Site icon Romrawin

รวมวิธีรักษาฝ้า ที่รมย์รวินท์คลินิก

รวมวิธีรักษาฝ้า ที่รมย์รวินท์คลินิก

รวมวิธีรักษาฝ้า ที่รมย์รวินท์คลินิก

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




    วันที่สะดวกในการติดต่อ








    รวมวิธีรักษาฝ้า ที่รมย์รวินท์คลินิก

    ฝ้าปัญหาผิวกวนใจที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ถึงแม้จะไม่ส่งผลอันตรายร้ายแรงต่อผิว แต่ก็สร้างความกังวลใจให้ผู้ที่เป็นไม่น้อยเลยทีเดียว ในปัจจุบันจึงมีการรักษาฝ้าให้เลือกมากมายหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป วันนี้รมย์รวินท์จึงจะพาทุกคนไปเจาะลึกถึงวิธีการรักษาฝ้าแบบเร่งด่วนทุกรูปแบบ พร้อมบอกเคล็ดลับในการเลือกวิธีการรักษาฝ้าให้เหมาะสมกับตัวเอง รู้ไว้ฝ้าหายไว้ผิวกลับมาเนียนใสแน่นอนค่ะ

     

    ฝ้าคืออะไร ?

    ฝ้า (Melasma) เป็นปัญหาผิวหนังที่เกิดจุดด่างดำหรือรอยคล้ำเป็นปื้น ซึ่งฝ้าเกิดจากการที่เซลล์ใต้ผิวหนังผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป เพื่อพยายามปกป้องผิวจากรังสี UV ในแสงแดด และปัจจัยอื่น ๆ เช่น แสงแดด ฮอร์โมน พันธุกรรม รวมถึงพฤติกรรมการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม แต่ถึงอย่างนั้นฝ้าก็ไม่ได้เป็นปัญหาผิวที่มีความอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพใดๆ เพียงแต่ส่วนใหญ่มักส่งผลกระทบทางด้านความสวยงาม และความมั่นใจ

     

    ฝ้าเกิดจากอะไร ?

     

    ฝ้าเกิดจากอะไร ?

    ฝ้า (Melasma)  เกิดจากการสะสมของเม็ดสีเมลานินในผิวหนังมากเกินไป ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยทั้งปัจจัยภายในร่างกายและปัจจัยภายนอก ที่กระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ผลิตเม็ดสีมากขึ้น โดยปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ มีดังนี้

    เมื่อผิวสัมผัสกับแสงแดดเป็นเวลานาน ๆ จะไปกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้เกิดฝ้าได้ โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่ได้ป้องกันผิวจากแสงแดดอย่างเหมาะสม

    การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนที่รวดเร็ว อาจกระตุ้นการเกิดฝ้าได้ เนื่องจากในช่วงที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือในช่วงที่รับฮอร์โมนจากยาคุมกำเนิด อาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดดและเกิดฝ้าได้ง่ายขึ้น 

    มลภาวะที่เจอในแต่ละวัน ไม่ว่าจากฝุ่น ความเครียด ทั้งหมดส่งผลต่อการสร้างเม็ดสี โดยเฉพาะสารอนุมูลอิสระที่กระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ จนทำให้ผิวอ่อนแอและเกิดฝ้าได้ง่ายขึ้น

    ถ้าหากส่วนผสมของผลิตภัณฑ์นั้นมีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองกับผิวหรือไวต่อแสง อาจกระตุ้นให้ฝ้าเกิดขึ้นได้

    หากมีคนในครอบครัวเป็นฝ้า โอกาสเกิดฝ้าในบุคคลนั้นก็เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

    การได้รับความร้อนจากแสงแดด ไอความร้อนจากเตาไฟ หรือความร้อนจากสิ่งต่าง ๆ รอบตัว อาจทำให้เกิดการกระตุ้นให้เม็ดสีสะสมในชั้นลึกของผิวหนัง ส่งผลให้เกิดฝ้าได้

    การเกิดสิว การลอกผิว หรือการกระทำต่าง ๆ ที่ส่งผลให้เกิดการอักเสบของผิว อาจส่งผลให้เกิดการกระตุ้นให้เม็ดสีสะสมในชั้นลึกของผิวหนัง ทำให้เกิดเป็นฝ้าได้

     

    การเกิดฝ้าสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ดังนั้นหากต้องการลดโอกาสการเกิดฝ้าใหม่และการเกิดฝ้าซ้ำ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ค่ะ

     

    วิธีรักษาฝ้าแต่ละชนิด

     

    วิธีรักษาฝ้าแต่ละชนิด

    ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในหลายบุคคล ซึ่งฝ้ามักมีลักษณะเป็นรอยดำ หรือสีผิวที่เข้มขึ้นบนใบหน้าและบริเวณต่าง ๆ ตามร่างกายที่สัมผัสกับแสงแดดบ่อย ๆ โดยฝ้ามีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดก็มีลักษณะ และต้องการการรักษาที่แตกต่างกันไป ดังนี้

     

    ฝ้าตื้น (Epidermal Melasma)

    เป็นฝ้าที่เกิดขึ้นบริเวณหนังกำพร้าชั้นบนสุด ซึ่งสาเหตุการเกิดฝ้าตื้นสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ดังนี้

    ลักษณะของฝ้าตื้น 

    ฝ้าตื้นมีลักษณะเฉพาะที่สังเกตุได้ง่าย  ดังนี้

     

    การรักษาที่เหมาะกับฝ้าตื้น

    ฝ้าตื้นเป็นฝ้าที่สามารถรักษาและควบคุมได้ หากมีการดูแลผิวอย่างเหมาะสม โดยการรักษาฝ้าตื้นมุ่งเน้นไปที่การลดการสร้างเม็ดสี ควบคุมการกระจายตัวของเม็ดสีเมลานิน และป้องกันไม่ให้ฝ้ากลับมาเป็นซ้ำ

     

    ฝ้าลึก (Deep Melasma)

    เป็นภาวะที่เกิดจากการสะสมของเม็ดสีเมลานินในชั้นหนังแท้ (Dermis) ที่มากเกินไป ทำให้เกิดรอยคล้ำบนใบหน้า ซึ่งฝ้าลึกมักเป็นลักษณะที่รักษาได้ยากกว่าฝ้าตื้น เนื่องจากเม็ดสีฝังตัวอยู่ลึกกว่า

    ลักษณะของฝ้าลึก

     

    การรักษาที่เหมาะกับฝ้าลึก

    การรักษาฝ้าลึกมุ่งเน้นไปที่การลดการสร้างเม็ดสีโดยการยับยั้งกระบวนการผลิตเมลานิน ปรับสมดุลของเซลล์ผิวเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและการซ่อมแซมผิว และป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ แต่การรักษาฝ้าลึกจะต้องใช้เวลาและความต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ

     

    ฝ้าผสม (Mixed Melasma)

    เป็นประเภทของฝ้าที่มีลักษณะผสมระหว่างฝ้าตื้นและฝ้าลึก กล่าวคือ เม็ดสีเมลานินสะสมอยู่ทั้งในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และชั้นหนังแท้ (Dermis) ทำให้การรักษามีความซับซ้อนมากกว่าฝ้าชนิดเดียว

    ลักษณะของฝ้าผสม

     

    การรักษาที่เหมาะกับฝ้าผสม

    การรักษาฝ้าผสมจะรักษายากกว่าฝ้าตื้น และต้องรักษาแบบผสมผสานหลายวิธี  เนื่องจากมีเม็ดสีสะสมอยู่ทั้งในหนังกำพร้าและหนังแท้ การรักษาจึงมุ่งเน้นไปที่การการลดการสร้างเม็ดสีโดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ควบคุมปัจจัยกระตุ้นเช่นแสงแดดและฮอร์โมน และเสริมสร้างความแข็งแรงของผิว 

     

    ฝ้าประเภทไหนรักษาได้ง่าย ?

    ฝ้าตื้นเป็นประเภทที่รักษาได้ง่าย เนื่องจากเม็ดสีสะสมอยู่แค่ในชั้นหนังกำพร้า ซึ่งสามารถกำจัดออกได้ง่ายโดยการผลัดเซลล์ผิว , การใช้สารยับยั้งเม็ดสี หรือการใช้เลเซอร์ เพื่อช่วยลดเม็ดสีส่วนเกิน ในขณะที่การรักษาฝ้าลึกและฝ้าผสมต้องใช้ระยะเวลานานกว่า และต้องมีการรักษาหลายขั้นตอนร่วมกัน ทั้งนี้การรักษาฝ้าทุกประเภทควรทำควบคู่ไปกับการป้องกันฝ้า ด้วยการใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 50+ PA++++ และการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น จะช่วยลดการเกิดฝ้าใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาฝ้าได้ 

     

    รวมวิธีการรักษาฝ้าที่รมย์รวินท์คลินิก

     

    รวมวิธีรักษาฝ้า ที่รมย์รวินท์คลินิก

    การรักษาฝ้าให้จางลงมีหลากหลายวิธี เพื่อให้สามารถจัดการเม็ดสีเมลานินที่สะสมอยู่ในผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการรักษาฝ้าให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีควรทำคู่กับการดูแลตัวเองทั้งภายในและภายนอก เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ โดยโปรแกรมรักษาฝ้าที่รมย์รวินท์ สามารถทำได้หลากหลายวิธี ดังนี้

     

    1.วิธีรักษาฝ้าด้วยการทำโปรแกรม Sylyoung

    เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้คลื่น Radio Frequency แบบ Dual Wave จึงสามารถช่วยฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก ทั้งในระดับผิวหนังชั้นบนและชั้นลึก

    ข้อดีของการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรม Sylyoung

    การรักษาแบบนี้เหมาะกับฝ้าประเภท

     

    2.วิธีรักษาฝ้าด้วยการทำ  Nu Pico Laser

    การรักษาฝ้าด้วยโปรแกรม  Nu Pico Laser ด้วยการใช้พลังงานแสงที่มีความเร็วสูง ในการทำลายเม็ดสีเมลานินได้อย่างละเอียดและตรงจุด

    ข้อดีของการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรม Nu Pico Laser

    การรักษาแบบนี้เหมาะกับฝ้าประเภท

     

    3.วิธีรักษาฝ้าด้วยการทำ Smart Bright

    การรักษาฝ้าด้วยการทำโปรแกรม Smart Bright เป็นวิธีการรักษาฝ้าด้วยการใช้แสงเลเซอร์แสงสีเหลืองและแสงสีเขียว ในการลดเม็ดสีเมลานิน ลดการอักเสบ และช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ช่วยลดเลือนฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น

    ข้อดีของการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรม Smart Bright

    การรักษาแบบนี้เหมาะกับฝ้าประเภท

     

    4.วิธีรักษาฝ้าด้วยการทำโปรแกรม Melasma Fade 

    การรักษาฝ้าด้วยการทำโปรแกรม Melasma Fade เป็นวิธีการรักษาฝ้าด้วยการฉีดสารบำรุงผิวที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดเลือนฝ้าและจุดด่างดำ โดยใช้เทคนิคเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิก

    ข้อดีของการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรม Melasma Fade

    การรักษาแบบนี้เหมาะกับฝ้าประเภท

     

    5.วิธีรักษาฝ้าด้วยการทำโปรแกรม  Code of White

    เป็นโปรแกรมรักษาฝ้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวเพื่อแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ และจุดด่างดำที่เกิดจากแสงแดด มลภาวะ หรืออายุที่มากขึ้น ซึ่งการรักษาฝ้าด้วยโปรแกรม  Code of White ประกอบด้วยหลายเทคนิคทั้งการใช้เลเซอร์ในระดับอ่อน การผลักสารบำรุงเข้าสู่ผิวชั้นลึก และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารออกฤทธิ์เฉพาะ เพื่อดูแลผิวทั้งในระดับผิวภายนอกและโครงสร้างใต้ผิว

    ข้อดีของการรักษาฝ้าด้วย  Code of White 

    การรักษาแบบนี้เหมาะกับฝ้าประเภท

    โปรแกรม  Code of White เหมาะกับฝ้าสามารถลดเลือนฝ้า กระ ได้ทั้งในระดับผิวตื้นและลึก ครอบคลุมทั้งเม็ดสีที่อยู่ในชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้

    การรักษาฝ้าสามารถทำได้หลายวิธี ควรเลือกวิธีการรักษาฝ้าที่เหมาะสมกับประเภทและความรุนแรงของฝ้า เพื่อให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ควบคู่กับการดูแลผิวอย่างถูกวิธี จะช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้าใหม่ในอนาคตได้ค่ะ

     

    เคล็ดลับการเลือกวิธีรักษาฝ้าให้เหมาะกับตัวเอง

     

    เคล็ดลับการเลือกวิธีรักษาฝ้าให้เหมาะกับตัวเอง

    การเลือกวิธีรักษาฝ้าให้เหมาะสมกับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การรักษาฝ้ามีประสิทธิภาพและลดโอกาสการเกิดฝ้าซ้ำในอนาคตได้ แล้วเราควรเลือกรักษาฝ้าแบบไหนที่เหมาะกับตัวเอง ? การเลือกวิธีรักษาฝ้าที่เหมาะสม อาจสามารถพิจารณาได้จากปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ค่ะ 

    เพื่อการเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเอง ควรบทราบก่อนว่าฝ้าที่เป็น เป็นฝ้าประเภทใด เนื่องจากฝ้าแต่ละประเภทต้องการการรักษาที่แตกต่างกันออกไป หากปรึกษาแพทย์จะช่วยให้สามารถบอกถึงประเภทฝ้าที่คุณเป็นและได้รับคำแนะนำด้านวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้ค่ะ

    สภาพผิวของแต่ละบุคคลตอบสนองต่อการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการเลือกวิธีการรักษาฝ้า ควรเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเองด้วย เพื่อลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังการรักษาฝ้า

    ในการรักษาฝ้าไม่ว่าจะเป็นวิธีใด ควรเลือกวิธีการรักษาที่มีไม่เป็นอันตราย มีการรับรอง และการทำโดยผู้ชำนาญการ ในสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้ เพื่อไม่เป็นอันตรายตลอดการรักษาค่ะ

    การรักษาฝ้าทุกวิธีล้วนมีค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการของคุณ เพื่อให้สามารถรักษาฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     

    ทำไมฝ้าถึงกลับมาเป็นอีก หลังจากรักษาหายแล้ว ?

     

    ทำไมฝ้าถึงกลับมาเป็นอีก หลังจากรักษาหายแล้ว ?

    แม้ว่าฝ้าจะสามารถรักษาให้จางลงได้ แต่ฝ้าก็สามารถกลับมาเป็นได้อีก เนื่องจากเกิดการกระตุ้นจากหลายปัจจัย เช่น แสงแดด ฮอร์โมน พันธุกรรม และพฤติกรรมการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม ที่ไปกระตุ้นให้เซลล์เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป ส่งผลให้รอยฝ้าปรากฏขึ้นอีกครั้ง หากต้องการลดโอกาสที่ฝ้าจะกลับมาเกิดในระยะยาว ควรดูแลผิวให้เหมาะสม รวมถึงควรปกป้องผิวจากแสงแดด และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจกระตุ้นให้เกิดฝ้าค่ะ

    สิ่งที่คนเป็นฝ้าควรหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดฝ้าซ้ำ

    การป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าซ้ำสำหรับผู้ที่เคยเป็นฝ้ามาก่อน เป็นสิ่งที่จำเป็นเป็นอย่างมาก เนื่องจากหลังการรักษาแล้ว ฝ้าก็สามารถเกิดได้หลายปัจจัย ซึ่งการหลีกเลี่ยงปัจจัยเหล่านี้จะช่วยลดโอกาสการเกิดฝ้า และทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้

     

    ในผู้ที่เป็นฝ้าควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและรังสี UV เนื่องจากการสัมผัสรังสี UV มีความเข้มข้นสูง อาจทำให้ผิวเกิดการกระตุ้นเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ทำให้เกิดการสะสมใต้ชั้นผิวหนังมากเกินไป จนเกิดเป็นฝ้าขึ้นอีกครั้ง

    ในผู้ที่เป็นฝ้าควรหลีกเลี่ยงความร้อนและไอร้อนจากที่ต่าง ๆ เนื่องจากความร้อน สามารถกระตุ้นการทำงานของเซลล์เมลาโนไซต์ ทำให้ฝ้ากลับมาเข้มขึ้น หรือกลับมาเกิดเป็นฝ้าอีกครั้ง

    ในผู้ที่เป็นฝ้าควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน และสารกันเสีย เนื่องจากสารสกัดจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ อาจทำให้ผิวระคายเคือง หรือผิวบางลงและไวต่อแสงแดด จนกระตุ้นการสร้างเม็ดสีมากเกินไป ทำให้เกิดเป็นฝ้าได้อีก

    ในผู้ที่เป็นฝ้าควรหลีกเลี่ยงมลภาวะ สารพิษในอากาศ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่กระตุ้นให้เซลล์ผิวผลิตเม็ดสีมากขึ้น ส่งผลให้ฝ้ากลับมาเข้มขึ้น และรักษาได้ยากขึ้นได้ 

    ในผู้ที่เป็นฝ้าควรกินอาหารที่จำเป็นต่อผิว เช่น วิตามิน C, วิตามิน E, ซิงค์ และโอเมก้า 3 เนื่องจากการขาดอาหารที่จำเป็นต่อผิวเหล่านี้ทำให้ผิวอ่อนแอและไวต่อแสงแดดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดฝ้าได้

     

    การรักษาฝ้าเร่งด่วนเพื่อให้ผิวหน้ากลับมาสวยเรียบเนียนอีกครั้ง สามารถทำได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทำเลเซอร์ การฉีด หรือการผลัดเซลล์ผิว แต่ทั้งนี้ฝ้าก็สามารถเกิดซ้ำได้หากไม่มีการดูแลผิวที่ถูกต้อง ดังนั้นเมื่อรักษาฝ้าจนฝ้าจางลงแล้ว ควรดูแลผิวอย่างถูกต้องและปกป้องผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดโอกาสการเกิดฝ้าใหม่ในอนาคต อีกทั้งยังควรเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ 

    ฝ้าเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะในผู้หญิง ซึ่งฝ้าสามารถแบ่งออกได้หลายประเภท ได้แก่ ฝ้าตื้น ฝ้าลึก และฝ้าผสม ซึ่งฝ้าแต่ละประเภทเกิดจากปัจจัยที่แตกต่างออกไป ทำให้การรักษาฝ้าในแต่ละประเภทต้องการการรักษาที่ต่างกัน โดยวิธีการรักษาฝ้าในปัจจุบันมีหลากหลายวิธี การเลือกวิธีการรักษาฝ้าที่เหมาะสมกับประเภทของฝ้า จะช่วยให้การรักษาฝ้ามีประสิทธิภาพดีมากขึ้น แม้ว่าฝ้าจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ในบางกรณี แต่การดูแลที่เหมาะสมสามารถช่วยลดเลือนและควบคุมไม่ให้ฝ้ากลับมาเป็นมากขึ้นได้

     

     

    *ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

    Exit mobile version