ชีวิตวัยทำงานกับความเครียด รู้เท่าทันก่อนสายเกินแก้ !
“เช้ามาต้องไปทำงานอีกแล้ว” “ฝนตกรถติด กว่าจะถึงบ้านแทบไม่มีเวลาพักเลย” “แปป ๆ วันหยุดก็หมดแล้ว ไม่อยากไปทำงานเลย” สถานการณ์เหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิตวัยทำงานที่เป็นบ่อเกิดของความเครียดสะสม ซึ่งยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ การบริหารการเงินที่ฝืดเคืองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดความเครียดสะสม สุดท้ายความเครียดที่เกิดขึ้นก็ได้สร้างผลกระทบเชิงลบให้กับร่างกายและจิตใจของเราไปเสียแล้ว
หากสามารถจัดการความเครียดที่เกิดขึ้นได้ก็นับว่าเป็นข้อดีของตัวเอง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถจัดการกับความเครียดได้ อีกทั้งยังเก็บไปคิดมากและค่อย ๆ บั่นทอนสุขภาพกายสุขภาพใจของตัวเองไปทีละนิด ทีละนิด .. จะดีกว่ามั้ย ? ถ้าเราเปลี่ยนจากการนั่งเครียดคิดมากมาหาวิธีรับมือกับมัน และเริ่มหันมาสนใจสุขภาพกายสุขภาพใจของตัวเอง ลองมาสำรวจกันว่าความเครียดทำอะไรกับเราบ้าง ?
“ความเครียด” ภาวะทางอารมณ์ที่ทำร้ายเรามากที่สุด
ความเครียด เป็นภาวะทางอารมณ์ต่อเหตุการณ์หนึ่งที่อาจก่อให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ เป็นกังวล กระวนกระวาย เมื่อความเครียดอยู่ในระดับที่มากเกินไป ในทางกลับกันหากมีความเครียดอย่างพอดีก็สามารถช่วยให้คนเราเกิดความกระตือรือร้นมากกว่าปกติ ซึ่งจะเห็นได้จากการทำงานภายใต้ความเครียด หากเราสามารถบาลานซ์สิ่งที่เกิดขึ้นได้เราก็จะรู้สึกตื่นตัวกับการทำงานในแต่ละวันมากขึ้น ไม่เหนื่อยไม่ล้า ไม่เครียด แต่ถ้าบาลานซ์ของเราพังเนื่องจาก มีความเครียดสะสมมากจนเกินไปก็จะทำให้เกิดการไม่สบายใจ จนไม่สามารถทำงานให้ลุล่วงได้ ความเครียดจึงเป็นสิ่งที่ควรบริหารให้มีความพอดี นั่นหมายความว่าเครียดได้แต่อย่ามากจนเกินไป
ยิ่งเครียดยิ่งพัง มาดูกันว่าความเครียดส่งผลอะไรกับเราบ้าง ?
ความเครียดที่สะสมไว้มากจนเกินไปอาจกลายเป็นหายนะทางอารมณ์ ซึ่งหลายท่านอาจจะยังไม่ทราบเกี่ยวกับผลกระทบของความเครียดที่มากไปในระยะยาว โดยนอกจากสภาพอารมณ์ที่มีแต่ความสบายใจแล้วยังมีเรื่องของสุขภาพร่างกายที่ได้รับผลกระทบด้วย ซึ่งสามารถเรียบเรียงเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
- ความเครียดส่งผลต่อสุขภาพกาย – ร่างกายของคนเราสามารถได้รับผลกระทบจากความเครียดโดยตรง ซึ่งจะมีตั้งแต่อาการที่พบได้ทั่วไปจนถึงกรณีที่ค่อนข้างร้ายแรง เช่น ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ไปจนถึงอาการของโรคต่าง ๆ อย่างความผิดปกติของหัวใจ ความดันโลหิตสูง ไมเกรน บางรายยังมีอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศมาเกี่ยวข้องด้วย
- ความเครียดส่งผลต่อสุขภาพจิต – แน่นอนว่าความเครียดเป็นสภาวะทางอารมณ์ที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจของเราเป็นอย่างมาก โดยมีโอกาสที่ความเครียดระยะยาวจะนำไปสู่สภาวะซึมเศร้า โรควิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ (OCD) เป็นต้น
- ความเครียดส่งผลต่อการทำงาน – เป็นผลพวงมาจากสุขภาพจิตที่เกิดจากความเครียด ยิ่งเรามีความเครียดมากประสิทธิภาพการทำงาน การเรียนรู้ และ การปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างก็จะแย่ลง
- ความเครียดส่งผลต่อผิวและความงาม – ส่วนสุดท้ายเป็นเรื่องที่คนรักสวยรักงามไม่ควรพลาด ! เพราะความเครียดส่งผลกระทบต่อผิวและความงามด้วย ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยต่าง ๆ หรือผิวที่หมองคล้ำจากการอดหลับอดนอน ล้วนมีปัจจัยมาจากความเครียดที่สะสมเอาไว้ รวมถึงอาการผิวเครียดที่เราจะมาเน้นย้ำกันชัด
อัพเดทโรคของคนทำงาน “ผิวเครียด” ผิวเสียสมดุลจากความเครียด
อาการเครียดลงผิว หรือผิวเครียด แวบแรกอ่านแล้วคล้ายกับอาการเครียดลงกระเพาะ แต่จริง ๆ แล้วอาการเครียดลงผิวเป็นโรคที่เกี่ยวกับจิตวิทยาผิวหนัง ‘Psychodermatology’ เป็นภาวะที่ความเครียดไปกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนมากกว่าปกติจนร่างกายเกิดการเสียสมดุล ซึ่งส่งผลกระทบต่อผิวของเราด้วยนั่นเอง
โดยอาการของโรคผิวเครียดที่มักพบได้ทั่วไปก็จะมีดังนี้
- ผิวหนังเกิดการระคายเคือง : เนื่องจากความเครียดส่งผลต่อระบบการย่อยอาหารจนเกิดอาการอักเสบบริเวณลำไส้ ส่งผลให้ผิวหนังเกิดการอักเสบตามมา อาการของผิวเครียดแบบนี้เป็นต้นเหตุของการเกิดสิวด้วย
- ผิวหน้าหมองคล้ำ : ความเครียดส่งผลต่อการลำเลียงเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ด้วยสถานการณ์ที่เกิดจากความเครียดส่งผลให้เลือดถูกส่งไปที่อวัยวะสำคัญก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนผิวพรรณของเราจะมีเลือดมาเลี้ยงน้อยลง จนทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ ขาดความสดใส
- ผิวขาดความชุ่มชื้น : อาการผิวเครียดส่งผลต่อการผลิตฮอร์โมน ‘Cortisol’ ซึ่งส่งผลต่อการกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวหนัง ทำให้ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น
- หนังศีรษะและเส้นผม : หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่าเวลาเครียดมาก ๆ ผมจะเกิดอาการร่วงอย่างผิดปกติ รวมถึงมีการสะสมของรังแคมากขึ้น
บรรเทาความเครียด จัดการความไม่สบายใจด้วยตัวเองวันละนิด
หากไม่ต้องการให้ผิวพรรณที่สวยงามของคุณได้รับผลกระทบจากความเครียด สิ่งสำคัญเลย คือ การหาวิธีจัดการกับความเครียดที่เหมาะสมกับตัวเอง ถึงแม้ความเครียดจะไม่หายไปทันที แต่การพยายามบรรเทาความไม่สบายใจของตัวเองไปเรื่อย ๆ คุณก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะฉะนั้นมาดูวิธีบรรเทาความเครียดจากรมย์รวินท์คลินิกกัน
- มองหางานอดิเรกที่ชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง การอ่านหนังสือ หรืองานอดิเรกแบบอื่น ๆ ถ้าเรารู้สึกสนุกไปกับมัน ความเครียดก็จะค่อย ๆ เบาลงจนหายไป
- เปลี่ยนจากการนั่งคิดมากเฉย ๆ ไปออกกำลังกาย หากิจกรรมที่ได้ขยับร่างกาย เพราะนอกจากจะช่วยเปลี่ยนจุดโฟกัสมาที่กิจกรรมตรงหน้าแล้วยังดีต่อสุขภาพด้วย
- การทานอาหารก็ช่วยลดความเครียดได้ หลาย ๆ คนมักบอกว่าการได้ทานอาหารอร่อย ๆ คือ การเติมความสุขให้กับตัวเอง แต่จริง ๆ แล้วก็มีอาหารหลาย ๆ อย่างที่ทานแล้วช่วยบรรเทาความเครียดได้ เช่น ชาเขียว ส้ม ฝรั่ง ไข่ เนื้อสัตว์ และ ดาร์กช็อตโกแลต เป็นต้น
- จัดการกับต้นเหตุของความเครียด บางครั้งวิธีการนี้ก็เป็นอะไรที่ยากมาก เพราะความเครียดสำหรับบางคนก็มีสาเหตุมาจากสิ่งที่ไม่เป็นรูปธรรม เช่น ภาระหนี้สิน หน้าที่การงานที่เป็นอยู่ แต่สำหรับบาง อย่างเราสามารถจัดการหรือมองข้ามมันไปได้ เช่น ปัญหาการถูกนินทา การถูกต่อว่าด่าทอแรง ๆ บางครั้งเราก็เผลอเก็บคำเหล่านั้นมาใส่ใจมากเกินไป ลองปล่อยวางเพื่อลดความเครียดที่รับมา
เครียดแล้วมีแต่เสีย มาเสริมความสวยให้หายเครียดดีกว่า
พอเครียดมาก ๆ เข้าไปนอกจากผลกระทบต่อผิวพรรณสวย ๆ แล้ว เรามักจะละเลยการดูแลตัวเองอีก บอกเลยว่าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้แล้ว ! ต้องลองมาที่รมย์รวินท์คลินิกเพื่อค้นหาคำตอบของความงามที่แม้แต่ความเครียดยังต้องยอมสยบ ด้วยเทคนิควิเคราะห์ใบหน้า Lifting Select ที่จะช่วยค้นหาหัตถการที่เหมาะสมกับคุณ โดยที่รมย์รวินท์มีโปรแกรมช่วยเรื่องผิวและสัดส่วนรูปร่างมากมาย และตัวที่เหมาะสำหรับช่วยเรื่องการผ่อนคลายมากที่สุดคือโปรแกรมยกกระชับกล้ามเนื้ออย่าง Emface เป็นโปรแกรมยกกระชับตัวแรกและตัวเดียวในโลกที่สามารถทำได้ ระหว่างการทำงานผู้เข้ารับบริการจะมีความรู้สึกเหมือนได้นวดใบหน้า ในส่วนหน้าผาก และแก้ม จัดเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ทำการผ่อนคลาย บำบัดความเครียด ที่ได้ผลลัพธ์หลังการทำคือใบหน้าที่ยกกระชับใบหน้าถึงชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้ได้ใบหน้าที่ยกกระชับ ไร้ริ้วรอย และร่องลึกต่างๆด้วย โดยใช้เวลาทำเพียง 20 นาที ทำให้ได้ผลลัพธ์ถึงสองต่อ สามารถปรึกษากับแพทย์ที่รมย์รวินท์คลินิกได้แล้วตั้งแต่วันนี้ แล้วพบกันได้ที่รมย์รวินท์ 28 สาขาใกล้บ้านคุณ