเฉพาะเจาะจง

หนึ่งในจุดเด่นของ Ultra Lift คือ สามารถในการควบคุมความลึกและรดับพลังงานให้เหมาะสมกับแต่ละจุดบนใบหน้าและร่างกาย เช่น

  • ยกกระชับผิวหน้าบริเวณกรอบหน้า เพื่อยกกระชับและลดความหย่อนคล้อย
  • ยกกระชับผิวบริเวณรอบดวงตา เพื่อลดริ้วรอย ลดผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใสขึ้น
  • ยกกระชับผิวบริเวณลำคอ เพื่อปรับรูปทรงลำคอให้ดูเรียวมากขึ้น

 

ข้อดีสุดปัง ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ที่ควรรู้
ข้อดีสุดปัง ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ที่ควรรู้

 

ข้อดีสุดปัง ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ที่ควรรู้

ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยคุณสมบัติและจุดเด่นที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคนอยากหน้าเรียวสวย มีดังนี้

  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเสี่ยงจากการศัลยกรรม
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่ต้องใช้ยาชา ไม่ต้องใช้เข็ม
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันปกติได้ทันที
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ได้รับการรับรองประสิทธิภาพจากองค์การอาหารและยา
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ทำงานแม่นยำโดยไม่ทำลายผิวด้านบน
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ผิวกระชับและเต่งตึงขึ้นทันทีประมาณ 20%
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย และทุกสภาพผิว
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่มีข้อจำกัดเรื่องสีผิวหรือระดับของความหย่อนคล้อย
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ใช้ระยะเวลาในการทำเพียง 30-60 นาที
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เป็นเทคโนโลยีที่คุ้มค่าในระยะยาว คุ้มค่าต่อการลงทุน
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ใบหน้าอ่อนเยาว์ ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ 

 

ใครบ้างที่เหมาะกับยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ที่สุด
ใครบ้างที่เหมาะกับยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ที่สุด

 

ใครบ้างที่เหมาะกับยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ที่สุด

  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เหมาะกับผู้ที่เริ่มเห็นสัญญาณของการหย่อนคล้อยของใบหน้า
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปที่เริ่มมีริ้วรอยและผิวเริ่มสูญเสียความกระชับ
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหนังตาตก หางตาตก และคิ้วตก
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเหนียงหรือไขมันสะสมใต้คาง
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรม
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เหมาะกับผู้ที่มีเวลาพักฟื้นน้อย
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวแพ้ง่าย
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เหมาะกับผู้ที่สูญเสียความกระชับที่ใบหน้า
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เหมาะกับผู้ที่ลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วจนผิวหย่อนคล้อย
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้าแบบเฉพาะจุด

 

หมายเหตุ:
ทั้งนี้ ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล และควรปรึกษาแพทย์ประจำคลินิกก่อนเข้ารับบริการ เพื่อประเมินสภาพผิวอย่างเหมาะสม

 

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ที่สุด

  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เช่น โรค SLE หรือภาวะภูมิคุ้มกันทำร้ายตนเอง
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด เช่น โรคหัวใจ
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย หรือใช้ยาสลายลิ่มเลือด
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่มีรอยแผลเป็นชนิดคีลอยด์
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังบอบบางเกินไป
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างรุนแรง
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้ง่ายต่อการสัมผัสความร้อน
  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาทหรือกล้ามเนื้อบนใบหน้า

 

คำแนะนำ:

ก่อนเข้ารับบริการ Ultra Lift ควรปรึกษาแพทย์ด้านผิวพรรณโดยตรง เพื่อประเมินสภาพผิวและสุขภาพโดยรวมอย่างละเอียด โดยเฉพาะหากมีโรคประจำตัวหรือข้อกังวลเกี่ยวกับสุขภาพผิว การวินิจฉัยเบื้องต้นอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ได้รับผลลัพธ์ที่ไม่อันตรายและมีประสิทธิภาพสูงสุด

 

ยกกระชับใบหน้า Ultra Lift ในแต่ละช่วงวัย ช่วยอะไรบ้าง?

ช่วงวัย 20-30 ปี กับการปกป้องและดูแลผิวก่อนหย่อนคล้อย

ผิวในช่วงวัยนี้มักจะยังมีผิวที่กระชับและเรียบเนียน แต่ในบางคนอาจเริ่มมีปัญหาเล็กน้อย เช่น ผิวหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง ซึ่ง Ultra Lift จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว เพื่อรักษาความกระชับและปกป้องริ้วรอยก่อนวัย รวมไปถึงช่วยปรับโครงสร้างของใบหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ในช่วงวัยนี้ควรทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ปีละ 1 ครั้งหรือมากกว่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

 

ช่วงวัย 30-40 ปี กับการเริ่มแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย

คอลลาเจนในผิวเริ่มลดลงตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวเริ่มหย่อนคล้อยในบางจุด เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และแนวกรอบหน้า ไม่ชัดเจนเหมือนเดิม ซึ่งการทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift จะช่วยยกกระชับผิวที่เริ่มหย่อนคล้อย ลดเลือนริ้วรอยที่เริ่มเห็นชัด และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ในช่วงวัยนี้ควรทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ทุก 6-12 เดือน เพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนานที่สุด

 

ช่วงวัย 40-50 ปี กับการฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ

ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นอย่างชัดเจน มีริ้วรอยลึก ผิวหย่อนคล้อยในระดับที่มากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณกรอบหน้า คางสองชั้น และลำคอ ซึ่งการทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift จะช่วยยกกระชับผิวชั้นลึกระดับ SMAS เพื่อแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ช่วยลดความหย่อนคล้อยบริเวณกรามและลำคอ เติมเต็มผิวที่ดูแห้งกร้าน ให้กลับมาดูอิ่มฟูและมีชีวิตชีวา ในช่วงวัยนี้ควรทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ทุก 6 เดือน หรืออาจพิจารณาทำเพิ่มเติมในกรณีที่ปัญหาผิวชัดเจนมาก

 

เทียบจุดเด่นยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift กับเครื่องยกกระชับผิวหน้าอื่น

Ultra Lift vs Ultherapy

  • Ultra Lift ใช้เทคโนโลยีพลังงาน Ultrasound เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปรับโครงสร้างผิวชั้นลึกของ SMAS ทำให้ได้ผลลัพธ์ในเรื่องของการยกกระชับ
  • Ultherapy ใช้เทคโนโลยีพลังงาน Ultrasound เช่นกัน แต่มีจุดเด่นที่ระบบภาพ ซึ่งช่วยให้แพทย์มองเห็นชั้นผิวได้ชัดเจนขึ้นขณะทำการรักษา ทำให้สามารถกำหนดพลังงานได้อย่างแม่นยำในระดับลึก 

 

Ultra Lift vs Thermage

  • Ultra Lift ถูกออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูความกระชับของผิวอย่างล้ำลึก โดยเน้นการทำงานในระดับ ชั้น SMAS ซึ่งเป็นโครงสร้างผิวเดียวกับที่ใช้ในกระบวนการดึงหน้าทางศัลยกรรม ส่งผลให้การยกกระชับเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลชัดเจน 
  • Thermage ใช้เทคโนโลยีพลังงานคลื่นวิทยุ EF ที่เหมาะกับการยกกระชับชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ช่วยลดไขมันใต้ผิวบริเวณใบหน้าและร่างกายได้ เน้นลดความหย่อนคล้อยและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น

 

Ultra Lift vs HIFU

  • Ultra Lift ใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) ที่ถูกออกแบบมาให้ลงลึกได้อย่างแม่นยำในแต่ละระดับของชั้นผิว พร้อมทั้งควบคุมการปล่อยพลังงานให้กระจายอย่างสม่ำเสมอในทุกจุดที่ทำการรักษา ช่วยลดโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการแสบร้อนหรือผิวแดงหลังทำ
  • HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ปล่อยพลังงาน Ultrasound ที่คล้ายคลึงกัน แต่บางรุ่นอาจไม่มีระบบความคุมความลึกของพลังงาน ทำให้ต้องใช้ความรู้ของแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่สมบูรณ์ที่สุด โดยผลลัพธ์ที่ได้จะโดดเด่นในด้านการยกกระชับใบหน้าเช่นกัน

 

การเตรียมตัวก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift
การเตรียมตัวก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift

 

การเตรียมตัวก่อนทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift

  • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ควรพบแพทย์เพื่อวิเคราะห์ปัญหาผิวก่อนรักษา
  • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่กำลังใช้ หรืออาการแพ้ต่าง ๆ 
  • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 PA+++ เพื่อปกป้องผิว
  • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift งดรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 7 วัน
  • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift งดรับประทานยาต้านการอักเสบ อย่างน้อย 7 วัน
  • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1-2 วัน
  • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิว
  • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์หรือการสครับผิวหน้า อย่างน้อย 3-5 วัน
  • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด อย่างน้อย 7 วัน
  • ก่อนยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมัน

 

ขั้นตอนการยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift

  1. แพทย์จะตรวจเช็กปัญหาผิวและโครงสร้างใบหน้า เพื่อระบุบริเวณที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า
  2. แพทย์วางแผนการรักษาโดยกำหนดระดับความลึกของคลื่น Ultrasound ที่เหมาะสมในแต่ละบริเวณ เพื่อให้พลังงานส่งไปถึงชั้น SMAS อย่างแม่นยำ
  3. เริ่มเตรียมผิวก่อนการรักษาด้วยการทำความสะอาดเครื่องสำอาง สิ่งสกปรก และน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า
  4. ในบางกรณี โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวบาง เช่น รอบดวงตา หรือกรอบหน้า แพทย์อาจทายาชาก่อนเริ่มทำ เพื่อลดความรู้สึกไม่สบายขณะรักษา
  5. แพทย์ทาเจลนำคลื่น ช่วยให้คลื่น Ultrasound สามารถส่งผ่านเข้าสู่ชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างหัวเครื่องมือกับผิวหน้า
  6. แพทย์เริ่มใช้หัวเครื่อง Ultra Lift วางหัวเครื่องมือลงบนผิวหน้า และปล่อยพลังงานคลื่น Ultrasound ลงไปยังชั้นผิวในระดับที่กำหนด
  7. พลังงานจะลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นโครงสร้างสำคัญในการยกกระชับผิวหน้า
  8. ระหว่างยกกระชับผิวหน้าจะรู้สึกอุ่น ๆ หรือรู้สึกตึงเล็กน้อย เป็นสัญญาณว่าพลังงานกำลังทำงานในชั้นผิว ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดของบริเวณที่รักษา
  9. หลังการรักษา แพทย์จะตรวจสอบความสมบูรณ์ของผิวอีกครั้ง พร้อมปรับพลังงานในบริเวณที่ต้องการเพิ่มเติม เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพที่สุด
  10. เมื่อทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เสร็จ แพทย์จะทำการให้คำแนะนำในการดูแลผิวหน้า

 

ข้อปฏิบัติหลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift
ข้อปฏิบัติหลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift

 

ข้อปฏิบัติหลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift

  • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift หลีกเลี่ยงการถู แกะ หรือกดใบหน้าแรง ๆ 
  • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift หลีกเลี่ยงแต่งหน้าในวันแรกหลังการรักษา
  • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนประกอบของกรด
  • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift  หลีกเลี่ยงสกินแคร์ที่มีส่วนผสมน้ำหอม หรือแอลกอฮอล์
  • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า การออกกำลังกายหนัก ในช่วง 2-3 วันแรก
  • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift หลีกเลี่ยงการทำหัตถการที่อาจส่งผลกระทบต่อผิวเพิ่มเติม อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
  • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ควรล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน
  • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 PA+++ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
  • หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift  ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมช่วยปลอบประโลมผิว

 

ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift vs การผ่าตัดดึงหน้า ความแตกต่างที่ควรรู้

เทคโนโลยีที่ใช้

  • Ultra Lift ใช้คลื่นพลังงาน Ultrasound ที่สามารถเจาะลึกไปยังชั้นผิว SMAS ซึ่งเป็นชั้นโครงสร้างหลักที่ช่วยพยุงความยืดหยุ่นของผิว การส่งพลังงานไปที่ชั้นนี้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวดูยกกระชับและเต่งตึงขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • การผ่าตัดดึงหน้า เป็นการผ่าตัดทางศัลยกรรม ที่ใช้วิธีการผ่าตัดผิวหนังและดึงเนื้อเยื่อชั้นลึก เพื่อยกกระชับผิว ลดริ้วรอย และแก้ไขปัญหาหย่อนคล้อยที่รุนแรง

 

ระยะเวลาในการฟื้นตัว

  • Ultra Lift ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำกิจกรรมตามปกติได้ทันทีหลังการรักษา อาจมีรอยแดงเล็กน้อยหรือรู้สึกตึงผิว ซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง
  • การผ่าตัดดึงหน้า ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยช่วงแรกอาจมีอาการบวม เขียวช้ำ และต้องพักผ่อนอย่างเคร่งครัด อาจต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก เป็นเวลา 6-8 สัปดาห์

 

ระยะเวลาของผลลัพธ์

  • Ultra Lift ผิวจะรู้สึกกระชับทันทีหลังทำ และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนในช่วง 1-3 เดือน เนื่องจากคอลลาเจนถูกสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังทำ
  • การผ่าตัดดึงหน้า หลังฟื้นตัวจากการผ่าตัด ผิวหน้าจะยกกระชับผิวหน้าอย่างเห็นได้ชัด ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 5-10 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับอายุและสภาพผิว

 

สรุปความแตกต่าง Ultra Lift vs การผ่าตัดดึงหน้า

แม้ทั้ง Ultra Lift และการผ่าตัดดึงหน้า จะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการฟื้นฟูความกระชับของผิวหน้า แต่ทั้งสองวิธีมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันในแง่ของกระบวนการ ผลลัพธ์ และการดูแลหลังทำ

สำหรับผู้ที่ต้องการทางเลือกที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บตัว และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น Ultra Lift อาจเป็นทางออกที่เหมาะสมกว่า ด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยกระตุ้นผิวให้ยกกระชับได้แบบดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน

ในทางกลับกัน การผ่าตัดดึงหน้าให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนานกว่า ในกรณีที่มีผิวหย่อนคล้อยอย่างรุนแรง แต่ก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า ความเสี่ยงจากการผ่าตัด และระยะเวลาฟื้นตัวที่นานขึ้น

 

**ดังนั้น การเลือกวิธีใดจึงควรพิจารณาจาก ความรุนแรงของปัญหาผิว อายุ ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และงบประมาณที่มี เพื่อให้ได้แนวทางที่ตอบโจทย์สำหรับแต่ละบุคคล

 

คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift

 

ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เจ็บไหม?

  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เป็นหัตถการที่มีความอ่อนโยนต่อผิวหน้า แต่ความรู้สึกระหว่างการทำอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยทั่วไปจะรู้สึกเหมือนมีความร้อนหรือแรงกดเบา ๆ บริเวณผิวที่มีการรักษา เนื่องจากคลื่น Ultrasound ถูกส่งเข้าไปในผิวชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่

 

ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

  • ผลลัพธ์ของยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift สามารถเห็นได้ทันทีหลังการทำ โดยผิวจะรู้สึกกระชับขึ้นและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดจะเห็นผลภายใน 1-3 เดือน 

 

ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ไหม?

  • ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift สามารถทำร่วมกับหัตถการความงามอื่น ๆ ได้ ในบางกรณีการทำร่วมกับหัตถการอื่นอาจช่วยเพิ่มผลลัพธ์ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาผิวในหลายมิติ

 

หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift มีผลข้างเคียงอะไรไหม?

  • โดยทั่วไปยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่เสี่ยงอันตราย แต่อาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ผิวแดงหรือระคายเคืองเล็กน้อย รู้สึกตึงบริเวณผิวหน้า ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากทำการรักษา

 

หลังทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift เห็นผลนานแค่ไหน?

  • หลังจากทำ Ultra Lift ผู้รับบริการจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ด้านความกระชับ และความยืดหยุ่นของผิวภายในไม่กี่สัปดาห์ และผลลัพธ์เหล่านี้สามารถคงอยู่ได้ในช่วงเวลาประมาณ 6 ถึง 12 เดือน ทั้งนี้ระยะเวลาที่ผลลัพธ์อยู่ได้นาน จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สภาพผิว พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการดูแลผิวหลังทำ

 

ทำยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift สามารถแต่งหน้าได้เลยไหม?

  • หลังเข้ารับการยกกระชับผิวหน้าด้วย Ultra Lift ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวัน รวมถึงแต่งหน้าได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้น อย่างไรก็ตาม ในช่วง 1-2 วันแรกหลังทำ ควรให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอาง

เมื่ออาการบรรเทาลงแล้ว จึงสามารถแต่งหน้าและใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวตามปกติได้ตามความเหมาะสม

 

ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift มีผลลัพธ์ถาวรไหม?

  • ผลลัพธ์ยกกระชับผิวหน้า Ultra Lift ไม่ได้ให้ผลลัพธ์แบบถาวร แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิวสามารถคงอยู่ได้ในระยะเวลาหนึ่ง โดยเฉลี่ยประมาณ 6-12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองของแต่ละคน

 

Ultra Lift เป็นหัตถการยกกระชับผิวหน้าที่ใช้เทคโนโลยีคลื่น Ultrasound ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก เพื่อผลลัพธ์ที่ยกกระชับและฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่เห็นผลชัดเจน แต่ไม่ต้องการการฟื้นตัวที่ยาวนานเหมือนการผ่าตัดดึงหน้า

 

ผลลัพธ์จากการทำ Ultra Lift อาจไม่เหมือนกันในทุกคน เนื่องจากปัจจัยอย่าง สภาพผิว อายุ การดูแลสุขภาพผิวในชีวิตประจำวัน รวมถึงการตอบสนองของแต่ละบุคคลต่อพลังงานที่ใช้ในการรักษา ล้วนมีผลต่อประสิทธิภาพและความคงทนของผลลัพธ์ เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของคุณ ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง

 

หากใครกำลังมองหาวิธีการยกกระชับผิวที่ไม่อันตรายและไม่ต้องผ่าตัด Ultra Lift คือทางเลือกที่ดี เหมาะสำหรับการพิจารณาเพื่อฟื้นฟูผิวและเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองได้อย่างแน่นอน