สาเหตุนอนกรน วิธีเลี่ยงนอนกรน ทำไมต้องรักษานอนกรน

87

วิธีการพักผ่อนร่างกายที่ดีที่สุดนั่นคือการนอนหลับ หากคุณสามารถหลับได้ลึกและยาวนานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลดีต่อร่างกาย แต่เรามักจะพบว่าหลายคนมีอาการนอนกรนร่วมด้วย  โดยเกิดขึ้นในช่วงของการหลับลึกแล้วมีเสียงเกิดขึ้นที่บริเวณลำคอระหว่างหายใจเข้าในขณะนอนหลับ ซึ่งอาการกรนนี้ได้สร้างความรำคาญแก่ผู้ที่นอนร่วมห้องด้วย หรืออาจมีอาการสะดุ้งตื่นกลางดึกอันเนื่องมาจากอาการกรน หรือแล้วอาการนอนกรนเกิดจากสาเหตุใด เราจะสามารถเลี่ยงไม่ให้นอนกรนได้หรือไม่  และสำหรับบางรายมีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องรักษานอนกรนเป็นเพราะสาเหตุใด มาไขข้อสงสัยนี้กันค่ะ

สาเหตุของอาการนอนกรน

อาการนอนกรนจะเกิดในขณะนอนหลับ โดยกล้ามเนื้อคอจะผ่อนคลายและหย่อนตัว ส่งผลทำให้ทางเดินหายใจแคบลงและอากาศที่เคลื่อนผ่านทางเดินหายใจที่แคบลง ทำให้เกิดการสั่นของเนื้อเยื่อคอจนทำให้เป็นเสียงกรนขึ้นมา ทั้งนี้ เสียงกรนยังเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ตามสาเหตุดังนี้ค่ะ

image003 5
  • ความอ้วนอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คุณนอนกรนได้ค่ะ เพราะเมื่อร่างกายมีไขมันสะสมอยู่ที่เนื้อเยื่อรอบช่องคอจึงทำให้ทางเดินหายใจแคบลง จนหายใจไม่สะดวกเป็นที่มาของเสียงกรนดังค่ะ
  • การสูบบุหรี่ ทำให้ช่องทางเดินหายใจอักเสบ หนาตัวและมีเสมหะมากขึ้น
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ และยาบางชนิดกดการตอบสนองของร่างกายต่อภาวะขาดออกซิเจน และภาวะคั่งของคาร์บอนไดออกไซด์ และทำให้กล้ามเนื้อของช่องทางเดินหายใจยุบตัวง่ายขึ้น
  • กรรมพันธุ์ คนที่มีบรรพบุรุษมีอาการกรนมีโอกาสที่จะนอนกรนสูงกว่าคนทั่วไป ทั้งนี้ลองปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษานอนกรนให้หายได้ค่ะ
  • คางสั้น ลักษณะโครงสร้างกระดูกใบหน้าที่มีคางสั้นทำให้เกิดเสียงกรนได้เมื่อหายใจขณะนอนหลับ
  • อายุมาก กล้ามเนื้อบริเวณคอรอบทางเดินหายใจหย่อนตกไปด้านหลังช่องคอ ทำให้เกิดการสั่นเวลาหายใจขณะหลับจึงเกิดเสียงกรน
  • เป็นหวัดเรื้อรังหรือมีอาการแน่นจมูกเรื้อรังทำให้ช่องทางเดินหายใจแคบกว่าปกติค่ะ

วิธีเลี่ยงนอนกรน

  • การควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในภาวะปกติ เพราะเมื่อร่างกายมีเนื้อหนังรอบคอ (รวมทั้งทั่วตัว) ที่่แน่นจนเกินไป อาจทำให้กดหลอดลมหายใจจนหายใจไม่สะดวกจึงนอนกรนเสียงดังค่ะ ดังนั้น แนะนำให้รักษานอนกรนโดยการลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพนะคะ หากอาการกรนยังไม่หายควรพบแพทย์เพื่อรักษานอนกรนค่ะ
  • หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยให้กล้ามเนื้อเกี่ยวกับช่องทางเดินหายใจแข็งแรงขึ้นได้ค่ะ รักษานอนกรนได้เช่นกัน
  • ยกศีรษะให้สูงขึ้น ในกรณีที่นอนตะแคงไม่ถนัดนัก สามารถนอนหงายและใช้หมอนเล็กๆ หนุนที่บริเวณหลังคอด้านบน ยกศีรษะให้สูงจากเตียง เพื่อรักษานอนกรนและป้องกันไม่ให้ลิ้นหย่อนลงไปในลำคอจนทำให้เกิดเสียงกรน
  • หากท่านอนหงายเป็นท่าที่คุณนอนหลับสบายที่สุด ลองนอนโดยไม่ต้องใช้หมอนรองศีรษะ หรือจะนอนหนุนหมอนแต่ใช้ผ้าขนหนูหนุนใต้คางเพื่อให้ปากปิดอยู่ตลอดก็ได้ วิธีนี้ก็จะช่วยรักษานอนกรนได้เหมือนกันค่ะ
  • เปลี่ยนท่านอน จากที่เคยนอนหงายมาเป็นท่านอนตะแคง โดยอาจจะนอนกอดหมอนข้างไปด้วยก็จะช่วยให้คุณอยู่ในท่านอนตะแคงได้นานขึ้น เพียงแค่นี้ก็ทำให้กรนน้อยลงหรือเลิกกรนไปเลยได้
  • เลิกดื่มของมึนเมา เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้มีแอลกอฮอล์ซึ่งมีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลาง และสามารถส่งผลให้กล้ามเนื้อส่วนด้านหลังลำคอตึงเครียดได้ จนทำให้เกิดการนอนกรน โดยเฉพาะหากคุณดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอน 4-5 ชั่วโมง อาการนอนกรนจะยิ่งทวีความรุนแรง ดังนั้นควรลดแอลกอฮอล์เพื่อรักษานอนกรนให้ดีขึ้น
image005 3
  • เลิกสูบบุรี่ เนื่องจากบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ระบบการหายใจของเราผิดปกติไปค่ะ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่มันส่งผลกับปัญหาการนอนกรนค่ะ
  • หมั่นรักษาความสะอาดของช่องจมูก เพื่อรักษานอนกรน พยายามอย่าให้มีขี้มูกมากเกินไป เพราะอาจจะไปปิดกั้นการหายใจทำให้เกิดเสียงกรน
  • รักษานอนกรนโดยปรับระดับความชื้นของห้องนอนให้เหมาะสม ห้องนอนที่มีความชื้นต่ำมาก อากาศภายในห้องจะแห้ง ทำให้เยื่อบุต่างๆ ในระบบทางเดินหายใจแห้งตามไปด้วย ภาวะสภาพแวดล้อมนี้อาจเกิดการบวมของทางเดินหายใจจนทำให้เกิดการนอนกรนค่ะ
  • รักษาความสะอาดของเครื่องนอนเป็นประจำ เพราะความสกปรกและเชื้อโรคที่เกาะอยู่ตามหมอน ผ้าห่ม และผ้าปูที่นอนของคุณล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุให้การหายใจในระหว่างนอนหลับติดขัดได้ ทางที่ดีควรซักทำความสะอาดเครื่องนอนเป็นประจำสามารถช่วยลดนอนกรนได้ค่ะ

ทำไมต้องรักษานอนกรน ด้วยเหตุผลจำเป็นดังนี้ค่ะ

  • ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง หากไม่รักษานอนกรน เนื่องจากเสียงดังจากการนอนกรนนั่นเอง เช่น สามี-ภรรยา และลูกๆ ที่นอนร่วมห้องด้วยอาจจะนอนไม่หลับจากเสียงกรนดังรบกวน  โดยเฉพาะสาวๆ ที่นอนกรนก็จะมีปัญหาขาดความมั่นใจในการเข้าสังคมกรณีต้องไปค้างบ้านเพื่อน หรือไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนฝูง การรักษานอนกรนจะช่วยสร้างความมั่นใจในการเข้าสังคมมากขึ้น หรือช่วยให้สมาชิกในครอบครัวที่นอนร่วมห้องกับคุณหลับอย่างมีความสุขค่ะ
  • ในรายที่นอนกรน ไม่รักษานอนกรน สมองจะได้ออกซิเจนไม่เพียงพอขณะหลับ ทำให้ความดันโลหิตสูง สมองไม่แจ่มใส ความจำไม่ดี และบางครั้งง่วงนอนกลางวันหรือขณะขับรถ ส่งผลเสียระยะยาวต่อสุขภาพ ดังนั้น รักษานอนกรนจะช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นแน่นอนค่ะ
  • นอนกรน อาจเกี่ยวข้องกับการหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ เพราะฉะนั้นจะนิ่งนอนใจไม่ได้ค่ะจำเป็นต้องรีบรักษานอนกรนเป็นการด่วน
image007

เมื่อทราบถึงสาเหตุและปัญหาของการนอนกรนแล้ว อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดนะคะ แนะนำให้รีบรักษานอนกรน ก่อนที่อาการกรนจะทำร้ายร่างกายของคุณค่ะ

วิธีการรักษานอนกรนให้หายต้องทำอย่างไร

86

เมื่อเสียงกรนระหว่างนอนหลับสามารถทำลายความสุขของผู้ที่นอนอยู่ข้างกายคุณ และยังเป็นสัญญาณที่เตือนว่าอาจจะเกิดปัญหากับสุขภาพร่างกายของคุณ ความกังวล และความเหนื่อยล้า จากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ยังส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคุณอีกด้วย ซึ่งการแก้ไขปัญหาด้วยการเร่งหาสาเหตุ และเข้ารับการรักษานอนกรนด้วยวิธีการที่ถูกต้อง นับได้ว่าเป็นเรื่องที่ผู้มีปัญหานอนกรนไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าหากปล่อยไว้เนิ่นนาน สุขภาพของคุณอาจจะแย่ลงเกินกว่าที่คาดคิดก็เป็นได้ โดยวิธีการรักษานอนกรนปัจจุบันมีทางเลือกอย่างหลากหลาย แล้วจะมีวิธีรักษานอนกรนให้หายได้ด้วยวิธีใดบ้างมีดังนี้ค่ะ

1. รักษานอนกรนด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง

สำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรนสามารถเริ่มต้นรักษานอนกรนง่ายๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง ได้แก่ การปรับสุขอนามัยการนอน เช่น นอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง เข้านอนและตื่นนอนอย่างตรงเวลาสม่ำเสมอ การงดเว้นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนนอน การหลีกเลี่ยงการใช้ยานอนหลับ และยาที่มีฤทธิ์กดประสาท หรือคลายกล้ามเนื้อ งดเว้นการดื่มชา กาแฟ และหยุดสูบบุหรี่ในช่วงบ่าย ที่สำคัญในรายที่อ้วน หรือน้ำหนักเกินต้องรักษานอนกรน ด้วยการลดน้ำหนัก ควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอค่ะ

นอกจากคนนอนกรนควรต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตดังกล่าวแล้ว ทางที่ดีควรพบแพทย์เพื่อรักษานอนกรนและรักษาปัจจัยเสี่ยงหรือโรคต่างๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของการนอนกรนได้ค่ะ เช่น ถ้าคุณมีโรคเยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ต่อมทอลซิลอักเสบ เนื้องอกบริเวณทางเดินหายใจ โรคทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ หรืออื่นๆ ก็ควรรับการรักษาโรคเหล่านี้ควบคู่กันไปกับการรักษานอนกรนด้วยนะคะ

2. รักษานอนกรนโดยใช้เครื่องมือในช่องปาก (Oral Appliances)

ในรายที่เป็นไม่รุนแรง สามารถเลือกใช้วิธีการรักษานอนกรน โดยใช้เครื่องมือในช่องปาก (Oral Appliances) เป็นเครื่องมือทันตกรรมที่สวมใส่ในปากขณะนอนหลับ เพื่อป้องกันไม่ให้ลิ้นหรือเนื้อเยื่ออ่อนในลำคอตกลงไปอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ ทำให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้นขณะนอนหลับ ทำให้ผู้ที่มีปัญหานอนกรน หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับมีอากาศหายใจพอเพียง สามารถนอนหลับได้อย่างปกติสุขค่ะ เครื่องครอบฟันนี้สามารถใช้รักษานอนกรนเพียงชนิดเดียว หรือใช้ร่วมกับเครื่องเป่าลม (CPAP) ในการรักษานอนกรน หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้ค่ะ

image003 4

เครื่องครอบฟันรักษานอนกรนสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ดังนี้

  • เครื่องครอบฟันเป็นวิธีรักษานอนกรนที่ช่วยจัดตำแหน่งของลิ้น (Tongue Retaining Appliance) เครื่องครอบฟันชนิดนี้มีส่วนประกอบที่จะช่วยยึดลิ้นไว้ให้อยู่ในตำแหน่งด้านหน้าไม่ให้ตกลงไปทางด้านหลังขณะนอนหลับ โดยอาศัยแรงดันที่เป็นลบ ในส่วนประกอบดังกล่าวทำให้ทางเดินหายใจบริเวณหลังโคนลิ้นเปิดกว้าง ไม่มีการอุดกั้นทางเดินหายใจขณะหลับ เหมาะสำหรับรักษานอนกรนในผู้ที่ไม่มีฟัน  ผู้ป่วยที่มีโรคเหงือก หรือ โรคของข้อต่อขากรรไกร
  • เครื่องครอบฟันที่ช่วยจัดตำแหน่งของขากรรไกรล่าง (Mandibular Repositioning Appliances) เครื่องครอบฟันชนิดนี้เป็นชนิดที่ใช้บ่อยที่สุดในการรักษานอนกรน หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ โดยจะยึดขากรรไกรบนและล่างเข้าด้วยกัน และสามารถเลื่อนขากรรไกรล่างไปทางด้านหน้าขณะนอนหลับ ซึ่งจะทำให้ลิ้นเลื่อนตำแหน่งไปทางด้านหน้าด้วย เนื่องจากลิ้นยึดติดอยู่กับขากรรไกรล่าง ทำให้ทางเดินหายใจบริเวณหลังโคนลิ้นเปิดกว้าง นอกจากนั้น วิธีรักษานอนกรนนี้ ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อของลิ้นมัดต่างๆ  ทำให้มีความตึงตัวเพิ่มมากขึ้น ป้องกันไม่ให้มีการอ้าปากขณะหลับ ซึ่งอาจจะทำให้มีการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อลิ้นเพิ่มมากขึ้น   เครื่องครอบฟันยังช่วยจัดตำแหน่งของเพดานอ่อนให้เลื่อนมาทางด้านหน้า ทำให้ทางเดินหายใจส่วนบนหลังเพดานอ่อนกว้างขึ้นด้วยค่ะ

 

3. รักษานอนกรนด้วยการผ่าตัด (Surgical Treatment)

โดยในปัจจุบันมีวิธีการผ่าตัดเพื่อรักษานอนกรนหลายวิธีตามอาการที่แตกต่างกัน ดังนี้ค่ะ

  • การผ่าตัดจมูก เช่น ใช้คลื่นวิทยุเพื่อลดขนาดของเยื่อบุเทอร์บิเนตอันล่าง (Radiofrequency ) หรือผ่าตัดเพื่อดัดผนังกั้นช่องจมูกในรายที่คดมาก รวมไปถึงการผ่าตัดริดสีดวงจมูก หรือไซนัสอักเสบ เฉพาะในรายที่มีปัญหาดังกล่าวจึงรักษานอนกรนด้วยวิธีนี้
  • การผ่าตัดต่อมทอลซิล หรือต่อมอะดีนอยด์ วิธีรักษานอนกรนนี้มีประโยชน์ในรายที่มีต่อมทอลซิลโตมาก หรือในเด็กที่มีต่อมอะดีนอยด์และทอลซิลโต
  • การผ่าตัดตกแต่งเพดานอ่อน ปัจจุบันการผ่าตัดแบบนี้มีหลายวิธี และไม่จำเป็นต้องตัดลิ้นไก่ออกทั้งหมด หลักการคือ การผ่าตัดเพื่อลดขนาดของลิ้นไก่และขยายช่องทางเดินหายใจบริเวณลำคอ วิธีรักษานอนกรนนี้มีเหมาะสมกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องเพดานหย่อน หรือ ลิ้นไก่ยาวกว่าปกติ
  • การผ่าตัดบริเวณโคนลิ้น เช่น การใช้คลื่นความถี่วิทยุเพื่อลดขนาดของลิ้น หรือการผ่าตัดดึงขากรรไกรล่างบางส่วนมาด้านหน้า วิธีรักษานอนกรนนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาอุดกั้นบริเวณโคนลิ้นค่ะ
  • การผ่าตัดเลื่อนกรามและขากรรไกรทั้งบนล่างมาด้านหน้า วิธีรักษานอนกรนนี้เป็นการผ่าตัดที่ได้ผลดีในผู้ที่มีอาการรุนแรง และไม่ตอบสนองต่อการรักษาอย่างอื่น ซึ่งวิธีการนี้เป็นการผ่าตัดค่อนข้างใหญ่ และอาจทำให้รูปหน้าเปลี่ยนได้ ซึ่งต้องพิจารณาอย่างเหมาะสมในแต่ละรายค่ะ
  • การเจาะคอ (Tracheostomy) เป็นการรักษานอนกรนที่ได้ผลเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้ผู้ป่วยต้องมีรูด้านหน้าลำคอและใส่ท่อเพื่อการหายใจ  

จะเห็นว่าการรักษานอนกรนด้วยวิธีผ่าตัดแต่ละวิธีได้ผลดีไม่เท่ากัน ซึ่งอาจมีข้อดีข้อเสียและเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคนต่างกันไปค่ะ ทางที่ดีที่สุดคุณจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจรับการรักษานอนกรนค่ะ

4. รักษานอนกรนด้วยเลเซอร์ Snore Laser (สนอร์ เลเซอร์)

สำหรับผู้ที่ไม่อยากรักษานอนกรนด้วยการผ่าตัด หรือไม่สะดวกในการติดตั้งเครื่องมือระหว่างนอน ล่าสุดสามารถรักษานอนกรนด้วยเลเซอร์ Snore Laser (สนอร์ เลเซอร์)  เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ออกแบบและพัฒนาให้สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น เพื่อเข้าหดกระชับกล้ามเนื้อบริเวณนั้นอย่างปลอดภัย ในระหว่างทำจะรู้สึกอุ่นๆ ในปากและลำคอ อาจมีอาการคอแห้งได้บ้าง โดยคุณสามารถจิบน้ำระหว่างทำการรักษานอนกรนได้ค่ะ

image005 2

ทั้งนี้ จุดเด่นของ Snore Lase ที่แตกต่างจากการรักษานอนกรนทั่วไป คือ สำหรับรักษานอนกรนที่เกิดจากทางเดินหายใจส่วนต้นหย่อน เช่น บริเวณลิ้นไก่ หรือเพดานอ่อน ผู้ที่ใช้ CPAP ไม่ได้ ผู้ที่ใช้ที่ครอบฟันหรือที่ยึดลิ้นไม่ได้ และที่สำคัญคือ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บ และไม่ต้องพักฟื้นค่ะ เพียงคุณหลีกเลี่ยงการดื่มหรือรับประทานอาหารร้อน หรือเย็นจัด และเลี่ยงอาหารรสเผ็ดหลังทำ 24 ชั่วโมง ซึ่งจะเห็นผลอาการกรนลดลงถึง 80% ผู้ที่เข้ารับการรักษานอนกรนต้องทำต่อเนื่อง 3 ครั้ง ห่างกัน 2 และ 4 สัปดาห์ตามลำดับ กรณีทำมากกว่า 3 ครั้ง ให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจแพทย์ค่ะ

รวมวิธีการดูแลตนเองหลังเข้ารับการรักษานอนกรนที่ถูกต้อง

85

ในปัจจุบันนวัตรรมทางการแพทย์ได้พัฒนาวิธีรักษานอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ให้มีทางเลือกที่หลากหลาย อาทิ การรักษานอนกรนด้วยเลเซอร์ Snore Laser, รักษานอนกรนด้วยเครื่องช่วยหายใจ CPAP, รักษานอนกรนโดยใช้เครื่องมือในช่องปาก (Oral Appliances) หรือ รักษานอนกรนด้วยการผ่าตัด (Surgical Treatment) เป็นต้น สาเหตุก็เนื่องจากภัยร้ายที่แฝงอยู่ในอาการกรนซึ่งส่งผลเสียหายต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันสำหรับคนนอนกรนอย่างมากค่ะ

ใครบ้างที่ควรรักษานอนกรน

  • คนที่มีน้ำหนักเกิน พบว่าผู้ที่มีน้ำหนักมากจะมีทางเดินหายใจส่วนบนแคบกว่าผู้ที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • มีอาการของโรคภูมิแพ้บริเวณจมูก
  • คนที่มีสันจมูกเบี้ยวหรือคด รูปหน้าหรือคางผิดปกติ เช่น คางเล็ก คางหลุบ
  • ต่อมทอนซิลโตขวางทางเดินหายใจ
  • คนที่นิยมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่เป็นประจำ
  • การรับประทานยาที่ทำให้เกิดอาการง่วง เช่น ยาแก้แพ้ ยานอนหลับ ยาคลายเครียด
  • ผู้ชายมีโอกาสนอนกรนมากกว่าผู้หญิง 6-10 เท่า
  • ผู้หญิงจะมีอาการนอนกรนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าวัยหมดประจำเดือน

การดูแลตนเองหลังรักษานอนกรน

Snore Laser ได้รับการออกแบบและพัฒนาให้สามารถส่งพลังงานลงลึกถึงกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น เพื่อเข้าหดกระชับกล้ามเนื้อบริเวณนั้น การรักษานอนกรนด้วยวิธีนี้ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวภายในช่องปาก ช่วยลดการปิดกั้นทางเดินหายใจ ช่วยให้อาการกรนลดลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำค่ะ ทำให้การนอนหลับของคุณกลับสู่ภาวะปกติ หลับได้ลึก รู้สึกสดชื่นหลังตื่นนอนในวันรุ่งขึ้น โดยหลังรับการรักษานอนกรนด้วย Snore Laser ต้องดูแลตนเอง ดังนี้ค่ะ

image003 3
  • หลีกเลี่ยงการดื่มหรือรับประทานอาหารที่มีอุณหภูมิร้อน หรือเย็นจัด และเลี่ยงอาหารรสเผ็ด หลังทำ 24 ชม.
  • สามารถดื่มน้ำอุ่นเพื่อลดอาการคอแห้งหลังทำได้

การผ่าตัด การรักษานอนกรนแบบผ่าตัด ช่วยทำให้ขนาดของทางเดินหายใจส่วนบนกว้างขึ้น ทำให้อาการนอนกรน หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับลดลง  โดยวิธีการรักษานอนกรนแบบผ่าตัดนี้แพทย์จะพิจารณาในกรณีที่ผู้ป่วยได้ลอง CPAP  แล้วปฎิเสธการใช้ CPAP และเครื่องมือทางทันตกรรม  ซึ่งการผ่าตัดจะทำมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับตำแหน่งและสาเหตุของการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบนค่ะ

การรักษานอนกรนด้วยวิธีผ่าตัดไม่ได้ทำให้อาการนอนกรนหรือภาวะหยุดหายใจหายขาด  หลังผ่าตัดอาการนอนกรนอาจยังเหลืออยู่ หรือมีโอกาสกลับมาใหม่ได้ ดังนั้น ผู้รับการรักษานอนกรนควรปฏิบัติตัวให้ถูกต้อง ดังนี้ค่ะ

  • อย่าปล่อยให้น้ำหนักเพิ่มเป็นอันขาด เนื่องจากใส่เครื่อง CPAP, เครื่องมือทันตกรรม, nasal EPAP หรือการผ่าตัด วิธีรักษานอนกรนเหล่านี้เป็นการขยายทางเดินหายใจที่แคบให้กว้างขึ้น ถ้าคุณปล่อยให้น้ำหนักเพิ่ม ไขมันจะไปสะสมอยู่รอบผนังช่องคอ ทำให้ทางเดินหายใจแคบมากขึ้น (ในกรณีรักษานอนกรนโดยใช้เครื่อง CPAP, เครื่องมือทันตกรรม หรือ nasal EPAP) หรือกลับมาแคบใหม่ได้ (ในกรณีรักษานอนกรนโดยการผ่าตัด) ซึ่งจะทำให้อาการนอนกรนกลับมาเหมือนเดิม หรือแย่กว่าเดิมได้ค่ะ
  • ต้องหมั่นออกกำลังกายอย่างเสมอ หลังเข้ารับการรักษานอนกรน เพื่อให้กล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนบนตึงตัวและระชับ เนื่องจากเมื่ออายุผู้ป่วยมากขึ้น เนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนบนจะหย่อนยานตามอายุ ทำให้ทางเดินหายใจแคบมากขึ้น (ในกรณีรักษานอนกรนโดยใช้เครื่อง CPAP, เครื่องมือทันตกรรม หรือ nasal EPAP) หรือกลับมาแคบใหม่ได้ (ในกรณีรักษานอนกรนโดยการผ่าตัด) เพราะฉะนั้น การออกกำลังกายแบบแอโรบิกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้การหย่อนยานดังกล่าวช้าลงค่ะ
image005 1

แม้ว่าคุณจะรับการรักษานอนกรนแล้ว แต่อย่าชะล่าใจและเมินการดูแลสุขภาพเป็นอันขาดนะคะ เพราะอาการกรนอาจกลับมาได้อีกหากไม่ดูแลตนเองตามหลักปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงคนรอบข้างก็ควรเอาใจใส่ผู้ที่รับการรักษานอนกรนอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ก็เพื่อป้องกันมิให้เกิดอาการกรนรบกวนสุขภาพและช่วงเวลาพักผ่อนนอนหลับของคุณได้อีกต่อไปนั่นเองค่ะ

เช็คภัยร้ายของเสียงกรนดัง สัญญาณเตือนเร่งรักษานอนกรน

84

เสียงกรนดังระหว่างหลับ นอกจากจะสร้างความรำคาญให้คู่สมรสหรือคนที่นอนร่วมห้องกันด้วยแล้ว เสียงกรนยังเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจบ่งบอกว่าคุณกําลังมีปัญหาสุขภาพ ควรรักษานอนกรน โดยเฉพาะการนอนกรนแบบมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษานอนกรนอย่างถูกต้อง จะมีผลกระทบกับสุขภาพร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว คุณจำเป็นต้องสังเกตตัวเอง หรือให้คนที่นอนร่วมห้องช่วยสังเกตอาการกรน ว่ามีอาการเหล่านี้บ้างหรือไม่

  • นอนหลับไม่สนิท ตื่นกลางคืนบ่อย ไอกรรโชก
  • บ่อยครั้งตื่นโดยไม่รู้สึกตัว คนนอนด้วยจะเป็นคนสังเกตเห็นอาการเหล่านี้
  • คอแห้ง เจ็บคอ เมื่อตื่นนอน เนื่องจากร่างกายมักช่วยการหายใจเพิ่มด้วยการอ้าปากหายใจ
  • หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ

ซึ่งอาการเหล่านี้ หากไม่ได้รับการรักษานอนกรน จะส่งผลกระทบระยะสั้น คือ จะมีอาการปวดหัว ไม่สดชื่นตอนตื่นนอน ง่วงนอนในช่วงกลางวันทำให้ขาดสมาธิในการเรียนหรือทำงาน หากต้องขับรถอาจหลับในและทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้นะคะ นอกจากนั้นแล้ว ผลกระทบในระยะยาวอาจทำให้มีอัตราเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคอื่นๆ ดังนั้น การรักษานอนกรนจึงมีความจำเป็นอย่างมากค่ะ

ชนิดความผิดปกติในการนอนกรน

การนอนกรนสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ ตามความรุนแรงหรือผลเสียต่อสุขภาพผลเสียต่อสุขภาพ

นอนกรนธรรมดา คือการกรนที่ทำให้เกิดเสียงกรนธรรมดาจัดว่าเป็นชนิดไม่อันตรายค่ะ ไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพเพียงแต่หากไม่รักษานอนกรน ก็ส่งผลให้เกิดความรำคาญกับผู้ที่อยู่ใกล้ กลุ่มนี้มักมีการอุดกั้นทางเดินหายใจเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเวลาเรานอนหลับสนิทจะเป็นเวลาที่กล้ามเนื้อต่างๆ คลายตัว รวมทั้งกล้ามเนื้อบริเวณช่องคอด้วย ทำให้ลิ้นและลิ้นไก่ตกไปทางด้านหลังโดยเฉพาะในท่านอนหงายทำให้ทางเดินหายใจส่วนนี้ตีบแคบลง เวลาหายใจเข้าผ่านตำแหน่งที่แคบจะทำให้มีการสั่นสะเทือนของลิ้นไก่ และเพดานอ่อน หรือโคนลิ้น ทำให้เกิดเป็นเสียงกรนขึ้นได้ค่ะ กรณีนี้ หากต้องการรักษานอนกรนให้หายเพื่อตัดความรำคาญใจก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อตัวคุณและคนรอบข้างค่ะ

นอนกรนที่มีการหยุดหายใจร่วมด้วย คือการกรนที่ทำให้เกิดเสียงรบกวน และมีผลเสียต่อสุขภาพด้วย ซึ่งจัดเป็นชนิดอันตรายค่ะ ควรเร่งรักษานอนกรน สาเหตุเกิดจากการที่มีทางเดินหายใจแคบมากเวลาหลับ อาจเนื่องจากการที่มีช่องคอแคบมาก เช่น มีเนื้อเยื่อเพดานอ่อน ลิ้นไก่ หรือโคนลิ้นขนาดใหญ่และหย่อนยาน หรือเกิดจากต่อมทอมซินที่โตมากจนอุดกั้นช่องคอ กรณีนี้ควรเข้ารับการรักษานอนกรนเพื่อป้องกันการหยุดหายใจและสุขภาพของคุณเองค่ะ

หรือบางรายที่ต้องรักษานอนกรน คือรายที่มีกระดูกใบหน้าหรือกรามเล็กทำให้ช่องทางเดินหายใจด้านหลังแคบกว่าปกติ หรือคนที่มีคางสั้นทำให้ลิ้นตกไปทางด้านหลังมากกว่าคนปกติ สำหรับกลุ่มนี้จะมีเสียงกรนที่ไม่สม่ำเสมอ โดยจะมีช่วงที่กรนเสียงดังและค่อยสลับกันเป็นช่วงๆและกรนดังขึ้นเรื่อยๆ และจะมีช่วงหยุดกรนไปชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดการหยุดหายใจทำให้เกิดอันตรายได้ควรรับการรักษานอนกรนอย่างเร่งด่วนเนื่องจากระดับออกซิเจนในเลือดแดงจะลดต่ำลง ทำให้เกิดความผิดปกติในการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น ปอด หัวใจ และสมอง เป็นต้น เมื่อมีอาการกรนชนิดนี้จำเป็นต้องรักษานอนกรนเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพคุณเองค่ะ

image003 2

โรคร้ายที่แฝงมากับการนอนกรน

ปวดศีรษะ หากไม่รักษานอนกรน โดยจะมีอาการที่ปวดศีรษะหลังการตื่นนอนหรือจะมีการปวดศีรษะประจำนั่นเอง เพราะเนื่องจากการนอนกรนที่ทำให้คุณนอนหลับไม่สนิท จึงทำให้มีการปวดศีรษะนั่นเองค่ะ

ภาวะหัวใจเสียจังหวะ ผลเสียหากไม่รักษานอนกรน งานวิจัยจาก Sleep Center แห่ง Thomas Jefferson University และ Hospitals Philadelphia พบว่า ภาวะหยุดหายใจเป็นพักๆ ขณะนอนหลับของผู้ที่มีอาการนอนกรน เพิ่มความเสี่ยงภาวะหัวใจเสียจังหวะมากกว่าคนนอนไม่กรน โดยเฉพาะหากนอนกรนต่อเนื่องเป็นเวลานานมาแล้ว และไม่ยอมรักษานอนกรนให้หายขาดจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัวค่ะ

โรคหัวใจ ผลกระทบจากการไม่รักษานอนกรน นักวิจัยของมหาวิทยาลัยเซมเมลไวส์ ประเทศฮังการี พบว่า ผู้ที่นอนกรนเสียงดังและมีลักษณะหยุดหายใจเป็นพัก ๆ จะมีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้นประมาณ 34% รวมทั้งยังมีความเสี่ยงโรคหลอดเส้นเลือดในสมองแตก 67% เมื่อเทียบกับคนที่นอนไม่กรน เนื่องจากการนอนกรนจะทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อย ส่งผลให้มีคาร์บอนไดออกไซด์คั่งค้าง จนร่างกายตอบสนองด้วยการหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมาสะสมและส่งผลเสียไปยังระบบต่างๆ ของร่างกาย ควรเข้ารับการรักษานอนกรนอย่างเร่งด่วน แต่ทั้งนี้ก็ยังนับปัจจัยเสี่ยงด้านอื่นๆ เช่น อายุ เพศ ดัชนีมวลกาย พฤติกรรมสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และการออกกำลังกายร่วมด้วยค่ะ

image001

อัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งจะเกิดจากการที่ภาวะคาร์บอนไดออกไซด์นั้นคั่ง โดยจะมีคาร์บอนไดออกไซด์นั้นมาอุดกั้นทางเดินหายใจในคนนอนกรน และจะทำให้มีการเกิดคราบพลัคซึ่งจะมาในรูปแบบของไขมัน ดังนั้น หากไม่รักษานอนกรนจะมีความเสี่ยงเป็นอย่างมากต่อโรคที่มีการเกี่ยวข้องกับหลอดเลือดโดยตรงอย่างอัมพฤกษ์ อัมพาต นั่นเองค่ะ

ระบบประสาทและสมอง สำหรับคนที่นอนกรนเรื้อรัง ไม่รักษานอนกรนอาจส่งผลถึงระบบประสาทและสมองได้เช่นกัน เพราะเมื่อนอนกรนจะมีการหายใจที่ติดขัด ส่งผลให้เลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ทำให้สมองและระบบประสาทมีการทำงานที่ผิดปกติ และอาจจะมีผลทำให้ปอดและหัวใจทำงานหนักมากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น อย่าลังเลที่จะเข้ารับรักษานอนกรนให้หายนะคะ

โรคสมองเสื่อม โดยมีสาเหตุสืบเนื่องเดียวกันกับหลายๆ โรคที่กล่าวไป จากการที่สมองนั้นขาดออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงสมองเป็นระยะเวลาสะสมต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ทุกวัน ซึ่งอาจส่งผลให้คนนอนกรนเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมได้มากกว่าคนนอนไม่กรน ดังนั้นควรเข้ารับการรักษานอนกรนเพื่อสุขภาพของคุณค่ะ

กรดไหลย้อน สาเหตุเกิดจากภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นในช่วงนอนหลับ เนื่องจากความดันที่ไม่สม่ำเสมออาจทำให้หลอดอาหารทำงานผิดปกติ เป็นเหตุให้คนนอนกรนต่อเนื่องมาอย่างยาวนานเสี่ยงต่อโรคกรดไหลย้อนมากขึ้น และถ้าหากว่าคุณไม่ได้รับการรักษานอนกรนจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคกรดไหลย้อนได้นั่นเอง

ภาวะความดันหลอดเลือดแดงในปอดสูง ผลเสียจากการนอนกรนและไม่รักษานอนกรน ที่ทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยกว่าปกติ ระดับออกซิเจนที่อยู่ในเลือดก็จะลดลง ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปยังปอดไม่สะดวก หรือเรียกว่าภาวะความดันหลอดเลือดแดงในปอดสูงนั่นเองค่ะ และแน่นอนว่าหากไม่รีบรักษานอนกรนย่อมมีการส่งผลไปถึงการใช้ชีวิตที่ยุ่งยากนั่นเอง

โรคมะเร็ง เป็นผลกระทบที่ร้ายแรงหากไม่รักษานอนกรน ผลการวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศสเปนพบว่า ภาวะหลอดเลือดติดขัดจากการที่ร่างกายขาดออกซิเจนเพราะนอนกรนนั้น มีผลกระตุ้นให้เนื้องอกเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และหากว่ามีเลือดไปคั่งตามจุดต่างๆ ที่มีเนื้องอกอยู่นั้น จะทำให้เซลล์ขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นมะเร็งในที่สุดค่ะ ดังนั้น อย่าวางใจกับการนอนกรน ควรเร่งรักษานอนกรนอย่างเร่งด่วน

จะเห็นได้ว่าอันตรายที่แฝงมากับอาการนอนกรนและไม่รักษานอนกรนนั้นน่ากลัวกว่าที่คิดไว้เยอะค่ะ ทางที่ดีหากรู้ตัวเองว่ามีอาการนอนกรนก็ไม่ควรนิ่งเฉยนะคะ ควรรักษานอนกรนให้หาย เพราะนอกจากจะช่วยเซฟสุขภาพของคุณให้ดีขึ้นแล้ว ยังเป็นผลดีตัวคุณเองและคนที่นอนข้างกายให้หลับได้สนิทอย่างไร้เสียงรบกวนตลอดคืนด้วยค่ะ

ไขความกระจ่าง ของการใช้นวัตกรรมเลเซอร์ Snore Laser รักษานอนกรน

snore laser

อาการนอนกรนสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิงโดยเฉพาะเมื่อเป็นผู้ใหญ่ โดยมีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดเสียงกรนในระหว่างนอนหลับ เช่น ปัญหาสุขภาพ การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ความอ้วน หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งผลเสียจากการนอนกรนนั้นอาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพมากกว่าที่คุณคิด หากไม่รักษานอนกรน หรือในบางรายแม้ไม่ก่อผลเสียต่อร่างกายแต่ก็ทำลายความสุขของคนรอบข้างและเป็นเรื่องน่าอับอายของผู้ที่นอนกรนเมื่อต้องเข้าสังคม ดังนั้น จำเป็นจะต้องรักษานอนกรนเพื่อตัวคุณเองและคนรอบข้าง

โดยในปัจจุบันได้มีการนำนวัตกรรมเลเซอร์ Snore Laser มาใช้รักษานอนกรนเพื่อหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการรักษานอนกรนให้หายโดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเราจะมาไขความกระจ่างของนวัตกรรม Snore Laser ว่าสามารถช่วยแก้ปัญหานอนกรนของคุณได้อย่างไรบ้าง

Snore Laser รักษานอนกรนได้อย่างไร

Snore Lase (สนอร์ เลเซอร์) วิธีการรักษานอนกรน ได้รับการออกแบบและพัฒนาให้สามารถส่งพลังงานลงลึกและหดกระชับกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้น ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการกรน เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณทางเดินหายใจส่วนต้นเกิดหย่อนคล้อยปิดกั้นทางเดินหายใจ จนทำให้เกิดเสียงกรนดัง วิธีการรักษานอนกรนนี้ ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวที่บอบบางภายในช่องปาก ทำให้เกิดการหดกระชับของกล้ามเนื้อ ลดการปิดกั้นทางเดินหายใจ ทำให้อาการกรนลดลงอย่างชัดเจน

image003 1

Snore Lase เป็นวิธีการรักษานอนกรนที่เหมาะสำหรับใช้รักษาผู้ที่มีปัญหานอนกรนที่เกิดจากทางเดินหายใจส่วนต้นหย่อน เช่น บริเวณลิ้นไก่ หรือเพดานอ่อน ผู้ที่ใช้ CPAP ไม่ได้ ผู้ที่ใช้ที่ครอบฟันหรือที่ยึดลิ้นไม่ได้ หรือผู้ที่เกรงใจเพื่อนร่วมห้อง

จุดเด่นของ Snore Laser

  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บ และไม่ต้องพักฟื้น
  • ช่วยให้อาการกรนลดลง รักษานอนกรนได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
  • ให้การนอนหลับกลับสู่ภาวะปกติ หลับได้ลึก รู้สึกสดชื่นหลังตื่นนอนในวันรุ่งขึ้น
  • เห็นผลอาการกรนลดลงถึง 80% โดยใช้เวลาในการทำประมาณ 45 นาทีต่อครั้ง ผู้ที่เข้ารับการรักษานอนกรนต้องทำต่อเนื่อง 3 ครั้ง ห่างกัน 2 และ 4 สัปดาห์ตามลำดับ กรณีทำมากกว่า 3 ครั้ง ให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจแพทย์

ความรู้สึกขณะทำ

ผู้รับการรักษานอนกรนด้วย Snore Lase จะรู้สึกเพียงอุ่นๆ ในปากและคอ ทั้งนี้ อาจมีอาการคอแห้งได้บ้างแต่ไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะสามารถจิบน้ำระหว่างทำการรักษาได้ค่ะ

การดูแลตนเองหลังรักษานอนกรนด้วย Snore Lase

ควรหลีกเลี่ยงการดื่มหรือรับประทานอาหารที่มีอุณหภูมิร้อน หรือเย็นจัด และเลี่ยงอาหารรสเผ็ดหลังทำ 24 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้ สามารถดื่มน้ำอุ่นเพื่อลดอาการคอแห้งหลังทำได้ค่ะ

image005

เมื่อการรักษานอนกรนให้หายไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากอีกต่อไปด้วยนวัตกรรม Snore Laser ตัวช่วยที่จะทำให้คุณและคนที่นอนข้างๆ มีความสุขระหว่างการนอนหลับพักผ่อน พร้อมกับตื่นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า และใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข สำหรับผู้ที่มีอาการนอนกรนอย่าลังเลที่จะไปพบแพทย์เพื่อรักษานอนกรนนะคะ ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเองค่ะ