AviClear รักษาสิวเครื่องเดียวจบ

AviClear

AviClear AviClear

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




    วันที่สะดวกในการติดต่อ








    AviClear จบปัญหาสิวในเครื่องเดียว

    สิว เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเคยประสบ และเป็นเรื่องที่ไม่ว่าจะพูดกับใครเรื่องสิว ๆ ก็มักจะเป็นเรื่องที่ทุกคนมีประสบการณ์ร่วม เพียงแต่ว่าปัญหาสิวในแต่ละคนอาจเกิดขึ้นกันคนละช่วงเวลาเท่านั้นเอง  

    สำหรับสาเหตุของการเกิดสิว ปัญหาหลักก็ คือ เมื่อร่างกายเกิดการผลิตน้ำมัน (sebum) ออกมาในจำนวนที่มากเกินไป น้ำมันส่วนเกินจะเกิดการผสมตัวเข้ากับเซลล์ผิวหนังที่เกิดการเสื่อมสภาพลง จากนั้นการผสมตัวดังกล่าวจะเข้าไปเกิดการอุดตันอยู่ที่รูขุมขนของคนเรา ทำให้แบคทีเรียที่อยู่ในผิวหนังได้เจริญเติบโตขึ้น และส่งผลให้เข้าไปกระตุ้นให้ผิวเกิดการอักเสบขึ้น ซึ่งการอักเสบนั่นเองที่เป็นสาเหตุของอาการแดง และเกิดตุ่มหนอง

    AviClear

    AviClear เป็นโปรแกรมเครื่องเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นในระดับ 1726 นาโนเมตร ทำงานกับต่อมไขมันบริเวณรูขุมขน อยู่ใต้ผิว 0.5 – 1.5 มม. ซึ่งคลื่นดังกล่าวเป็นคลื่นที่สามารถดูดซับน้ำมัน (sebum) ได้ ผลิตโดยบริษัท Cutera Inc  โดยมีค่า +/- 3 nm ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการทำงานของ ลำแสงเลเซอร์ (spot size) พลังงาน และระยะเวลาในการระบายความร้อนของต่อมไขมัน  มีผลต่อระยะเวลาในการปล่อยพลังงานคลื่น  

    AviClear  ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่พัฒนามาเพื่อแก้ปัญหาสิวทุกปัญหา โดย AviClear  ทำงานโดยการเลือกจับที่เป้าหมาย คือ บริเวณต่อม ไขมัน (Sebaceous glands) เป็นหลัก AviClear เหมาะสำหรับคนทุกกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ (all acne severities : mild moderate and severe) ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสิวที่อยู่ในระดับที่มีความรุนแรงมาก ขนาดไหนก็สามารถทำการรักษาได้อย่างปลอดภัย ใช้ได้กับสีผิวในทุกระดับ ด้วยการใช้ความยาว และระดับคลื่นอย่างเหมาะสมในการรักษา AviClear  จึงสามารถรักษาได้ทุกช่วงวัย ตั้งแต่กลุ่มวัยรุ่น ไปจนถึงผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองจาก อย. ของประเทศแคนาดา (Health Canada) ว่าสามารถรักษารอยแผลเป็นจากสิวได้อีกด้วย

    AviClear

    อีกทั้ง AviClear ยังได้รับรางวัลเทคโนโลยี ที่มีความปลอดภัยต่อผิวของผู้เข้ารับการรักษาที่อยู่ในทุกระดับสีผิว (safe for all skin types and skin tones) 

    โดยปกติแล้วการรักษาสิว จะมีหลักในการรักษาอยู่ที่สาเหตุของการเกิดสิว แต่ยังไม่มีการรักษาชนิดใด ที่สามารถลดการผลิตน้ำมันบนผิวหนังได้แบบ AviClear จึงทำให้การรักษาทั้งหมดนั้น ไม่สามารถให้ผลการรักษาที่ดีในระยะยาวได้ ในบางคนที่ทำการรักษาไม่ตรงกับปัญหาจึงส่งผล ให้เมื่อหยุดการรักษาก็จะสามารถกลับมาเป็นสิวได้อีกครั้ง แต่ AviClear มีหลักในการรักษาที่แตกต่างกัน จึงทำให้สามารถรักษาสิวได้ดีกว่าอย่างแตกต่าง

    AviClear

    ข้อดีของการรักษาด้วย AviClear

    • AviClear ไม่ต้องใช้ยาชา
    • AviClear ลดการเกิดสิวทุกชนิดได้จริง
    • AviClear ลดการเกิดสิวระยะยาวถึงสองปี
    • AviClear ทำได้แม้ผิวที่บอบบาง
    • AviClear ไม่เบิร์น ไม่ไหม้
    • AviClear ไม่ทำร้ายผิว
    • AviClear ช่วยปกป้องผิวในระหว่างทำ
    • AviClear มีระบบทำความเย็นในเครื่อง
    • AviClear ช่วยรักษารอยแผลเป็นได้ด้วย
    • AviClear ลดหน้ามันได้
    • AviClear ลดขนาดรูขุมขนได้
    • AviClear ไม่ทำลายชั้นผิวหนัง ให้ผิวหนังบริเวณที่ทำการรักษามีความสมบูรณ์

    ข้อเสียของการรักษาด้วย AviClear

    • AviClear  ทำให้ผิวแห้งหลังทำการรักษา
    • AviClear  ทำให้ทำกิจกรรมกลางแจ้งไม่ได้ในระยะการรักษา
    • AviClear  ทำให้คันบริเวณที่ทำการรักษา
    • AviClear  ต้องทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญเท่านั้น

    ใครเหมาะสําหรับการรักษาด้วย AviClear

    • ผู้ที่หมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวทุกประเภท
    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวจากทุกสาเหตุ
    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวทุกระดับความรุนแรง
    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวในทุกสีผิว
    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวทุกช่วงวัย
    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เคยรักษาสิวด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่หาย
    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ ไม่ต้องการรักษาสิวด้วยการรับประทานยา
    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ ต้องการรักษาสิวในระยะยาว
    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวที่เปลี่ยนเครื่องสำอางแล้วยังไม่หาย
    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้วยังไม่หาย
    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ แพ้ยารักษาสิว
    • ผู้ที่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เป็นสิวในระยะรุนแรง

    ใครไม่เหมาะสําหรับการรักษาด้วย AviClear

    • ผู้ที่ไม่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ กำลังตั้งครรภ์ หรือเป็นสิวในระหว่างตั้งครรภ์
    • ผู้ที่ไม่เหมาะกับ AviClear คือผู้ที่ เคยมีอาการแพ้คลื่นแสงเลเซอร์

    การเตรียมก่อนเข้ารับการรักษาด้วย AviClear

    1. 2 – 3 วันก่อนเข้ารับการรักษา หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว
    2. เตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการทำเลเซอร์

    การเตรียมตัวเพื่อเข้ารับการรักษาด้วย AviClear

    1. ทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดก่อนเข้ารับบริการ AviClear
    2. หากในบริเวณที่ต้องการทำมีเส้นขน จำเป็นต้องโกนขนออกให้หมด เพื่อไม่ให้เกิดฟองอากาศใต้หัวยิง เนื่องจากจะไม่สามารถวางหัวยิง AviClear แนบผิวได้
    3. ทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการทำ AviClear อีกรอบด้วยสบู่อ่อน ๆ และล้างน้ำเปล่าอีกครั้ง
    4. เก็บภาพก่อนทำการรักษา เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
    5. ซับความชุ่มชื้นของผิวออก ด้วยผ้าก๊อซ แห้ง และสวมแว่นตา เพื่อป้องกันแสงเลเซอร์จากเครื่อง AviClear
    6. ซับความมันด้วยผ้าก๊อซชุบ medical/ACS grade acetone บิดให้แห้ง
    7. เตรียมผิวด้วย ผ้าก๊อซ หรือ Mask ชุบน้ำโปะให้ทั่วบริเวณที่ต้องการทำ ประมาณ 3 นาทีก่อนทำการรักษา

    ขณะทําการรักษาด้วย AviClear

    ขณะทำการรักษาด้วย AviClear ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา เนื่องจากบริเวณหัวยิงเลเซอร์จะมี สิ่งที่เรียกว่า AviClearSapphire skin coolling and sensory control หรือเครื่องทำความเย็น เพื่อปกป้องผิวบริเวณที่ทำการรักษาในระหว่างก่อน ขณะ และหลังยิงเลเซอร์ในทุก ๆ Pulse ของ AviClear จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกผ่อนคลาย และสบายผิวระหว่างทำการรักษา โดยจะมีเพียงความรู้สึกอุ่น ๆ ในบริเวณที่ทำการรักษา ยกเว้นบริเวณที่บอบบาง sensitive area เช่น หน้าผาก ขมับ รอบริมฝีปาก รวมทั้งบริเวณสิวอักเสบ สำหรับบริเวณดังกล่าวนี้ อาจมีความรู้สึกมากกว่าในตำแหน่งอื่น ๆ ทุก ๆ 1-3 Pulse ให้จับผิวด้วยผ้าก๊อซชุบน้ำสะอาดบริเวณผิวที่ทำการรักษา เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น โดยการยิง แพทย์จะทำการยิงทั้งหมดจำนวน 300 shots ในแต่ละครั้งของการเข้ารับบริการ

    ข้อควรปฏิบัติหลังเข้ารับบริการ AviClear

    • ทาครีมกันแดดที่มีค่าป้องกัน UVA/UVB SPF 30+ โดยสามารถทาได้ทันที หลังจากได้รับการรักษาด้วย AviClear  (ทาก่อนออกแดด 90 นาที)
    • ให้ล้างทำความสะอาดผิวหน้า ทาครีมบำรุงผิวสูตรอ่อนโยนทาครีมกันแดดที่มีค่าป้องกัน UVA/UVB SPF 30+ หลังทำ AviClear
    • หลีกเลี่ยงครีม หรือการรักษา หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวใน 2 – 3 วันภายหลังการรักษาด้วย AviClear
    • สามารถใช้ครีมบำรุงผิวที่ใช้เป็นประจำได้ ภายใน 2 – 3 วันหลังการรักษา AviClear 

    การดูแลภายหลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear

    1. หากรู้สึกไม่สบายผิวหลังทำ AviClear สามารถประคบเย็นที่ผิวบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อบรรเทาอาการได้
    2. ในบางผู้เข้ารับบริการ AviClear อาจทำให้เกิดอาการบวมได้ หรือผิวเป็นดวงในบริเวณที่ทำการรักษา สามารถประคบเย็นได้เพื่อบรรเทาอาการ โดยอาการบวม และดวงจะคงค้างนานที่สุดไม่เกิน 24 ชั่วโมง
    3. ในวันถัดไปหลังทำ AviClear  สามารถล้างหน้า หรือล้างในบริเวณที่ทำการรักษาด้วยสบู่อ่อน และน้ำสะอาด รวมทั้งทาผิวด้วยครีมที่เพิ่มความชุ่มชื้น อ่อนโยน ไม่แพ้ ทาครีม กันแดด UVA/UVB SPF30+ หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
    4. หลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear  ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิวเช่น vitamin C/ascorbic acid Ita: astringents เป็นระยะเวลา 8-10 วัน
    5. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน ซาวน่า อย่างน้อย 1-2 วันหลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear 
    6. ห้ามออกกำลังกายที่ทำให้มีเหงื่อออกเยอะ 24 ชั่วโมงหลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear 
    7. หลังเข้ารับการรักษา AviClear จะทำให้ผิวในบริเวณที่ทำการรักษา อาจแห้งอุดตันคงค้างในบางราย 4 สัปดาห์หลังเข้ารับการรักษา ให้ทาครีมเพื่อทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ที่อ่อนโยน และไม่แพ้
    8. หลังเข้ารับบริการ AviClear ควรทาครีมกันแดด และครีม ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากขณะเข้ารับบริการผิวจะแห้งกว่าปกติ
    9. งดกำจัดขนด้วยการแว๊กซ์ หรือใช้เลเซอร์ ภายใน 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันผิวระคายเคือง
    10. ห้ามทำกิจกรรมกลางแจ้งขณะอยู่ในครอสทำการรักษาด้วย AviClear 

    ความรู้สึกภายหลังเข้ารับการรักษาด้วย AviClear 

    • ผู้เข้ารับการรักษาด้วย AviClear บางคนมีอาการบวมที่บริเวณที่ทำการรักษา โดยอาจมี หรือไม่มีหนองร่วมด้วย โดยอาการนี้จะเป็นไปตามรูปแบบของการยิง ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2 – 3 ชั่วโมง หรือในบางคนอาจดี ขึ้นภายใน 2 – 3 วัน
    • หลังทำ AviClear จะมีอาการผิวแห้ง และมีอาการคัน ซึ่งอาการนี้พบได้นาน 2 – 3 สัปดาห์ โดยไม่ควรเกา และให้ทาครีมบำรุงผิวสูตรอ่อนโยน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว เพื่อบรรเทาอาการคันแทน

    AviClear ได้ทำการศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้ารับการรักษาได้ผลลัพธ์ ดังต่อไปนี้

    • ภายใน 1 เดือนหลังจากทำการรักษาด้วย AviClear ครั้งสุดท้าย จะพบว่าผู้เข้ารับการรักษามีความพึงพอใจ และเห็นผลการรักษาสูงถึง 87% 
    • นอกจากนี้ 3 เดือนภายหลังการรักษาด้วย AviClear ครั้งสุดท้าย ผู้เข้ารับการรักษามากกว่า 75% ยังคงมีความชื่นชอบในผลการรักษา และยังต้องการทำการรักษาซ้ำ

    การตอบสนองของผู้เข้ารับบริการส่วนใหญ่ ภายหลังการรักษา AviClear มีพบผลลัพธ์ดังนี้ 

    • ผู้เข้ารับบริการ AviClear ไม่พบผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ภายหลังการรักษา
    • ภายหลังการรักษา AviClear พบว่าผู้เข้ารับบริการจะมีอาการแดงขึ้นเล็กน้อย และรอยแดงดังกล่าวจะค่อย ๆ ดีขึ้นได้เองโดยไม่ต้องกังวล
    • อาการบวม แดง ที่เกิดขึ้นจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1 ชั่วโมง โดยไม่ทิ้งรอยอื่น ๆ ที่ต้องพักฟื้น
    • หลังการรักษาด้วย AviClear จะไม่มีรอยแผลที่ส่งผลให้เกิดรอยดำ (hyperpigmentation) ตลอดระยะเวลาที่ทำงานวิจัย

    AviClear

    ผลการตัดชิ้นเนื้อ: หลังจากการทำรักษาด้วยเครื่อง AviClear

    ผลการตัดชิ้นเนื้อหลังทำการรักษา AviClear พบว่า AviClear สามารถเข้าไปยับยั้งการผลิตน้ำมัน (sebum) ได้โดยที่ไม่รบกวนเนื้อเยื่อรอบข้าง และผิวหนังชั้นนอก ส่งผลให้ผิวหนังชั้นนอกที่ได้รับการรักษายังคงสมบูรณ์ครบถ้วน และ AviClear มีการทำลายเฉพาะต่อมไขมันที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวเพียงเท่านั้น

    การรักษาด้วย AviClear ควรทำบ่อยแค่ไหน และควรทำกี่ครั้ง

    • เพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการรักษา ควรเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง ให้ครบ 3 ครั้ง โดยในแต่ละครั้ง ควรเว้นระยะห่าง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ในบางรายที่เป็นหนักอาจต้องทำการรักษามากกว่า 3 ครั้งหรือ 6  ครั้ง

    AviClear AviClear

    AviClear AviClear

    AviClear ใช้ระยะเวลาในการรักษาแต่ละครั้งกี่นาที

    • AviClear ใช้ระยะเวลาในการรักษาแต่ละครั้งประมาณ 30 นาที ไม่รวมทำความสะอาดใบหน้า

    AviClear รักษารอยแผลเป็นจากสิวได้ด้วยหรือไม่

    • AviClear  สามารถรักษาสิวได้ ทั้งยังได้รับการรับรองจาก อย. ของประเทศแคนาดา (Health Canada) เกี่ยวกับด้านการรักษารอยแผลเป็นจากสิวอีกด้วย

    AviClear AviClear

    AviClear AviClear

    ระบบทำความเย็นใน AviClear ที่มีชื่อว่า AviCool คืออะไร ทำงานอย่างไร

    • ช่วยปกป้องผิวชั้นนอก จากการลดอุณหภูมิของผิวในขณะทำการรักษา
    • มีระบบทำความเย็น ทั้งก่อน ขณะ และหลังการปล่อยพลังงาน
    • เครื่อง AviClear มีระบบทำความเย็นก่อนยิงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
    • จะใช้อุณหภูมิที่มีความเย็นมาก ในช่วงก่อนปล่อยพลังงานเลเซอร์ เนื่องจากจะทำให้หลังจากการปล่อยพลังงานจากเครื่อง AviClear แล้วอุณหภูมิคลื่นจะไม่สูงจนเกินไป
    • ระบบทำความเย็นหลังปล่อยพลังงาน ช่วยปกป้องผิวหนังชั้นนอก ไม่ให้ร้อนขึ้นจากการระบายความร้อนใต้ผิว

    ข้อจำกัดของ AviClear Laser มีอะไรบ้าง

    • หากเป็นโรคเริม ในขณะแสดงอาการ ไม่แนะนำให้ทำ AviClear หากคนไข้มีประวัติ การเป็นโรคเริม แนะนำให้ทานยาต้านไวรัสก่อนมาทำการรักษา 1-2 วัน และทานต่อเนื่องจนครบ 5 วัน เพื่อป้องกันการลุกลามของอาการ
    • ผู้ที่เป็นมะเร็งผิวหนัง หรือมีประวัติการเป็นมะเร็งผิวหนัง ที่ผ่านการผ่าตัดรักษาแล้ว อยู่ในข้อควรระวังที่ต้องปรึกษา และให้แพทย์ประเมินก่อนทำ AviClear
    • ผู้ที่เป็นแผลคีย์ลอย หรือมีประวัติการเป็น ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการประเมินการรักษาอย่างละเอียดก่อนทำ AviClear
    • ผู้ที่มีผิวไหมจากการโดนแดด กลุ่มนี้จะมีผิวที่เกิดการระคายเคืองง่าย แนะนำในพักผิว 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ AviClear เหมือนกันกับเครื่องเลเซอร์ ชนิดอื่นๆ
    • ในกรณีรับประทานยากลุ่ม anti coagulant (ยาต้านการแข็งตัวของเลือด) ควรปรึกษาแพทย์โดยละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาก่อนทำ AviClear

    สิวมีกี่ทั้งหมดประเภท

    การแบ่งประเภทของสิว สามารถแบ่งได้ 2 ประเภทหลัก และสามารถแบ่งแยกย่อยลงไปอีกได้ ดังนี้

    1. สิวอักเสบ

    สิวอักเสบ เป็นสิวที่เกิดขึ้นจากการอักเสบของรูขุมขนรวม ทั้ง ต่อมไขมันบนผิวหนัง เมื่อรูขุมขนเกิดการอุดตันจากน้ำมันบวกกับเซลล์ผิวต่าง ๆ ที่ตายไปแล้ว แต่ยังคงเกาะอยู่ตามผิวหนังทั้งยังมี เชื้อแบคทีเรียจากสิ่งสกปรกในชีวิตประจำวัน รวมตัวเข้าด้วยกัน จึงทำให้ผิวหนัง และรูขุมขนดังกล่าวเกิดการอักเสบขึ้น จึงส่งผลให้ผิวนั้นมีลักษณะบวมแดง เจ็บ และอาจมีหนอง ร่วมด้วย ซึ่งก็คือสิวที่เรารู้จักกันนั่นเอง โดยสิวจำนวกนี้สามารถแยกย่อยออกไปอีกได้ ดังนี้

    • สิวตุ่มแดง จะเป็นสิวที่มีขนาดเล็ก มีลักษณะเพียงเป็นตุ่มนูนแดง ขึ้นมาเฉย ๆ โดยจะไม่มีอาการคัน หรือเจ็บร่วมด้วย
    • สิวหัวหนอง จะเป็นสิวที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรคต่าง ๆ ทำให้ผิวเกิดการอักเสบขึ้น มีลักษณะเป็นสิวขนาดเล็ก และที่มีหัวที่เป็นหนองอยู่ด้านใน อาจทำให้เจ็บ หรือคัน เวลาสัมผัส
    • สิวอักเสบขนาดใหญ่ จะเป็นสิวที่มีลักษณะการอักเสบรุนแรงมากกว่าสิวชนิดอื่น ๆ มีรูปร่างเป็นสิวที่เป็นตุ่มนูน บวมแดงขนาดใหญ่ ในบางทีอาจมีหนองร่วมด้วย เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเจ็บ และคัน
    • สิวหัวช้าง จะเป็นสิวอักเสบที่มีขนาดใหญ่ สิวชนิดนี้จะฝังตัวอยู่ลึกใต้ผิวหนัง หากเป็นจะมีความเจ็บปวดร่วมด้วย ร้ายแรงยิ่งกว่าคือหากเป็นสิวชนิดนี้ และมีการอักเสบจะมีความรุนแรงมากที่สุด โดยเชื้อโรคจากสิวชนิดนี้จะสามารถกระจายไปทั่วทุกบริเวณ อวัยวะที่เกิดสิว ไม่ว่าจะเป็น ใบหน้า ลำคอ หลัง ได้ เมื่อเป็นแล้วควรได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี

    2. สิวไม่อักเสบ

    สิวไม่อักเสบ เรียกอีกอย่างได้ว่า สิวอุดตัน (หรือ Non-inflammatory acne) เป็นสิวที่เกิดขึ้นจากการที่รูขุมขนของคนเรานั้น เกิดการอุดตันด้วยขึ้นด้วยน้ำมันส่วนเกิน บวกกับเซลล์ผิวของเราที่ตายแล้ว รวมกันอยู่ในรูขุมขนโดยยังไม่มีการติดเชื้อจากแบคทีเรีย หรือสิ่งสกปรก จึงทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดง หรืออาการเจ็บปวดเหมือนสิวประเภทแรก  โดยสิวชนิดนี้สามารถจะแบ่งชนิดออกได้ ดังนี้

    • สิวหัวขาว มีลักษณะเป็นสิวที่มีขนาดตุ่มเล็ก ๆ สีขาว เกิดจากการอุดตันในรูขุมขนที่ลึกลงไป แต่จะไม่มีการอักเสบร่วมด้วย สิวชนิดนี้จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าผื่น หรือผด แต่ข้อควรระวัง คือ สิวหัวขาวนั้นเป็นสิวที่สามารถติดเชื้อ และอักเสบได้ในอนาคต โดยจะไม่อักเสบทันที แต่จะเป็นการอักเสบจากกระตุ้น คือ การบีบ หรือแกะสิว
    • สิวหัวดำ มีลักษณะเป็นสิวตุ่มเล็ก ๆ มีสีดำ อันเกิดจากการอุดตันที่เกิดจากรูขุมขนที่เกิดการออกซิไดซ์จากน้ำมันบนใบหน้า และเซลล์ผิว จึงเกิดเป็นสีดำเมื่อได้สัมผัสกับอากาศ เราจึงสามารถมองเห็นสิวประเภทนี้ได้ชัดเจน มักจะอยู่บริเวณรูขุมขน สามารถรักษาให้หายได้

    อะไรคือสาเหตุของการเกิดสิว

    การเกิดสิว เป็นสิ่งที่มีสาเหตุการเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย อาทิ ฮอร์โมนในร่างกาย อาหารการกิน พันธุกรรม การดูแลผิวหน้า ครีม หรือเครื่องสำอางที่ใช้ การพักผ่อนไม่เพียงพอ การใช้ชีวิตประจำวัน ความเครียด ก็เป็นสิ่งที่สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวได้ทั้งสิ้น แต่ในบางคนดูแลผิวหน้าเป็นอย่างดีก็สามารถเกิดสิวได้ เนื่องจากสิวเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัยตามที่กล่าวมาข้างต้น โดยเป็นปัจจัยที่ทั้งมองเห็น และมองไม่เห็น

    • สิวเกิดจากน้ำมันส่วนเกิน เป็นสิวที่เกิดจากต่อมน้ำมันใต้ผิว เกิดการผลิตไขมันออกมาในปริมาณที่มากเกินไป จนทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
    • สิวเกิดจากเซลล์ผิวตาย เป็นสิวที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ผิวที่ตาย เกิดการผลัดและหลุดออกไม่หมด จึงส่งผลให้เข้าไปอุดตันอยู่ในรูขุมขนร่วมกับน้ำมัน ทำให้เกิดสิว
    • สิวเกิดจากแบคทีเรีย เป็นสิวที่ได้จากแบคทีเรียชนิด P. acnes หรือชื่อใหม่ C.acnes เป็นแบคที่เรียที่อยู่ในรูขุมขน และเกิดการอักเสบขึ้น
    • สิวเกิดจากฮอร์โมน ในผู้ที่มีฮอร์โมนสูง ร่างกายจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันเกิดการผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณมากเกินไป โดยจะพบในกลุ่มวัยรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน วัยกำลังโต หรือที่เรียกกันอย่างติดปากว่าสิวสาวนั่นเอง 
    • สิวเกิดจากพันธุกรรม สิวจากพันธุกรรม มักเกิดขึ้นในผู้ที่มีครอบครัว หรือประวัติคนในครอบครัวเคยมีประวัติการเป็นสิว จึงทำให้คนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะเป็นสิวได้ง่ายมากกว่าคนอื่น ๆ และสิวเป็นอีกหนึ่งอย่างที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
    • สิวเกิดจากโรคบางชนิด โรคบางชนิดนั้นมีส่วนในการทำให้ฮอร์โมนเพศสูงขึ้น เมื่อฮอร์โมนเพศสูงขึ้นจึงทำให้เกิดสิวได้ เช่นกัน
    • สิวเกิดจากการดูแลผิวไม่ถูกวิธี การหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ทำให้มีข้อมูลที่ถูกและผิดที่ทำให้เกิดการเลียนแบบ และทำความสะอาดสะอาดผิวหน้าได้อย่างไม่ถูกต้อง รวมทั้งการซื้อครีม หรือซื้อเครื่องสำอางที่ไม่เหมาะกับผิวของเรา
    • สิวเกิดจากอาหาร การรับประทานอาหารบางชนิดสามารถทำให้เกิดสิวได้ อาทิ อาหารที่มีความมัน อาหารทอด นม หรืออาหารหวาน แพทย์จึงให้ปรับการรับประทานอาหารเพื่อรักษาสิว
    • สิวเกิดจากความเครียด เป็นการกระตุ้นฮอร์โมน ส่งผลให้เกิดสิว
    • สิวเกิดจากการใช้ยาบางชนิด ยาบางชนิดมีส่วนผสม หรือสารที่ส่งผลให้เกิดสิวได้

    วิธีรักษาสิว มีอะไรบ้าง?

    สิว เรียกได้ว่าเป็นปัญหาผิวที่มีความรุนแรงตั้งแต่ระดับเล็ก ไปจนถึงความรุนแรงที่สูง การรักษาสิวนั้นก็สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การรักษาด้วยตัวเอง และการรักษาโดยแพทย์ รวมถึงการรักษาด้วยหัตถการที่จะช่วยรักษาได้อย่างตรงจุด โดยการรักษาสิวจะมุ่งเน้นไปที่การทำให้สิวยุบตัวลง พร้อมหยุดการเกิดสิวใหม่ และป้องกันการเกิดรอยสิว รอยแผลเป็น ดังนี้

    1. การใช้ยาทาภายนอก เช่น เจลแต้มสิว ยารักษาสิว
    2. การใช้ยารับประทานยาปฏิชีวนะ เช่น ยาปรับฮอร์โมน หรือในยาบางชนิดที่ช่วยลดสิว
    3. การดูแลผิว เช่น การทำความสะอาดผิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะกับสภาพผิว 
    4. การรักษาด้วยหัตถการ เช่น การกดสิว การทำเลเซอร์สิว AviClear laser

    AviClearAviClear

    AviClear AviClear

    ใครที่ผ่านการรักษาสิวมาแล้วทุกรูปแบบ แต่ก็ยังไม่หายสักที จนกลายเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความกังวลใจ จนเป็นผลถึงการใช้ชีวิตต้องลอง AviClear เพราะทำครั้งเดียวเห็นผลในระยะยาวถึง 2 ปี โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดสิวอีก ทำได้ในทุกประเภทของสิว ทุกสีผิว และทุกประเภทของสิว ปลอดภัย ได้รับ FDA รับประกัน 

    ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาปรึกษาปัญหาสิวที่รมย์รวินท์คลินิกพร้อมทั้งให้แพทย์ประเมินการรักษาเบื้องต้น ก่อนทำการรักษา เพื่อความปลอดภัยในการรักษาหรือทักเข้ามาช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง เพื่อปรึกษาปัญหาต่าง ๆ ได้ทั้งช่องทางไลน์ https://bit.ly/RomrawinLINE และ Facebook หรือลงทะเบียนผ่านช่องทางลงทะเบียนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




      วันที่สะดวกในการติดต่อ








      AC Clear I รักษาสิวใน 4 ขั้นตอน คืออะไร ? ช่วยอะไร ?

      Ac clear i
      before & after รักษาสิว
      before & after รักษาสิว

      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




        วันที่สะดวกในการติดต่อ








        รักษาสิวใน 4 ขั้นตอนด้วย AC Clear I

        ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็หนีมลภาวะที่ต้องเจอในแต่ละวันไม่พ้น ไม่ว่าจะเป็น สภาพอากาศ ฝุ่น มลพิษ สารเคมี ควันรถ ถ้าเป็นผู้หญิงยิ่งแล้วใหญ่ยังต้องเจอกับปัญหาเครื่องสำอางอุดตัน หากล้างหน้าไม่สะอาดเข้าไปอีก แต่ปัญหาพวกนี้นับเป็นปัญหาที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงไปทางไหนได้เลย ต่อให้ใส่หน้ากากอนามัย ก็ไม่สามารถปิดบังใบหน้าจากมลภาวะได้ทั้งหน้า  หรือผู้หญิง ก็ไม่สามารถแต่งหน้าเพียงแค่ด้านบนได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อมลภาวะ และมลพิษจากสิ่งรอบข้างมากมายขนาดนี้แล้ว สิ่งที่เราควรทำ คือ การล้างหน้าให้สะอาด เพื่อป้องกันใบหน้าให้ห่างไกลจากการหมักหมม และสะสมสิ่งสกปรกจนกลายเป็นสิวในที่สุด แต่ต่อให้จะล้างหน้าดีแค่ไหน ปัจจัยจากการเกิดสิวก็ไม่ได้เกิดจากการล้างหน้าไม่สะอาดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สิวยังเกิดจากปัจจัยอีกมากมายหลายอย่าง ดังต่อไปนี้

        Ac clear i

        สิว สามารถเกิดได้จากปัจจัยหลัก 4 ปัจจัยดังนี้

          1. สิวเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน

        การอุดตันของรูขุมขน อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว คือ การหนาตัวของเซลล์หนังกำพร้า ในขณะเดียวกันกระบวนการผลัดเซลล์ผิวของร่างกายก็เกิดการผิดปกติเช่นกัน จึงทำให้ผิวหนังบริเวณนั้น ๆ เกิดการอุดตัน และกลายเป็นสิวอุดตันในที่สุด

          1. ความผิดปกติของต่อมไขมัน

        ต่อมไขมัน เป็นต่อมที่ทำหน้าที่ผลิตไขมันในการหล่อเลี้ยงผิวหนังอยู่แล้วโดยปกติ แต่ไขมันที่ทำการผลิตนั้นจะเป็นปริมาณที่กำลังดี และมีความเหมาะสมต่อสภาพผิวหน้า แต่ในผู้ที่ต่อมไขมันมีความผิดปกติในการผลิตไขมัน จนมีการสะสมเป็นจำนวนมากที่รูขุมขน จึงทำให้เกิดการอุดตันของไขมันที่รูขุมขน

          1. เชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes (P.acnes) หรือชื่อใหม่คือ Cutibacterium acnes (C.acnes)

        เป็นเชื้อที่อาศัยอยู่ที่รูขุมขน และจะมีการสะสมของไขมันที่อุดตันในรูขุมขน จึงทำให้เกิดการสร้างอาหารของสิวที่มีความสมบูรณ์ จึงทำให้แบคทีเรีย Cutibacterium acnes (C.acnes) ที่เพิ่มมากขึ้น และทำให้เกิดสิว และสิวอุดตันนั่นเอง

          1. การอักเสบบริเวณรูขุมขน

        เมื่อผิวหนังมีการอุดตันของทั้งเซลล์ผิวหนัง เซลล์ไขมัน รวมทั้งเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes (C.acnes) ที่รูขุมขนเป็นจำนวนมาก จะทำให้เกิดการสร้างสิวอุดตัน และเมื่อสิวอุดตันเกิดการขยายตัว ทำให้แพร่เชื้อและขยายตัวสู่ผิวหนังด้านข้าง ทำให้เกิดการกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ และกลายเป็นสิวอักเสบที่มีลักษณะ บวม นูน แดง  เมื่อเป็นสิวแล้ว หากไม่รีบหาสาเหตุของสิวเพื่อทำการรักษาก็จะส่งผลให้เกิดสิวเรื้อรัง และจะยิ่งรักษาให้หายขาดยากมากขึ้นในที่สุด รมย์รวินท์คลินิก มีโปรแกรมรักษาสิว ที่รักษาเคสมาแล้วกว่า 28 ปี และยังเป็นโปรแกรมรักษาสิวที่ได้รับความนิยมตลอดกาล อย่าง AC Clear I โปรแกรมรักษาสิวที่รักษาสิวได้อย่างชะงัดมานับต่อนับ ใน 4 ขั้นตอนที่คิดมาแล้วเป็นอย่างดี

        Ac clear i

        การรักษาสิวด้วย AC Clear I 4 ขั้นตอนประกอบไปด้วย

          1. ขั้นตอนรักษาสิวด้วยการ กดสิว

        ด้วยเทคนิคการกดสิวโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ประจำรมย์รวินท์คลินิก เพื่อลดปริมาณการอักเสบและอุดตันของสิว

          1. ขั้นตอนรักษาสิวด้วยการ ฉีด

        ฉีดตัวยาเพื่อรักษาสิวที่เริ่มอักเสบแล้วบนใบหน้า เพื่อยับยั้งการอักเสบของสิว และเพื่อลดอาการบวมแดงที่เกิดขึ้นของสิว

          1. ขั้นตอนรักษาสิวด้วยการ ทรีตเม้นต์

        ลดเชื้อสิวและฆ่าเชื้อสิวที่หลงเหลืออยู่บนใบหน้าให้ลดลง ลดโอกาสการเกิดใหม่ของสิวบนใบหน้า

          1. ขั้นตอนรักษาสิวด้วยการ มาส์ก

        ขั้นตอนการปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน หลังจากทำการรักษาทั้งหมด ทั้งยังช่วยกู้ผิวที่บอบบางจากการเกิดสิวให้กลับมาแข็งแรงได้ใหม่อีกครั้ง

        Ac clear i

        สิวมีกี่ประเภท และ AC Clear I สามารถรักษาสิวอะไรได้บ้าง

        ประเภทของสิวที่ AC Clear I สามารถรักษาได้ คือ “สิวไม่อักเสบ (Non-inflammatory acne)”

        • สิวอุดตัน
        • สิวไม่มีหัว
        • สิวหัวดำ
        • สิวคอมีโดน
        • สิวผด
        • สิวเสี้ยน
        • สิวหัวขาว หรือสิวข้าวสาร
        • สิวฮอร์โมน หรือสิวติดสารสเตียรอยด์

        ประเภทของสิวที่ AC Clear I สามารถรักษาได้ คือ “สิวอักเสบ (Inflammatory acne)”

        • สิวหัวหนอง หรือสิวหัวช้าง 
        • สิวไม่มีหัว 

        ข้อดีของการรักษาสิวด้วย AC Clear I

        • การรักษาสิวด้วย AC Clear I ช่วยรักษาสิวได้ถึงต้นตอของปัญหา 
        • การรักษาสิวด้วย AC Clear I ช่วยรักษาสิวแบบไม่ทำลายผิว 
        • การรักษาสิวด้วย AC Clear I รักษาสิวได้ในระยะสั้น
        • การรักษาสิวด้วย AC Clear I รักษาสิวได้แบบไม่เลี้ยงไข้ 
        • การรักษาสิวด้วย AC Clear I นอกจากรักษาสิวยังช่วยฟื้นฟูผิว 
        • การรักษาสิวด้วย AC Clear I ช่วยลดการเกิดสิวใหม่ 
        • การรักษาสิวด้วย AC Clear I บำรุงผิวได้ดีกว่าการทาครีม 
        • การรักษาสิวด้วย AC Clear I ช่วยปลอบประโลมผิวหน้าได้ดีกว่าการรักษาสิวทั่วไป 
        • การรักษาสิวด้วย AC Clear I รักษาสิวแบบไม่ก่อให้เกิดรอยสิว 
        รักษาสิว

        ใครที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I

        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวอุดตัน
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีอักเสบ
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวไม่มีหัว
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวหัวดำ
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวคอมีโดน หรือสิวอุดตัน
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวผด
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวเสี้ยน
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวหัวขาว หรือสิวข้าวสาร
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวฮอร์โมน หรือสิวติดสารสเตียรอยด์
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวหัวหนอง หรือสิวหัวช้าง
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีสิวไม่มีหัว
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีแนวโน้มจะเกิดสิว
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่เป็นสิวเรื้อรัง
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่รักษาสิวด้วยวิธีต่าง ๆ แล้วไม่หาย
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่อยากหายเป็นสิวในระยะเวลาอันสั้น
        • ผู้ที่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่ไม่ต้องการรักษาสิวด้วยตัวเอง

        ใครที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I

        • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีรอยสิวที่ต้องรักษาต่อ
        • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่เป็นสิวระหว่างการตั้งครรภ์
        • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่เป็นสิวระหว่างการให้นมบุตร
        • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจ
        • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่มีบาดแผล
        • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่ติดเชื้อบริเวณผิวหนัง
        • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการรักษาสิวด้วย AC Clear I คือผู้ที่แพ้ยาตัวที่จะนำมาทำไอออนโตโฟเรซิส
        รักษาสิว

        การเตรียมตัวก่อนการรักษาสิวด้วย AC Clear I

        1. ก่อนการรักษาสิวด้วย AC Clear I ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวหน้า ประเภทสิว และวางแผนการรักษา
        2. ก่อนการรักษาสิวด้วย AC Clear I ควรพักผ่อนให้เต็มที่ เพื่อเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการรักษา
        3. ก่อนการรักษาสิวด้วย AC Clear I หากหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าได้ ควรหลีกเลี่ยงการแต่งหน้าก่อนเข้ารับบริการ

        การดูแลตัวเองหลังการรักษาสิวด้วย AC Clear I

        1. หลังการรักษาสิวด้วย AC Clear I ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังทำ
        2. หลังการรักษาสิวด้วย AC Clear I ควรทาครีมบำรุงผิว และครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ทุกครั้งที่ต้องเจอแดด
        3. หลังการรักษาสิวด้วย AC Clear I ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถนอมผิว รักษาความสะอาดของผิวอย่างสม่ำเสมอ
        4. หลังการรักษาสิวด้วย AC Clear I ควรพักหน้าเนื่องจากผิวหน้าเกิดการระคายเคืองจากการกด และฉีดสิว
        5. หลังการรักษาสิวด้วย AC Clear I งดแต่งหน้า 1 วัน เพื่อให้ใบหน้าได้รับการฟื้นฟู

        ประโยชน์ของการรักษาสิวด้วย AC Clear I ทั้ง 4 ขั้นตอน

        ขั้นตอนการรักษาสิวด้วยการกดสิวของ AC Clear I

        การกดสิว คืออะไร

        เป็นการเอาหัวสิวออก ด้วยการกดหรือบีบในบริเวณที่เกิดสิว โดยวิธีการใช้เข็มหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการกดสิวโดยเฉพาะ ในการจิ้มเปิดผิวแล้วค่อยกดให้หัวสิวออกมา โดยขั้นตอนทั้งหมดต้องสะอาด และปลอดภัย ทั้งนี้ผู้ที่ทำการกดจะต้องมีประสบการณ์และชำนาญ เนื่องจากหัวสิวที่หลุดออกมาเมื่อไปโดนผิวในบริเวณอื่น อาจทำให้บริเวณอื่นเกิดการสะสมของแบคทีเรีย และเกิดเป็นสิวใหม่ได้ในอนาคต

        การกดสิว เหมาะกับสิวประเภทใด ?

        การกดสิวจะเหมาะมากกับผู้ที่เป็นสิวอุดตัน สิวหัวดำ และสิวหัวขาวเป็นต้น และแพทย์จะหลีกเลี่ยงการกดสิวประเภท สิวหนอง หรือสิวหัวช้าง สิวผด สิวอักเสบ

        ประโยชน์ของขั้นตอนการกดสิวด้วย AC Clear I

        การกดสิวด้วย AC Clear I จะเป็นการกดสิวโดยแพทย์เท่านั้น ซึ่งขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนการรักษาสิวขั้นตอนแรกที่ช่วยในการเคลียร์สิวเบื้องต้น โดยการกดสิวโดยแพทย์จะมีความปลอดภัย และสามารถมั่นใจได้ว่าผิวหนังบริเวณที่ทำการกดสิวจะเกิดการระคายเคืองได้น้อยกว่าผู้ที่ไม่ชำนาญ นอกจากนี้ขั้นตอนการกดสิวจะต้องรักษาความสะอาด เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย โดยวิธีนี้จะทำให้สิวอุดตันหายได้ง่ายและเร็วมากขึ้น

        ขั้นตอนการรักษาสิวด้วยการฉีดสิวของ AC Clear I

        การฉีดสิวคืออะไร

        ขั้นตอนการฉีดสิว คือ การที่แพทย์ใช้ตัวยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ในการฉีดลงไปที่สิว เพื่อลดการอักเสบของสิว ลดการบวมแดงของสิว ช่วยทำให้สิวหายเร็วขึ้น และเกิดผลกระทบต่อผิวได้น้อยลง

        การฉีดสิวฉีดในสิวประเภทใด

        โดยปกติแล้วแพทย์จะทำการฉีดสิวในสิวกลุ่มที่เป็นสิวอักเสบ ไม่ว่าจะเป็น สิวอักเสบที่มีหัว และสิวอักเสบที่ไม่มีหัว

        รักษาสิว
        รักษาสิว
        รักษาสิว

        ประเภทของสิวอักเสบ

        สิวอักเสบกลุ่มที่ 1

        (Acne Type 1) สิวอักเสบกลุ่มนี้เรามักเรียกกันว่า สิวอุดตัน โดยสิวชนิดนี้ในบางทีจะมีการอักเสบเล็กน้อยที่เกิดอยู่ภายในรูขุมขน จะเห็นได้ว่าอาจกลายเป็นเม็ดที่ดูนูนบวมขึ้นมามากกว่าปกติ เป็นสีเดียวกันกับสีผิวของเรา หากไม่ทำการรักษาจะฝังตัวอยู่ในผิวได้เป็นระยะเวลานาน

        สิวอักเสบกลุ่มที่ 2

        (Acne Type 2) สิวอักเสบกลุ่มนี้เป็นสิวที่อยู่ ๆ ก็ขึ้น มาแบบที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว โดยปกติแล้วจะมีความเกี่ยวข้องกันกับเซลล์ Monocyte จึงทำให้สิวประเภทนี้เกิดการอักเสบได้ในระยะปานกลาง อาจมองเห็นได้ว่าเป็นเม็ดนูนที่ประกอบไปด้วยสีผิวที่เปลี่ยนไปเป็นชมพูอ่อน ๆ หรือมีอาการเจ็บ คันเล็กน้อยร่วมด้วย แต่สิวประเภทนี้จะมีอายุอยู่เพียงไม่นานประมาณ 3 วันเท่านั้น

        สิวอักเสบกลุ่มที่ 3

        (Acne Type 3) สิวอักเสบกลุ่มนี้เวลาขึ้นจะเริ่มเห็นว่าเป็นสิวอย่างชัดมากขึ้น โดยสิวประเภทนี้จะมีความเกี่ยวข้องกันกับเซลล์ Neutrophils ที่จะอยู่ตรงผิวหนังชั้นหนังแท้ ห่างจากรูขุมขนเพียงเล็กน้อย สิวชนิดนี้จะมีความอักเสบที่ไม่มาก เนื่องจากจะอักเสบที่ผิวหนังชั้นตื้น อาจมีหนองร่วมด้วย หรือไม่มีหนองก็ได้ สิวจะมีขนาดปานกลาง ไม่เกิน 5 มิลลิเมตร มีอายุอยู่บนผิวหนังได้นานมากขึ้นกว่าในกลุ่มที่ 2 โดยจะมีอายุประมาณ 6-8 สัปดาห์

        สิวอักเสบกลุ่มที่ 4

        (Acne Type 4) สิวอักเสบกลุ่มนี้จะเห็นเด่นชัดว่านี่ คือ สิว เนื่องจากลักษณะจะเห็นได้ชัดเจน สิวประเภทนี้จะมีความเกี่ยวข้องกันกับเซลล์ Neutrophils จะเป็นสิวที่อยู่ในผิวที่ลึกที่สุดในบรรดาสิวอักเสบทั้ง 4 กลุ่ม โดยจะอยู่ที่ผิวชั้นหนังแท้ชั้นล่าง จึงทำให้เมื่อไรที่เป็นจะมีอาการอย่างรุนแรง คือ ทั้งเจ็บ ทั้งบวม คัน แดง หรืออาจมีลักษณะที่เห็นภายนอกว่าเป็นก้อนเหมือนไตแข็ง เหมือนถุงน้ำในบางที สิวประเภทนี้จะมีขนาดใหญ่กว่า 5 มิลลิเมตร เป็นต้นไป และยังมีอายุบนผิวหนังได้ยาวนานกว่า 4 เดือน หากไม่ทำการฉีดสิวเพื่อรักษา

        รักษาสิว
        รักษาสิว

        ในการรักษาสิวด้วย AC Clear I แพทย์จะฉีดสิวฉีดทุกเม็ดไหม

        การฉีดสิวแพทย์อาจไม่ได้ฉีดในสิวอักเสบทุกเม็ด และมักจะฉีดในสิวที่มีความบวม เป่ง และเม็ดใหญ่มาก ๆ หากทิ้งเอาไว้นาน ๆ อาจก่อให้เกิดรอยสิว หรือแผลเป็นได้สิวประเภทนี้มักทำให้เจ็บในเวลาใช้ชีวิตประจำวัน การฉีดจะทำให้กายเร็วขึ้นและไม่ทิ้งรอย

        ประโยชน์ของขั้นตอนการฉีดสิวด้วย AC Clear I

        เป็นการรักษาสิวอักเสบอย่างรวดเร็ว โดยจะเห็นผลลัพธ์ได้ในระยะเวลา 24-72 ชั่วโมง หลังจากที่ทำการรักษาสิวด้วย AC Clear I เสร็จ ไม่ทิ้งรอย ไม่ต้องทายาต่อเนื่อง ไม่ต้องกังวลว่าอุปกรณ์ที่ใช้จะสะอาดหรือไม่ เพราะที่รมย์รวินท์คลินิกการรักษาสิวด้วย AC Clear I ทำโดยแพทย์ อุปกรณ์ทุกอย่างปลอดภัย ผ่านการฆ่าเชื้อเป็นอย่างดี

        ขั้นตอนการรักษาสิวด้วยการทำทรีทเมนต์ของ AC Clear I

        ทรีทเมนต์ คืออะไร

        คือ การใช้เครื่องในการผลักวิตามิน เพื่อฆ่าเชื้อสิวและลดเชื้อสิว เพื่อลดการเกิดใหม่ของสิว ด้วยการใช้เครื่องทรีทเมนต์ดังกล่าว จะทำหน้าที่ในการทำให้ตัวยาที่ใช้รักษาสิวซึมลงสู่ผิวได้มากขึ้น เห็นผลได้ชัดกว่าการทาครีมเพื่อบำรุง โดยการใช้คลื่นเสียงในการเป็นตัวกลาง ส่งผลให้สิวหายเร็วขึ้น พร้อมได้ผิวหน้าที่ดีกลับมาเร็วขึ้นนั่นเอง

        ทรีทเมนต์เหมาะกับสิวประเภทไหน

        สามารถใช้ได้กับสิวทุกประเภท แต่ไม่เหมาะกับบุคคลที่มีผิวหนังที่ติดเชื้อ หรือมีบาดแผลที่ผิวหนัง จึงควรรักษาให้หายก่อนค่อยมาทำรักษาสิวด้วย AC Clear I เพื่อป้องกันการลุกลามของเชื้อ

        ขั้นตอนการรักษาสิวด้วยการมาส์กของ AC Clear I

        มาส์ก คืออะไร

        การปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน หลังจากเกิดการระคายเคืองจากการกด และฉีดมาแล้ว ช่วยในการฟื้นฟูผิวบริเวณที่ทำการรักษาสิวด้วย AC Clear I ได้ฟื้นสภาพกลับมาดูสวยใสได้อีกครั้ง โดยใช้เวลาฟื้นฟูไม่นานก็ทำให้ผิวกลับมาดีได้เหมือนเดิม

        ดังนั้นการรักษาสิวด้วย AC Clear I จึงนับเป็นการรักษาสิวที่ครบสำหรับทุกปัญหาสิว และยังมีความปลอดภัย เนื่องจากทุกขั้นตอนแพทย์เป็นผู้ทำการรักษา จึงสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีผลกระทบอื่น ๆ ตามมาจากการทำรักษาสิวด้วย AC Clear I อย่างแน่นอน

        โดยการรักษาสิวด้วย AC Clear I เป็นโปรแกรมรักษาสิวเทคนิคเฉพาะที่รมย์รวินท์คลินิกเท่านั้น หากต้องการรักษาสิวด้วยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ลงมือทำ และดูแลอย่างใกล้ชิดด้วยแพทย์ทุกขั้นตอนต้องที่ รมย์รวินท์คลินิก เท่านั้น

        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




          วันที่สะดวกในการติดต่อ