อาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ เป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับคุณผู้หญิงอยู่ไม่น้อย ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ ภาวะปัสสาวะเล็ด คือภาวะที่ร่างกายสูญเสียการควบคุมของกระเพาะปัสสาวะและไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ ปัจจุบันผู้หญิงกำลังเผชิญกับปัญหานี้ อาการปัสสาวะเล็ดสร้างความลำบากและความกังวลใจในชีวิตประจำวันมากทีเดียว
ภาวะปัสสาวะเล็ด
เป็นอาการของผู้ที่อยู่ในภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ จะไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ น้ำปัสสาวะมักจะซึมหรือปัสสาวะเล็ดออกมาได้ตลอดเวลา ในระหว่างการไอ จาม หัวเราะ หรือวิ่ง บางครั้งน้ำปัสสาวะเล็ดไหลออกมาสำหรับบางคนระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ก็ไหลออกมาด้วยก็มี
สาเหตุของอาการ
- สาเหตุหลักของการเกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ ปัสสาวะเล็ดนั้น มาจากการหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อภายในช่องคลอด และรอบๆกระเพาะปัสสาวะทำให้ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้
- กล้ามเนื้อหูรูดที่ท่อปัสสาวะไม่สามารถควบคุมการไหลผ่านของของเหลวทำให้เก็บกักปัสสาวะไม่อยู่ และเกิดจากผนังกล้ามเนื้อภายในกระเพาะปัสสาวะบีบตัวเพื่อไล่ของเหลวออกมา
- การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ดอาจเกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อที่กระเพาะปัสสาวะบีบตัวกระทันหัน หรือเมื่อกล้ามเนื้อหูรูดไม่แข็งแรงพอที่จะบีบตัว เพื่อปิดไม่ให้น้ำปัสสาวะไหลผ่านท่อปัสสาวะ จึงทำให้ปัสสาวะเล็ดลอดออกมา
สาเหตุของการเกิดปัสสาวะเล็ด
การตั้งครรภ์
ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์จะประสบกับปัญหาการควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะ เพราะเด็กที่อยู่ในครรภ์จะดันกระเพาะปัสสาวะทำให้ท่อปัสสาวะบีบตัว จึงทำให้รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยหรือปัสสาวะเล็ดออกมา
หลังการคลอดบุตร
ผู้หญิงหลังการคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ มักจะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หลังจากการคลอดบุตรภายใน 6 เดือน เพราะการคลอดบุตรทำให้อุ้งเชิงกรานและเส้นประสาทรอบๆกระเพาะปัสสาวะอ่อนตัวไม่สามาถบีบตัวได้ดีเท่าที่ควรจึงทำให้ปัสสาวะเล็ดออกมาได้
ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนเนื้อเยื่อบริเวณท่อปัสสาวะรวมไปถึงอุ้งเชิงกรานจะไม่แข็งแรงหรือสูญเสียความยืดหยุ่น และไม่สามารถควบคุมการบีบตัวได้ดี เมื่อถึงวัยหมดประจำเดือน จึงทำให้ปัสสาวะเล็ดออกมาได้
การติดเชื้อในกระเพราะปัสสาวะ
การติดเชื้อของกระเพาะหรือท่อปัสสาวะทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้ตามปกติ ทำให้เกิดภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปัสสาวะเล็ดได้เช่นกัน
ผู้ที่อยู่ในภาวะโรคอ้วน
ผู้ที่มีน้ำหนักเกินมาตรฐานหรือมีไขมันส่วนเกินมากมักรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อย เพราะไขมันส่วนเกิน จะเข้าไปกดทับบริเวณท้องน้อยเพิ่มแรงกดทับลงบนกระเพาะปัสสาวะ ทำให้มีการบีบตัวส่งผลให้น้ำปัสสาวะเล็ดไหลออกมาได้
เครื่องดื่มคาเฟอีน
การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ และน้ำอัดลม จะทำให้กระเพาะปัสสาวะเกิดการผลิตน้ำปัสสาวะออกมามากเพื่อขับสารคาเฟอีนให้ออกจากร่างกาย ควรหลีกเลี่ยงคาเฟอีนเพื่อป้องกันอาการปัสสาวะเล็ด
เส้นประสาทถูกทำลาย
การขับถ่ายปัสสาวะนั้นเป็นไปโดยธรรมชาติ เมื่อกระเพาะปัสสาวะมีของเหลวมากจำเป็นต้องขับของเสียออกมา แต่หากเส้นประสาทถูกทำลายไม่สามารถรับรู้ได้ เมื่อน้ำปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะมากขึ้น จะไม่รู้สึกปวดปัสสาวะ ไม่บีบตัวเพื่อขับของเหลวออก หรือเส้นประสาทไม่สั่งการให้กล้ามเนื้อหูรูดบีบตัว ทำให้น้ำปัสสาวะเล็ดออกมาจากกระเพาะปัสสาวะได้
การรักษาอาการปัสสาวะเล็ด
ปัจจุบันนี้มีนวัตกรรมใหม่ที่ช่วย รักษาปัสสาวะเล็ด รักษาอาการของช่องคลอด อาการมดลูกหย่อน หรือ ต่ำ เนื่องจากช่องคลอดไม่กระชับกล้ามเนื้อหูรูดไม่แข็งแรง ทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ดขึ้นได้ การรักษาอาการปัสสาวะเล็ดที่ว่านี้สามารถทำได้ด้วยเทคโนโลยีส่งพลังงานคลื่นวิทยุซึ่งนับเป็นทางเลือกหนึ่งของการทำรีแพร์ ไปช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และ อิลาสติน ให้ขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และ ผนังช่องคลอดแข็งแรง กระชับขึ้นได้ ทั้งภายในและภายนอกโดยไม่ต้องผ่าตัด
ผลการรักษาด้วยเทคโนโลยีส่งพลังงานคลื่นวิทยุ
- ช่วยให้บริเวณภายนอกจุดซ่อนเร้น – กระชับ ลดริ้วรอยบริเวณรอบ ๆ ให้เรียบเนียนกระชับขึ้น
- ผนังช่องคลอดหดกระชับ มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท และเพิ่มการไหลเวียนของเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงบริเวณจุดซ่อนเร้นให้ทำงานสมบูรณ์ขึ้น แก้อาการปัสสาวะเล็ด
- ช่วยให้ระบบการทำงานของต่อมต่าง ๆ ทำงานดีขึ้น อีกทั้งสร้างสารคัดหลั่งที่มาหล่อเลี้ยง เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับช่องคลอด
- ช่วยกำจักเชื้อโรคต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกช่องคลอด รวมถึงช่วยแก้ปัญหาภาวะปัสสาวะเล็ด
เมื่อทราบถึงลักษณะและสาเหตุอาการภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ ภาวะปัสสาวะเล็ด ต้องตรวจเช็คตัวเองบ้างว่าเข้าข่ายอยู่ในภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือเปล่า หากมีอาการควรพบแพทย์เพื่อให้การรักษาโดยเร็วที่สุด เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะอาการเล็กน้อยอาจส่งผล ระยะยาวรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้ หากเป็นในขั้นที่ไม่รุนแรง ภาวะปัสสาวะเล็ดนี้อาจหายไปเอง แต่ในกรณีที่มีอาการรุนแรงมาก ต้องเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษา อย่าได้ชล่าใจเด็ดขาด รู้ไว รักษาไว หายได้ไวนะค่ะ