Site icon Romrawin

ข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรปฏิบัติ และควรระวังอะไรบ้าง?

ข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรปฏิบัติ และควรระวังอะไรบ้าง?

ข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรปฏิบัติ และควรระวังอะไรบ้าง?

ข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรปฏิบัติ และควรระวังอะไรบ้าง?

ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ หากต้องการให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และไม่เป็นอันตราย การดูแลตัวเองก่อน และหลังฉีดถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก วันนี้ รมย์รวินท์รวบรวมข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์มาให้แล้วว่า ก่อนฉีดต้องเตรียมตัวอย่างไร? และหลังฉีดควรดูแลตัวเองอย่างไร? เพื่อผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ สามารถคงอยู่ได้ยาวนาน และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง มาหาคำตอบกันในบทความนี้ค่ะ

 

ข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรดูแลตัวเองอย่างไร? เพื่อผลลัพธ์ที่ดี และไม่เป็นอันตราย

รู้จักการฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid – HA) ที่ใช้ฉีดเข้าสู่ใต้ชั้นผิว เพื่อแก้ปัญหาผิวที่เสื่อมสภาพ เช่น เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก เพิ่มปริมาตรให้ผิวบริเวณที่ยุบตัว หรือฉีดปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูสมดุล นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ยังไม่เสี่ยงอันตราย และสามารถเห็นผลได้หลังฉีด จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ และครอบคลุมเกือบทุกปัญหาผิว

 

ข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?

 

ข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรเตรียมตัวอย่างไร?

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรศึกษาข้อมูล และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ ทั้งประเภทของฟิลเลอร์ ผลลัพธ์ที่ได้ และข้อควรระวังในการฉีด เพื่อให้สามารถเลือกฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสม

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรแจ้งประวัติสุขภาพ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติหัตถการที่เคยทำ รวมถึง ยาที่กำลังรับประทานอยู่ให้แพทย์ทราบอย่างละเอียดก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดรับประทานยา หรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน, NSAIDs, น้ำมันปลา หรือสารสกัดจากโสม อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยฟกช้ำ หรือเลือดออกง่าย

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 – 2 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวม หรือการอักเสบ

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการทำกิจกรรมหนัก ๆ  หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด รวมถึง งดออกกำลังกายแบบหักโหม อย่างน้อย 1 – 2 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวมช้ำ

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดนวดหน้า ขัดผิว แว็กซ์ผิว โกนขน หรือทำทรีตเมนต์ต่าง ๆ อย่างน้อย 3 – 5 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดการติดเชื้อ อักเสบ หรือระคายเคือง

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดใช้ครีม หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมในการผลัดเซลล์ผิว ได้แก่ Retinol, AHA, BHA หรือ Glycolic Acid อย่างน้อย 3 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการระคายเคือง หรือการอักเสบ

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรนอนหลับ หรือพักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนฉีด เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ในวันถัดไป

 

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อลดอาการบวม ปวดตึง หรือรอยฟกช้ำในบริเวณที่ฉีด รวมถึง ป้องกันความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงภายหลัง

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรติดตามอาการ หรือสังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติ เช่น ผิวเปลี่ยนสี บวม แดง คัน หรือปวดมากผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน

หลังฉีดฟิลเลอร์ หากมีอาการบวมช้ำ สามารถประคบเย็นบริเวณที่ฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยลดอาการบวมช้ำหลังฉีด โดยใช้เจลเย็น หรือถุงน้ำแข็งประคบเบา ๆ ไม่กดแรงเกินไป

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรนอนในท่าทางที่เหมาะสม โดยนอนหงาย และยกศีรษะสูงกว่าหน้าอก เพื่อช่วยลดอาการบวมช้ำหลังฉีด อย่างน้อย 2 – 3 วันแรก

หลังฉีดฟิลเลอร์  ควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน ซึ่งน้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญในการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากสารในฟิลเลอร์ เป็นสารที่กักเก็บความชุ่มชื้น ดังนั้น การดื่มน้ำให้มาก ๆ จะทำให้ฟิลเลอร์มีความฟูได้ดีมากขึ้น

หลังฉีดฟิลเลอร์  ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน เนื่องจากการนอนหลับจะทำให้ร่างกายสามารถฟื้นฟู และซ่อมแซมตัวเองได้อย่างเต็มที่

 

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรระวังตัวอย่างไร?

 

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรระวังตัวอย่างไร?

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดแต่งหน้า หรือใช้เครื่องสำอางในบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 12 – 24 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหลังฉีด 

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส จับ กด หรือถูในบริเวณที่ฉีดแรง ๆ อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงฟิลเลอร์เคลื่อนที่ หรือเสียรูปทรง รวมถึง ลดความเสี่ยงในการอักเสบหลังฉีด 

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดโดนความร้อน หรืออยู่ในที่ที่อุณหภูมิสูง เช่น เข้าซาวน่า อบไอน้ำ หรือรับประทานอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงฟิลเลอร์เคลื่อนที่ หรือสลายตัวไว

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดนอนกดทับใบหน้า หรือนอนในท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น นอนคว่ำ นอนตะแคง อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงฟิลเลอร์เคลื่อนที่ หรือเสียรูปทรงหลังฉีด

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการทำกิจกรรมหนัก ๆ  หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด รวมถึง งดออกกำลังกายแบบหักโหม อย่างน้อย 1 – 2 วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวมช้ำ

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 – 2 วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวม หรืออักเสบหลังฉีด

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 – 2 วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หรืออักเสบหลังฉีด รวมถึง อาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการรับประทานอาหารหมักดอง เช่น ผักดอง ผลไม้ดอง หรือปลาร้า อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หรือเกิดแผลอักเสบหลังฉีด 

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดอาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นเค็มจัด เผ็ดจัด หวานจัด หรืออาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น ส้มตำ ยำ หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการอักเสบ หรือบวมหลังฉีด

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการทำทรีตเมนต์ในบริเวณที่ฉีด เช่น นวดหน้า สครับผิว หรือผลัดเซลล์ผิว อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการระคายเคืองหลังฉีด

 

ขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?

 

ขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะเข้ามาพูดคุย และสอบถามเกี่ยวกับความต้องการ หรือปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

แพทย์จะเริ่มวิเคราะห์ และประเมินสภาพผิวหน้า เพื่อคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ รวมถึง แนะนำยี่ห้อ และรุ่นของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการแก้ไข

ผู้ช่วยแพทย์จะเริ่มทำความสะอาดใบหน้าในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ โดยการเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมด เพื่อขจัดสิ่งสกปรก และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

เมื่อทำความสะอาดใบหน้าเสร็จ ผู้ช่วยแพทย์จะทำการทายาชา หรือฉีดยาชา เพื่อลดความเจ็บปวดขณะฉีด โดยจะทิ้งให้ยาชาค่อย ๆ ออกฤทธิ์ ประมาณ 30 – 40 นาที

เมื่อยาชาออกฤทธิ์เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในชั้นผิวบริเวณที่ต้องการแก้ไข ซึ่งจะต้องอาศัยความชำนาญ และประสบการณ์ในการฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และมีประสิทธิภาพ

เมื่อฉีดฟิลเลอร์เสร็จ แพทย์จะทำการปรับแต่งรูปทรงให้สวยงามในบริเวณที่ฉีด เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัวได้ดี และได้รูปทรงที่สมดุลตามที่ต้องการ

แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติตัว และข้อควรระวังหลังฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง

 

การฉีดฟิลเลอร์ มีอาการข้างเคียงอย่างไร?

หลังฉีดฟิลเลอร์ อาจมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นเล็กน้อย โดยอาการที่พบได้บ่อย มีดังนี้

หลังฉีดฟิลเลอร์  อาจมีรอยแดงจากเข็มเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะค่อย ๆ จางลง ภายใน 2 – 3 วัน

หลังฉีดฟิลเลอร์  อาจมีอาการบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด โดยสามารถรับประทานยาลดบวมตามคำแนะนำของแพทย์ หรือประคบเย็นเบา ๆ เพื่อลดอาการบวมลงได้ ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้น ภายใน 1 – 2 สัปดาห์

 หลังฉีดฟิลเลอร์  อาจมีอาการปวดระบม หรือปวดตึงในบริเวณที่ฉีด โดยสามารถรับประทานยาแก้ปวดตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อลดอาการปวดลงได้ ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้น ภายใน 1 สัปดาห์

หลังฉีดฟิลเลอร์  อาจเกิดรอยเขียวช้ำในบริเวณที่ฉีด โดยสามารถทายาลดรอย เพื่อให้รอยช้ำจางลง ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้น ภายใน 1 – 2 สัปดาห์

 

การฉีดฟิลเลอร์ มีข้อดีอย่างไร?

 

การฉีดฟิลเลอร์ มีข้อเสียอย่างไร?

 

ใครที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์?

 

ใครที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์?

การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา ริ้วรอยมุมปาก หรือร่องแก้มลึก

การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้า หรือปรับปรุงโครงสร้างใบหน้าให้ดูมีมิติ และมีสัดส่วนที่สมดุลมากขึ้น เช่น การฉีดฟิลเลอร์คาง การฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า หรือการฉีดฟิลเลอร์ขมับ

การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาตรให้ผิว ในบริเวณที่ยุบตัวลงตามอายุ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ

การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่ม ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ปาก การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยของใบหน้า หรือผิวสูญเสียความยืดหยุ่น

การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น หรือเติมน้ำให้ผิว ทำให้แต่งหน้าติดทนมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเน้นการฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าแก้ม หรือทั่วทั้งใบหน้า

ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือประวัติการรักษาก่อนเข้ารับบริการ

 

ใครที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์?

ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือประวัติการรักษาก่อนเข้ารับบริการ

 

Q&A คำถามเกี่ยวกับารฉีดฟิลเลอร์

 

Q&A คำถามเกี่ยวกับารฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง?

การฉีดฟิลเลอร์ สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งบนใบหน้า โดยตำแหน่งที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ มีดังนี้

 

การฉีดฟิลเลอร์ เจ็บไหม?

 

การฉีดฟิลเลอร์ ฉีดกี่วันเข้าที่?

 

การฉีดฟิลเลอร์ ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นได้ไหม?

 

การฉีดฟิลเลอร์ นวดหน้าได้ไหม?

 

การฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม?

 

วิธีการดูฟิลเลอร์แท้ สังเกตได้จากอะไร?

 

แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ หากฉีดโดยแพทย์จะไม่เสี่ยงอันตราย แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงได้ หากปฏิบัติตัวไม่เหมาะสม ทั้งก่อนฉีดฟิลเลอร์ และหลังฉีดฟิลเลอร์ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นข้อควรรู้ หรือข้อควรระวังสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อจะได้เตรียมตัว และดูแลตนเองอย่างเหมาะสม ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพ และมีความคงทนมากขึ้น ลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงในอนาคต 

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

 

Exit mobile version