โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์แก้ไขริ้วรอยได้จริงไหม? ก่อนฉีดควรรู้อะไรบ้าง?
ริ้วรอย เป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนของความเสื่อมสภาพบนผิวหนัง ซึ่งมักเกิดขึ้นตามวัยเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น แต่ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทางการแพทย์ความงาม ทำให้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ และได้รับความนิยม สำหรับการลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า วันนี้ รมย์รวินท์คลินิก จะพาไปเรียนรู้ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์แก้ไขริ้วรอยว่า โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์สามารถเติมเต็มริ้วรอยได้จริงไหม? แล้วมีจุดไหนที่ฉีดได้บ้าง? บทความนี้ รวบรวมข้อมูลมาให้แล้วค่ะ
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์แก้ไขริ้วรอยได้จริงไหม? สามารถฉีดจุดไหนได้บ้าง?
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์แก้ไขริ้วรอย ได้จริงไหม?
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดเลือนริ้วรอย ร่องลึกอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะริ้วรอยตื้น ๆ ไปจนถึงร่องลึกเกิดจากการยุบตัวของชั้นผิว และชั้นกระดูก เนื่องจากโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารเติมเต็มที่ทำหน้าที่เติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกบริเวณใบหน้า ทำให้ริ้วรอย และร่องลึกต่าง ๆ ดูตื้นขึ้นทันทีที่ฉีด ส่งผลให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียน เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง โดยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์สามารถนำมาฉีดได้หลายบริเวณ เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ใต้ตา หรือมุมปาก นอกจากนี้ โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก แต่ยังช่วยในการเติมเต็มความชุ่มชื้น ยกกระชับผิว รวมถึง ปรับรูปหน้าได้อีกด้วย
ทำความรู้จัก โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปในบริเวณที่มีริ้วรอย หรือร่องลึกบนใบหน้า เพื่อเติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกต่าง ๆ ให้ดูตื้นขึ้น ซึ่ง HA ที่ใช้ เป็นสารสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นมา เพื่อเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกาย มีคุณสมบัติหลักในการอุ้มน้ำ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว แต่เมื่ออายุมากขึ้น HA ในร่างกายจะค่อย ๆ ลดน้อยลง ทำให้ผิวเริ่มสูญเสียความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่น จนเกิดริ้วรอย ร่องลึก หรือผิวหย่อนคล้อยได้ง่าย ซึ่งโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ประเภท HA จะช่วยเติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกต่าง ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อทดแทนบริเวณที่เสื่อมสภาพไปตามอายุ โดยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอยนั้น สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ในทันทีที่ฉีด
ริ้วรอย คืออะไร?
ริ้วรอย คือ เส้น หรือรอยพับบนผิวหนัง ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการเสื่อมสภาพของผิวหนังที่ประกอบด้วยคอลลาเจน อีลาสติน และ Hyaluronic Acid (HA) ที่ทำหน้าที่สำคัญในการเพิ่มความชุ่มชื้น และพยุงโครงสร้างผิวให้มีความแข็งแรง แต่พออายุเพิ่มขึ้น ปริมาณของสารเหล่านี้จะค่อย ๆ ลดลง ประมาณ 1 – 1.5% ต่อปี ส่งผลให้ผิวหนังเริ่มสูญเสียความยืดหยุ่น และเกิดเป็นริ้วรอย ร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า โดยจะสามารถสังเกตเห็นได้ชัด เมื่ออายุ 25 ปีขึ้นไป แต่ในบางคนอาจมีริ้วรอยก่อนวัยเกิดขึ้นได้เช่นกัน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การโดนแสงแดด ความเครียด หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
ริ้วรอย มีกี่ประเภท?
- ริ้วรอยตื้น (Fine Lines)
ริ้วรอยตื้น มีลักษณะเป็นริ้วรอยเส้นเล็กบาง ๆ บนผิวหนัง ซึ่งเป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นในระยะแรก ส่วนใหญ่มักเกิดจากผิวหนังชั้นบนแห้งกร้าน หรือขาดความชุ่มชื้น เช่น บริเวณรอบดวงตา หรือมุมปาก แต่หากปล่อยไว้นาน ๆ อาจสามารถพัฒนาไปเป็นริ้วรอยลึกได้
- ริ้วรอยลึก (Deep Wrinkles)
ริ้วรอยลึก มีลักษณะเป็นริ้วรอย ร่องลึกที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แม้ไม่มีการขยับใบหน้า ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากความเสื่อมสภาพของคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิว รวมถึง พฤติกรรมการแสดงสีหน้าบ่อย ๆ ทำให้ผิวไม่สามารถเต่งตึงได้ตามปกติ โดยสามารถเห็นได้บ่อยในบริเวณร่องแก้ม หรือหน้าผาก
ริ้วรอย เกิดจากอะไร?
- อายุ เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอยตามธรรมชาติ เนื่องจากพออายุมากขึ้น ฮอร์โมนในร่างกายก็จะค่อย ๆ ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวขาดน้ำ สูญเสียความยืดหยุ่น จนเกิดเป็นริ้วรอย ร่องลึกได้
- แสงแดด โดย รังสี UVA และ UVB ในแสงแดด ถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิวถูกทำลาย ส่งผลโครงสร้างผิวอ่อนแอ จนผิวขาดความยืดหยุ่น และมีริ้วรอยก่อนวัยเกิดขึ้นได้ง่ายมากขึ้น
- การแสดงสีหน้า เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดริ้วรอย เช่น การยิ้ม หัวเราะ ขมวดคิ้ว หรือตกใจ ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อใต้ผิวหนังเกิดการหดตัวซ้ำ ๆ จนเกิดเป็นเส้น หรือรอยพับบนใบหน้า
- ความเครียด เมื่อมีความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา ซึ่งจะเข้าไปทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น และขาดความยืดหยุ่น จนเกิดเป็นริ้วรอย ร่องลึกบนใบหน้า
- สูบบุหรี่ สารนิโคติน และสารพิษในบุหรี่ ถือเป็นตัวการสำคัญในการเร่งให้ผิวแก่ก่อนวัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ จนมีริ้วรอยเกิดขึ้นได้ง่าย
- พักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนหลับ หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ตามปกติ จนส่งผลกระทบให้ผิวอ่อนแอ ขาดความยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้
- ขาดความชุ่มชื้น เนื่องจาก Hyaluronic Acid (HA) ในผิวลดน้อยลง ทำให้ผิวขาดน้ำ ไม่สดใส จนเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าผิวที่ชุ่มชื้น
รวมจุดฉีดโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย และร่องลึก สามารถฉีดได้หลายจุดบริเวณใบหน้า โดยส่วนใหญ่ จุดที่นิยมฉีดโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก มีดังนี้
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ บริเวณใต้ตา เพื่อเติมเต็มริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ บริเวณรอบดวงตา รวมถึงเติมเต็มร่องลึกใต้ตาให้ดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสดใส ไม่โทรม
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ บริเวณหน้าผาก เพื่อเติมเต็มริ้วรอย หรือรอยย่นบริเวณหน้าผาก รวมถึง ปรับรูปทรงหน้าผากให้ดูมีมิติมากขึ้น
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ บริเวณร่องแก้ม เพื่อเติมเต็มริ้วรอย หรือร่องลึกบริเวณร่องแก้มให้มีความอิ่มฟู คืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ บริเวณร่องน้ำหมาก เพื่อเติมเต็มริ้วรอย หรือร่องลึกบริเวณร่องน้ำหมากให้ดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ บริเวณมุมปาก เพื่อเติมเต็มริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ หรือร่องบริเวณมุมปาก รวมถึง ช่วยยกมุมปากขึ้น ทำให้ใบหน้าสดใส ดูเป็นมิตร
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย เหมาะกับใคร?
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอย และร่องลึกบนใบหน้า เช่น บริเวณร่องแก้ม หรือรอบดวงตา
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ต้องการเติมน้ำให้ผิว
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ห้อยย้อย ขาดความกระชับ
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น และความอิ่มฟู
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวเสื่อมสภาพจากอายุที่มากขึ้น
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการชะลอริ้วรอยก่อนวัย
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในทันที
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด และไม่ต้องการพักฟื้นนาน
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย ไม่เหมาะกับใคร?
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในระหว่างการให้นมบุตร
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้ Hyaluronic Acid (HA) ในโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเลือดออกไม่หยุด
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบ หรือติดเชื้อ
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้ยาชา เนื่องจากโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์บางยี่ห้อมียาชาผสมอยู่
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย ดีอย่างไร?
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยตื้น ๆ และริ้วรอยร่องลึกได้อย่างตรงจุด
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยจะเห็นได้ชัดว่า ริ้วรอย และร่องลึกดูตื้นขึ้นทันทีที่ฉีด
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย ไม่ต้องพักฟื้น เนื่องจากเป็นหัตถการที่ไม่มีรอยแผล หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เสร็จ สามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย ไม่เป็นอันตราย เนื่องจากโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์มีส่วนประกอบของสาร Hyaluronic Acid (HA) ที่สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และไม่ตกค้างในชั้นผิว
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย มีความสะดวกรวดเร็ว เนื่องจากโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ใช้ระยะเวลาในการฉีดไม่นาน ประมาณ 15 – 30 นาที จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย กับ ฉีดโบลดริ้วรอย ต่างกันอย่างไร?
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย กับการฉีดโบลดริ้วรอย เป็นตัวช่วยในการแก้ไขปัญหาริ้วรอยทั้งคู่ แต่ทั้งสองหัตถการก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ในด้านของคุณสมบัติ หลักทำงาน บริเวณที่ฉีด และผลลัพธ์ที่ได้ ดังนี้
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย จะใช้สาร Hyaluronic Acid (HA) เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งเป็นสารที่เลียนแบบสารในร่างกาย มีลักษณะเป็นเนื้อเจลที่มีโมเลกุลหลากหลาย สามารถเลือกฉีดได้ตามความเหมาะสมในแต่ละปัญหา เช่น เนื้อแข็ง เนื้อนิ่ม หรือเนื้อละเอียด โดยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์แต่ละประเภทก็จะใช้ฉีดในชั้นผิวที่แตกต่างกัน ทั้งผิวหนังชั้นลึก ผิวหนังชั้นตื้น หรือแม้แต่ชั้นกระดูก เพื่อเข้าไปเติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หรือร่องน้ำหมาก ซึ่งสามารถเติมเต็มได้ทั้งริ้วรอยตื้น ๆ และริ้วรอยร่องลึก รวมถึง นำมาฉีดเพื่อเสริมปริมาตรให้ผิวในบริเวณที่ยุบตัว จากการสูญเสียคอลลาเจน อีลาสติน และกระดูกที่ทรุดตัวตามวัย ทำให้ริ้วรอยบริเวณที่ฉีดดูตื้นขึ้น ผิวมีความอิ่มฟู เต่งตึง และเรียบเนียนขึ้นทันทีที่ฉีด ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์สามารถคงผลลัพธ์ได้นาน ประมาณ 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่ใช้
- โปรแกรมฉีดโบลดริ้วรอย จะใช้สารที่สกัดจากแบคทีเรียชนิดหนึ่งเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งมีคุณสมบัติในการคลายกล้ามเนื้อ และมีลักษณะเป็นผลึกสีขาว ต้องนำมาผสมน้ำเกลือก่อนฉีด โดยโบลดริ้วรอยจะใช้ฉีดในชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ในการยับยั้งการหดเกร็งของกล้ามเนื้อโดยตรง ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัวลง ส่งผลให้ริ้วรอย หรือรอยพับต่าง ๆ กลับมาเรียบตึงเหมือนเดิม ซึ่งถือเป็นการลดริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าได้อย่างตรงจุด เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยระหว่างคิ้ว หรือริ้วรอยหางตา โดยสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ใน 3 – 4 วันหลังฉีด และสามารถคงอยู่ได้นาน ประมาณ 4 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฉีดโบที่ใช้
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ และโปรแกรมฉีดโบ มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์จะเน้นในการเติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกในทันทีที่ฉีด ส่วนการฉีดโบจะเน้นยับยั้งการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ทำให้ลดเลือนริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ และโปรแกรมฉีดโบนั้น สามารถฉีดร่วมกันได้ หากต้องการผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจฉีด
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย ยี่ห้อไหนดี?
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอยมีให้เลือกหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละยี่ห้อนั้น ก็มีเทคโนโลยี และจุดเด่นที่แตกต่างกัน โดยยี่ห้อโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ที่นิยมใช้ และได้รับการรับรองจาก อย. มีดังนี้
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Juvederm เป็นสารเติมเต็มสัญชาติสหรัฐอเมริกาที่นิยมใช้กันทั่วโลก และได้รับความไว้วางใจ ในวงการแพทย์ความงามมาอย่างยาวนาน ซึ่งถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Allergan บริษัทชั้นนำด้านการผลิตเทคโนโลยีความงามระดับโลก อีกทั้ง โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ยังได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยาของ ประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) และประเทศไทย (TH FDA) อีกด้วย
- จุดเด่นของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Juvederm คือ ใช้ 2 เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่ Hylacross Technology และ Vycross Technology โดย Hylacross เป็นเทคโนโลยีที่เด่นเรื่องความอุ้มน้ำ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวแล้ว เนื้อของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์จะฟูได้ดี และมีความยืดหยุ่นสูง ส่วน Vycross เป็นเทคโนโลยีที่เด่นเรื่องการยกกระชับผิว สามารถยึดเกาะได้อย่างแน่นหนา และทนต่อแรงขยับได้ดี
- ปัจจุบันโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Juvederm ได้ถูกออกแบบขึ้นมาหลากหลายรุ่น ให้เลือกตามความเหมาะสม ซึ่งในแต่ละรุ่นก็เหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณที่แตกต่างกัน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Juvederm สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ถึง 12 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่ใช้ และบริเวณที่ต้องการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Restylane เป็นสารเติมเต็มสัญชาติสวีเดนที่นิยมใช้ทั่วโลกเช่นเดียวกับ โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Juvederm และมีการผลิตมาอย่างยาวนาน
- ซึ่งถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Galderma บริษัทชั้นนำด้านการผลิตเทคโนโลยีความงามระดับโลกอย่าง Sculptra อีกทั้ง โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Restylane ยังได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยาของ ประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) และประเทศไทย (TH FDA) อีกด้วย
- จุดเด่นของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Restylane คือ ใช้ 2 เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่ OBT Technology และ NASHA Technology โดย OBT เป็นเทคโนโลยีที่เด่นเรื่องความยืดหยุ่น เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวแล้ว สามารถปรับรูปทรงได้อย่างหลากหลาย ส่วน NASHA เป็นเทคโนโลยีที่เด่นเรื่องความคงตัว และความชุ่มชื้น สามารถอุ้มน้ำได้ดี โดยที่ไม่ไหล ไม่เป็นก้อนง่าย
- ปัจจุบันโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Restylane ได้ถูกออกแบบขึ้นมาหลากหลายรุ่น ให้เลือกตามความเหมาะสม ซึ่งในแต่ละรุ่นก็เหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณที่แตกต่างกัน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Restylane สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ถึง 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่ใช้ และบริเวณที่ต้องการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Belotero เป็นสารเติมเต็มสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ที่มีคุณภาพสูง และนิยมนำมาใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน ซึ่งถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Merz Aesthetics บริษัทชั้นนำด้านการผลิตเทคโนโลยีความงามระดับโลกอย่าง โปรแกรม Ulthera และโปรแกรมฉีด Radiesse อีกทั้ง โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Belotero ยังได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยาของ ประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) และประเทศไทย (TH FDA) อีกด้วย
- จุดเด่นของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Belotero คือ ใช้เทคโนโลยีการผลิตที่จดสิทธิบัตรเฉพาะของโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Belotero เท่านั้น มีเรียกชื่อว่า CPM Technology ซึ่งมาพร้อมกับ 3 คุณสมบัติเด่น ได้แก่ Cohesivity ทำให้คงรูปได้ดี ยึดเกาะกันเป็นเนื้อเดียว, Elasticity ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง และ Plasticity ทำให้สามารถปั้นทรงได้ง่าย
- ปัจจุบันโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Belotero ได้ถูกออกแบบขึ้นมาหลากหลายรุ่น ให้เลือกตามความเหมาะสม ซึ่งในแต่ละรุ่นก็เหมาะสำหรับการฉีดในบริเวณที่แตกต่างกัน แต่โดยเฉลี่ยแล้ว โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ Belotero สามารถคงผลลัพธ์ได้ยาวนาน ถึง 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่นโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่ใช้ และบริเวณที่ต้องการทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์
ก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?
- ก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย งดใช้ยากลุ่มต้านการอักเสบ และยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์
- ก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 วัน
- ก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย งดการสูบบุหรี่ทุกประเภท อย่างน้อย 1 วัน
- ก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย งดออกกำลังกายหักโหม อย่างน้อย 1 วัน
- ก่อนทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย งดทำทรีตเมนต์บนใบหน้า เช่น การเลเซอร์ ขัดผิว หรือผลัดเซลล์ผิว อย่างน้อย 1 สัปดาห์
หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย มีข้อควรระวังอย่างไร?
- หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า อย่างน้อย 12 – 24 ชั่วโมง
- หลังฉีดโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย หลีกเลี่ยงการจับ นวด หรือกดทับบริเวณใบหน้า อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์
- หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย งดนอนคว่ำ หรือนอนตะแคง อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์
- หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย งดออกกำลังกายแบบหักโหม อย่างน้อย 2 – 3 วัน
- หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย งดโดนแสงแดด หรือทำกิจกรรมที่โดนความร้อนโดยตรง อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์
- หลังทำหลังโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 – 2 วัน
- หลังทำโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย งดการสูบบุหรี่ทุกประเภท อย่างน้อย 1 – 2 วัน
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย ใช้ปริมาณกี่ CC?
- ปริมาณ CC ที่ใช้สำหรับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกนั้น จะขึ้นอยู่กับปัญหา และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และกำหนดปริมาณโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมในบริเวณที่ต้องการแก้ไข แต่โดยทั่วไป จะใช้ปริมาณโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ประมาณ 2 – 4 CC ต่อ 1 บริเวณค่ะ
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง?
นอกจากการเติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกแล้ว โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ยังช่วยแก้ไขปัญหาผิวได้หลายรูปแบบ ดังนี้
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ช่วยในการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยบนใบหน้า
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ช่วยในการปรับโครงสร้างใบหน้า ทำให้ใบหน้ามีสัดส่วนที่สวยงาม
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ช่วยในการเติมเต็มบริเวณที่เกิดการยุบตัว ทำให้ผิวอิ่มฟู ดูมีวอลลุ่มมากขึ้น
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวฉ่ำวาว แต่งหน้าติดทนมากขึ้น
- โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ช่วยในการแก้ปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวขรุขระ ไม่เรียบเนียน
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ มีผลข้างเคียงอย่างไร?
- หลังฉีดโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ อาจมีอาการบวมแดง ปวดตึง หรือฟกช้ำในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการปกติที่พบได้บ่อย และไม่เป็นอันตรายใด ๆ โดยจะค่อย ๆ ดีขึ้น และสามารถหายไปได้เอง ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ แต่แนะนำให้ฉีดโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่มีความรู้ และมีประสบการณ์ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง
โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ สามารถแก้ไขริ้วรอย และร่องลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่ดีที่ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น สำหรับใครที่สนใจ หรือกำลังมองหาตัวช่วยในการลดเลือนริ้วรอยอยู่ โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ถือว่าตอบโจทย์ เพราะนอกจากการเติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกแล้ว ยังสามารถปรับโครงสร้างใบหน้า และยกกระชับผิวได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีความชำนาญก่อนฉีด เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และไม่ก่อให้เกิดอันตรายหลังฉีด