ดูแลผิวหย่อนคล้อยด้วยเทคโนโลยียกกระชับอย่างไร ให้ตอบโจทย์แต่ละบริเวณได้จริง?

ดูแลผิวหย่อนคล้อยด้วยเทคโนโลยียกกระชับ

ผิวหย่อนคล้อย เป็นหนึ่งในสัญญาณที่พบได้บ่อยเมื่ออายุเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหางตาที่ตกลง ร่องแก้มที่ลึกขึ้น หรือแนวกรอบหน้าที่ไม่ชัดเหมือนเดิม ปัญหาเหล่านี้ล้วนสะท้อนถึงผิวหย่อนคล้อยที่ไม่ได้เกิดขึ้นแบบเท่ากันทั้งใบหน้า แต่กลับแสดงออกมาในแต่ละบริเวณแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับโครงสร้างผิว กล้ามเนื้อ ไขมัน และพฤติกรรมเฉพาะของแต่ละคน

 

การดูแลผิวหย่อนคล้อยจึงไม่สามารถใช้วิธีเดียวกันทั้งใบหน้าได้เสมอไป เพราะแต่ละจุดมีปัญหาเฉพาะตัว เช่น หางตาตกจากกล้ามเนื้อที่อ่อนแรง ร่องแก้มลึกจากการยุบตัวของชั้นไขมัน หรือเหนียงที่เกิดจากการสะสมร่วมกับผิวที่ขาดความกระชับ หากเข้าใจปัญหาในแต่ละตำแหน่งได้ชัดเจน ก็จะสามารถเลือกวิธีการดูแลให้เหมาะสมและตรงกับต้นตอของปัญหาได้มากขึ้น

 

ในบทความนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกการดูแลผิวหย่อนคล้อยตั้งแต่หน้าผาก หางตา ร่องแก้ม ไปจนถึงลำคอ พร้อมแนะนำวิธีฟื้นฟูผิวในแต่ละบริเวณทั้งแบบธรรมชาติและเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อให้คุณสามารถวางแผนการดูแลผิวได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ

 

ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับผิวหย่อนคล้อย
ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับผิวหย่อนคล้อย

 

ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับผิวหย่อนคล้อย

ผิวหย่อนคล้อยเป็นผลตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น โดยสาเหตุสำคัญมาจากการเสื่อมสภาพของโครงสร้างผิวชั้นต่าง ๆ ซึ่งทำให้ความกระชับและความยืดหยุ่นลดลง หนึ่งในปัจจัยหลักคือคอลลาเจนและอีลาสตินที่ร่างกายผลิตได้น้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป จึงส่งผลให้ผิวที่เคยตึงแน่น กลับเริ่มมีริ้วรอยและร่องลึกปรากฏเด่นชัด นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น เอสโตรเจนและโกรทฮอร์โมนที่ลดลง ยังเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวเสื่อมเร็วขึ้น

ปัจจัยภายนอกก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะรังสียูวีจากแสงแดดและมลพิษต่าง ๆ อย่างฝุ่น ควัน และสารพิษจากบุหรี่ที่เร่งให้คอลลาเจนในผิวถูกทำลาย จนทำให้ผิวดูแห้งกร้านและหย่อนคล้อยก่อนวัย นอกจากนี้พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การนอนพักไม่เพียงพอ ความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการสูบบุหรี่ ก็ล้วนทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วกว่าเดิม

เมื่อโครงสร้างผิวตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้า หนังแท้ ไปจนถึงชั้นไขมันใต้ผิวสูญเสียความแข็งแรง ผิวจังเริ่มหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยลึก อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นกระบวนการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แต่เราสามารถชะลอได้ด้วยการดูแลผิวอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการทาครีมกันแดดเป็นประจำ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว และใส่ใจ สุขภาพร่างกายโดยรวม

 

 

 

ผิวหย่อนคล้อยในแต่ละบริเวณของใบหน้า

  • หน้าผาก มักหย่อนในลักษณะคิ้วตกหรือกล้ามเนื้อหน้าผากอ่อนแรง ทำให้ใบหน้าดูเศร้าหรือเหนื่อยล้า
  • หางตา เป็นบริเวณที่มีผิวบางและกล้ามเนื้ออ่อน ทำให้เห็นความหย่อนคล้อยได้ชัดเมื่ออายุเพิ่ม
  • แก้ม โดยเฉพาะส่วนกลางของใบหน้า (mid-face) จะหย่อนจากการยุบตัวของไขมัน ส่งผลให้ร่องแก้มลึกขึ้น
  • ลำคอและใต้คาง เป็นจุดที่เส้นเอ็นและผิวหนังบางกว่าบริเวณอื่น จึงเกิดความหย่อนคล้อยได้เร็วโดยเฉพาะเมื่อคอลลาเจนลดลง

 

ปัจจัยหลักที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อยในแต่ละบริเวณ

  • อายุที่เพิ่มขึ้น

เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินน้อยลง ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ส่งผลชัดเจนในจุดที่เคลื่อนไหวบ่อย เช่น หางตา มุมปาก และลำคอ

  • กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอ่อนแรง

บริเวณที่ใช้กล้ามเนื้อซ้ำ ๆ เช่น หน้าผาก หรือบริเวณรอบดวงตา เมื่อกล้ามเนื้ออ่อนล้า เส้นเอ็นจะไม่สามารถพยุงผิวได้ดีเท่าเดิม

  • ไขมันใต้ผิวลดลงหรือเคลื่อนตำแหน่ง

โดยเฉพาะแก้มและใต้ตา เมื่อไขมันยุบตัวหรือไหลลงต่ำ จะทำให้ใบหน้าดูตอบและหย่อน

  • โครงสร้างกระดูกเปลี่ยนแปลงตามวัย

กระดูกใบหน้าจะบางลงและยุบตัวบางส่วน ทำให้ผิวขาดการพยุงจากภายใน เช่น ร่องแก้มจะดูชัดขึ้นแม้ผิวชั้นบนยังดี

  • พฤติกรรมและท่าทางในชีวิตประจำวัน

เช่น การนอนตะแคง การใช้โทรศัพท์ก้มหน้า หรือแม้แต่การแสดงสีหน้าบ่อย ๆ ล้วนส่งผลให้เกิดการหย่อนคล้อยในระยะยาว

 

6 วิธีดูแลผิวหย่อนคล้อยด้วยเทคโนโลยียกกระชับ
6 วิธีดูแลผิวหย่อนคล้อยด้วยเทคโนโลยียกกระชับ

 

6 วิธีดูแลผิวหย่อนคล้อยด้วยเทคโนโลยียกกระชับ

  • Ultherapy Prime

เป็นเทคโนโลยีคลื่นเสียงความถี่สูง สามารถยิงพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่อยู่ลึกสุดของใบหน้า เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเฉพาะบริเวณ เช่น หางคิ้วตก แนวกรามเบลอ หรือมุมปากตก ความพิเศษของ Ultherapy Prime อยู่ที่การใช้หน้าจอแบบ Real-Time Visualization ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวและวางแผนการยิงได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้สามารถยกกระชับได้อย่างตรงเป้าหมาย

  • EMFACE

เทคโนโลยีที่ใช้พลังงาน HIFES (High-Intensity Facial Electromagnetic Stimulation) ผสานกับ Synchronized RF เพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อและฟื้นฟูผิวในเวลาเดียวกัน จุดเด่นคือการเน้นยกกระชับใบหน้าช่วงบน เช่น หน้าผาก คิ้ว และแก้ม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาคิ้วตก เปลือกตาหย่อน หางตาเอียง หรือมีร่องแก้มชัด

  • Thermage FLX

เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ (Monopolar RF) ที่พัฒนาให้สามารถปรับระดับพลังงานได้อย่างแม่นยำตามชั้นผิว จุดเด่นคือการมีหัวทิปขนาดเฉพาะ เช่น Eye Tip 0.25 สามารถกระชับผิวรอบดวงตา เปลือกตา หรือถุงใต้ตา และ Total Tip 4.0 ยกกระชับทั่วใบหน้าและลำคอได้อย่างเฉพาะเจาะจง

  • Ultraformer 4D Lift

เป็นเทคโนโลยี Micro & Macro Focused Ultrasound (MMFU) ที่สามารถปล่อยพลังงานได้ทั้งแบบ Micro Focused Ultrasound และ Macro Focused Ultrasound สามารถยกกระชับผิวหย่อนคล้อยแนวกรอบหน้า ลดริ้วรอย และลดไขมันได้ในเครื่องเดียวกัน ปรับพลังงานให้เหมาะกับแต่ละตำแหน่งของใบหน้าได้อย่างมีอิสระ

  • Oligio

เป็นเทคโนโลยีคลื่นวิทยุ Monopolar RF  เน้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวอย่างแม่นยำ จุดเด่นคือสามารถเลือกยิงพลังงาน เช่น บริเวณแนวกรอบหน้า ใต้คาง หรือร่องแก้ม โดยใช้หัวทิปที่ออกแบบมารองรับกับพื้นผิวแต่ละส่วนได้ดี ให้ความรู้สึกสบายขณะทำและไม่ต้องพักฟื้น

  • Fix Lift

เทคโนโลยีที่ผสานระหว่าง Fractional RF และ Microneedling เพื่อส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิว ช่วยกระชับผิวและลดไขมันส่วนเกินในตำแหน่งเฉพาะได้ในเวลาเดียวกัน จุดเด่นของ Fix Lift คือสามารถปรับความลึกของพลังงานได้ละเอียด ทำให้เหมาะกับการดูแลผิวหย่อนคล้อยบริเวณเปลือกตา ใต้ตา แนวกรอบหน้า ร่องแก้ม และลำคอ อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูผิวเรียบเนียน ลดรอยสิว รูขุมขน และสีผิวไม่สม่ำเสมอ 

 

วิเคราะห์ปัญหาผิวหย่อนคล้อยตามตำแหน่งบนใบหน้า
วิเคราะห์ปัญหาผิวหย่อนคล้อยตามตำแหน่งบนใบหน้า

 

วิเคราะห์ปัญหาผิวหย่อนคล้อยตามตำแหน่งบนใบหน้า

ผิวหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นบนใบหน้า ไม่ได้มีลักษณะเดียวกันในทุกบริเวณ แต่ละตำแหน่งมีปัจจัยเฉพาะตัวที่ทำให้ผิวหย่อนคล้อยแตกต่างกันออกไป ทั้งโครงสร้างผิว กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และไขมันใต้ผิวหนัง ด้วยเหตุนี้ การดูแลผิวหย่อนคล้อยจึงต้องเลือกให้เหมาะกับปัญหาในแต่ละจุด ดังนี้

ผิวหย่อนคล้อยบริเวณหน้าผากและขมับ

  • การหย่อนคล้อยของหน้าผากอาจไม่สังเกตได้ชัดในช่วงแรก แต่เมื่อตำแหน่งคิ้วเริ่มตกลง จะส่งผลให้หนังตาบนหย่อนคล้อยตามลงมาด้วย ทำให้ดวงตาดูเล็กลง หน้าดูเศร้าหรือเหนื่อย แม้ในวันที่พักผ่อนเพียงพอ ปัญหานี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับกล้ามเนื้อที่ใช้ยกคิ้วและเส้นเอ็นที่รองรับเนื้อเยื่อในบริเวณหน้าผาก หากเสื่อมลงก็จะเกิดคิ้วตกและหางตาตกตามมา
  • การใช้เทคโนโลยี EMFACE ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มากสำหรับจุดนี้ เพราะสามารถกระตุ้นกล้ามเนื้อบนใบหน้าให้กลับมาแข็งแรงได้โดยไม่ต้องฉีดสารใด ๆ นอกจากนี้ Ultherapy Prime ก็สามารถยิงพลังงานบริเวณหน้าผากเพื่อยกคิ้วได้อย่างแม่นยำ

ผิวหย่อนคล้อยบริเวณเปลือกตาและใต้ตา

  • บริเวณรอบดวงตาเป็นหนึ่งในจุดแรกที่แสดงสัญญาณความหย่อนคล้อยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ผิวเปลือกตามักดูหย่อนลง ทำให้หางตาตก และส่งผลให้ดวงตาดูเล็กหรืออ่อนล้า ส่วนใต้ตาก็มักปรากฏถุงใต้ตา ร่องน้ำตา หรือร่องลึกที่ชัดขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากทั้งการสูญเสียไขมัน คอลลาเจน และความยืดหยุ่นของผิวในชั้นลึก ร่วมกับการยุบตัวของโครงสร้างกระดูกใต้เบ้าตา 
  • การใช้เทคโนโลยีอย่าง Thermage Eye จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบริเวณรอบดวงตา ทำให้เปลือกตากระชับขึ้น ส่วน EMFACE Eye เป็นอีกทางเลือกที่ไม่ใช้เข็ม สามารถยกบริเวณหน้าผาก หางคิ้ว และรอบดวงตาให้ยกขึ้นได้โดยไม่รู้สึกเจ็บ และยังช่วยเสริมกล้ามเนื้อบริเวณนี้ให้แข็งแรงขึ้น

ผิวหย่อนคล้อยบริเวณร่องแก้มและมุมปาก

  • เมื่ออายุมากขึ้น มุมปากจะเริ่มลู่ลงและร่องแก้มจะลึกขึ้นจากการยุบตัวของไขมันและการเสื่อมของกล้ามเนื้อในชั้นลึก ร่องน้ำหมากและร่องลึกระหว่างจมูกกับปากที่เห็นได้ชัด ทำให้ใบหน้าดูเศร้าหมองแม้ไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นจริง การแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ ก็มีผลต่อการลึกของร่องในจุดนี้เช่นกัน
  • การใช้เครื่องยกกระชับอย่าง Ultherapy Prime ก็สามารถช่วยยกพยุงชั้นผิวบริเวณนี้ให้ดีขึ้นได้ นอกจากนี้การใช้ Oligio ก็สามารถช่วยกระตุ้นผิวและเนื้อเยื่อรอบร่องแก้มให้แน่นขึ้น

ผิวหย่อนคล้อยบริเวณแก้มและแนวกราม

  • ในช่วงวัยกลางคน การหย่อนคล้อยของแก้มส่วนกลางและแนวกราม คือหนึ่งในจุดเปลี่ยนที่ชัดเจนของรูปหน้า เมื่อไขมันบริเวณแก้มยุบตัวและเคลื่อนลง ผิวบริเวณนี้จะเริ่มตกลง ทำให้เกิดร่องแก้มลึกขึ้น และแนวกรามที่เคยคมชัดดูเบลอ เส้นเอ็นและกล้ามเนื้อที่เคยพยุงใบหน้าเริ่มอ่อนแรง ทำให้รูปหน้าโดยรวมดูหย่อนคล้อยและไม่กระชับ
  • การใช้เทคโนโลยี Ultherapy Prime จะช่วยยกกระชับแก้มและแนวกรามให้เข้ารูปได้อย่างแม่นยำ อีกทั้ง Ultrafomer 4D Lift  ก็เป็นทางเลือกที่สามารถยกกระชับแก้มได้โดยไม่ต้องผ่าตัด นอกจากนี้ Oligio ซึ่งเป็นคลื่น Monopolar RF ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทั่วกรอบหน้าแบบไม่ต้องพักฟื้น

ผิวหย่อนคล้อยบริเวณคางและใต้คาง

  • คางและใต้คางมักเป็นจุดที่สะสมไขมันและของเหลวจากแรงโน้มถ่วง ซึ่งเมื่อผิวบริเวณนี้ขาดความกระชับ หรือมีไขมันสะสมมากขึ้น จะส่งผลให้เกิดเหนียงหรือคางสองชั้นได้ง่าย แม้ในผู้ที่มีรูปร่างผอมก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นการนั่งก้มหน้า เล่นมือถือ หรือใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความหย่อนคล้อยใต้คางได้เร็วขึ้น
  • เทคโนโลยีที่เหมาะกับจุดนี้ ได้แก่ Ultraformer 4D Lift ยิงพลังงานลงลึกหลายระดับได้อย่าวแม่นยำ รวมถึง Thermage FLX และ Oligio  ที่เน้นกระตุ้นคอลลาเจน ลดไขมันสะสม เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันใต้คางปริมาณมาก 

 

ข้อดีของการดูแลผิวหย่อนคล้อย

  • ช่วยแก้ไขสาเหตุของผิวหย่อนคล้อยในตำแหน่งที่เกิดปัญหา
  • ลดค่าใช้จ่ายจากการไม่ต้องดูแลจุดที่ยังไม่มีปัญหา
  • ลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการดูแลทั่วใบหน้าในคราวเดียว
  • แพทย์สามารถปรับพลังงาน และเทคนิคให้เหมาะสมได้อย่างเฉพาะเจาะจง
  • เหมาะกับทุกช่วงวัย โดยเฉพาะผู้ที่อายุยังน้อย
  • สามารถวางแผนดูแลทีละจุดแบบค่อยเป็นค่อยไป
  • ลดการรบกวนเนื้อเยื่อข้างเคียง โดยไม่กระทบจุดที่ยังไม่จำเป็นต้องแก้ไข
  • ได้ผลลัพธ์ที่ไม่แข็งตึงเกินไป ช่วยให้ใบหน้าดูเข้ารูปโดยไม่ดูเปลี่ยนไปทั้งใบหน้า
  • เหมาะกับการรักษาแบบผสมผสาน ทำให้ได้ผลรวมที่กลมกลืน
  • ช่วยชะลอปัญหาผิวในอนาคตได้ดีขึ้น ป้องกันไม่ให้ลุกลามไปยังบริเวณอื่น
  • สามารถใช้ร่วมกับเทคนิคการแต่งหน้าให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น

 

การดูแลผิวหย่อนคล้อย ช่วยอะไรบ้าง?
การดูแลผิวหย่อนคล้อย ช่วยอะไรบ้าง?

 

การดูแลผิวหย่อนคล้อย ช่วยอะไรบ้าง?

  • ยกกระชับบริเวณที่เริ่มหย่อนก่อนส่วนอื่น เช่น หางตา มุมปาก หรือใต้คาง
  • ชะลอความหย่อนคล้อยไม่ให้ลุกลามทั่วใบหน้า
  • ช่วยคืนความคมชัดให้กรอบหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • ยกหางตาและเปิดดวงตาให้ดูสดใสขึ้นอย่างดูกลมกลืนกับใบหน้า
  • ลดร่องแก้มและร่องมุมปากที่ลึกลงตามวัย
  • ยกกระชับปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากขึ้นโดยไม่ต้องเติมเต็มทุกส่วน
  • ลดเหนียงหรือคางสองชั้นในผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวใต้คางหย่อนคล้อย
  • ลดถุงใต้ตาหรือรอยย่นใต้ตาที่เกิดจากผิวอ่อนแรง
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่เฉพาะบริเวณที่ต้องการ
  • ลดความเมื่อยล้าบนใบหน้า เช่น หน้าผากที่ต้องขมวดคิ้วบ่อย ๆ
  • ทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยโดยไม่จำเป็นต้องทำทั้งหน้า
  • สร้างความมั่นใจที่เป็นจุดกังวลส่วนตัวของแต่ละคน
  • ให้ผลลัพธ์ชัดเจนเฉพาะตำแหน่งโดยไม่รบกวนส่วนอื่นของใบหน้า
  • สามารถวางแผนการดูแลแบบค่อยเป็นค่อยไปได้
  • เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณความหย่อนคล้อยแต่ไม่ต้องการรักษาทั้งใบหน้า
  • แก้ไขความไม่สมมาตรบนใบหน้า เช่น หนึ่งข้างหย่อนเร็วกว่าปกติ
  • ช่วยให้โครงหน้าโดยรวมกลับมาดูสมดุลมากขึ้น

 

การดูแลผิวหย่อนคล้อย เหมาะกับใครบ้าง?
การดูแลผิวหย่อนคล้อย เหมาะกับใครบ้าง?

 

การดูแลผิวหย่อนคล้อย เหมาะกับใครบ้าง?

  • ผู้ที่มีอายุ 25–40 ปี ที่ยังไม่ต้องการยกกระชับทั่วใบหน้า
  • ผู้ที่เริ่มมีสัญญาณความหย่อนคล้อยเฉพาะบางตำแหน่ง เช่น หางตา ร่องแก้ม หรือเหนียง
  • ผู้ที่มีโครงหน้าโดยรวมดี แต่อยากปรับจุดเล็ก ๆ ให้ดูดีขึ้น
  • ผู้ที่คิ้วตกเล็กน้อย และอยากยกคิ้วแบบไม่ผ่าตัด
  • ผู้ที่มีเปลือกตาหย่อนหรือหางตาตกโดยที่ส่วนอื่นของใบหน้ายังเต่งตึง
  • ผู้ที่มีร่องแก้มลึก แต่ไม่อยากเติมฟิลเลอร์ทันที
  • ผู้ที่มีเหนียงหรือคางสองชั้น แต่ไม่อยากดูดไขมันหรือผ่าตัด
  • ผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัด และอยากเก็บแนวกรอบหน้าให้คมขึ้น
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูละมุน ไม่แข็งตึงทั้งหน้า
  • ผู้ที่เคยยกกระชับทั้งใบหน้าแล้ว แต่อยากเก็บบางจุดเพิ่มเติมภายหลัง
  • ผู้ที่ต้องการวางแผนดูแลหน้าแบบบางจุด โดยไม่ทำทั้งใบหน้าในคราวเดียว
  • ผู้ที่มีผิวไม่เท่ากันซีกซ้าย-ขวา เช่น มุมปากตกข้างเดียว
  • ผู้ที่กลัวเจ็บหรือพักฟื้นนานจากหัตถการขนาดใหญ่
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูโครงหน้าแต่มีงบประมาณจำกัด
  • ผู้ที่ต้องออกงานหรือถ่ายรูป และอยากปรับบางจุดให้ดูดีขึ้นทันเวลา
  • ผู้ที่ยังไม่มั่นใจการทำหน้าเต็มรูปแบบ และอยากเริ่มจากบางจุดก่อน
  • ผู้ที่เคยทำฟิลเลอร์หรือโบ แล้วอยากเปลี่ยนมาดูแลด้วยเทคโนโลยีแทน
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์กลมกลืน โดยไม่ดูเปลี่ยนแปลงมากเกินไป
  • ผู้ที่ใส่ใจความสมดุลของใบหน้า และอยากเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ ให้ครบ

 

หมายเหตุ

การเลือกเทคโนโลยีและตำแหน่งที่ควรปรับแก้ผิวหย่อนคล้อย ควรผ่านการวิเคราะห์โดยแพทย์เพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง ทั้งนี้ผลลัพธ์จากการยกกระชับอาจแตกต่างกันไปตามสภาพผิว อายุ โครงสร้างใบหน้าเดิม และการดูแลหลังทำอย่างต่อเนื่อง

 

การดูแลผิวหย่อนคล้อย ไม่เหมาะกับใครบ้าง?

  • ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงใบหน้าอย่างชัดเจนในคราวเดียว
  • ผู้ที่คาดหวังผลลัพธ์เหมือนการดึงหน้าด้วยการผ่าตัด
  • ผู้ที่มีความหย่อนคล้อยระดับรุนแรง เช่น คิ้วตกจนบดบังเปลือกตา เหนียงหนาหลายชั้น
  • ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบเร็วมากและเห็นได้ชัดทั่วใบหน้า
  • ผู้ที่ไม่สามารถทำหัตถการซ้ำ ๆ ได้ เช่น ต้องเดินทางบ่อย หรือไม่มีเวลาเข้าคอร์สต่อเนื่อง
  • ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาโครงสร้างใบหน้า เช่น โหนกแก้มยุบ คางสั้น
  • ผู้ที่มีน้ำหนักลดฮวบหรือผิวเหลวจากการลดความอ้วนมากเกินไป
  • คนที่หวังผลลัพธ์แบบสมมาตรทั้งใบหน้าในการรักษาเพียงครั้งเดียว
  • ผู้ที่มีภาวะแพ้ง่าย หรือเคยเกิดผลข้างเคียงจากการยกกระชับบางชนิด
  • ผู้ที่คาดหวังให้การดูแลแก้ได้ทุกปัญหาบนใบหน้าโดยไม่ใช้เทคโนโลยีอื่นร่วมเลย
  • ผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างกระดูกยุบ เช่น ร่องแก้มลึกจากกระดูกแก้ม ไม่ใช่แค่ไขมันตก
  • ผู้ที่มีภาวะผิวหย่อนจากโรคบางชนิด เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง

 

หมายเหตุ

แม้ว่าการยกกระชับแก้ผิวหย่อนคล้อย จะเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนยุคใหม่ แต่ก็ไม่ใช่คำตอบที่เหมาะสำหรับทุกคน การประเมินอย่างละเอียดจากแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อวางแผนการดูแลที่ตรงกับสภาพผิว โครงสร้างใบหน้า และเป้าหมายของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง

 

การเตรียมตัวก่อนทำยกกระชับผิวหย่อนคล้อย

  • ควรพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6–8 ชั่วโมงก่อนวันทำ
  • ควรดื่มน้ำมาก ๆ ในวันก่อนทำ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับบริการ
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดผลไม้ หรือเรตินอล ล่วงหน้า 3 วันก่อนทำ
  • งดทำทรีตเมนต์หรือเลเซอร์ อย่างน้อย 1–2 สัปดาห์
  • งดนวดหน้าแรง ๆ หรือขัดผิวในบริเวณที่จะทำยกกระชับ
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ก่อนและหลังทำ เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวบริเวณที่ทำ ใน 3–5 วันก่อนการรักษา

 

การดูแลตัวเองหลังทำยกกระชับผิวหย่อนคล้อย

  • ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นสูง เพื่อเสริมการฟื้นฟูผิวหลังทำ
  • ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวซ่อมแซมตัวเองได้ดีในช่วงหลังการยกกระชับ
  • ควรดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 8–10 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวและคงความชุ่มชื้น
  • งดทาครีมที่มีกรดผลไม้ วิตามินเอ หรือส่วนผสมผลัดเซลล์ผิวในบริเวณที่ทำ 3–5 วัน
  • งดการนวดหน้าหรือทำทรีตเมนต์บริเวณที่ทำหัตถการ เป็นเวลา 7 วัน
  • งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เพื่อไม่ให้กระบวนการฟื้นฟูช้าลง
  • หลีกเลี่ยงการจับ ลูบ ถู หรือกดแรงบริเวณที่ทำ ใน 24–48 ชั่วโมงแรก
  • หลีกเลี่ยงการออกแดดโดยตรง และควรทาครีมกันแดด SPF 50+ เป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก ภายใน 24 ชั่วโมงแรก
  • หลีกเลี่ยงการอบไอน้ำ ซาวน่า หรือแช่น้ำร้อนอย่างน้อย 3 วันหลังทำ
  • หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำทับบริเวณที่ทำในช่วงวันแรก ๆ

การดูแลผิวหย่อนคล้อยไม่ใช่เรื่องของการทำมากเท่าไหร่ยิ่งดี แต่คือการเลือกวิธีดูแลผิวหย่อนคล้อยที่เหมาะสมกับปัญหาของตัวเองอย่างแท้จริง เพราะในแต่ละคนปัญหาความหย่อนคล้อยอาจเกิดในตำแหน่งที่ต่างกัน บางคนมีหางตาตกแต่ใบหน้าโดยรวมยังดีอยู่  บางคนกรอบหน้าเริ่มเบลอแต่ผิวยังแน่น ส่วนบางคนอาจมีปัญหากระจายทั้งใบหน้า ซึ่งวิธีดูแลผิวหย่อนคล้อยที่ตอบโจทย์จึงแตกต่างกันไป

 

ถ้าคุณเริ่มมีสัญญาณเพียงบางจุด การเลือกเทคโนโลยีที่ดูแลผิวหย่อนคล้อยอาจช่วยยืดเวลาการเปลี่ยนแปลงของผิวได้อย่างดี โดยไม่เร่งเข้าสู่การดูแลแบบทั่วใบหน้า แต่ถ้าหากต้องการแก้ปัญหาหลายตำแหน่งพร้อมกัน เช่น เปลือกตาตก ร่องแก้มลึก แนวกรามหย่อน การวางแผนแบบผสมผสานหรือการยกกระชับทั่วใบหน้าอาจเหมาะสมกว่า

 

สิ่งสำคัญคือเข้าใจใบหน้าของตัวเอง และปรึกษาแพทย์เพื่อให้ประเมินสภาพผิว โครงสร้างผิว และงบประมาณอย่างรอบด้าน เพื่อวางแผนการดูแลที่เหมาะสมในระยะยาว เพราะการยกกระชับแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่ดี ไม่ใช่แค่ยกผิวให้ตึง แต่คือการทำให้คุณกลับมามั่นใจในแบบที่ยังเป็นตัวเอง