สำหรับสาวๆ ที่พยายามดูแลผิวหน้าไม่ให้มันจนเป็นสาเหตุของการเกิดสิว แต่กลับพบว่าวันดีคืนดีเกิดมีรอยปื้นๆ สีน้ำตาลขึ้นบนใบหน้า หรือบางครั้งมีจุดสีน้ำตาลเล็กๆ กระจายขึ้นอยู่ทั่วใบหน้า คุณสาวๆ ทราบหรือไม่คะ ว่าเป็นอาการของอะไร… เอาล่ะสิ เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของเรา และเมื่อลองสอบถามกับคนใกล้ตัว บางคนอาจให้คำตอบว่าคือ “ฝ้า” บางคนตอบว่า “กระ” สรุปแล้วอาการที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเรามันคืออะไรกันแน่? แล้วปัญหาฝ้า กระเกิดขึ้นจากอะไร? พฤติกรรมใดบ้างที่เร่งให้เกิดฝ้า กระขึ้นบนใบหน้า? เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเพื่อเป็นแนวทางก่อนรักษาฝ้า กระ ให้หายค่ะ…
![](https://www.romrawinclinic.com/wp-content/uploads/2019/02/shutterstock_653681932.jpg)
ลักษณะ “ฝ้า”
ฝ้าจะมีลักษณะที่เป็นรอยปื้นๆ ใหญ่ๆ มีสีน้ำตาลเข้มกว่าสีผิวปกติของเรา ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของการสร้างสีผิวของผิวหนังในบางแห่งและเป็นเฉพาะบางคนเท่านั้นค่ะ ฝ้าเกิดได้หลายๆ ที่บนใบหน้า เนื่องจากผิวหนังที่ใบหน้าจะมีเซลล์สร้างสีผิวมากกว่าบริเวณอื่นๆ และโดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้มและสันจมูกจะเป็นบริเวณที่มีฝ้าเกิดขึ้นได้บ่อย เนื่องจากเป็นบริเวณที่ถูกแดดได้บ่อยที่สุด โดยมากแล้วฝ้ามักจะเกิดในคนที่มีผิวขาวมากกว่าคนผิวคล้ำหรือผิวดำค่ะ อีกทั้งพบฝ้าในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายด้วย
![](https://www.romrawinclinic.com/wp-content/uploads/2019/02/139.jpg)
โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งฝ้าออกได้เป็น 2 ชนิดคือ ชนิดตื้นและชนิดลึก สำหรับความแตกต่างของฝ้าทั้ง 2 ชนิดนี้ก็คือ ระดับความลึกของเม็ดสีชนิดลึก เพราะเม็ดสีที่มีความผิดปกติจะอยู่ที่ชั้นหนังแท้ ส่วนฝ้าชนิดตื้นนั้นจะมีอยู่แค่ตรงชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น และความเข้มของเม็ดสีก็ยังมีน้อยกว่าฝ้าชนิดลึกอย่างมากอีกด้วยค่ะ
ลักษณะ “กระ”
กระ เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสี สร้างเม็ดสีมากขึ้นผิดปกติเมื่อถูกแสงแดด ลักษณะจะเป็นจุดเล็กๆ สีน้ำตาล พบได้บนใบหน้า โดยเฉพาะกลุ่มสีบริเวณดั้งจมูก หรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย มักเกิดในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวดำ คนที่มีพ่อแม่ เป็น กระ จะมีโอกาสเป็น กระ มากกว่าคนทั่วไป หากตากแดดจะทำให้จำนวนกระเพิ่มจำนวนมากขึ้นได้ค่ะ
ฝ้า กระ เกิดจากอะไร
ส่วนใหญ่มักเกิดจากรังสี UVA / UVB ที่เข้ามาทำร้ายผิวโดยตรงเป็นเวลานานๆ ทำให้เม็ดสีเมลานินมีการเกาะตัวเป็นกระจุก จนทำให้เกิดจุดกระ และรอยฝ้า ขึ้นบนใบหน้า ซึ่งฝ้า และ กระ นี้ไม่ใช่จะเกิดขึ้นจากแสงแดดเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ ฝ้า กระ ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากฮอร์โมนผิดปกติภายในร่างกาย และการแพ้เครื่องสำอางได้อีกด้วยค่ะ
มาดูพฤติกรรมที่เร่งทำให้เกิดฝ้า กระ มีอะไรบ้าง
ชอบเผชิญแสงแดด
แสงแดด สามารถทำร้ายผิวหน้าของคุณให้เกิดรอยฝ้า กระได้ดีอันดับต้นๆ เลยทีเดียวค่ะ เพราะแสงแดดจะปล่อยคลื่นรังสี UV เมื่อได้รับรังสี UVA และ UVB จัดๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็จะเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายที่เพิ่มขึ้น จนรอยฝ้าหรือกระ เริ่มลอยเด่นชัดตามส่วนต่างๆ ของใบหน้า ไม่หายสักที เมื่อเป็นแบบนี้คงต้องเร่งรักษาฝ้า กระ ด่วนๆ แล้วล่ะค่ะ
![](https://www.romrawinclinic.com/wp-content/uploads/2019/02/shutterstock_1011269995-1024x683.jpg)
นั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นประจำ
แสงสว่างจากคอมพิวเตอร์จะทำให้เกิดความร้อนสะมอยู่บริเวณใบหน้าของคุณค่ะ พอสะสมมากเข้าก็จะทำปฏิกิริยากับเม็ดสีเมลานินที่อยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดฝ้าบนใบหน้าได้ค่ะ สำหรับวิธีแนะนำเบื้องต้นให้คุณลองนำกระบองเพชรมาตั้งไว้ข้างๆ จอคอมฯ เพื่อดูดซับแสงก็พอช่วยได้บ้างนะคะ หรือหากคุณเกิดปัญหาฝ้าขึ้นมาแล้วกระบองเพชรคงเอาไม่อยู่ทางที่ดีควรหาวิธีรักษาฝ้า กระดีกว่าค่ะ
เครียดบ่อยๆ ทำฝ้าขึ้นหน้า
ความเครียดมีส่วนสัมพันธ์กับฝ้าโดยตรง เพราะฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน และเมื่อฮอร์โมนไม่สมดุลก็ทำให้เกิดเมลานินสะสมจนเกิดเป็นฝ้า กระได้ค่ะ
แพ้เครื่องสำอาง
สาวๆ ที่แต่งหน้าอยู่เป็นประจำ เคยสงสัยบ้างหรือเปล่าคะ ว่าทำไมพยายารักษาฝ้าบนใบหน้ามาหลายวิธี แต่ฝ้ากลับไม่จางลงสักที อาจเกิดจากอาการแพ้เครื่องสำอางได้เช่นกันค่ะ อาการแพ้เครื่องสำอาง เช่น น้ำหอม สี สารกันเสีย เครื่องสำอางบางชนิดที่มีฮอร์โมนเพศผสมอยู่ก็ทำให้เกิดรอยด่างดำแบบฝ้า กระได้ค่ะ ทางที่ดีไม่ควรเปลี่ยนเครื่องสำอางบ่อยๆ เพราะอาจทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย หรือหากใช้เครื่องสำอางชนิดไหนแล้วเกิดการแพ้ ควรจะอ่านรายละเอียดของสารประกอบในเครื่องสำอางนั้นว่ามีสารตัวใดอยู่บ้าง ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการแพ้ เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงสารตัวนั้นเมื่อจะซื้อเครื่องสำอางชนิดอื่นต่อไปค่ะ
![](https://www.romrawinclinic.com/wp-content/uploads/2019/02/shutterstock_1192568971-1024x683.jpg)
ใช้ครีมไม่มีมาตรฐาน
เราสามารถพบเห็นโฆษณาครีมที่อวดอ้างสรรพคุณเรื่องผิวขาวหน้าขาวอยู่บ่อยๆ ในสังคมออนไลน์ ซึ่งหากผู้ใช้ไม่ศึกษาคุณสมบัติ และสารประกอบให้ดีอาจเสี่ยงต่อการเกิดฝ้า กระได้มากค่ะ เพราะครีมหน้าขาวแบบเห็นผลไวมักเต็มไปด้วยสารปรอท และสารเคมีต่างๆ ที่ทำร้ายผิว ไม่มีที่มา ไม่มีส่วนผสมชัดเจน รู้แต่ว่าขาวไว ครีมพวกนี้เมื่อใช้ไปสักพักจะทำให้เกิดฝ้าได้ และที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นผลพวงจากครีมอาจทำให้ฝ้าฝังลึกยิ่งกว่าเดิมได้ค่ะ
ขาดสารอาหาร
หากใครที่ปฏิเสธการทานผักและผลไม้อยู่บ่อยๆ แต่นิยมทานแต่ของหวาน ของทอด ของมัน อาหารฟาสฟู้ด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โปรดทราบว่า “ฝ้า กระ” จะไม่ลาจากคุณไปไหนค่ะ ดังนั้น หากต้องการรักษาฝ้า กระควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่างการทานผัก ผลไม้ที่มีส่วนประกอบของวิตามินซี วิตามินบี12 แร่ธาตุ และไฟเบอร์ รวมถึงดื่มน้ำสะอาดให้ได้มากๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ก็จะช่วยให้ร่างกายเกิดการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยขับถ่ายสารพิษ รักษาฝ้า ทำให้รอยฝ้าจางลงได้เป็นอย่างดี
พักผ่อนไม่เพียงพอ
คนพักผ่อนน้อย นอกจากจะทำให้ผิวหน้าเกิดริ้วรอย สิว และความหมองคล้ำแล้ว เมื่อร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอระบบภายในร่างกายก็จะรวน มีผลต่อฮอร์โมนในร่างกายทำงานได้ไม่ค่อยดี จนเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเครียด มีอนุมูลอิสระ ส่งผลให้เมลานินทำงานได้ไม่ค่อยดี ทำให้เกิดรอยฝ้า กระได้ชัดมากยิ่งขึ้นค่ะ
ขี้เกียจล้างหน้าก่อนเข้านอน
ตื่นๆ ค่ะอย่าเพิ่งหลับ สลัดความขี้เกียจทิ้งไปแล้วลุกขึ้นมาล้างหน้าให้สะอาดก่อนนอน เพราะสิ่งสกปรก สารเคมีจากเครื่องสำอางที่เกาะอยู่บนใบหน้า จะส่งผลให้รอยฝ้าชัดมากยิ่งขึ้น หากไม่ยอมล้างหน้าก่อนนอนบ่อยๆ ก็จะส่งผลให้สารเคมีและสิ่งสกปรกสะสมในผิว ทำให้เมลานินก่อตัว และถึงแม้จะใช้ครีมรักษาฝ้า กระดีแค่ไหน ถ้าไม่ล้างหน้าก่อนนอน รอยฝ้า กระก็ไม่จางลงแน่นอนค่ะ
ในยาคุม มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศ ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากขึ้น สาวๆ ที่ทานยาคุมจึงมีรอยฝ้าขึ้นได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ทานยาคุม รวมถึงคนที่ตั้งครรภ์ก็จะมีรอยฝ้าได้เช่นกันค่ะ ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องทานยาคุมจริงๆ ก็ควรเลือกทานยาคุมที่มีปริมาณฮอร์โมนที่น้อยลง หากไม่แน่ใจว่ายาคุมตัวไหนมีปริมาณยาคุมเท่าไหร่ ควรปรึกษาเภสัช หรือปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาคุมที่ปริมาณน้อยลง แต่หากหยุดทานยาคุม หรือคนที่ตั้งครรภ์คลอดลูกแล้ว รอยฝ้า กระก็จะจางลงได้เองตามธรรมชาติค่ะ
ทานยาคุมอยู่ตลอด
![](https://www.romrawinclinic.com/wp-content/uploads/2019/02/shutterstock_686848585-683x1024.jpg)
ในยาคุม มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศ ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากขึ้น สาวๆ ที่ทานยาคุมจึงมีรอยฝ้า กระขึ้นได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ทานยาคุม รวมถึงคนที่ตั้งครรภ์ก็จะมีรอยฝ้า กระได้เช่นกันค่ะ ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องทานยาคุมจริงๆ ก็ควรเลือกทานยาคุมที่มีปริมาณฮอร์โมนที่น้อยลง หากไม่แน่ใจว่ายาคุมตัวไหนมีปริมาณยาคุมเท่าไหร่ ควรปรึกษาเภสัช หรือปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาคุมที่ปริมาณน้อยลง แต่หากหยุดทานยาคุม หรือคนที่ตั้งครรภ์คลอดลูกแล้ว รอยฝ้า กระก็จะจางลงได้เองตามธรรมชาติค่ะ