Coolsculpting ลดไขมัน ฟรีซไขมัน คืออะไร ทำงานอย่างไร

Coolsculpting ลดขมัน กระชับหุ่น

Coolsculpting ลดไขมัน กระชับหุ่นสวย ด้วยความเย็น ดีจริงเหรอ?

นอกจากใบหน้าที่ต้องสวยออร่าแล้ว ต้องยอมรับเลยว่า การมีรูปร่างที่ดี จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เราได้มากขึ้น ยิ่งในปัจจุบันที่หลายคนต่างให้ความสำคัญกับการดูแลรูปร่างของตัวเอง ไม่ว่าจะเพื่อสุขภาพ หรือความสวยงาม ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นก็สามารถเป็นตัวช่วยในการลดไขมัน กระชับสัดส่วนเฉพาะจุดได้ อย่าง Coolsculpting ทางลัดหุ่นสวย สลายไขมันด้วยความเย็นได้แบบไม่ต้องผ่าตัด 

 

ไขมันส่วนเกินคืออะไร
ไขมันส่วนเกินคืออะไร

 

ไขมันส่วนเกิน คืออะไร ?

ไขมันส่วนเกิน เรียกได้ว่าเป็นปัญหาของหลาย ๆ คนที่อยากดูแลสุขภาพและดูแลรูปร่าง ไขมันส่วนเกินนั้น มักจะเกิดจากการบริโภคอาหารที่มากเกินต่อความต้องการของร่างกาย และระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่เต็มที่ ซึ่งไขมันส่วนเกินในร่างกาย นั้นก็มีหลายประเภท ดังนี้

  • ไขมันส่วนเกิน (Subcutaneous Fat) คือ ไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังและกล้ามเนื้อ โดยพบได้ตามบริเวณต่าง ๆ เช่น ต้นขา ต้นแขน สะโพก หน้าท้อง หรือใบหน้า ซึ่งไขมันส่วนนี้มีวิธีการลดที่สามารถทำได้หลายวิธี
  • ไขมันช่องท้อง (Visceral Fat) เป็นไขมันที่มีการสะสมอยู่ในอวัยวะภายใน เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด ลำไส้ ไขมันประเภทนี้ถือเป็นไขมันที่มีความอันตรายต่อสุขภาพระยะยาว เพราะสามารถนำไปสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และความดันโลหิตสูงได้  ทั้งยังลดได้ยากกว่าแบบแรก

 

ไขมันส่วนเกินมาจากไหน?

ไขมันส่วนเกิน นั้นเกิดจากอะไร ถึงแม้หลายคนจะรู้อยู่แล้วว่าการทานอาหารที่มากเกินไป หรือรับพลังงานที่เกินกว่าร่างกายควรได้รับต่อวันนั้น จะทำให้เกิดไขมันส่วนเกินได้ ซึ่งสารอาหารที่ร่างกายไม่ควรรับมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดไขมันส่วนเกินหรืออ้วนได้ คือ สารอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมัน ที่ร่างกายนั้นจะเปลี่ยนสารอาหารเป็นพลังงานที่ใช้ต่อวัน หากใช้พลังงานไม่หมดนั้น ร่างกายจะเปลี่ยนสารอาหารเป็นพลังงานสำรองที่อยู่ในรูปแบบไขมัน ซึ่งเมื่อสะสมนานเรื่อย ๆ ก็จะกลายเป็นไขมันส่วนเกินในร่างกาย

 

การทำให้เกิดไขมันส่วนเกินในร่างกายนั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมการกิน การไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่ออกกำลังกาย เพศ อายุที่เพิ่มขึ้น ระดับฮอร์โมนบางชนิด และพันธุกรรม เป็นต้น แม้อาจจะไม่ใช่ปัจจัยทางตรง แต่ปัจจัยเหล่านี้ก็สามารถส่งผลให้ระบบเผาผลาญในร่างกาย หรือระบบอื่น ๆ ทำงานได้ไม่เต็มที่ และอาจจะส่งผลให้เกิดการสร้างไขมันได้

 

วิธีลดไขมันส่วนเกิน มีอะไรบ้าง?

การลดไขมัน หรือลดความอ้วนนั้นสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การดูแลสุขภาพ 

  • การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีไขมัน น้ำตาลสูง จะช่วยลดไขมันได้
  • การออกกำลังกายทุกวัน การเคลื่อนไหวจะช่วยทำให้ร่างกายนั้นเผาผลาญพลังงานได้เยอะ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อมาแทนไขมันได้มากขึ้น 
  • การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยทำให้ร่างกายนั้นได้ซ่อมแซมตัวเอง และระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดีขึ้น 
  • ควรหลีกเลี่ยงความเครียด เนื่องจากฮอร์โมน Cortisol จะสูงมากขึ้น ทำให้เกิดความอยากอาหาร และรับประทานเยอะขึ้นได้
  • การใช้ตัวช่วยในการลดไขมัน พร้อมกระชับสัดส่วน อย่างเทคโนโลยี Coolsculpting ตัวช่วยลดไขมันด้วยความเย็นที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็ม

 

Coolsculpting คืออะไร
Coolsculpting คืออะไร

 

Coolsculpting คืออะไร ? 

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่จะช่วยทำให้การลดไขมันส่วนเกินนั้นทำได้สะดวกมากขึ้น อย่าง  Coolsculpting เครื่องลดไขมันกระชับสัดส่วนด้วยความเย็น โดย Coolsculpting จะใช้ความเย็นนั้นแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวเข้าไปแทนที่ความร้อนของร่างกาย เพื่อให้เกิดการแปรสภาพของเซลล์ไขมันที่อยู่ในชั้นผิวกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง จากนั้นไขมันที่ถูกฟรีซจะค่อย ๆ สลายออกตามระบบกลไกของร่างกาย ซึ่งตัวเครื่องนั้นมีจุดเยือกแข็งเย็นถึง -11 ถึง -13 °C มาพร้อม Applicator ที่ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด มีระบบ Freeze detect ที่เครื่องจะหยุดทำงานทันทีที่ตรวจเจอความเย็นในผิวชั้นบนที่มากเกินไป ทำให้ Coolsculpting เป็นโปรแกรมที่มีความปลอดภัย ได้การรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ทั้งยังมีการทำวิจัยระดับโลกจากผู้ใช้บริการจริง

 

ทำความรู้จัก Coolsculpting ลดไขมัน ทำงานอย่างไร?

การทำงานของ Coolsculpting ลดไขมันด้วยความเย็นนั้น จะทำงานผ่านหัวแอปพลิเคเตอร์ (Applicator) โดยแพทย์จะกำหนดสัดส่วนที่จะทำการลดไขมัน จากนั้นจะนำหัว Applicator นั้นหนีบเข้าไปที่ชั้นไขมัน และปล่อยความเย็นที่อุณหภูมิ -11 ถึง -13 °C โดยใช้เวลาประมาณ 35 นาที เพื่อทำให้เซลล์ไขมันนั้นถูกฟรีซกลายเป็นน้ำแข็ง จากนั้นจึงนวดก้อนไขมันให้แตกละเอียด ซึ่งเซลล์ไขมันจะตายไปอย่างเป็นธรรมชาติ (Cellapoptosis) ทำให้สามารถกำจัดไขมันได้อย่างถาวร Coolsculpting ยังช่วยทำให้ผิวมีความกระชับ ไม่ย้วยหลังทำ ซึ่งวิธีนี้จะเป็นการลดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ไม่ต้องพักฟื้น ทั้งยังปลอดภัย สะดวกสบายอีกด้วย 

 

Coolsculpting มีกี่หัว แต่ละหัวแตกต่างกันไหม?

เครื่องลดไขมัน พร้อมยกกระชับ Coolsculpting เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยสลายไขมันด้วยความเย็น ในรุ่นนี้จะมีทั้งหมด 5 หัว โดยหัว Applicator จะมีลักษณะเป็นสุญญากาศ ทำให้สามารถดูผิวบริเวณที่มีไขมันสะสมได้ดี และทำให้เจ็บน้อยกว่า ใช้เวลาน้อย ทั้งยังเห็นผลลัพธ์ที่ยาวนาน ทั้งนี้ Coolsculpting นั้นสามารถลดไขมันได้หลายตำแหน่งทั่วร่างกาย โดย Coolsculpting แต่ละหัวก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ดังนี้

 

  • CoolAdvantage เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมระดับปานกลาง สามารถทำได้ทั้งหมด 7 จุด ได้แก่ ท้อง เอว แขน หน้าอกผู้ชาย ปีกหลัง ขาด้านใน และใต้ก้น เป็นหัวที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด 
  • CoolAdvantage Petite เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมน้อย อย่าง คนตัวเล็ก หรือคนที่เคยทำหัว CoolAdvantage มาก่อน ซึ่งหัวนี้จะใช้ลดไขมันได้ทั้งหมด 7 จุด คือ ท้อง เอว แขน หน้าอกผู้ชาย ปีกหลัง ขาด้านใน และใต้ก้น 
  • CoolAdvantage Plus เป็นหัวที่มีขนาดใหญ่ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมที่เยอะ โดยจะใช้ลดไขมันบริเวณกว้าง คือ เอว ท้อง
  • CoolMini เป็นหัว Applicator ที่มีขนาดเล็กที่สุด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันมันบริเวณเฉพาะจุด เช่น เหนียง เนื้อใต้รักแร้ หรือนมน้อย รวมถึงเนื้อย้วยที่อยู่บริเวณเหนือเข่า
  • CoolSmooth Pro เป็นหัวเฉพาะที่ใช้สำหรับสลายไขมันบริเวณขาด้านนอก และบริเวณใต้สะโพกลงมา ซึ่งในบางคลินิกนั้นจะใช้ในการทำซิกแพคได้ด้วย

 

Coolsculpting ลดไขมันส่วนไหนได้บ้าง
Coolsculpting ลดไขมันส่วนไหนได้บ้าง

 

Coolsculpting ลดไขมันส่วนไหนได้บ้าง ? 

Coolsculpting จะช่วยลดไขมันสะสมใต้ผิวหนังเฉพาะจุด ช่วยลดไขมัน พร้อมกระชับรูปร่าง ให้มีความสมส่วนมากขึ้น โดย Coolsculpting นั้นสามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้ในหลายตำแหน่งบนร่างกาย ดังนี้ 

 

  • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณใบหน้า แก้ม เหนียง คางสองชั้น หรือบริเวณกรอบหน้า
  • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณหน้าท้อง ช่วยลดไขมันหน้าท้อง สำหรับคนที่มีปัญหาอ้วนลงพุง
  • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณเอว ไม่ว่าจะเป็น ไขมันรอบเอวหรือห่วงยาง และบริเวณหน้าท้องล่าง
  • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณนมน้อย ที่อยู่ใกล้กับรักแร้ หรือ หน้าอกผู้ชาย
  • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณต้นแขน ช่วยลดต้นใหญ่ กระชับต้นแขนที่ย้วย หรือถุงกาแฟ
  • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณต้นขา แก้ปัญหาต้นขาใหญ่ และปัญหาขาเบียด ทำให้ขาดความมั่นใจ
  • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณสะโพก ช่วยลดไขมันสะโพก ลดไขมันใต้ก้น ทำให้สะโพกและก้นกระชับได้รูปร่างที่สวยขึ้น
  • Coolsculpting ช่วยลดไขมันบริเวณปีกหลัง หรือ Fat Bra แก้ปัญหาปีกหลังหนาเป็นชั้น

 

Coolsculpting เหมาะกับใคร ?

การลดไขมันด้วย Coolsculpting เป็นการลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุด ที่สามารถทำได้ทั่วร่างกาย เป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัย เหมาะสำหรับใครบ้าง มาดูกัน

 

  • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ทำให้ออกแรงเยอะ หรือออกกำลังกายไม่สะดวก
  • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดระดับปานกลาง (BMI < 35) ต้องการลดไขมันส่วนเกิน บริเวณต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง ใบหน้า หรือบริเวณสะโพก แต่ไม่ได้มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่พยายามลดน้ำหนัก และควบคุมอาหาร แต่ยังมีไขมันสะสมเฉพาะส่วนอยู่ 
  • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่ต้องการรูปร่างที่กระชับขึ้นและมีสัดส่วนที่สวยงาม 
  • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดดูดไขมัน ไม่ต้องการพักฟื้น หรือมีเวลาน้อย
  • Coolsculpting เหมาะกับผู้ที่มี BMI  ไม่เกิน 35 จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ดีกว่า

 

Coolsculpting ไม่เหมาะกับใคร ?

ถึงแม้ว่าการลดไขมันด้วยความเย็นด้วย Coolsculpting จะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย มีผลข้างเคียงที่น้อย แต่อย่างไรก็ตามก็อาจจะมีข้อระวัง และข้อจำกัด สำหรับคนบางกลุ่ม ดังนี้

 

  • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์เยอะ หรือมีค่า BMI สูงกว่า 35 เพราะอาจจะทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ไม่ชัดเจน
  • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เพราะอาจเสี่ยงต่อปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือด
  • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคแพ้ความเย็น เนื่องจาก Coolsculpting จะเป็นการใช้ความเย็นในการลดไขมัน อาจจะทำให้เกิดปัญหาขณะทำการรักษาได้
  • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคแพ้ความเย็น ลมพิษจากความเย็น โรคกลัวความเย็น โรคเลือดแข็งตัวผิดปกติ หรือผู้ที่กำลังเป็นไส้เลื่อน 
  • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งผ่านการผ่าตัด ควรรอให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่ก่อนแล้วจึงค่อยทำ Coolsculpting
  • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลเปิดหรือผิวหนังอักเสบ ควรรักษาให้หายก่อน เพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้
  • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ หรือมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในร่างกาย อาจมีความเสี่ยงในการใช้ Coolsculpting ได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการรักษา
  • Coolsculpting ไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร
  • Coolsculpting ไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่กำลังมีประจำเดือน หากกำลังเป็นประจำเดือนควรหลีกเลี่ยงการรักษาในช่วงนี้

 

ข้อควรรู้ก่อนทำ Coolsculpting ลดไขมันด้วยความเย็น

  • ข้อดีของการทำ Coolsculpting

 Coolsculpting เป็นหัตถการที่ไม่ต้องเตรียมตัวเยอะ ไม่จำเป็นต้องงดอาหาร เนื่องจากไม่ใช่การผ่าตัด ทำให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทั้งยังเป็นหัตถการที่ใช้เวลาไม่นานเพียง 35 นาที จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว 

  • ข้อเสียของการทำ Coolsculpting

การทำ Coolsculpting ลดไขมัน และกระชับสัดส่วนนั้นเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ความเย็นในการช่วยลดไขมันสะสมเฉพาะจุด ซึ่งอาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไป หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้ที่ติดอุปกรณ์ภายในร่างกาย รวมถึงผู้ที่ตั้งครรภ์ และให้นมบุตร

 

CoolSculpting ใช้อย่างไร มีกี่ขั้นตอน

  1. ก่อนที่จะเข้ารับการรักษา ควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อแจ้งปัญหาและความกังวลใจ รวมถึงแจ้งบริเวณที่ต้องการทำ CoolSculpting แพทย์จะทำการประเมินปัญหา ชั่งน้ำหนัก วัดสัดส่วน และถ่ายภาพก่อนทำ จากนั้นจะวางแผนการรักษาให้เหมาะกับแต่ละบุคคล
  2. เตรียมตัวก่อนทำการรักษา Coolsculpting โดยทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะทำการรักษา ทำเครื่องหมายบริเวณที่ติดหัว Applicator เพื่อให้การรักษามีความแม่นยำ
  3. แพทย์จะเริ่มทำการรักษาด้วย CoolSculpting ความเย็นจะถูกปล่อยเข้าสู่ชั้นไขมัน เพื่อทำให้เซลล์ไขมันสลายไป แพทย์จะเลือกทำแต่ละบริเวณที่กำหนดไว้ โดย CoolSculpting จะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 35 นาที 
  4. หลังจากทำการรักษา Coolsculpting เสร็จ แพทย์จะทำการนวดก้อนไขมันประมาณ 2 นาที เพื่อช่วยให้ไขมันแตกละเอียดและเพิ่มประสิทธิภาพของผลลัพธ์
  5. หลังการรักษาแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังการรักษา Coolsculpting อย่างใกล้ชิด และอาจมีการนัดหมายเพื่อติดตามผลอย่างต่อเนื่อง

 

ลดไขมันด้วย CoolSculpting หรือ โปรแกรมลดไขมันเลือกวิธีไหนดี?

CoolSculpting 

CoolSculpting เป็นการสลายไขมัน กระชับสัดส่วน ด้วยเทคโนโลยีที่ใช้ความเย็นจัดในการทำลายเซลล์ไขมันโดยตรง ซึ่งเซลล์ไขมันที่ถูกทำให้เย็นจัดจะตายและถูกขับออกจากร่างกายตามกระบวนการทางธรรมชาติ วิธีนี้ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ใช้เข็ม โดยจะทำการสลายไขมันผ่าน Applicator ที่ช่วยกระจายความเย็นได้อย่างแม่นยำตรงจุด ทั้ง Coolsculpting ยังมาพร้อมนวัตกรรมตรวจจับอุณหภูมิความเย็นอัจฉริยะ ที่ทำให้ปลอดภัยต่อร่างกาย Coolsculpting จึงเหมาะสำหรับคนที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด บริเวณใบหน้า และบริเวณลำตัว

 

ข้อดี และข้อจำกัดของ CoolSculpting

  • Coolsculpting ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็ม เหมาะกับคนที่กลัวเข็ม
  • Coolsculpting สามารถทำได้หลายบริเวณ เช่น กรอบหน้า เหนียง หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน
  • Coolsculpting ให้ผลลัพธ์ค่อนข้างถาวร เนื่องจากเซลล์ไขมันที่ถูกทำลายจะไม่กลับมาอีก
  • Coolsculpting ฟื้นตัวเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • Coolsculpting จะทำให้ไขมันจะค่อย ๆ สลายไป จึงอาจจะเห็นผลลัพธ์ได้ช้า
  • Coolsculpting ไม่เหมาะกับผู้ที่มีไขมันมากเกินไป
  • Coolsculpting ต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น

 

โปรแกรมลดไขมัน

เป็นการนำตัวยาลงไปที่ชั้นไขมัน เพื่อสลายไขมันเฉพาะจุด และลดเซลลูไลท์เข้าไปในชั้นไขมัน โดยโปรแกรมลดไขมันนั้นเป็นสกัดจากธรรมชาติที่มีความหลากหลาย เช่น Artichoke Extract, L-carnitine, Mesostabyl ซึ่งการฉีดเมโสแฟตก็เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสูง เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุด นิยมใช้กับบริเวณใบหน้า

 

ข้อดี และข้อจำกัดของโปรแกรมลดไขมัน

  • การทำโปรแกรมลดไขมัน จะสามารถเห็นผลเร็วกว่า CoolSculpting 
  • การทำโปรแกรมลดไขมันนั้นสามารถทำได้กับหลายบริเวณ
  • โปรแกรมลดไขมันเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเซลลูไลท์ และมีไขมันสะสมเฉพาะจุดไม่เยอะมาก
  • โปรแกรมลดไขมันอาจจะต้องทำหลายครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
  • อาจมีอาการข้างเคียง เช่น บวม แดง หรืออาการปวดได้
  • ให้ผลลัพธ์ที่ไม่ถาวรเท่ากับ CoolSculpting เนื่องจากเป็นการสลายไขมันไม่ได้กำจัดเซลล์ไขมัน
  • ต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทาง

 

CoolSculpting ช่วยลดไขมันต้นขาได้อย่างไร ?

  • CoolSculpting จะช่วยลดจำนวนเซลล์ไขมันบริเวณต้นขาได้อย่างถาวร ทำให้ต้นขานั้นมีความกระชับมากยิ่งขึ้น
  • CoolSculpting จะเข้าไปเร่งกระบวนการกำจัดไขมัน โดยการทำ CoolSculpting 1 ครั้ง สามารถช่วยลดไขมันได้ในปริมาณ 60-70 CC หรือราว ๆ 25% ของเซลล์ไขมันในบริเวณที่ทำ
  • CoolSculpting จะใช้เวลาในการทำน้อย โดยส่วนมากจะใช้เวลาประมาณ 35 นาที 
  • CoolSculpting มีความปลอดภัย เพราะมีเทคโนโลยี Freeze Detect ที่ช่วยตรวจจับอุณหภูมิอัจฉริยะ โดยจะตรวจจับความเย็นบนชั้นผิว เมื่อพบว่ามีความเย็นที่มากเกินไป ระบบจะหยุดทำงานทันที ทำให้ไม่มีความเสี่ยงต่อการเบิร์นหรือไหม้ของผิว

 

CoolSculpting ใช้เวลานานไหม?

สำหรับใครที่มีเวลาไม่มาก และต้องการลดไขมันแบบเร่งด่วน การรักษาด้วย CoolSculpting เรียกได้ว่าตอบโจทย์อย่างมาก โดยปกติแล้วนั้นจะใช้เวลาในการทำประมาณ 35 นาที ต่อ 1 บริเวณ ซึ่งจะเรียกหน่วยจำนวนยิงพลังงานว่า ไซเคิล (Cycle) โดยการยิง CoolSculpting 1 ไซเคิล จะใช้เวลาประมาณ 35 นาทีจึงจะฟรีซและสลายไขมันได้ และค่อยเปลี่ยนเป็นบริเวณอื่น ๆ ตามที่ต้องการ

 

ต้องทำ CoolSculpting กี่ครั้งจึงจะเห็นผล ?

คำถามที่หลายคนต่างสงสัย คือ ต้องทำ CoolSculpting กี่ครั้งจึงจะเห็นผล? การลดไขมันกระชับสัดส่วนด้วย CoolSculpting 1 ครั้ง สัดส่วนจะค่อย ๆ ลดลงภายใน 3-4 สัปดาห์ จะเห็นผลชัดเจนในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและได้ผลที่ดี ควรจะทำติดต่อกัน 4 ครั้งต่อ 1 เดือนอย่างต่อเนื่อง จากนั้นสามารถทำ Coolsculpting ครั้งละ 2 สัปดาห์ เพื่อความต่อเนื่องและความคงทนของผลลัพธ์ 

 

ทำ CoolSculpting เจ็บไหม?

การลดไขมันด้วย CoolSculpting เป็นการใช้ความเย็นในการสลายไขมัน ซึ่งเป็นความเย็นที่ได้รับการควบคุมอุณหภูมิ จึงทำให้ความรู้สึกระหว่างทำนั้นมีความสบาย ไม่เจ็บมาก ทั้งผิวหนังในส่วนที่หัว Applicator นั้นถูกดูดเข้าไป จะไม่ทำให้เจ็บ หรือปวดมาก ทำให้เวลาทำการรักษานั้นสามารถผ่อนคลาย และมีความสบายได้ หลังทำ Coolsculpting ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และร่างกายจะค่อย ๆ เริ่มกำจัดเซลล์ไขมันออกไป

 

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดเมื่อทำ CoolSculpting

หลังทำ CoolSculpting ยกกระชับ สลายไขมัน อาจจะมีผลข้างเคียงที่เกิดหลังทำได้ โดยส่วนมากผลข้างเคียงเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 2-3 ชั่วโมง ได้แก่

  • หลังทำ Coolsculpting ผิวอาจเกิดอาการบวม ช้ำ แดง
  • หลังทำ Coolsculpting จะมีความรู้สึกเสียวแปลบที่ผิว บริเวณที่ทำ CoolSculpting
  • หลังทำ Coolsculpting ผิวบริเวณที่ทำจะมีอาการซีดชั่วขณะ
  • หลังทำ Coolsculpting อาจมีก้อนแข็งอยู่ภายในผิวบริเวณที่ทำ
  • หลังทำ Coolsculpting จะมีอาการกดเจ็บที่ผิวหนัง
  • หลังทำ Coolsculpting อาจมีอาการตะคริวบริเวณผิวรอบ ๆ ที่ทำ
  • หลังทำ Coolsculpting จะมีความรู้สึกคัน หรือแสบบริเวณผิว
  • หลังทำ Coolsculpting จะมีความรู้สึกตึงบริเวณผิวที่ทำ

 

Coolsculpting อันตรายไหม ?

การลดไขมันด้วย Coolsculpting เป็นการรักษาที่มีความปลอดภัย เนื่องจากตัวเครื่องนั้นได้ผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  ทั้งยังมีงานวิจัยรองรับหลายฉบับ Coolsculpting สามารถตรวจสอบของแท้ได้ ทำให้มั่นใจได้เลยว่ามีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

 

ทำ Coolsculpting แล้วเห็นผลจริงไหม ?

การทำ Coolsculpting สามารถเห็นผลได้จริง สามารถลดจำนวนเซลล์ไขมันส่วนเกินได้อย่างถาวร ซึ่งการสลายไขมัน พร้อมยกกระชับด้วยเทคโนโลยีนี้ได้รับความนิยมสูงในหลายประเทศทั่วโลก ทั้งยังมีงานวิจัยที่สามารถตรวจสอบได้ และยังสามารถดูได้จากรีวิว Coolsculpting จากผู้ใช้บริการมากมาย ทั้งนี้ผลลัพธ์ของการรักษาด้วย Coolsculpting นั้นจะขึ้นอยู่กับการปัญหา อายุ หรือการดูแลตัวเองหลังทำด้วย

 

Coolsculpting เลือกทำที่ไหนดี
Coolsculpting เลือกทำที่ไหนดี

 

เลือกทำ Coolsculpting ที่ไหนดี? 

ก่อนที่จะตัดสินใจเลือก Coolsculpting ที่ไหนดี? นั้น ควรเลือกคลินิกที่มีความปลอดภัย การเลือกสถานพยาบาลหรือคลินิกก่อนทำ Coolsculpting นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก และมีหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้ 

  • เลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ และมีมาตรฐานของคลินิก มีใบรับรองที่ถูกต้อง มีความสะอาด เลือกใช้อุปกรณ์การแพทย์ และเลือกใช้เครื่องลดไขมัน Coolsculpting ที่เป็นของแท้ และสามารถตรวจสอบได้
  • เลือกคลินิกที่ดูแลโดยแพทย์ผู้มีความชำนาญการ และมีประสบการณ์ในการใช้เครื่อง Coolsculpting โดยเฉพาะ ทั้งนี้สามารถตรวจสอบชื่อของแพทย์ได้ทางเว็บไซต์แพทยสภา
  • เลือกคลินิกที่มี Review รูปภาพหรือรีวิวการทำ Coolsculpting จากผู้ใช้บริการจริง มีความน่าเชื่อถือ จากทั้งในเว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดีย
  • เลือกคลินิกที่มีราคา Coolsculpting ที่สมเหตุสมผล ไม่ถูกมากจนเกินไป เนื่องจากอาจจะเจอกับเครื่องปลอม หรือเครื่องเลียนแบบได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้

 

ปัจจุบันการดูแลรูปร่าง ถือเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนต่างให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ผู้หญิง หรือผู้ชาย ซึ่งนอกจากการออกกำลังกายแล้ว เทคโนโลยีก็สามารถเป็นตัวช่วยลดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดได้เป็นอย่างดี อย่าง Coolsculpting  เครื่องลดไขมัน ยกกระชับสัดส่วน ที่ช่วยแก้ปัญหารูปร่างได้อย่างตรงจุด ซึ่งทาง รมย์รวินท์คลินิก ก็พร้อมให้บริการแล้วทุกสาขา สามารถเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับ CoolSculpting ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ได้ทุกสาขา หรือผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย