ชีวิตดี๊ดี…ลบรอยสัก ลบอุปสรรคในชีวิต

ในโมเม้นท์หนึ่งของช่วงชีวิต หลายคนเกิดอารมณ์อยากมีรอยสัก และตัดสินใจเดินไปหาช่างให้ช่วยบรรจงเข็มสักลวดลายที่ชื่นชอบลงบนร่างกาย ซึ่งคุณอาจจะรู้สึกภาคภูมิใจในช่วงเวลานั้นค่ะ แต่เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง รอยสักที่คุณเคยชื่นชอบอาจสร้างอุปสรรคในการดำเนินชีวิตประจำวัน หรือไปขัดขวางความฝันที่เคยตั้งใจเอาไว้ไม่ให้สามารถกระทำได้ เมื่อรอยสักกลายเป็นอุปสรรค และทางออกก็คือ การลบรอยสักให้เกลี้ยงค่ะ ซึ่งวิธีการลบรอยสักที่ได้ผลดีและปลอดภัยมากที่สุดก็คือ เลเซอร์ลบรอยสัก เมื่อลบรอยสักออกไปแล้ว เราลองมากันดูว่า จะช่วยลบอุปสรรคในด้านใดออกไปได้บ้าง เพื่อชีวิตดีดี๊แบบที่คุณต้องการค่ะ…

1. ไร้ข้อจำกัดเรื่องการสมัครงาน

หลากหลายอาชีพนั้นได้ตั้งกฎเหล็ก “ห้ามมีรอยสัก” ออกมาเป็นระเบียบของการสมัครงานอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าตัวคุณจะมีความสามารถชนิดเจ๋งสุดๆ ไอเดียกระฉูด มีมันสมองฉลาดเลิศ แต่ต้องยอมรับความจริงของชีวิตค่ะ ว่างานบางตำแหน่ง หรือบางธุรกิจก็มีข้อจำกัดในเรื่องของบุคลิกภาพ ความน่าเชื่อถือ และความสะอาดสะอ้านของร่างกายอย่างเคร่งครัด ชนิดที่เรียกว่า เป๊ะตั้งแต่หัวจรดเท้า หากมีรอยสัก ก็ควรทำการลบรอยสักเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เช่น อาชีพสายการบินซึ่งเชื่อว่าเป็นอาชีพในฝันที่ใครๆ ก็อยากเข้าร่วมทำงานในองค์กรอันมีเกียรตินี้ ดังนั้น เมื่อภาพลักษณ์มีความสำคัญ หนึ่งในมารตการคัดบุคลากรเข้าร่วมงานสายการบินจึงมีความเข้มงวด รวมถึงห้ามมีรอยสักปรากฏให้เห็นบนร่างกาย รวมถึงอาชีพข้าราชการทุกตำแหน่ง หรือรัฐวิสาหกิจ ที่มีข้อห้ามชัดเจนเรื่องห้ามมีรอยสัก ดังนั้น ถ้าคุณยังฝันอยากทำงานด้านสายการบิน หรืองานในตำแหน่งราชการก็รีบลบรอยสักแล้วเดินหน้าหาความฝันที่คุณต้องการดีกว่าค่ะ

2. พ่อปลื้มแม่ปริ่มยิ้มได้ เมื่อลูกสาวลบรอยสัก

อันนี้ ส่งผลต่อความรู้สึกโดยตรงกับคนที่รักคุณค่ะ โดยเฉพาะคุณสาวๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักออกอาการไม่ปลื้มกับรอยสักของลูกสาวสักเท่าไหร่หรอกค่ะ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะความรัก ห่วงใย ความกังวล ด้วยเกรงว่ารอยสักจะไปสร้างผลกระทบต่อชีวิตของลูกสาว ประหนึ่งว่า ถ้าลูกเจ็บแต่พ่อแม่จะเจ็บยิ่งกว่านะคะ ซึ่งในฝั่งของลูกสาว หากมีรอยสักที่เกิดจากอารมณ์เพียงชั่ววูบ แต่ไม่ได้รู้สึกผูกพันหรือยึดติดกับรอยสักที่มีนั้น ก็แนะนำให้ลบรอยสักนั่นออกไปดีกว่านะคะ คงช่วยทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกยินดีและโล่งใจไม่น้อยและการลบรอยสักยังเป็นผลดีต่อตัวคุณเองด้วยค่ะ

3. เปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อคนรอบข้าง

ถึงแม้ว่ารอยสัก จะเป็นรสนิยมความชื่นชอบส่วนบุคคลที่ไม่ได้สร้างปัญหาให้กับใคร แต่เอาเข้าจริงๆ ความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ต่อคนที่มีรอยสักย่อมมีความรู้สึกว่าคนที่มีรอยสักดูอันตราย หรืออาจมีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย จนไม่กล้าเข้าใกล้ ซึ่งเชื่อว่าหลายครั้งที่คนมีรอยสักคงเคยสัมผัสความรู้สึกของคนรอบข้างนั้นได้ แม้ว่าในความเป็นจริงรอยสักจะเป็นเพียงความชื่นชอบส่วนตัวก็ตาม เอาเป็นว่า ถ้าคุณไม่ได้ซีเรียสอะไรกับรอยสักที่มี การลบรอยสักออกไปอาจช่วยลดความรู้สึกอึดอัดของคุณในเวลาที่เจอกับคนในสังคมรอบๆ ข้างได้ค่ะ

4. ลบรอยสัก ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพอนามัย

ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับรอยสักเลยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ไม่ใช่ว่า คุณจะสามารถวางใจได้ 100% นะคะ เพราะอันตรายแฝงที่มากับรอยสักนั้น น่ากลัวกว่าที่คิด ดังข้อมูลที่เรามานำเสนอดังนี้ค่ะ

  • ความเสี่ยงเมื่อรอยสักสัมผัสถูกแสงแดด อย่างที่ทราบกันดีว่าแสงแดดแรงๆ สามารถทำร้ายผิวของเราได้มากแค่ไหน แต่ผิวที่มีรอยสักจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเจ็บป่วย หากผิวบริเวณนั้นสัมผัสถูกแสงแดดมากเกินไป สำหรับบางคนอาจมีอาการบวมและคันเกิดขึ้น โดยเฉพาะรอยสักที่มีหมึกสีเหลือง เป็นสาเหตุของอาการคัน อักเสบ และผิวหนังบวมแดงเมื่อสัมผัสถูกแสงแดด ซึ่งเกิดจากแคดเมี่ยมที่อยู่ในหมึกนั่นเอง ทั้งนี้ หมึกสีอื่นๆ ก็สามารถสร้างปัญหาได้เช่นกัน โดยจากการศึกษาในประเทศเดนมาร์กพบว่า ผู้ที่สักลายด้วยหมึกสีดำ แดง และฟ้าจะแสดงปฏิกิริยาทางผิวหนังอย่างชัดเจนค่ะ หากไม่อยากเสี่ยงกับอาการเหล่านี้ควรลบรอยสักออกเพื่อสุขภาพของคุณเองค่ะ
  • ผิวหนังบริเวณรอยสักไหม้จากการตรวจ MRI มีตัวอย่างให้เห็นในปี 2011 นักฟุตบอลอาชีพรายหนึ่งซึ่งมีรอยสักสีดำได้ทำการเอ็กซเรย์ หรือที่เรียกว่าตรวจ MRI  ปรากฏว่าผิวหนังของเขามีรอยไหม้ขณะที่ตรวจ MRI อยู่ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าได้ก่อตัวขึ้นในผงเหล็กซึ่งเป็นส่วนประกอบของหมึก สำหรับผู้ป่วยที่สักลายด้วยหมึกดำจะมีความเสี่ยงในการตรวจ MRI เนื่องจากหมึกดำมีเหล็กออกไซด์ รวมถึงหมึกสีแดงก็มีความเสี่ยงนี้ด้วยเช่นกัน
  • โดนลอยสักกลบจนไม่เห็นปัญหาด้านสุขภาพ ทั้งนี้ ลายสักบนผิวหนังอาจไปปกปิดปัญหาด้านสุขภาพซึ่งทำให้ผู้ที่เกิดปัญหาไม่สามารถรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติได้ทันเวลา มีรายงานว่า รอยสักจะปกปิดอาการของโรคมะเร็งผิวหนัง ซึ่งรวมถึงมะเร็งไฝ มะเร็งผิวหนังชนิดเบซาลเซลล์ (BCC) เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดหนึ่งที่มีจุดเริ่มต้นมาจากเบซาลเซลล์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่อยู่ภายในผิวหนังทำหน้าที่สร้างเซลล์ผิวหนังใหม่เมื่อเซลล์เดิมตาย และมะเร็งผิวหนังชนิดสเควมัสเซลล์ (SCC) เกิดขึ้นในผิวหนังชั้นกลาง โดยในปี 2013 มีรายงานว่าพบผู้ชายคนหนึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งไฝหลังจากที่เขาไปลบรอยสักด้วยเลเซอร์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ บริเวณที่มีการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งถูกปิดทับด้วยหมึกดำ ซึ่งรอยสักทำให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังสังเกตไฝที่อาจกลายเป็นมะเร็งได้ลำบาก หากรอยสักนั้นไม่จำเป็นต่อชีวิตก็ควรทำการลบรอยสักออกเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจตามมา

5. ญาติผู้ใหญ่ฝั่งคู่รักเลิกกีดกัน

หุหุ… ข้อนี้ฟังดูแล้วอาจจะมีหลายท่านคิดว่า ดูละครน้ำเน่ามากไปหรือเปล่า? แต่มันคือชีวิตจริงของใครหลายๆ คนที่ต้องประสบกับปัญหานี้อยู่นะคะ สำหรับปัญหารอยสักที่ญาติฝั่งแฟนเขาไม่ปลื้มอย่างแรงเนี่ย… บางรายถึงขั้นยื่นคำขาด ถ้าหากไม่ลบรอยสักออกจะให้ลูกหลานตนเองเลิกคบ หรือไม่ยอมให้แต่งงานด้วยกันเลยก็มีค่ะ ดังนั้น เพื่อตัดปัญหาด้านอุปสรรคความรัก การลบรอยสักจึงเป็นทางออกที่จะทำให้ความรักของคุณทั้งคู่ผ่านฉลุย ไร้ปัญหาญาติกีดกัน ได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างแฮปปี้ค่ะ