Category Archives: lifting

Ultherapy Prime ยกกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัด

ULTHERAPY PRIME

Ultherapy Prime คือ เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาใหม่ ต่อยอดจาก Ultherapy รุ่นก่อน ๆ ที่พัฒนาขึ้นโดยบริษัทผู้ผลิตอย่าง Merz Aesthetics จึงนับเป็นการยกระดับเทคโนโลยียกกระชับ จากระบบเดิม Ultherapy Prime ที่ย่อมาจาก See, Plan, Trea โดย Ultherapy Prime นั้นมีคุณสมบัติที่พัฒนาขึ้นจากเดิมจึงเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ ยกตัวอย่างเช่น Ultherapy Prime นั้นเป็นโปรแกรมที่มีการปรับปรุงระบบการทำงาน จึงส่งผลให้ Ultherapy Prime มีความเร็วในการรักษาต่อครั้งเร็วขึ้นถึง 20% ทำให้ประหยัดเวลาของผู้เข้ารับบริการ นอกจากนี้ Ultherapy Prime ยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานสำหรับผู้ให้บริการ ให้ช่วยยกกระชับได้ดีมากยิ่งขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีอัตราการรีเฟรชภาพในแต่ละครั้งที่ทำได้เร็วขึ้นชัดเจนมากขึ้นด้วย Ultherapy Prime ยังมีการปรับปรุงจอภาพของเครื่อง เพื่อให้เกิดการมองเห็นในขณะทำการรักษาของแพทย์ที่ดีขึ้นและสะดวกมากขึ้น โดยหน้าจอของ Ultherapy Prime มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นถึง 35% จากเดิมด้วย

ULTHERAPY PRIME

Ultherapy Prime พัฒนาขึ้นเพื่อให้มีการรักษาที่แม่นยำมากขึ้นกว่าเดิม จากเดิมที่ใช้เทคโนโลยีการสร้างภาพแบบเรียลไทม์ (real-time imaging) อยู่แล้วก็ถูกทำให้มีความเคลื่อนไหวที่รวดเร็วมากขึ้น ทำให้แพทย์ทำการรักษาได้เร็วมากขึ้น ไม่ต้องแช่หัว Applicator ที่ใบหน้าไว้นานเท่าเดิม

Ultherapy Prime เป็นเครื่องที่มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า และลำคอให้มีความตึงกระชับได้ โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดทำศัลยกรรม Ultherapy Prime สามารถใช้ได้กับผู้คนในทุกสภาพผิว ทุกสีผิว และในผู้ที่มีความเหมาะสมในการทำ ทั้งยังมีอัตราการรีเฟรชภาพในแต่ละครั้งที่ทำได้เร็วขึ้นชัดเจนมากขึ้นด้วย

Ultherapy Prime เป็นโปรแกรมยกกระชับ และปรับคุณภาพผิว ที่ใช้พลังงาน Ultrasound ที่ได้รับมาตรฐานการรองรับในระดับสากลจากประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA ) ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันที่แพทย์ใช้ในการ Ultrasound เพศของทารกที่อยู่ในครรภ์

คิดค้น วิจัย และประเมิน ระดับของพลังงานคลื่น Ultrasound เป็นอย่างดี และพัฒนาให้ดีขึ้นจากเดิม ภายใต้ความเหมาะสม สำหรับการยกกระชับให้กับทุกสภาพผิว Ultherapy Prime ได้รับการยอมรับในด้านการรักษาจากหลายประเทศในโลก ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา หรืออย. ของประเทศไทย Ultherapy Prime มีความปลอดภัยสูง หากมีผลข้างเคียงก็เป็นผลข้างเคียงที่เล็กน้อย เพียงแค่มีรอยแดง หรือมีอาการเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีอาการรุนแรง

ULTHERAPY PRIME

Ultherapy Prime เหมาะกับใคร

Ultherapy Prime เป็นโปรแกรมยกกระชับที่สามารถทำได้ตั้งแต่อายุยังไม่มาก ในผู้ใช้บริการแต่ละช่วงอายุจะให้ผลลัพธ์ที่มีความแตกต่างกันไป โดยผู้ที่เหมาะกับการทำ Ultherapy Prime  มีดังนี้

  • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย

คือ ผู้ที่มีผิวหน้าที่มีความกระชับที่ลดน้อยลงกว่าเดิม รูปหน้าเริ่มเปลี่ยน ผิวที่เริ่มมีความหย่อนคล้อยมากขึ้น อาทิ ผิวหน้าบริเวณใต้คาง หรือกรอบหน้าที่ไม่ชัดเจน อันเนื่องมาจากการสูญเสียคอลลาเจนที่อยู่บริเวณใต้ผิวหนัง การทำ Ultherapy Prime จะช่วยในการจัดเรียงคอลลาเจนใต้ผิวหนังขึ้นใหม่ ช่วยให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนมากขึ้น และยังช่วยลดความหย่อนคล้อย และยกกระชับใบหน้า

  • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ หรือรอยเหี่ยวย่นบริเวณใบหน้า

สังเกตได้จากการที่มีริ้วรอยบาง ๆ ที่หน้าผาก รอบดวงตา หรือมุมปาก ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับหลาย ๆ คน ปัญหานี้สามารถทำการแก้ไขได้ โดยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน โดย Ultherapy Prime สามารถสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้ จึงสามารถลดริ้วรอยเล็ก ๆ และทำให้รอยย่นต่าง ๆ บนผิวหน้าตื้นขึ้นได้

  • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูบริเวณผิว โดยไม่ผ่าตัด

เนื่องจาก Ultherapy Prime นั้นเป็นเทคโนโลยียกกระชับ หดผิว และฟื้นฟูผิวโดยการใช้คลื่น Ultrasound จึงทำให้ไม่ต้องทำการผ่าตัด

  • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าและลำคอ

Ultherapy Prime สามารถทำในบริเวณที่เหี่ยวย่นบริเวณอื่น ๆ นอกจากใบหน้าได้ เช่น ลำคอ เนินอก เป็นต้น

  • Ultherapy Prime สามารถทำบริเวณอื่นได้ นอกเหนือจากใบหน้า

สามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้า เนินอก และลำคอ โดยใช้หลักการเดียวกันทั้งร่างกาย คือการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นบริเวณใต้ผิวหนัง

Ultherapy Prime เหมาะกับใคร

  • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำการยกกระชับ โดยไม่ต้องทำซ้ำบ่อย
  • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับ โดยไม่ต้องผ่าตัด
  • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีคุณภาพผิวที่ดี ร่วมกับการยกกระชับ
  • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับบริเวณหน้าอก
  • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับบริเวณลำคอ
  • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการทำการฟื้นฟูผิว โดยไม่ต้องทำการฉีด
  • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย ร่องลึก
  • Ultherapy Prime เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยขนาดเล็ก ๆ

Ultherapy Prime ไม่เหมาะกับใคร

  • Ultherapy Prime ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังที่เป็นแผล
  • Ultherapy Prime ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีการอักเสบเฉียบพลันของผิวหนัง ในบริเวณที่ต้องการรักษา
  • Ultherapy Prime ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วย หรือมีโรคประจำตัวบางชนิด

ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ให้ละเอียด และแจ้งโรคประจำตัว ภาวะที่เป็น และยาที่รับประทานก่อนที่จะทำการรักษา

การเตรียมตัวก่อนการทำ Ultherapy Prime ควรเตรียมตัวดังนี้

1. ทำการปรึกษาแพทย์ก่อนทำ Ultherapy Prime

  • ก่อนทำการรักษาด้วย Ultherapy Prime ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญในการเข้ารับบริการ เพื่อให้แพทย์ทำการประเมินการรักษาและวางแผนการรักษา โดยละเอียดเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้แพทย์จะทำการวางแผนการรักษาร่วมด้วย

2. ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดผิว และเตรียมผิวบริเวณที่ทำ Ultherapy Prime

  • ก่อนเริ่มการรักษาด้วย Ultherapy Prime ผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดผิว ในบริเวณที่ต้องการทำการรักษา จากนั้นจะต้องทำการเตรียมผิวโดยการทายาชา หรือใช้ยาชาบริเวณที่ต้องการทำ Ultherapy Prime เพื่อลดความรู้สึกเจ็บ หรือไม่สบายผิวในขณะทำ Ultherapy Prime

3. ลงมือทำ Ultherapy Prime

  • Ultherapy Prime จะใช้เทคโนโลยี Ultrasound ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการยกกระชับ และจัดเรียงคอลลาเจนใต้ผิว เสริมสร้างคุณภาพผิว โดยมีการฉายภาพโครงสร้างผิวแบบเรียลไทม์ทันทีบนหน้าจอ เพื่อให้แพทย์สามารถเห็นโครงสร้างผิวหนังได้ชัดเจน และเห็นการปล่อยคลื่นพลังงาน ลงในชั้นผิวหนังที่ลึกได้ตามต้องการ กระตุ้นได้อย่างแม่นยำมากที่สุด โดยแพทย์จะใช้ Applicator ของ Ultherapy Prime ในการส่งพลังงาน Ultrasound (Micro-Focused Ultrasound) ลงไปยังชั้นผิวลึก โดยเฉพาะในชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) เพื่อกระตุ้นผิวให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ และพลังงานจากเครื่อง Ultherapy Prime นี้จะทำให้เกิดความร้อนของผิวขึ้นเฉพาะจุด ซึ่งความร้อนดังกล่าวนั้น เป็นพลังงานที่ช่วยในการยกกระชับผิว

โดยความรู้สึกในการทำ Ultherapy Prime อาจทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกเจ็บ เล็กน้อยบนผิว แต่ความรู้สึกนี้จะรู้สึกมากหรือน้อย จะแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล

4. การดูแลตัวเองหลังทำ Ultherapy Prime ทันที

  • เมื่อทำการรักษาด้วย Ultherapy Prime เสร็จ ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับบ้าน หรือไปทำกิจกรรมตามชีวิตประจำวันได้ปกติ โดยไม่ต้องพักฟื้น
  • หลังจากทำ Ultherapy Prime เสร็จแล้วอาจมีอาการแดงหรือบวมเล็กน้อย บริเวณที่ทำการรักษา หลังการรักษา โดยอาการนี้จะหายไปได้เอง โดยไม่ต้องกังวล

5. การดูแลรักษาตัวหลังทำ Ultherapy Prime

  • หลังทำ Ultherapy Prime ควรหลีกเลี่ยงผิวบริเวณที่ทำ Ultherapy Prime จากการสัมผัสแสงแดด หรือแสงประเภทอื่น ๆ อาทิ แสงไฟ 
  • หลังทำ Ultherapy Prime ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสร้อนกับผิวบริเวณที่ทำการรักษาโดยตรง เช่น การอาบน้ำร้อน การอบซาวน่า การแช่ออนเซน
  • หลังทำ Ultherapy Prime ผู้เข้ารับบริการควรทาครีมบำรุงผิว รวมทั้งครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ++ ขึ้นไป ทั้งช่วงก่อนออกแดด และระหว่างการเจอแสงเจอแดด และบำรุงความชุ่มชื้นหลังออกแดด
  • หลังทำ Ultherapy Prime ควรนอนหนุนหมอนที่สูงกว่าระดับที่นอน เพื่อลดอาการบวมในบริเวณที่ทำ โดยไม่ต้องกังวลสามารถหายได้เอง อาการนี้จะเป็นในบางคนเท่านั้น
  • หลังทำ Ultherapy Prime หากมีอาการบวม หรือ แดงมาก ที่ผิวในบริเวณที่ทำ สามารถทำการประคบเย็นร่วมได้ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย อาการนี้จะเป็นในบางคนเท่านั้น
  • หลังทำ Ultherapy Prime หากผู้เข้ารับบริการเกิดอาการผิวแห้งจากการทายาชา ผู้เข้ารับบริการสามารถทาครีมบำรุงผิว ด้วยมอยเจอไรซ์เซอร์ ว่านหางจระเข้ หรือครีมบำรุงผิวร่วมด้วย ได้
  • หลังทำ Ultherapy Prime ควรงดการทาครีมที่ทำให้ผิวขาว ครีมที่กัดผิว ครีมกำจัดขน รวมทั้งครีมที่มีการผลัดเซลล์ผิวประมาณ 1 สัปดาห์ เนื่องจากผิวหลังจากการทำ Ultherapy Prime จะยังมีความบอบบางมาก
  • หลังทำ Ultherapy Prime ไม่ควรสัมผัสผิวหน้าแรง หรือจับผิวหน้าแรง เนื่องจากผิวบริเวณที่ทำ Ultherapy Prime จะมีความระบมอยู่ใต้ชั้นผิว สามารถรับประทานยาแก้ปวด เพื่อบรรเทาอาการปวดได้
  • หลังทำ Ultherapy Prime ให้ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์ในการรักษาเป็นไปตามต้องการให้มากที่สุด

ULTHERAPY PRIME

ผลลัพธ์หลังทำการรักษาด้วย Ultherapy Prime

  • หลังทำการรักษาด้วย Ultherapy Prime จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากเวลาผ่านไป 2-3 เดือน อันเกิดจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังขึ้นใหม่ โดยคอลลาเจนดังกล่าว จะเริ่มสร้างหลังทำเสร็จเรื่อย ๆ โดย Ultherapy Prime จะสามารถคงสภาพผลลัพธ์ในการยกกระชับได้นานถึง 1 ปี หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของผู้เข้ารับบริการ และการดูแลหลังทำการรักษา

ข้อดีของ Ultherapy Prime

1. Ultherapy Prime เป็นโปรแกรมที่มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูง

  • Ultherapy Prime ใช้เทคโนโลยี Micro-Focused Ultrasound พัฒนาขึ้น เพื่อทำการยกกระชับโดยเฉพาะ แพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างผิวหนังได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ชัดมากขึ้น มีการแสดงผลที่เร็วมากขึ้น รวมทั้งยังสามารถยิงพลังงานคลื่นได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

2. Ultherapy Prime กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างมีประสิทธิภาพ

  • การทำ Ultherapy Prime เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง ชั้นลึกหรือชั้น SMAS ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ช่วยรองรับผิวหน้า ทำให้ผิวหน้ากระชับและเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ และเกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ที่ชั้นใต้ผิวได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

3. Ultherapy Prime แทบไม่ต้องพักฟื้นใบหน้าหลังทำ

  • เนื่องจาก Ultherapy Prime เป็นเครื่องยกกระชับ ไม่ใช่การผ่าตัด เพื่อยกกระชับ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้การพักฟื้นใบหน้าหลังทำเป็นเวลานาน ในบางคนอาจไม่ต้องพักฟื้นเลย จึงทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถในชีวิตประจำวันได้ปกติหลังทำทันที ในบางคนอาจมีอาการบวมที่ผิวหนังเพียงเล็กหลังทำการรักษา

4. Ultherapy Prime สามารถคงผลลัพธ์คงอยู่นาน

  • ผลลัพธ์จากการทำ Ultherapy Prime จะสามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 1 ปีหรือนานกว่านั้น โดยจะขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลของแต่ละบุคคล จึงทำให้ผลลัพธ์ในแต่ละคนจะอยู่ได้นานไม่เท่ากัน

5. Ultherapy Prime เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว

  • Ultherapy Prime สามารถใช้ได้กับผู้เข้ารับบริการที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยในระดับต่าง ๆ ทุกระดับ โดยไม่ต้องคำนึงถึงสภาพผิว เนื่องจากสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว และยังสามารถทำได้ในทุกบริเวณนอกเหนือจากใบหน้า เช่น ลำคอ และบริเวณรอบดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

6. Ultherapy Prime ไม่มีความเสี่ยงต่อการแพ้วัสดุ ไม่เจ็บ ไม่ต้องผ่าตัด

  • เนื่องจากการทำ Ultherapy Prime ไม่ใช่การใช้วัสดุแปลกปลอมในการยกกระชับผิว เช่น ไม่มีการฉีดสารต่าง ๆ การทำ Ultherapy Prime จึงเป็นโปรแกรมที่สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดการแพ้ หรือร่างกายเกิดการต่อต้าน ไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้เข็ม  และไม่ต้องผ่าตัด

7. Ultherapy Prime เห็นผลลัพธ์หลังทำทันที

  • เป็นโปรแกรมยกกระชับ ที่สามารถเห็นผลได้เลยในทันทีหลังทำ 20 % โดยผลลัพธ์อื่น ๆ จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ

ข้อเสียของ Ultherapy Prime

1. Ultherapy Prime ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก

ในผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก หรือมีริ้วรอยลึกมาก Ultherapy Prime จะสามารถยกกระชับได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น อาจไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่พอใจขึ้น เท่าการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าได้

2. Ultherapy Prime อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

อาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงในบริเวณที่ทำการรักษาด้วย Ultherapy Prime ในบางคนอาจมีความชาที่ผิว มีอาการแดงที่ผิว แต่อาการเหล่านี้มักจะหายไปภายไปได้เอง โดยไม่ต้องกังวล

3. Ultherapy Prime หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์

แพทย์ที่มีความชำนาญจะสามารถยิง Ultherapy Prime ได้อย่างแม่นยำมากกว่า ทำให้การยกกระชับ สามารถกระชับได้มากกว่า

ช่วงอายุที่เหมาะสมในการทำ Ultherapy Prime

  • ช่วงอายุ 25-35 ปี
    สามารถทำ Ultherapy Prime ได้ตั้งแต่อายุยังไม่มาก หากเริ่มสังเกตเห็นสัญญาณของผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย ผิวที่ไม่กระชับบนใบหน้า เช่น คอ ใบหน้า ริ้วรอย การทำ Ultherapy Prime ในช่วงอายุนี้จะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน  และยืดเวลาที่ผิวจะหย่อนคล้อยในอนาคต เปรียบเสมือนการป้องกันการเกิดปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดขึ้น เมื่อเข้าสู่วัยที่จะเกิดความหย่อนคล้อย
  • ช่วงอายุ 35-50 ปี
    เป็นช่วงอายุที่คนส่วนใหญ่นิยมทำ Ultherapy Prime มากที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงอายุที่ผิวมีการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนที่เริ่มชัดเจนมากขึ้น เริ่มมีปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหนัง หรือมีริ้วรอยที่เห็นได้ชัดเจน ดังนั้นการทำ Ultherapy Prime ในช่วงอายุเท่านี้จะช่วยในการยกกระชับผิวบริเวณที่ทำ และทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ลง
  • ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป
    สำหรับคนในช่วงอายุในช่วงนี้ การทำ Ultherapy Prime จะช่วยในการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้มากขึ้น และยังช่วยในการฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูดีมากยิ่งขึ้น แต่การทำในช่วงอายุเท่านี้ อาจต้องใช้เวลาพักฟื้นหรือดูแลผิวหลังทำมากกว่าในช่วงอายุที่น้อยกว่านี้

Ultherapy Prime ดีกว่า Ultherapy SPT อย่างไร

1. Ultherapy Prime ดีกว่า Ultherapy SPT ตรงที่สามารถสร้างภาพผ่านจอแบบเรียลไทม์ที่แม่นยำขึ้น

Ultherapy Prime พัฒนาขึ้นมาจาก Ultherapy SPT มีความละเอียด และความเร็วในการแสดงผลที่ดีกว่าเดิม ทำให้แพทย์ควบคุมการรักษาได้ดีมากขึ้น 

2. Ultherapy Prime ดีกว่า Ultherapy SPT ตรงที่ใช้ความเร็วในการรักษาที่สูงขึ้น

เนื่องจาก Ultherapy Prime ถูกปรับปรุงขึ้น เพื่อให้สามารถทำงานเร็วมากขึ้นกว่าเดิมถึง 20% เมื่อเทียบกับ Ultherapy SPT ซึ่งช่วยลดเวลาในการรักษา และสามารถเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้เข้ารับการรักษา

3. Ultherapy Prime ดีกว่า Ultherapy SPT ตรงที่มีหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ และชัดเจนขึ้น

Ultherapy Prime นั้นมีหน้าจอแสดงผลที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 35% จึงทำให้แพทย์สามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นในขณะที่ทำการรักษา จึงทำให้การรักษาผิดพลาดได้น้อย และการรักษาเห็นผลได้ดีมากยิ่งขึ้น

จะเห็นได้ว่า Ultherapy Prime เป็นโปรแกรมที่มีความแตกต่างจาก Ultherapy SPT ในด้านของหน้าจอที่มีความใหญ่และชัดมากขึ้น รวมถึงการแสดงผลที่เร็วมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ในการรักษานั้น Ultherapy Prime ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่มีความแตกต่างจาก Ultherapy SPT เนื่องจากยังคงความยกกระชับ และสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้เป็นอย่างดีเช่นเดิม

แต่ Ultherapy Prime นั้น นับเป็นการเปลี่ยนแปลง และพัฒนาครั้งยิ่งใหญ่ของวงการเครื่องยกกระชับ ทำให้เกิดความตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก เพราะ Ultherapy ห่างหายจากการพัฒนาตัวเครื่องไปถึง 15 ปี Ultherapy Prime จึงนับว่าเป็นปรากฏการครั้งสำคัญ ในการพัฒนาเครื่องยกกระชับตระกูล Ultherapy นั่นเอง

ติดตามข่าวสาร หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :www.facebook.com/RomrawinClinic

ร้อยไหม (Thread lift) คืออะไร มีกี่ประเภท อันตรายไหม

ร้อยไหม

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





    วันที่สะดวกในการติดต่อ




    เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว


    ร้อยไหมยกกระชับ ปรับหน้าเรียว โดยไม่ต้องผ่าตัด

    การร้อยไหม เป็นหัตถการที่เราได้ยินกันมานับสิบปี และเป็นหัตถการที่มีวิวัฒนาการมาแบบยาวนาน ที่หลาย ๆ คนได้ยินกันมาว่ามีตั้งแต่ ร้อยไหมแบบปลอดภัย และไม่ปลอดภัย รวมทั้งยังเป็นหัตถการที่มีความเชื่อต่าง ๆ ในการรักษามาอย่างมากมาย ทั้งเรื่องร้อยไหมแล้วไม่สามารถเข้าเรื่อง X-ray ได้ ร้อยไหมแล้วไม่ละลาย รวมไปจนถึงร้อยไหมเหมาะกับคนอายุมาก มากกว่าคนอายุน้อย ในบทความนี้จะมาไขข้อข้องใจทุกอย่างเกี่ยวกับการร้อยไหมกันอย่างหมดเปลือก

    การร้อยไหมมีทั้งไหมแบบละลายและไม่ละลาย

    ไหมที่ใช้ในการร้อยไหมสามารถแบ่งได้เป็นสองประเภท คือ ไหมแบบที่ร้อยไม่ถาวร และถาวร

    โดยไหมแบบไม่ถาวร คือ ไหมละลาย ผลิตด้วยวัสดุที่หลากหลาย ที่ให้ผลลัพธ์ที่มีความแตกต่างกันออกไป สามารถแบ่งได้ ดังนี้

    • ไหมที่ผลิตจากวัสดุ PDO 

    เป็นชื่อที่ ย่อมาจาก Polydioxanone เป็นวัสดุที่ใช้ในการผลิตไหมที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่ง เนื่องจากไหม PDO จะเป็นไหมที่มีความยืดหยุ่น และมีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก ทั้งยังไม่มีผลข้างเคียงหากได้รับการร้อยเข้าไปสู่ใต้ชั้นผิว เนื่องจากไม่มีสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ทั้งยังเป็นไหมที่ศัลยแพทย์ผ่าตัดเลือกใช้ในการผ่าตัดเย็บเส้นเลือดที่บริเวณหัวใจ 

    ไหมที่ผลิตจากวัสดุ PDO จะสามารถคงสภาพอยู่ใต้ชั้นผิวได้ 4 ถึง 6 เดือน

    • ไหมที่ผลิตจากวัสดุ PLLA 

    เป็นชื่อที่ ย่อมาจาก Polylactic acid เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่ได้รับความนิยม ในการนำมาผลิตเป็นไหมที่ใช้ในการร้อยไหม เนื่องจากเป็นวัสดุที่มีความหนา แข็งแรง มีความคงทน สามารถคงสภาพอยู่ใต้ผิวได้นาน แต่ยังเป็นวัสดุที่มีปัญหาเล็กน้อย ในด้านของการยืดหยุ่นที่มีความยืดหยุ่นน้อยกว่าไหมวัสดุ PDO 

    ไหมที่ผลิตจากวัสดุ PLLA จะสามารถคงสภาพอยู่ใต้ชั้นผิวได้  1 ปี

    • หมที่ผลิตจากวัสดุ PCL 

    เป็นชื่อที่ ย่อมาจาก Polycaprolactone เป็นวัสดุที่ใช้ในการร้อยไหมที่มีความยืดหยุ่นสูง ลดการขาดของไหมได้เป็นอย่างดี เนื่องจากไหมสามารถยืดหยุ่นตัวได้ตามการขยับของใบหน้า รวมทั้งการแสดงสีหน้าต่าง ๆ และยังสามารถคงสภาพใต้ผิวได้นาน

    หากร้อยไหมที่อยู่ในกลุ่มไหมละลาย ไหมในกลุ่มนี้จะสามารถสลายตัวได้เอง โดยไม่ตกค้างอยู่ใต้ชั้นผิว และเมื่อสลายหมดแล้วสามารถมาทำการร้อยไหมใหม่ได้ตามความต้องการหรือตามคำแนะนำของแพทย์ 

    ไหมที่ผลิตจากวัสดุ PCL จะสามารถคงสภาพอยู่ใต้ชั้นผิวได้ 1-2  ปี 

    ไหมไม่ละลาย 

    เป็นไหมประเภทที่ไม่ได้รับการรับรอง ในสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ของประเทศไทย เป็นไหมที่ได้รับความนิยมเมื่อหลายสิบปีก่อนเนื่องจากในยุคนั้นยังไม่มีไหมละลาย ผลิตจากวัสดุที่เป็นไหมทองคำ 99.9% มักจะนำมาใช้เพื่อยกกระชับและดึงใบหน้า แต่เมื่อใช้แล้วส่งผลกระทบมากกว่าข้อดี เนื่องจากเป็นโลหะจึงนับว่าเป็นแปลกปลอมที่ส่งผลอันตรายกับใบหน้า โดยการดูดซับความร้อน จึงส่งผลให้ในบางคนเมื่อร้อยไหมชนิดนี้ไปแล้วเกิดใบหน้าผิดรูป เกิดผังผืดที่ไม่ดีใต้ชั้นผิว รวมทั้งทำให้มีปัญหาเวลา X-ray หรือเข้าเครื่องสแกนโลหะ จึงทำให้ความนิยมเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ และเลิกผลิตไปในที่สุด

    ดังนั้นเมื่อพูดถึงไหมในบทความหลังจากนี้ จะกล่าวถึงไหมละลายทั้งหมด เพราะทุกการทำหัตถการ ความปลอดภัยในการรักษา จะเป็นที่ตั้งเสมอสำหรับรมย์รวินท์คลินิก

    สำหรับการเลือกใช้ไหมในการร้อยไหมในแต่ละเคสนั้น แพทย์จะเลือกใช้ไหม ที่มีความเหมาะสมกับปัญหาของคนไข้แต่ละท่าน รวมทั้งบริเวณที่ต้องการทำการร้อยไหมด้วย 

    การทำงานของไหมเมื่อทำการร้อยไหมที่ใบหน้า

    เริ่มต้นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เข็มในการนำพาเส้นไหมเข้าบริเวณใต้ผิว เพื่อให้ผลในด้านการยกกระชับ และตึงผิว ตามเทคนิคและบริเวณที่ต้องการทำการรักษา โดยแพทย์แต่ละท่าน และไหมแต่ละชนิด จะมีวิธีการร้อย รวมถึงเทคนิคในการร้อยไหมที่แตกต่างกันไปตามชนิด รวมทั้งลักษณะของไหม หากเคยทำการร้อยไหมมาแล้ว ในครั้งต่อไปแพทย์ได้ทำการร้อยไหมด้วยการใช้เทคนิคที่แตกต่างไปจากเดิมจึงไม่ต้องกังวล อาจมีการเปลี่ยนชนิด หรือวัสดุของไหมจึงทำให้รูปแบบการรักษาของแพทย์ที่เปลี่ยนไปจากเดิมได้

    การร้อยไหมทุกชนิดวัสดุจะมีหลักการในการรักษาที่เหมือนกัน จากการทำงานของไหมและเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ชั้นผิว โดยเมื่อร้อยไหมเข้าไปผู้ใต้ชั้นผิวแล้ว ไหมจะทำงานด้วยการเข้าไปกระตุ้นใต้ชั้นผิวให้เกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่ กระตุ้นการหมุนเวียนของเลือดให้เลือดมาเลี้ยงผิวหนังบริเวณที่ทำการร้อยไหมได้เพิ่มมากขึ้น จากนั้นจะทำให้เกิดการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาส เป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ชั้นผิว ให้เกิดการสร้างตัวขึ้นมาใหม่โดยการพันรอบแนวเส้นไหม ส่งผลในการรักษา คือการยกกระชับ และดึงใบหน้าให้มีความเต่งตึง ให้ผิวที่แน่นมากขึ้น และยังทำให้ผิวบริเวณที่ทำการร้อยไหมมีความอิ่มฟูและดูดีดูใสมากยิ่งขึ้น

    thread lift

    ข้อดีของการร้อยไหมละลาย

    • สามารถสร้างคอลลาเจนที่เกิดจากการสร้างโดยร่างกายของตัวเองในใต้ชั้นผิว
    • การร้อยไหมทำให้ผิวมีความกระชับขึ้น
    • ลดความหย่อนคล้อยของใบหน้า
    • สามารถแก้ปัญหาใบหน้าไม่เท่ากันได้
    • ผิวมีความอิ่มฟูขึ้นจากการร้อยไหม
    • การร้อยไหมสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำ
    • ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำการร้อยไหม
    • ไม่มีแผลเป็น
    • ไม่มีสารตกค้าง ไม่ต้องฉีดตัวยา
    • การร้อยไหมทำให้เลือดเกิดการไหลเวียนดีขึ้น

    ร้อยไหม

    ร้อยไหมละลายสามารถแก้ปัญหาใดได้บ้าง

    • เพิ่มความชัดของกรอบหน้า
    • กระชับเหนียงและไขมันใต้คาง
    • เก็บแก้ม
    • เก็บกระเปราะแก้ม
    • ยกหางคิ้ว 
    • ยกหางตา
    • ปรับใบหน้าให้มีความเรียวสวยมากยิ่งขึ้น
    • แก้ปัญหาร่องแก้ม
    • ยกมุมปาก
    • แก้ปัญหาร่องน้ำหมาก

    ลักษณะ รูปร่างของเส้นไหมที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน

    รูปร่างและลักษณะของเส้นไหมที่ใช้กันในปัจจุบันมีลักษณะที่หลากหลายมาก เกิดขึ้นจากการพัฒนา และปรับเพื่อให้เหมาะสมกับปัญหาของผู้เข้ารับบริการแต่ละคนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุด โดยลักษณะไหมแต่ละชนิดสามารถแจกแจงได้ ดังนี้

    ร้อยไหม

    1.Mono thread เส้นไหมที่มีลักษณะเรียบ

    • ไหมชนิดนี้จะมีลักษณะไหมที่มีเส้นตรง เรียบ ตั้งแต่ต้นจรดปลาย ไม่มีการปาด บาก หรือสลักเส้นไหม จะมีเส้นไม่ยาว โดยแพทย์จะใช้ไหมชนิดนี้ในการร้อยเพื่อช่วยในการฟื้นฟูผิวให้ดีมากยิ่งขึ้น ให้มีความตึง กระชับ และสร้างคอลลาเจนให้เกิดขึ้นใต้ชั้นผิวมากยิ่งขึ้น ไหมชนิดนี้มักเป็นไหมที่แพทย์ไม่ได้ใช้ร้อยเพื่อยกกระชับ แต่ร้อยไหมชนิดนี้เพื่อคุณภาพผิวที่ดีขึ้น และกระชับมากขึ้นเท่านั้น  ซึ่งอาการที่จะเกิดขึ้นหลังทำการร้อยไหมชนิด Mono thread จะทำให้ใบหน้ามีความบวมขึ้นเล็กน้อย จึงทำให้หลังทำผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกใบหน้ามีความเต่ง อิ่ม และตึงมากยิ่งขึ้นหลังทำทันทีนั่นเอง

    2. Screw thread เส้นไหมที่มีลักษณะเกลียว

    • ไหมชนิดนี้จะมีลักษณะเส้นเรียบตรงเหมือนกัน Mono thread หรือไหมชนิดเรียบ แต่ไหมจะมีความม้วน ขดเป็นรูปทรงเกลียวคล้ายคลึงกับลักษณะสปริง ไหมชนิดนี้จะมีทั้ง ไหมประกอบ 1 เส้น และไหม 2 เส้น ประกอบอยู่ด้วยกัน ตามแต่รุ่นของไหมที่ถูกพัฒนาออกมา ซึ่งไหมชนิดนี้จะเป็นไหมที่มีความแข็งแรง มากขึ้นกว่าไหม Mono thread หรือไหมชนิดเรียบ มักจะใช้ในบริเวณผิวที่มีความยุบ เป็นแอ่ง เป็นบ่อ หรือ หลวมเนื่องจากคอลลาเจนใต้ผิวหายไป แพทย์จะใช้ไหม Screw thread ในการเพิ่มมวลความหนาแน่น และความกระชับให้กับผิว

    3.Barb thread (bidirectional barbed thread) เส้นที่มีไหมลักษณะเงี่ยง 

    • ไหมชนิดนี้คนมักจะรู้จักกันในชื่อไหมก้างปลา ไหมเงี่ยงกุหลาบ หรือไหมเทอนาโด เนื่องจากคลินิกต่าง ๆ นิยมนำไหมชนิดนี้มาตั้งชื่อทางการตลาดขึ้นมาใหม่ ตามลักษณะการรักษาและยกกระชับของไหม Barb Thread เป็นไหมยกกระชับที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก  เนื่องจากสามารถยกกระชับได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นไหมที่มีเงี่ยงที่มีลักษณะเหมือนหนาม แหลมออกมาจากเส้นไหม เพราะเกี่ยวรั้งผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น จึงมีความเหมาะสมที่จะใช้ในการยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อย เงี่ยงของไหม Barb thread จะสามารถยื่น 1 หรือ 2 ทิศทางก็ได้

    Barb thread เส้นที่มีไหมลักษณะเงี่ยง สามารถจำแนกประเภทของเงี่ยงได้ ดังนี้

    Barb thread ที่มีลักษณะไหมเงี่ยงแบบบาก

    ไหมเงี่ยงแบบบาก ในขั้นตอนการผลิตเส้นไหมจะมีการใช้กรรมวิธีบากไหมทั้งการใช้เลเซอร์ตัดห รือบากรวม ทั้งยังมีวิธีการอื่น ๆ ที่จะทำให้ไหมมีลักษณะเป็นซี่เหมือนกับเสี้ยนที่อยู่บนเปลือกไม้นั่นเอง

    ลักษณะของเงี่ยงไหมสามารถจำแนกได้ดังนี้

    • เงี่ยงไหมแบบ Uni-direction เป็นไหมที่มีลักษณะการบากไหมให้มีเงี่ยงเรียงตัวกันเป็นแนวยาวในทิศทางที่เรียงตรงกัน 1 แนว ด้านเดียว
    • เงี่ยงไหมแบบ  Bi-direction เป็นไหมที่มีลักษณะการบากไหมให้มีเงี่ยงเป็น 1 ด้านของไหม แต่มีเงี่ยงในลักษณะแบบสวนทาง แต่อยู่ในแนวเดียวกัน
    • เงี่ยงไหมแบบ  3D Cog เป็นไหมที่มีลักษณะ การบากของเงี่ยง ที่มีการเรียงตัวเป็นแบบสามมิติวนไปทั่วทั้งความยาวของไหม ครบทั้ง 360 องศา

    Barb thread ที่มีลักษณะไหมเงี่ยงแบบหล่อ

    ไหมเงี่ยงชนิดนี้เป็นเงี่ยงที่ใช้กระบวนการหล่อขึ้นมาในขั้นตอนการผลิตเส้นไหมเลย โดยผลิตการออกแบบแม่พิมพ์ให้มีลักษณะเป็นเงี่ยง เหมือนกับก้านของดอกกุหลาบที่มีหนามออกมาจากก้านโดยไม่ต้องบากเส้นไหมนั่นเอง ซึ่งการผลิตไหมในลักษณะหล่อให้มีเงี่ยงแบบนี้ จะทำให้ได้ไหมที่มีความแข็งแรงสูง ส่งผลในการรักษา คือ สามารถเกาะกับผิวได้แน่นมากขึ้น

    เงี่ยงของไหมหล่อ จะสามารถแบ่งออกเป็นชนิดได้อีก 3 ชนิด ดังนี้

    • Carving cog เป็นลักษณะไหมเงี่ยง ที่มีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม ทั้งสองด้านของไหมเรียงตัวยาวตลอดเส้น
    • Molding cog เป็นลักษณะไหมเงี่ยงที่การหล่อให้ไหมมีรอยแบบ ซี่ของใบเลื่อย หรือซี่ของฟันฉลาม หรือเรียกอีกอย่างว่าไหมสลัก
    • 3D Molding cog เป็นลักษณะเงี่ยงของไหมที่ถูกหล่อให้เป็นหนามทรงสามเหลี่ยมที่มีขนาดใหญ่หว่าเงี่ยงชนิดอื่น ๆ โดยเงี่ยงชนิดนี้จะพันเป็นเกลียวอยู่รอบไหม

    ความต่างของไหมเงี่ยงแบบบาก และไหมเงี่ยงแบบหล่อ 

    ไหมทั้งสองชนิดมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ในด้านความคงทนของไหม และความคงทนของเงี่ยงไหม

    • ไหมเงี่ยงแบบบาก เป็นการสร้างเงี่ยงจากเส้นไหม ทำให้พื้นที่บริเวณเส้นไหมลดน้อยลง จึงทำให้ความแข็งแรงของเส้นไหม และความแข็งแรงของเงี่ยงน้อยลง
    • ไหมเงี่ยงแบบหล่อ มีการสร้างเงี่ยงไหมขึ้นมาใหม่ จึงทำให้เส้นไหมและเงี่ยงมีความสมบูรณ์ จึงทำให้มีความคงทน แข็งแรงที่มากกว่าไหมเงี่ยงแบบบาก

    4.เส้นที่มีไหมลักษณะเงี่ยงแบบกรวย

    ไหมเงี่ยงชนิดนี้ มีลักษณะของเงี่ยงเป็นทรงกรวยล้อมอยู่รอบเส้นไหม โดยทรงกรวยดังกล่าวจะทำหน้าที่เกาะกับผิวหนัง ในบริเวณที่ทำการร้อยไหมได้เป็นอย่างดี ไม่อันตรายต่อผิว ไม่คม ไม่ขูด ไม่บาดผิว และป้องกันความเสียหายต่อผิวหนังได้มากกว่าไหมเงี่ยงชนิดอื่น ๆ 

    ข้อจำกัดของการร้อยไหมชนิดนี้ คือ ต้องทำการร้อยโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ และเชี่ยวชาญสูงมาก ๆ เนื่องจากเป็นไหมที่จะต้องอาศัยฝีมือในการร้อยไหม

    5.เส้นที่มีไหมลักษณะเป็นโครงตาข่าย

    • ไหมชนิดนี้ไม่เมีเงี่ยง ลักษณะภายนอก คือ การใช้ไหมที่มีความเรียบมาถักจนเกิดเป็นทรงตาข่าย หรือมีไหมบางรุ่นที่ใช้ไหมโครงตาข่ายเป็นด้านนอก และใช้ไหมเงี่ยงหล่อ รอบเส้น อยู่ด้านในของไหมโครงตาข่ายอีกหนึ่งที เป็นไหมชนิดที่สามารถยืดหยุ่นได้มากกว่า สร้างคอลลาเจนได้มากกว่า ทำใหผิวหน้ามีความฟูได้มากกว่า ทำให้ผิวมีความแน่นได้มากกว่าไหมชนิดอื่น ๆ

    ร้อยไหม

    การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการร้อยไหม

    • ผู้เข้ารับบริการร้อยไหม ควรงดรับประทานยาจำพวกต้านการแข็งตัวของเลือด ทั้งวิตามินอาหารเสริม เพื่อให้ลดการเลือดออกมากจากการร้อยไหม
    • ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 วันก่อนทำการร้อยไหม
    • ควรสระผมให้เรียบร้อยก่อนทำการร้อยไหม 
    • หากมีปัญหาผิวหน้า เช่น เป็นสิวอักเสบ ควรงดการเข้ารับบริการร้อยไหม และรอให้อาการดังกล่าวหายดีก่อน

    ขั้นตอนการทำการร้อยไหม

    • ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมิน และวางแผนในบริเวณผนการร้อยไหม ให้ตรงกับปัญหาของผู้เข้ารับบริการ
    • ทายาชา หรือฉีดยาชา
    • ทำความสะอาดใบหน้า เพื่อเตรียมเข้ารับบริการ
    • คุณหมอทำการวาดใบหน้า เพื่อเตรียมเข้ารับบริการ
    • ทำการร้อยไหมด้วยความชำนาญ
    • แปะพลาสเตอร์เพื่อทำการห้ามเลือด

    ร้อยไหม

    การดูแลตัวเองหลังเข้ารับบริการร้อยไหม

    • ควรประคบเย็นในบริเวณที่ทำการร้อยไหม เพื่อลดความบวม และบรรเทาอาการระบมเป็นระยะเวลา 3 วัน
    • งดออกกำลังกายเป็นระยะเวลา 3 วัน เพื่อป้องกันการระบมของใบหน้าหลังการร้อยไหม
    • งดการดื่มแอลกอฮอล์ 1 สัปดาห์หลังการร้อยไหม เพื่อลดอาการบวมของบริเวณที่ร้อยไหม
    • งดการรับประทานอาหารหมักดอง ของแสลง และอาหารรสจัด เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์หลังการร้อยไหม เพื่อลดอาการบวมของบริเวณที่ร้อยไหม
    • งดให้บริเวณที่ร้อยไหมโดนน้ำ เพื่อป้องกันการเกิดอาการติดเชื้อ
    • งดทำเลเซอร์ ทรีตเมนต์ ซาวน่า หลังการร้อยไหม

    ข้อควรระวังของการร้อยไหม หากไม่ได้ทำการร้อยไหมโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์

    • อาจเกิดการเป็นปุ่ม ปม หรือเป็นรอยบุ๋ม บริเวณผิวหน้าที่ทำการร้อยไหมได้
    • อาจเกิดการไหมขาดหลังทำการร้อยไหมได้
    • หลังทำอาจเกิดความบวม เขียว ช้ำได้
    • อาจเกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อในบริเวณที่ทำได้ หากร้อยไหมตึง หรือหย่อนเกินไป
    • ไหมอาจเกิดการเคลื่อนจนเห็นผิวหนังหย่อน หรือคล้อยตกลงมา

    ข้อเสียของการร้อยไหม

    • การร้อยไหมไม่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอย และร่องลึกได้
    • การร้อยไหมไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ถาวร
    • ในช่วงแรกของการร้อยไหมอาจจับเจอเส้นไหมได้

    โรคอะไรบ้างที่ไม่ควรระวังในการทำการร้อยไหม

    • โรคแพ้ภูมิตัวเอง 
    • โรคเบาหวาน 
    • โรคความดันโลหิตสูง 
    • โรคหัวใจ 
    • โรคไทรอยด์เป็นพิษ 

    ผู้ที่เป็นโรคประจำตัวดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา เพื่อปรึกษาหาข้อตกลงร่วมในการรักษา เพื่อความปลอดภัย และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    ข้อดี ข้อเสีย ของเข็มที่ใช้ในการร้อยไหมประเภทต่างๆ

    1. เข็มร้อยไหมประเภทแหลม 

    เข็มร้อยไหมประเภทแหลมมีข้อดี คือ ลดการเกิดความบวมทั้งเลือดและน้ำ เนื่องจากลักษณะของเข็มจะทำการตัดเนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ชั้นผิว จึงทำให้เกิดความเจ็บในขณะที่ทำน้อยกว่า ทำให้เกิดการบวมน้อยกว่า และสมานแผลใต้ชั้นผิวได้เร็วกว่า หากทำโดยแพทย์ที่ชำนาญ

    2. เข็มร้อยไหมประเภททู่ 

    เข็มร้อยไหมประเภททู่ อาจทำให้เกิดการบวมน้ำและเลือดได้ เนื่องจากลักษณะของเข็มจะทำงานโดยการทำให้ผิวเกิดการฉีกออก ทำให้ระหว่างทำมีความเจ็บมากกว่า แต่จะสามารถหลบเส้นเลือดที่มีขนาดเล็กและใหญ่ได้ดีกว่าเข็มปลายแหลม

    3. เข็มร้อยไหมประเภทตัด

    เข็มร้อยไหมประเภทนี้เป็นเข็ม กึ่งแหลมกึ่งทู่ โดยปลายเข็มจะมีลักษณะคล้ายกับหลอด มีความคมอยู่บ้างแต่ไม่มาก และจะไม่คมเท่ากับเข็มปลายแหลม 

    4. เข็มร้อยไหมประเภทเข็ม L

    ลักษณะเข็มร้อยไหมประเภทนี้ เป็นเข็มที่มีความคล้ายกันกับเข็มประเภทตัด การใช้เข็มประเภทนี้จะบวมน้ำน้อยกว่าบวมเลือด และสมานเส้นเลือดได้ดีกว่าการใช้เข็มปลายทู่ 

    พัฒนาต่อจากเข็มตัดอีกขั้นหนึ่ง เข็มแต่ละประเภทไม่สามารถระบุได้ว่าชนิดไหนดีที่สุด ขึ้นกับการประเมินเนื้อเยื่อของคนไข้ และความถนัดของหมอแต่ละคน เช่น ถ้าคนไข้เคยเป็นสิว และมีพังผืดเยอะ การใช้เข็มทู่ก็จะบวมช้ำมากกว่าเข็มแหลม

    การพัฒนาของการร้อยไหมในปัจจุบันร้อยไหมทำอะไรได้บ้าง

    ในปัจจุบันมีการร้อยไหมช่องคลอด ขึ้นมาอีกหนึ่งชนิดเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยในการยกกระชับเช่นเดียวกัน แต่เป็นยกกระชับในส่วนช่องคลอดและแก้ปัญหาต่าง ๆ ของช่องคลอด อาทิ

    • ร้อยไหมกระชับช่องคลอด
    • ร้อยไหมปรับปรุงสมรรถภาพทางเพศ
    • ร้อยไหมแก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง
    • ร้อยไหมเพื่อให้น้องสาวมีรูปลักษณ์ที่สวยงามขึ้น

    ไหมน้ำ 

    เป็นนวัตกรรมที่พัฒนามาจากการร้อยไหมปกติ โดยการใช้หลักการกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเกิดความกระชับมากขึ้น อิ่มฟู และชุ่มชื้นได้มากขึ้น โดยไหมน้ำนั้นเป็นสิ่งที่ผลิตมาจากวัสดุเดียวกับวัสดุที่นำมาทำไหมที่ใช้ร้อยใบหน้า โดยสามารถแจกแจงยี่ห้อของไหม และวัสดุต่าง ๆ ที่ใช้ในการผลิตได้ ดังนี้

    สาร PCL (Polycarpolactone)

    ที่ช่วยในการสร้างความยืดหยุ่น และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้เป็นอย่างดี สามารถคงผลลัพธ์ใต้ผิวได้นาน

    • คือ ไหมน้ำยี่ห้อ Gouri

    สาร PDO (Polydioxanone)

    สารที่ใช้ผลิตไหมที่มีความยืดหยุ่นสูง และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวได้ดี ทั้งยังก่อให้เกิดการแพ้สารดังกล่าวได้ยาก 

    • คือไหมน้ำยี่ห้อ Ultracol

    สาร PLLA (Poly-L-Lactic acid)

    สามารถอุ้มน้ำได้ดี ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน มีความปลอดภัย เนื่องจากสังเคราะห์มาจากพืช ทำให้มีผลข้างเคียงในการรักษาน้อย

    • คือไหมน้ำ ยี่ห้อ  Sculptra  

    สาร PDLLA (Poly D-L-Lactic Acid)

    เป็นไหมน้ำที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ พัฒนาต่อจาก PLLA เพื่อใช้สำหรับการเป็นไหมน้ำ มีโมเลกุลเป็นทรงกลม ทำให้เวลาที่ฉีดไปไม่ทำอันตรายต่อใต้ผิวหนัง ช่วยในการยกกระชับผิวได้ดี ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวได้เป็นอย่างดี  ส่งผลให้ผิวหนังระหว่างทำเกิดการอักเสบในบริเวณใต้ชั้นผิวได้ยาก

    • คือไหมน้ำยี่ห้อ AestheFill, Lenisna, และ Juvelook

    การร้อยไหมในปัจจุบัน นอกจากจะมีการพัฒนาเป็นไหมในลักษณะอื่น ๆ หรือมีการร้อยในบริเวณอื่นที่นอกจากใบหน้าแล้ว ยังมีการพัฒนาเงี่ยง รูปทรงแล้วความยาวของไหมให้แตกต่างออกไปในรูปแบบอื่น เพื่อรองรับปัญหาของผู้เข้ารับบริการที่มากขึ้น และตรงจุดขึ้นกว่าเดิม ทั้งนี้การร้อยไหมจำเป็นจะต้องได้รับการทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายขึ้นภายหลัง และเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุด

    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





      วันที่สะดวกในการติดต่อ




      เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว

      EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก คืออะไร? เหมาะกับใคร ?

      Emface Submentum

      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





        วันที่สะดวกในการติดต่อ




        เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว


        Emface Submentum


        Emface Submentum


        EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

        เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บเหนียง กระชับไขมันใต้คาง พร้อมยกหน้าตัวใหม่ที่พัฒนาโดยบริษัท BTL บริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยียกกระชับกล้ามเนื้อตัวแรกของโลกอย่าง EMFACE ที่ได้รับความนิยมไปแล้วทั่วโลก ถึงผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีและได้ผลจนผู้เข้ารับบริการต้องกลับมาทำซ้ำ จึงเกิดการพัฒนาและต่อยอดจากเทคโนโลยี EMFACE ยกกระชับกล้ามเนื้อ

        ด้วยความที่ตัวเครื่องเป็นเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย และถูกคิดค้นด้านการออกแบบและกระบวนการทำงานมาเป็นอย่างดี ทางบริษัทจึงพัฒนา Applicator ขึ้นมาเพื่อให้ EMFACE สามารถทำงานได้ครอบคลุมทุกปัญหา และแก้ปัญหาบนใบหน้าได้เป็นอย่างดีมากยิ่งขึ้น

        โดย Applicator ดังกล่าวเป็น Applicator ที่ออกแบบมาเพื่อติดในบริเวณใต้คาง โดยจะใช้เพื่อสลายไขมัน ลดเหนียง และยกกระชับใบหน้าไปพร้อม ๆ กันนั่นเอง

        Emface Submentum

        EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ช่วยในการลดเหนียงและไขมันใต้คางได้อย่างไร

        โดยปกติความเข้าใจเดิมของเรา คือ EMFACE ถูกออกแบบมาเพื่อยกกระชับกล้ามเนื้อ แล้วทำไมเพียงแค่เปลี่ยน Applicator จึงสามารถทำให้ใช้ในการลดเหนียงและไขมันใต้คางได้ เหตุผลของข้อสงสัยนี้คือการที่ บริษัทใช้  Applicator ในการสื่อนั่นเอง เนื่องจาก Applicator ใหม่ที่พัฒนาขึ้นนั้น ออกแบบมาเพื่อทำงานกับชั้นผิวหนังด้วยกันจึงใช้เทคโนโลยีคลื่น 2 ชนิด คือ Synchronized Radiofrequency มีลักษณะเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความแรงสูง ที่คำนวณค่าความแรงมาอย่างแม่นยำ ทำให้มีความปลอดภัยในการรักษา และคลื่น HIFES™ มีลักษณะเป็นคลื่นวิทยุ ที่ออกแบบมาให้สามารถปล่อยพลังงานคลื่นมา เพื่อให้ทำงานกับทุกชั้นผิว ตั้งแต่ ชั้นผิวหนังด้านนอก ผิวหนังกำพร้า ชั้นหนังแท้ ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และชั้นกล้ามเนื้อ เป็นคลื่นที่มีพลังการรักษาในแบบ non-invasive คือ ไม่ลามไปยันบริเวณที่ไม่ต้องการทำการรักษา หรือชั้นผิวที่ไม่ได้ต้องการให้พลังงานส่งถึง จึงไม่เกิดอันตรายกับชั้นผิวหน้า หรือใบหน้าในบริเวณข้างเคียงนั่นเอง

        สามารถจำแนกพลังงานคลื่นของ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก กับการทำงานบนใบหน้าได้ดังนี้

        Emface Submentum

        พลังงานคลื่น Synchronized RF Plus ใน EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

        • ช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน
        • ช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างอิลาสตินใต้ชั้นผิว
        • ช่วยให้ผิวหน้ามีความยืดหยุ่น อิ่มฟูมากขึ้น
        • ช่วยปรับให้ผิวหน้ามีความเรียบเนียน
        • ช่วยลดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ใต้ชั้นผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ
        • ช่วยทำให้ผิวหนังบริเวณใต้คางมีความยืดหยุ่นที่มากขึ้น

        พลังงานคลื่น HIFES EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

        • ช่วยในการกระตุ้นกล้ามเนื้อบนใบหน้า
        • ช่วยเพิ่มปริมาณเส้นใยกล้ามเนื้อ
        • ช่วยในการเพิ่มความหนาแน่นของกล้ามเนื้อ
        • ช่วยเพิ่มความกระชับ และลดความหย่อนคล้อยของบริเวณกล้ามเนื้อคาง
        • ช่วยทำให้กล้ามเนื้อบริเวณใต้คางมีความเฟิร์ม แข็งแรงมากขึ้น
        • ช่วยทำให้กล้ามเนื้อมีความตึงตัวได้ดีมากขึ้น

        EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ยกกระชับชั้นและช่วยลดผิวหนังชั้นใดบ้าง

        • EMFACE Submentum ช่วยยกกระชับชั้นผิวหนังกำพร้า- ช่วยในเรื่องการลดริ้วรอยเล็ก ๆ
        • EMFACE Submentum ช่วยยกกระชับชั้นผิวหนังแท้- ช่วยในเรื่องการกระตุ้นคอลลาเจน อิลาสติน และผนังเม็ดเลือด
        • EMFACE Submentum ช่วยลด และหดชั้นไขมันให้มีขนาดเล็กลง- ช่วยในเรื่องกระชับไขมัน ลดขนาดเซลล์ไขมัน และลดเหนียง
        • EMFACE Submentum ช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อส่วนบน- ช่วยในเรื่องกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า
        • EMFACE Submentum ช่วยยกกระชับชั้นกล้ามเนื้อส่วนลึก- ช่วยในเรื่องการออกกำลังกาย และฟื้นฟูกล้ามเนื้อใบหน้า

        สำหรับ Applicator EMFACE Submentum จึงได้มีการออกแบบให้เข้ากับสรีระในบริเวณใต้คาง และวางคลื่นเพื่อให้เหมาะสมกับสรีระใบหน้า โดยด้านข้างเป็นการใช้เพียงคลื่น Synchronized RF Plus และตรงคาง เป็นการใช้ทั้ง 2 คลื่นอย่าง Synchronized RF Plus และ HIFES™ ควบคู่กันไป เพื่อให้ทั้งลดไขมัน และยกกระชับบริเวณเหนียงใต้คางได้อย่างดีที่สุด

        มากกว่านั้น Applicator อื่นของ EMFACE Submentum ยังสามารถช่วยในการยกกระชับบริเวณแก้ม กรอบหน้า มุมปาก หน้าแก้ม และยังช่วยลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี จึงส่งผลให้ EMFACE Submentum เป็นโปรแกรมที่ทำงานกับใบหน้าส่วนล่าง หรือ Lower Face ได้เป็นอย่างดี เปรียบเสมือนการออกกำลังกายใบหน้าทำให้กล้ามเนื้อ เพิ่มเส้นใย เพิ่มคุณภาพของชั้นผิวหนังต่าง ๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้นและแข็งแรงมากขึ้น

        EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก มีความปลอดภัยในการยกกระชับและลดไขมันอย่างไร

        EMFACE Submentum ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในไทยและ USFDA จากอเมริกา จึงสามารถการันตีได้ถึงคุณภาพ และความปลอดภัยในการรักษาทั้งด้านการยกกระชับกล้ามเนื้อ และการลดหรือเก็บเหนียง อีกทั้ง EMFACE Submentum ยังมีงานวิจัยออกมาอย่างเป็นทางการว่า เป็นโปรแกรมยกกระชับเพียงโปรแกรมเดียว ที่สามารถช่วยในการยกกระชับผิวหนังได้ลึกถึงชั้น SMAS และชั้น Muscle ทั้งยังสามารถยกกระชับ ปรับความหย่อนคล้อยที่ชั้น Epidermis and Dermis และช่วยลดไขมันในชั้น Superfacial Fat ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

        Emface Submentum

        EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ทำช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับชั้นผิวหนังได้เท่าไร อย่างไร

        เมื่อผู้เข้ารับบริการทำ EMFACE Submentum ครบ 4 ครั้งตาม Protocol EMFACE Submentum จะช่วยเพิ่มคุณภาพของชั้นผิวหนังของใบหน้าได้ ดังนี้

        • EMFACE Submentum ช่วยในการเพิ่มปริมาณของคอลลาเจน(Collagen) ได้ 27% 
        • EMFACE Submentum ช่วยในการเพิ่มคุณภาพของคอลลาเจน (Collagen) ได้ 27% 
        • EMFACE Submentum ช่วยในการเพิ่มปริมาณของอิลาสติน (Elastin) ได้ 129%
        • EMFACE Submentum ช่วยในการเพิ่มปริมาณกล้ามเนื้อ ได้ 19.2% 
        • EMFACE Submentum ช่วยในการเพิ่มความหนาแน่นของกล้ามเนื้อ ได้ 19.2%
        • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับผิวหนัง ได้ 30% 

        โดยเปอร์เซ็นต์ทั้งหมดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่มากที่สุดในการทำวิจัยของ EMFACE Submentum เท่านั้น โดยในแต่ละบุคคลผิวหนัง และผิวหน้าอาจเกิดการตอบสนองต่อ EMFACE Submentum ได้ไม่เท่ากัน

         

        Emface Submentum

        EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ติด Applicator บริเวณใดบ้าง

        แผ่น Applicator ของ EMFACE Submentum มีด้วยกัน 3 แผ่นโดยทั้ง 3 แผ่นแปะที่ 3 บริเวณ ดังนี้

        1. EMFACE Submentum ติด Applicator ที่แก้มด้านซ้าย
        2. EMFACE Submentum ติด Applicator ที่แก้มด้านขวา
        3. EMFACE Submentum ติด Applicator ที่บริเวณใต้คาง

        โดยก่อนทำจะต้องติดแผ่นสื่อ 1 แผ่น ที่บริเวณด้านหลัง เพื่อเป็นตัวนำพาคลื่นทั้งสองคลื่นในการรักษา

        Emface Submentum

        ข้อดีของ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

        • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับใบหน้าในชั้นผิว ได้มากกว่าโปรแกรมอื่น ๆ
        • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับใบหน้าได้ถึงชั้นที่ใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรม
        • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับใบหน้าได้พร้อมกับการลดไขมันใต้คาง
        • EMFACE Submentum ทำการยกกระชับได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
        • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับได้โดยไม่เจ็บ ไม่ต้องใช้เข็ม
        • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับได้โดยไม่ต้องทำการฉีดสารใดใดลงบนใบหน้า
        • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับได้ในเวลาอันสั้นเพียง 20 นาที
        • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับได้โดยไม่มีอันตราย
        • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับได้โดยไม่ต้องกลัวแสบ เจ็บ หรือเบิร์น
        • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับได้โดยไม่ต้องใช้ยาชา
        • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับได้ถึงเหนียงใต้คาง โดยไม่ต้องใช้ยาสลาย
        • EMFACE Submentum ช่วยในการยกกระชับ หลังทำไม่มีอาการบวม ช้ำ หรือเจ็บเหมือนโปรแกรมยกกระชับอื่น ๆ

        EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ช่วยแก้ปัญหาอะไรบนใบหน้าได้บ้าง

        • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหามุมปากตก
        • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยรอบมุมปาก
        • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาร่องน้ำหมาก
        • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาร่องแก้ม
        • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาแก้มห้อย
        • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหากระเปาะแก้ม
        • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหากรอบหน้าไม่ชัด
        • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาไขมันสะสมบริเวณใต้คางและเหนียง
        • EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาหน้าตก ดูไม่เป็นมิตร

        การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

        • ก่อนเข้ารับบริการ EMFACE Submentum ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการประเมินและวางแผนการรักษา
        • ก่อนเข้ารับบริการ EMFACE Submentum ควรถอดเก็บเครื่องประดับก่อนเข้ารับบริการ เนื่องจาก EMFACE Submentum เป็นโปรแกรมที่ต้องติดแผ่นสื่อ การใส่เครื่องประดับ อาจรบกวนการทำงานของพลังงานคลื่นต่าง ๆ ที่ใช้ในการรักษา

        ขั้นตอนการทำ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

        • ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและวางแผนการรักษา
        • ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้าและเก็บผมให้เรียบ เพื่อความสะอาดก่อนเข้ารับบริการ
        • ผู้ช่วยแพทย์ทำการติดแผ่นสื่อ EMFACE Submentum
        • แพทย์ทำการจับ คลำกล้ามเนื้อบนใบหน้าอย่างแม่นยำ ก่อนทำการติด Applicator EMFACE Submentum ทั้ง 3 แผ่น
        • ให้เครื่องทำงานกับใบหน้าเป็นระยะเวลา 20 นาที
        • เอาแผ่น Applicator ออก เป็นอันเสร็จ

        Emface Submentum

        การดูแลตัวเองหลังการเข้ารับบริการ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

        หลังเข้ารับบริการ EMFACE Submentum สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และเข้ามารับบริการซ้ำจนครบ Protocal เพื่อผลลัพธ์ที่ดี

        ใครเหมาะกับการทำ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

        • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้า
        • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่ต้องการลด และกระชับเหนียง หรือบริเวณใต้คาง
        • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีผิวที่เรียบเนียน
        • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึกบริเวณใบหน้าช่วงล่าง
        • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่มีแก้มล่าง มีกระเปาะแก้ม
        • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่มีร่องแก้ม
        • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่มีร่องน้ำหมาก
        • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่ปากคว่ำ ส่งผลให้ใบหน้าดูไม่เป็นมิตร
        • EMFACE Submentum เหมาะกับผู้ที่มีโครงหน้าไม่ชัด

        ใครไม่เหมาะกับการทำ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

        • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอุปกรณ์โลหะในร่างกาย หรือบริเวณที่พลังงานเข้าถึง
        • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับผู้ที่เคยรักษาโรคต่าง ๆ ด้วยการใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ
        • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
        • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด
        • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์
        • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังอยู่ในระหว่างการให้นมบุตร
        • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังอยู่ในระหว่างการให้เคมีบำบัดหรือคีโม
        • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะไตวาย
        • EMFACE Submentum ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลในบริเวณที่เครื่องเข้าถึง

        Emface Submentum

        ความรู้สึกระหว่างทำ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

        • ระหว่างทำ EMFACE Submentum จะรู้สึกเหมือนโดนดึงหน้า
        • ระหว่างทำ EMFACE Submentum จะรู้สึกเหมือนถูกนวด
        • ระหว่างทำ EMFACE Submentum จะรู้สึกเหมือนโดนบังคับใบหน้า
        • ระหว่างทำ EMFACE Submentum จะรู้สึกมีแรงสั่นสะเทือนที่ใบหน้า
        • ระหว่างทำ EMFACE Submentum จะรู้สึกถึงความอุ่นของ Applicator
        • ระหว่างทำ EMFACE Submentum จะรู้สึกตึง ๆ ใบหน้า

        ข้อสังเกตหลังการทำการรักษาด้วย EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

        หลังเข้ารับบริการ EMFACE Submentum แล้วใบหน้าอาจมีรอยจากการติดแผ่น Applicator  หรือมีความแดง อมชมพู หลังจากการเข้ารับบริการในบางที ความอุ่นจากพลังงานที่ใช้ในการยกกระชับ เก็บเหนียงอาจยังคงอยู่บนผิวหนัง นับเป็นอาการปกติผู้เข้ารับบริการไม่ต้องกังวล  และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

        EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ใช้เวลาในการทำกี่นาที

        ในการทำ EMFACE Submentum ทุกครั้ง ใช้ระยะเวลาในการทำเพียง 20 นาทีเท่านั้น

        EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี

        เพื่อให้ผลลัพธ์ในการรักษาเกิดผลดีที่สุด คือ ควรทำให้ครบ Protocal ของโปรแกรม ในระยะเวลาการนัดของแพทย์ คือ 4 ครั้งโดยการเข้ารับบริการสม่ำเสมอทุก 1 สัปดาห์ ติดต่อกันเป็นจำนวน 4 ครั้ง เพื่อให้คงสภาพผลลัพธ์ได้นาน และเป็นผลลัพธ์ที่ดีตามต้องการ

        Emface Submentum

        EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ควรเว้นระยะเวลาในการทำนานแค่ไหน

        เมื่อทำครบ 4 ครั้งตาม Protocal แล้ว ควรเว้นระยะเวลาในการทำครั้งต่อไปประมาณ 6-12 เดือน เนื่องจากหลังทำ EMFACE Submentum ครบตามจำนวน 4 ครั้งแล้ว พลังงานคลื่นจะทำงานโดยการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินที่ใต้ผิวหนัง และทำการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลังการรักษามีผลลัพธ์ที่ดีขึ้นตามลำดับจนครบ 1 ปี โดยสามารถทำได้ทุกปีเพื่อให้การรักษาเป็นการรักษาอย่างต่อเนื่อง และส่งผลในระยะยาว

        EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก ใช้เวลานานเท่าไรจึงจะเห็นผลลัพธ์ในการรักษา

        หลังการรักษาด้วย EMFACE Submentum จะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำการรักษาในครั้งแรก และจะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังทำในทุกครั้งจนครบ 4 ครั้ง และจะเริ่มเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจนหลังทำครบ 3 เดือน

        Emface Submentum

        FAQ EMFACE Submentum เก็บเหนียง หน้ายก

        • เคยทำคางมาสามารถทำ EMFACE Submentum ได้หรือไม่

        สามารถทำได้เนื่องจากบริเวณที่ใส่ซิลิโคนกับบริเวณที่ติด Applicator ของ EMFACE Submentum เป็นคนละบริเวณกัน ไม่ส่งผลให้ซิลิโคนเคลื่อนที่ และไม่ก่อให้เกิดอันตราย

        • เคยทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณที่จะต้องติดแผ่น Applicator มา สามารถทำ EMFACE Submentum ได้หรือไม่

        สามารถทำได้เนื่องจาก EMFACE Submentum เป็นการใช้คลื่นพลังงานในการรักษา โดยคลื่นดังกล่าวจะไม่ไปรบกวนตัวโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ และไม่ทำให้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เคลื่อนตัว

        • ทำ EMFACE Submentum เจ็บเหมือนโปรแกรมยกกระชับอื่น ๆ ไหม

        EMFACE Submentum เป็นโปรแกรมยกกระชับที่ไม่เจ็บ ระหว่างทำ เนื่องจากการทำไม่ได้ใช้การยิงเป็นช็อตหรือ ไลน์แบบโปรแกรมยกกระชับอื่น ๆ แต่เป็นการยกกระชับด้วยพลังงานที่ส่งผ่าน Applicator โดยการทำงานของเครื่องและแผ่นเท่านั้น จึงไม่ทำให้เจ็บระหว่างทำนั่นเอง

        • ต้องมีอายุเท่าไร จึงจะสามารถทำ EMFACE Submentum ได้

        สามารถเริ่มทำได้ตั้งแต่อายุ 20 ปี หากมีความกังวลในเรื่องกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่กระชับ ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินเบื้องต้น สำหรับปัญหาของผู้เข้ารับบริการก่อน เพื่อการแก้ปัญหาอย่างตรงจุดที่สุด และจะไม่ทำให้เกิดอันตรายตามมาในอนาคต

        • ทำ EMFACE Submentum ต้องทายาชาไหม

        ไม่ต้องทา เพราะไม่มีขั้นตอนไหนในระหว่างที่ทำให้เกิดอาการเจ็บ มีเพียงอาการตึง ๆ  เหมือนถูกนวดหน้า ถูกดึงหน้า และมีความอุ่นจากแผ่นติดเท่านั้น

        • มีเวลาเพียง 1 ชั่วโมง สามารถทำ EMFACE Submentum ได้ไหม

        ได้ เพราะเป็นโปรแกรมที่ใช้ระยะเวลาในการรักษาต่อครั้งเพียง 20 นาทีเท่านั้น หากไม่แต่งหน้ามา และทำความสะอาดใบหน้ามาก่อนทำการรักษา ใช้เวลาเพียง 30 นาที ต่อการรักษาก็เพียงพอ

        • EMFACE Submentum สามารถทำร่วมกับโปรแกรมยกกระชับประเภทอื่น ๆ ได้หรือไม่

        ได้ เนื่องจากโปรแกรมยกกระชับประเภทอื่น ๆ จะทำหน้าที่ในการยกกระชับชั้นผิวหน้าที่แตกต่างกันไปในแต่ละเครื่อง รวมทั้งแต่ละเครื่องยังใช้พลังงานในการยกกระชับที่ไม่เหมือนกัน หากมีความกังวลว่าในระยะเวลาระหว่างรอทำ EMFACE Submentum ในครั้งถัดไปมีความนานมากเกินไป สามารถใช้โปรแกรมยกกระชับ และเก็บเหนียงโปรแกรมอื่นร่วมด้วยเพื่อเป็นการ maintain ได้

        • EMFACE Submentum สลายไขมันได้ต่างจากโปรแกรมสลายไขมันอย่างไร

        EMFACE Submentum เป็นการสลายไขมันโดยการใช้พลังงานคลื่น Synchronized RF Plus แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือเป็นการรักษาอย่างตรงจุด ไม่มีการรบกวนบริเวณอื่นหรือชั้นผิวหนังชั้นอื่นที่ไม่ได้ต้องการทำการรักษา ลด และหดชั้นไขมันได้จริง ทั้งยังช่วยในการ ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องทายาชา และไม่เจ็บ รวมทั้งยังเป็นการลดไขมันที่ทำการกระชับ และยกผิวให้มีความหย่อนคล้อยไปในตัว ไม่ทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อยหลังจากลดไขมัน

        โปรแกรมสลายไขมัน เป็นการใช้ตัวยาที่ผลิตจากส่วนผสมต่าง ๆ ในการลดไขมัน อาจก่อให้เกิดการรบกวนผิวหนังในบริเวณอื่นได้ หากแพทย์ที่ทำการรักษาไม่มีประสบการณ์ที่มากพอ ในบางคนอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ หลังทำอาจมีความบวม แสบ ได้

        Emface Submentum

        ทำไมต้องทำ EMFACE Submentum ที่รมย์รวินท์คลินิก

        • เพราะรมย์รวินท์คลินิกมีเครื่องเป็นคลินิก 1 ใน 5 ของประเทศไทย
        • เพราะรมย์รวินท์คลินิกดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์
        • เพราะรมย์รวินท์คลินิกมีเครื่องไว้สำหรับให้บริการเป็นจำนวนมาก
        • เพราะรมย์รวินท์คลินิก พนักงานทุกคนถูกอบรมในการดูแลคนไข้เกี่ยวกับการใช้เครื่องมาเป็นอย่างดี
        • เพราะรมย์รวินท์คลินิกใช้เครื่องแท้ จากบริษัท BTL สามารถตรวจสอบได้
        • เพราะรมย์รวินท์คลินิกมีสาขามากมายสำหรับรองรับผู้เข้ารับบริการ

        หากสนใจเข้ารับบริการ EMFACE Submentum ที่รมย์รวินท์คลินิก สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน้าร้านทั้ง 28 สาขา หรือช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง

        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





          วันที่สะดวกในการติดต่อ




          เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว

          SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวคืออะไร ?

          super Hifu

          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





            วันที่สะดวกในการติดต่อ




            เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว


            super hifu


            super hifu


            SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

            เคยเป็นไหม เวลาถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ แล้วต้องหลบด้านหลังเพื่อนอยู่เสมอ ๆ เพราะว่ากลัวหน้าบาน หน้าใหญ่ และรู้หรือไม่ว่าการหน้าบาน และหน้าใหญ่ของคนเรานั้นไม่ได้เกิดจากโครงหน้าของเราตั้งแต่เกิด แต่เกิดจากการหย่อนคล้อย และห้อยตกลงมาของผิวหน้าของคนเราตามอายุ โดยแต่ละช่วงอายุจะมีความหย่อนคล้อยและริ้วรอยที่มากขึ้น ดังนี้

            เมื่อมีอายุถึง 20 ปี ผิวหน้าของเราจะเริ่มมีปัญหาเบื้องต้นจากชั้นผิวหนังแท้ เนื่องจากวันนี้ยังมีการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวอยู่ จะลดการผลิตคอลลาเจนเพียงเล็กน้อย โดยจะเห็นได้ว่าเมื่อมีอายุในวัย 20 กลางถึง 20 ปลาย จะเริ่มมี ริ้วรอย ความหย่อนคล้อยเกิดขึ้นต่างจากตอนช่วง Teen age

            เมื่ออายุเข้าสู่วัย 30 ปี ผิวจะเริ่มขยับไปมีปัญหาในส่วนผิวหนังแท้ที่มากขึ้น รวมทั้งผิวหนังชั้นหนังกำพร้า หรือผิวชั้นนอกเกิดการผลัดตัวช้าลง ในช่วงวัยนี้จะเห็นว่าผิวหน้าจะเริ่มยกหย่อนลงมาอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้น จากการที่คอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวถูกทำลาย และยังสร้างขึ้นน้อยลง รวมทั้งผิวจะเริ่มมีความหยาบกร้านจากการผลัดตัวช้าของผิวร่วมด้วย

            เมื่ออายุก้าวเข้าสู่วัย 40 ปี ในวัยนี้ ผิวหนังจะเริ่มมีความอ่อนแอ และเกิดปัญหาได้มากยิ่งขึ้น อันเนื่องมาจากคุภาพผิวที่ไม่ดีเท่าเก่า ความหนาแน่นของชั้นผิวไม่เหมือนตอนยังสาว จากการสลายของไขมัน และชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างชั้นไขมัน และชั้นกล้ามเนื้อที่เรารู้จักกันในชื่อว่าชั้น SMAS ที่มีหน้าที่ในการยกผิวให้มีความกระชับ ได้เริ่มเสื่อมคุณภาพ ทำให้ความสามารถในการยกกระชับของชั้น SMAS ลดน้อยลง ทำให้ผิวหน้ามีความหย่อนคล้อยลง และจะมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ดูแล

            และเมื่ออายุเข้าสู่วัย 50 ปี จากที่มีปัญหาผิวอยู่แล้วก็จะยิ่งมีปัญหาผิวมากขึ้นไปอีกขั้น จะเริ่มเห็นว่า รูปหน้าจากที่เคยหงายขึ้นก็จะเริ่มคว่ำ ส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าก็จะเริ่มหย่อน และคล้อยลงมา ปากเริ่มคว่ำ เริ่มมีร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และจะหย่อนคล้อยมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ดูแล เนื่องจากโครงสร้างในส่วนกระดูกของใบหน้าจะมีการทรุด หรือยุบตัวลงเรื่อย ๆ ตามธรรมชาติ จึงทำให้ใบหน้าเริ่มเปลี่ยน กระดูกโหนกแก้มจากที่เคยสูงก็จะยุบตัวลง ทำให้ใบหน้าดูโทรม ตอบลงนั่นเอง

            นอกจากปัญหาด้านโครงสร้างภายในของใบหน้า และผิวหนังแล้ว ปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้ใบหน้าหย่อนคล้อยก็ยังมีมากมาย ที่เราไม่สามารถเลี่ยงปัญหาได้ อาทิเช่น

            แสงแดด

            เป็นตัวทำร้ายผิวชั้นดีที่สามารถทำลายคอลลาเจนใต้ผิวได้ ยิ่งเจอมากยิ่งทำลายคอลลาเจนมาก และยังเป็นสิ่งที่สะสมอาการมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะค่อย ๆ ส่งผลให้ใบหน้าหย่อนคล้อยในที่สุด และสามารถทำให้เกิดการหย่อนคล้อยได้มากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่รีบป้องกัน

            ความเครียด

            เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผิวในลักษณะทางตรง เนื่องจากเมื่อคนเราเกิดความเครียด ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น เกิดอนุมูลอิสระที่มากขึ้น ทำให้คอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนังของเรานั้น สลายออกไปจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ใบหน้าของเราก็จะเกิดความหย่อนคล้อย และเหี่ยวย่นตามมา

            แรงโน้มถ่วงของโลก

            ปัจจัยนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความหย่อนคล้อยบนผิวหน้าจริง ๆ เนื่องจากโลกของเราทุกอย่างจะตกลงสู่ด้านล่าง ใบหน้าก็เช่นกัน เมื่อถึงเวลาก็จะตกหย่อนลงมาตามกาลเวลาหากผิวของเราบาง หรือไม่แข็งแรงมากพอ

            ไขมัน

            เป็นปัจจัยที่เกี่ยวกับภายในร่างกายของคนเราที่เมื่ออายุมากขึ้น ชั้นไขมันที่เคยอิ่มฟูก็จะลดขนาดชั้นลง ส่งผลให้ผิวไม่กระชับ ไม่อิ่มตัวและหนาชั้นขึ้นเหมือนเดิม และกลายเป็นความหย่อนคล้อยของใบหน้า และผิวหนังในที่สุด

            การออกกำลังกาย

            การออกกำลังกายเป็นปัจจัยที่เกิดในบางคนเท่านั้น เนื่องจากปัจจัยนี้จะเกิดกับผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหักโหมมากจนเกินไป หรือผู้ที่ลดรูปร่าง และสัดส่วนในระยะเวลาอันสั้น  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของชั้นผิว ที่กลายเป็นขาดความยืดหยุ่น ไม่กระชับ ห้อย และย้อยลงนั่นเอง

            กิจวัตรประจำวัน

            การดำเนินชีวิต และการดูแลตัวเองเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อใบหน้าที่หย่อนคล้อย รวมทั้งการสูบบุหรี ดื่มแอลกอลฮอล์ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอก็ส่งผลต่อการไหลเวียนของโลหิตภายในร่างกาย และคอลลาเจนที่อยู่ในชั้นผิวเช่นกัน จึงส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อยได้ไวมากกว่าปกติ อันเนื่องมาจากการใช้ชีวิตและวิถีชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือไม่มีประโยชน์ การตากแดดเป็นประจำ ก็ส่งผลต่อสภาพผิว และเป็นสาเหตุในการเกิดการหย่อนคล้อยของใบหน้าได้เช่นกัน

            พันธุกรรม

            สภาพผิวก็เป็นสิ่งส่งต่อทางพันธุกรรมเช่นเดียวกันกับสีผิว แต่สิ่งเหล่านี้เมื่อรู้ตัวแล้วสามารถป้องกัน และฟื้นฟูให้มีสภาพ และคุณภาพที่ดีได้

            อายุ

            เป็นสิ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิว ซึ่งเมื่อคนเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้น นอกเหนือจากคอลลาเจนและอิลาสติน ที่อยู่ใต้ชั้นผิวจะลดจำนวนลงแล้ว ยังเกิดการสร้างที่น้อยลงด้วย จึงส่งผลโดยตรงต่อความยืดหยุ่น  และความแข็งแรงของชั้นผิว ทำให้เกิดการหย่อนคล้อยมากขึ้น และไม่เต่งตึงเหมือนในวัยเด็กวัยสาวนั่นเอง

            ปัจจัยเรื่องการพักผ่อน

            เมื่อเราพักผ่อนโดยการนอนหลับ ร่างกายของเราจะหลั่งฮอร์โมน ที่ช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขึ้นมาที่เรียกว่า โกรทฮอร์โมน ซึ่งเมื่อโกรทฮอร์โมนหลั่งออกมาจะออกมา จะช่วยสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในร่างกายด้วย และเมื่อไม่ได้พักผ่อนนอนหลับนั้น โกทธฮอร์โมนในร่างกายจะไม่ได้หลั่งออกมา ผิวของเราก็จะสูญเสียความแข็งแรง ทำให้คุณภาพผิวแย่ขึ้น และเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา ทั้งหย่อนคล้อย และมีความบอบบาง

            เมื่อทราบถึงปัจจัยที่ก่อให้เกิดปัญหาความหย่อนคล้อยของใบหน้ากันแล้ว มาทำความรู้จักกับวิธีดูแลรักษาใบหน้าให้ไม่หย่อนคล้อย อย่างโปรแกรมสุดฮิตติดลมบน ที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก เพราะอยู่ในแวดวงยกกระชับมาแล้วเกินกว่าสิบปีอย่าง SUPER HIFU โปรแกรมที่ครองใจคนมาแล้วแทบทุกช่วงอายุที่สามารถยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวได้

            super hifu

            SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวคืออะไร?

            SUPER HIFU (ไฮฟู) ย่อมาจาก High Intensity Focus Ultrasound เป็นเครื่องโฟกัสอัลตร้าซาวนด์ที่มีความเข้มข้นสูง และมีความจำเพาะเจาะจง สามารถยกกระชับผิวที่มีความหย่อนคล้อย และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังได้เป็นอย่างดี โดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรมให้เจ็บตัว โดยเน้นการส่งผลลงลึกถึงชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อที่ทำการห่อหุ้มกล้ามเนื้อ มีลักษณะเส้นใยในตัวเองเป็นเส้นใยแนวนอน จึงทำให้ชั้น SMAS เป็นชั้นผิวหนังที่มีความแข็งแรงและทนทาน จึงทำให้ผลลัพธ์ในการรักษาคล้ายกับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงใบหน้า ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ กระชับมากขึ้น

            super hifu

            การทำงานของ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

            SUPER HIFU ทำงานโดยการปล่อยพลังงาน High Intensity Focus Ultrasound ออกมาเป็น Dot หรือเป็นจุด โดยจะมีหัว Applicator ในการปล่อยพลังงานความลึกหลากหลายระดับ เพื่อรองรับความต้องการยกกระชับในแต่ละชั้นผิว เช่น ระดับความลึก 1.5 mm, 2.0 mm, 3.0 mm, 4.5 mm, 6.0 mm, 13.0 mm. โดยแต่ละความลึกของของ Applicator จะกระตุ้นการสร้างให้เกิดคอลลาเจนใต้ชั้นผิวที่แตกต่างกันใบในแต่ละชั้นผิว จึงทำให้มีผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น

            super hifu

            ข้อดี SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

            • SUPER HIFU สามารถยกกระชับผิวได้ โดยไม่ต้องใช้เข็ม หรือการผ่าตัด
            • SUPER HIFU เป็นโปรแกรมยกกระชับที่มีความปลอดภัยสูง
            • SUPER HIFU เป็นโปรแกรมที่ไม่ทำให้ผิวเบิร์น ไหม้
            • SUPER HIFU ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ
            • SUPER HIFU ไม่มีรอยช้ำ บวม เจ็บหลังทำ
            • SUPER HIFU สามารถใช้หน้าได้ทันที
            • SUPER HIFU สามารถช่วยลดริ้วรอยที่มีขนาดเล็ก ๆ ตื้น ๆ ได้เป็นอย่างดี
            • SUPER HIFU สามารถเก็บและกระชับกรอบหน้าได้เป็นอย่างดี
            • SUPER HIFU สามารถสลายไขมันส่วนเกินที่สะสมได้บางส่วน
            • SUPER HIFU สามารถทำบริเวณรอบดวงตาได้ โดยไม่อันตราย และไม่กระทบกับการมองเห็น
            • SUPER HIFU สามารถทำร่วมกับการทำหัตถการอื่นได้
            • SUPER HIFU สามารถทำซ้ำได้บ่อย

            ข้อเสีย SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

            • SUPER HIFU จะมีความเจ็บระหว่างทำเล็กน้อย
            • SUPER HIFU จะมีรอยแดงเล็กน้อย หลังทำ 1 – 2 ชั่วโมง โดยจะหายได้เองไม่ต้องกังวล
            • SUPER HIFU อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง

            super hifu

            SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ?

            SUPER HIFU ถูกออกแบบมาเพื่อให้ช่วยในเรื่องการยกกระชับใบหน้า และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนให้ครบในทุกชั้นผิว

            1. SUPER HIFU ส่งผลให้ผิวมีความแน่น และแข็งแรงมากกว่าเดิม
            2. SUPER HIFU แก้ปัญหาริ้วรอย
            3. SUPER HIFU แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้
            4. SUPER HIFU ช่วยลดริ้วรอยรอบดวงตา
            5. SUPER HIFU ช่วยแก้ปัญหาหนังตาตก
            6. SUPER HIFU ยกหางคิ้ว
            7. SUPER HIFU ช่วยกระชับไขมันใต้คาง
            8. SUPER HIFU ลดริ้วรอยที่คอ
            9. SUPER HIFU ลดเหนียง
            10. SUPER HIFU กระชับกรอบหน้า
            11. SUPER HIFU ช่วยยกกระชับผิวบริเวณตัวได้ เช่น เอว, หน้าท้อง, สะโพก, ต้นแขน, ท้องแขน, ต้นขา
            12. SUPER HIFU ป้องกันความหย่อนคล้อยของผิวในอนาคตได้

            SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวเหมาะกับใคร ?

            SUPER HIFU เป็นเครื่องมือยกกระชับที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย

            • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้า และผิวกายหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ
            • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยที่มีขนาดเล็กน้อย ๆ
            • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่มีร่องใต้ตา
            • SUPER HIFU เหมาะกับร่องแก้มที่ไม่ลึกมาก
            • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระชับผิว โดยไม่ผ่าตัด
            • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับ โดยไม่ใช้เข็มฉีดยา
            • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น หลังทำใช้หน้าได้เลย ไม่มีแผล
            • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการมีผิวหย่อนคล้อยในอนาคต
            • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่กรอบหน้าไม่ชัด
            • SUPER HIFU เหมาะกับผู้ที่อยากหน้าเรียว เล็ก

            SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

            SUPER HIFU สามารถทำได้ทุกบริเวณที่ต้องการยกกระชับ

            • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณใบหน้า ช่วยในการยกกระชับ ปรับรูปหน้า เก็บกรอบหน้าให้มีความคมชัดเรียว สวยมากขึ้น
            • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณเหนียง แก้ปัญหาใต้คาง เหนียง และคางสองชั้น ที่เป็นไขมันสะสมทำให้ใบหน้าไม่เข้ารูป ให้ดูเข้ารูป และหน้าดูสมส่วนมากขึ้น
            • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณคอ ช่วยลดริ้วรอยความหย่อนคล้อย จนเกิดเป็น รอยเหี่ยวย่นที่คอ รอยสร้อยคอ ปล้องที่คอ ให้คอดูสวย ระหงมากขึ้น
            • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณร่องมุมปาก เก็บและลดริ้วรอยบริเวณร่องมุมปาก ร่องน้ำหมาก และริ้วรอยแห่งวัย
            • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณแก้ม ช่วยในการแก้ปัญหาลดไขมันสะสมที่แก้ม กระชับพวงแก้มที่หย่อนคล้อยให้ยกกระชับ
            • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณรอบดวงตา แก้ปัญหาตีนกา และริ้วรอยรอบดวงตา แก้ปัญหาหางตาตก ช่วยยกหางตา
            • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณหน้าผากลดริ้วรอย บริเวณหน้าผาก ร่องลึก และรอยย่นบริเวณ หน้าผากอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ดูแก่กว่าวัย
            • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณเปลือกตาบนลดริ้วรอย และความหย่อนคล้อยบริเวณเปลือกตาบน ช่วยเปิดให้ดวงตาดูสดใสมากยิ่งขึ้น
            • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณกรอบหน้า ช่วยให้ใบหน้าดูชัดเจน เข้ารูปดูวีเชฟมีมิติมากยิ่งขึ้น
            • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณต้นแขน ลดขนาดไขมันที่ต้นแขน ทำให้แขนกระชับ เฟิร์มขึ้น และช่วยในการกำจัดเซลลูไลท์
            • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณต้นแขนช่วยกระชับ และลดไขมันหน้าท้อง ช่วยให้หน้าท้องมีขนาดลดลง และกระชับได้มากขึ้น
            • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณรอบเอวปรับ และลดขนาดรอบเอวกระชับมากขึ้น ทำให้ร่างกายดูมีส่วนเว้า ส่วนโค้งดูมีเคิร์ฟมากยิ่งขึ้น
            • SUPER HIFU สามารถทำได้บริเวณสะโพก ช่วยกระชับสะโพกให้เข้ารูปมากยิ่งขึ้น ช่วยให้สาว ๆ ที่ไม่ถนัดออกกำลังกายได้มีรูปร่างที่สวยมากยิ่งขึ้น

            super hifu

            ใครไม่เหมาะกับ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

            1. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ ผู้ที่ประสบปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ โดยละเอียดก่อนทำการรักษา
            2. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ ผู้มีปัญหาด้านผิวหนัง
            3. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ ผู้ที่มีแผลเป็นคีลอยด์
            4. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ ผู้ที่มีบาดแผลเปิด
            5. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ ผู้ที่มีสิวหรือซีสต์
            6. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ ผู้ป่วยที่ฝังโลหะใต้ผิวหนัง
            7. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ ผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์
            8. ผู้ที่ไม่เหมาะกับ SUPER HIFUคือ คุณแม่ผู้ให้นมบุตร

            อายุเท่าไหร่จึงจะทำ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวได้

            สามารถทำ SUPER HIFU ได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่เริ่มมีปัญหาผิวหน้า ทั้งไขมันบนใบหน้า และความหย่อนคล้อยบนใบหน้า อีกทั้งการเริ่มทำ SUPER HIFU ตั้งแต่อายุยังไม่มากจะเป็นการป้องกันผิว เกิดความหย่อนคล้อยได้ในอนาคตอีกด้วย

            การเตรียมตัวก่อนทำ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

            SUPER HIFU เป็นหัตถการยกกระชับใบหน้าที่ไม่ต้องเตรียมตัวมาก สามารถเตรียมตัวได้ ดังนี้

            • ก่อนทำ SUPER HIFU ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
            • ก่อนทำ SUPER HIFU ควรงดสูบบุหรี่
            • ก่อนทำ SUPER HIFU ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์
            • ก่อนทำ SUPER HIFU ควรงดเว้นการทำโปรแกรมเลเซอร์บริเวณที่ทำ เพราะจะทำให้ผิวบาง

            ขั้นตอนการทำ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

            • แพทย์ทำการประเมินใบหน้า และวางแผนการรักษาด้วย SUPER HIFU
            • ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำ SUPER HIFU
            • ทายาชาทิ้งไว้ 30-40 นาที เพื่อบรรเทาความเจ็บก่อนทำ SUPER HIFU
            • เช็ดยาชาเตรียมพร้อมทำการรักษาด้วย SUPER HIFU
            • แพทย์ทำการยิง SUPER HIFU จนครบจำนวนช็อตที่ต้องการ
            • ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้าเป็นอันเสร็จ

            HIFU

            การดูแลตัวเองหลังทำ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว

            • หลังทำ SUPER HIFU ควรทาครีมกันแดด ที่มี SPF PA++ เป็นประจำ เพื่อป้องกันหน้าจากแสงแดด เนื่องจากหลังทำผิวจะบาง
            • หลังทำ SUPER HIFU ควรเลี่ยงการสูบบุหรี่
            • หลังทำ SUPER HIFU ควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮลล์
            • หลังทำ SUPER HIFU ควรงดการอบซาวนน่า
            • หลังทำ SUPER HIFU ควรงดกิจกรรมที่โดนแสงแดด

            SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวกี่วันเห็นผล

            SUPER HIFU เป็นโปรแกรมยกกระชับที่เห็นผลหลังทำตั้งแต่ครั้งแรก และเป็นโปรแกรมที่สามารถทำให้ผิวยกกระชับได้ 20% หลังทำ และจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์หลังการทำที่ดีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในระยะ 1-2 เดือน โดยผู้เข้ารับบริการจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน ในระยะเวลา 3-4 เดือน

            SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวควรเว้นระยะนานแค่ไหนก่อนทำครั้งต่อไป

            สามารถทำ SUPER HIFU ได้ทุก ๆ ระยะเวลา 3-6 เดือน เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผิวหน้าเกิดการสร้างเซลล์ Fibroblast และสร้างคอลลาเจนให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันผิวหน้าเกิดการหย่อนคล้อยได้

            หลัง SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวหน้าบวมกี่วัน

            หลังทำ SUPER HIFU อาจมีใบหน้าบวมประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่จะบวมไม่มาก ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ในที่นี้ในบางเคสอาจไม่บวมเลยก็ได้เช่นกัน

            หลัง SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว คงสภาพใต้ผิวอยู่ได้นานแค่ไหน

            SUPER HIFU คงผลลัพธ์ใต้ผิวได้นาน 5-6 เดือนขึ้นอยู่กับการดูแล และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ยิ่งดูแลดี ปฏิบัติตัวตามคำสั่งแพทย์ก็จะยิ่งทำให้คงผลลัพธ์ต่อผิวได้นานมากยิ่งขึ้น

            หากหยุดทำ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียว จะทำให้ผิวหน้าเกิดความหย่อนคล้อยมากกว่าเดิมหรือไม่

            หลังจากทำ SUPER HIFU มาแล้วและไม่ทำต่ออย่างต่อเนื่องจะไม่ส่งผลกระทบต่อผิว โดยการทำให้ผิวหนังเกิดความหย่อนคล้อยมากขึ้น เนื่องจากการยิ่งคลื่นจาก SUPER HIFU ลงสู่ผิวนั้นจะเป็นการกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ใต้ผิวหนังจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ และเกิดผลดีในการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว โดยไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างชั้นผิวหนัง แต่การที่แนะนำให้ทำทุก ๆ 3-6 เดือนนั้น เป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างสร้างคอลลาเจนใหม่ที่ใต้ชั้นผิวเพียงเท่านั้น

            สรุปได้ว่าหลังทำ SUPER HIFU และไม่ได้ทำอย่างต่อเนื่อง จะไม่ส่งผลกระทบในการทำให้ผิวเกิดความหย่อนคล้อยมากขึ้น แต่ผิวจะไม่กระชับเท่าตอนที่ทำ SUPER HIFU เท่านั้นเอง

            ผู้ที่มีโรคประจำตัว และต้องทานยารักษาโรคเป็นประจำ SUPER HIFU (ไฮฟู) ยกกระชับ เก็บกรอบหน้า ปรับหน้าเรียวได้หรือไม่

            สามารถทำ SUPER HIFU ได้ โดยไม่ต้องหยุดยา และรักษาอย่างต่อเนื่องได้ในระหว่างทำ ทั้งนี้หากมีความกังวลในการรักษา สามารถปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ก่อนทำการรักษา เพื่อประเมินความเหมาะสมได้อีกครั้งหนึ่ง

            ทั้งนี้ในทุกการทำหัตถการหลังทำและก่อนทำ ควรทำการปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ เพื่อทำการประเมิน และวางแผนการรักษาให้เหมาะแก่ผู้เข้ารับบริการรายบุคคล และหลังทำผู้เข้ารับบริการควรปฏิบัติตัวตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การรักษามีความปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์อย่างดีที่สุดหลังทำการรักษา ที่รมย์รวินท์คลินิกมี SUPER HIFU ให้บริการทุกสาขา และมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์พร้อมสำหรับทำการรักษา โดยสามารถเข้ามาปรึกษา เพื่อประเมินปัญหาเบื้องต้นได้ที่หน้าสาขาทั้ง 28 สาขา

            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





              วันที่สะดวกในการติดต่อ




              เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว

              Thermage FLX ยกกระชับผิวลดความหย่อนคล้อยคืออะไร ทำงานอย่างไร ?

              Thermage FLX

              ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                วันที่สะดวกในการติดต่อ




                เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว


                Thermage FLX ยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อยพร้อมเพิ่มมิติให้กับใบหน้า

                Thermage FLX เทคโนโลยีในการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย ด้วยคลื่นวิทยุ Monopolar RF โดยหลักการของ Thermage FLX คือ การปล่อยพลังงานความร้อนที่ได้รับการวิจัยมาแล้วว่าปลอดภัยต่อผิวหนังโดยเป็นการยิงลงสู่ชั้นผิวหนังชั้นลึก Dermis หรือชั้นหนังแท้ ซึ่งเป็นชั้นผิวที่มีความหนา และมีความยืดหยุ่น เป็นอย่างมากจะอยู่ในบริเวณลึกที่สุดในชั้นโครงสร้างผิว จากนั้นจะผ่าน ชั้น Subcutaneous fat หรือที่รู้จักกันว่าเป็นไขมันใต้ผิวหนังที่เป็นชั้นผิวหนังที่มีคอลลาเจนประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจากทำการยิง Thermage FLX ลงสู่ผิวแล้วคลื่นวิทยุ Monopolar RF ดังกล่าว จะเข้าไปสู่ใต้ชั้นผิวและทำให้ชั้นผิวหนังเกิดการหดตัว จากนั้นใต้ชั้นผิวหนังจะเกิดการสร้างตัวของคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ที่บริเวณใต้ชั้นผิว โดยคอลลาเจนนั้นเป็นสิ่งที่ร่างกายของเราจะทำการผลิตได้น้อยลงเมื่อมีอายุที่เพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้ผิวหนังหลังจากการทำ Thermage FLX มีความแน่น ฟูมากขึ้น อันเนื่องมาจากการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนังที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

                ที่รมย์รวินท์คลินิกใช้ Thermage FLX ด้วยเทคนิค Lifting Select ที่เป็นเทคนิคเฉพาะของรมย์รวินท์คลินิก
                เป็นเทคนิคที่มุ่งเน้นศาสตร์การวิเคราะห์ใบหน้า เพื่อค้นพบจุดงดงามผ่าน 3 เฟรมเวิร์ค คือ
                • Frame Selection ยกโครงหน้า ย้อนเวลาให้ผิว
                • Light & Shadow สร้างมิติให้ใบหน้าเน้นแสงและเงา
                • Conceal Selection เก็บรายละเอียดงานผิว
                โดยรมย์รวินท์คลินิกจะใช้ Thermage FLX ในส่วนที่ 2. Light & Shadow คือใช้ในการสร้างมิติให้กับใบหน้าด้วยหัว TIPS ที่มีขนาดความลึกในระดับ 3  mm. ที่ทำงานถึงชั้นไขมันใต้ชั้นผิว ในการยกกระชับผิวชั้นนอก ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
                และใช้ Thermage FLX ในส่วนที่ 3.Conceal Selection ในการเก็บรายละเอียดของผิวให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้ Thermage FLX  ในการแก้ปัญหารูขุมขนกว้าง (Pore Tightening) นั่นเอง
                 

                ซึ่งการให้บริการ Thermage FLX ที่ รมย์รวินท์คลินิก มีให้บริการครอบคลุม ทั้งบริเวณ ผิวหน้า ลำคอ และรูปร่าง โดยคุณหมอที่รมย์รวินท์ ทุกท่านผ่านการเทรนและอบรมมาเป็นอย่างดี และให้บริการลูกค้า มาแล้วมากกว่า 10,000 เคส หรือมากกว่า 9,000,000 Shot โดยใช้ Concept ”Less is more for the better you หรือน้อยแต่มากเพื่อสิ่งที่ดีกว่าสำหรับคุณ“ ด้วยเทคนิค Lifting Select (**ข้อมูลจากลูกค้า ผู้รับบริการที่รมย์รวินท์คลินิกช่วงปี 2018-ปัจจุบัน)

                Thermage FLX3 scaled

                Thermage FLX เป็นโปรแกรมยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อย ที่มีผลงานวิจัยรองรับในด้านการยกกระชับในเรื่องของผลการรักษา และยังได้รับการรับรองทางด้านการแพทย์ในด้านความปลอดภัย การันตีมากกว่า 50 ฉบับ ทั้งนี้ Thermage FLX ยังนับเป็นทรีตเมนต์ที่มีการใช้เพื่อเป็นตัวช่วยในการยกกระชับใบหน้ามากกว่า 2 ล้านทรีตเมนต์จากทั่วโลกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น Thermage FLX ยังได้รับรางวัลจาก The Aesthetic Guide ในหัวข้อ Best new technology ภายใต้ชื่อรางวัล “2017 Thermage® FLX system” ประจำปี 2017 ทั้งยังได้รับการรับรองมาตรฐานจาก US-FDA หรือที่รู้จักกันดีว่า องค์การอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาจากประเทศไทยด้วย Thermage FLX จึงนับเป็นโปรแกรมยกกระชับผิวที่มีความน่าเชื่อถือในระดับสากล และยังมีความปลอดภัยอีกด้วย อีกหนึ่งการการันตีในความปลอดภัย และการคร่ำหวอดในวงการยกกระชับด้านการยกกระชับผิว

                Thermage FLX คือ การที่ Thermage FLX เป็นผู้ริเริ่มต้นในการผลิตเทคโนโลยีกระยกกระชับผิวในบริเวณต่าง ๆ อย่างปลอดภัยได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2002 และยังจัดเป็นโปรแกรมยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลกเป็นอันดับสูงสุด คือจำนวนมากกว่า 2 ล้านทรีตเมนต์ทั่วโลกอีกด้วย

                หลักการทำงานของโปรแกรม Thermage FLX

                หลักการทำงานของ Thermage FLX

                Thermage FLX ทำงานโดยการใช้คลื่นวิทยุ Monopolar Radiofrequency โดยการยิงคลื่นลงบนผิวทำให้ผิวหนังเกิดความร้อน และอาการสั่น Vibration โดยอาการสั่นดังกล่าวจะออกจาก Thermage FLX และลงลึกสู้ชั้นผิวหนังชั้นลึกหรือ Dermis จากนั้นผิวหนังจะเกิดการแยกโมเลกุลของน้ำเป็นส่วนประกอบของใต้ชั้นผิว ให้ออกจากคอลลาเจนที่รวมตัวกันอยู่ใต้ชั้นผิว โดยส่งผลให้เกิดการหดตัวลงในเวลาที่ออกจากเส้นใยคอลลาเจน จึงทำให้คอลลาเจนที่สะสมอยู่ใต้ชั้นผิวนั้นเกิดการหดตัวลงในทันที ซึ่งการสั่นใน Thermage FLX เป็นการสั่นเพื่อบรรเทาและป้องกันอาการเจ็บนั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้น Thermage FLX ยังเป็นโปรแกรมที่เมื่อตัวโปรแกรมได้ส่งพลังงานความร้อนไปที่ชั้นผิวหนังเมื่อไร โปรแกรมก็จะส่งคลื่นความเย็นออกมาสลับเพื่อให้ผิวหนังในบริเวณที่เกิดความผ่อนคลายมากขึ้นเป็นระยะ ๆ โดยความเย็นที่ปล่อยออกมานี้ยังสามารถลดการเกิดอาการเบิร์น หรือผิวไหม้ได้อีกด้วย

                ความหมายของโปรแกรม Thermage FLX

                ความหมายของ Thermage FLX

                Thermage FLX เป็นโปรแกรม Thermage รุ่นใหม่ล่าสุด และมีการใส่ชื่อให้มีความแตกต่างจากของเดิมโดย FLX ที่พ่วงท้ายมากับชื่อ คือ โปรแกรมย่อมาจาก

                  •  F ย่อมาจาก “FASTER” ให้ความรวดเร็วในการรักษาที่มากขึ้น และยังปล่อยระดับพลังงานความร้อนได้ถึง 4.0 มิลลิเมตร

                เป็นหัว Tip ที่ได้รับการพัฒนาให้ดีและเร็วกว่าหัว Tip แบบเดิม 25% โดยเป็นหัวที่สามารถทำได้ครอบคลุมบริเวณพื้นที่ผิวหนังได้เพิ่มมากกว่าเดิมถึง 33% เมื่อเทียบกับของเดิมจึงทำให้ได้ผลลัพธ์ในการยกกระชับผิว และการรักษาที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

                  • L ย่อมาจาก “ALGORITHM” มีระบบที่แม่นยำแน่นอน เนื่องจากใช้เทคโนโลยี AccuREP

                ซึ่งสามารถปรับพลังงานตามความเหมาะสมกับสภาพผิวหนังของผู้ใช้บริการได้แบบ Real time และยังมีความแม่นยำสม่ำเสมอเป็นอย่างมาก ที่สำคัญยังมีความปลอดภัยต่อผิวหนังมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

                  • X ย่อมาจาก “EXPERIENCE” เพื่อให้เกิดประสบการณ์ที่ดีในการรักษาด้วย Thermage FLX

                เนื่องจาก Thermage FLX เป็นโปรแกรมที่พัฒนาให้มีความสบายในการรักษาที่มากขึ้น  ซึ่งในระหว่างการรักษาจะมีการปล่อย Cooling effect คือ ระบบทำความเย็นเพื่อลดความร้อนและป้องกันผิวไหม้เบิร์น ในระหว่างการรักษาและยังมีระบบสั่นในตัว เพื่อลดและบรรเทาความเจ็บในขณะทำการรักษาและยกกระชับผิว

                โดยประสบการณ์พิเศษดังกล่าวเกิดจากการที่ Thermage FLX มีการใส่เทคโนโลยีชนิดใหม่เพิ่มเข้ามา ดังนี้

                  • AccuREPTM Technology  เทคโนโลยีชนิดใหม่ล่าสุดที่เป็นตัวตรวจความด้านทานของผิวได้อย่างอัตโนมัติ หรือเรียกกันว่า Automatic Skin Impedance Measurement โดยจะทำงานในระยะก่อนปล่อยพลังงานทุกช็อตลงสู่ผิวหนัง จึงส่งผลให้พลังงานทุกช็อตที่ลงสู่ผิวหนังนั้นเป็นพลังงานที่มีความเหมาะสมที่สุด ทั้งกับผิวหนัง และต่อบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งทำให้การยกกระชับผิวด้วย Thermage FLX เป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังมีความแม่นยำมากขึ้น
                  • Advanced Comfort Pulse Technology ระบบที่ช่วยในการทำให้ผิวบริเวณที่ได้ทำการยกกระชับมีความผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น ทำให้ระหว่างการทำการยกกระชับผิวจะไม่รู้สึกแสบผิวหรือมีความเจ็บ ระบม เนื่องจากตัวเครื่องจะมี Multi-Directional Vibration และระบบความเย็น  ที่แพทย์สามารถปรับระดับ และควบคุมได้ตามความเหมาะสม เพื่อปกป้องผิวในระหว่างทำ Thermage FLX

                Thermage FLX

                หัว Tip ของ Thermage FLX ประกอบไปด้วย

                Total Tip 4.0 cm 2 หัว Tip เป็นหัวทิปที่มีความเหมาะสมที่จะใช้กับใบหน้า และส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย

                • หัวทิปชนิดนี้ เป็นหัวทิปที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เกิดความเหมาะสมสำหรับการใช้ เพื่อยกกระชับผิวหน้าและใบหน้า จึงมีความเหมาะสมเป็นอย่างมากในการใช้เพื่อลดแก้ม ลดไขมันที่เกิดการสะสมบริเวณบนใบหน้า ลดเหนียงใต้คางที่มีไขมันสะสม ลดคางสองชั้น ไม่เพียงเท่านั้นหัวทิปชนิดนี้ยังสามารถใช้ได้กับบริเวณร่างกาย โดยนอกจากจะช่วยในการลดไขมันแล้ว ยังช่วยในการลดความหย่อนคล้อยของผิว ปรับผิวให้มีความอิ่ม ฟู แน่น และลดความหลวมของผิว
                • TT4.00F6-XXX มีทั้งหัวจำนวน 300 ช็อต 600 ช็อต และ 900 ช็อต

                Eye Tip 0.25 cm 2 หัว Tip เป็นหัวทิปที่เหมาะสมในการใช้กับบริเวณรอบดวงตา

                • หัวทิปชนิดนี้ เหมาะสมในการใช้แก้ปัญหาหนังตาตก การลดริ้วรอย รวมทั้งยกกระชับบริเวณต่าง ๆ ทั่วร่างกาย
                • TT0.25F6-XXX จำนวน 450 ช็อต

                Body Tip 16.0 cm 2 หัวTip เป็นหัวทิปที่เหมาะสมในการใช้กับบริเวณใบหน้าและลำตัว

                • หัวทิปชนิดนี้ เหมาะสมในการใช้แก้ปัญหา ริ้วรอยบริเวณร่างกาย ยกกระชับผิวที่มีความเหี่ยว ย่น ไม่กระชับ เช่น ในบริเวณต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง
                • TT16.00F6-XXX จำนวน 500 ช็อต

                New total Tip 3.0 cm  เป็นหัวทิปที่เหมาะกับการใช้กับบริเวณใบหน้า

                • หัวทิปชนิดนี้ เหมาะสำหรับการยิงบริเวณใบหน้า เพื่อทำให้ผิวมีความกระชับ แน่น เฟิร์มและสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น
                • ใช้ลิดริ้วรอยขนาดเล็ก ร่องลึก ลดรูขุมขน และปรับสภาพผิวได้
                • เป็นหัวทิปที่มีจำนวน จำนวน 400 ช็อต

                Thermage FLX มีระดับพลังงานเท่าไรบ้าง ?

                การตั้งระดับพลังงานในการรักษาด้วย Thermage FLX ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์โดยแพทย์จะประเมินจากปัญหาของแต่ละบุคคล โดยระดับพลังงานของ Thermage FLX มี 4 ระดับดังนี้

                  • ระดับพลังงาน 0-1 เป็นระดับพลังงานที่ในระหว่างการรักษาจะมีความรู้สึกว่าผิวในบริเวณที่ทำการรักษาจะมีความสั่น แต่จะยังไม่รับรู้ถึงความรู้สึกอื่น ระดับพลังงาน 0-1 เป็นระดับการรักษาที่มีผลในการรักษาที่ต่ำที่สุด
                  • ระดับพลังงาน 2-2.5 เป็นระดับพลังงานที่ระหว่างการรักษาจะมีความรู้สึกร้อน แต่เป็นความร้อนในระดับที่ร่างกายทนได้ ผลลัพธ์ในการรักษาโดยพลังงานนี้จะสามารถเกิดได้ตามความต้องการของแพทย์ สามารถทำได้ตามความต้องการและปัญหา
                  • ระดับพลังงาน 3-4 เป็นระดับพลังงานที่ระหว่างการรักษาจะในผู้เข้ารับบริการบางคนอาจมีความรู้สึกร้อน หรือเจ็บ มากจนเกินไป แต่ระดับพลังงานนี้เป็นระดับพลังงานที่ส่งผลลัพธ์ในการรักษาที่มีความชัดเจนมากที่สุด แพทย์ที่จะทำการรักษาในระดับความร้อนระดับนี้จะต้องมีความชำนาญมาก เนื่องจากเสี่ยงต่อความเผาไหม้ของผิวหนัง

                ในระหว่างการรักษา แพทย์จะมีการสอบถามถึงระดับความร้อน ที่ผู้เข้ารับบริการสามารถรับได้ทุกครั้ง เพื่อป้องกันความร้อน และความเจ็บที่มากจนเกินกว่าจะทนไหวในแต่ละบุคคล และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษา

                ส่วนประกอบของเครื่อง Thermage FLX

                Thermage FLX 1 เครื่องจะมีส่วนประกอบดังนี้

                ตัวเครื่องที่มีขนาดเครื่องไม่ใหญ่ และไม่เล็กเกินไป ที่ล้อทำให้เคลื่อนย้ายเครื่องได้อย่างสะดวกสบาย ไม่เป็นอันตราย

                  • เครื่องประกอบไปด้วย หน้าจอแสดงผลที่สามารถแสดงผลระหว่างการรักษาได้อย่างรวดเร็วขณะทำการรักษา มีความแม่นยำเป็นอย่างมาก และสามารถแสดงจำนวนช็อตในขณะที่แพทย์ทำการยิงได้
                  • ที่เชื่อมต่อขั้วไฟฟ้า
                  • ด้ามอุปกรณ์
                  • หัวทิปขนาดความลึกระดับต่าง ๆ

                Thermage FLX

                ใครเหมาะกับการทำการรักษาด้วย Thermage FLX ?

                  • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้า
                  • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียว เล็กมีกรอบหน้าที่ชัด คมมากขึ้น
                  • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยของผิว
                  • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้า กระชับรูขุมขน
                  • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว
                  • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการลดไขมันสะสมบนใบหน้า อาทิ ผู้ที่มีเหนียง มีคางสองชั้น มีแก้มห้อย
                  • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา
                  • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยคล้อยรอบดวงตา
                  • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาตาสองชั้นหลบในที่ต้องการให้เห็นตาสองชั้นชัดเจนมากขึ้น
                  • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการลดความหย่อนคล้อยคล้อยบริเวณร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน
                  • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาเซลลูไลต์
                  • Thermage FLX มีความเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาไขมันสะสมที่บริเวณสะโพก ต้นขา และบั้นท้าย

                ใครไม่เหมาะกับการรักษาด้วย Thermage FLX ?

                  • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์
                  • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้หญิงที่กำลังให้นมบุตร
                  • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ต้องทำการรักษาด้วยการกระตุ้นไฟฟ้าที่หัวใจ
                  • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด
                  • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ รวมทั้งผู้ที่มีโลหะภายในร่างกาย อาทิ ผู้มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ , ICD, or any electronic implanted device เป็นต้น
                  • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีสภาพผิวผิดปกติขั้นรุนแรง เช่น ผู้ที่มี Fibroblast และ Elastin ผิดปกติ
                  • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีประวัติการใช้ยาในกลุ่ม NSAIDS ยาต้านอักเสบ หรือยาแก้อักเสบที่มีส่วนผสมจาก Corticosteriods เป็นระยะเวลาติดต่อกัน
                  • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
                  • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ที่เป็นโรคเริม
                  • Thermage FLX ไม่เหมาะสมกับผู้ที่เป็นโรคลมบ้าหมู

                ในกรณีผู้ที่ทำหัตถการบนใบหน้าเช่นฉีดฟิลเลอร์ หรือฉีดโบ ควรเว้นระยะห่างในการทำ Thermage FLX โดยสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาอย่างเหมาะสม และประเมินการรักษาเบื้องต้นได้

                โดยบริเวณที่นิยมทำ Thermage FLX

                Thermage FLX นิยมทำบริเวณ หน้าผาก ขมวดคิ้ว หางตา ใต้ตา เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย ความเหี่ยวย่นบนใบหน้า

                Thermage FLX นิยมทำบริเวณรอบดวงตา เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย ตีนกา คิ้วตกที่ต้องการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยของหนังตา ต้องการเปิดหนังตาให้มากขึ้น

                Thermage FLX นิยมทำบริเวณรอบปาก เพื่อแก้ปัญหา ปากคว่ำ มุมปากตกที่ต้องการยกมุมปาก รวมทั้งแก้ปัญหาริ้วรอยรอบๆริมฝีปาก

                Thermage FLX นิยมทำบริเวณ ใบหน้าเหนียง บริเวณใต้คาง และคางสองชั้น เพื่อยกกระชับผิวลดความหย่อนคล้อยบนใบหน้า เพิ่มกรอบหน้า เพิ่มมิติให้กับใบหน้า ทำให้ใบหน้าได้รูป สวยกระชับมากขึ้น

                Thermage FLX นิยมทำบริเวณลำคอ เพื่อกระชับ ลดความเหี่ยวย่น ลดความหย่อนคล้อย แก้ปัญหารอยพับที่ลำคอ

                Thermage FLX นิยมทำบริเวณหน้าท้อง เพื่อลดริ้วรอยแตกลาย เพิ่มความกระชับลดความหย่อนคล้อย ทำให้เรียบเนียนมากขึ้น

                Thermage FLX นิยมทำบริเวณสะโพกและต้นขา เพื่อให้เกิดสัดส่วนที่ดี และผิวทั่วเรือนร่างเรียบสวยงาม

                Thermage FLX นิยมทำบริเวณร่างกาย เพื่อรักษาและทำให้ผิวที่ไม่ยกกระชับ ลดความหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่น

                การเตรียมตัวก่อนทำการยกกระชับผิวด้วย Thermage FLX

                  • Thermage FLX เป็นโปรแกรมที่ผู้เข้ารับบริการสามารถเข้ารับบริการได้เลย โดยไม่ต้องทำการเตรียมตัวก่อน
                  • หากร้อยไหม ฉีดฟิลเลอร์ และฉีดโบ ควรเว้นระยะขั้นต่ำ 1 เดือนก่อนทำ Thermage FLX

                ขั้นตอนการทำ Thermage FLX

                ทำการประเมินใบหน้าหรือบริเวณอื่นๆที่ผู้เข้ารับบริการมีความกังวล

                ผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดผิวในบริเวณที่แพทย์จะทำ Thermage FLX

                ผู้ช่วยแพทย์ทำการแปะยาชาทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อบรรเทาอาการเจ็บในระหว่างทำ Thermage FLX

                แพทย์ทำการยิง Thermage FLX ด้วยความชำนาญ ตามจำนวน Shot ที่ได้ทำการประเมินไปเบื้องต้น

                หลังทำ โปรแกรม Thermage FLX ควรดูแลอย่างไร

                การปฏิบัติตัวหลังจากเข้าทำ Thermage FLX

                  • หลังจากเข้าทำ Thermage FLX ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ 2 สัปดาห์
                  • หลังจากเข้าทำ Thermage FLX ควรหลีกทรีตเมนต์ และขัดผิว 2 สัปดาห์
                  • หลังจากเข้าทำ Thermage FLX หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ เพื่อป้องกันการกลับมาหย่อนคล้อยของผิวหน้า

                อาการหลังทำ Thermage FLX

                  • Thermage FLX จะมีรอยแดงบนผิว โดยรอยแดงบนผิวที่เกิดขึ้น Thermage FLX จะสามารถหายได้เองใน 1-2 ชั่วโมง
                  • Thermage FLX อาจมีความบวมในบางผู้เข้ารับบริการ โดยอาการบวมหลังทำ Thermage FLXจะสามารถหายได้เองใน 5 วันถึง 1 สัปดาห์โดยไม่ต้องกังวล

                FAQ เกี่ยวกับ Thermage FLX ที่ควรรู้ก่อนทำ

                  1. Thermage FLX จะเห็นผลทันทีเลยหรือไม่ ?

                โดยปกติแล้วผู้ที่ทำ Thermage FLX ไปครึ่งหน้าแล้ว เมื่อส่องกระจกจะสามารถเห็นได้ทันที่ว่าใบหน้าข้างที่ถูกทำไปแล้วครึ่งหน้าว่ามีความเปลี่ยนแปลง และเมื่อทำเสร็จทั้งสองด้านจะเห็นถึงความยกกระชับของผิวบริเวณที่ทำมากขึ้นจากเดิม โดยสิ่งที่เปลี่ยนไปจะสังเกตได้ว่าผิวมีสภาพที่ดีขึ้น ริ้วรอยเล็กๆจะลดลง เนื่องจาก Thermage FLX จะสามารถเห็นผลได้ทันทีหลังทำ 20% โดยประมาณทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และสภาพปัญหาของแต่ละบุคคล

                  1. Thermage FLX จะเห็นผลที่ในระยะเวลานานเท่าไร ?

                    • Thermage FLX จะเห็นผลลัพธ์ด้านการยกกระชับลดความหย่อนคล้อยจะเริ่มเห็นผล ในระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน
                    • ในระหว่างนั้นคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวหนังจะถูกจัดเรียงให้มีสภาพที่ดีขึ้น และยังถูกกระตุ้นด้วย Thermage FLX จึงทำให้เกิดการสร้างขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เมื่อครบระยะเวลาประมาณ 6 เดือน จะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ในบางคนอาจเห็นผลลัพธ์เร็วกว่า 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลของแต่ละบุคคล
                  1. Thermage FLX ควรทำบ่อยแค่ไหน ?

                สามารถทำ Thermage FLX ได้ทุก ๆ 1 ปี เพื่อคงสภาพผลลัพธ์การยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยของใบหน้า รวมทั้งลดริ้วรอยบนใบหน้าให้ได้นานมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้หากมีความต้องการจะทำ Thermage FLX ก่อนระยะเวลา 1 ปี สามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำได้เช่นกัน

                  1. ระหว่างทำ Thermage FLX เจ็บไหม ?

                Thermage FLX ไม่เจ็บระหว่างที่ทำ เนื่องจากก่อนทำการยกกระชับผิวในแต่ละบริเวณผู้ช่วยแพทย์จะทำการมาส์กยาชา และรอให้ออกฤทธิ์ เพื่อบรรเทาความเจ็บในระหว่างทำก่อนอยู่แล้ว

                  1. ระหว่างทำ Thermage FLX รู้สึกอย่างไร ?

                อุ่น : ระหว่างทำ Thermage FLX จะสามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอุ่น ๆ ที่หัวทิปสัมผัสกับผิวหนังเท่านั้น โดยระดับความอุ่นที่ออกมาจาก Thermage FLX จะเป็นความอุ่นในระดับที่คนเราทนไหว และไม่ร้อนจนเกินไป แต่จะบรรเทาความอุ่นได้เองเป็นระยะในขณะทำการรักษา

                สั่น : ระหว่างทำ Thermage FLX จะรู้สึกสั่นที่หัวทิป แต่จะเป็นความสั่นที่มาเพียงเป็นระยะเท่านั้น โดยความสั่นนี้เป็นความสั่นของ Thermage FLX ที่ใส่มาเพื่อให้ช่วยในการบรรเทาความบาดเจ็บของผิวที่เกิดจากการรักษา

                  1. เมื่อทำการรักษาด้วย Thermage FLX ไปแล้วสามารถคงผลลัพธ์ได้นานเท่าไร ?

                เมื่อทำการยกกระชับผิวด้วย Thermage FLX แล้วนั้นจะสามารถคงสภาพผลลัพธ์ได้นาน 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา การใช้ชีวิต และสภาพผิวของผู้เข้ารับการรักษาแต่ละบุคคล

                  1. สามารถตรวจสอบ Thermage FLX โดยวิธีใดว่าคลินิกที่เราเข้ารับบริการเป็นของแท้หรือไม่ ?

                    • ต้องเลือกคลินิกเสริมความงามที่ น่าเชื่อถือ มีอุปกรณ์ ที่ได่มาตรฐานของคลินิก โดย รมย์รวินท์คลินิก เป็นคลินิกเสริมความงามที่เปิดมายาวนานกว่า 21 ปีแล้ว คร่ำหวอดในวงการคลินิกเสริมความงามมาเป็นระยะเวลานาน จึงมีความน่าเชื่อถือในแวดวงความงามเป็นอย่างมาก
                    • คลินิกที่เข้ารับบริการจะต้องมีสติกเกอร์ Thermage FLX ติดอยู่ที่บริเวณตัวเครื่อง เพื่อเป็นการการันตีตัวเครื่องว่าเป็นเครื่องแท้ ผู้เข้ารับบริการ Thermage FLX สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ในคลินิกเกี่ยวกับสติกเกอร์ที่ตัวเครื่องได้ ในกรณีที่หาด้วยตนเองไม่พบ
                    • เครื่อง Thermage FLX ที่ทำการรักษาก็จะต้องมีการติดสติกเกอร์ Thermage FLX เครื่องแท้เช่นกัน โดยหากมีข้อสงสัย สามารถเรียกถาม และขอดูสติกเกอร์ดังกล่าวที่พนักงานได้

                Thermage FLX เป็นโปรแกรมยกกระชับ ลดริ้วรอยที่สามารถใช้ได้ทั้งใบหน้า และทั่วทั้งร่างกาย มีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการยกกระชับ ลดริ้วรอยที่กลัวเจ็บเนื่องจาก Thermage FLX มีทั้งระบบความเย็น และยังมีระบบสั่น เพื่อป้องกันความสั่น โดยรมย์รวินท์คลินิกจัดเป็นคลินิกอันดับต้น ๆ ของประเทศที่ทำการให้บริการด้านการยกกระชับด้วย Thermage FLX กับคนไข้มาเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 1,000 เคส คลินิกทุกสาขาได้รับมาตรฐาน และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านการยกกระชับ ปรับรูปหน้าในทุกสาขา

                ท่านใดที่ประสบปัญหา ไม่ว่าจะเป็น ใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีริ้วรอย มีความเหี่ยวย่น สามารถปรึกษาได้ที่หน้าสาขารมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา และช่องทางออนไลน์เพื่อรับโปรโมชั่นพิเศษ

                ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                  วันที่สะดวกในการติดต่อ




                  เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว

                  Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว คืออะไร ?

                  Ultraformer mpt

                  ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                    วันที่สะดวกในการติดต่อ




                    เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว


                    BEFORE & AFTER


                    Ultraformer MPT


                    Ultraformer MPT


                    Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิวคืออะไร?

                    Ultraformer MPT หรือในชื่อเต็มคือ Ultraformer Micro-Pulse Technology โปรแกรมยกกระชับผิวหน้าอีกโปรแกรมหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมในระดับสูงในทั้งไทยและต่างประเทศ เป็นโปรแกรมที่มีความปลอดภัยในการรักษา และยังได้รับมาตรฐานการรับรองอย่างหลากหลายมาตรฐาน ทั้ง คณะกรรมการอาหารและยา ระดับสากลของประเทศเกาหลี (KFDA) และคณะกรรมการอาหารและยาประเทศไทย

                    Ultraformer MPT มีความพิเศษอยู่ที่การสลายไขมันใต้ผิวไปพร้อม ๆ กับการยกกระชับผิวได้ภายในเครื่องเดียว นับเป็นโปรแกรมที่ตอบโจทย์คนที่มีความกังวลเกี่ยวกับ ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีเหนียง มีแก้ม รวมทั้งมีไขมันสะสมบนใบหน้า ทำการยกกระชับโดยใช้พลังงานคลื่นเสียง Micro & Macro Focused Ultrasound หรือ MMFU ที่ทำการส่งพลังงานเสียงที่มีความเข้มข้นสูงลงสู้ชั้นผิวหนัง ด้วยความจำเพาะเจาะจงในชั้นความลึกของผิวหนังชั้นที่ต้องการ ส่งผลให้ผิวหน้าที่มีความหย่อนคล้อย เกิดความยกกระชับให้กรอบหน้ามีความชัดขึ้น ช่วยกระชับผิวหน้าที่ย้วย ไม่เฟิร์ม ให้กระชับมากขึ้น ช่วยกระชับไขมันที่สะสมอยู่ใต้ชั้นผิวหนัง รวมทั้งยังช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว ให้ผิวได้มีความแน่น อวบอิ่ม มีคุณภาพที่ดีมากขึ้น ด้วยสองพลังงานคลื่นเสียง

                    1.Micro Focused Ultrasound

                    เป็นพลังงานคลื่นที่มีคุณสมบัติช่วยยกกระชับใบหน้า ด้วยวิธีการส่งพลังงานคลื่นลงไปใต้ผิว ในระดับความลึก mm 3.0 mm และ 4.5 mm  พลังงานคลื่น Micro Focused Ultrasound เมื่อลงสู่ชั้นผิวหลังจากการปล่อยออกมานั้น จะมีพลังงานความร้อนสะสมในระดับความร้อน 65-70 องศาเซลเซียส โดยพลังงานความร้อนในระดับนี้สามารถลงลึกได้ถึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน SMAS หรือ Superficial Muscular Aponeurotic System ที่ทุกคนทราบกันดีว่าเป็นชั้นผิวหนังที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดทำศัลยกรรม เมื่อ คลื่น Micro Focused Ultrasound ลงไปสู่ชั้น SMAS แล้ว ผิวหนังชั้นดังกล่าวจะเกิดการหดตัวลง อันเป็นเหตุผลให้ผิวหนังที่หย่อนคล้อย เกิดการกระชับ เรียบเนียน และเต่งตึงขึ้นนั่นเอง

                    2.Macro Focused Ultrasound

                    เป็นพลังงานคลื่นที่มีความเข้มข้นมากกว่าคลื่น Micro Focused Ultrasound ถึง 8 เท่าโดยการปล่อยคลื่นที่มีความร้อน 65-70 องศาเซลเซียส ลงไปในชั้นผิวที่มีความแตกต่างกันตั้งแต่ความลึก 6 mm, 9 mm และ 13 mm  โดยคลื่น Micro Focused Ultrasound จะลงไปสู่ใต้ผิว โดยการลดไขมัน สลายไขมัน และกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ส่งผลให้ผิวมีความเรียบเนียน ยกกระชับ และยืดหยุ่นมากขึ้น

                    สำหรับคลื่น Micro Focused Ultrasound เป็นคลื่นที่มักจะนิยมใช้สำหรับการลดสัดส่วน เรือนร่าง ไขมันสะสมตามต้นขา มากกว่าใบหน้า เนื่องจากเป็นพลังงานที่สูง

                    Ultraformer MPT

                    ลักษณะการปล่อยพลังงานคลื่นของ Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว

                    Ultraformer MPT เป็นโปรแกรมที่มีการปล่อยพลังงานอย่างหลากหลาย โดยแพทย์สามารถเลือกยิงได้ตามความเหมาะสมกับปัญหาของผู้เข้ารับบริการแต่ละคน โดยหลักการปล่อยพลังงานคลื่นดังกล่าวเป็นสิ่งที่ช่วยยกประสิทธิภาพในการทำการยกกระชับได้มากขึ้น โดยสามารถจำแนกรูปแบบการปล่อยพลังงานของ Ultraformer MPT ได้ดังนี้

                    1. NORMAL MODE (Normal Dot) เป็นการปล่อยพลังงานจาก Ultraformer MPT “เป็นเส้นประ” เป็นการยิงพลังงานเป็นลักษณะจุดไข่ปลา ที่มีขนาดเล็กเรียงตัวกันเป็นแถว
                    2. MP MODE (Micro pulse) เป็นการปล่อยพลังงานจาก Ultraformer MPT “เป็นเส้นตรง”เป็นการยิงพลังงานเป็นลักษณะเส้นตรง โดยลักษณะการยิงแบบนี้จะเป็นการช่วยสะสมพลังงาน
                    3. ULTRA BOOST MODE (Circular Dot) เป็นการปล่อยพลังงานจาก Ultraformer MPT “เป็นเส้นประวงกลม” ช่วยเข้ามาปรับสภาพผิวเรียบเนียนโดยเฉพาะ
                    4. ULTRA BOOST MP MODE (Micro circular) เป็นการปล่อยพลังงานจาก Ultraformer MPT “เป็นวงกลม” ช่วยเรื่องงานผิวปรับให้ผิวดี มีความเรียบเนียน ช่วยสร้างคอลลาเจน ปรับผิวกระจ่างใส

                    Ultraformer mpt

                    หัวยิงของ Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว สามารถยิงได้ในระดับความลึกเท่าไร

                    หัวยิงของ Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว มีด้วยกัน 7 ขาดระดับความลึก แบ่งได้ดังนี้

                    1. หัวยิง Ultraformer MPT 1.5 mm. (ปล่อยพลังงานเป็นวงกลม) ช่วยในการลดริ้วรอยที่มีขนาดเล็ก บริเวณรอบดวงตา บริเวณหางตา บริเวณมุมปาก รวมทั้งยังช่วยในการยกคิ้วที่ตกลงให้ยกขึ้นได้
                    2. หัวยิง Ultraformer MPT 2.0 mm.ลักษณะหัวยิงคนละแบบกับ 1.5 mm. แต่ทำการยิงในระดับที่ลึกกว่า ให้ผลลัพธ์เหมือนกัน คือ ลดริ้วรอยที่มีขนาดเล็กบริเวณรอบดวงตา บริเวณหางตา บริเวณมุมปาก รวมทั้งยังช่วยในการยกคิ้วที่ตกลงให้ยกขึ้น แต่เป็นการยิงโดยพลังงานที่ลึกกว่า
                    3. หัวยิง Ultraformer MPT 3.0 mm. (ปล่อยพลังงานเป็นวงกลม) ช่วยในการยกกระชับผิวในระดับชั้นนอก และช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
                    4. หัวยิง Ultraformer MPT 4.5 mm. (ปล่อยพลังงานเป็นวงกลม) เป็นการยิงที่ลงลึกในชั้นผิวถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่ใช้ในการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า ช่วยในการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย
                    5. หัวยิง Ultraformer MPT 6.0 mm.ช่วยในการสลายไขมัน ลดเหนียง แก้ม คางสองชั้น และไขมันส่วนเกินต่าง ๆ บนใบหน้า ในการหดไขมันทำให้ผิวตึงกระชับขึ้น
                    6. หัวยิง Ultraformer MPT 9.0 mm.ช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ที่มีการสลายลงไป และยังช่วยสลายไขมัน กระชับสัดส่วนในบริเวณที่ทำได้
                    7. หัวยิง Ultraformer MPT 13.0 mm.สามารถช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวที่มีการสลายลงไป และยังช่วยสลายไขมัน กระชับสัดส่วนในบริเวณที่ทำได้ลึกกว่าหัวขนาดความลึก 9.0 mm.

                    โดยลักษณะเด่นในการยกกระชับของ Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว คืออะไร ?

                    Ultraformer mpt

                    ลักษณะเด่นในการยกกระชับของ Ultraformer MPT คือการยกหน้า 4 มิติ ในเพียง 3 ขั้นตอนเท่านั้นคือ

                    ขั้นตอนที่ 1

                    1D Ultraformer MPT ช่วยยกผิวหน้าให้แน่นกระชับ และลดเลือนริ้วรอย

                    แบ่งเป็นใบหน้าส่วนบน คือ ลดริ้วรอยหน้าผาก,ลดริ้วรอยรอบดวงตา, ลดถุง/ใต้ตา , ยกหางตา ด้วยหัว Ultraformer MPT ความลึก 1.5 และ 2.0 mm.

                    ใบหน้าส่วนล่าง Ultraformer MPT จะช่วยปรับผิวแน่นเฟิร์ม, ยกกระชับใบหน้า, สร้างคอลลาเจน, สลายไขมันชั้นตื้น ด้วยหัว Ultraformer MPT ความลึก 3.0 และ 4.5 mm.

                    2D  Ultraformer MPT ช่วยสร้างกรอบหน้า

                    ผิวหน้าแน่นเฟิร์ม, ยกกระชับใบหน้า , สร้างคอลลาเจน, สลายไขมันชั้นตื้น

                    ขั้นตอนที่ 2

                    3D Ultraformer MPT ช่วยสร้างกรอบหน้า

                    ลดเนียง, สลายไขมัน, ปรับกรอบหน้าให้คมชัด

                    ขั้นตอนที่3

                    4D Ultraformer MPT ช่วยเก็บงานผิว

                    กระชับรูขุมขนเนียนละเอียดทั่วหน้า ,ผิวกระจ่างใสสุขภาพดี

                    จุดเด่นของ Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว

                    • Ultraformer MPT เป็นโปรแกรมยกกระชับใบหน้าที่มีความปลอดภัย
                    • Ultraformer MPT มีหลากหลายระดับความลึกของหัว สามารถปล่อยพลังงานได้หลากหลายชั้นผิว
                    • Ultraformer MPT ใน 1 line สามารถปล่อยพลังงานออกมาได้ถึง 417 dots
                    • Ultraformer MPT เป็นโปรแกรมที่ยิงเร็วกว่า Ultraformer รุ่นอื่น 2.5 เท่า จึงทำให้ใช้เวลาในการทำน้อยลง
                    • Ultraformer MPT เป็นโปรแกรมที่สามารถสลายไขมันได้พร้อมกับกระชับ
                    • Ultraformer MPT เป็นโปรแกรมที่ไม่ทำลาย หรือส่งผลเสียต่อผิวโดยรอบ
                    • Ultraformer MPT เป็นโปรแกรมที่สามารถกำหนดรูปแบบการปล่อยพลังงานได้อย่างแม่นยำ
                    • Ultraformer MPTเป็นโปรแกรมที่ให้พลังงานความร้อนที่มีความละเอียด และมีความหนาแน่นกว่า Ultraformer รุ่นอื่นถึง 25 เท่า
                    • Ultraformer MPT สามารถกำหนดจุดที่ต้องการรักษาได้อย่างแม่นยำ
                    • Ultraformer MPT ใช้แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้ ทั้ง ใบหน้าลำคอ เหนียง คางสองชั้น และลำตัว
                    • Ultraformer MPT เป็นโปรแกรมยกกระชับที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้นแต่ให้ผลลัพธ์เทียบเท่า

                    Ultraformer mpt

                    ข้อดีของการทำการรักษาโดย Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิวคืออะไร?

                    • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถช่วยในการยกกระชับผิวทั้งใบหน้า และร่างกายที่มีความหย่อนคล้อยได้เป็นอย่างดี
                    • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถช่วยในการยกกระชับปรับ และเพิ่มกรอบหน้าให้เรียว ชัด คม เข้ารูป มีมิติมากขึ้น
                    • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถช่วยลดไขมันบริเวณใบหน้า และร่างกายได้
                    • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถช่วยในการลดริ้วรอย และร่องลึกได้
                    • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถช่วยลดริ้วรอยร่องตื้นต่าง ๆ บนบริเวณใบหน้าได้
                    • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถช่วยในการแก้ปัญหาผิวหน้า งานผิวที่มีคุณภาพไม่ดี เช่น รูขุมขนกว้างไม่กระชับเป็นบ่อเกิดของสิว ผิวหน้ามันได้
                    • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ มีความปลอดภัยสูง น่าเชื่อถือ
                    • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตัวเอง แต่กลัวความเจ็บ หรือมีความกังวลในการเข้าคลินิกความงาม
                    • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถช่วยยกกระชับได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่ทำให้เกิดบาดแผล และไม่เสียเวลาพักฟื้น
                    • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ โดยไม่ต้องกังวลอาการต่าง ๆ
                    • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ สามารถแต่งหน้าได้ทันที
                    • ข้อดีของ Ultraformer MPT คือ  สามารถออกกำลังกายได้ทันที

                    ข้อด้อยของ Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิวคืออะไร?

                    • Ultraformer MPT ไม่เห็นผลลัพธ์หลังการทำ 100%
                    • Ultraformer MPT ต้องให้เวลาผิวในการฟื้นฟู

                    Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว สามารถใช้สำหรับการแก้ปัญหาในจุดไหนได้บ้าง?

                    ด้วยความที่ Ultraformer MPT สามารถใช้ได้ทั้งแก้ปัญหาการยกกระชับ และยังช่วยในการสลายไขมัน จึงสามารถทำให้ช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งร่างกาย โดยสามารถแบ่งเป็นใบหน้า และเรือนร่างได้ ดังนี้

                    1. Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว สามารถแก้ปัญหาบริเวณใบหน้าอะไรได้บ้าง?

                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหา ริ้วรอยบนหน้าผากได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ริ้วรอยบริเวณหางตา ตีนการิ้วรอยบริเวณใต้ตาได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณคิ้ว และหว่างคิ้วได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณแก้ม และร่องแก้มได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยมุมปาก ร่องน้ำหมากได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหากรอบหน้าไม่ชัด ไขมันเยอะได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาสลายไขมันใต้คางได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณลําคอได้

                    2. Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว สามารถแก้ปัญหาบริเวณเรือนร่าง อะไรได้บ้าง?

                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาต้นแขนไม่กระชับ หย่อนคล้อยได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อยได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาหน้าท้องหย่อนย้วยไม่กระชับได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาหลังมีเนื้อ และมีไขมันสะสมได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาลดไขมันสะสมบริเวณรอบเอวได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาลดไขมันบริเวณเหนือหัวเข่าได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาลดไขมันสะสมบริเวณต้นขาได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาลดไขมันสะสมบริเวณน่องได้
                    • Ultraformer MPT สามารถแก้ปัญหาเนื้อส่วนเกิน นมน้อย เนื้อปลิ้น บริเวณใต้รักแร้ได้

                    Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว เหมาะกับใครบ้าง ?

                    • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่ตึงกระชับ
                    • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่มีลําคอหย่อนคล้อย ไม่กระชับ มีรอยสร้อยคอ เหี่ยว ย่น
                    • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่คิ้วตก จนใบหน้าดูเศร้า
                    • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่มีหางตาตกจนใบหน้าดูเศร้า
                    • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่มีหนังตาตก อันเนื่องมาจากวัยที่มากขึ้น หรือพันธุกรรม
                    • Ultraformer MPTเหมาะกับ ผู้ที่มีขอบตาด้านล่างหย่อนคล้อย
                    • Ultraformer MPTเหมาะกับ ผู้ที่มีริ้วรอยรอบดวงตา หรือตีนกา
                    • Ultraformer MPTเหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด ไม่คม
                    • Ultraformer MPTเหมาะกับ ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณใบหน้า ทั้ง แก้ม เหนียง และใต้คาง
                    • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก
                    • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำขาดความสดใส
                    • Ultraformer MPT เหมาะกับ ผู้ที่มีผิวหลวม ไม่กระชับที่ต้องการสร้างคอลลาเจน
                    • Ultraformer MPTเหมาะกับ ผู้ที่มีไขมันส่วนเกินบนร่างกาย แต่ไม่ต้องการแก้ปัญหาด้วยการผ่าตัดศัลยกรรม

                    Ultraformer MPT

                    การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว

                    1. การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT ควรปรึกษาแพทย์ถึงความกังวล และสิ่งที่ต้องการทำการรักษา หากมีโรคประจำตัว หรือมีปัญหาผิวบาง ให้แจ้งแพทย์ เพื่อทำการปรับแผนการรักษา
                    2. การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT ควรงดรับประทานยาในกลุ่มแอสไพริน ยาวิตามิน น้ำมันตับปลา อาหารเสริมต่าง ๆ
                    3. การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
                    4. การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนเข้ารับบริการ
                    5. การเตรียมตัวก่อนทำ Ultraformer MPT ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผิวก่อนเข้ารับบริการ

                    ขั้นตอนการทำ Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว

                    1. ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินแผนการรักษา โดยแพทย์จะประเมินจาก
                      • ปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวของแต่ละบุคคล หรือ Facial Sagging
                      • ปัญหาความหนา ความหลวมของผิวในแต่ละบุคคล หรือ Skin Thickness
                      • ปัญหาความหนาของชั้นไขมันบนใบหน้าในแต่ละบุคคล Facial Fat Pad Layer
                      • ปัญหาแนวการยกผิวของใบหน้าของแต่ละบุคคล Facial Vector for Lifting
                      • ปัญหาผิวอื่น ๆ ของแต่ละบุคคลร่วมด้วย หรือ Other skin conditions อาทิปัญหา รูขุมขนกว้าง ปัญหาหลุมสิว
                        ปัญหาผิวหน้า ปัญหาฝ้ากระจุดด่างดำ ปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ ที่อยู่บนใบหน้า
                    2. ผู้ช่วยแพทย์ทำหน้าที่เตรียมใบหน้า ทำความสะอาดใบหน้า เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนลงมือทำ
                    3. ผู้ช่วยแพทย์ทำการแปะยาชา โดยทิ้งไว้ประมาณ 45-60 นาที
                    4. ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรักษาด้วย Ultraformer MPT
                    5. แพทย์ทำ Ultraformer MPT ในระหว่างที่ทำ Ultraformer MPT ผู้เข้ารับการรักษาจะรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อยจากการรักษาเท่านั้น
                    6. ทำความสะอาดใบหน้าหลังทำ Ultraformer MPTเสร็จเรียบร้อย

                    การดูตัวเองหลังการทำ Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว

                    • หลังการทำ Ultraformer MPT ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด ในระยะเวลา 4-5 วันแรก
                    • หลังการทำ Ultraformer MPT ควรงดกิจกรรมที่ทำให้ผิวสัมผัสกับความร้อน เช่น ซาวน่า การเล่นกีฬา แช่ออนเซ็น
                    • หลังการทำ Ultraformer MPT ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อผิวที่ดี
                    • หลังการทำ Ultraformer MPT หากมีอาการบวมแดง ทำการประคบเย็น เพื่อบรรเทาความเจ็บได้
                    • หลังการทำ Ultraformer MPT หากมีอาการบวมบริเวณที่ทำ ควรนอนหมอนสูง เพื่อให้ลดอาการบวม ปกติแล้วอาการบวมสามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน เป็นอาการปกติไม่ต้องกังวล

                    Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิวใช้เวลาในการเห็นผลนานเท่าไร?

                    Ultraformer MPT สามารถเห็นผลหลังทำได้ในทันทีประมาณ 20% ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล โดยสามารถรู้สึกได้ว่าใบหน้ามีความตึงมากขึ้น เมื่อส่องกระจกจะเห็นว่าใบหน้ามีความยกกระชับมากขึ้น

                    MPT

                    หลังจากนั้น Ultraformer MPT ที่ทำการยิงลงสู่ผิวหน้าไปแล้วนั้น จะเริ่มทำการกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนที่อยู่ภายใต้ชั้นผิวขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ได้ใน 1-3 เดือน และสามารถคงผลลัพธ์ได้นาน 6-8 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพผิวการใช้ชีวิตประจำวัน และการดูแลของแต่ละบุคคล

                    Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว ควรทำบ่อยแค่ไหน?

                    Ultraformer MPT ควรทำทุก ๆ 3-6 เดือน เพื่อเป็นการคงสภาพความยกกระชับของใบหน้าให้คงที่ไม่หย่อนคล้อย รวมทั้งเพื่อความต่อเนื่องในการรักษา

                    ULTRAFORMER MPT
                    ULTRAFORMER MPT

                    Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว เจ็บหรือไม่ ?

                    การทำ Ultraformer MPT จะมีความเจ็บเพียงเล็กน้อย เนื่องจากมีการทายาชาก่อนทำการรักษาเพื่อบรรเทาความเจ็บ จะมีเพียงความรู้สึกอุ่น ๆ และเจ็บจี๊ด ๆ ในระหว่างการทำ Ultraformer MPT เท่านั้น โดยความเจ็บที่เกิดขึ้นระหว่างที่ทำ เป็นความเจ็บในระดับที่ทนได้ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องกังวลใจ

                    Ultraformer MPT

                    ทำ Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว บริเวณใด ใช้จำนวน Lines เท่าไร ?

                    จำนวน Lines ในการทำ Ultraformer MPT ขึ้นอยู่กับปัญหาและความกังวลของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ก่อนทำการรักษาควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินจำนวน Lines ในการรักษาอย่างแม่นยำ โดยสามารถประเมินจำนวน Lines ในการทำ Ultraformer MPT อย่างคร่าว ๆ ได้ ดังนี้

                    • ทำ Ultraformer MPT ทั่วทั้งใบหน้า ใช้จำนวนประมาณ 400-600 Lines
                    • ทำ Ultraformer MPT ในบริเวณหน้าผาก ใช้จำนวนประมาณ 100-200 Lines
                    • ทำ Ultraformer MPT ในบริเวณรอบดวงตา ใช้จำนวนประมาณ 100-200 Lines
                    • ทำ Ultraformer MPT ในบริเวณหน้าแก้มทั้ง 2 ด้าน ใช้จำนวนประมาณ 300-500 Lines
                    • ทำ Ultraformer MPT ในบริเวณ คาง หรือเหนียง ใช้จำนวนประมาณ 200 Lines

                    ULTRAFORMER MPT
                    ULTRAFORMER MPT

                    วิธีการเลือกคลินิกในการเข้ารับบริการ Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิว ให้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

                    1. เลือกคลินิกเสริมความที่ได้รับความน่าเชื่อถือ
                    2. เลือกคลินิกเสริมความงามที่คร่ำหวอดในวงการมาเป็นระยะเวลายาวนาน
                    3. เลือกคลินิกเสริมความงามที่ใช้ Ultraformer MPT เครื่องแท้ โดยสามารถตรวจสอบเครื่องแท้ได้ (สามารถตรวจสอบได้ ที่นี่ )
                    4. เลือกคลินิกเสริมความงามที่มีความสะอาดถูกหลักกระทรวงสาธารณสุข
                    5. เลือกคลินิกเสริมความงามที่ได้มาตรฐานในระดับสากล
                    6. เลือกคลินิกที่มีการการันตีจากผู้ใช้บริการจริง

                    ULTRAFORMER MPT
                    ULTRAFORMER MPT

                    รมย์รวินท์คลินิก มีให้บริการ Ultraformer MPT สลายไขมันพร้อมยกกระชับผิวในทุกสาขา ท่านใดมีความกังวลเรื่องใบหน้าไม่ยกกระชับ มีไขมันสะสมบนใบหน้า ที่ต้องการการยกกระชับอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นหน้า สามารถเข้ามาปรึกษาที่ได้รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขาทั่วประเทศไทยทั้ง 28 สาขา พร้อมทั้งยังมีแพทย์ผู้มีประสบการณ์พร้อมให้การบริการในทุกสาขา สามารถมั่นใจได้ว่าทุกการรักษาปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน

                    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                      วันที่สะดวกในการติดต่อ




                      เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว

                      Ulthera SPT ยกกระชับ คืออะไร?

                      Ulthera SPT

                      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                        วันที่สะดวกในการติดต่อ




                        เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว


                        BEFORE & AFTER


                        Ulthera


                        Ulthera


                        ulthera


                        ultherapy


                        Ulthera SPT คืออะไร ?

                        โปรแกรมที่โด่งดังจนกลายเป็นโปรแกรมแรกที่ใครหลายๆคนนึกถึงหากต้องการทำหัตถการเป็นอย่างแรก อย่าง Ulthera SPT หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อว่า Ultherapy เป็นโปรแกรมยกกระชับผิว (Tissue lifting) อย่างแม่นยำเป็นโปรแกรมแรก โดยการใช้ คลื่น Focused Ultrasound หรือคลื่นเสียงที่มีความถี่สูงและจำเพาะเจาะจงมาใช้ในการยกกระชับ หรือทำความเข้าใจกันอย่างง่ายว่าเป็นคลื่นที่ใช้ในการตรวจครรภ์เพื่อดูเพศเด็กนั่นเอง โดย Ulthera  SPT ทำงานอย่างแม่นยำสูงเนื่องจากมีจอมอนิเตอร์ที่แสดงภาพภายใต้ชั้นผิวในขณะทำการรักษาอย่าง Real Time จึงทำให้แพทย์สามารถมองเห็นได้ว่ายิงตรงชั้นผิวที่ต้องการทำการรักษาหรือไม่

                        Ulthera ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยแพทย์ผิวหนังระดับต้นๆของโลกทั้งยังเป็น ผู้อำนวยการสถาบัน Wellman Center for Photomedicine, Boston, MA, USA ที่มีชื่อว่า DR. Rox Anderson โดย Ulthera ได้ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1994  และยังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นเครื่องยกกระชับผิวเครื่องแรกของโลกที่โด่งดังและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้น Ulthera ยังเป็นโปรแกรมยกกระชับเพียงเครื่องเดียวที่ได้รับการรับรองจาก US FDA ในด้านการยกกระชับ ยกคิ้ว ยกใบหน้า รวมทั้งลำคออีกด้วย

                        หลังจากทำการวิจัยและคิดค้นมาอย่างดีแล้ว Ulthera จึงได้ออกสู่ท้องตลาดอย่างเป็นทางการในปี 2004 ในนามเครื่องยกกระชับต้นแบบ Original  ที่ทำให้ผิวมีความกระชับ ลดริ้วรอยด้วยการยิงคลื่นพลังงานความร้อนอย่างมีความแม่นยำจากตัวเครื่องลงสู่ผิวหนังชั้นลึก อย่างชั้น Superfical Muscular Aponeurotic System (SMAS) หรือชั้นเนื้อเยื่อชั้นใน โดยในชั้นนี้เป็นชั้นเดียวกับชั้นที่ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดศัลยกรรมยกกระชับ หรือดึงใบหน้า Ulthera จะทำงานโดยการใช้ความร้อนพลังงาน  60-70°C ที่มีจุดพลังงานขนาดเพียง 1 mm. ที่มีลักษณะขณะยิง เป็นเหมือนจุดไข่ปลาขนาดเล็กๆ ที่เรียงตัวกันเป็นเส้นตรงอยู่ใต้ผิว และแพทย์จะสามารถมองเห็นชั้นผิวในขณะที่ยิงคลื่นได้ผ่านหน้าจอได้ จึงสามารถทำให้มั่นใจได้ว่าทุกพลังงานที่ยิงลงผิวหนังเป็นการยิงอย่างแม่นยำ ลงสู่ชั้นผิวที่ตรงชั้นที่สุด อีกทั้งแพทย์ยังสามารถปรับระดับคลื่นตามความเหมาะสมในการรักษาได้ตามสภาพผิวและปัญหาของผู้เข้ารับการรักษาได้ ปัจจุบัน Ulthera ถูกนำมาใช้ในการรักษาในด้านการแพทย์มาแล้วนานกว่า 50 ปี

                        messageImage 1718793370202

                        โดยตอนนี้ Ulthera พัฒนาในรูปโฉมใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม เป็น “ Ulthera  SPT” ด้วยโฉมใหม่ที่ดีกว่าเดิมทำให้รับความนิยมไปอีกขั้นทั่วทุกมุมโลก เนื่องจากความดีงามของผลลัพธ์ในการรักษาที่ Ulthera  SPT ได้เข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast (ไฟโบรบลาสต์)

                        โดยคลื่นพลังงานจาก Ulthera  SPT จะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ทำให้เกิดการหดตัวของเนื้อเยื่อ จนกระทั่งมีรูปแบบคล้ายคลึงกับการเย็บเนื้อเยื่อให้ตึงขึ้น จึงทำให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ จึงช่วยแก้ไขปัญหาผิวหน้าที่หย่อนคล้อย มีริ้วรอย ปรับให้ผิวยกกระชับผิวหรือทำให้ผิวเต่งตึงขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับผิวบริเวณข้างเคียง ไม่แสบ ไม่ร้อน ไม่เบิร์น และยังมีความปลอดภัยสูงอีกด้วยเนื่องจากมีการศึกษาและวิจัยมาว่าเป็นโปรแกรมที่มีความปลอดภัยสูงและมีผลลัพธ์ที่เป็นที่น่าพึงพอใจจากผู้ใช้งานจริง

                        Ulthera  SPT มีความพิเศษที่นอกจากการเห็นหน้าจอแสดงผลในขณะการรักษาแบบ Real Time แล้วยังสามารถเปลี่ยนหัวในการรักษาได้  โดยแต่ละหัวจะใช้สำหรับความลึกของชั้นผิวที่แตกต่างกัน จึงเหมาะกับบริเวณและการรักษาในชั้นผิวที่แตกต่างกันตามความเหมาะสมและความต้องการแก้ปัญหาของแต่ละบุคคล

                        หัวของ Ulthera SPT ในการยกกระชับทั้ง 3 หัวใช้อย่างไร ?

                        สามารถแบ่งลำดับความลึกของพลังคลื่นพลังงานอัลตร้าซาวด์จากหัว Ulthera SPT ได้ดังนี้

                          • หัวสีส้มของ Ulthera  SPT มีขนาดความลึกของพลังงานอัลตร้าซาวด์  1.5 mm มีความเหมาะสมในการใช้เพื่อยิงริ้วรอยที่อยู่บนผิวหนังชั้นบน ผิวหนังชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) รวมทั้งผิวหนังชั้นผิวหนังแท้ (Dermis)

                        หัวสีส้มของ Ulthera  SPT  ในขนาด 1.5 mm  จึงมีความเหมาะสมในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับ รูขุมขนที่มีขนาดกว้าง ไม่กระชับ รวมทั้งแก้ปัญหาริ้วรอยที่มีขนาดเล็ก ตื้น ในบริเวณรอบดวงตา

                          • หัวสีเขียวของ Ulthera  SPT มีขนาดความลึกของพลังงานอัลตร้าซาวด์ 3.0 mm. มีความเหมาะสมในการยิงเพื่อกระชับผิวในชั้นไขมัน (Subcutis) ทั้งนี้ชั้นไขมันที่อยู่ใต้ผิวของคนเราจะมีลักษณะคอลลาเจนเป็นแนวตั้งเมื่อใช้คลื่นพลังงาน 3.0 mm. ยิงลงไป จะช่วยหดขนาดปริมาณไขมันได้ 

                        หัวสีเขียวของ Ulthera  SPT ในขนาด 3.0 mm. จึงมีความเหมาะสมในการแก้ปัญหาด้านความหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นของผิว อาทิในบริเวณกรอบหน้า บริเวณรอบดวงตา รวมทั้งบริเวณหน้าผาก นอกจากนี้ยังสามารถใช้หัวขนาด 3.0 mm ยิงในผิวหนังชั้น SMAS ในบริเวณผิวที่มีความบางมาก หรือในบุคคลที่มีผิวบางได้ด้วย

                          • หัวสีฟ้าของ Ulthera  SPT ในขนาด 4.5 mm. จึงมีความเหมาะสมในการแก้ปัญหาในด้านชั้นเนื้อเยื่อ บนกล้ามเนื้อ หรือชั้น SMAS โดยผิวหนังชั้นนี้จะมีคอลลาเจนในลักษณะเป็นแนวนอน การใช้หัวสีฟ้าที่มีความลึกในขนาด 4.5 mm. จะทำการยกกระชับได้เป็นอย่างดี

                        หัวสีฟ้าของ Ulthera  SPT ในขนาด 4.5 mm. จึงมีความเหมาะสมสำหรับการนำมายกกระชับในบริเวณแก้ม กรอบหน้าที่หย่อนคล้อย บริเวณเหนียง รวมทั้งบริเวณลำคอ 

                        ข้อดีของการทำ Ulthera SPT

                          • การทำ Ulthera  SPT จัดเป็นการยกกระชับผิวที่ได้ผมเทียบเท่าการผ่าตัดทำศัลยกรรม
                          • การทำ Ulthera  SPT สามารถยกกระชับได้โดยไม่เจ็บตัว
                          • การทำ Ulthera  SPT สามารถเห็นผลหลังทำได้ทันทีประมาณ 30%
                          • การทำ Ulthera  SPT สามารถใช้หน้าได้ทันทีหลังทำ เนื่องจาก ไม่มีรอย ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น
                          • การทำ Ulthera  SPT สามารถคงผลลัพธ์บนใบหน้าได้นานกว่า 1 ปี
                          • การทำ Ulthera  SPT สามารถกระตุ้นผิวให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ในบริเวณใต้ผิวได้ ทำให้ผิวมีความอ่อนเยาว์ได้ด้วย
                          • การทำ Ulthera  SPT เป็นโปรแกรมที่มีความแม่นยำ โดยสามารถดูได้ผ่านหน้าจอระหว่างทำจึงทำให้ทุกจุดที่ยิงเป็นการยิงอย่างตรงจุด
                          • การทำ Ulthera  SPT เป็นการเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า
                          • การทำ Ulthera  SPT  ช่วยให้รูขุมขนเล็กลง ผิวถูกยกกระชับ ปรับความเรียบเนียนให้กับผิวได้ทั่วทั้งบริเวณหน้า
                          • การทำ Ulthera  SPT มีความปลอดภัยมีได้มาตรฐาน ทั้งยังสามารถตรวจสอบได้
                          • การทำ Ulthera  SPT สามารถทำได้หลายส่วนในร่างกาย

                        ข้อเสียของการทำ Ulthera SPT

                          • Ulthera  SPT จะมีอาการเจ็บเล็กน้อย รู้สึกเหมือนโดนดูด รู้สึกอุ่น ๆ ใต้ผิวหนัง รวมทั้งอาจรู้สึกเหมือนมีหนามเล็ก ๆมาแทง ในขณะทำบริเวณใบหน้า ขณะที่ทำการปล่อยคลื่นพลังงานเพื่อรักษา เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีกระดูกและชั้นผิวหนังไม่หนา
                          • Ulthera  SPT เป็นโปรแกรมที่หลังทำในบางคนอาจมีรอยแดงในบริเวณที่ทำ แต่รอยที่เกิดขึ้นนี้สามารถหายเป็นปกติได้ภายใน 1 ชั่วโมง
                          • ในบางคนที่ทำการรักษา Ulthera  SPT อาจมีรอยเขียวหรือเกิดความบวมแต่จะสามารถหายได้เองในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์
                          • ในบางคนหลังทำ การรักษาด้วย Ulthera  SPT จะมีความรู้สึกร้อนหรืออุ่นในบริเวณกราม เนื่องจากเป็นบริเวณที่โดนกระดูกโดยตรง

                        Ulthera SPT เหมาะกับใคร ?

                          • Ulthera  SPT เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยคล้อย และมีความไม่กระชับ
                          • Ulthera  SPT เหมาะกับผู้ที่คิ้วตก หางตาตก รวมทั้งมีริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้ดูแก่กว่าอายุจริง
                          • Ulthera  SPT เหมาะกับผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัดเจน
                          • Ulthera  SPT เหมาะกับผู้ที่มีแก้มห้อยมีกระเปาะแก้ม
                          • Ulthera  SPT เหมาะกับผู้ที่มีคางสองชั้น มีเหนียง ลำคอย่น มีรอยสร้อยคอ
                          • Ulthera  SPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับและไม่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรม
                          • Ulthera  SPT เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาในการพักฟื้น
                          • Ulthera  SPT เหมาะกับผู้ที่กลัวเข็มและเลือด
                          • Ulthera  SPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวหน้าให้มีความเรียบเนียน กระชับรูขุมขน
                          • Ulthera  SPT เหมาะกับผู้ที่ต้องการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง

                        Ulthera SPT สามารถทำได้ตั้งแต่มีอายุเท่าไร?

                        สามารถแบ่งช่วงวัยในการทำ Ulthera  SPT โดยแต่ละช่วงอายุจะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันดังนี้ ?

                        ในช่วงอายุ 25-30 ปี 

                        ช่วงอายุนี้จะเป็นช่วงอายุที่การทำ Ulthera  SPT เปรียบเสมือนการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนให้กับบริเวณใต้ผิวหนัง ถึงแม้ในช่วงวัยนี้ จะเป็นช่วงวัยที่ ผิวหนังจะยังไม่เกิดปัญหามากแต่คอลลาเจนใต้ชั้นผิวก็จะเริ่มลดลงบ้างแล้ว แต่การทำ Ulthera SPT ในช่วงอายุนี้จะเป็นการกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการสร้างคอลลาเจน เพื่อทดแทนในจำนวนที่ลดลง

                        ในช่วงอายุเท่านี้แนะนำให้ทำ Ulthera SPT เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ในปริมาณช๊อตที่ไม่มากโดยสามารถปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อันเป็นที่น่าพึงพอใจก่อนได้

                        ในช่วงอายุ  35-45 ปี

                        ในช่วงอายุนี้จะเป็นช่วงอายุที่ใบหน้าจะเริ่มมีความหย่อนคล้อย มีริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่นแล้ว โดย อาทิ มีร่องแก้ม  กรอบหน้าไม่ชัด เริ่มมีกระเปาะแก้ม มีร่องน้ำหมาก มีร่องมุมปาก หางตาตก หรือมีถุงใต้ตา ซึ่งการทำ Ulthera  SPT ในช่วงอายุเท่านี้จะเปรียบเสมือนการรักษาอาการต่าง ๆ รวมถึงยกกระชับใบหน้าและผิว ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นคอลลาเจน  ทำให้ผิวหนังของคนเราที่เริ่มมีการเสื่อมสภาพ อันเนื่องมาจากวัยที่เพิ่มมากขึ้น นั้นกลับมาทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

                        ในช่วงอายุ 45-50 ปี

                        ในช่วงอายุนี้จะเป็นวัยที่เริ่มมีปัญหาในบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า นอกเหนือจากบริเวณใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น บริเวณ ใต้คาง ลำคอ รวมถึงหนังตาบน จะเริ่มหย่อนคล้อยลงมาตามวัย อาจเป็นความหย่อนคล้อยที่มีความรุนแรงที่มากขึ้น หากไม่ได้รับการรักษา ทั้งนี้ในช่วงอายุนี้จะต้องดูแล และรักษาสภาพผิวหน้าให้มากขึ้น เพื่อเป็นการลดปัญหาความหย่อนคล้อยของผิวหน้า โดยการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวที่หลวมลงจนเกิดช่องว่างในผิว อันเกิดจากคอลลาเจนที่ลดลง และเริ่มหยุดสร้างตามวัย

                        ในช่วงอายุวัย 60 ปีขึ้นไป

                        ในช่วงอายุนี้ใบหน้าของคนเราจะมีปัญหาอื่น ๆ ตามวัยร่วมอยู่ด้วย ดังนั้นการทำ Ulthera  SPT แพทย์จึงต้องทำร่วมกับโปรแกรมอื่น เพื่อเสริมกำลังการยกกระชับและรักษา รวมทั้งเป็นการป้องกันการเกิดปัญหาเดิมอีกด้วย ทั้งนี้ยังเป็นการทำให้ผิวหนังในบริเวณที่ไม่มีปัญหาได้รับผลกระทบไปด้วยนั่นเอง

                        Ulthera SPT

                        Ulthera SPT สามารถทำบริเวณใดได้บ้าง ?

                        สามารถทำ Ulthera  SPT ได้ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัวโดยแต่ละบริเวณที่ทำ Ulthera  SPT  จะส่งผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปดังนี้

                          • เมื่อทำ Ulthera  SPT ที่บริเวณใบหน้าจะส่งผลให้กรอบหน้าชัดขึ้น ใบหน้ามีความยกกระชับมากขึ้น ลดปัญหาหย่อนคล้อยของผิว  ทั้งยังช่วยสร้างคอลลาเจนให้กับบริเวณใต้ชั้นผิวด้วย
                          • เมื่อทำ Ulthera  SPT ที่บริเวณรอบดวงตา หรือเรียกว่า Ulthera  SPTใต้ตาจะส่งผลให้หางคิ้วถูกยกขึ้น หางตาถูกยกขึ้น  ดวงตาดูโตขึ้น ตาที่เคยตกจะดูเปิดมากขึ้น ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใสขึ้น
                          • เมื่อทำ Ulthera  SPT ที่บริเวณใต้คาง ลำคอ และเหนียง จะส่งผลให้ผิวถูกฟื้นฟู และยังช่วยแก้ปัญหาเหนียงห้อยและไขมันใต้คาง  ลดคาง 2 ชั้นเพิ่มความตึงกระชับ
                          • เมื่อทำ Ulthera  SPT ที่บริเวณหน้าอก จะส่งผลให้ผิวบริเวณเนินอกที่เกิดการหย่อนคล้อย กลับกลายเป็นให้เต่งตึงมากขึ้น
                          • เมื่อทำ Ulthera  SPT ที่บริเวณหลังมือ ส่งผลให้ริ้วรอยรวมทั้งรอยเหี่ยวย่นบริเวณหลังมือลดลง มือดูอ่อนเยาว์ และสาวขึ้น
                          • เมื่อทำ Ulthera  SPT ที่บริเวณท้องแขน รวมทั้ง หน้าท้อง จะส่งผลให้เกิดความกระชับมากขึ้น ทำให้หน้าท้องและท้องไม่ย้วย
                          • เมื่อทำ Ulthera  SPT ที่บริเวณหน้าอกส่งผลให้คอลลาเจนบนที่ผิวชั้นบนมีความกระชับมากขึ้น ส่งผลให้ผิวบริเวณหน้าอกเกิดความหย่อนคล้อยมีความกระชับและเต่งตึงมากขึ้น คืนความอ่อนเยาว์และความสาวให้อีกครั้ง

                        Ulthera SPT

                        ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนทำ Ulthera SPT

                          • ก่อนทำ Ulthera  SPT ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
                          • ก่อนทำ Ulthera  SPT ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการยกกระชับ
                          • ก่อนทำ Ulthera  SPT ควรปรึกษาแพทย์รวมทั้งแจ้งประวัติการรักษา อาการแพ้ แก่แพทย์โดยละเอียด

                        ขั้นตอนในการทำ Ulthera SPT

                          1. แพทย์ทำการประเมินรูปหน้าก่อนทำการรักษา
                          2. ผู้ช่วยแพทย์ทำการทายาชา และพักทิ้งไว้จนยาชาออกฤทธิ์ เพื่อบรรเทาความเจ็บระหว่างทำ Ulthera  SPT
                          3. แพทย์ออกแบบรูปหน้า และวางแผนการรักษาเกี่ยวกับปัญหาที่มีความกังวลในจุดต่าง ๆ
                          4. ทำการยิง Ulthera  SPT ตามแผนการรักษาที่ได้ทำการประเมินเอาไว้ในเบื้องต้น
                          5. ทำความสะอาดใบหน้า

                        การดูแลรักษาตัวหลังทำ Ulthera SPT

                          • หลังทำ Ulthera  SPT ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด แสงจัด ๆ และการโดนความร้อนโดยตรงที่ผิว อาทิ  การอบซาวน่า การแช่ออนเซ็น เป็นต้น
                          • หลังทำ Ulthera  SP ควรทาครีมบำรุงผิว และครีมกันแดดที่มีค่าSPF 50 ++ ทั้งก่อนออกแดด และระหว่างเจอแดด
                          • หลังทำ Ulthera  SPT หากเกิดอาการบวมควรนอนหนุนหมอนที่สูงกว่าระดับที่นอน เพื่อให้อาการบวมลดลง  อาการเหล่านี้เป็นอาการปกติสามารถหายได้เอง
                          • หลังทำ Ulthera  SP หากเกิดอาการบวม หรือ แดงมาก สามารถใช้การประคบเย็นร่วมด้วยได้
                          • หลังทำ Ulthera  SPT หากเกิดอาการผิวแห้งอัน เนื่องมาจากการทายาชา สามารถบำรุงผิวด้วยมอยเจอไรซ์เซอร์ หรือครีมบำรุงผิวได้
                          • หลังทำ Ulthera  SPT ควรงดการทาบำรุงประเภทไวท์เทนนิง รวมทั้งครีมที่มีการผลัดเซลล์ผิวประมาณ 1 สัปดาห์ เนื่องจากผิวยังมีความบอบบางอยู่มาก
                          • หลังทำ Ulthera  SPT ไม่ควรสัมผัสผิวหน้าแรง เนื่องจากอาจมีความระบมอยู่ในผิว สามารถรับประทานยาแก้ปวด เพื่อระงับอาการปวดได้ อาการระบมดังกล่าวจะสามารถหายได้เองใน 1 สัปดาห์ โดยไม่ต้องกังวล
                          • หลังทำ Ulthera  SPT ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุด

                        ในการทำ Ulthera SPT ใช้เวลากี่นาที ?

                        การทำ Ulthera  SPT แต่ละครั้งจะใช้เวลาในการรักษาตามแต่ปัญหาที่กังวลประมาณ 45-60 นาทีต่อครั้ง  ทั้งนี้เวลาอาจมีเหลื่อมล้ำตามปัญหาที่เกิดขึ้นของแต่ละบุคคล

                        ในบางกรณีที่คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บก็ไม่ผิดปกติ หากเจ็บหรือร้อนเกินกว่าการทนไหว สามารถแจ้งแพทย์ได้เพื่อให้แพทย์ปรับแผนการรักษา หรือปรับระดับตามสมควร

                        ผลลัพธ์หลังจากทำ Ulthera SPT

                        Ulthera  SPT จะสามารถเห็นผลลัพธ์หลังการรักษาได้ทันทีหลังทำ ตั้งแต่ครั้งแรกประมาณ 20-30% โดยผลลัพธ์หลังการรักษาจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อครบ 3 เดือน

                        Ulthera SPT สามารถคงผลลัพธ์ได้นานเท่าไร ?

                        Ulthera SPT สามารถคงสภาพผลลัพธ์ได้นานประมาณ 1–2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแล และสภาพผิวของของแต่ละบุคคล อีกทั้งหากทำ Ulthera SPT เป็นประจำต่อเนื่องในเวลาทุก ๆ 1-2 ปี จะทำให้คงความอ่อนเยาว์ใบหน้าให้ดูอ่อนกว่าวัยได้ถึง 10 ปี

                        Ulthera SPT มีอันตรายหรือมีผลข้างเคียงในการรักษาหรือไม่?

                        Ulthera SPT เป็นโปรแกรมที่ใช้พลังงานอัลตราซาวนด์ ชนิดเดียวกับที่วงการแพทย์ใช้ในการอัลตร้าซาวด์ทารกในครรภ์ ยังเป็นโปรแกรมที่ได้รับการคิดค้น วิจัยและประเมินระดับของพลังงานอัลตราซาวน์ที่ใช้ในการรักษา มาให้เหมาะสมในการยกกระชับให้กับทุกสภาพผิว อีกทั้ง Ulthera SPT ยังเป็นโปรแกรมที่ได้รับมาตรฐานการรองรับในระดับสากลจากประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA ) ได้รับการยอมรับในผลการรักษาจากหลากหลายประเทศในทั่วทุกมุมโลก และยังได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา หรืออย. จากประเทศไทย Ulthera  SPT จึงเป็นโปรแกรมที่มีความปลอดภัยในขั้นสูง มีความเชื่อถือได้ในความปลอดภัยจึงทำให้ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องกังวลในผลข้างเคียงในการรักษา

                        ulthera


                        ultherapy

                        Ulthera SPT ผู้ชายทำได้หรือไม่?

                        ในยุคที่ผู้ชายก็ดูแลใส่ใจในตัวเอง และรักตัวเองมากขึ้น Ulthera SPT ก็เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่แนะนำให้กับคุณผู้ชาย เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และการใช้ชีวิตของคุณผู้ชายในทุกรูปแบบ ที่ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายที่สมบุกสมบัน หรือบุกป่าฝ่าดงแค่ไหนก็สามารถทำ Ulthera SPT ได้ เนื่องจากเป็นโปรแกรมที่ก่อนทำไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก และหลังทำยังไม่ต้องดูแลอะไรมากอีกด้วย ไม่เจ็บ ไม่ช้ำ ไม่มีรอยเข็ม โดย Ulthera SPT ตอบโจทย์คุณผู้ชายครบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น การซ่อมแซม และฟื้นฟูผิวหน้า ช่วยยกกระชับ เพิ่มความอ่อนเยาว์ และยังให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติเหมาะกับคุณผู้ชายเป็นอย่างมาก จนกระทั่งปัจจุนคุณผู้ชายหลาย ๆ ท่านจึงรู้จักกันในชื่อ Ulthera For Men อีกด้วย

                        BF AT ULTHERA 01

                        Ulthera

                        ulthera


                        ulthera


                        ทำ Ulthera SPT ที่รมย์รวินท์คลินิก ดียังไง?

                        Ulthera SPT เป็นโปรแกรมที่โด่งดังและได้รับความสนใจ จากผู้ใช้บริการอย่างหลากหลาย แต่หลายคนที่ใช้บริการอาจยังไม่รู้ว่ามี Ulthera SPT อยู่มากมายตามท้องตลาด โดยรมย์รวินท์คลินิก เป็นคลินิกเสริมความงามที่สามารถการันตีได้ว่าใช้ Ulthera SPT เครื่องแท้ทุกสาขา สามารถตรวจสอบได้ที่ www.merzclubthailand.com  จากบริษัทผู้นำเข้าโดยตรง ทั้งยังมีสติกเกอร์ และโล่จากบริษัทเป็นเครื่องการันตี

                        รมย์รวินท์คลินิก เป็นคลินิกเสริมความงามที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน มีชื่อเสียงโด่งดัง มีเคสรีวิวมากมายเป็นการการันตีผลลัพธ์หลังการรักษา

                        รมย์รวินท์คลินิก มีแพทย์ผู้มีประสบการณ์ประจำอยู่ทุกสาขา เพื่อความสะดวกสบายในการให้บริการทุกท่าน

                        รมย์รวินท์คลินิก มีพนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้ทุกการบริการมีประสิทธิภาพที่สุด

                        สามารถเข้ารับบริการ Ulthera  SPT ที่รมย์รวินท์คลินิกได้แล้วทุกสาขาทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศ พร้อมรับโปรโมชั่นดี ๆ เพียงปรึกษาพนักงานหน้าสาขา

                        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                          วันที่สะดวกในการติดต่อ




                          เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว

                          EMFACE คืออะไร? ทำงานยังไง? ยกกระชับได้อย่างไร?

                          EMFACE

                          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                            วันที่สะดวกในการติดต่อ




                            เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว


                            BEFORE & AFTER


                            Emface


                            Emface

                            EMFACE เครื่องยกกระชับกล้ามเนื้อ เครื่องแรกของโลกที่ตอบโจทย์คนกลัวเจ็บ

                            EMFACE ยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้าเครื่องแรกและเครื่องเดียวของโลก มาพร้อม Applicator  ใหม่ ช่วยลดเหนียง สลายไขมัน

                            สุดยอดเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี สำหรับใช้ในการยกกระชับถึงชั้นกล้ามเนื้อของใบหน้า เครื่องแรก และเครื่องเดียวในโลก ที่สามารถทำได้ในขณะนี้ อีกทั้ง EMFACE ยังเป็นโปรแกรมที่ได้รับการยอมรับจากแพทย์และผู้ใช้จริง เซเลป ดารา คนดังจากทั่วโลก ว่าได้รับผลลัพธ์ที่เป็นที่น่าพึงพอใจ ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา ทั้งยังครองใจใครหลาย ๆ คน จนกลายเป็นกระแสว่าแพทย์ท่านใดไม่ได้ทำ EMFACE หรือคลินิกใดไม่มี EMFACE ไว้ให้บริการคนไข้ เท่ากับเชย ล้าสมัย หรือไม่เลือกสรรเทคโนโลยีที่ดีให้กับลูกค้า มาถึงขนาดนี้แล้วมาทำความรู้จักกับ EMFACE โดยละเอียดกันดีกว่า

                            EMFACE คืออะไร ?

                            EMFACE คือ โปรแกรมที่ผ่านการออกแบบวิจัยรวมทั้งพัฒนาโปรแกรมมาเป็นอย่างดี ในการใช้สำหรับยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า จึงทำให้ได้รับการขนานนามว่าเป็นที่สุดของเครื่องยกกระชับกล้ามเนื้อ ที่ทำงานกับกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้ ลึกกว่า และตรงจุดกว่า จึงเป็นการรักษาที่ได้ผลลัพธ์อย่างตรงจุด ทำให้ EMFACE ได้รับความน่าเชื่อถือ รวมทั้งได้รับการรับรองประสิทธิภาพ ความปลอดภัยจาก USFDA หรือ อย. จากประเทศสหรัฐอเมริการวมถึงทั่วโลก

                            EMFACE ยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้าทำงานอย่างไร ให้ผลลัพธ์อย่างไร ?

                            EMFACE ยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า เป็นโปรแกรมที่ให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับกล้ามเนื้อบนใบหน้าในระยะยาว โดยการทำงานของตัวเครื่องจะทำงาน โดยการใช้พลังงานในการช่วยกระตุ้นให้เกิดการทำงานต่อชั้นผิวบนใบหน้าได้อย่างครบทุกชั้น ตั้งแต่ชั้นผิวหนัง ไขมัน ไปจนถึงชั้นกล้ามเนื้อ อย่างครบถ้วนจึงทำให้ EMFACE ยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้าได้ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีเครื่องใดในโลกที่สามารถยกกระชับได้ถึงชั้นกล้ามเนื้อได้เลยในปัจจุบัน

                            EMFACE ยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า ไม่ใช่แค่เพียงกระตุ้นและยกกระชับกล้ามเนื้อบนใบหน้าเพียงอย่างเดียว EMFACE นั้นยังช่วยในการลดริ้วรอยขนาดเล็ก ๆ ร่องน้ำหมาก  ร่องแก้ม รวมทั้งยังช่วยสลายไขมันในได้ในเครื่องเดียว

                            โปรแกรม emface ใช้คลื่นอะไรในการยกกระชับ ?

                            EMFACE ใช้คลื่นอะไรในการยกกระชับ ?

                            EMFACE เป็นเครื่องยกกระชับกล้ามเนื้อ ที่มีความผสมผสานระหว่างสองเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน อันประกอบไปด้วย

                              • เทคโนโลยี HIFES (High Intensity facial electric stimulation)  คลื่นวิทยุความถี่ที่มีลักษณะพิเศษ ถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถกระจายพลังงานความร้อนจากตัวคลื่นได้อย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ ทำให้ผิวหนังในบริเวณที่ทำเกิดการหด เกร็ง เป็นจังหวะ 125 cycles จากการหดเกร็งนี่เอง จึงเป็นเหมือนการทำให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าเปรียบเสมือนได้รับการออกกำลังกาย จึงก่อให้เกิดคุณภาพของกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่ดีมากยิ่งขึ้นถึง 30% จากเดิม อีกทั้งเทคโนโลยีนี้ยังสามารถลงลึกถึงใต้ชั้นผิวได้ถึง 20 มิลลิเมตร และยังมีความปลอดภัยมาก เนื่องจากมี AI คอยควบคุมคุณภาพ และวัดระดับความลึกของการปล่อยคลื่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะแก่การทำการรักษา  นอกจากนี้คลื่นชนิดนี้ยังช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างการผลิตคอลลาเจน และอิลาสตินบริเวณใต้ผิวหนัง ในผิวหนังชั้น ไขมันใต้ผิวหนัง และชั้นผิวหนังแท้ จึงทำให้ผิวบริเวณที่ทำ มีความเรียบเนียน กระชับ ไร้ริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่น  
                              • เทคโนโลยี Synchronized RF พลังงานคลื่นวิทยุแม่เหล็กที่มีไฟฟ้าแรงสูง ที่ช่วยในการกระตุ้นการยกกระชับ ตั้งแต่ชั้นผิวหนังแท้ ไปจนถึงชั้นกล้ามเนื้อ และจะทำงานร่วมกันกับพลังงาน RF จึงสามารถช่วยในการเผาผลาญไขมันที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังได้ อีกทั้งพลังงานยังสามารถควบคุมพลังงาน RF ดังกล่าวให้ไม่ปล่อยความร้อนลงสู่ชั้นผิว จึงทำให้ไม่เกิดการเบิร์นของผิวและยังช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รวมถึงอีลาสตินที่อยู่บริเวณใต้ผิว ทั้งยังคงความยืดหยุ่นรวมกับช่วยพยุงผิวหนังไปพร้อม ๆ กันกับการยกกระชับกล้ามเนื้อแบบลงลึกถึง 37%

                            โปรแกรม emface ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

                            EMFACE ยกกระชับกล้ามเนื้อบนใบหน้า ได้รับการวิจัยอย่างแม่นยำแล้วว่าสามารถยกกระชับได้ลงลึกถึงกล้ามเนื้อ และยังสามารถช่วยเพิ่มจำนวนและปริมาณการสร้างคอลลาเจน (Collagen) ใต้ชั้นผิวได้ถึง 27% เพิ่มอิลาสติน (Elastin) บริเวณใต้ชั้นผิวได้สูงสุดถึง 129% EMFACE  ยังช่วยในการเพิ่มความหนาแน่นของกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้สูงสุดถึง 19.2% ช่วยเพิ่มเส้นใยของกล้ามเนื้อใบหน้าได้ 19.2% ช่วยลดริ้วรอยได้สูงสุดถึง 37% ช่วยในการยกกระชับผิวหนังได้สูงสุดถึง 23% ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อและยกกระชับกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้อีกถึง 30% เลยทีเดียว

                            ไฮไลต์สำคัญของ EMFACE คือการเป็นโปรแกรมที่ช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้าได้ถึงบริเวณชั้น SMAS ที่เป็นเนื้อเยื่อติดกับกล้ามเนื้อ มีคุณสมบัติในการยกพยุงโครงสร้างใบหน้า เป็นชั้นที่ศัลยแพทย์ใช้สำหรับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า

                            รวมทั้ง EMFACE ยังสามารถลงลึกถึงผิวหนังชั้น Muscle หรือชั้นกล้ามเนื้อที่ยังไม่มีเครื่องใดทำได้ จึงทำให้ผลลัพธ์ในการทำ EMFACE ได้ผลที่ดีเกินคาดจากผู้ใช้บริการจริง ไม่เพียงเท่านั้น EMFACE ยังช่วยในการลดความหย่อนคล้อยของบริเวณ Skin layer ทั้งสองชั้นอย่าง ชั้นหนังกำพร้า (epidermis) ชั้นหนังแท้ (dermis) และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง Superfacial Fat (Subcutaneous) ได้อีกด้วย

                            EMFACE ยกกระชับได้ในผิวหนังชั้นใดบ้าง? 

                            สามารถแจกแจงได้ดังนี้

                            Skin Layer 

                              • Epidermis
                              • Dermis

                            Superficial 

                              • Fat (Subcutaneous)

                            SMAS

                            Muscle 

                              • Retaining Ligament & Spaces

                            การติดเครื่องมือ Applicator ของ EMFACE จะติดด้วยกัน 3 บริเวณคือ 

                              1. บริเวณแก้มซ้าย
                              2. บริเวณแก้มขวา
                              3. บริเวณหน้าผาก

                            ใหม่ล่าสุด EMFACE ออก Applicator ใหม่ เอาใจคนมีไขมันบนใบหน้าเยอะ มีเหนียง มีแก้มล่างสะสมที่ต้องการจะลดเหนียง ซึ่งในขณะนี้มีเพียงไม่กี่คลินิกในประเทศไทย และรมรวินท์คลินิกมีให้บริการเป็นคลินิกอันดับต้น ๆ ของไทย

                            Emface Submentum

                             EMFACE และ EMFACE Submentum แตกต่างกันอย่างไร ? 

                             EMFACE Submentum แตกต่างกับ EMFACE คือ การที่ออกแบบ Applicator ใหม่ ที่ต่างจากของเดิม เนื่องจาก Applicator ใหม่นี้จะทำงานโดยเน้นสลายไขมันบริเวณใต้คาง เพื่อช่วยในการลดเหนียง ไปพร้อม ๆ กับยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณใต้คาง (Double Chin) ซึ่งจะช่วยในการลดขนาดของเซลล์ไขมันสะสม ที่เป็นส่วนเกินอยู่บริเวณใต้คาง จนกลายเป็นเหนียง หรือคางสองชั้นที่เราเห็นกันนั่นเอง

                            ในกรณีนี้ไม่ใช่เพียงแค่คนเจ้าเนื้อหรืออ้วนเท่านั้น คนผอมก็สามารถมีเหนียง หรือคางสองชั้นได้เช่นกัน โดยการติดเครื่องมือของ EMFACE Submentum เพื่อลดเหนียงจะติด Applicator ในบริเวณที่แตกต่างกับ EMFACE ปกติ เนื่องจากจะเน้นเป็นการลดเหนียงและคางสองชั้นมากกว่า โดยจะติดด้วยกัน 3 บริเวณ คือ

                              1. บริเวณแก้มซ้าย
                              2. บริเวณแก้มขวา
                              3. บริเวณเหนียง ใต้คาง

                            Applicator แต่ละแผ่นของ EMFACE และ EMFACE Submentum ทำงานอย่างไร ? 

                            Applicator ของ EMFACE ติดบริเวณหน้าผาก

                            เพื่อช่วยในการยกกระชับกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณหน้าผาก เหนือคิ้ว หางคิ้ว ยกหางตาตก และยังช่วยลดริ้วรอยบริเวณใบหน้าส่วนบน หรือ (Upper face) ให้มีขนาดเล็กลง จนถึงไม่มีเลย  

                            Applicator ของ EMFACE ติดบริเวณแก้มซ้ายและขวา

                            เพื่อช่วยในการยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้าส่วนกลาง และส่วนล่าง ให้ยกขึ้น เช่น ยกแก้มที่หย่อนคล้อย มุมปากที่ตกลง กระเปาะแก้มที่หย่อนและตกลงให้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดริ้วรอย อาทิ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องลึกต่าง ๆ ให้ตื้นขึ้น และดียิ่งขึ้น เปรียบเสมือนการออกกำลังกายให้กับใบหน้า 

                            Applicator ของ EMFACE Submentum ติดบริเวณเหนียง (Double Chin 

                            เพื่อช่วยลดลดเหนียง และสลายไขมันที่สะสมอยู่บริเวณใต้คาง ทั้งยังช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อในบริเวณใต้คางไปพร้อม ๆ กัน จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จะได้ทั้ง ลดเหนียง และยกกระชับในคราวเดียวกันหลังจากทำการรักษา 

                            emface เหมาะกับใคร

                            EMFACE และ EMFACE Submentum เหมาะกับใคร ? 

                            EMFACE EMFACE Submentum สามารถทำได้ตั้งแต่คนไข้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป โดยคนที่มีอายุในช่วง 20 ปี จะเป็นกลุ่มที่ยังไม่ปัญหาเรื่องความหย่อนคล้อยมากนัก แต่อาจจะมีปัญหาเรื่อง Baby Fat

                            หากทำ EMFACE จะช่วยในการยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้า ปรับขนาดใบหน้าให้เล็กลงและยกกระชับมากขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าดูคมชัด ได้สัดส่วนที่สวยงามมากขึ้น และยังช่วยยืดอายุ ป้องกันใบหน้าไม่ให้หย่อนคล้อยก่อนวัย และช่วยชะลออายุผิวได้ด้วยในอนาคต

                            หากทำ EMFACE Submentum จะช่วยลดไขมันบริเวณใบหน้า ทั้งแก้ม ใต้คางหรือลดเหนียง ทำให้ใบหน้าดูโตเป็นสาวมากขึ้น และเห็นรูปหน้าที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

                            EMFACE EMFACE Submentum ในกลุ่มคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป จะเริ่มมีปัญหาใบหน้า และผิวหน้ามากขึ้นแล้ว การทำ EMFACE เป็นเหมือนการยกความหย่อนคล้อยของใบหน้าอย่างตรงจุด ที่สามารถทำได้ทุก ๆ ปี เมื่อรู้สึกกังวล แต่ได้ผลลัพธ์เทียบเท่าการทำศัลยกรรมดึงหน้า แต่ไม่จำเป็นต้องหย่อนคล้อยมากจึงจะทำได้ เหมือนการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าก็สามารถทำได้

                            หากทำ EMFACE จะช่วยลดความหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นจากวัย และปัจจัยอื่น ๆ บนใบหน้า โดยหากทำ EMFACE จะเข้าไปทำการยกกระชับกล้ามเนื้อ ลดริ้วรอยทั้งลึกและตื้น ทั้งนี้ยังช่วยเรื่องความอ่อนเยาว์ และทำให้ใบหน้าดูสดใส เนื่องจาก EMFACE ยกกระชับกล้ามเนื้อใบหน้าช่วยยกทั้ง หางตา และมุมปาก อันเป็นส่วนที่เมื่อมีอายุจะเริ่มตกลง จึงทำให้ใบหน้าของคนเราดูเศร้า และดูดุด้วย

                            EMFACE Submentum จะช่วยทำให้ช่วงล่างของใบหน้า และบริเวณกรอบหน้ามีความคมชัดมากขึ้น และยังเป็นการลดยกกระชับในส่วนไขมัน ลดเหนียง คางสองชั้น กระเปาแก้ม ที่ไม่ว่าจะเป็นคนในช่วงอายุเท่าไรก็สามารถมีได้ทุกคนด้วย

                            หากทำ EMFACE จะช่วยแก้ปัญหาอะไรบนใบหน้าได้บ้าง ? 

                              • EMFACE จะช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผาก
                              • EMFACE จะช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม
                              • EMFACE จะช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณ Jawline
                              • EMFACE จะช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณคิ้ว
                              • EMFACE จะช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณหางตา
                              • EMFACE จะช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อมุมปาก
                              • EMFACE จะช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อกรอบหน้า
                              • EMFACE จะช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อกระเปาะแก้ม
                              • EMFACE ช่วยลดริ้วรอยทั่วทั้งใบหน้า

                            EMFACE Submentum ช่วยแก้ปัญหาอะไรบนใบหน้าได้บ้าง ? 

                              • EMFACE Submentum จะช่วยลดเหนียง (Double Chin) และลดไขมันใต้คาง
                              • EMFACE Submentum จะช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม
                              • EMFACE Submentum จะช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อมุมปาก
                              • EMFACE Submentum จะช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อกระเปาะแก้ม
                              • EMFACE Submentum จะช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อกรอบหน้า
                              • EMFACE Submentum จะช่วยยกกระชับกล้ามเนื้อบริเวณ Jawline

                            EMFACE และ EMFACE Submentum ต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่องกี่ครั้งจึงจะเห็นผลดีที่สุด ?

                            เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการรักษา EMFACE และ EMFACE Submentum ควรเข้ารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอให้ครบ Protocol ของโปรแกรม คือ 4 ครั้ง และเว้นระยะห่างในการทำแต่ละครั้ง 1 สัปดาห์ หรือ 7 วัน หรือตามวันนัดของแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ในการลดเหนียง 

                            EMFACE และ EMFACE Submentum สามารถคงผลลัพธ์ได้นานเท่าไร ? 

                            หลังจากการทำ EMFACE และ EMFACE Submentum ครบ Protocol สามารถคงผลลัพธ์ในการยกกระชับกล้ามเนื้อ ลดเหนียงและไขมันบนใบหน้าได้นานถึง 1 ปี 

                            หลังจากทำ EMFACE และ EMFACE Submentum ครบแล้วควรเข้ามาทำอีกทีเมื่อไหร่ ? 

                            หลังจากเข้ารับการรักษา EMFACE และ EMFACE Submentum แล้ว จะสามารถคงสภาพการยกกระชับกล้ามเนื้อไขมัน และลดเหนียงได้ถึง 1 ปี จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาบ่อย และสามารถทิ้งช่วงการรักษาได้ถึง 1 ปี ในระหว่างนั้นสามารถทำโปรแกรมยกกระชับอื่น เพื่อเป็นการทำให้ผลลัพธ์ในการรักษาดียิ่งขึ้นได้ 

                            emface นวัตรกรรมออกกำลังกายให้กระชับใบหน้า

                            EMFACE และ EMFACE Submentum ใช้เวลาในการรักษานานเท่าไร? 

                            ในการรับการรักษา EMFACE และ EMFACE Submentum ใช้ระยะเวลาในการทำเพียง 20 นาทีเท่านั้น และไม่ต้องทา หรือฉีดยาชาร่วมในการรักษา  

                            EMFACE และ EMFACE Submentum ใช้เวลานานเท่าไรจึงจะเห็นผลลัพธ์ในการรักษา ? 

                            สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังทำในครั้งแรก แต่จะเห็นผลลัพธ์ชัดขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เข้ารับการรักษาในครั้งที่ 1-3 และจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน หลังจากทำการรักษาครบ 4 ครั้ง นอกจากนี้หลังจากทำการรักษาครบ 4 ครั้งแล้ว ประสิทธิภาพของ EMFACE และ EMFACE Submentum ยังจะทำงานกับผิวหน้าต่อ จึงส่งผลให้การรักษาเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

                            ความรู้สึกระหว่างทำโปรแกรม emface และโปรแกรม EMFACE Submentum

                            ความรู้สึกระหว่างทำ EMFACE และ EMFACE Submentum

                              • ระหว่างทำจะรู้สึกตึงบนหน้า
                              • ระหว่างทำจะรู้สึกเหมือนโดนดึงหน้า
                              • ระหว่างทำจะรู้สึกกระตุก ๆ บนใบหน้า
                              • ระหว่างทำจะรู้สึกเหมือนโดนเครื่องบังคับใบหน้าให้ขยับไปตามเครื่อง
                              • ระหว่างทำจะรู้สึกอุ่นในบริเวณที่แปะ Applicator
                              • ระหว่างทำจะรู้สึกกระตุกจากการยกกระชับของกล้ามเนื้อที่อยู่บนใบหน้า
                              • ระหว่างทำจะรู้สึกเหมือนถูกนวด
                              • บริเวณเหนียงจะมีความอุ่นมากกว่าบริเวณใบหน้า เนื่องจากพลังงานของ Applicator มีความร้อนที่สูงกว่า
                            •  

                            emface ยกกระชับใบหน้าทันทีหลังทำ

                            หมายเหตุ*

                            ความรู้สึกตามที่กล่าวมาข้างต้นนั้น จะเป็นเพียงการส่งกระแสคลื่นพลังงานตามจังหวะ และพัก สลับกันเป็นจังหวะ ไม่ใช่การดูด หรือการช๊อตของไฟฟ้า ผู้ที่มีความกลัว หรือกังวล รวมทั้งกลัวเข็ม สามารถเข้ารับการรักษาได้โดยไร้กังวล

                            emface
                            emface

                            การดูแลตัวเองก่อนเข้ารับการรักษา EMFACE และ EMFACE Submentum  

                              • พักผ่อนให้เพียงพอ
                              • ดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อเตรียมพร้อมผิวให้พร้อมรับการกระตุ้น
                              • ไม่ต้องแต่งหน้าวันที่เข้ารับการรักษา

                            การดูแลตัวเองหลังเข้ารับการรักษา EMFACE และ EMFACE Submentum

                            EMFACE และ EMFACE Submentum เป็นโปรแกรมที่หลังเข้ารับการรักษาจะไม่มีรอยเข็ม ไม่มีรอยช้ำ จึงไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ สามารถทาครีมบำรุง และแต่งหน้า รวมทั้งใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ 

                            emface
                            emface

                            อาการหลังเข้ารับการรักษา EMFACE และ EMFACE Submentum  

                            หลังเข้ารับการรักษาในแต่ละครั้ง หากเป็นผู้ที่มีผิวบาง หรือผิวแพ้ง่าย อาจจะเห็นเป็นรอยแดงจากการติดแผ่น Applicator และความอุ่นของเครื่องเพียงเล็กน้อย ในระยะเวลาอันสั้น จึงไม่ต้องกังวล เนื่องจากรอยแดงที่เกิดขึ้นนั้นสามารถหายไปได้เอง และอาจมีอาการเสียวฟันบ้างในผู้เข้ารับการรักษาบางท่าน

                            โดยอาการดังกล่าวไม่เป็นอาการอันตราย

                            emface
                            emface

                            ใครไม่เหมาะกับการเข้ารับการรักษาด้วย EMFACE และ EMFACE Submentum ? 

                              • ผู้ที่มีโลหะใกล้กับบริเวณที่ทำการรักษา หรือบริเวณที่ติดเครื่องมือ
                              • ผู้ที่มีประวัติเคยทำการรักษาโรค ด้วยการใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ
                              • ผู้ที่เคยมี หรือกำลังมีอาการตับหรือไตวาย
                              • ผู้ที่เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด หรือมีอาการเกี่ยวกับหัวใจ
                              • ผู้ที่ทำเคมีบำบัด
                              • ผู้ที่อยู่ในระหว่างการใช้รังสีรักษา
                              • ผู้ที่มีการเสริมซิลิโคนหน้าผาก เนื่องจากอาจทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของซิลิโคนที่เสริมมา
                              • สตรีที่กำลังตั้งครรภ์

                            ทั้งนี้ในการปรึกษา ก่อนเข้ารับการรักษาควรแจ้งอาการของโรคที่เป็น และอาการต่าง ๆ ในร่างกายให้แพทย์ทราบโดยละเอียด เพื่อให้การประเมินการรักษา เป็นไปอย่างแม่นยำที่สุด  เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และความปลอดภัยในการรักษา

                            emface VS เครื่องยกกระชับที่มาแรง

                            EMFACE และ EMFACE Submentum สามารถทำร่วมกับหัตถการประเภทใดได้บ้าง ? 

                            สามารถจำแนกได้เป็นกลุ่มการรักษา ดังนี้ 

                            หัตถการกลุ่มฉีด

                            สามารถทำ EMFACE และ EMFACE Submentum ร่วมกับหัตถการกลุ่มฉีดได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น สารยับยั้งกล้ามเนื้อ หรือฉีดโบ ,สารเติมเต็ม (ฉีด Filler ไม่ว่าจะเป็นฉีดเพื่อปรับรูปหน้า หรือฉีดฟิลเลอร์งานผิว) สารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator เช่น ฉีด Radiesse ฉีด sculptra) ฉีดงานผิว (เช่น ฉีด Rejuran หรือไหมน้ำชนิดต่าง ๆ) รวมทั้งการสลายไขมันลดเหนียง เป็นต้น

                            หัตถการกลุ่มฉีดดังกล่าว สามารถทำร่วมกับ EMFACE และ EMFACE Submentum ได้เนื่องจากพลังงานของตัวเครื่องจะไม่ส่งผลเสียกับตัวยา และไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่หากทำหัตถการกลุ่มฉีดมาแล้ว ควรเว้นระยะเวลา 2-4 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับการรักษาด้วย EMFACE และ EMFACE Submentum เพื่อให้รอยแผลจากการฉีดปิดสนิทเข้าที่ และตัวยาที่ฉีดเข้าไปเข้าที่เข้าทางเป็นอย่างดี

                            หากต้องการเข้ารับการรักษา EMFACE และ EMFACE Submentum และหัตถการประเภทฉีดในการรักษาครั้งเดียวกัน ควรทำ EMFACE และ EMFACE Submentum ก่อนเสมอ เพื่อป้องกันตัวยาเกิดการเคลื่อนที่และกระจายตัว นอกจากนี้คลื่นจาก EMFACE และ EMFACE Submentum อาจเข้าไปทำการสลายตัวยา หรือเข้าไปทำให้ตัวยาออกฤทธิ์ผิดชั้นได้

                            หัตถการกลุ่มเครื่อง

                            สามารถทำ EMFACE และ EMFACE Submentum ร่วมกับหัตถการกลุ่มเครื่องได้ทุกชนิด แต่ต้องเข้ารับการรักษาคนละครั้ง เนื่องจากเครื่องยกกระชับ และลดเหนียงแต่ละเครื่องมีพลังงานการส่งคลื่นคนละชนิด และความลึกในการยิงคลื่นลงชั้นผิวยังมีความแตกต่างกัน หากทำร่วมกับโปรแกรมยกกระชับเครื่องอื่น ๆ จะยิ่งเป็นการทำให้ผลลัพธ์ในการรักษาดียิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นการยกกระชับในทุกชั้นผิวอย่างทั่วถึงนั่นเอง

                            emface VS เครื่องยกกระชับอื่น ต่างกันอย่างไร

                            ทรีทเมนต์ (Treatment) 

                            สามารถทำ EMFACE และ EMFACE Submentum ได้ เนื่องจากเป็นการดูแลปรนนิบัติผิว ไม่มีแผล ไม่มีรอยเข็ม สามารถทำก่อน หรือหลังการทำ EMFACE และ EMFACE Submentum ได้โดยไม่มีอันตราย

                            การทำหัตถการเฉพาะจุด เช่นฉีดสิว

                            สามารถทำได้แต่ควรทำ EMFACE และ EMFACE Submentum ก่อน เนื่องจากป้องกันการเจ็บ อาการช้ำจากรอยเข็มที่ทำการรักษา หรือควรทำคนละรอบการรักษาโดยทิ้งระยะห่างในการรักษา 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ตัวยาที่ฉีดมาออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มที่ก่อน

                            กลุ่มให้วิตามินบำรุงผิว และฟื้นฟูร่างกาย

                            สามารถทำการรักษาได้ตามปกติ เนื่องจากการรักษากลุ่มนี้เป็นการดูแลผิว และไม่ได้ทำบริเวณใบหน้า ไม่มีคลื่น และรอยเข็มบนใบหน้า จึงไม่ทำให้เกิดอันตรายจากรอยเข็ม อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมผิวทั่วทั้งร่างกาย

                            ทั้งนี้ก่อนเข้ารับการรักษา ควรแจ้งความประสงค์แก่เจ้าหน้าที่ในการเข้ารับการรักษา เพื่อการเรียงลำดับการทำหัตถการในแต่ละครั้งให้ถูกต้อง และเพื่อผลลัพธ์ในการรักษาทุกโปรแกรม ทุกตัวยา และทุกเครื่องอย่างดีที่สุด


                            EMFACE เป็นโปรแกรมยกกระชับกล้ามเนื้อเครื่องแรก และเครื่องเดียวในโลก ที่ตอนนี้มีการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น โดยการเพิ่ม Applicator ที่ใช้ติดบริเวณเหนียง เพื่อลดเหนียงทำให้การรักษาครอบคลุมทั่วทั้งใบหน้า มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่มีเข็ม ไม่เจ็บ ไม่แสบ ไม่ร้อนในระหว่างทำ แต่เป็นเครื่องที่อาศัยความแม่นยำในการติดแผ่น Applicator ของแพทย์เป็นอย่างมาก หากติดผิดพลาด ไม่ถูกทิศทางของกล้ามเนื้อ หรือไม่รู้สรีระบนใบหน้า อาจทำให้การรักษาไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดี และอาจทำให้เกิดผลกระทบอื่น ๆ ตามมา


                            รมย์รวินท์คลินิก คลินิกเสริมความงามอันดับต้นๆของประเทศไทย 

                            รมย์รวินท์คลินิก นำทีมโดยแพทย์ที่มากความสามารถและได้รับความน่าเชื่อถือมากมายพร้อมให้การรักษารวมทั้งให้คำปรึกษา ทั้งยังมีประสบการณ์ในการดูแลคนไข้นับ 30 ปี และมีสาขาทั่วทั้งประเทศไทย พร้อมให้คนไข้เข้ารับการรักษา จึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่ามีความน่าเชื่อถือ ทุกการรักษาเห็นผลจริง จึงทำให้มีคนไข้เข้ามาเข้ารับการรักษาเป็นจำนวนมาก

                            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





                              วันที่สะดวกในการติดต่อ




                              เมื่อลงทะเบียนถือว่าท่านยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว