Emface Submentum ลดเหนียง คางสองชั้น ด้วยโปรแกรม

Emface submentum

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




    วันที่สะดวกในการติดต่อ








    ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและคางสองชั้นเป็นเรื่องที่หลายคนกังวล ซึ่งการลดไขมันเหนียงด้วยตัวเองหรือการค้นหาคลินิกที่ให้บริการยกกระชับผิวแบบธรรมชาติเป็นสิ่งที่น่าสนใจ หนึ่งในเทคนิคที่กำลังมาแรงคือ Emface submentum ที่ช่วยยกกระชับและลดไขมันเหนียง คางสองชั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่สงสัยว่า Emface submentum คืออะไร และที่ไหนดีในการรับบริการ บทความนี้มีคำตอบ

    Emface Submentum คืออะไร?

    Emface Submentum เป็นเทคนิคใหม่ที่ใช้พลังงานเพื่อยกกระชับและลดไขมันบริเวณคางและเหนียง โดยไม่ต้องผ่าตัด เทคนิคนี้ได้รับความนิยมเนื่องจากมีประสิทธิภาพในการกระชับผิวและลดไขมันพร้อมกัน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าหรือแก้ไขปัญหาคางสองชั้นโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูง

    ขั้นตอนการเข้ารับบริการ Emface Submentum เป็นอย่างไร?

    Emface Submentum เป็นโปรแกรมที่ใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆ อย่างเช่น คลื่นวิทยุ (Radiofrequency), อัลตราซาวด์ (Ultrasound), หรือเลเซอร์ (Laser) เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและยกกระชับชั้นผิว SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ลึก นอกจากนี้ยังช่วยสลายไขมันบริเวณใต้คาง ซึ่งกระบวนการทำงานของเทคนิคนี้สามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนได้ดังต่อไปนี้

      1. การปรึกษาและประเมินสภาพผิวก่อนเริ่มการรักษา แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวและโครงสร้างใบหน้าของคนไข้ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ในขั้นตอนนี้ แพทย์จะพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความหย่อนคล้อยของผิว ปริมาณไขมันใต้คาง และสุขภาพทั่วไปของคนไข้
      2. การเตรียมผิวและการทายาชาก่อนการรักษา บริเวณที่ทำการรักษาจะถูกทำความสะอาดและเตรียมพร้อม อาจมีการทายาชาเฉพาะที่เพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายในระหว่างการรักษา
    Emface submentum
    • เริ่มทำหัตถการ โดยการใช้พลังงานในการยกกระชับและสลายไขมัน
      • การสลายไขมันต้องโปรแกรม RF เป็นการใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency) คลื่นวิทยุจะถูกส่งผ่านเข้าสู่ชั้นผิวลึกถึงระดับ SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ทำให้เกิดความร้อนในชั้นผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ การทำงานของคลื่นวิทยุนี้ช่วยยกกระชับชั้นผิวและลดไขมันใต้คางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • การดูแลหลังการรักษาหลังจากการรักษา คนไข้สามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ทันที แต่อาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงในบริเวณที่ทำการรักษาซึ่งจะหายไปในไม่กี่วัน ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาลดปวดหรือยาลดบวมเพื่อช่วยบรรเทาอาการ
    • การติดตามผลและการรักษาซ้ำ (ถ้าจำเป็น)แพทย์จะนัดติดตามผลการรักษาเพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลงและให้คำแนะนำเพิ่มเติม ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องทำการรักษาซ้ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยผลลัพธ์ที่ได้จะค่อยๆ เห็นได้ชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังการรักษา

    ข้อดีของ Emface Submentum

    • ไม่ต้องผ่าตัดEmface Submentum ไม่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัด ทำให้ไม่มีแผลเป็นและไม่มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด
    • ไม่มีระยะเวลาพักฟื้นนาน หลังการรักษา คนไข้สามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ทันที โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
    • ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและยาวนานผลลัพธ์ของการรักษาสามารถเห็นได้เร็ว และผิวดูเต่งตึงขึ้นในทันทีหลังทำ และสามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือน
    • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่พลังงานที่ใช้ในการรักษาจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับและดูอ่อนเยาว์ขึ้น

    ข้อควรระวังและผลข้างเคียงของ Emface Submentum

    แม้ว่า Emface Submentum จะเป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยที่คนไข้ควรทราบ

    • อาการบวมและแดงหลังการรักษา อาจมีอาการบวมและแดงในบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งจะหายไปในไม่กี่วัน
    • ความรู้สึกตึงหรือไม่สบายในบางกรณี คนไข้อาจรู้สึกตึงหรือไม่สบายในบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งสามารถใช้ยาลดปวดเพื่อลดอาการได้
    • ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญการทำ Emface Submentum
      ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความรู้เฉพาะทางเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากการรักษา

    กระบวนการทำงานของ Emface Submentum เป็นการใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆ เช่น คลื่นวิทยุหรืออัลตราซาวด์
    เพื่อยกกระชับและลดไขมันใต้คาง โดยไม่ต้องผ่าตัด
    เทคนิคนี้ช่วยให้ผิวบริเวณคางและเหนียงดูกระชับและเต่งตึงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้
    ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและรับคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ

    Emface submentum

    ชั้น SMAS คืออะไร?

    ชั้น SMAS หรือ Superficial Musculoaponeurotic System เป็นชั้นของเนื้อเยื่อที่มีความสำคัญต่อโครงสร้างของใบหน้าและการคงรูปร่างของผิว ชั้นนี้ประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและกล้ามเนื้อที่เชื่อมต่อกัน ทำหน้าที่ในการรองรับและยกกระชับผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและลำคอ

    ตำแหน่งและโครงสร้างของชั้น SMAS

    ชั้น SMAS อยู่ระหว่างชั้นไขมันใต้ผิวหนังและชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า เป็นชั้นที่มีความหนาและยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถรองรับและคงรูปใบหน้าได้อย่างดี ชั้นนี้เริ่มจากบริเวณขมับและยาวลงมาถึงลำคอ เชื่อมโยงกับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออื่น ๆ ที่อยู่รอบๆ

    Emface submentum

    บทบาทและหน้าที่ของชั้น SMAS มีอะไรบ้าง

    1. การรองรับและยกกระชับผิวชั้น SMAS ทำหน้าที่เหมือนกับ “แผ่นรอง” ที่ช่วยยกกระชับผิวและเนื้อเยื่อที่อยู่เหนือมัน ทำให้ใบหน้าดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์
    2. การเคลื่อนไหวของใบหน้ากล้ามเนื้อในชั้น SMAS ช่วยในการเคลื่อนไหวของใบหน้า เช่น การยิ้ม หัวเราะ หรือแสดงอารมณ์ต่าง ๆ
    3. การกระจายแรงและแรงกดดันชั้น SMAS ช่วยในการกระจายแรงและแรงกดดันที่เกิดขึ้นบนใบหน้า ทำให้ผิวไม่ยุบหรือเสียรูปทรง

    เมื่ออายุมากขึ้น ชั้น SMAS มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

    เมื่ออายุมากขึ้น ชั้น SMAS จะเริ่มเสื่อมสภาพและหย่อนคล้อย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย การเสื่อมสภาพของชั้น SMAS มีผลกระทบต่อความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและมีอายุมากขึ้น

    เทคนิคการยกกระชับชั้น SMAS มีอะไรบ้าง

    การยกกระชับชั้น SMAS เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมในการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า เทคนิคเหล่านี้มักใช้ในวงการศัลยกรรมความงามและการรักษาผิวพรรณ

    1. การผ่าตัดยกกระชับใบหน้าแบบดั้งเดิม (Facelift)เป็นการผ่าตัดที่ยกกระชับชั้น SMAS โดยตรง ทำให้ใบหน้าดูกระชับและอ่อนเยาว์ขึ้น การผ่าตัดนี้ต้องทำโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีระยะเวลาพักฟื้นนาน
    2. Ulthera SPT เป็นการใช้พลังงานอัลตราซาวด์Ulthera SPT ใช้พลังงานอัลตราซาวด์เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและยกกระชับชั้น SMAS โดยไม่ต้องผ่าตัด วิธีนี้มีความปลอดภัยสูงและไม่มีแผลเป็น
    3. RF เป็นการใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency)RF เป็นการใช้คลื่นวิทยุช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้น SMAS ทำให้ผิวดูกระชับและอ่อนเยาว์ วิธีนี้สามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีแผลเป็น
    4. Emface SubmentumEmface Submentum เป็นเทคนิคที่ใช้พลังงานเพื่อลดไขมันใต้คางและยกกระชับชั้น SMAS พร้อมกัน ทำให้ใบหน้าดูเรียวและได้รูปมากขึ้น

    ข้อดีและข้อควรระวังในการยกกระชับในชั้น SMAS

    ข้อดีของการยกกระชับในชั้น SMAS

    • การยกกระชับชั้น SMAS ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า ทำให้ผิวดูเต่งตึงและกระชับ
    • เทคนิคที่ไม่ต้องผ่าตัดมีความปลอดภัยสูงและไม่มีแผลเป็น
    • ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานและดูเป็นธรรมชาติ

    ข้อควรระวังของการยกกระชับในชั้น SMAS

    • การผ่าตัดยกกระชับชั้น SMAS ต้องทำโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน
    • เทคนิคที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น Ulthera SPT หรือคลื่นวิทยุ อาจต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
    • หลังการรักษา อาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงในบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งจะหายไปในไม่กี่วัน

    ชั้น SMAS เป็นชั้นสำคัญที่ช่วยรองรับและยกกระชับผิวใบหน้า การเสื่อมสภาพของชั้นนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย การยกกระชับชั้น SMAS ผ่านเทคนิคต่างๆ เช่น การผ่าตัด, Ulthera SPT, คลื่นวิทยุ และ Emface Submentum สามารถช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    Emface submentum

    ปัญหาผิวแบบไหน ที่ต้องรักษาด้วย Emface submentum

    การทำ Emface submentum เป็นวิธีการยกกระชับและลดไขมันบริเวณคางและเหนียงที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวและลักษณะดังต่อไปนี้

    1. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ผิวหย่อนคล้อยและมีริ้วรอยเมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับเนื่องจากการลดลงของคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้เกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย การทำ Emface submentum จะช่วยยกกระชับชั้นผิวและกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวกลับมาดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ขึ้น
    2. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ไขมันสะสมบริเวณใต้คางการสะสมของไขมันบริเวณใต้คางหรือเหนียงเป็นปัญหาที่หลายคนพบเจอ ซึ่งมักเกิดจากพันธุกรรม น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น หรือการเสื่อมสภาพของผิวหนัง การทำ Emface submentum จะช่วยสลายไขมันใต้คาง ทำให้คางเรียวและใบหน้าดูได้สัดส่วนมากขึ้น
    3. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ คางสองชั้น (Double Chin)คางสองชั้นหรือ Double Chin เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ซึ่งเกิดจากการสะสมของไขมันและความหย่อนคล้อยของผิว การทำ Emface submentum สามารถลดคางสองชั้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้คางและใบหน้าดูเรียวและกระชับขึ้น
    4. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ผู้ที่ไม่ต้องการการผ่าตัดสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวและลดไขมันใต้คาง แต่ไม่ต้องการการผ่าตัด การทำ Emface submentum เป็นทางเลือกที่ดี เพราะวิธีนี้ไม่ต้องมีการผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น และมีระยะเวลาพักฟื้นที่สั้น
    5. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ผู้ที่มีปัญหาผิวจากการสูญเสียคอลลาเจนเมื่อผิวสูญเสียคอลลาเจนจะทำให้ผิวบางลงและขาดความกระชับ การทำ Emface submentum จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงและกระชับขึ้น
    6. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ปัญหาผิวจากการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวอาจทำให้เกิดความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณคางและลำคอ การทำ Emface submentum เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไขมันสะสมใต้คาง หรือคางสองชั้น ซึ่งการรักษานี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดไขมันและยกกระชับผิว แต่ยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวกลับมาอ่อนเยาว์และกระชับยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและรับคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ

    Emface Submentum VS เทคนิคลดเหนียง ไขมันใต้คาง แบบอื่น ต่างกันอย่างไร

    การลดเหนียงและไขมันใต้คางเป็นสิ่งที่หลายคนสนใจและมีเทคนิคหลากหลายที่สามารถเลือกใช้ได้
    แต่ละเทคนิคมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนี้:

    1. สลายไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วย Emface Submentum

    Emface submentum เป็นเทคนิคที่ใช้พลังงานเพื่อยกกระชับผิวและลดไขมันใต้คาง โดยไม่ต้องผ่าตัด

    • Emface Submentumมี ข้อดี
      • ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ไม่มีแผลเป็นและไม่ต้องพักฟื้นนาน
      • ผลลัพธ์เห็นได้เร็ว และผิวดูเต่งตึงขึ้นในทันทีหลังทำ
      • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
    • Emface Submentumมี ข้อเสีย
      • อาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงในบริเวณที่ทำการรักษา
        แต่จะหายไปในไม่กี่วัน
      • ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    2. สลายไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วย Ulthera SPT

    Ulthera
    SPTใช้พลังงานอัลตราซาวด์เพื่อยกกระชับชั้นผิวลึกถึงระดับ SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System)

    • Ulthera SPT มีข้อดี
      • ใช้พลังงานที่มีความแม่นยำสูงในการยกกระชับผิวในชั้นลึก
      • ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี
      • ไม่มีแผลเป็นและไม่ต้องพักฟื้น
    • Ulthera SPT มีข้อเสีย
      • อาจมีความรู้สึกไม่สบายในระหว่างการทำ เช่น
        ความรู้สึกอุ่นหรือเจ็บเล็กน้อย
      • ผลลัพธ์ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนเพื่อเห็นผลชัดเจน

    3. สลายไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วยการดูดไขมันใต้คาง (Liposuction)

    การดูดไขมันใต้คางเป็นการผ่าตัดเพื่อนำไขมันออกจากบริเวณใต้คาง

    • การดูดไขมันใต้คางมี ข้อดี
      • ผลลัพธ์ถาวรและลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
      • ทำให้คางและใบหน้าดูเรียวและได้รูปมากขึ้น
    • การดูดไขมันใต้คางมี ข้อเสีย:
      • ต้องผ่าตัดและมีระยะเวลาพักฟื้น
      • อาจเกิดแผลเป็นและมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

    4. สลายไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วย RF (Radiofrequency)

    การใช้คลื่นวิทยุเพื่อกระชับผิวและลดไขมันใต้คาง โดยการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว

    • RF (Radiofrequency)มี ข้อดี
      • ไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีแผลเป็น
      • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับและดูอ่อนเยาว์ขึ้น
    • RF (Radiofrequency)มี ข้อเสีย
      • ต้องทำหลายครั้งเพื่อให้เห็นผลชัดเจน
      • ผลลัพธ์อาจไม่นานเท่าวิธีการผ่าตัด

    5. สลายไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วยเลเซอร์ (Laser Lipolysis)

    เลเซอร์ Lipolysis ใช้เลเซอร์ในการสลายไขมันใต้คางและกระชับผิว

    • เลเซอร์มี ข้อดี
      • ไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีแผลเป็น
      • ผลลัพธ์เห็นได้ชัดและรวดเร็ว
    • เลเซอร์มี ข้อเสีย
      • อาจต้องทำหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
      • อาจมีอาการบวมและแดงหลังทำ

    การลดเหนียงและไขมันใต้คางมีหลายเทคนิคให้เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล การยกกระชับและลดไขมันเหนียงด้วย Emface submentum เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยและไขมันใต้คาง โดยการเลือกเทคนิคที่เหมาะสมและคลินิกที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญในการได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    หากคุณกำลังมองหาวิธีลดไขมันเหนียง คางสองชั้น และต้องการยกกระชับชั้นกล้ามเนื้อแบบธรรมชาติ Emface submentum ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ ที่รมย์รวินท์คลินิกนับว่าเป็นสถาบันความงานชั้นอันดับต้นๆ ของประเทศ มีบริการ Emface submentum ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ควบคู่ไปกับความปลอดภัยของคุณ

    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




      วันที่สะดวกในการติดต่อ