โบลดน่อง ปรับขาเรียว บอกลาขาใหญ่ แบบไม่ต้องผ่าตัด

โบลดน่องปรับขาเรียวแบบ ไม่ต้องผ่าตัด

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




    วันที่สะดวกในการติดต่อ








    โบลดน่อง ปรับขาเรียว บอกลาขาใหญ่ แบบไม่ต้องผ่าตัด 

    ในยุคที่ความสวยความงามเป็นเรื่องสำคัญ การมีเรียวขาสวยเป๊ะก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเสริมบุคลิกภาพให้โดดเด่นได้ แต่สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องน่องใหญ่ กล้ามเนื้อน่องชัด หรือมีปัญหาเรื่องรูปร่างของน่องไม่สมส่วน “การฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว” อาจเป็นทางออกของขาเรียวสวยที่น่าสนใจ เพราะเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณมีเรียวขาที่เพรียวบางได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลชัดเจน

     

    การฉีดโบลดน่องจึงกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องน่องใหญ่ เพราะเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เสียเวลาพักฟื้น และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้คุณมั่นใจและพร้อมที่จะเผยให้เห็นเรียวขาที่สวยงามได้อย่างเต็มที่

     

    ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว คืออะไร?

     

    โบลดน่อง คือ การใช้สารที่ออกฤทธิ์ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ฉีดเข้าไปยังกล้ามเนื้อ Gastrocnemius บริเวณน่อง เมื่อฉีดโบเข้าไปบริเวณน่องขา โบลดน่องจะออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณน่องที่ใหญ่มีขนาดเล็ก ลดขนาดของกล้ามเนื้อให้เล็กลง ซึ่งเทคนิคของการฉีดโบลดน่องของแพทย์นั้น แพทย์จะฉีดเฉพาะกล้ามเนื้อบางส่วนในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้น ซึ่งไม่ส่งผลต่อการยืนหรือการเดิน

     

    น่องใหญ่เกิดจากอะไร?
    น่องใหญ่เกิดจากอะไร?

    สาเหตุที่ทำให้น่องใหญ่ น่องปูด มีอะไรบ้าง?

    ปัญหาน่องใหญ่ น่องปูด มีหลากหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้

    • น่องใหญ่ น่องปูด จากไขมัน : เกิดจากการสะสมของไขมันส่วนเกินบริเวณน่อง ปัญหานี้พบได้ในคนที่มีไขมันส่วนเกินสะสมในร่างกายมาก กับคนที่มีน้ำหนักเกิน หรือมีปัญหาการเผาผลาญไขมัน ถ้าการเผาผลาญไม่ดีอาจทำให้ไขมันสะสมมากขึ้นในบริเวณต่าง ๆ รวมถึงบริเวณน่องด้วย
    • น่องใหญ่ น่องปูด จากกล้ามเนื้อ : เกิดจากการที่กล้ามเนื้อน่องทำงานหนักเกินไป หรือเกิดจากการออกกำลังกายที่เน้นการใช้งานกล้ามเนื้อน่องโดยเฉพาะ เช่น การปั่นจักรยาน การวิ่ง การยืนนาน หรือการใส่ส้นสูงประจำ ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อน่องมีขนาดใหญ่ขึ้นได้
    • น่องใหญ่ น่องปูด จากพันธุกรรม : ลักษณะทางพันธุกรรม มีผลอย่างมากต่อการสะสมกล้ามเนื้อและไขมันในร่างกาย โดยบางคนอาจมีกล้ามเนื้อน่องที่ขยายใหญ่ขึ้นได้ง่ายกว่าคนอื่น ๆ
    • น่องใหญ่ น่องปูด จากการอักเสบของเส้นเอ็น : อาการเส้นเอ็นอักเสบอาจทำให้เกิดอาการบวมบริเวณน่องได้ และทำให้น่องดูใหญ่กว่าปกติ
    • น่องใหญ่ น่องปูด จากภาวะบวมน้ำ : ภาวะบวมน้ำจากการยืนนาน ๆ หรือระบบการไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดี อาจทำให้น่องดูใหญ่ขึ้นได้
    • น่องใหญ่ น่องปูด จากการใส่รองเท้าไม่เหมาะสม : การใส่รองเท้าที่หลวมหรือคับจนเกินไป อาจส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อน่องและทำให้เกิดอาการบวมบริเวณน่องได้
    • น่องใหญ่ น่องปูด จากกล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานมาก : การเดินขึ้นบันไดบ่อย ๆ การวิ่ง หรือการเล่นกีฬาที่ใช้ขานาน ๆ สามารถทำให้กล้ามเนื้อน่องมีขนาดใหญ่ขึ้นได้ โดยเฉพาะหากมีการใช้งานหนักอย่างต่อเนื่อง กล้ามเนื้อจะตอบสนองโดยการสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อใหม่ขึ้น ทำให้น่องดูใหญ่มากขึ้น

     

    กระบวนการทำงานของโบลดน่อง
    กระบวนการทำงานของโบลดน่อง

     

    ฉีดโบลดน่องมีกระบวนการทำงานอย่างไร?

    สำหรับหลักการทำงานของการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียวนั้น จะเป็นการฉีดโบไปยังบริเวณกล้ามเนื้อที่มีชื่อว่า Gastrocnemius บริเวณน่อง เพื่อให้โบเข้าไปออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อน่องที่ใหญ่ให้มีขนาดเล็กลง ซึ่งการทำงานคล้ายกับการฉีดโบลดกรามปรับหน้าเรียว โดยก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับหน้าเรียว แพทย์จะทำการประเมินก่อนว่าปัญหาของน่องใหญ่ น่องปูดมาจากไขมันสะสมหรือกล้ามเนื้อ เพื่อวางแผนการรักษาปรับรูปทรงน่องให้กลับมาสมดุลและเรียวสวย เข้ากับสรีระร่างกายของในแต่ละบุคคล

     

    โบลดน่อง ปรับขาเรียว ช่วยอะไรบ้าง?

    • โบลดน่อง ปรับขาเรียว ช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อน่อง
    • โบลดน่อง ปรับขาเรียว ช่วยให้น่องเรียวสวยและสมส่วน
    • โบลดน่อง ปรับขาเรียว ช่วยทำให้น่องไม่เป็นก้อนนูน
    • โบลดน่อง ปรับขาเรียว ช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อน่อง

     

    ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

     

    การฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากมีขาเรียวสวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีปัญหาน่องใหญ่จากกล้ามเนื้อ อาจเกิดจากการออกกำลังกายที่เน้นการใช้กล้ามเนื้อ หรือเกิดจากคนที่ใช้กล้ามเนื้อน่องบ่อย ๆ เช่น การยืนนาน ทำให้กล้ามเนื้อน่องใหญ่ขึ้น โดยการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่มีปัญหา ดังนี้

     

    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่น่องใหญ่ น่องปูดจากกล้ามเนื้อ
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่มีปัญหากล้ามเนื้อน่องตึง
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่มีปัญหาน่องใหญ่ไม่สมส่วน
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่เคยลดน่องด้วยวิธีอื่นมาแล้วไม่ได้ผล
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่อยากปรับรูปทรงขา เพื่อขาเรียวสวย
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่ต้องการสร้างความมั่นใจในการใส่กระโปรงหรือกางเกงขาสั้น
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่อยากขาสวยแต่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่อยากได้ผลลัพธ์ขาเรียวสวยแบบรวดเร็ว

     

    ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว?

     

    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่ต้องใส่ส้นสูงนาน ยืนนาน หรือเดินนาน
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนมีอายุต่ำกว่า 18 ปี
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่น่องใหญ่ น่องปูดจากไขมัน
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่แพ้สารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น โรคเกี่ยวกับระบบประสาท โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคเลือดออกง่าย เป็นต้น
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่มีภาวะผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด อาจทำให้เกิดรอยช้ำง่าย
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่มีการติดเชื้อบริเวณที่ต้องการฉีด ควรรอให้แผลหายสนิทก่อน 
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่มีความผิดปกติทางระบบประสาทบางชนิด เช่น โรคเส้นเลือดในสมองตีบ โรคพาร์กินสัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีด
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์ถาวร

     

    ข้อดีและข้อเสียของการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

     

    วิธีการฉีดโบลดน่องเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เหมาะกับคนที่ต้องการปรับรูปทรงน่องให้เรียวสวย แต่ก่อนตัดสินใจฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียวต้องพิจารณาข้อดีและข้อเสีย เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ ดังนี้

     

    ข้อดีของการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

     

    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ช่วยทำให้รูปทรงของน่องดูเรียวสวย และสมส่วนมากขึ้น
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เหมาะกับคนที่อยากแก้ไขน่องใหญ่ น่องปูดแบบไม่ต้องผ่าตัด
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องเจ็บตัว
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว กับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้โบลดน่องแท้ จะมีความปลอดภัยสูง
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว สามารถใช้ชีวิตประจำวันหลังทำได้ตามปกติ

     

    ข้อเสียของการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำหลังจากโบลดน่องสลายไปตามธรรมชาติ
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว อาจเกิดอาการบวม ปวด แดง หรือช้ำตรงบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะค่อย ๆ หายได้เองหลังจากนั้น
    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ไม่เหมาะสมกับคนที่มีน่องใหญ่จากไขมัน หรือคนที่มีโรคประจำตัวบางชนิด

     

    โบลดน่องเลือกยี่ห้อไหนดี
    โบลดน่องเลือกยี่ห้อไหนดี

    ยี่ห้อโบลดน่อง ปรับขาเรียว เลือกแบบไหนดี?

    • โบลดน่อง ปรับขาเรียว จากประเทศอเมริกา (Allergan)

    โบลดน่อง ปรับขาเรียว ยี่ห้อ Allergan เป็นบริษัทออริจินอลแบรนด์ดังของการฉีดโบ ที่มีงานวิจัยรองรับมากที่สุดถึง 3,500 งานวิจัย ได้รับการรับรองจาก FDA ตั้งแต่ปี 1985 มีผลการรักษาแม่นยำที่สุด โดยตัวยามีการกระจายตัวแคบ มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% ทำให้เกิดโอกาสดื้อโบน้อยที่สุด เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาแม่นยำและตรงจุด สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยเฉพาะจุดได้ดี เช่น ริ้วรอยย่นบนหน้าผาก ริ้วรอยย่นระหว่างคิ้ว และริ้วรอยหางตา อีกทั้งยังเหมาะกับการฉีดโบลิฟกรอบหน้า  ฉีดโบลดกราม ซึ่ง Allergan เป็นหนึ่งในยี่ห้อที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคอย่างมาก

     

    • โบลดน่อง ปรับขาเรียว จากประเทศอังกฤษ (Dysport)

    โบลดน่อง ปรับขาเรียว ยี่ห้อ Dysport จากประเทศอังกฤษ ผลิตโดยบริษัท Ipsen ได้รับการรับรองจาก FDA ในปี 2009 มีขนาดของโมเลกุลที่เล็กกว่าโบลดน่องยี่ห้อ Allergan มีลักษณะการกระจายตัวเป็นวงกว้าง ทำให้การฉีดโบลดน่องยี่ห้อ Dysport ต้องฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และต้องระมัดระวังในการฉีดสูง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอยย่นบนหน้าผาก ลดกราม รวมไปถึงยังช่วยลดกลิ่นเหงื่อ กลิ่นตัว ลดน่อง และลดต้นแขน โดยผลลัพธ์ที่ได้จะค่อนข้างรวดเร็ว ใครที่ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วนต้องเลือกฉีดโบลดน่อง Dyspot

     

    • โบลดน่อง ปรับขาเรียว จากประเทศเยอรมัน (Xeomin)

    โบลดน่อง ปรับขาเรียว ยี่ห้อ Xeomin จากประเทศเยอรมัน ได้รับการรับรองจาก FDA ในปี 2011 มีจุดเด่นที่นำข้อดีของยี่ห้อ Allergan และ Dysport มารวมไว้ด้วยกัน ซึ่งโบลดน่อง ปรับขาเรียว Xeomin เป็นยี่ห้อแรกที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก ไม่มีสารเติมแต่งใด ๆ ทำให้ดูมีความเป็นธรรมชาติ ไม่ตึงจนเกินไป สามารถป้องกันการเกิดโอกาสดื้อโบได้ นอกจากนี้ยังมีอาการผลข้างเคียงน้อยและเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็วอีกด้วย

     

    • โบลดน่อง ปรับขาเรียว จากประเทศเกาหลี (Nabota และ Aestox)

    โบลดน่อง ปรับขาเรียว จากประเทศเกาหลีมีทั้งหมด 2 ยี่ห้อด้วยกัน คือ โบลดน่องยี่ห้อ Nabota และ โบลดน่องยี่ห้อ Aestox รายละเอียดของโบลดน่อง ปรับขาเรียว มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ดังนี้

    • โบลดน่อง ปรับขาเรียว ยี่ห้อ Nabota เป็นโบลดน่องแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวจากประเทศเกาหลีที่ได้รับการรับรองจาก FDA ในปี 2018 ที่มีความบริสุทธิ์ถึง 98.7% ผ่านการวิจัยทดลองมากว่า 30 ปี มีจุดเด่นในด้านการออกฤทธิ์ไวกว่าโบเกาหลียี่ห้ออื่น ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องตื้นบนใบหน้า เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์เร่งด่วน
    • โบลดน่อง ปรับขาเรียว ยี่ห้อ Aestox เป็นโบลดน่อง ปรับขาเรียว ที่มีตัวยาบริสุทธิ์ 99.5% ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เกิดโอกาสดื้อยาน้อย ออกฤทธิ์ไวใกล้เคียงกับโบลดน่องยี่ห้อ Allerganจากสหรัฐอเมริกา แต่ผลลัพธ์อยู่ได้สั้นกว่า  มักนิยมใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาริ้วรอย ปรับรูปหน้าเรียวเล็ก และทำให้กรอบหน้าคมชัด 

    การเตรียมตัวก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

    • ก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินปัญหาให้เหมาะสมในแต่ละบุคคล
    • ก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบลดน่องอย่างละเอียด 
    • ก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการรับรอง มีเครื่องมือที่ทันสมัย และแพทย์ที่มีประสบการณ์
    • ก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ควรแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด รวมไปถึงโรคประจำตัว ยาที่กำลังรับประทาน และการแพ้ยาต่าง ๆ 
    • ก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ก่อนทำ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากส่งผลต่อการฟื้นตัว
    • ก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว หลีกเลี่ยงยาบางชนิดที่ส่งผลต่อการทำงานของโบลดน่อง
    • ก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ควรงดยากลุ่มที่ลดการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน 

     

    ขั้นตอนการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

    1. ปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการประเมินสภาพกล้ามเนื้อน่อง และประเมินปริมาณโบลดน่องที่เหมาะสมในบริเวณที่ต้องการฉีด
    2. ทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการฉีดโบลดน่องด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
    3. สำหรับคนที่กลัวเจ็บ แพทย์อาจทายาชาบริเวณที่ต้องการฉีด เพื่อบรรเทาความเจ็บจากเข็มจากการฉีดโบลดน่อง
    4. แพทย์จะใช้เข็มฉีดสารที่ออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเข้าไปยังบริเวณที่ต้องการลดขนาด โดยเลือกจุดฉีดที่เหมาะสมเพื่อผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติ
    5. หลังจากฉีดโบลดน่องเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะประคบเย็นบริเวณที่ฉีด เพื่อลดอาการบวมและรอยช้ำจากเข็ม

     

    การดูแลตัวเองหลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

     

    • หลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว สามารถประคบเย็นได้เป็นระยะ เพื่อลดอาการบวม
    • หลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดทันทีประมาณ 30 นาที เพื่อให้โบลดน่องถูกเซลล์ประสาทดูดซึมเข้าไปมากที่สุด
    • หลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วง 2-3 วันแรก
    • หลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว หลีกเลี่ยงการนวดบริเวณที่ฉีด
    • หลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด 3 วัน
    • หลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว งดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 3 วัน
    • หลังฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว งดอาหารรสจัด อาหารหมักดอง 3 วัน
      โบลดน่อง VS ดูดไขมันน่อง
      โบลดน่อง VS ดูดไขมันน่อง

     

    การฉีดโบลดน่อง VS การดูดไขมันน่อง แตกต่างกันอย่างไร?

    ฉีดโบลดน่อง ปรับหน้าเรียว

    • การฉีดโบลดน่อง เป็นกระบวนการที่ใช้สารออกฤทธิ์เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อในบริเวณน่อง ซึ่งโบลดน่องมีกระบวนการที่มีหน้าที่ป้องกันการส่งผ่านสัญญาณจากเซลล์ประสาทไปยังกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อไม่สามารถทำงานได้นาน ๆ ส่งผลให้เกิดการลดขนาดของกล้ามเนื้อในบริเวณที่ถูกฉีด โดยจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองในแต่ละบุคคล การฉีดโบลดน่องจะเน้นที่กล้ามเนื้อบางส่วนเท่านั้น และไม่มีผลกระทบต่อการยืนหรือการเดิน เนื่องจากมีกล้ามเนื้ออื่นที่ยังคงรับน้ำหนักและปรับท่าทางในการเคลื่อนไหว

     

    การดูดไขมันลดน่อง

    • ปัญหาน่องใหญ่ น่องปูด จากไขมันสะสมจากการรับประทาน แก้ไขปัญหาโดยการดูดไขมันน่องจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เนื่องจากการดูดไขมันส่วนเกินบริเวณน่องออก ทำให้น่องเล็กลง ขาเรียวสวยขึ้น เห็นผลลัพธ์ไว ปลอดภัย ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ซึ่งปัจจุบันมีหลายเทคโนโลยีในการดูดไขมันลดน่อง ทั้งนี้การดูดไขมันลดน่องเหมาะกับคนที่มีปัญหาน่องใหญ่ น่องปูด ที่เกิดจากไขมันสะสม ที่อยากลดขนาดของน่องขาให้เรียวเล็กลง เพราะการออกกำลังกายไม่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดใดจุดหนึ่งได้ จำเป็นต้องใช้การดูดไขมันลดน่องร่วมด้วย

     

    คำถามพบบ่อยของการฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว

     

    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว ใช้กี่ยูนิต?

    โดยปกติทั่วไป หากต้องการลดขนาดของน่องให้เล็กลง อาจต้องใช้ปริมาณของโบลดน่องมากถึง 500-600 ยูนิตต่อขา 1 ข้าง ซึ่งร่างกายของคนเราไม่สามารถรับปริมาณของโบได้มากเกิน 300 ยูนิต ในะยะเวลา 3 เดือน  และถ้าหากฉีดครั้งเดียวในปริมาณที่มากเกินไป จะส่งผลต่อการเดือนและการยืนได้ แนะนำให้ทยอยฉีดเพียงครั้งละ 200 ยูนิตเท่านั้น

     

    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เจ็บไหม?

    การฉีดตัวยาเข้าสู่กล้ามเนื้อมีความเจ็บเป็นเรื่องปกติ แต่เป็นความเจ็บในระดับที่อดทนได้ หากมีความกังวลเรื่องของความเจ็บระหว่างฉีดโบลดน่อง สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอทายาชาหรือประคบเย็นก่อนฉีดได้ เพื่อลดความเจ็บจากเข็ม

     

    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว มีผลข้างเคียงไหม?

    ผลข้างเคียงหลังที่อาจเกิดขึ้นหลังจากฉีดโบลดน่องที่พบโดยทั่วไป คือ อาการบวม แดง หรือมีรอยช้ำบริเวณที่ฉีด อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ  รวมไปถึงอาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราวได้ โดยอาการเหล่านี้สามารถหายได้เองในเวลาต่อมาได้ นอกจากผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดโบลดน่องเหล่านี้แล้ว ยังมีผลข้างเคียงที่เกิดจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น ปริมาณที่ใช้ในการฉีดโบลดน่อง เทคนิคการฉีดโบลดน่อง ดังนั้นการฉีดโบลดน่องในปริมาณที่เหมาะสม ใช้โบแท้ และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ จะทำให้ไม่มีผลข้างเคียงที่อันตรายอย่างแน่นอน

     

    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกไหม?

    ในการฉีดโบลดน่อง จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนประมาณ 3 เดือน ซึ่งในการฉีด 1 ครั้งขนาดของกล้ามเนื้อบริเวณน่องจะลดลงได้ประมาณ 10-20% เพราะกล้ามเนื้อบริเวณน่องเป็นมัดกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ ทำให้ค่อนข้างใช้ระยะเวลาในการฉีดซ้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

     

    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว อันตรายไหม?

    ถ้าฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียวกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และใช้ตัวยาในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะไม่มีผลข้างเคียงที่อันตราย แต่ถ้าหากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ ใช้ปริมาณโบลดน่องไม่เหมาะสม อาจเกิดปัญหากับการเดินหรือการยืนได้ รวมไปถึงการฉีดโบลดน่องกับหมอกระเป๋า หมอปลอม ที่ใช้ยาหิ้ว ทำให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน ดังนั้นก่อนฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียวต้องเลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น

    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว อยู่ได้นานไหม?

    การฉีดโบลดน่อง สามารถช่วยลดขนาดน่องให้เรียวเล็กลงได้ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ยี่ห้อของโบลดน่องที่เลือกใช้ และระดับการใช้งานกล้ามเนื้อน่องของแต่ละบุคคล หากมีการใช้งานกล้ามเนื้อน่องมาก เช่น การเดินหรือออกกำลังกายบ่อย ๆ ผลลัพธ์อาจสลายเร็วขึ้น ดังนั้นจึงแนะนำให้ฉีดซ้ำทุก 4-6 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ต่อไป

     

    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว กี่ครั้งเห็นผล?

    โดยทั่วไปแล้ว การฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว จะเริ่มเห็นผลชัดเจนประมาณ 1-2 เดือน หลังจากการฉีดครั้งแรก และผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน แต่หากต้องการให้กล้ามเนื้อบริเวณน่องเล็กลงอย่างต่อเนื่อง อาจต้องฉีดซ้ำทุกๆ 6 เดือน หรือตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

     

    • ฉีดโบลดน่อง ปรับขาเรียว มีผลต่อการเดินไหม?

    การฉีดโบลดน่องนั้น หากทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และฉีดในปริมาณที่เหมาะสม โดยทั่วไปจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเดิน เพราะแพทย์จะฉีดเฉพาะบริเวณกล้ามเนื้อน่องส่วนที่ทำให้เกิดน่องใหญ่เท่านั้น โดยยังคงเหลือกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ ที่ช่วยในการยืนและเดินอยู่ ดังนั้นหากฉีดโบลดน่องในปริมาณที่มากเกินไป หรือฉีดผิดจุด อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรงมากเกินไปจนส่งผลต่อการเดินได้ ดังนั้นจึงควรเลือกคลินิกและแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดโบลดน่องโดยเฉพาะ

     

    การฉีดโบลดน่อง เป็นขั้นตอนการทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน สำหรับคนที่ต้องการปรับรูปร่างให้ขาเรียวสวย โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาน่องใหญ่ กล้ามเนื้อน่องเป็นมัด หรือต้องการแก้ไขปัญหาความไม่สมส่วนของขา ใครที่กำลังสนใจและต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องของการฉีดโบลดน่อง สามารถติดต่อและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขาใกล้บ้านคุณ

    ฉีดโบลดกรามหน้าเรียวครั้งแรก ควรรู้อะไรบ้าง 

    ฉีดโบลดกรามช่วยอะไรบ้าง

    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




      วันที่สะดวกในการติดต่อ








      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ควรรู้อะไรบ้าง 

      การฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว อาจเป็นคำตอบที่สาว ๆ และหนุ่ม ๆ กำลังมองหา ในยุคที่ความสวยงามเป็นสิ่งสำคัญ การมีใบหน้าที่เรียวเล็ก ใบหน้าได้สัดส่วน เป็นสิ่งที่ใครหลายคนต้องการ ซึ่งการผ่าตัดศัลยกรรม อาจไม่ใช่ทางเลือกแรกสำหรับทุกคน แต่ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ก้าวหน้าขึ้น การฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว จึงกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ มาจนถึงในยุคปัจจุบัน

       

      บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดโบลดกรามอย่างละเอียด ตั้งแต่หลักการทำงานของโบลดกราม ผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดโบลดกราม หรือ โบลดกราม ปรับหน้ารวมเหมาะกับใครบ้าง รวมไปจนถึงข้อควรระวังและการเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ตัดสินใจก่อนฉีดโบลดกรามได้อย่างมั่นใจก่อนเข้ารับการรักษา

       

      ฉีดโบกรามคืออะไร ช่วยอะไรบ้าง
      ฉีดโบกรามคืออะไร ช่วยอะไรบ้าง

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว คืออะไร?

      การฉีดโบลดกราม เป็นวิธีการลดกรามให้เล็กลงด้วยการฉีดสารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่สร้างมาจากแบคทีเรียที่ชื่อ Clostridium เมื่อฉีดเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อบริเวณกราม ทำให้กรามมีขนาดเล็กลง ใบหน้าจึงเรียวเล็กลง ช่วยให้รูปหน้ามีความวีเชฟมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อีกทั้งยังสามารถฉีดซ้ำได้เรื่อย ๆ เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ต่อเนื่อง

       

      ปัญหากรามใหญ่ หน้าบาน เกิดจากอะไร?

       

      • กรามใหญ่จากพันธุกรรม ลักษณะกรามใหญ่นั้นสามารถถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ โดยเฉพาะคนเอเชียที่มักจะมีขากรรไกรใหญ่ และกรามใหญ่จากกรรมพันธุ์
      • กรามใหญ่จากกล้ามเนื้อกราม หากกล้ามเนื้อกรามถูกใช้งานหนัก จากพฤติกรรมการบดเคี้ยวอาหารเหนียวและแข็งเป็นระยะเวลานาน จะทำให้กล้ามเนื้อกรามมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นและมีความแข็งแรงมากขึ้น 
      • กรามใหญ่จากไขมัน เป็นผลมาจากการบริโภคอาหาร ที่มีปริมาณไขมันและน้ำตาลสูง เช่น ของทอด ขนมหวาน น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งส่งผลให้เกิดการสะสมไขมันบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะส่วนล่างของแก้ม เมื่อน้ำหนักไขมันส่วนนี้ สะสมร่วมกับกล้ามเนื้อกรามที่เด่นชัด จะทำให้ใบหน้าดูกว้างและขาดความเรียวกระชับ 
      • กรามใหญ่จากกระดูก ในบางคนอาจมีการเจริญเติบโตของกระดูกที่มากกว่าปกติ ส่งผลให้กรามใหญ่

       

      กรามใหญ่ มีกี่แบบ?

       

      1. กรามใหญ่ หน้าเหลี่ยม เกิดจากการที่โครงสร้างกระดูกขากรรไกรใหญ่ ทำให้ใบหน้าดูเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม
      2. กรามใหญ่ แก้มเยอะ ทำให้ใบหน้าดูใหญ่ และหน้าบาน
      3. กรามใหญ่แบบข้างเดียว เกิดจากการเจริญเติบโตของกระดูกที่ผิดปกติ หรือเกิดจากการเคี้ยวอาหารข้างเดียว ทำให้กรามทั้งสองข้างไม่เท่ากัน
      4. กรามใหญ่ โหนกแก้มสูง ทำให้ใบหน้าดูดุและดูแข็ง
      5. กรามใหญ่ คางสั้น ทำให้ใบหน้าดูกลม หน้าสั้น ใบหน้าดูไม่มีมิติ

       

      ฉีดโบลดกราม ช่วยลดกราม ปรับหน้าเรียว ได้อย่างไร?

       

      การออกฤทธิ์ของโบลดกราม แพทย์จะทำการฉีดตัวยาเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อ โดยตัวยาจะแยกออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ ส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าไปเก็บไว้ในเซลล์ประสาท และ ส่วนที่ไม่ดูดซึมจะถูกนำออกไปตามกระแสเลือด ไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังฉีด โดยจะถูกขับออกจากร่างกายตามกลไกธรรมชาติ แบบไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์อื่น ๆ

       

      การฉีดโบลดกราม จะช่วยลดการทำงานของระบบประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อ Masseter โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนี้ทำงานน้อยลงชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อไม่ได้ถูกใช้งานอย่างหนัก ขนาดของกล้ามเนื้อกรามจึงค่อย ๆ เล็กลง ส่งผลให้รูปหน้าดูเรียวและสมส่วนมากยิ่งขึ้น

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ช่วยอะไรบ้าง?

       

      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ช่วยให้ใบหน้าดูเรียวเล็กมากขึ้น
      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ช่วยให้ส่วนกรามดูเล็กลง 
      • ฉีดโบลดกราม ช่วยให้แก้มดูเรียวขึ้น เนื่องจากเนื้อบริเวณกรามเล็กลง

       

      ฉีดโบกรามเหมาะกับใคร
      ฉีดโบกรามเหมาะกับใคร

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับใคร?

      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปี
      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกราม
      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก แบบไม่ต้องผ่าตัด
      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการใช้หน้าเร็ว ๆ เพราะไม่มีเวลาพักฟื้น

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับใคร?

       

      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง
      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อในการกลืนอาหาร
      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีอาการติดเชื้อในจุดที่ต้องการฉีด
      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงต่าง ๆ
      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาแก้มตอบ เนื่องจากแก้มจะยิ่งตอบมากขึ้นถ้ากรามมีขนาดเล็กลง
      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาโหนกแก้มชัด เนื่องจากกรามเล็กลงทำให้โหนกแก้มอาจจะยิ่งเห็นชัดขึ้น
      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณแก้มช่วงล่าง กรามเล็กลงอาจจะทำให้แก้มหย่อนคล้อยเพิ่มขึ้นได้
      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีปริมาณไขมันที่แก้มเยอะ อาจต้องลดแก้มร่วมด้วย
      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีกระดูกขากรรไกรใหญ่กว่ากล้ามเนื้อกราม
      • ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามขนาดเล็ก เนื่องจากไม่มีกล้ามเนื้อกรามให้ลด

       

      โบกรามเลือกยี่ห้อไหนดี
      โบกรามเลือกยี่ห้อไหนดี

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อไหนดี?

      ปัจจุบันโบลดกรามมีอยู่หลายยี่ห้อที่ผ่านอย. ไทย โดยยี่ห้อที่เหมาะสมกับการนำมาฉีดโบลดกราม มีดังนี้

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Allergan

       

      โบลดกราม Allergan จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นแบรนด์แรกที่ได้รับการรับรองให้ใช้ในการลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปหน้า ที่มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% ช่วยลดโอกาสการดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังได้รับความไว้วางใจในด้านคุณภาพและความปลอดภัยจากแพทย์และผู้ใช้งานทั่วโลก

       

      ซึ่งโบลดกราม Allergan เป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีชื่อเสียง และได้รับการรับรองจากงานวิจัยมากกว่า 3,500 ฉบับ โดยมีจุดเด่นที่สำคัญคือ การออกฤทธิ์แบบกระจายตัวแคบ ซึ่งช่วยให้การรักษามีความแม่นยำและตรงจุด เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อลดกล้ามเนื้อบริเวณกราม

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Dysport

       

      โบลดกราม จากประเทศอังกฤษ ตัวยามีโมเลกุลขนาดเล็ก มีการออกฤทธิ์ในรูปแบบการกระจายเป็นวงกว้าง ให้ผลลัพธ์อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับการนำมาฉีดลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณกว้าง เช่น ต้นแขน ต้นขา อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการฉีดลดริ้วรอยบริเวณระหว่างคิ้วได้อีกด้วย

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Nabota

       

      โบลดกรามคุณภาพสูงจากประเทศเกาหลี ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Daewoong Pharmaceutical และมีการทดสอบอย่างเข้มงวดเพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ซึ่งได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกา โดยมีความบริสุทธิ์ของตัวยาถึง 98.7% ทำให้มีประสิทธิภาพในการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าแบบเห็นผลทันที

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Aestox

       

      เป็นโบลดกรามจากเกาหลีที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย โดยมีคุณสมบัติเด่นคือ ความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% ซึ่งช่วยลดโอกาสในการดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเน้นการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ และผลลัพธ์ที่ได้จะมีอายุการใช้งานนานกว่าโบเกาหลีอื่น ๆ

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ยี่ห้อ Xeomin

       

      โบลดกราม จากประเทศเยอรมัน ผลิตด้วยเทคโนโลยี XTRACT ทำให้ สารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ไม่มีการปนเปื้อน จากโปรตีน ตัวยามีโมเลกุลขนาดเล็กและมีความบริสุทธิ์สูง ออกฤทธิ์แบบกระจายกว้าง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฉีดลดเลือนริ้วรอย อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่ไม่มากอีกด้วย

       

      การเตรียมตัวก่อนฉีดโบกราม
      การเตรียมตัวก่อนฉีดโบกราม

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เตรียมตัวก่อนฉีดอย่างไร?

      • ก่อนฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว งดการรับประทานอาหารเสริมบางชนิด เช่น น้ำมันปลา หรือวิตามินอี ล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 วัน
      • ก่อนฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 3-7 วัน
      • ก่อนฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว งดยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ประมาณ 1 สัปดาห์
      • ก่อนฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่รับประทานประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีด
      • ก่อนฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับโบแท้ และควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน

       

      การดูแลตัวเองหลังฉีดโบกราม
      การดูแลตัวเองหลังฉีดโบกราม

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างไร?

      • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อจุดที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
      • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว งดนอนราบ 3 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้ตัวยาไหลไปเกาะบริเวณที่ไม่ต้องการได้
      • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ควรหลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง 
      • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดและงดสูบบุหรี่
      • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว งดอาหารหมักดอง
      • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ควรฉีดโบลดกรามต่อเนื่องในระยะที่เหมาะสม ไม่ฉีดถี่เกินไป และไม่ควรเว้นระยะห่างเกินไป

       

      เปรียบเทียบฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว กับ หัตถการอื่น ๆ

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว vs ร้อยไหมหน้าเรียว

       

      การฉีดโบลดกราม และการร้อยไหม สามารถช่วยให้ใบหน้าเรียวได้ทั้งสองหัตถการ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละปัญหานั้นเหมาะกับหัตถการแบบไหน ซึ่งการฉีดโบลดกรามจะช่วยลดกล้ามเนื้อให้เล็กลง ส่วนการร้อยไหมจะช่วยในการยกกระชับ แก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย กรณีที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว vs ผ่าตัดเหลากราม

       

      ปัญหากรามใหญ่ เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ทั้งกระดูก กล้ามเนื้อ และไขมัน การเลือกวิธีแก้ปัญหา ควรเลือกวิธีแก้ปัญหาอย่างเหมาะสมกับในแต่ละบุคคล ความแตกต่างของการฉีดโบลดกราม กับ การผ่าตัดเหลากราม มีดังนี้

      • การฉีดโบลดกรามนั้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีกล้ามเนื้อกรามใหญ่ ซึ่งหลังฉีดกรามไม่จำเป็นต้องพักฟื้น กรามยุบเต็มที่ใช้ระยะเวลา 2-3 เดือน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-5 เดือน 
      • การผ่าตัดเหลากราม เหมาะกับคนที่มีกระดูกกรามใหญ่ ผลลัพธ์อยู่ได้นานถาวร แต่หลังผ่าตัดต้องดูแลความสะอาดช่องปากเป็นพิเศษ และต้องกินยาที่แพทย์จ่ายอย่างต่อเนื่อง ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นนานจนกว่าแผลจะหายดี  6-12 สัปดาห์ 

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ไม่เห็นผลลัพธ์ เพราะอะไร?

       

      หลายคนที่ฉีดโบลดกรามมา แล้วไม่เห็นผลลัพธ์ มีสาเหตุมาจาก 2 ปัจจัย ดังนี้

       

      • แก้ปัญหาไม่ตรงสาเหตุ : กรณีที่เป็นคนกรามใหญ่เพราะโครงสร้างกระดูกใบหน้า หรือ กรามใหญ่เพราะไขมันกระพุ้งแก้ม การฉีดโบลดกรามเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อ จึงไม่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ เพราะในกรณีที่กรามใหญ่จากกระดูก ต้องใช้การผ่าตัดเหลากราม ส่วนกรณีกรามใหญ่เพราะไขมัน ต้องฉีดแฟต หรือดูดไขมันออก เท่านั้น
      • ใช้ตัวยาที่ไม่ได้มาตรฐาน : การฉีดโบลดกราม ต้องมั่นใจว่าเป็นโบลดกรามแท้ ผ่าน อย. เพราะหากเป็นโบลดกรามปลอม โบลดกรามที่ผสมน้ำเกลือมากเกินไป ฉีดแล้วจะไม่เห็นผลลัพธ์ และอาจทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น ปากเบี้ยว หรือ มุมปากตก

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว กับคำถามพบบ่อย

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ใช้กี่ยูนิต?

      • โดยทั่วไปการฉีดโบลดกรามจะอยู่ที่ 50-100 ยูนิต เนื่องจากกล้ามเนื้อกราม (Masseter muscle) มีความหนาและแข็งแรงกว่ากล้ามเนื้อในบริเวณอื่น ๆ การฉีดโบลดกรามจึงต้องใช้ปริมาณโบที่มากกว่า หากผู้เข้ารับบริการมีกล้ามเนื้อกรามขนาดใหญ่มาก อาจต้องใช้ถึง 200 ยูนิต เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด

       

      หลังฉีดโบกราม จะปวดกรามหรือเมื่อยกรามไหม?

      • อาการปวด หรืออาการเมื่อยบริเวณกราม เป็นผลข้างเคียงของการฉีดโบลดกรามที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับการฉีดโบลดกรามทำงานน้อยลง

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียวได้จริงไหม?

      • ฉีดโบลดกราม ช่วยให้หน้าเรียวได้จริง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคลด้วย เพราะโบลดกรามจะใช้ได้ผลดีกับบริเวณกล้ามเนื้อเท่านั้น โดยแพทย์จะประเมินว่ามีปัญหาจากจุดไหน จากกระดูก กล้ามเนื้อ หรือว่าไขมัน เพื่อแนะนำหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาดังกล่าว

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เจ็บไหม?

      • ปกติการฉีดโบลดกราม จะมีการแปะยาชาก่อนฉีด 30 นาที หลังจากนั้นยาชาจะออกฤทธิ์ ทำให้ไม่มีความรู้สึกเจ็บระหว่างฉีด แต่ในบางกรณีอาจรู้สึกตึง ๆ ระหว่างฉีดได้

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว กี่วันเห็นผล?

      • หลังจากฉีดโบลดกรามเพื่อปรับรูปหน้าเรียว ผลลัพธ์จะเริ่มปรากฏให้เห็นภายใน 1-2 สัปดาห์แรก กล้ามเนื้อบริเวณกรามจะเริ่มคลายตัว และไม่แข็งตึงเมื่อกัดฟัน โดยผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดมักปรากฏในช่วง 2-3 เดือนหลังการฉีด ทั้งนี้ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละบุคคลและการดูแลหลังฉีดอย่างเหมาะสม

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว อันตรายไหม?

      • การฉีดโบลดกราม หากฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญการ และฉีดด้วยโบลดกรามแท้ ผ่าน อย. ที่ตรวจสอบได้ ไม่เป็นอันตายอย่างแน่นอน และควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของคลินิก แพทย์ที่มีความชำนาญการ และตัวยาแท้ เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อันตราย เช่น หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว และอาจทำให้เกิดการดื้อโบลดกรามได้

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว อยู่ได้นานไหม?

      • ระยะเวลาผลลัพธ์ของโบลดกรามจะอยู่ได้นาน 5-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบลดกรามที่เลือกใช้และการดูแลตัวเองในแต่ละบุคคลอีกด้วย หากรับประทานอาหารที่ต้องเคี้ยวบ่อย ๆ กล้ามเนื้อกรามจะสามารถถูกกลับมากระตุ้นให้กลับมาทำงานเร็วขึ้นได้

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ฉีดบ่อย ๆ ได้ไหม?

      • การฉีดโบลดกราม ควรมีการเว้นระยะห่างระหว่างแต่ละครั้งอย่างเหมาะสม โดยทั่วไปแนะนำให้ฉีดห่างกันทุก 3-6 เดือน เพื่อให้กล้ามเนื้อกรามค่อย ๆ ลดขนาดลงอย่างเป็นธรรมชาติ การฉีดถี่เกินไปอาจทำให้ร่างกายดื้อต่อโบลดกราม ในขณะที่การเว้นช่วงนานเกินไป อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ต่อเนื่องและต้องใช้ปริมาณโบลดกรามมากขึ้นในครั้งถัดไป เพื่อให้เห็นผลที่ชัดเจน

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว มีผลข้างเคียงไหม?

      การฉีดโบลดกราม มีผลข้างเคียงที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติทั่วไป และสามารถหายได้เองภายใน 7 วัน มีดังนี้

      • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว อาจรู้สึกเจ็บ หรืออาการบวม มีรอยแดง 
      • หลังฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว อาจมีรอยช้ำที่เกิดจากเข็มโดนเส้นเลือด

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ทำไมเหนียงเยอะขึ้น?

      • เมื่อฉีดโบลดกรามลงบนกล้ามเนื้อกราม เมื่อกรามยุบลงไป จะทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยขึ้น และผิวหนังบริเวณลำคอเยอะขึ้น ทำให้ใบหน้าดูห้อยหย่อนคล้อยลง ในบางกรณีแพทย์จะแนะนำให้ฉีดโบลดกรามคู่กับโบลิฟกรอบหน้า จะทำให้ผิวกระชับพอดี ไม่หย่อนคล้อยลงมา นอกจากนี้หากฉีดโบด้วยเทคนิค Nefertiti lift จะช่วยลดเหนียงได้อีกด้วย

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว ทำให้ยิ้มแข็ง หรือยิ้มไม่สุด เกิดจากอะไร?

      สาเหตุของการการฉีดโบลดกรามแล้วมีอาการยิ้มแข็ง ยิ้มไม่สุด เกิดได้จากสาเหตุ ดังนี้

      • การฉีดโบลดกรามผิดตำแหน่ง
      • กล้ามเนื้อไรซอเรียสเกาะต่ำกว่าปกติ ไม่เหมือนของคนอื่นทั่วไป สามารถพบได้ 1-2%
      • ใช้ปริมาณของโบลดกรามเยอะ ยาจึงแพร่กระจายเป็นวงกว้าง ซึ่งสาเหตุนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการทยอยฉีดโบลดกราม
      • ใช้ตัวยาโบลดกรามปลอม ตัวยาที่ไม่คุณภาพทำให้ยากระจายตัวไม่สม่ำเสมอกัน

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว แล้วปากเบี้ยว เกิดจากอะไร?

      • การที่ปากเบี้ยวหลังจากฉีดโบลดกราม อาจเกิดจากการกระทบกับกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของปาก เช่น กล้ามเนื้อ Risorius หรือ Zygomaticus ซึ่งมีหน้าที่ช่วยในการยิ้มและการเคลื่อนไหวของมุมปาก เมื่อโบถูกฉีดเข้าไปใกล้บริเวณนี้ อาจทำให้กล้ามเนื้อเหล่านี้อ่อนกำลังลงและส่งผลให้มุมปากไม่สมดุลกันได้ ดังนั้นการฉีดโบลดกรามควรทำโดยแพทย์ที่มีความรู้ มีประสบการณ์ และควรเลือกใช้เทคนิคที่ระมัดระวังในการฉีด

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว แล้วแก้มห้อย เพราะอะไร?

      • การเกิดก้อนหลังการฉีดโบลดกราม เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการฉีด เนื่องจากโบจะต้องใช้เวลาทำงาน เพื่อคลายกล้ามเนื้อกรามให้มีความนิ่มขึ้น บางครั้งกล้ามเนื้อบางส่วนอาจไม่ตอบสนองทันที ซึ่งอาจรู้สึกเป็นก้อนหรือแข็งตัวเมื่อเคี้ยวอาหารหรือขยับกราม การเกิดก้อนในช่วงนี้ถือเป็นอาการชั่วคราวและจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป จนถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 2-3 สัปดาห์

       

      ฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว แล้วแก้มตอบ ปรับหน้าเรียว แล้วแก้มตอบ เพราะอะไร?

      • เป็นกรณีที่สามารถพบได้ในคนที่มีเนื้อแก้มน้อย แก้มตอบ เนื่องจากกล้ามเนื้อกรามอยู่บริเวณแนวกระดูกกรามยาวไปจนถึงบริเวณแก้มตอบ การฉีดโบลดกรามจำเป็นต้องอาศัยเทคนิคการฉีดอย่างมาก โดยแพทย์จะเน้นฉีดลดกล้ามเนื้อกรามลงแค่บริเวณส่วนล่างของกล้ามเนื้อตรงแนวกระดูกกราม รวมไปถึงใช้ปริมาณยูนิตที่เหมาะสม ไม่เยอะจนเกินไป เท่านี้ก็จะสามารถช่วยลดโอกาสเกิดแก้มตอบจากการฉีดโบลดกรามได้

       

      ทำไมฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว แล้วเป็นก้อน?

      • หลังจากการฉีดโบลดกรามเพื่อปรับหน้าเรียว บางคนอาจรู้สึกถึงการเป็นก้อนในบริเวณกราม ซึ่งเกิดจากการที่โบที่ฉีดไปยังกล้ามเนื้อกรามต้องใช้เวลาในการกระจายตัวและทำงาน โดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกที่ผลลัพธ์ยังไม่สมบูรณ์ เมื่อกล้ามเนื้อเริ่มคลายตัวและยุบลง ก้อนที่เกิดขึ้นจะค่อย ๆ ลดลงเองจนเห็นผลลัพธ์สุดท้ายใน 2-4 สัปดาห์หลังการฉีด

       

      การฉีดโบลดกราม ปรับหน้าเรียว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวยขึ้น อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่มีกล้ามเนื้อบริเวณกรามใหญ่ นอกจากการฉีดโบลดกรามเพื่อปรับให้รูปหน้าเรียวเล็กแล้ว ยังมีการฉีดโบลิฟกรอบหน้า เพื่อให้ใบหน้าดูเรียวกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้นได้เช่นกัน ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจเลือกฉีดโบลดกราม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพใบหน้า และเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีจากการฉีดโบลดกราม

      ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ก่อนฉีดต้องรู้อะไรบ้าง?

      ฉีดโบหน้าผากต้องรู้อะไรบ้าง

      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




        วันที่สะดวกในการติดต่อ








        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น ก่อนฉีดต้องรู้อะไรบ้าง?

         

        เมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้น ปัญหาผิวที่คนส่วนมากต้องพบเจอคือ ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณหน้าผาก เป็นหนึ่งในปัญหาริ้วรอยที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน นอกจากนี้ยังเกิดจากการแสดงสีหน้า จนทำให้เกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ขึ้น เมื่อเกิดริ้วรอยบนหน้าผาก ทำให้ใบหน้าไม่สดใส ดูมีอายุ หมดความมั่นใจ ซึ่งวิธีแก้ไขปัญหาริ้วรอยที่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด คือ การฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย 

         

        ในบทความนี้รมย์รวินท์คลินิกจะมาแนะนำเรื่องของการฉีดโบหน้าผากว่า การฉีดโบหน้าผากคืออะไร ฉีดโบหน้าผากช่วยอะไร ก่อนและหลังฉีดโบหน้าผากต้องดูแลตัวเองอย่างไร รวมทุกเรื่องของการฉีดโบหน้าผากที่ต้องรู้ก่อนฉีด

         

        ฉีดโบหน้าผาก ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ฉีดครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้าง 

         

        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย คืออะไร?

         

        การฉีดโบหน้าผาก คือ การฉีดสารโออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียชื่อ คลอสตริเดียม โบลูทินัม เข้าไปออกฤทธิ์เพื่อยับยั้งเซลล์ประสาทไม่ให้ผลิตสาร อะซีติลโคลีน เป็นสารที่ทำหน้าที่สั่งให้กล้ามเนื้อยืดและหด ส่งผลลัพธ์ให้กล้ามเนื้อคลายตัวชั่วคราว เมื่อฉีดโบลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก จะไม่เกิดริ้วรอยย่น เวลาแสดงสีหน้า เช่น ขมวดคิ้ว เลิกคิ้ว เป็นต้น ทำให้ผิวบริเวณหน้าผากเรียบเนียนขึ้น

        ข้อดีของการฉีดโบหน้าผาก
        ข้อดีของการฉีดโบหน้าผาก

        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ดีอย่างไร?

        • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย เป็นหัตถการที่แก้ไขปัญหาริ้วรอยได้อย่างตรงจุด และช่วยลดริ้วรอยบริเวณอื่น ๆ ได้ เช่น หางตา รอยขมวดระหว่างคิ้ว
        • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ช่วยให้บริเวณหน้าผากเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น
        • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย สามารถชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคต
        • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ใช้เวลาทำไม่นาน ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีรอยแผล
        • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายเดือน และสามารถกลับมาฉีดซ้ำได้

         

        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

        • ฉีดโบหน้าผาก ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณหน้าผากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
        • ฉีดโบหน้าผาก ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยบริเวณหน้าผากในอนาคต
        • ฉีดโบหน้าผาก ช่วยแก้ปัญหาร่องพับ ร่องลึก ที่เกิดจากการแสดงสีหน้า
        • ฉีดโบหน้าผาก ช่วยลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว หน้าผาก และลดรอยหางตาได้

         

        ฉีดโบหน้าผากเหมาะกับใคร
        ฉีดโบหน้าผากเหมาะกับใคร

        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย เหมาะกับใคร?

        • ฉีดโบหน้าผาก เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยหน้าผาก เมื่อแสดงสีหน้าจะเห็นริ้วรอยชัด
        • ฉีดโบหน้าผาก เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยร่องลึกบริเวณหน้าผากชัดเจน แม้เวลาไม่ได้แสดงสีหน้า
        • ฉีดโบหน้าผาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยหน้าผาก โดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า
        • ฉีดโบหน้าผาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์หลังฉีดรวดเร็ว
        • ฉีดโบหน้าผาก เหมาะกับผู้ที่ไม่อยากมีริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ต้องการป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคต

         

        ฉีดโบหน้าผาก ไม่เหมาะกับใคร?

        • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
        • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีอาการแพ้โบลดริ้วรอย
        • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับ ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
        • ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ไม่เหมาะกับ ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบ หรือติดเชื้อในบริเวณที่ต้องการฉีด

        ริ้วรอยหน้าผากเกิดจากอะไร
        ริ้วรอยหน้าผากเกิดจากอะไร

         

        ริ้วรอยย่นบนหน้าผาก เกิดจากอะไร?

        ปัญหาของริ้วรอยย่นบนหน้าผาก เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักของปัญหานี้ คือ อายุที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนและชั้นไขมันเสื่อมสภาพ หรือ มีปริมาณของคอลลาเจนและไขมันลดน้อยลง จึงทำให้เกิดรอยย่น หรือรอยพับ จากการแสดงสีหน้า นอกจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพจนเกิดริ้วรอยก่อนวัย ดังนี้

        • การสูบบุหรี่ : ในบุหรี่มีสารที่เรียกว่า นิโคติน ซึ่งสารนี้ทำให้การไหลเวียนของเลือดช้าลง ทำให้ผิวบาง ผิวแห้ง และผิวหย่อนยาน จนทำให้เกิดริ้วรอยได้
        • การดื่มแอลกอฮอล์ : ทำให้ร่างกายขาดวิตามินบี ส่งผลเสียต่อผิวพรรณ เนื่องจากผิวมีความต้องการวิตามินบี การขาดวิตามินบีจะทำให้ผิวพรรณแห้งและเหี่ยวง่าย
        • รังสียูวีเอจากแสงแดด : ทำให้เซลล์เนื้อเยื่อของผิว หรือ คอลลาเจน เสื่อมสภาพเร็ว 

         

        วิธีแก้ปัญหาริ้วรอยย่นบนหน้าผากมีอะไรบ้าง?

         

        การแก้ปัญหาริ้วรอยย่นบนหน้าผาก ให้มีความเรียบเนียนขึ้นสามารถแก้ไขได้หลายวิธี ทั้งวิธีธรรมชาติ และวิธีการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งการฉีดโบหน้าผาก เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับแรก เพราะสามารถแก้ปัญหาริ้วรอยได้อย่างตรงจุด ส่วนวิธีแก้ปัญหาริ้วรอยบนหน้าผาก มีดังนี้

         

        • การลดริ้วรอยย่นบนหน้าผากแบบธรรมชาติ

        การลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผากแบบธรรมชาติ เป็นเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า ด้วยการมาสก์หน้าจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้ แตงกวา น้ำผึ้ง เป็นต้น ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้นและลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ โดยแนะนำให้มาสก์ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออก ซึ่งวิธีนี้จะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งหรือริ้วรอยเล็ก ๆ เท่านั้น 

         

        • การลดริ้วรอยย่นบนหน้าผาก ด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

        เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดริ้วรอยหน้าผากให้ลดน้อยลง ผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยต่อต้านริ้วรอย ลดริ้วรอย มักมีส่วนผสมของสารโคเอนไซม์ คิวเทน, กรดไฮยาลูรอน, ซาโปนิน และเพนทาเปปไทด์ เป็นสารสำคัญในผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเน้นการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ และต้องการบำรุงผิวหน้า

         

        • การลดริ้วรอยย่นบนหน้าผาก ด้วยแผ่นแปะมาสก์หน้าผาก

        การแปะแผ่นมาสก์หน้าผาก เหมาะกับผู้ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว สามารถใช้แผ่นมาสก์แปะหน้าผากขณะหลับโดยไม่เสียเวลา ซึ่งแผ่นมาสก์หน้าผาก สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยย่นโดยการบังคับกล้ามเนื้อหน้าผาก ไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหว  โดยแปะมาสก์หน้าผากทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง

         

        • การฉีดฟิลเลอร์ลดริ้วรอยย่นบนหน้าผาก

        การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ลดริ้วรอยย่นยับ คือการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอน มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บน้ำในชั้นผิวหนัง เพิ่มความยืดหยุ่นใต้ผิวหนัง ช่วยลดเลือนริ้วรอย และผิวเรียบเนียนขึ้นได้ นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ยังช่วยแก้ปัญหา หน้าผากแบน หน้าผากยุบ หน้าผากบุ๋ม เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่อยากมีแผล และต้องการเติมเต็มร่องลึกที่เกิดจากการยุบตัวของบริเวณหน้าผาก สามารถเห็นผลลัพธ์ทันที เป็นวิธีการลดริ้วรอย และเติมเต็มหน้าผากที่อยู่ได้นาน 1 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์และการดูแลตัวเองในแต่ละบุคคล

         

        • เครื่องยกกระชับ ลดริ้วรอยย่นบนหน้าผาก

        เครื่องมือยกกระชับหย่อนคล้อย ที่สามารถลดเลือนริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รวมถึงริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา ระหว่างคิ้ว ร่องแก้ม ร่องมุมปาก เหนียง ลำคอ รวมถึงช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น หลังทำยกกระชับจะเห็นผลลัพธ์ทันที 20-30% หลังจากนั้น 2-3 เดือนจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนเต็มที่ เหมาะกับคนที่ต้องการยกกระชับแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น

         

        • การศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ลดริ้วรอยย่นบนหน้าผาก

        การผ่าตัดศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า เป็นการผ่าตัดยกหนังหน้าผากและคิ้วขึ้นไปบริเวณตำแหน่งที่เหมาะสม โดยเป็นการผ่าตัดหนังศีรษะส่วนเกิน และตัดแต่งกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยย่นบนหน้าผากและหัวคิ้วออก หรือใช้วัสดุทางการแพทย์ ที่มีลักษณะเป็นหมุดขนาดเล็ก ยึดกับผิวหนัง ลดริ้วรอย โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดหนังศีรษะ เหมาะกับผู้ที่ต้องการดึงหน้าเพื่อความอ่อนเยาว์แบบถาวร

        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อไหนดี?

         

        โบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Allergan

         

        เป็นแบรนด์แรกที่นำการฉีดโบมาใช้ในวงการแพทย์ เพื่อการรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท ก่อนที่จะถูกนำมาใช้เพื่อความงามในการลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า และลดกราม โดยมีการรับรองจาก U.S. FDA ซึ่งยืนยันถึงความปลอดภัย ซึ่งโบหน้าผากยี่ห้อ Allergan ผลิตโดยบริษัท Allergan จากประเทศสหรัฐอเมริกา โบยี่ห้อนี้มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% ซึ่งถือว่าเป็นระดับความบริสุทธิ์ที่สูงที่สุด เมื่อเทียบกับโบยี่ห้ออื่น ๆ ทำให้เหมาะสำหรับการลดริ้วรอยบนใบหน้า และปรับรูปหน้าให้เรียวเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้สามารถอยู่ได้นาน 6-8 เดือน 

         

        จุดเด่นของโบหน้าผาก ยี่ห้อ Allergan

         

        •  มีความบริสุทธิ์สูงมากถึง 99.5%
        • โอกาสดื้อโบลดริ้วรอยน้อย
        • ยากระจายตัวแคบ ออกฤทธิ์ได้อย่างแม่นยำ

         

        โบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Aestox

         

        โบหน้าผากยี่ห้อ Aestox เป็นโบหน้าผากจากประเทศเกาหลี ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก KFDA (อย. เกาหลี) และมีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% จุดเด่นของโบหน้าผากยี่ห้อ Aestox คือผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ เมื่อเทียบกับโบอื่น ๆ ของเกาหลี การฉีดโบหน้าผาก Aestox ต่อเนื่องจะช่วยให้ผลลัพธ์การรักษาครั้งถัดไปมีความคงทนมากขึ้น และปริมาณที่ต้องการฉีดลดลง ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพสูงขึ้นในระยะยาว

         

        จุดเด่นของโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Aextox

        • มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5%
        • โอกาสดื้อโบหน้าผากน้อย
        • ออกฤทธิ์ได้ไวและมีความอ่อนโยน
        • หลังฉีดเห็นผลลัพธ์ไว

        โบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Dysport

        ผลิตจากประเทศอังกฤษ มีโมเลกุลขนาดเล็ก จุดเด่นคือตัวยามีการกระจายวงกว้าง เมื่อฉีดเข้าไปในบริเวณกล้ามเนื้อ จะไม่รวมตัวกันอยู่ในพื้นที่แคบ เหมาะกับการฉีดเพื่อลิฟกรอบหน้า หรือฉีดยกกระชับด้วยเทคนิค Dermolift และสามารถฉีดบริเวณกล้ามเนื้อมัดใหญ่ได้ เช่น ฉีดโบลดต้นแขน ฉีดโบลดน่อง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน 

         

        จุดเด่นของโบหน้าผาก ยี่ห้อ Dysport

         

        • มีความบริสุทธิ์สูง
        • โอกาสดื้อโบลดริ้วรอยน้อย
        • ยากระจายตัวกว้าง ไม่ทำให้หน้าแข็งจนเกินไป

         

        โบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Xeomin 

         

        ผลิตโดยบริษัท MERZ PHARMA GMBH & CO. KGaA จากประเทศเยอรมนี มีโมเลกุลขนาดเล็กเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เพราะใช้กระบวนการผลิต XTRACT Technology™ ในการกำจัดโปรตีนที่ไม่จำเป็นออก ทำให้ขนาดโมเลกุลมีขนาดเล็กลง ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน

         

        จุดเด่นของโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อ XEOMIN 

        • มีความบริสุทธิ์สูง
        • ใช้เทคโนโลยีเฉพาะ XTRACT Technology
        • สามารถฉีดในเคสดื้อโบลดริ้วรอยตัวอื่น ๆ ได้
        • โอกาสดื้อโบลดริ้วรอยน้อย
        • ยากระจายตัวดี ฉีดแล้วไม่ตึงจนเกินไป

         

        โบหน้าผาก ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Nabota

         

        เป็นโบหน้าผากจากประเทศเกาหลีใต้ ผลิตโดยบริษัท DAEWOONG และเป็นโบจากเกาหลียี่ห้อเดียวที่ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA ตั้งแต่ปี 2018 ด้วยการพัฒนาให้มีการออกฤทธิ์ที่รวดเร็ว และมีความบริสุทธิ์สูง ทำให้เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงหลังการฉีดอย่างชัดเจน แม้ผลลัพธ์จะไม่ยาวนานเท่าโบจากอเมริกา ซึ่งโบหน้าผากยี่ห้อ Nabota เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน

         

        จุดเด่นของโบหน้าผาก ยี่ห้อ Nabota

         

        • มีความบริสุทธิ์สูง 98.7%
        • มีการใช้เทคโนโลยีเฉพาะ HI-PURE Technology
        • มีโอกาสดื้อโบลดริ้วรอยน้อย
        • ยาออกฤทธิ์ไว

         

        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย การดูแลตัวเองก่อน-หลังอย่างไร?

         

        เตรียมตัวก่อนฉีดโบหน้าผาก
        เตรียมตัวก่อนฉีดโบหน้าผาก

         

        การดูแลตัวเองก่อนฉีดโบหน้าผาก

        • ก่อนฉีดโบหน้าผาก ควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับการฉีดโบหน้าผาก
        • ก่อนฉีดโบหน้าผาก ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัย
        • ก่อนฉีดโบหน้าผาก ควรใช้โบหน้าผากแท้ ผ่านการรับรองจาก อย. เท่านั้น
        • ก่อนฉีดโบหน้าผาก ควรงดยาในกลุ่มที่ลดการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาแก้ปวด เป็นต้น
        • ก่อนฉีดโบหน้าผาก งดสครับหน้า 2-3 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงของอาการเขียวช้ำ
        • ก่อนฉีดโบหน้าผาก หากมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

         

        ขั้นตอนการฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย

        • ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินสภาพผิว และปัญหาของแต่ละบุคคล
        • แพทย์จะเลือกยี่ห้อของโบลดหน้าผาก ให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล
        • แพทย์จะเริ่มฉีดโบหน้าผากในตำแหน่งที่ต้องการรักษา โดยใช้ระยะเวลา 30 นาทีโดยประมาณ
        • หลังจากแพทย์ฉีดโบหน้าผากเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะแนะนำข้อควรปฏิบัติตัวดูแลตัวเองหลังฉีดโบหน้าผาก ทั้งนี้ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อคงผลลัพธ์ให้นานที่สุด

         

        ดูแลตัวเองหลังฉีดโบหน้าผาก
        ดูแลตัวเองหลังฉีดโบหน้าผาก

         

        การดูแลตัวเองหลังฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย

        • หลังฉีดโบหน้าผาก ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด 1-2 ครั้ง จะทำให้ตัวยาที่ฉีดเข้าไปกระจายได้ทั่วกล้ามเนื้อหน้าผาก
        • หลังฉีดโบหน้าผาก ห้ามนอนราบ ห้ามนอนตะแคง และห้ามก้มหน้า 3-4 ชั่วโมง
        • หลังฉีดโบหน้าผาก หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ส่งผลให้หน้าแดง เช่น ปั่นจักรยาน คาร์ดิโอ วิ่ง เป็นต้น
        • หลังฉีดโบหน้าผาก หลีกเลี่ยงการโดนความร้อนทุกชนิด เช่น การทำซาวน่า การใช้น้ำอุ่นล้างหน้า ประมาณ 2-4 สัปดาห์หลังฉีดโบหน้าผาก
        • หลังฉีดโบหน้าผาก งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ 
        • หลังฉีดโบหน้าผาก งดการกด การนวด หรือการถู บริเวณที่ฉีด เพราะจะทำให้ตัวยากระจายไปยังกล้ามเนื้อบริเวณอื่น
        • หลังฉีดโบหน้าผาก สามารถทำความสะอาดใบหน้าและใช้ครีมบำรุงผิวหน้าได้ตามปกติ
        • หลังฉีดโบหน้าผาก งดอาหารหมักดอง อาหารรสจัด เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์
        • หลังฉีดโบหน้าผาก หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด  ควรทาครีมกันแดด SPF 50 PA+++ก่อนออกข้างนอกทุกครั้ง
        • หลังฉีดโบหน้าผาก ควรฉีดโบหน้าผากต่อเนื่องในระยะเวลาที่เหมาะสม แต่ควรเว้นระยะห่าง 3 เดือน เป็นอย่างต่ำ ไม่ควรฉีดถี่จนเกินไป

         

        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย กับคำถามพบบ่อย

         

        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย ใช้กี่ยูนิต?

         

        • การฉีดโบหน้าผาก จะใช้โบหน้าผากประมาณ 30 ยูนิต โดยในแต่ละเคสอาจใช้ปริมาณของการฉีดโบหน้าผากไม่เท่ากัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาริ้วรอยในแต่ละบุคคล 

         

        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย เจ็บไหม?

         

        • ก่อนฉีดโบหน้าผาก สามารถเลือกได้ว่าต้องการแปะยาชาหรือไม่ ในกรณีที่เลือกแปะยาชานั้น จะต้องแปะยาชาทิ้งไว้ก่อนฉีดประมาณ 30-45 นาที และจะมีการประคบเย็นก่อนฉีด เพื่อช่วยบรรเทาอาการเจ็บจากการฉีดโบหน้าผาก

         

        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย กี่วันเห็นผลลัพธ์?

         

        • ปกติการฉีดโบหน้าผาก ผิวจะเริ่มตึงขึ้นในช่วง 3-4 วัน และเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงชัดเจนหลังฉีด ใช้ระยะเวลา 1-2 สัปดาห์

         

        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย อยู่ได้นานกี่เดือน?

         

        ผลลัพธ์จากการฉีดโบหน้าผาก จะอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของโบที่เลือกใช้ รวมถึงการดูแลหลังการฉีด เมื่อฤทธิ์ของโบเริ่มหมด สามารถฉีดซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานขึ้น โบจะสลายไปเองตามธรรมชาติ 100% โดยไม่เหลือสารตกค้างในร่างกาย ทำให้เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการลดเลือนริ้วรอยหน้าผาก

        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย อันตรายไหม?

         

        การฉีดโบหน้าผากต้องฉีดในบริเวณที่ใกล้ส่วนสำคัญของใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณดวงตา เพราะฉะนั้นการฉีดโบหน้าผากจำเป็นต้องฉีดกับแพทย์ที่มีความชำนาญการเท่านั้น ซึ่งหลักการฉีดโบหน้าผากที่ปลอดภัย มีดังนี้

        • เลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัย และมีความน่าเชื่อถือ มีทีมแพทย์ที่ความชำนาญการสูง และสถานที่ตั้งของคลินิกหรือสถานพยาบาลต้องมีความสะอาด อยู่ในจุดที่สังเกตได้ง่าย
        • เลือกแพทย์ที่มีความชำนาญการด้านการฉีดโบหน้าผาก แพทย์ต้องสามารถประเมินกล้ามเนื้อบริเวณที่ต้องการฉีดได้ หากฉีดไม่ตรงจุดอาจจะเห็นผลลัพธ์ช้าและอยู่ได้สั้นลง รวมไปถึงควรหลีกเลี่ยงเทคนิคของการฉีดที่ไม่ได้เข้าไปในกล้ามเนื้อโดยตรง เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการดื้อยาได้ 
        • ตรวจสอบโบหน้าผากแท้หรือไม่ ก่อนฉีดโบหน้าผาก ควรศึกษาวิธีตรวจสอบโบหน้าผากแท้ไว้เบื้องต้น เพื่อตรวจสอบให้มั่นใจว่าโบหน้าผากที่เลือกนำมาฉีดนั้นเป็นโบหน้าผากแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย. 

         

        ฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย มีผลข้างเคียงไหม?

         

        หลังจากการฉีดโบหน้าผาก จะมีผลข้างเคียงเล็กน้อย ซึ่งไม่เป็นอันตราย แต่บางคนอาจมีผลข้างเคียงที่ไม่ปกติ หากไม่ได้ฉีดโบหน้าผากที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยผลข้างเคียงปกติและผลข้างเคียงผิดปกติของการฉีดโบหน้าผาก มีดังนี้

         

         ผลข้างเคียงปกติ

        • หลังฉีดโบหน้าผากจะรู้สึกตึง ๆ บริเวณที่ฉีด 
        • มีรอยแดง รอยเขียวช้ำ บริเวณที่ฉีด เป็นรอยช้ำเข็มที่สามารถพบได้โดยทั่วไป 

         

        ผลข้างเคียงที่ผิดปกติ

        • หากฉีดโบหน้าผากแล้วรู้สึกเจ็บหรืออักเสบในบริเวณที่ฉีด หรือมีอาการบวมแดง ติดเชื้อ อาการนี้เกิดได้จากโบหน้าผากที่ไม่ได้มาตรฐาน
        • ใบหน้าดูหน้าแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ ขยับใบหน้าได้ลำบาก เกิดจากการใช้ปริมาณโบหน้าผากมากเกินความเหมาะสม ในบางกรณีอาจมีอาการปวดหัวร่วมด้วย

         

        หลังฉีดโบหน้าผาก ลดริ้วรอย มีอาการอะไรบ้าง?

         

        • โดยปกติทั่วไปอาการหลังจากฉีดโบหน้าผาก อาจมีความรู้สึกตึงเล็กน้อย นับเป็นอาการปกติ แต่ในบางรายอาจมีอาการปวดหัว อาการนี้อาจเกิดจากการแพ้โบลดริ้วรอย ซึ่งมักพบได้น้อยมาก หากมีอาการดังกล่าวควรอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ในกรณีที่หลังฉีดโบหน้าผากแล้วรู้สึกตึงมากจนเกินไป อาจเกิดจากการที่แพทย์ใช้ปริมาณของโบลดริ้วรอยมากเกินไป เพราะฉะนั้นควรฉีดโบหน้าผากกับแพทย์ที่มีความชำนาญการเท่านั้น

         

        ฉีดโบหน้าผากแล้วปวดหัว เกิดจากอะไร?

         

        • ในบางกรณีฉีดโบหน้าผากอาจมีอาการปวดหัวได้ ซึ่งอาการนี้เกิดจากการแพ้โบหน้าผาก ควรได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

         

        ฉีดโบหน้าผากตึงมากเกินไป ทำอย่างไร?

         

        • การฉีดโบหน้าผากจนตึงเกินไป อาจเกิดจากการที่แพทย์ใช้ปริมาณโบหน้าผากมากเกินไป ควรเลือกฉีดโบหน้าผากกับแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น เพื่อการคำนวณปริมาณของโบหน้าผากที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล

         

        เสริมหน้าผากมา สามารถฉีดโบหน้าผากได้ไหม?

         

        • กรณีคนที่เสริมหน้าผากมาจนหายดีปกติแล้ว สามารถฉีดโบหน้าผากได้ เนื่องจากการฉีดโบหน้าผากจะฉีดเข้าไปบริเวณชั้นกล้ามเนื้อที่อยู่บนผิวหนังชั้นตื้น ซึ่งเป็นคนละชั้นกับซิลิโคนหน้าผาก ซึ่งการฉีดโบหน้าผากไม่ได้ฉีดลงลึกไปถึงชั้นซิลิโคน

         

        สรุปเรื่องของโบหน้าผาก ลดริ้วรอย

         

        ปัญหาของการเกิดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น และเกิดจากการแสดงสีหน้า จนทำให้เกิดรอยพับและริ้วรอยบริเวณหางตา การฉีดโบหน้าผากจึงเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอยหางตา รวมไปถึงช่วยทำให้รูขุมขนกระชับมากขึ้นอีกด้วย

         

        สำหรับใครที่กำลังต้องการฉีดโบหน้าผาก ควรหาศึกษาข้อมูลของคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับการฉีดโบหน้าผากทั้งหมด เนื่องจากการฉีดบริเวณหน้าผากใกล้กับจุดสำคัญอย่างเช่น บริเวณดวงตา เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจเลือกฉีดโบหน้าผาก ควรปรึกษากับแพทย์ผู้มีความรู้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด

        ฉีดโบหางตา ช่วยอะไรบ้าง ดียังไง ตาแข็งจริงไหม

        โบหางตา แก้ปัญหาริ้วรอยโดยไม่ต้องผ่าตัด

        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




          วันที่สะดวกในการติดต่อ








          ฉีดโบหางตา แก้ปัญหาริ้วรอยหางตา เห็นผลลัพธ์ชัดเจน แบบไม่ต้องผ่าตัด

          ปัญหาริ้วรอยรอบบริเวณดวงตา และริ้วรอยหางตา เป็นปัญหาที่ใครหลายคนต้องเจอเมื่อมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น ในบางกรณีมีปัญหาถุงใต้ตาร่วมด้วย ยิ่งทำให้ใบหน้าดุ และใบหน้าดูมีอายุมากกว่าเดิม ซึ่งวิธีแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาและหางตาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ “การฉีดโบหางตา” เป็นหัตถการที่ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด เกิดการคลายตัวชั่วคราว ช่วยรักษาริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา รวมไปถึงริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา และริ้วรอยหางตา ซึ่งเห็นผลลัพธ์ภายใน 5-7 วัน 

           

          ในบทความนี้จะมาแนะนำเรื่องของการฉีดโบหางตา เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่อยากยกหางตา แก้ปัญหาริ้วรอย พร้อมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการฉีดโบหางตาทั้งหมด ที่ทุกคนจำเป็นต้องรู้ก่อนฉีด

           

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอยรอบดวงตา แก้ตาตก เห็นผลลัพธ์ชัดเจน 

           

          ฉีดโบหางตา ยกหางตา ลดริ้วรอย คืออะไร?

           

          การฉีดโบหางตา เป็นหัตถการที่ใช้สารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อในการลดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา โดยเฉพาะรอยหางตาและริ้วรอยเล็ก ๆ ที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเมื่ออายุมากขึ้น สารของโบจะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้ริ้วรอยลดลงและผิวดูเรียบตึงขึ้น 

           

          ริ้วรอยหางาเกิดจากอะไร
          ริ้วรอยหางาเกิดจากอะไร

           

          ริ้วรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา รอยหางตา เกิดจากอะไร?

          สาเหตุส่วนใหญ่ของปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา มาจากคอลลาเจน อีลาสติน และกรดไฮยาลูรอนิกในผิวนั้นลดลง และสารต้านอนุมูลอิสระทำลายเซลล์ผิว ทำให้ผิวเริ่มเสื่อมและหย่อนคล้อยลง ซึ่งเกิดจากการสะสมของน้ำและไขมันที่มากขึ้น

           

          ปัญหาริ้วรอยหางตา ริ้วรอยรอบดวงตา อาจไม่ได้เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเดียว แต่อาจเกิดได้จากปัจจัยอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น พฤติกรรมที่ชอบขยี้ตาแรง ๆ  การแสดงอารมณ์ทางสีหน้า รวมไปถึงผิวหนังที่ถูกทำลายด้วยแสงแดดและการสูบบุหรี่

           

          นอกจากนี้ การระคายเคืองของผิวหนังรอบดวงตา อาการภูมิแพ้จากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ล้วนแต่จะมีส่วนที่ทำให้เกิดริ้วรอยรอบดวงตาได้ชัดเจนมากขึ้น แต่ในกรณีที่มีริ้วรอยรอบดวงตาที่เกิดจากการทรุดตัวของกระดูก จนทำให้มองเห็นเบ้าตาลึก ตาโหล มีร่องใต้ตา ซึ่งปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบหางตาอย่างเดียว จำเป็นต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อเข้าไปช่วยปรับใบหน้าโดยรวม ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ 

           

           

          โบหางตา ช่วยลดริ้วรอยได้อย่างไร?

           

          เมื่อฉีดโบหางตา แพทย์จะทำการฉีดตัวยาเข้าไปสู่บริเวณกล้ามเนื้อส่วนที่ต้องการ โดยตัวยาแยกออกเป็น 2 ส่วน

          1. ส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าไปเก็บไว้ในเซลล์ประสาท เป็นส่วนที่จะเข้าไปออกฤทธิ์กับระบบประสาท
          2. ส่วนที่ไม่ถูกดูดซึม เป็นส่วนที่ไปตามกระแสของเลือด และถูกขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์อื่น ๆ ในเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังฉีดโบ

           

          เมื่อฉีดโบหางตา ส่วนของตัวยาที่ถูกดูดซึมเข้าไปในเซลล์ประสาท โดยจะเข้าไปออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อไม่ได้ทำงาน ทำให้ไม่มีการดึงรั้งผิวหนังชั้นบนให้ย่นหรือพับ ช่วยลดริ้วรอยได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นการฉีดโบหางตาตั้งแต่อายุน้อย จะช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้ไม่เกิดรอยพับ หรือรอยย่น ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ดีกว่าคนที่ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ในตอนที่อายุเยอะแล้ว

           

           

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ฉีดตำแหน่งไหน?

           

          ตำแหน่งในการฉีดโบหางตา ในแต่ละบุคคลนั้นอาจจะไม่เหมือนกัน เนื่องจากในแต่ละบุคคลมีลักษณะปัญหาที่แตกต่างกัน แพทย์จะทำการประเมินเบื้องต้นก่อน ถึงจะกำหนดตำแหน่งของการฉีดโบหางตาได้ โดยทั่วไปตำแหน่งที่ฉีดหลัก ๆ ดังนี้

          1. บริเวณหางตา : จุดฉีดโบหางตาสำหรับลดริ้วรอยหางตา ลดรอยพับหางตา
          2. บริเวณหน้าผาก : จุดฉีดโบหน้าผากสำหรับลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก
          3. บริเวณระหว่างคิ้ว : จุดฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว

          สำหรับกรณีที่มีปัญหาหางตาตก หางคิ้วตก แพทย์จะทำการฉีดโบคลายกล้ามเนื้อทั้ง 3 บริเวณให้ทำงานน้อยลง เพื่อจำกัดพื้นที่ตรงกลางระหว่างกล้ามเนื้อหน้าผาก และกล้ามเนื้อตา ซึ่งการฉีดโบเพื่อล็อกพื้นที่ทั้ง 3 บริเวณนี้ จำเป็นต้องฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น

           

          โบหางตา ช่วยอะไร
          โบหางตา ช่วยอะไร

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ช่วยอะไร?

          • ฉีดโบหางตา ช่วยลดริ้วรอยย่นใต้ตา และบริเวณหางตา
          • ฉีดโบหางตา ช่วยให้ดวงตาดูกลมโตขึ้น ใบหน้าสดใสกว่าเดิม
          • ฉีดโบหางตา ปรับรูปทรงตาให้ดูเฉี่ยว
          • ฉีดโบหางตา ช่วยยกหางตาตก แก้ปัญหาตาตก
          • ฉีดโบหางตา ช่วยปรับโหงวเฮ้งให้ดูดีขึ้น

           

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย เหมาะกับใคร?

          • ฉีดโบหางตา เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาหนังตาตก ผิวบริเวณดวงตาหย่อนคล้อย 
          • ฉีดโบหางตา เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา 
          • ฉีดโบหางตา เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณใต้ตา
          • ฉีดโบหางตา เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับใบหน้าให้สดใสมากขึ้น
          • ฉีดโบหางตา เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจเวลาแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ 

           

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร?

          • ฉีดโบหางตาแก้ ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย และมีความปลอดภัยสูง
          • ฉีดโบหางตา ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
          • ฉีดโบหางตา สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าให้อ่อนเยาว์ขึ้น
          • ฉีดโบหางตา สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว

           

          ข้อเสียของการฉีดโบหางตา

          • ฉีดโบหางตา ผลลัพธ์อยู่ไม่ถาวร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบหางตาที่เลือกใช้
          • การฉีดโบหางตา หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ หรือแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ อาจเกิดผลข้างเคียง หรือผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ

           

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อไหนดี?

          การเลือกโบยกหางตา ลดริ้วรอย เป็นเรื่องที่สำคัญ เนื่องจากมีหลายยี่ห้อที่มีคุณสมบัติและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน โดยในปัจจุบันมีโบยกหางตาที่ได้รับการรับรองจากอย.ไทยมากมาย เช่น Allergan, Dysport, Nabota และ Aestox เป็นต้น ซึ่งแต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นเฉพาะตัวที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้แตกต่างกันไป ดังนี้

           

          โบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Allergan (โบสหรัฐอเมริกา)

           

          Allergan เป็นบริษัทต้นตำรับของโบลดริ้วรอย ที่มีงานวิจัยรองรับยาวนานที่สุด กว่า 3,500 งานวิจัย ตั้งแต่ปี 1989 เป็นโบลดริ้วรอยที่ผ่านการพัฒนา เพื่อลดโอกาสดื้อโบลดริ้วรอยน้อยที่สุด ทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดดีที่สุดเมื่อเทียบกับโบลดริ้วรอยยี่ห้ออื่น 

          จุดเด่นของโบหางตา ลดริ้วรอย Allergan ให้ผลลัพธ์การรักษาที่แม่นยำที่สุด ยากระจายตัวแคบที่สุด ทำให้แพทย์สามารถคาดคะเนการออกฤทธิ์ของโบลดริ้วรอยได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

           

          โบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Dysport (โบอังกฤษ)

           

          โบหางตา ลดริ้วรอย จากประเทศอังกฤษ ที่เน้นการพัฒนาตัวยาเพื่อลดโอกาสในการดื้อโบลดริ้วรอยน้อยลง และช่วยให้ตัวยาออกฤทธิ์ได้เร็วขึ้น จุดเด่นของโบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Dysport คือ ทำให้ตัวยากระจายตัวได้อย่างทั่วถึง ยามีความกระจายตัว

           

          ซึ่งโบหางตายี่ห้อ Dysport มีโมเลกุลที่เล็กกว่าโบหางตาบางยี่ห้อ ทำให้สามารถกระจายตัวได้กว้างและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวบริเวณหางตา และลดเลือนริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพ

           

          โบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Aestox (โบเกาหลี)

           

          โบหางตา ลดริ้วรอย จากประเทศเกาหลี ที่ได้รับการรับรองจากมาตรฐาน อย.เกาหลี (KFDA) มีความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5% จุดเด่นของโบหางตา ลดริ้วรอยยี่ห้อ Aestox คือ ผลลัพธ์จะมีความเป็นธรรมชาติ เมื่อเทียบกับกลุ่มโบยี่ห้ออื่น ๆ จากประเทศเกาหลี เมื่อฉีดโบหางตา ลดริ้วรอยต่อเนื่อง จะช่วยให้ผลลัพธ์การฉีดครั้งต่อไปอยู่ได้นานมากขึ้น

           

          โบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Xeomin (โบเยอรมัน)

           

          โบหางตา ลดริ้วรอย จากประเทศเยอรมนี ที่พัฒนาเอาข้อดีของ Allergan กับ Dysport มารวมกัน โดยคุณสมบัติต่าง ๆ นั้น จะอยู่กึ่งกลางระหว่างสหรัฐอเมริกากับอังกฤษ คือมีความบริสุทธิ์สูง ตัวยากระจายตัวกว้าง ทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่แสดงว่าโบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Xeomin ได้ผลลัพธ์ดีในเคสที่ดื้อโบลดริ้วรอย ซึ่งเคสนั้นต้องหยุดการฉีดโบมาแล้วอย่างน้อย 2-3 ปี

           

          โบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Nabota (โบเกาหลี)

           

          โบหางตา ลดริ้วรอย จากประเทศเกาหลี เป็นโบยี่ห้อแรกและยี่ห้อเดียว ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USFDA) และอย. ไทย มีความบริสุทธิ์สูงถึง 98.7% ทำให้มีความปลอดภัยและลดโอกาสในการดื้อยา ซึ่งโบหางตา ลดริ้วรอย ยี่ห้อ Nabota มีคุณสมบัติเด่นในการลดริ้วรอยรอบดวงตาและหางตาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 3-7 วันหลังการฉีด และผลลัพธ์จะชัดเจนขึ้นในระยะเวลา 14 วัน

           

          เตรียมตัวก่อนฉีดโบหางตา
          เตรียมตัวก่อนฉีดโบหางตา

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย เตรียมตัวก่อนฉีดอย่างไร?

          • ก่อนฉีดโบหางตา งดสครับใบหน้าและขัดหน้า เป็นเวลา 2-3 วัน
          • ก่อนฉีดโบหางตา หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ อย่างน้อย 3-7 วัน
          • ก่อนฉีดโบหางตา งดทานยา หรืออาหารเสริม ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 2-3 วัน
          • ก่อนฉีดโบหางตา งดยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ประมาณ 1 สัปดาห์
          • ก่อนฉีดโบหางตา หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่รับประทานประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีด
          • ก่อนฉีดโบหางตา หากมีคอร์สทำหน้า ควรทำก่อนฉีด เพราะหากทำหลังฉีดจะต้องรออีก 2 สัปดาห์
          • ก่อนฉีดโบหางตา ควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับโบแท้ และควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน

           

          ขั้นตอนการฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย

           

          • ก่อนฉีดโบหางตา ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินรูปหน้า สภาพผิว และปัญหาของแต่ละบุคคล
          • แพทย์จะเลือกยี่ห้อของโบหางตา ลดริ้วรอย ให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล
          • แพทย์จะเริ่มฉีดโบหางตาในตำแหน่งที่ต้องการรักษา โดยใช้ระยะเวลา 30 นาทีโดยประมาณ
          • หลังจากแพทย์ฉีดโบหางตาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง
          • แพทย์จะแนะนำข้อควรปฏิบัติตัวดูแลตัวเองหลังฉีดโบหางตา ทั้งนี้ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อคงผลลัพธ์ให้ยาวนานที่สุด

           

          การดูแลตัวเองหลังฉีดโบหางตา
          การดูแลตัวเองหลังฉีดโบหางตา

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ดูแลตัวเองหลังฉีดอย่างไร?

          หลังฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย การปฏิบัติดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้โบออกฤทธิ์ได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพ คงผลลัพธ์การรักษาได้นาน โดยมีแนวทางปฏิบัติดูแลตัวเองหลังฉีด ดังนี้

           

          หลังฉีดโบหางตา 3 ชั่วโมง

          • หลังฉีดโบหางตา ไม่ควรประคบเย็น เนื่องจากจะขัดขวางตัวยาเข้าเซลล์ประสาท
          • หลังฉีดโบหางตา ไม่ควรนอนราบ รวมถึงไม่ควรก้มต่ำกว่าระดับหัวใจ
          • หลังฉีดโบหางตา ไม่ควรจับ ลูบคลำ หรือนวดบริเวณที่ฉีด 

           

          หลังฉีดโบหางตา 24 ชั่วโมง

          • หลังฉีดโบหางตา สามารถทาครีมบำรุงผิวทับบริเวณเข็ม และสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ

           

          หลังฉีดโบหางตา 48 ชั่วโมง

          • หลังฉีดโบหางตา ควรหลีกเลี่ยงอาหารและความร้อน เช่น การอบซาวน่า การทานชาบู การทานปิ้งย่าง

           

          หลังฉีดโบหางตา 2-3 วัน

          • เริ่มเห็นผลลัพธ์จากการฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย
          • หลังฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย สามารถเกิดผลข้างเคียง เช่น ปวดหัว คอแห้ง ซึ่งจะหายได้เองใน 2สัปดาห์

           

          หลังฉีดโบหางตา 7-10 วัน

          • หลังฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย อาจมีรอยเขียวช้ำหลงเหลืออยู่บ้าง จะค่อย ๆ หายได้เองใน 14 วัน และไม่ควรประคบร้อน

           

          หลังฉีดโบหางตา 14 วัน

          • เห็นผลลัพธ์จากการฉีดโบหางตา ลดริ้วรอยชัดเจนมากขึ้น
          • หลังฉีดโบหางตา สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ
          • หลังฉีดโบหางตา ควรหลีกเลี่ยงการยิงเลเซอร์ ทำยกกระชับใบหน้า RF
          • หลังฉีดโบหางตา ควรฉีดต่อเนื่องในระยะเวลาที่เหมาะสม ไม่ฉีดโบถี่จนเกินไป

           

          ฉีดโบหางตา ยกหางตา กับวิธียกหางตาอื่น ๆ

           

          ปัญหาหางตาตก ริ้วรอยเยอะ นอกจากแก้ไขด้วยการฉีดโบยกหางตาแล้ว ยังมีวิธีทางการแพทย์อื่น ๆ ที่ช่วยยกหางตา แก้ปัญหาหางตาตกได้ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าวิธีไหนเหมาะสม แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดที่สุด โดยวิธียกหางตาอื่น ๆ มีดังนี้

           

          • Ultraformer lll และ Ulthera SPT ยกกระชับผิวรอบดวงตาด้วยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ยกคิ้ว ยกหางตา เหมาะสำหรับผู้ที่หางตาตกไม่มาก
          • Thermage FLX เป็นเทคโนโลยีกระชับผิวด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RF) รุ่นที่พัฒนาล่าสุด ที่สามารถส่งพลังงานความร้อนลงสู่ชั้นผิวได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ โดยอุปกรณ์จะปล่อยคลื่น RF ผ่านหัวทรีตเมนต์ลงสู่ผิวหนังชั้นลึก ความร้อนที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นให้เส้นใยคอลลาเจนที่มีอยู่เดิมหดตัว พร้อมกับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง
          • ร้อยไหมยกหางตา ช่วยให้หางตายกขึ้นทันทีหลังทำ เหมาะกับคนที่หางตาตกมาก และหนังตาหย่อนคล้อยจนชั้นตาปิด วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ดีเทียบเท่ากับการผ่าตัด แต่ใช้เวลาทำน้อยกว่า และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
          • ผ่าตัดยกหางตา ช่วยปรับรูปตา ยกหางตาให้สูงขึ้น เป็นวิธีที่สามารถกำหนดระดับความสูงของหางตาได้เท่าที่ต้องการ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหางตาตกมาก หลังทำต้องใช้เวลาในการพักฟื้น

           

          ฉีดโบหางตา ที่ไหนดี
          ฉีดโบหางตา ที่ไหนดี

           

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ที่ไหนดี?

          1. ฉีดโบหางตากับคลินิกที่ได้มาตรฐาน  ผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข  มีเลขที่ใบอนุญาต 11 หลัก
          2. คลินิกควรตั้งอยู่ในทำเลที่ปลอดภัย สะอาด และกว้างขวาง เช่น ห้างสรรพสินค้า อาคารพาณิชย์
          3. ฉีดกับแพทย์ที่มีใบรับรอง สามารถนำชื่อ-นามสกุล เข้าไปตรวจสอบในเว็บไซต์ของแพทยสภาได้ และควรฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ฉีดโบหางตามาก่อน
          4. ใช้โบหางตาแท้เท่านั้น ควรศึกษาวิธีดูโบหางตาแท้เบื้องต้น 
          5. ดูรีวิวฉีดโบหางตาจากผู้ที่เคยใช้บริการจริง ในแหล่งที่น่าเชื่อถือเท่านั้น

           

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย กับคำถามพบบ่อย

          คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ โบหางตา
          คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับ โบหางตา

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย เจ็บไหม?

          • การฉีดโบหางตา เป็นหัตถการไม่น่ากลัวอย่างที่หลายคนกังวล จะรู้สึกเจ็บเล็กน้อยแบบอดทนได้ ในกรณีที่กลัวเจ็บมาก ๆ สามารถทายาชาและประคบน้ำแข็งเพื่อบรรเทาความเจ็บได้

           

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ใช้กี่ยูนิต?

          • การฉีดโบหางตา โดยปกติจะใช้ปริมาณของตัวยาประมาณ 25 ยูนิต ทั้งนี้ปริมาณของโบหางตาที่ใช้ขึ้นอยู่กับปัญหาของในแต่ละบุคคล รวมไปถึงกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดในแต่ละบุคคลด้วย ซึ่งแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ของการรักษาที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพ

           

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย กี่วันถึงเห็นผล?

          • การฉีดโบหางตาจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ในช่วง 3-4 วัน และจะรู้สึกได้ว่าผิวบริเวณหางตาตึง กระชับขึ้นได้ชัดเจนเต็มที่ในช่วงประมาณ 14 วัน 

           

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย ต้องฉีดซ้ำไหม อยู่ได้นานเท่าไหร่?

          • การฉีดโบหางตา ต้องฉีดซ้ำทุก 3-4 เดือนเพื่อรักษาผลลัพธ์ เนื่องจากโบหางตาไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ถาวร หลังฉีดโบหางตาจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ในช่วง 3-4 วัน และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ประมาณ 14 วัน ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองในแต่ละบุคคล และควรเว้นระยะห่างการฉีดโบหางตาแต่ละครั้ง ประมาณ 2 เดือนเป็นอย่างน้อย เพราะอาจจะเสี่ยงกับการดื้อโบ และกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดฝ่อและบางลง

           

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย อันตรายไหม?

          • การฉีดโบหางตา ไม่เป็นอันตราย หากฉีดด้วยโบแท้ กับแพทย์ที่มีความชำนาญการ ในคลินิกที่มีมาตรฐาน ในกรณีที่ฉีดโบหางตาแล้วอันตรายนั้น คือการฉีดยาหิ้วกับหมอกระเป๋า ไม่ควรฉีดโบหางตากับหมอกระเป๋าเด็ดขาด เนื่องจากตัวยาจำเป็นต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม หากไม่ได้เก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม จะทำให้คุณภาพตัวยาคุณภาพลดลง

           

          ฉีดโบหางตา ลดริ้วรอย มีผลข้างเคียงไหม?

          • ผลข้างเคียงของการฉีดโบหางตาที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยทั่วไป คือ จะมีรอยเข็มจากการฉีดโบหางตา และอาจมีอาการเมื่อยบริเวณกล้ามเนื้อที่ฉีดในช่วงแรก สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

           

          ฉีดโบหางตา มีอะไรที่ต้องระวังก่อนฉีดบ้าง?

          • การฉีดโบหางตาต้องฉีดโดยใช้โบแท้ที่ได้มาตรฐาน ผ่านอย. และนำเข้ามาอย่างถูกต้องเท่านั้น หากใช้โบหางตาปลอม หรือไม่ได้มีการผสมตัวยาให้ดูต่อหน้า ฉีดแล้วอาจไม่ได้ผลลัพธ์ หรือตัวยากระจายไปบริเวณกล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ต้องการ
          • ควรฉีดโบหางตากับแพทย์ที่มีประสบการณ์ สามารถประเมินบริเวณที่ต้องการฉีด และปริมาณตัวยาที่ฉีดได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม หากใช้โบหางตาไม่เพียงพอ หรือน้อยเกินไป จะทำให้รูปทรงคิ้วเปลี่ยนได้

           

          โดยสรุปแล้ว การฉีดโบหางตาเป็นวิธีที่ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหางตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น การฉีดโบในจุดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน เห็นผลลัพธ์ชัดเจนอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกสถานพยาบาลหรือคลินิกที่มีความรู้และใช้โบหางตาที่มีคุณภาพ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย ใครที่กำลังกังวลหรือลังเลว่า ฉีดโบหางตา ดีไหม แนะนำให้เข้ามาปรึกษากับทางรมย์รวินท์คลินิก เพื่อประเมินสาเหตุของริ้วรอย และวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล

          ฉีดโบเพื่ออะไร เห็นผลหรือไม่ ทำไมต้องฉีด ข้อควรรู้ในการฉีดโบ

          ฉีดโบ

           

          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




            วันที่สะดวกในการติดต่อ








            ฉีดโบลดริ้วรอยทั่วใบหน้าครั้งแรก ต้องรู้อะไรบ้าง? รวมเรื่องฉีดโบริ้วรอยต้องรู้ 

            เมื่อเทรนด์ดูแลตัวเองได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นยุคสมัยใหม่ที่คนส่วนมากใส่ใจในเรื่องของสุขภาพและความงาม ทำให้กระแสเทรนด์ความงามได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ซึ่งเทรนด์ความที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันนี้คือ “ฉีดโบลดริ้วรอย” เป็นหัตถการแรกที่คนส่วนใหญ่เริ่มเข้าวงการความงาม เนื่องจากปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยหางตา ริ้วรอยใต้ตา และริ้วรอยร่องแก้ม ซึ่งสาเหตุของริ้วรอยบนใบหน้าเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ การฉีดโบลดริ้วรอยจึงเป็นหัตถการที่แก้ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ให้กลับมาเรียบเนียนและตึงกระชับมากขึ้น เห็นผลลัพธ์ได้เร็ว และไม่ต้องพักฟื้น ทั้งนี้การฉีดโบลดริ้วรอยจึงเป็นหัตถการอันดับแรกที่เหมาะสำหรับคนที่อยากลดริ้วรอยที่สุด

            ฉีดโบลดริ้วรอยทั่วใบหน้า ต้องรู้อะไรบ้าง? รวมเรื่องฉีดโบริ้วรอยที่มือใหม่ต้องรู้ 

             

            ฉีดโบลดริ้วรอย คืออะไร ?

            การฉีดโบลดริ้วรอย เป็นการนำสารพิษที่ได้จากแบคทีเรียที่มีถึง 7 ชนิดด้วยกัน มีคุณสมบัติออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ มีความปลอดภัย ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อย. ช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ปรับใบหน้าให้เรียวเล็กลง และสามารถใช้เพื่อการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น ออฟฟิศซินโดรม ไมเกรน ได้อีกด้วย

            ฉีดโบ
            ฉีดโบทำงานอย่างไร

            ฉีดโบลดริ้วรอย ทำงานอย่างไร ?

            • การทำงานของฉีดโบลดริ้วรอย เป็นสารพิษที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท โดยจะรบกวนระบบประสาทให้ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาท ทำให้กล้ามเนื้อขาดการรับรู้การสั่งงานจากเซลล์ประสาท ส่งผลให้กล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้ตามปกติ ซึ่งหลักการทำงานของการฉีดโบลดริ้วรอย ทำให้มีการฉีดโบเพื่อการลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าบริเวณหน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว รวมไปถึงช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อรูปหน้า ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงอีกด้วย

            ฉีดโบลดริ้วรอย เลือกยี่ห้อไหนดี ?

            • ปัจจุบันประเทศไทยมีการนำเข้าโบลดริ้วรอยหลากหลายยี่ห้อที่ได้รับความนิยม ซึ่งในแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกันออกไป ที่รมย์รวินท์คลินิกมียี่ห้อโบลดริ้วรอยทั้งหมด 5 ยี่ห้อ ดังนี้

            ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Allergan

            • ฉีดโบลดริ้วรอย Allergan เป็นแบรนด์ฉีดโบลดริ้วรอยที่แรกที่คิดค้นนำการฉีดโบเข้ามาใช้ในวงการแพทย์ เพื่อการรักษาโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท ในปัจจุบันการฉีดโบลดริ้วรอยจึงนำมาเพื่อใช้ในการลดเลือนริ้วรอย ปรับรูปหน้า ลดกราม และเป็นแบรนด์โบลดริ้วรอยแรกที่ได้รับการรับรองจาก U.S. FDA ซึ่งผลิตโดยบริษัท Allergan ประเทศสหรัฐอเมริกา

            จุดเด่นของฉีดโบลดริ้วรอย Allergan มีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% สูงที่สุด เมื่อเทียบกับฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้ออื่น ๆ จึงเหมาะสำหรับการฉีดโบเพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้า และปรับหน้าเรียวเล็ก อีกทั้งฉีดโบลดริ้วรอย Allergan โอกาสที่จะเกิดการดื้อยาเกิดขึ้นได้ยากเมื่อฉีดหลายครั้งในอนาคต เนื่องจากตัวยาไม่กระจายเป็นวงกว้าง ออกฤทธิ์ยาได้อย่างแม่นยำ ให้ผลลัพธ์ที่ตรงจุด ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-8 เดือน

            ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Dysport

            ฉีดโบลดริ้วรอย Dysport เป็นยี่ห้อที่ผลิตจากประเทศอังกฤษ มีโมเลกุลขนาดเล็ก  มีจุดเด่นคือตัวยามีการกระจายวงกว้าง เมื่อฉีดเข้าไปในบริเวณกล้ามเนื้อ จะไม่รวมตัวกันอยู่ในพื้นที่แคบ เหมาะกับการฉีดลิฟกรอบหน้า หรือฉีดยกกระชับด้วยเทคนิค Dermolift และฉีดบริเวณกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น ฉีดโบลดต้นแขน ฉีดโบลดน่อง ฉีดโบริ้วรอยหน้าผาก รวมไปถึงการฉีดโบลดกลิ่นตัว ฉีดโบลดเหงื่อ ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน 

            อีกจุดแตกต่างที่ทำให้ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Dysport มีความแตกต่างกับยี่ห้ออื่น คือ การนับจำนวนยูนิต โดยฉีดโบลดริ้วรอย Dysport 300 ยูนิต เทียบเท่ากับ 100 ยูนิตของฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้ออื่น ๆ 

            ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Xeomin 

            ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Xeomin ผลิตโดยบริษัท MERZ PHARMA GMBH & CO. KGaA จากประเทศเยอรมนี จุดเด่นคือมีโมเลกุลขนาดเล็กเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท เนื่องจากใช้กระบวนการผลิต XTRACT Technology™ ในการกำจัดโปรตีนที่ไม่จำเป็นออก ทำให้ขนาดโมเลกุลมีขนาดเล็กลง ทำให้ฉีดโบลดริ้วรอย Xeomin มีความบริสุทธิ์สูง

            ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Nabota

            ฉีดโบลดริ้วรอย Nabota ผลิตโดยบริษัท DAEWOONG จากประเทศเกาหลีใต้ โบลดริ้วรอยเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านการรับรองจาก U.S.FDA approved ปี 2018 จุดเด่นคือมีการพัฒนาเพื่อให้ออกฤทธิ์ไว มีความบริสุทธิ์สูง ทำให้เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงหลังฉีดเร็ว แค่ผลลัพธ์นั้นอยู่ได้ไม่นานเท่ากับฉีดโบลดริ้วรอยของอเมริกา เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์เร็วและคนที่ต้องการลิฟกรอบหน้า

            ฉีดโบลดริ้วรอยยี่ห้อ Aestox

            ฉีดโบลดริ้วรอย Aestox  จากประเทศเกาหลี ที่ได้รับการรับรองจากมาตรฐาน อย.เกาหลี (KFDA) มีความบริสุทธิ์ถึง 99.5% จุดเด่นของการฉีดโบลดริ้วรอย Aestox คือ ผลลัพธ์จะมีความเป็นธรรมชาติ เมื่อเทียบกับกลุ่มฉีดโบลดริ้วรอยอื่น ๆ จากประเทศเกาหลี เมื่อฉีดโบลดริ้วรอยต่อเนื่อง จะช่วยให้ผลลัพธ์การฉีดครั้งต่อไปอยู่ได้นานมากขึ้นและปริมาณการฉีดลดน้อยลง

            ฉีดโบลดริ้วรอย แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร ?

            ฉีดโบลดริ้วรอยมีจุดเด่นและความแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อ ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีการทำตัวยาให้มีความบริสุทธิ์ ขนาดของโมเลกุล (Molecule complex) ชนิดของโปรตีน (Protein complex) และความคงทนในการเก็บรักษาขนาดของโมเลกุล (Molecule complex size) คุณสมบัติเหล่านี้ที่ทำให้การฉีดโบลดริ้วรอยมีความแตกต่างกัน ดังนี้

            ขนาดของโมเลกุลในการฉีดโบลดริ้วรอย (Molecule complex size)

            ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักด้วยกัน คือ

            1. ส่วนที่ 1 Accessories protein 

            ทำหน้าที่แพร่กระจายตัวยาและปกป้องส่วนของ Heavy chain และ ส่วนของ Light chain จากจุดที่ฉีดโบลดริ้วรอยไปยังปลายเส้นประสาท ได้อย่างปลอดภัยและไม่ถูกทำลาย ซึ่งขนาดของโมเลกุลที่ส่งผลต่อการแพร่กระจาย ดังนี้

            • โมเลกุลกระจายตัวแคบ : ข้อดีคือทำให้สามารถควบคุมการฉีดโบลดริ้วรอยออกมาแม่นยำ ตรงจุด เหมาะกับการฉีดโบลดริ้วรอยที่กล้ามเนื้อโดยตรง ซึ่งมีความเข้มข้นสูง ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น แต่การฉีดโบลดริ้วรอยชนิดนี้ให้ได้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นธรรมชาติ ต้องอาศัยแพทย์ที่มากประสบการณ์ เนื่องจากอาจเกิด ยิ้มแข็ง คิ้วกระดก แก้มตอบ ได้
            • โมเลกุลกระจายตัวกว้าง : เป็นการฉีดที่ช่วยให้ผลลัพธ์ของการฉีดโบลดริ้วรอยดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับเทคนิค Dermolift โดยมีข้อดี คือ ออกฤทธิ์ไว เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์การฉีดโบหน้ากระชับแบบรวดเร็ว และเหมาะกับการฉีดโบลดต้นแขน ลดน่องในบริเวณกว้าง 
            1. ส่วนที่ 2 Heavy chain 

            ทำหน้าที่พาส่วนของ Light chain เข้าสู่เซลล์เส้นประสาท

            1. ส่วนที่ 3 Light chain 

            เป็นส่วนหนึ่งของ สารที่ออกฤทธิ์ระงับการทำงานของกล้ามเนื้อ

            ความบริสุทธิ์ของโบลดริ้วรอย

            การฉีดโบลดริ้วรอย คือ โปรตีน (Protein) ชนิดหนึ่ง เมื่อฉีดโบลดริ้วรอยเข้าไปภายในร่างกาย จะสามารถสลายได้หมด 100% โดยไม่เป็นอันตราย แต่ในร่างกายของบางคน จะเกิดการสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ทำให้เกิดการดื้อโบลดริ้วรอย เมื่อดื้อโบลดริ้วรอยจะทำให้ตัวยาที่ฉีดเข้าไปไม่ออกฤทธิ์

            ซึ่งการดื้อโบสามารถเกิดได้จาก Accessories protein, Heavy chain และ Light chain โดยปกติ  Light chain ในโบลดริ้วรอยจะมีความคล้ายคลึงกันทุกยี่ห้อ เพราะเป็นสารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อชนิดเอ เหมือนกัน แต่แตกต่างกันที่สายพันธุ์เล็กน้อย ซึ่งส่วน Accessories protein และ Heavy chain แตกต่างกัน ดังนี้

            • โบลดริ้วรอยยี่ห้อ Allergan : มีงานวิจัยรับรองที่ยาวนานที่สุด กว่า 3,500 งานวิจัย (since 1989) จึงน่าเชื่อถือได้ว่าชนิดของโปรตีน (protein complex) ส่วน Accessories protein และ Heavy chain นี้ผ่านการพัฒนามาเพื่อทำให้โอกาสดื้อโบลดริ้วรอยน้อยที่สุด และผลการรักษาดีที่สุด เมื่อเทียบกับโบลดริ้วรอยยี่ห้ออื่น ๆ
            • โบลดริ้วรอยยี่ห้อ Xeomin : เป็นการพัฒนาข้อดีของยี่ห้อ Allergan กับ Dysport มามัดรวมกันโดยที่คุณสมบัติต่าง ๆ จะอยู่กึ่งกลาง มีความบริสุทธิ์สูง และตัวยาที่ไม่กระจุกตัวแคบมากจนเกินไป
            • โบลดริ้วรอยยี่ห้อ Dysport : เป็นการเน้นพัฒนาแค่ส่วน Heavy chain เท่านั้น โดยเชื่อว่า การลด Accessories protein จะทำให้โอกาสในการดื้อโบลดริ้วรอยน้อยลง และช่วยให้ในส่วนของ Light chain ออกฤทธิ์ระงับกล้ามเนื้อได้เร็วมากยิ่งขึ้น
            • โบลดริ้วรอยยี่ห้อ Nabota : จุดเด่นคือการเน้นให้ออกฤทธิ์เร็วกว่าโบลดริ้วรอยเกาหลียี่ห้ออื่นเล็กน้อย เหมาะกับคนที่ต้องการผลลัพธ์โบลดริ้วรอยแบบเร่งด่วน รวดเร็ว
            ฉีดโบ
            ฉีดโบเหมาะกับใคร

            ฉีดโบลดริ้วรอย เหมาะกับใครบ้าง?

            ฉีดโบลดริ้วรอยเป็นหัตถการที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า และการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ เช่น ริ้วรอยหางตา ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รวมไปถึงริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตาและรอบริมฝีปาก ป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ในอนาคต นอกจากนี้การฉีดโบลดริ้วรอยยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการยกคิ้ว ทำให้ดวงตาโตขึ้น แลดูอ่อนเยาว์ ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอย สามารถเห็นผลลัพธ์เร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน และมีความปลอดภัยสูง

            ฉีดโบ
            ข้อดีของการฉีดโบ

            โบลดริ้วรอย มีข้อดีอย่างไร?

            ข้อดีของการฉีดโบลดริ้วรอย มีดังนี้

            • ฉีดโบลดริ้วรอย ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ริ้วรอยดูจางลง เป็นหัตถการที่ใช้เวลาในการรักษารวดเร็ว หลังฉีดโบสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
            • ฉีดโบลดริ้วรอย ช่วยให้รูปลักษณ์และบุคลิกดูดีมากขึ้น เพิ่มความมั่นใจ เนื่องจากรอยเหี่ยวย่นยับบนใบหน้า เป็นการบ่งบอกถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าไม่เรียบเนียนและไม่สดใส
            • ฉีดโบลดริ้วรอย ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคต เนื่องจากการออกฤทธิ์ของโบลดริ้วรอยในช่วง 3-4 เดือน ทำให้สามารถป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ กล้ามเนื้อบนใบหน้าทำงานน้อยลง
            • ฉีดโบลดริ้วรอย ป้องกันการเกิดของริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ บนใบหน้า
            ฉีดโบ
            ฉีดโบตรงไหนได้บ้าง

            โบลดริ้วรอย ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?

            • ฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผาก

            การฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผาก ช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยเหี่ยวย่น ที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและอารมณ์ ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก เป็นจุดที่ใกล้กับดวงตา หากฉีดไปถูกเส้นเลือด อาจเกิดอันตรายต่อดวงตาได้ ดังนั้นการฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผาก ควรฉีดโดยแพทย์ที่มากประสบการณ์ และมีความชำนาญในเทคนิคการฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผากที่ถูกต้อง

            • ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว

            ริ้วรอยระหว่างคิ้ว เป็นบริเวณที่เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่นง่ายที่สุด และเป็นจุดสังเกตแรกที่คนส่วนใหญ่เห็นชัดเจน การฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้วจะช่วยยับยั้งการหดตัว ทำให้ผิวหนังส่วนบนมีความเรียบเนียนขึ้น ซึ่งตำแหน่งบริเวณระหว่างคิ้วนั้น เป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัย ควรฉีดโดยแพทย์ที่มากประสบการณ์ และมีความชำนาญในเทคนิคการฉีด

            • ฉีดโบลดริ้วรอยหางตา

            ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตาและหางตา เป็นปัญหาริ้วรอยที่เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น หรืออาจมีปัญหาถุงใต้ตาร่วมด้วย ทำให้ใบหน้าดูมีอายุ ไม่สดใส ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยหางตา จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเกิดการคลายตัวชั่วคราว สามารถช่วยให้ริ้วรอยลดลงได้

            • ฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตา

            บริเวณใต้ตาเป็นจุดที่เกิดริ้วรอยเล็ก ๆ ง่ายที่สุด และมักจะเกิดริ้วรอยก่อนบริเวณอื่น ๆ ใบหน้า การฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตาจะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณใต้ตาคลายตัวชั่วคราว ทำให้ริ้วรอยรอบบริเวณดวงตาลดลง ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยใต้ตานั้นหากฉีดใบปริมาณที่มากจนเกินไป

            • ฉีดโบลดร่องแก้ม

            ปัญหาร่องแก้ม มักเกิดจากการยิ้มบ่อย ๆ จนกล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงจนเกินไป ซึ่งการฉีดโบลดร่องแก้มไม่ควรแก้ด้วยการฉีดโบ 100% เนื่องจากทำให้การยิ้มดูแข็งและไม่เป็นธรรมชาติ แนะนำว่าให้ใช้ฉีดโบลดร่องแก้ม 50% และแก้ด้วยการเติมฟิลเลอร์เทคนิค Myomodulation จะช่วยให้ร่องแก้มตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เทคนิคนี้เรียกว่า การใช้ฟิลเลอร์ฉีดหนุนกล้ามเนื้อ หรือฉีดกดกล้ามเนื้อ สามารถควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อได้บางส่วน ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นานมากกว่า

            • ฉีดโบลิฟกรอบหน้า

            การฉีดโบลิฟกรอบหน้า จะช่วยให้บริเวณกรอบหน้ามีความยกกระชับขึ้น ช่วยให้ใบหน้าคมขึ้น เพิ่มมิติให้แก่ใบหน้า โดยเทคนิคของการฉีดโบลิฟกรอบหน้ามีทั้งหมด 2 แบบด้วยกัน ดังนี้

            ฉีดโบ
            ฉีดโบต้องฉีดเท่าไร

            ฉีดโบลดริ้วรอย แต่ละจุดฉีดกี่ยูนิต ?

            การฉีดโบลดริ้วรอยในแต่ละบุคคลอาจใช้ปริมาณการฉีดโบที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับปัญหา ความต้องการ และการประเมินของแพทย์ ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยตำแหน่งต่าง ๆ ใช้ปริมาณ ดังนี้

            • ฉีดโบลดริ้วรอย บริเวณหน้าผาก ใช้ประมาณ 30 ยูนิต
            • ฉีดโบลดริ้วรอย บริเวณระหว่างคิ้ว ใช้ประมาณ 25 ยูนิต
            • ฉีดโบลดริ้วรอย บริเวณหางตา ใช้ประมาณ 25 ยูนิต
            • ฉีดโบลิฟกรอบหน้า ใช้ประมาณ 30-50 ยูนิต

            การดูแลตัวเองก่อน-หลังฉีดโบลดริ้วรอย

            การเตรียมตัวก่อนฉีดโบลดริ้วรอย

            • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย ควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวกับการฉีดโบลดริ้วรอยอย่างละเอียด เช่น ศึกษายี่ห้อโบลดริ้วรอยยี่ห้อต่าง ๆ เป็นต้น
            • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย ควรเลือกฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น
            • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย งดยาหรือวิตามินประเภทที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
            • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย งดสครับบริเวณใบหน้า 2-3 วัน 
            • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย งดยากลุ่มแก้ปวด หรือยากลุ่มยาต้านการอักเสบ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
            • ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย งดดื่มแอลกอฮอล์ เป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง

            ขั้นตอนการฉีดโบลดริ้วรอย

            • ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการประเมินรูปหน้า สภาพผิว และปัญหาของแต่ละบุคคล
            • แพทย์จะเลือกยี่ห้อของโบลดริ้วรอยให้เหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล
            • แพทย์จะเริ่มฉีดโบลดริ้วรอยในตำแหน่งที่ต้องการรักษา โดยใช้ระยะเวลา 30 นาทีโดยประมาณ
            • หลังจากแพทย์ฉีดโบลดริ้วรอยเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะทำการแนะนำข้อควรปฏิบัติตัวดูแลตัวเองหลังฉีดโบ ทั้งนี้ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

            การดูแลตัวเองหลังฉีดโบลดริ้วรอย

            • หลังฉีดโบลดริ้วรอย ควรขยับเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณนั้นทันที 1-2 ครั้ง เพื่อให้โบลดริ้วรอยถูกเซลล์ประสาทดูดซึมเข้าไปมากที่สุด
            • หลังฉีดโบลดริ้วรอย หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
            • หลังฉีดโบลดริ้วรอย ห้ามนอนราบ 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการไหลของโบลดริ้วรอย
            • หลังฉีดโบลดริ้วรอย งดสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
            • หลังฉีดโบลดริ้วรอย งดอาหารรสจัด รสเผ็ด แสบร้อนจนหน้าแดง อย่างน้อย 48 ชั่วโมง

            คำถามพบบ่อยของโบลดริ้วรอย

            ฉีดโบลดริ้วรอย มีผลข้างเคียงอย่างไร ?

            การฉีดโบลดริ้วรอยอาจมีผลข้างเคียงหลังฉีด เช่น รู้สึกเมื่อยหรือรู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด เป็นอาการปกติที่ไม่อันตราย ส่วนผลข้างเคียงที่อันตราย มักเกิดจากการฉีดกับหมอกระเป๋า การใช้โบลดริ้วรอยราคาถูก หรือใช้โบลดริ้วรอยที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งผลข้างเคียงอันตราย มีดังนี้

            • การอักเสบติดเชื้อหลังฉีด กรณีนี้เกิดจากการเลือกฉีดโบลดริ้วรอยกับคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือหมอกระเป๋า ที่ไม่มีระบบการดูแลความสะอาดและปลอดเชื้อ
            • หนังตาตก มุมปากเบี้ยว หน้าแข็ง เกิดจากใช้เทคนิคที่ผิดในฉีดโบลดริ้วรอย ประเมินปริมาณโบลดริ้วรอยไม่เหมาะสม และฉีดโบลดริ้วรอยไม่ถูกตำแหน่ง เช่น ฉีดโบลดริ้วรอยใกล้เปลือกตาด้านบน เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยรอบดวงตา ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหนังตาอ่อนแรง และหนังตาตกลงมา เป็นต้น

            ฉีดโบลดริ้วรอย กี่วันเห็นผลลัพธ์ ?

            หลังฉีดโบลดริ้วรอย โบลดริ้วรอยจะเริ่มออกฤทธิ์หลังฉีด 3-4 วัน และโบลดริ้วรอยจะให้ผลลัพธ์เต็มที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็น การฉีดโบลดริ้วรอยหน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว หรือ ใต้ตา เป็นต้น โดยผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานประมาณ 4-6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองหลังฉีดโบลดริ้วรอยในแต่ละบุคคล

            ฉีดโบลดริ้วรอย บ่อยได้แค่ไหน ?

            ในการฉีดโบลดริ้วรอยเพื่อรักษาผลลัพธ์ ไม่ควรฉีดบ่อยจนมากเกินไป อย่างน้อยควรเว้น 3 เดือน แต่ไม่ควรเว้นนานเกิน 5-6 เดือน เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้ากลับมาทำงานได้ตามปกติ และอาจทำให้ต้องใช้ปริมาณของโบลดริ้วรอยเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

            ฉีดโบลดริ้วรอย ใช้กี่ยูนิต ?

            การฉีดโบลดริ้วรอย โดยส่วนใหญ่จะเริ่มต้นที่ 25 ยูนิต ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยในแต่ละบริเวณจะพิจารณาจากยี่ห้อโบลดริ้วรอยและปริมาณที่ใช้ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินตามความเหมาะสมในแต่ละบุคคล

            ฉีดโบลดริ้วรอย ดีไหม ?

            การฉีดโบลดริ้วรอยจะช่วยในการรักษาริ้วรอยบนใบหน้าและปกป้องการเกิดริ้วรอยใหม่ ที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ใบหน้ามีความอ่อนเยาว์ และนอกจากนี้การฉีดโบลดริ้วรอยทำให้ผิวมีความตึงกระชับขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยลดเหงื่อ ลดกล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน และลดกล้ามเนื้อน่องได้อีกด้วย

            ดื้อโบลดริ้วรอย คืออะไร ? 

            ดื้อโบลดริ้วรอย  คือ ภาวะที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้น มาทำลายตัวยาโบลดริ้วรอยที่ฉีดเข้าไป เพราะมองว่าเป็นสารแปลกปลอมที่เข้ามาร่างกาย ส่งผลให้การฉีดโบลดริ้วรอยแล้วไม่เห็นผลลัพธ์ หรือถ้าเห็นผลลัพธ์ ก็จะเห็นผลลัพธ์ได้น้อยมาก และการออกฤทธิ์ของโบลดริ้วรอยจะเสื่อมไวกว่าปกติ จากเดิมที่ออกฤทธิ์ได้ 4 – 6 เดือน ก็อาจอยู่ได้เพียง 1 – 2 เดือน เท่านั้น

            ดื้อโบลดริ้วรอย สาเหตุมาจากอะไร ?

            อาการดื้อโบลดริ้วรอยมี 3 สาเหตุ ดังนี้

            • ฉีดโบลดริ้วรอยปริมาณมาก หรือถี่เกินไป : โดยปกติการฉีดโบลดริ้วรอย ควรเว้นระยะห่างการฉีดในแต่ละครั้งประมาณ 3 – 4 เดือนขึ้นไป เพื่อรอให้โบลดริ้วรอยที่ฉีดไปล่าสุด เสื่อมฤทธิ์ลงก่อน เพราะหากฉีดโบลดริ้วรอยถี่เกินไป อาจทำให้เกิดอาการดื้อโบลดริ้วรอยได้
            • ฉีดโบลดริ้วรอยปลอม หรือโบลดริ้วรอยที่ไม่ได้มาตรฐาน : การฉีดโบลดริ้วรอยที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีการควบคุมอุณหภูมิของตัวยา อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้โบลดริ้วรอยได้
            • เกิดจากระบบภูมิคุ้มกัน : ในบางกรณี ร่างกายจะมีการสร้างภูมิคุ้มกันออกมา เพื่อต่อต้านโบลดริ้วรอยมากกว่าปกติ ทำให้การฉีดโบลดริ้วรอยครั้งต่อไปไม่ได้ผลลัพธ์ หรือเห็นผลลัพธ์น้อยกว่าปกติ

            ฉีดโบลดริ้วรอย แล้วทำหัตถการอื่นได้ไหม ?

            การฉีดโบลดริ้วรอยสามารถทำพร้อมกับหัตถการอื่นได้ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ การทำเครื่องยกกระชับ เป็นต้น เนื่องจากเป็นการแก้ปัญหาคนละส่วน โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินสภาพผิวและปัญหาผิวในแต่ละบุคคลก่อน เพื่อวางแผนการทำหัตถการว่า ควรทำหัตถการไหนก่อน และควรเว้นระยะเวลาในการทำแต่ละหัตถการเท่าไหร่

            สรุปการฉีดโบลดริ้วรอยทั่วหน้า เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอย

            การฉีดโบลดริ้วรอย เป็นทางเลือกที่จะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยแห่งวัยบนใบหน้า ที่เกิดจากการแสดงสีหน้าและอารมณ์ หรือริ้วรอยที่มาจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้โบลดริ้วรอย ยังสามารถใช้ในทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคบางชนิดอีกด้วย เช่น โรคไมเกรน ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง เป็นต้น

            สำหรับใครที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยด้วยการฉีดโบลดริ้วรอย ทางรมย์รวินท์คลินิกมีบริการฉีดโบลดริ้วรอยเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวดูมีอายุ ให้กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง ซึ่งทางรมย์รวินท์คลินิกพร้อมให้คำปรึกษา และพร้อมให้บริการด้านข้อมูลที่เกี่ยวกับโบลดริ้วรอย เพื่อผลลัพธ์ที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด