Site icon Romrawin

Hifu ข้อดี-ข้อเสียมีอะไรบ้าง ? ทำไมต้องทำ ?

Hifu

Hifu ดียังไง คลายข้อสงสัย ทำไมใครๆก็ต้องทำ 

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




    วันที่สะดวกในการติดต่อ








    เมื่อพูดถึงเรื่องยกกระชับใบหน้า เพื่อลดความหย่อนคล้อยเพิ่มความเฟิร์มกระชับให้กับผิวหน้า ในปัจจุบันมีเทคนโนโลยีที่ใช้ในการยกกระชับใบหน้ามีหลากหลายวิธีที่แตกต่างกันออกไป  Hifu เป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ช่วยในการยกกระชับใบหน้าที่ได้รับการยอมรับจากทีมแพทย์ของวงการความงามทั่วโลกในเรื่องของผลลัพธ์และประสิทธิภาพในการยกกระชับใบหน้าเพื่อลดความหย่อนคล้อย

    แม้ว่าการยกกระชับด้วย Hifu (ไฮฟู่) จะเป็นโปรแกรมที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ดี แต่ Hifu (ไฮฟู่) ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ที่ผู้เข้ารับบริการควรทราบ และทำความเข้าใจก่อนเข้ารับบริการเพื่อความเข้าใจที่ตรงรวมทั้งความสบายใจในการรักษา

    รู้ก่อนเสี่ยง! รวมข้อดีข้อเสียของ Hifu สวยปลอดภัยก่อนทำไฮฟู่

    Hifu ข้อดีของการยกกระชับด้วยไฮฟู่มีอะไรบ้าง?

    รวมข้อดีของการทำ Hifu(ไฮฟู่) นวัตกรรมยกกระชับ ปรับหน้าเรียว เก็บผิวหย่อนคล้อย มีอะไรบ้าง เช็กลิสต์ได้เลยดังนี้

    หนึ่งในข้อดีของ Hifu (ไฮฟู่) ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องของผลลัพธ์หลังทำทันที โดยหลังจากทำการยกกระชับด้วย Hifu (ไฮฟู่) จะเห็นผลลัพธ์หลังทำทันทีประมาณ 20% ทำให้ใบหน้าเรียวขึ้น เก็บทุกผิวหย่อนคล้อยให้กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง

    การปรับรูปหน้า ลดเลือนริ้วรอย สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยการยกกระชับ กับเครื่องได้มาตรฐานระดับสากล เช่น Ultraformer ข้อดีคือเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบเข็ม ไม่ต้องการผ่าตัด เพราะ Hifu (ไฮฟู่) เป็นการใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ส่งพลังงานลึกลงสู่ชั้นผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen) และเพื่อผิวกระชับปรับหน้าเรียวสวย

    การทำ Hifu (ไฮฟู่)  ไม่ทำร้ายผิวชั้นนอก เนื่องจากใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ลงสู่ผิวชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) จึงมีความปลอดภัยสูงแบบไม่กระทบกับผิวชั้นบน โดยเครื่อง Hifu (ไฮฟู่) ของรมย์รวินท์คลินิกได้รับมาตรฐานปลอดภัย ซึ่งดูแลโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อผลลัพธ์ที่ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุด

    Hifu (ไฮฟู่) เป็นนวัตกรรมในด้านของการยกกระชับ โดยเฉพาะที่เห็นผลลัพธ์หลังทำทันทีโดยประมาณ 20% โดยจะมีความรู้สึกหลังทำทันทีว่าใบหน้าของเรานั้นมีความยกกระชับขึ้นเล็กน้อย หลังจากยกกระชับด้วย Hifu (ไฮฟู่) ในช่วงระยะเวลา 1-2 เดือน จะเป็นช่วงที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากที่สุด นอกจากนี้ Hifu (ไฮฟู่) สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เช่น ฟิลเลอร์ การฉีดโบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น

    ข้อดีของการทำ Hifu (ไฮฟู่) ในทุก 4-6 เดือน จะยิ่งเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าเดิม เพราะการทำ Hifu (ไฮฟู่) จะช่วยกระตุ้นในการสร้างคอลลาเจน (Collagen) ได้อย่างเต็มที่ ทำให้รู้สึกผิวเต่งตึง ผิวมีความยืดหยุ่น เฟิร์มกระชับ รูขุมขนเล็กลง หน้าเนียนใสดูเป็นธรรมชาติ

    หลังจากทำ Hifu (ไฮฟู่) ผิวจะได้รับการกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวแข็งแรงขึ้น ทำให้สามารถป้องกันผิวหย่อนคล้อยในอนาคตได้ ซึ่ง Hifu (ไฮฟู่) เป็นหัตถการที่ให้ผลลัพธ์ยาวนาน จึงทำให้การทำโปรแกรม Hifu (ไฮฟู่) อย่างต่อเนื่องจะยังคงรักษาผลลัพธ์นั้นไว้อย่างต่อเนื่อง

    การทำ Hifu สามารถทำควบคู่กับหัตถการอื่น ๆ ร่วมกันได้ เช่น การฉีดโบ, ฟิลเลอร์ (Filler), ร้อยไหม (Thread), เมโสแฟต (Meso Fat) เป็นต้น ทั้งนี้การทำ Hifu (ไฮฟู่) ควบคู่ไปกับหัตถการอื่นอยู่ที่การวิเคราะห์และประเมินใบหน้าของแพทย์ เพราะฉะนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ Hifu (ไฮฟู่) ทุกครั้ง

    Hifu ข้อเสียของการยกกระชับด้วยไฮฟู่มีอะไรบ้าง?

    ในข้อดีก็มักมีข้อเสียร่วมด้วยเป็นปกติ ข้อเสียของ Hifu มีดังนี้

    ผลลัพธ์หลังการทำ Hifu (ไฮฟู่) ไม่สามารถอยู่ถาวรได้ แต่สามารถกลับมาทำซ้ำได้ เพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนานอย่างมีประสิทธิภาพ

    หลังจากที่ทำ Hifu (ไฮฟู่) อาจจะมีความรู้สึกเมื่อยหรือตึงที่ใบหน้า เพราะเป็นการใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ระดับเข้มข้น เพื่อการยกกระชับใบหน้า เก็บกรอบหน้าให้คมชัด เก็บทุกริ้วรอยต่าง ๆ ซึ่งอาการเมื่อยหรือตึงใบหน้าหลังทำ Hifu (ไฮฟู่) จะกลับสู่ภาวะปกติภายในระยะเวลา 1-2 วัน ในบางคนอาจไม่มีอาการนี้อยู่เลย

    การยกกระชับด้วยเครื่อง Hifu มีข้อควรระวังที่ต้องรู้กับคนบางกลุ่ม หากต้องการยกกระชับ Hifu (ไฮฟู่) ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง โดยมีข้อระวัง ดังนี้

    1. ผู้ที่มีบาดแผลสดที่ยังไม่หายดี หรือผู้ที่มีแผลเปิด
    2. ผู้ที่มีแผลเป็นคีลอยด์
    3. ผู้ที่มีการฝังโลหะใต้ผิวหนังบริเวณที่ต้องการทำการรักษา
    4. สตรีมีครรภ์

    ผลข้างเคียงของการทำ Hifu ข้อเสียที่เกิดจากการทำ Hifu (ไฮฟู่) เช่น เครื่องปลอม เครื่องไม่ได้มาตรฐาน ปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ไม่สม่ำเสมอกัน ยิงพลังงานสูงลงสู่ชั้นผิวจนผิวเกิดการไหม้ หรือยิงโดนเส้นประสาททำให้เกิดหน้าบวม ปากเบี้ยวได้

    เครื่อง Hifu (ไฮฟู่) ปล่อยพลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ลงสู่ใต้ชั้นผิวหนัง หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ทำให้อุณหภูมิใต้ผิวสูงจนทำให้เกิดความอุ่นไปจนถึงร้อนสะสมใต้ผิวหนังและเกิดเป็นรอยแดงบนใบหน้าได้ แต่หลังจากการทำ Hifu (ไฮฟู่) อาจมีอาการผิวร้อนและรอยแดงที่ผิว โดยอาการนี้จะค่อย ๆ หายเป็นปกติภายในไม่กี่ชั่วโมง แต่หากมีอาการแสบร้อนมาก แนะนำว่าให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที

    อาการหน้าบวมน้ำ หรือ อาการหน้าบวมอักเสบ สามารถเกิดขึ้นหลังจากทำ Hifu (ไฮฟู่) ได้ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงหลังทำที่เกิดขึ้นตามปกติ โดยสามารถรับประทานยาลดอการปวดอักเสบได้ตามแพทย์สั่ง

     

    ข้อควรระวังหลังยกกระชับด้วย Hifu (ไฮฟู่)

    หลังจากการทำ Hifu (ไฮฟู่) ควรระวังและดูแลตนเองเพื่อลดผลข้างเคียง ดังนี้

     

    เปรียบเทียบ HIFU (ไฮฟู่) กับเทคโนโลยียกกระชับชนิดอื่น

    Hifu (ไฮฟู่) กับUlthera SPT  ต่างกันอย่างไร?

    Hifu (ไฮฟู่) กับ Ulthera SPT (อัลเทอร่า) แตกต่างกันในเรื่องของขนาดจุดโฟกัส ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ที่ได้แตกต่างกันออกไป โดย Hifu มีขนาดจุดโฟกัสประมาณ 0.3-0.5 mm ส่วน Ulthera จะมีขนาดจุดโฟกัสประมาณ 1 mm ซึ่งขนาดของจุดโฟกัสที่แตกต่างกันทำให้ Ulthera SPT (อัลเทอร่า) มีขนาดของจุดโฟกัสที่ใหญ่กว่า Hifu (ไฮฟู่) ทำให้สามารถยิงค่าพลังงานออกมาได้เสถียรคงที่กว่าการทำ Hifu (ไฮฟู่) 

    นอกจากนี้ Hifu (ไฮฟู่) และ Ulthera SPT (อัลเทอร่า) มีการยิงพลังงานในรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่ง Hifu (ไฮฟู่) ยิงพลังงานในรูปแบบ Single Shot และ Line Cartridge ขึ้นอยู่กับหัวเครื่องที่ใช้ยิง ส่วน Ulthera SPT (อัลเทอร่า) ยิงพลังงานในรูปแบบ Line Cartridge 

    ลักษณะการยิงแบบ  Single Shot และ Line Cartridge มีรายละเอียด ดังนี้

    Hifu (ไฮฟู่)Thermage กับ (เทอร์มาจ) ต่างกันอย่างไร?

    Hifu (ไฮฟู่) และ Thermage (เทอร์มาจ) แตกต่างกันในเรื่องของหลักการทำงาน การปล่อยคลื่นคนละชนิดและการลงสู่ชั้นผิวลึกไม่เท่ากัน 

    ซึ่ง Thermage (เทอร์มาจ) ปล่อยคลื่นพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency: RF) ตัวคลื่น RF ที่ใช้เป็น Monopolar RF หรือคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว ลงลึกไปถึงชั้นใต้หนังแท้ ซึ่งเป็นชั้นผิวที่อยู่ของคอลลาเจน (Collagen) การทำงานของ Thermage (เทอร์มาจ) จะปล่อยพลังงานความร้อน ทำให้คอลลาเจนในชั้นผิวเกิดการหดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ 

     

    ส่วน Hifu (ไฮฟู่) เป็นการปล่อยพลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) ที่มีความเข้มข้นสูงแบบเฉพาะเจาะจงลงไปสู่ชั้นผิว SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) โดยพลังงานของคลื่นอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) จะเปลี่ยนเป็นความร้อนจุดเล็ก ๆ ไปตามตำแหน่งต่าง ๆ

    คำถามพบบ่อยที่เกี่ยวกับ Hifu (ไฮฟู่)

    ผลลัพธ์หลังจากทำ Hifu (ไฮฟู่) นั้นจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนหลังจากทำประมาณ 1 เดือน และสามารถอยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน

    ระหว่างทำ Hifu (ไฮฟู่) จะมีความรู้สึกตึงและเมื่อยใต้ผิวบริเวณที่ทำ เป็นการยิงค่าพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ (Ultrasound) เข้าสู่ชั้นผิว โดยที่ก่อนทำแพทย์จะมีการแปะยาชาก่อนทำเสมอ 

    การทำ Hifu (ไฮฟู่) โดยปกติแล้วจะสามารถเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดหลังทำ Hifu ไปแล้วประมาณ 1 เดือน และสามารถคงผลลัพธ์ได้นานถึง 6-12 เดือน โดยการทำ Hifu (ไฮฟู่) สามารถทำซ้ำทุก ๆ 3 เดือนเพื่อความต่อเนื่องสู่ผลลัพธ์ที่สวยนานขึ้น 

    สรุป ข้อดี-ข้อเสียของ Hifu (ไฮฟู่)

    จากการเปรียบเทียบข้อมูลของข้อดีและข้อเสียของการทำ Hifu (ไฮฟู่) จะเห็นได้ชัดว่าข้อดีของการทำ Hifu (ไฮฟู่) มีมากกว่าข้อเสีย และข้อเสียที่กล่าวมานั้น เป็นอาการที่สามารถพบได้ในการทำเครื่องยกกระชับหลายๆเครื่อง และยังสามารถหายได้เองในระยะเวลาไม่นาน จึงทำให้การทำ Hifu (ไฮฟู่) กลายเป็นเครื่องยกกระชับยอดนิยมที่มีคนเข้ารับบริการกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การทำ Hifu (ไฮฟู่) ที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพนั้น ต้องเลือกทำ Hifu (ไฮฟู่) กับคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน เครื่องแท้ และทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น

    รมย์รวินท์คลินิก เป็นคลินิกที่มีมาตรฐาน พร้อมทีมแพทย์ที่มากประสบการณ์ พร้อมให้คำแนะนำและปรึกษาก่อนเข้ารับบริการทุกเคส ใส่ใจทุกการบริการเพื่อผลลัพธ์ที่ได้ประสิทธิภาพในการรักษาอย่างต่อเนื่อง

    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




      วันที่สะดวกในการติดต่อ








      Exit mobile version