ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ
Snore Laser รักษาอาการนอนกรน นอนหลับสบายไร้กังวล
อาการนอนกรนเป็นปัญหาหนักอกหนักใจของใครหลายๆคน ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นปัญหาหลักของความร้าวฉานในครอบครัว เนื่องจากส่งปัญหาถึงผู้นอนร่วมเตียงอย่างภรรยาด้วย เพราะเราทุกคนมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำมากมายในแต่ละวันเมื่อถึงเวลาที่ต้องนอนหลับพักผ่อนทุกคนก็ต้องการนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ การที่ต้องตื่นขึ้นมาระหว่างคืน แล้วกว่าจะกลับไปนอนหลับได้อีกแต่ละทีก็ลำบากจึงทำให้คู่รักหลายคู่ต้องทะเลาะกันอย่างหนัก
แต่ในความเป็นจริงแล้ว รู้หรือไม่ว่าอาการนอนกรนนั้นสามารถรักษาได้และวิธีการรักษานั้นไม่ยากจนเกินไป
โดยวิธีแก้อาการนอนกรนนั้นสามารถแก้ไขได้โดยง่ายเบื้องต้นดังต่อไปนี้
- นอนหนุนหมอนสูง ให้ศีรษะอยู่สูงกว่าลำตัว
- นอนตะแคงแทนการนอนหงาย จะทำให้หายใจสะดวกมากขึ้น
- ออกกำลังกายให้มีน้ำหนักตัวที่ไม่มากจนเกินไป
- งดการสูบบุหรี่
- งดการดื่มแอลกอฮอล์
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
- พักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมง
- เพิ่มความชื้นภายในห้องนอน ด้วยเครื่องทำความชื้น ในระหว่างนอนหลับเพื่อให้หายใจง่ายมากขึ้น
- ล้างจมูก ด้วยน้ำเกลือ เพื่อให้จมูกโล่งและหายใจง่ายขึ้นก่อนนอน
- ทำความสะอาดเครื่องนอนให้สะอาด ไร้ไรฝุ่นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้หายใจง่ายสะดวกมากขึ้น
- ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอาการนอนกรน
โดยการนอนกรนสามารถรักษาได้ด้วยการทำ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน
Snore Laser รักษาอาการนอนกรน คืออะไร ?
Snore Laser เป็นการรักษาอาการนอนกรนด้วยการใช้เลเซอร์ชนิดเออร์เบี่ยม (Er YAG) ที่ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา มีความยาวคลื่นในขนาด 2940 นาโนเมตร
ยิงเข้าไปในช่องปากบริเวณ เพดานอ่อน ของปากกระพุ้งแก้มและลิ้นไก่ (Soft palta และ Uvula) เพื่อให้ Snore Laser เข้าไปกระตุ้นและลงสู่ผิวในชั้น Mucosa ให้ผิวบริเวณดังกล่าวได้สร้างคอลลาเจน เพื่อขยายทางเดินหายใจของคนเราที่เคยเบียดกันให้กว้างมากขึ้น ให้อากาศที่หายใจเข้าไป ผ่านได้อย่างสะดวก เนื่องจากเกิดการตึงตัวของบริเวณที่ทำการยิง Snore Laser จึงส่งผลให้การอุดกั้นทางเดินหายใจลดลง มีความปลอดภัยหมดกังวลในการรักษา เนื่องจาก Snore Laser นั้นผ่านการรับรองจาก US-FDA จากประเทศสหรัฐอเมริการแล้ว
ผลลัพธ์ในการรักษา Snore Laser คือทางเดินหายใจเปิดกว้างมากขึ้นและโล่งขึ้น นอนกรนลดลง หรือเบาลงตามลำดับ
ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย Snore Laser รักษาอาการนอนกรน
- Snore Laser ช่วยทำให้อาการนอนกรนลดลง
- Snore Laser ช่วยทำให้การหายใจระหว่างหลับดีขึ้น
- Snore Laser ช่วยลดการอุดกลั้นของทางเดินหายใจ
- Snore Laser ช่วยทำให้เพดานปากและลิ้นไก่ที่หย่อนคล้อยลงมา ได้เกิดการกระชับมากขึ้น ส่งผลให้อากาศในขณะหายใจนั้นสามารถผ่านได้สะดวกมากขึ้น
- Snore Laser ช่วยทำให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น
- Snore Laser ช่วยทำให้นอนหลับเต็มตื่นขึ้น
- Snore Laser ทำให้หลังตื่นนอนรู้สึกสดชื่นมากขึ้น
- Snore Laser ช่วยทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น
ข้อดีของ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน
- Snore Laser ช่วยรักษาอาการนอนกรนให้ลดลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
- Snore Laser ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- Snore Laser ช่วยรักษาอาการนอนกรนได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
- Snore Laser ช่วยรักษาอาการนอนกรนได้โดยไม่ต้องใช้เข็ม
- Snore Laser ช่วยรักษาอาการนอนกรนได้ในระยะเวลาประมาณ 20 นาที
- Snore Laser ช่วยลดโรคต่างๆที่มากับอาการนอนกรนได้
- Snore Laser ไม่ต้องใส่อุปกรณ์ในระหว่างนอน
ข้อเสียของ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน
- Snore Laser อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง
- Snore Laser อาจทำให้มีอาการคอแห้ง
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน
เบื้องต้นให้เริ่มปรึกษาแพทย์ถึงอาการที่เป็นอยู่ และขั้นตอนในการรักษาด้วย Snore Laser จากนั้นเตรียมให้พร้อมสำหรับการเข้ารับการรักษาด้วย Snore Laser เพื่อรักษาอาการนอนกรน
โดยเตรียมตัวดังนี้
- ก่อนทำ Snore Laser ควรเตรียมสุขภาพให้มีความแข็งแรงสมบูรณ์
- ก่อนทำ Snore Laser ดูแลรักษาตัวเองให้ไม่มีอาการหวัด หรืออาการทางเดินหายใจ
- ก่อนทำ Snore Laser ดูแลรักษาตัวเองให้ไม่มีแผลในช่องปาก
- ก่อนทำ Snore Laser ควรหยุดยาจำพวกยาแอสไพรินก่อนเข้ารับบริการ
- ก่อนทำ Snore Laser ควรหยุดยาจำพวกยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- ก่อนทำ Snore Laser ควรหยุดยาจำพวกวิตามิน แปะก๊วย วิตามินอี เป็นต้น
- ก่อนทำ Snore Laser ควรฝึกการหายใจทางปาก และจมูกในช่วงเวลาอ้าปาก
- ก่อนทำ Snore Laser ควรฝึกกลั้วคอด้วยน้ำหลังจากอ้าปาก
ขั้นตอนการทำ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน
- แพทย์จะให้ผู้เข้ารับบริการนั่งหรือนอน ในท่าที่สบายที่สุดเพื่อให้เหมาะแก่การเข้ารับบริการ
- แพทย์จะให้ผู้เข้ารับบริการอ้าปาก ระหว่างนี้ให้ผู้เข้ารับบริการหายใจทางจมูก หรือปากได้ตามสะดวกโดยไม่ต้องกลั้นหายใจ
- แพทย์ลงมือทำ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน โดยการยิงเลเซอร์ลงไปที่บริเวณเพดานอ่อนของปาก กระพุ้งแก้มทั้งสองด้านลิ้นไก่และลิ้น
- แพทย์จะให้บ้วนน้ำ และกลั้วคอเป็นระยะในเวลาทำการรักษา
- ทำครบเวลาเป็นอันเสร็จ
- ผู้ป่วยอยู่ในท่านอนหรือนั่ง ไม่ต้องฉีดยาชาหรือดมยาสลบ ให้ผู้ป่วยอ้าปาก และหายใจทางจมูกหรือปาก ไม่ต้องกลั้นลมหายใจ แล้วบ้วนน้ำกลั้วคอเป็นระยะๆ ผู้ป่วยจะรู้สึกระคายเคืองหรือเจ็บภายในช่องปากและลิ้นในระดับเล็กน้อย ใช้เวลาทำการรักษาเป็นเวลา 20 นาทีโดยประมาณ ขึ้นกับพยาธิสภาพ หลังทำหัตถการเสร็จผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้
การปฏิบัติตนหลังทำหัตถการ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน
- หลังทำหัตถการ Snore Laser ควรดื่มน้ำให้มากๆ หรืออาจดื่มให้มากกว่าปริมาณน้ำที่ดื่มตามปกติ ในระยะเวลา 1 สัปดาห์ หลังเข้ารับบริการ
- หลังทำหัตถการ Snore Laser ควรงดรับประทานอาหารที่มีรสจัดเป็นเวลา 1 สัปดาห์
- หลังทำหัตถการ Snore Laser ควรงดดื่มน้ำที่มีความร้อนจัดหรือเย็นจัดเป็นเวลา 1 สัปดาห์
- หลังทำหัตถการ Snore Laser ควรงดรับประทานอาหารที่มีความร้อนจัดเป็นเวลา 1 สัปดาห์
- หลังทำหัตถการ Snore Laser ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
อาการข้างเคียงในการทำ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน
- ผู้เข้ารับบริการ Snore Laser อาจมีอาการระคายเคือง หรือมีแผลอักเสบ
“บริเวณเพดานอ่อนของปาก”
- ผู้เข้ารับบริการ Snore Laser อาจมีอาการระคายเคือง หรือมีแผลอักเสบ
“บริเวณกระพุ้งแก้ม”
- ผู้เข้ารับบริการ Snore Laser อาจมีอาการระคายเคือง หรือมีแผลอักเสบ
“บริเวณลำคอ”
- ผู้เข้ารับบริการ Snore Laser อาจมีอาการระคายเคือง หรือมีแผลอักเสบ
“บริเวณลิ้น และลิ้นไก่”
ความรู้สึกระหว่างทำ Snore Laser รักษาอาการนอนกรน
ระหว่างทำ Snore Laser จะมีความรู้สึกระคายเคืองหรือเจ็บภายในช่องปากและลิ้นเพียงเล็กน้อย ในระดับที่สามารถทนได้ รวมทั้งยังรู้สึกอุ่นๆคล้ายกับการดื่มน้ำอุ่นโดยไม่ส่งผลให้เกิดอันตราย
Snore Laser รักษาอาการนอนกรนใช้ระยะเวลาในการรักษานานเท่าไร?
Snore Laser รักษาอาการนอนกรนใช้ระยะเวลาในการรักษาต่อครั้งเพียง 20-30 นาทีโดยประมาณเท่านั้น
Snore Laser รักษาอาการนอนกรนต้องทำการรักษากี่ครั้งจึงจะเห็นผล ?
Snore Laser จะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำโดยจะสังเกตได้ตั้งแต่หลังทำครั้งแรกว่าอาการกรนลดน้อยลง
หากในผู้ที่มีอาการกรนมากจำเป็นต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยประมาณ 3-4 ครั้ง
Snore Laser รักษาอาการนอนกรนแต่ละครั้งควรทำห่างกันนานเท่าไร?
Snore Laser แต่ละครั้งควรเว้นระยะห่าง ครั้งละ 1 เดือน หรืออาจจะเร็วช้ากว่านั้นตามการทำนัดของแพทย์ หากปล่อยให้นานกว่า 1 เดือนจะทำให้การรักษาเห็นผลน้อยลง หรือไม่เห็นผลได้
Snore Laser รักษาอาการนอนกรนสามารถคงผลลัพธ์ในการรักษาได้นานเท่าไร?
ผลการรักษา Snore Laser ต่อหนึ่งครั้งคงผลลัพธ์ได้นาน 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง
อาการนอนกรนคืออะไร อาการนอนกรนเกิดจากสาเหตุอะไร?
การนอนกรนเกิดจากสาเหตุกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจของคนเรามีอาการที่แคบลงในขณะที่นอนหลับ ซึ่งอาการนี้เป็นเหตุมาจากการที่กล้ามเนื้อที่อยู่ในบริเวณคอของเราได้หย่อนตัวลงในขณะที่นอนหลังอยู่นั่นเอง ซึ่งเมื่อนอนหลับและทางเดินหายใจแคบลงแล้วก็จะทำให้เกิดเสียงดังในระหว่างที่หายใจตอนนอนหลับหรือที่เราเรียกกันว่าการกรน โดยการกรนนั่นจัดเป็นอาการปลายทางแล้ว ซึ่งต้นทางของการกรนสามารถจำแนก
สาเหตุของการนอนกรนสามารถจำแนกได้ดังนี้
อาการนอนกรนจากการเป็นภูมิแพ้
โรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ ส่งผลให้เกิดการนอนกรนได้ทั้งสิ้น จึงส่งผลให้ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้จะมีอาการนอนกรน เนื่องจากผนังกั้นจมูกอาจมีอาการบวม จึงทำให้เวลาที่นอนจะหายใจไม่สะดวกจึงทำให้เกิดอาการกรน
อาการนอนกรนเนื่องจากมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน
เนื่องจากผู้ที่มีน้ำหนักมาก ผู้ที่ร่างกายอ้วนกว่าเกณฑ์ จะมีช่องทางเดินในการหายใจที่แคบกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวปกติ ความอ้วนจึงเป็นสาเหตุให้เกิดอาการนอนกรนได้นั่นเอง
อาการนอนกรนอันเนื่องมาจากบริโภคยาที่ทำให้ง่วง
ยาที่ทำให้ง่วง เช่นยาแก้แพ้ หรือยาแก้เมารถนั้นนส่งผลต่อโดยการออกฤทธิ์กล่อมประสาทและยังเป็นสาเหตุโดยตรงของระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากตัวยาจะเข้าไปทำให้เกิดอาการระคายเคืองในลำคอและส่งผลให้บางรายมีภาวะผนังกั้นจมูกบวมส่งผลให้หายใจยากและเกิดเป็นอาการนอนกรนในที่สุด
อาการนอนกรนอันเนื่องมาจากเป็นเพศชาย
เป็นที่ทราบกันดีว่า ในเพศชายนั้นมีโอกาสที่จะนอนกรนได้มากกว่าในเพศหญิง เนื่องจากกล้ามเนื้อในบริเวณลำคอของเพศชายนั้นจะมีกล้ามเนื้อและเมื่ออายุถึง 30 ปี กล้ามเนื้อดังกล่าวจะมีการคลายตัว ทำให้ไปบีบทำให้แคบลงและขัดขวางทางเดินหายใจ ซึ่งอาการนี้จะเป็นในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
อาการนอนกรนอันเนื่องมาจากมีเพดานอ่อน ลิ้นไก่ยาว
ผู้มี่มีเพดานอ่อนลิ้นไก่ยาวนั้นจำเป็นจะต้องทำการผ่าตัดและเย็บตกแต่งเพดานอ่อน ทำให้เกิดอาการนอนกรนอันเนื่องมาจากกายวิภาค
อาการนอนกรนอันเนื่องมาจากโครงสร้างทางเดินหายใจ
ปัญหานี้สังเกตุได้จากผู้ที่มีอาการผนังกั้นจมูกคด มีปัญหาที่โพลงจมูก ต่อมทอลซินโต ต่อมอดีนอยด์โตหรือคัดจมูกเรื้อรัง โดยเป็นสิ่งที่เราๆไม่สามารถมองเห็นได้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการตรวจและรักษา
อาการนอนกรนอันเนื่องมาจากการดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์นั้นทำให้กล้ามเนื้อที่ช่องลำคอเกิดการผ่อนคลาย ซึ่งอาการนี้เองส่งผลให้เกิดอาการนอนกรน หากต้องการรักษาเบื้อต้นควรงดดื่มแอลกอฮอล์เพื่อรักษาอาการนอนกรน
อาการนอนกรนอันเนื่องมาจากประวัติสุขภาพของครอบครัว
คือกลุ่มผู้ที่มีพันธุกรรมหรือผู้ที่คนในครอบครัว รวมไปจนถึงผู้ที่มีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้น อาการเหล่านี้ทำให้มาภาวะเสี่ยงในการนอนกรนได้มากกว่าผู้ที่ไม่มีประวัติ
อาการนอนกรนอันเนื่องมาจากการรับประทานยาบางชนิด ที่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองภายในระบบทางเดินหายใจ
คือกลุ่มผู้ที่รับประทานยาบางชนิดที่ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจจึงทำให้ในระหว่างนอนหลับหายใจยาก และเกิดเป็นอาการนอนกรนในที่สุด
อาการนอนกรนมีความอันตรายหรือไหม ?
ความอันตรายของอาการนอนกรนนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของอาการนอนกรน
สามารถจำแนกประเภทของอาการนอนกรนได้ 2 ประเภทหลักดังนี้
- อาการนอนกรนแบบธรรมดา
- อาการนอนกรนแบบอันตราย
อาการนอนกรนแบบธรรมดา
อาการนอนกรนแบบธรรมดานั้นเป็นประเภทของการนอนกรนที่มีเพียงเสียงที่สร้างความรำคาญแก่คนที่นอนร่วมด้วยเพียงเท่านั้น โดยเป็นอาการตีบแคบของทางเดินหายใจที่เกิดขึ้นเพียงบางส่วน จึงทำให้มีอากาศผ่านจากทางเดินหายใจเข้าสู่ร่างกายได้ แต่การหายใจในช่องคอที่แคบนั้นทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของช่องคอ กลายเป็นเสียงกรนที่ดังขึ้นมาในขณะที่นอนหลับ รวมทั้งทำให้คอแห้งในตอนตื่น แต่การนอนกรนประเภทนี้จะไม่ส่งผลเสีย หรืออันตรายต่อร่างกาย
อาการนอนกรนแบบอันตราย
อาการนอนกรนแบบอันตรายจะเริ่มจากเป็นผู้ที่มีการนอนกรนแบบธรรมดา แต่ไม่ทำการรักษา จนมีอาการแย่ลง โดยกล้ามเนื้อในช่องคอเกิดการหย่อนตัวลงมากขึ้นจึงส่งผลให้ช่องทางเดินหายใจของคนเรามีความแคบลงและมากขึ้นจนปิดสนิท จึงทำให้ไม่มีอากาศไหลผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ จึงทำให้ระหว่างนอนไม่มีการสั่นสะเทือนของร่างกาย ส่งผลให้ไม่มีเสียงกรน อาการนี้จะเรียกกันว่าภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA
ระดับเสียงของการนอนกรนที่ต้องพึงระวังอันตราย
อาการกรนมีหลายระดับ หากไม่มีอาการหยุดหายใจในขณะที่นอนหลับร่วมด้วย และมีความสงสัยว่าอาการกรนในระดับใดมีอันตรายแทรกซ้อนและควรพบแพทย์ให้สังเกตุได้ดังนี้
อาการกรนระดับ 1. กรนในระดับดังเท่าเสียงกระซิบ หรือ เสียงนาฬิกาติดผนัง เสียงเดินของคน หรือเสียงบรรยากาศทั่วไป เสียงต่ำกว่า 30 เดซิเบล
อาการกรนในระดับนี้จะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อตนเองและคนรอบข้างและยังไม่จัดเป็นอันตราย
อาการกรนระดับ 2. กรนในระดับเทียบเท่ากับเสียงกระซิบในห้องที่มีความเงียบ หรือประมาณเสียงนกร้องความดังระดับ 30-40 เดซิเบล
อาการกรนในระดับนี้จะสามารถทำให้เราตื่นในขณะนอนหลับหรือรบกวนการนอนได้ และจะส่งผลกระทบต่อผู้นอนด้วย ที่เป็นเด็กและคนชรามากที่สุด
อาการกรนระดับ 3. กรนในระดับดังเท่ากับเสียงฝนตกหนักในห้องที่เงียบ หรือเสียงตู้เย็นดังในห้องที่เงียบ ความดังจะอยู่ในระดับ 40-55 เดซิเบล
อาการกรนในระดับนี้จะมีผลกระทบต่อผู้ที่นอนด้วยรอบข้าง เริ่มจำเป็นจะต้องปรึกษาแพทย์และจะต้องดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิดแล้ว
อาการกรนระดับ 4. กรนในระดับเทียบเท่ากับห้องเงียบที่มีเสียงพูดคุยดังอื้ออึง ห้องเงียบที่เปิดเพลงดัง และเครื่องซักผ้าดังในห้องเงียบ ความดังจะอยู่ในระดับ มากกว่า 55 เดซิเบล
อาการกรนในระดับนี้จะอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง ส่งผลต่อการนอนหลับสูงมาก ยังมีงานวิจัยบอกว่าเสียงกรนในระดับนี้จะสื่อถึงว่าผู้ที่กรนมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด เนื่องจากอาการกรนในระดับนี้จะส่งผลให้นอนหลับไม่เพียงพออีกด้วย
ผู้ที่มีอาการนอนกรนแบบใดควรปรึกษาแพทย์ ?
- ผู้ที่มีอาการนอนกรนเสียงดังมากจนเกินการนอนกรนปกติ
- ผู้ที่มีอาการนอนกรนเป็นช่วงสลับกับหยุดหายใจ
- ผู้ที่มีอาการนอนกรนแล้วเกิดอาการสะดุ้ง เนื่องจากมีอาการสำลักน้ำลาย หรือหายใจไม่ออกร่วมด้วย
- ผู้ที่มีอาการนอนกรนแล้วมีความรู้สึกนอนไม่เต็มอิ่ม ตื่นตอนเช้าแล้วไม่สดชื่นถึงแม้จะนอนเพียงพอแล้ว
- ผู้ที่มีอาการนอนกรนแล้วปวดหัว มึนหัว ในทุกเช้า
- ผู้ที่มีอาการนอนกรนแล้วเกิดการง่วงมากในตอนกลางวัน หรือผู้ที่เคยมีประวัติการเกิดอุบัติเหตุทางการจราจร
- ผู้ที่มีอาการนอนกรนแล้วปากแห้ง คอแห้ง หรือเจ็บคอในระหว่างตื่นนอน
- ผู้ที่มีอาการนอนกรนร่วมกับการนอนกัดฟัน
วิธีประเมินทางเดินหายใจของตัวเองได้ง่ายๆ
สามารถประเมินทางเดินหายใจได้ง่ายๆ ดังนี้
โดยการอ้าปากกว้าง และแลบลิ้นออกมาให้เต็มที่ โดยไม่ต้องเปล่งเสียงออกมาในระหว่างที่แลบลิ้น
ประเมินทางเดินหายระดับที่ 1. คือระดับปกติ จะสามารถมองเห็นเพดานอ่อน ลิ้นไก่ และท่อนซิลได้อย่างครบถ้วน
ประเมินทางเดินหายระดับที่ 2. คือระดับมีปัญหาทางเดินหายใจในระดับน้อย จะสามารถมองเห็นเพดานอ่อน และลิ้นไก่ได้ โดยจะมองไม่เห็นท่อนซิล
ประเมินทางเดินหายระดับที่ 3. คือระดับมีปัญหาทางเดินหายใจในระดับปานกลาง จะสามารถมองเห็นเพดานอ่อน และโคนลิ้นไก่เท่านั้น โดยจะมองไม่เห็นท่อนซิลและลิ้นไก่ทั้งหมด
ประเมินทางเดินหายระดับที่ 4. คือระดับมีปัญหาทางเดินหายใจในระดับรุนแรง จะสามารถมองเห็นเฉพาะบริเวณเพดานแข็งในช่องปากเท่านั้น ไม่สามารถมองเห็นเพดานอ่อน ท่อนซิลและลิ้นไก่ได้
หากอยู่ในระดับปานกลาง และระดับรุนแรง ควรพบแพทย์เพื่อทำ Snore Laser รักษาอาการนอนกรนเพื่อป้องกันอันตรายที่มาจากการนอนกรนตามมา และไม่ให้เกิดอันตรายในอนาคต
สำหรับผู้ใดที่ไม่สามารถตรวจเช็ดได้โดยตนเองในเบื้องต้น สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ และให้แพยท์ตรวจเบื้องต้นได้ที่รมย์รวินท์คลินิกสาขาชิดลม มีอุปกรณ์สำหรับทำการรักษาและให้บริการอย่างครบครัน จนหมดปัญหานอนกรนได้อย่างแน่นอน อย่าปล่อยให้ปัญหาเล็กๆในเวลานอนหลับ ก่อให้เกิดทั้งปัญหาของชีวิตคู่ ไปจนถึงอันตรายแก่ชีวิต หยุดการนอนกรน ให้นึงถึงรมย์รวินท์คลินิก Snore Laser รักษาอาการนอนกรน ได้อย่างแน่นอน
Pingback: ไขความกระจ่าง ของการใช้นวัตกรรมเลเซอร์ Snore Laser รักษานอนกรน