กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ อาการต้องสงสัย “ปัสสาวะเล็ด” หากรู้ไวรักษาได้ทัน

31 1

อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ เป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับคุณผู้หญิงอยู่ไม่น้อย  ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ ภาวะปัสสาวะเล็ด คือภาวะที่ร่างกายสูญเสียการควบคุมของกระเพาะปัสสาวะและไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ ปัจจุบันผู้หญิงกำลังเผชิญกับปัญหานี้ อาการปัสสาวะเล็ดสร้างความลำบากและความกังวลใจในชีวิตประจำวันมากทีเดียว

ภาวะปัสสาวะเล็ด

เป็นอาการของผู้ที่อยู่ในภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ จะไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ น้ำปัสสาวะมักจะซึมหรือปัสสาวะเล็ดออกมาได้ตลอดเวลา ในระหว่างการไอ จาม หัวเราะ หรือวิ่ง บางครั้งน้ำปัสสาวะเล็ดไหลออกมาสำหรับบางคนระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ก็ไหลออกมาด้วยก็มี

สาเหตุของอาการ

  • สาเหตุหลักของการเกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ ปัสสาวะเล็ดนั้น มาจากการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อภายในช่องคลอด และรอบๆกระเพาะปัสสาวะทำให้ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้
  • กล้ามเนื้อหูรูดที่ท่อปัสสาวะไม่สามารถควบคุมการไหลผ่านของของเหลวทำให้เก็บกักปัสสาวะไม่อยู่ และเกิดจากผนังกล้ามเนื้อภายในกระเพาะปัสสาวะบีบตัวเพื่อไล่ของเหลวออกมา
  • การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ดอาจเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อที่กระเพาะปัสสาวะบีบตัวกระทันหัน หรือเมื่อกล้ามเนื้อหูรูดไม่แข็งแรงพอที่จะบีบตัว เพื่อปิดไม่ให้น้ำปัสสาวะไหลผ่านท่อปัสสาวะ จึงทำให้ปัสสาวะเล็ดลอดออกมา
shutterstock 1106316761

สาเหตุของการเกิดปัสสาวะเล็ด

การตั้งครรภ์

ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์จะประสบกับปัญหาการควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะ เพราะเด็กที่อยู่ในครรภ์จะดันกระเพาะปัสสาวะทำให้ท่อปัสสาวะบีบตัว จึงทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยหรือปัสสาวะเล็ดออกมา

หลังการคลอดบุตร

 ผู้หญิงหลังการคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ มักจะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หลังจากการคลอดบุตรภายใน 6 เดือน เพราะการคลอดบุตรทำให้อุ้งเชิงกรานและเส้นประสาทรอบๆกระเพาะปัสสาวะอ่อนตัวไม่สามาถบีบตัวได้ดีเท่าที่ควรจึงทำให้ปัสสาวะเล็ดออกมาได้

ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนเนื้อเยื่อบริเวณท่อปัสสาวะรวมไปถึงอุ้งเชิงกรานจะไม่แข็งแรงหรือสูญเสียความยืดหยุ่น และไม่สามารถควบคุมการบีบตัวได้ดี เมื่อถึงวัยหมดประจำเดือน จึงทำให้ปัสสาวะเล็ดออกมาได้

การติดเชื้อในกระเพราะปัสสาวะ

การติดเชื้อของกระเพาะหรือท่อปัสสาวะทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้ตามปกติ  ทำให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ดได้เช่นกัน

ผู้ที่อยู่ในภาวะโรคอ้วน

ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือมีไขมันส่วนเกินมากมักรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย เพราะไขมันส่วนเกิน จะเข้าไปกดทับบริเวณท้องน้อยเพิ่มแรงกดทับลงบนกระเพาะปัสสาวะ ทำให้มีการบีบตัวส่งผลให้น้ำปัสสาวะเล็ดไหลออกมาได้

เครื่องดื่มคาเฟอีน

การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ และน้ำอัดลม จะทำให้กระเพาะปัสสาวะเกิดการผลิตน้ำปัสสาวะออกมามากเพื่อขับสารคาเฟอีนให้ออกจากร่างกาย ควรหลีกเลี่ยงคาเฟอีนเพื่อป้องกันอาการปัสสาวะเล็ด

เส้นประสาทถูกทำลาย

การขับถ่ายปัสสาวะนั้นเป็นไปโดยธรรมชาติ เมื่อกระเพาะปัสสาวะมีของเหลวมากจำเป็นต้องขับของเสียออกมา แต่หากเส้นประสาทถูกทำลายไม่สามารถรับรู้ได้ เมื่อน้ำปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะมากขึ้น จะไม่รู้สึกปวดปัสสาวะ ไม่บีบตัวเพื่อขับของเหลวออก หรือเส้นประสาทไม่สั่งการให้กล้ามเนื้อหูรูดบีบตัว ทำให้น้ำปัสสาวะเล็ดออกมาจากกระเพาะปัสสาวะได้

การรักษาอาการปัสสาวะเล็ด

ปัจจุบันนี้มีนวัตกรรมใหม่ที่ช่วย รักษาปัสสาวะเล็ด รักษาอาการของช่องคลอด อาการมดลูกหย่อน หรือ ต่ำ เนื่องจากช่องคลอดไม่กระชับกล้ามเนื้อหูรูดไม่แข็งแรง  ทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดขึ้นได้  การรักษาอาการปัสสาวะเล็ดที่ว่านี้สามารถทำได้ด้วยเทคโนโลยีส่งพลังงานคลื่นวิทยุซึ่งนับเป็นทางเลือกหนึ่งของการทำรีแพร์ ไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และ อิลาสติน ให้ขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และ ผนังช่องคลอดแข็งแรง กระชับขึ้นได้ ทั้งภายในและภายนอกโดยไม่ต้องผ่าตัด

ผลการรักษาด้วยเทคโนโลยีส่งพลังงานคลื่นวิทยุ

  • ช่วยให้บริเวณภายนอกจุดซ่อนเร้น – กระชับ ลดริ้วรอยบริเวณรอบ ๆ ให้เรียบเนียนกระชับขึ้น
  • ผนังช่องคลอดหดกระชับ มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท และเพิ่มการไหลเวียนของเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงบริเวณจุดซ่อนเร้นให้ทำงานสมบูรณ์ขึ้น แก้อาการปัสสาวะเล็ด
  • ช่วยให้ระบบการทำงานของต่อมต่าง ๆ ทำงานดีขึ้น อีกทั้งสร้างสารคัดหลั่งที่มาหล่อเลี้ยง เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับช่องคลอด
  • ช่วยกำจักเชื้อโรคต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกช่องคลอด รวมถึงช่วยแก้ปัญหาภาวะปัสสาวะเล็ด

เมื่อทราบถึงลักษณะและสาเหตุอาการภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ ภาวะปัสสาวะเล็ด ต้องตรวจเช็คตัวเองบ้างว่าเข้าข่ายอยู่ในภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือเปล่า หากมีอาการควรพบแพทย์เพื่อให้การรักษาโดยเร็วที่สุด เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง  เพราะอาการเล็กน้อยอาจส่งผล ระยะยาวรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้ หากเป็นในขั้นที่ไม่รุนแรง ภาวะปัสสาวะเล็ดนี้อาจหายไปเอง แต่ในกรณีที่มีอาการรุนแรงมาก ต้องเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษา อย่าได้ชล่าใจเด็ดขาด รู้ไว รักษาไว หายได้ไวนะค่ะ