Pico Majesty Laser ใหม่ล่าสุด ดียังไง ช่วยอะไร

Pico Majesty บอกลาฝ้ากระ ผิวกระจ่างใส

เจาะลึก Pico Majesty Laser เทคโนโลยีลดรอยฝ้ากระ จุดด่างดำ และรอยสิว

 

Pico Majesty Laser คืออะไร ?

Pico Majesty Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ตัวแรกของโลกที่มีความสามารถในการปล่อยพลังงานด้วยความเร็วสูงถึงระดับ  250  Picosecond  ซึ่งเป็นหน่วยเวลาที่สั้นมาก ๆ เมื่อเทียบกับ Pico Laser อื่นในการยิงเลเซอร์ลงบนผิวหนัง  โดย Pico Majesty Laser มีคุณสมบัติในการทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติ ช่วยให้ Pico Majesty Laser  สามารถทำลายเม็ดสีในผิวหนังได้ดี ทำให้สามารถลดรอยฝ้ากระ จุดด่างดำ รอยสิวและลบรอยสักได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบ ๆ บริเวณที่ทำการรักษา ทำให้ปลอดภัยและเหมาะสำหรับผิวที่บอบบาง

 

Pico Majesty Laser ทำงานยังไง ?

Pico Majesty Laser เป็นเลเซอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Picosecond ซึ่งมีความเร็วในการปล่อยพลังงานที่สูง โดยหลักการทำงานของ Pico Majesty Laser คือ การปล่อยพลังงานเร็วสูงเข้าไปยังผิวหนังผ่านหัวยิงเลเซอร์ในแบบต่างๆที่มีความยาวคลื่นที่แตกต่างกันตามความต้องการในการแก้ไขปัญหาผิว ลดรอย ซึ่งพลังงานเลเซอร์จาก Pico Majesty Laser จะส่งตรงไปยังเป้าหมายที่ต้องการ คือ การเข้าไปกำจัดเม็ดสีผิวที่ผิดปกติเท่านั้น ไม่ทำลายผิวหนังส่วนอื่นในบริเวณรอบ ๆ 

นอกจากนี้พลังงานเลเซอร์จาก Pico Majesty Laser จะถูกส่งเข้าไปในการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้ผิวมีความแข็งแรง ลดรอยต่าง ๆ ผิวเรียบเนียน และกระชับมากขึ้นอีกด้วย

Pico Majesty เคลียร์ทุกผัญหาผิว
Pico Majesty เคลียร์ทุกผัญหาผิว

ความยาวคลื่นของเลเซอร์ Pico Majesty

Pico Majesty Laser มีความเด่นเรื่องความหลากหลายของความยาวคลื่น ซึ่งแต่ละความยาวคลื่นจะมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาผิว และลดรอยที่แตกต่างกันออกไป หากเลือกใช้ความยาวคลื่นที่เหมาะสมจะช่วยให้ผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีขึ้น โดยความยาวคลื่นในเครื่อง Pico Majesty Laser มี 4 คลื่น ดังนี้

  • คลื่น 1064 นาโนเมตร ใน Pico Majesty Laser ทำงานโดยการทำลายเม็ดสีขนาดใหญ่ ช่วยลบรอยสักสีเข้ม ฝ้าลึก ลดรอยดำและลดรอยแดงจากสิว
  • คลื่น 532 นาโนเมตร (สีเขียว) ใน Pico Majesty Laser  ทำงานโดยการทำลายเม็ดสีเมลานิน ช่วยลดรอยฝ้ากระ,ลดรอยแดง,ลดรอยดำจากสิว และช่วยลบรอยสักสีอ่อน
  • คลื่น 595 นาโนเมตร (สีเหลือง) ใน Pico Majesty Laser  ทำงานโดยการลดการอักเสบ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดรอยแดง,ลดรอยดำจากสิว เหมาะสำหรับผิวแดง ผิวบอบบาง
  • คลื่น 660 นาโนเมตร (สีแดง) ใน Pico Majesty Laser เพิ่มการไหลเวียนโลหิต กระตุ้นการซ่อมแซมผิว ทำให้ลดรอยแดง เหมาะกับการกระตุ้นคอลลาเจน

 

หัวยิงใน Pico Majesty Laser

Pico Majesty Laser ลดรอยมีหัวยิงเลเซอร์หลายแบบ เพื่อการแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน โดยในแต่ละหัวยิงมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาผิวที่ไม่เหมือนกัน สามารถแบ่งหัวยิงเลเซอร์ออกเป็นทั้งหมด 7 แบบ ดังนี้

หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ Zoom H/P

เป็นหนึ่งในหัวเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมมากจากการที่สามารถปรับความยาวคลื่นได้อย่างหลากหลาย โดยหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ Zoom H/P  สามารถปรับความยาวคลื่นได้ทั้ง 532 นาโนเมตร และ 1,064 นาโนเมตร ซึ่งความยาวคลื่นแต่ละชนิดจะมีประสิทธิภาพในการลดรอยและแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้ 

1. Pico Majesty Laser แบบ Zoom H/P ความยาวคลื่น 532 นาโนเมตร เหมาะกับการรักษาเม็ดสีที่อยู่ในระดับที่ตื้น เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแดงจากสิว

 

2. Pico Majesty Laser แบบ Zoom H/P ความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร เหมาะสำหรับการรักษาเม็ดสีที่อยู่ระดับลึก เช่น รอยสักสีเข้ม ฝ้าลึก

โดยปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วยหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ Zoom H/P คือผู้ที่มีปัญหาความต้องการลดรอย,ลดฝ้ากระ,จุดด่างดำ,ลดรอยแดง และลดรอยดำที่เกิดจากสิว รวมถึงผู้ที่ต้องการลบรอยสักสีอ่อนและสีเข้ม โดยเฉพาะรอยสักสีแดง สีเหลือง สีส้ม สีม่วง สีชมพู สีน้ำตาล และผู้มีผิวหมองคล้ำ

 

3. หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ Collimation H/P 

หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ Collimation H/P เป็นอีกหนึ่งหัวเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาผิว โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเม็ดสี เช่นลดรอยฝ้ากระ จุดด่างดำ และรอยดำจากสิว 

โดยหลักการทำงานของหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ Collimation H/P คือ ทำงานด้วยการปล่อยพลังงานเลเซอร์ออกมาในรูปแบบที่กระจุกตัว ทำให้สามารถส่งพลังงานไปทำลายเม็ดสีที่ไม่ต้องการได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ สามารถปรับความยาวคลื่นได้ทั้ง 532 นาโนเมตร และ 1,064 นาโนเมตร เพื่อให้เหมาะสมกับปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ซึ่งปัญหาผิวที่เหมาะกับการรักษาด้วยหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ Collimation H/P คือ ผู้ที่ต้องการลดรอยลดฝ้ากระ จุดด่างดำ มีปัญหาผิวหมองคล้ำ และต้องการลดรอยดำจากสิว

 

4. หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ MLA H/P

หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ MLA H/P เป็นหัวเลเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาผิวที่ลึกกว่าชั้นผิวหนัง เช่น หลุมสิว รอยแผลเป็น รูขุมขนกว้าง และริ้วรอย 

โดยหลักการทำงานของหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ MLA H/P คือ การแบ่งลำแสงเลเซอร์ออกเป็นจุดเล็กๆ จำนวนมาก ทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น และลดรอยแผลเป็นได้ ซึ่งปัญหาผิวที่เหมาะกับการทำหัวยิงนี้ คือ ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว, มีรอยแผลเป็น , รูขุมขนกว้าง , มีริ้วรอยตื้นๆ และผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย

 

5. หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ DOE H/P

หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ DOE H/P เป็นเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมในการรักษาปัญหาผิว โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเม็ดสี เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ และต้องการลดรอยดำจากสิว 

โดยหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ DOE H/P ทำงานคล้ายกับหัวยิง MLA H/P คือลำแสงเลเซอร์จะถูกกระจายแบ่งออกเป็นจุดเล็ก ๆ จำนวนมาก ทำให้สามารถรักษาเฉพาะบริเวณที่ต้องการได้โดยไม่กระทบต่อผิวบริเวณรอบข้าง โดยพลังงานที่ปล่อยออกไปจะกระตุ้นให้เซลล์ผิวที่เสียหายหลุดออกไป และเกิดเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนซึ่งปัญหาผิวที่เหมาะกับหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ DOE H/P คือผู้ที่ปัญหาผิวที่ต้องการลดฝ้ากระ จุดด่างดำ มีปัญหาผิวหมองคล้ำ และผู้ที่ต้องการลดรอยดำจากสิว

 

หัวยิง Pico Majesty Laser แบบ DYE H/P

หัวยิงแบบ Pico Majesty Laser แบบ DYE H/P เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่มีความโดดเด่นในการแก้ไขปัญหาผิวที่หลากหลาย ซึ่งมีความยาวคลื่นที่แตกกต่างกัน ดังนี้

 

6. Pico Majesty Laser แบบ DYE H/P ความยาวคลื่น 595 นาโนเมตรเหมาะสำหรับการรักษาปัญหาผิวที่มีการอักเสบและลดรอยแดง เช่น รอยแดงจากสิว ซึ่งการใช้คลื่นความยาวนี้จะช่วยลดรอยแดงได้อย่างมีแระสิทธิภาพโดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง อีกทั้งหัวยิงแบบ Pico Majesty Laser แบบ DYE H/P ความยาวคลื่น 593 นาโนเมตร ยังสามารถช่วยลบรอยสักที่มีเม็ดสีน้ำเงินได้ดี โดยเลเซอร์จะทำการสลายเม็ดสีใต้ผิวหนังให้มีขนาดเล็กลงจนถูกดูดซึมและขับไปจากร่างกาย ซึ่งสามารถช่วยให้รอยสักจางลงอย่างปลอดภัย

 

7. Pico Majesty Laser แบบ DYE H/P ความยาวคลื่น 660 นาโนเมตรความยาวคลื่นนี้เหมาะกับการแก้ไขปัญหาผิวหมองคล้ำและผิวไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากความยาวคลื่น 660 นาโนเมตรในหัวยิงนี้สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินได้ในระดับลึก ช่วยให้ผิวมีความกระจ่างใส ดูอ่อนเยาว์ และเรียบเนียนมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถลบรอยสักที่มีเม็ดสีเขียวได้ดี

โดยปัญหาผิวที่เหมาะกับหัวยิง Pico Majesty Laser แบบ DYE H/P คือผู้ที่ต้องการลดการอักเสบและลดรอยแดงจากสิว และผู้ที่ต้องการลบรอยสัก 

Pico Majesty ดีกว่าเลเซอร์ทั่วไปอย่างไร
Pico Majesty ดีกว่าเลเซอร์ทั่วไปอย่างไร

จุดเด่นของ Pico Majesty Laser เมื่อเทียบกับเลเซอร์อื่น

หลักการทำงานของ Pico Majesty Laser ลดรอยเป็นการรวมเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงเข้ากับความปลอดภัยในการรักษาผิว ซึ่งสามารถอธิบายได้ตามจุดสำคัญ ดังนี้

  • Pico Majesty Laser มีจุดเด่นที่ความเร็วในการปล่อยพลังงาน จุดเด่นหลักที่ทำให้เครื่อง Pico Majesty Laser ลดรอยโดดเด่นกว่าเครื่องเลเซอร์อื่นมาก ๆ คือเลเซอร์ Pico Majesty ใช้เทคโนโลยี Picosecond ซึ่งมีระยะเวลาในการปล่อยพลังงานสั้นมาก เป็นการปล่อยพลังงานด้วยความเร็วสูงถึงระดับ  250  Picosecond ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและมีประสิทธิภาพสูงในการลดรอยและรักษาปัญหาผิวต่าง ๆ เมื่อเทียบกับเลเซอร์ชนิดอื่น ๆ ที่มีระยะเวลาในการปล่อยพลังงานนานกว่า
  • Pico Majesty Laser มีจุดเด่นในการรักษาปัญหาผิวที่หลากหลาย ความสามารถที่โดดเด่นอีกอย่างของเครื่อง Pico Majesty Laser คือการรักษาผิวที่หลากหลาย ทั้งการรักษาฝ้ากระจุดด่างดำทุกชนิด ,การลดรอยแดงรอยดำจากสิว และยังสามารถลบรอยสักได้ทุกสีแม้กระทั่งรอยสักสีเข้ม
  • Pico Majesty Laser มีจุดเด่นที่มีพลังงานสูงและแม่นยำ การปล่อยพลังงานด้วยความเร็วสูงของ  Pico Majesty Laser นั้นจะถูกส่งตรงไปยังเป้าหมาย คือการทำลายเม็ดสีเท่านั้น ไม่ทำร้ายเนื้อเยื่อหรือผิวบริเวณรอบๆ
  • Pico Majesty Laser มีจุดเด่นที่สามารถทำลายเม็ดสีได้ละเอียดและรวดเร็ว  การที่เครื่อง Pico Majesty Laser สามารถปล่อยพลังงานได้เร็วสูง พลังงานที่ปล่อยออกมาจะสั้นและแรง ทำให้เม็ดสีที่ผิดปกติ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือรอยสัก แตกตัวเป็นชิ้นเล็กๆ ได้อย่างรวดเร็วและละเอียดมากขึ้น ทำร่างกายสามารถกำจัดเม็ดสีเหล่านี้ออกไปได้ และลดรอยได้ง่ายขึ้น
  • Pico Majesty Laser มีจุดเด่นเรื่องความปลอดภัยสูง  Pico Majesty Laser มีความปลอดภัยสูงจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้การรักษามีความปลอดภัยสูง อีกทั้ง Pico Majesty Laser ลดรอยยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงน้อยกว่าเลเซอร์อื่น 
  • Pico Majesty Laser สามารถผลลัพธ์เห็นได้ชัด หลังการทำ Pico Majesty Laser ลดรอยเพียงไม่กี่ครั้งจะสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนแตกต่างจากผิวเดิม 

 

Pico Majesty Laser เหมาะกับใคร ?

การทำ Pico Majesty Laser ลดรอยสามารถช่วยในการแก้ไขปัญหาผิวได้หลายอย่าง ทำให้เหมาะกับหลายคนที่มีปัญหาผิว ดังนี้

  • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาฝ้ากระ จุดด่างดำ 
  • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยแดง รอยดำจากสิว  
  • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง 
  • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน    
  • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย  
  • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่ต้องการลบรอยสักทุกสี
  • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่มีรอยสิว
  • Pico Majesty Laser เหมาะกับผู้ที่มีปานและขี้แมลงวัน

 

Pico Majesty Laser เหมาะกับสภาพผิวแบบไหน?

Pico Majesty Laser ลดรอยถือเป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยและแม่นยำสูงในการรักษา ทำให้สามารถทำได้กับทุกสภาพผิว แม้กระทั่งในผู้ที่มีผิวที่บอบบางก็สามารถทำ Pico Majesty Laser ได้ เพราะพลังงานที่ปล่อยออกมาจะกระจายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวได้รับความร้อนน้อยลง ไม่ได้รับความระคายเคือง 

อีกทั้งยังสามารถปรับระดับพลังงานของเลเซอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลได้อีกด้วย ทำให้เหมาะกับหลากหลายสภาพผิว และสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้หลายประเภท

 

Pico Majesty Laser ใช้เวลาทำนานไหม ?

ระยะเวลาในการทำ Pico Majesty Laser ของแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ที่ต้องการการรักษาและการแก้ไขปัญหาผิวในแต่ละจุด เช่น หากต้องการทำ Pico Majesty Laser ลดรอยทั่วทั้งใบหน้าก็จะใช้เวลานานกว่าการรักษาลดรอยเฉพาะจุด หรือการรักษาปัญหาผิวที่ซับซ้อน เช่น การลบรอยสักสีเข้ม หรือฝ้าฝังลึก จะต้องการระยะเวลาในการรักษาที่มากกว่า โดยทั่วไปแล้วการทำ Pico Majesty Laser จะใช้เวลาประมาณ 60 นาที แต่ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการก่อนการทำ Pico Majesty Laser ลดรอยเพื่อประเมินสภาพผิวและระยะเวลาในการทำ รวมทั้งเพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

 

Pico Majesty Laser  เจ็บไหม ?

การทำ Pico Majesty Laser เพื่อลดรอยโดยทั่วไปแล้ว ความรู้สึกระหว่างทำจะมีอาการคล้ายกับการใช้ยางยืดดีดผิวหนังเบาๆ หรืออาจจะมีความรู้สึกเหมือนเข็มทิ่มเบาๆ ได้บ้าง และในบางคนอาจจะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยได้ในบางบุคคล หรือในบางคนอาจรู้สึกเพียงความร้อน หรือรู้สึกไม่เจ็บเลยก็ได้ แต่ทั้งนี้เพื่อลดความรู้สึกเจ็บอาจจะทายาชาเพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บได้ หรือสามารถแจ้งแพทย์เพื่อปรับระดับพลังงานที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลได้

 

Pico Majesty Laser ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

  • Pico Majesty Laser ช่วยลดฝ้ากระ จุดด่างดำ 
  • Pico Majesty Laser ช่วยลดรอยดำ รอยแดงจากสิว
  • Pico Majesty Laser ช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวเรียบเนียน
  • Pico Majesty Laser ช่วยลบรอยสักทุกสี
  • Pico Majesty Laser ช่วยลบปาน และขี้แมลงวัน
  • Pico Majesty Laser ช่วยลดริ้วรอย ทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์
  • Pico Majesty Laser ช่วยลบรอยแผลเป็นจากสิว

 

Pico Majesty Laser มีผลข้างเคียงหรือเปล่า ?

การทำ Pico Majesty Laser ลดรอย ถือ เป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง และมีผลข้างเคียงน้อยมาก แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงได้บ้างในบางบุคคล โดยการทำ Pico Majesty Laser อาจจะมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้

  • หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจมีการผิวแดง การผิวแดงหลังการทำ Pico Majesty Laser เป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยที่สุด แต่ผลข้างเคียงนี้จะสามารถหายได้เองภายใน 1-2 วัน
  • หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจมีรอยไหม้ หลังการทำ Pico Majesty Laser ลดรอยอาจการเกิดรอยไหม้ได้เล้กน้อย หากแพทย์ปรับระดับพลังงานสูงเกินไป หากเกิดผลข้างเคียงนี้สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องได้
  • หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจมีการบวม หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจมีอาการบวมเล็กน้อยบริเวณที่ทำเลเซอร์ได้ แต่จะสามารถหายได้เองภายใน 2-3 วัน
  • หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจมีรอยแดงเข้ม หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจมีรอยแดงเข้มเกิดขึ้นได้ในบางราย และจะค่อยๆ จางลงเองภายใน 1-2 สัปดาห์ 
  • หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจมีการติดเชื้อ หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ในบางคน แต่สามารถเกิดขึ้นได้น้อยมาก ๆ มักจะเกิดกับคนที่ดูแลความสะอาดไม่ดีพอหลังการทำ  Pico Majesty Laser 
Pico Majesty ต้องทำบ่อยแค่ไหน
Pico Majesty ต้องทำบ่อยแค่ไหน

Pico Majesty Laser เห็นผลลัพธ์เมื่อไหร่ ? ต้องทำกี่ครั้ง ?

ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการทำ Pico Majesty Laser ลดรอยนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิว หรือปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข โดยทั่วไปแล้วหลังการทำ Pico Majesty Laser จะสามารถสังเกตเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนหลังทำเลเซอร์ประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยผิวจะดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น รอยแดง รอยดำจากสิว รอยสักจะจางลง  และผิวจะค่อย ๆ กระจ่างใสขึ้น ซึ่งจำนวนครั้งในการทำ Pico Majesty Laser นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาผิว ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วอาจต้องทำเลเซอร์ประมาณ 3-5 ครั้ง ห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์ต่อครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดี

 

การเตรียมตัวก่อนทำ Pico Majesty Lase

การเตรียมตัวก่อนการทำ Pico Majesty Laser เพื่อลดรอยมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้หลังการทำ และเพื่อให้ผลลัพธ์หลังการทำ Pico Majesty Laser มีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้นก่อนการทำเลเซอร์ควรเตรียมตัว ดังนี้

 

  • ก่อนการทำ Pico Majesty Laser ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 

ก่อนการทำเลเซอร์ลดรอยผู้เข้ารับการรักษาควรแจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว และยาที่ทานอยู่ รวมถึงการแพ้ยาต่าง ๆ ก่อนการทำ Pico Majesty Laser อีกทั้งหากเคยทำเลเซอร์อื่น ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ผู้ชำนาญการก่อนการทำเลเซอร์ลดรอย และบอกแพทย์เกี่ยวกับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาที่เหมาะสมในแต่ละบุคคลได้

  • ก่อนการทำ Pico Majesty Laser ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด 

ก่อนการทำ Pico Majesty Laser อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยตรง หากมีความจำเป็นในการต้องออกแดดควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง หรือสวมหมวก

  • ก่อนการทำ Pico Majesty Laser ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิด 

ก่อนการทำ Pico Majesty Laser ลดรอยควรหยุดใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด หรือเรตินอล 1-2 สัปดาห์ก่อนทำเลเซอร์ เนื่องจากสมุนไพรหรือยาบางชนิดมีฤทธิ์กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว อาจทำให้ผิวบอบบางและระคายเคืองได้ง่ายขึ้น เมื่อทำ Pico Majesty Laser

  • ก่อนการทำ Pico Majesty Laser ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ 

ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำเลเซอร์ เนื่องจากแอลกอฮอล์อาจทำให้ผิวบวมและรอยแดงหลังการทำเลเซอร์เพิ่มขึ้นได้

  • ก่อนการทำ Pico Majesty Laser ควรเตรียมผิวให้พร้อม  ก่อนการทำ Pico Majesty Laser ควรล้างหน้าให้สะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน และไม่ควรแต่งหน้าก่อนทำเลเซอร์

 

วิธีการดูแลตัวเองหลังทำ Pico Majesty Lase

การดูแลผิวหลังการทำ Pico Majesty Laser ลดรอยเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากและมีการดูแลหลายขั้นตอนเพื่อการดูแลผิวที่ดีที่สุดและลดผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ดังนี้

การดูแลทั่วไปหลังการรักษา Pico Majesty Laser

  • หลังทำ Pico Majesty Laser ควรหลีกเลี่ยงแดด หลังการทำเลเซอร์หากผิวที่รักษามีการสัมผัสกับแสง UV มากเกินไป อาจเกิดผลข้างเคียงได้ หากจำเป็นต้องออกแดดควรทาครีมกันแดด
  • หลังทำ Pico Majesty Laser ควรหลีกเลี่ยงการทำให้ระคายเคืองผิว การขัดถู การใช้สารเคมี หรือเครื่องสำอางที่ระคายเคือง อาจจะทำให้ผิวอักเสบได้หากทำให้ผิวระคายเคืองเพิ่มหลังการทำ Pico Majesty Laser
  • หลังทำ Pico Majesty Laser ควรใช้ครีมเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงฟื้นฟู หลังจากการทำเลเซอร์แล้วพักหน้าหายเป็นปกติแล้วนั้นควรเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเพื่อลดการระคายเคือง เนื่องจากหลังการทำ Pico Majesty Laser อาจจะมีโอกาสทำให้ผิวแห้งได้ ดังนั้นการเพิ่มความชุ่มชื้นและดูแลผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำหลังทำเลเซอร์
  • หลังทำ Pico Majesty Laser ควรเลี่ยงการออกกำลังกาย หลังการเลเซอร์ควรพักการออกกำลังกายและกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออก 1 สัปดาห์หลังการรักษา เพื่อไม่ให้เหงื่อที่เกิดขึ้นทำให้ผิวระคายเคือง
  • หลังทำ Pico Majesty Laser ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ หากดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่หลังการทำ Pico Majesty Laser อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง

 

การดูแลตามอาการข้างเคียงของผิวหลังการทำ Pico Majesty Laser

  • หากมีอาการบวม/แดงหลังการทำ Pico Majesty Laser  เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ และมักหายไปภายใน 2-3 ชั่วโมง แต่บางกรณีอาจใช้เวลานานกว่านั้น แนะนำให้คนที่มีผลข้างเคียงประเภทนี้ประคบเย็นหรือนวดเบา ๆ
  • หากมีอาการคันหลังจากการทำ Pico Majesty Laser ลดรอย อาการนี้จะสามารถหายไปเองไม่นาน แต่ควรหลีกเลี่ยงการเกาหรือสัมผัสใบหน้าบริเวณที่ทำเลเซอร์ ถ้าหากอาการนี้เกิดขึ้นหลังการทำ Pico Majesty Laser ไปแล้ว  1-2 วัน ควรปรึกษาแพทย์
  • หากมีสะเก็ดจากการทำ Pico Majesty Laser สะเก็ดเหล่านี้มักหลุดลอกออกไปเองภายใน 2-3 สัปดาห์ ไม่ควรแกะสะเก็ดเพื่อป้องกันรอยแผล
  • การเกิดตุ่มพองเล็กน้อยสามารถเกิดขึ้นได้ หากมีตุ่มพองหลังจากการทำ Pico Majesty Laser  ควรพบแพทย์ ไม่ควรเจาะเอง

 

Pico Majesty Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ตัวแรกของโลก ที่สามารถปล่อยพลังงานด้วยความเร็วสูงระดับ Picosecond และสามารถปล่อยพลังงานได้อย่างแม่นยำ  โดยไม่ทำร้ายเนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ โดยเลเซอร์นี้สามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุมหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น การลดรอยดำ รอยแดง รอยสิว และยังสามารถลบรอยสักได้ทุกสีอย่างปลอดภัยอีกด้วย ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง Pico Majesty Laser จึงเป็นเลเซอร์ที่มีความโดดเด่นและได้รับความนิยมมากตั้งแต่เปิดตัว

Dual Yellow Laser ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?

Dual Yellow Laser

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




    วันที่สะดวกในการติดต่อ








    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




      วันที่สะดวกในการติดต่อ








      Dual Yellow Laser ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ? กี่ครั้งเห็นผล ?

      การมีผิวหน้าไม่เรียบเนียน มีรอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ เป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนกังวลใจ ปัจจุบันมีหลายวิธีมากมายในการลดเลือนรอยต่าง ๆ เหล่านี้ และการทำเลเซอร์ลดรอย ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่คนนิยมทำกันเป็นจำนวนมาก เพราะให้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัย และรวดเร็ว วันนี้รมย์รวินท์จะพามาเจาะลึกเกี่ยวกับ Dual Yellow Laser เครื่องเลเซอร์ลดรอยยอดฮิต ที่นอกจากจะช่วยรักษารอยดำรอยแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสามารถทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย

      ทำความรู้จักกับ Dual Yellow Laser เทคโนโลยีลดรอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ

      Dual Yellow Laser

      Dual Yellow Laser คือ 

      Dual Yellow Laser คือ เทคโนโลยีที่ช่วยลดรอยสิว รอยดำ รอยแดง หรือฝ้า กระ จุดด่างดำ โดยใช้เลเซอร์แสงสีเหลือง และแสงสีเขียว ที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิว ช่วยลดรอยต่าง ๆ  ให้หายไปได้ในระยะเวลาไม่นาน ด้วยพลังเลเซอร์จากแสงสีเหลืองที่มีความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร และเลเซอร์แสงสีเขียวที่มีความยาวคลื่น 511 นาโนเมตรนี้เอง ที่นอกจากจะช่วยในการลดรอยต่าง ๆ และฝ้า กระ แล้วนั้น ยังช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวหน้าสว่างกระจ่างใส เรียบเนียนขึ้นอีกด้วย

      Dual Yellow Laser มีหลักการทำงานยังไง ?

      Dual Yellow Laser เลเซอร์ลดรอยทำงานโดยใช้พลังงานเลเซอร์สองความยาวคลื่น ได้แก่ พลังงานเลเซอร์แสงสีเหลือง ที่มีความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร และพลังงานเลเซอร์แสงสีเขียวที่มีความยาวคลื่น 511 นาโนเมตร โดยเลเซอร์ทั้งสองสีนี้สามารถถูกดูดซับได้ดี โดยโครโมฟอร์หลักในผิวหนังสองชนิด ได้แก่ Oxyhemoglobin และ Melanin

      Dual Yellow Laser

      หลักการทำงานของเลเซอร์ลดรอยใน Dual Yellow Laser แตกต่างกัน ดังนี้

      หลักการทำงานของเลเซอร์แต่ละสี

      1.Dual Yellow LaserDual Yellow Laser

      แสงสีเหลืองถูกดูดซับได้ดี โดย Oxyhemoglobin ใช้ในการลดรอยแดงที่เกิดจากปัญหาต่าง ๆ เช่น รอยแดงจากสิว รอยแผลเป็นสีแดง หรือปานแดง นอกจากนี้ยังช่วยลดการอักเสบ และฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน
      Dual Yellow Laser แสงสีเหลืองที่ปล่อยออกมาจะถูกส่งไปยังบริเวณเป้าหมายที่ต้องการ ลดรอยอย่างแม่นยำ โดยทำลายเฉพาะรอยแดงที่ผิดปกติเท่านั้น ไม่กระทบต่อเนื้อเยื่อที่อยู่รอบ ๆ ทำให้การทำ Dual Yellow Laser จึงมีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ

      2.Dual Yellow Laser

      แสงสีเขียวความยาวคลื่น 511 นาโนเมตร Dual Yellow Laser เลเซอร์ลดรอยแสงสีเขียวถูกดูดซับได้ดี โดย Melanin ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้เกิดสีผิวตามธรรมชาติ และเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดรอยดำ ฝ้า กระ และจุดด่างดำ

      Dual Yellow Laser แสงสีเขียวนี้จะช่วยลดรอยดำ จากการที่เลเซอร์ทำลายเม็ดสีเมลานินที่ผิดปกติทำให้รอยดำจางลง และสีผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้น พลังงานจากเลเซอร์แสงสีเขียวจะทำงานอย่างแม่นยำ โดยลดรอยดำ ฝ้า และกระ โดยตรงทำให้การทำ Dual Yellow Laser เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีผลต่อผิวรอบข้าง

      Dual Yellow Laser เลเซอร์ลดรอยแสงสีเขียว ยังมีความสามารถในการปรับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ และช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูผิวที่มีจุดด่างดำให้กลับมาดูใส และเนียนเรียบหลังทำอีกด้วย

      หลักการทำงานรวมของ Dual Yellow Laser

      Dual Yellow Laser ทำงานโดยการปล่อยพลังงานเลเซอร์สองช่วงความยาวคลื่น ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการรักษารอยแดง และรอยดำ พลังงานเลเซอร์จะถูกส่งไปยังบริเวณเป้าหมายในผิวหนัง แล้วเกิดการทำลายเซลล์ที่ไม่ปกติ เช่น เส้นเลือดฝอยที่ขยายตัวหรือเม็ดสีที่ผิดปกติ ซึ่งช่วยให้ปัญหาผิวเหล่านี้ลดลง และฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น

      นอกจากการลดรอยแดง และรอยดำแล้ว Dual Yellow Laser ยังมีประโยชน์ในการกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ และส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน กระชับ และกระจ่างใสขึ้น กระบวนการทำงานนี้สามารถฟื้นฟูผิวพรรณได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยต่อผิวหนัง ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือผลข้างเคียงรุนแรง

      Dual Yellow Laser

      Dual Yellow Laser ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

      Dual Yellow Laser ช่วยลดรอยแดง

      ด้วยพลังงานเลเซอร์สีเหลืองที่มีความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร ถูกออกแบบมาเพื่อดูดซับโดย Oxyhemoglobin ซึ่งเป็นสารที่พบในเม็ดเลือดแดงที่มีออกซิเจน การทำ Dual Yellow Laser ด้วยพลังงานเลเซอร์ลดรอยสีเหลือง จะช่วยทำลายเส้นเลือดฝอยที่ขยายผิดปกติ เช่น รอยแดงจากสิว โดยการใช้พลังงานเลเซอร์นี้จะช่วยลดการอักเสบ รวมถึงเร่งกระบวนการฟื้นฟูผิว ทำให้รอยแดงลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน

      Dual Yellow Laser ช่วยลดรอยดำ

      Dual Yellow Laser พลังงานเลเซอร์ลดรอยแสงสีเขียว 511 นาโนเมตร มีความสามารถในการดูดซับใน Melanin ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้เกิดสีผิว การรักษานี้ช่วยในการลดเลือนรอยดำ ฝ้า และกระ ที่เกิดจากความผิดปกติของเม็ดสีในผิวหนัง ด้วยความแม่นยำของเลเซอร์ สีผิวจึงสามารถดูสม่ำเสมอ และสว่างขึ้นได้หลังทำ Dual Yellow Laser

      Dual Yellow Laser ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

      การทำ Dual Yellow Laser ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวโดยการลดรอยจุดด่างดำ และรอยแผลเป็น ทำให้สีผิวดูเรียบเนียน และเป็นธรรมชาติมากขึ้น การทำ Dual Yellow Laser สามารถปรับพื้นผิว และความกระจ่างใสของผิวได้อย่างดี

      Dual Yellow Laser ช่วยผลัดเซลล์ผิว

      หลังการทำ Dual Yellow Laser พลังงานจากเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นกระบวนการผลัดเซลล์ผิวใหม่ เมื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปแล้ว ผิวจะสามารถสร้างเซลล์ใหม่ที่มีคุณภาพดีกว่าได้ ทำให้ผิวดูกระจ่างใส และสุขภาพดี

      Dual Yellow Laser ช่วยลดปัญหาสิว

      Dual Yellow Laser ยังสามารถช่วยลดการอักเสบที่เกิดจากสิว และลดการเกิดสิวอุดตัน โดยการทำให้รูขุมขนเปิดกว้างขึ้น และช่วยลดน้ำมันที่สะสม ทำให้ผิวหน้าดูสะอาด และสดใส

      Dual Yellow Laser จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหน้า ทั้งในเรื่องสีผิว ความเรียบเนียน และปัญหาสุขภาพผิวอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียน และกระจ่างใสในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนั้นยังปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในวงการความงาม และการแพทย์ผิวหนัง

      Dual Yellow Laser

      ทำไมต้องทำ Dual Yellow Laser ?

      Dual Yellow Laser มีเทคโนโลยีทันสมัย

      Dual Yellow Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ลดรอยที่ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์กรด้านการแพทย์ และความงามระดับโลก ทำให้มั่นใจได้ในความมีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยของการทำ Dual Yellow Laser

      Dual Yellow Laser สามารถฟื้นฟูผิวอย่างรวดเร็วและเห็นผลลัพธ์ชัดเจน

      การรักษาด้วย Dual Yellow Laser สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูสดใส เรียบเนียน และมีสุขภาพดีขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งหลายคนที่เข้ารับการรักษาด้วย Dual Yellow Laser มักพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ เนื่องจากสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น

      Dual Yellow Laser เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว

      Dual Yellow Laser ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้ได้กับหลายประเภทของผิว ทั้งผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม ทำให้ Dual Yellow Laser เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาที่มีประสิทธิภาพในทุกสภาพผิว

      Dual Yellow Laser มีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงน้อย

      การทำ Dual Yellow Laser มีความปลอดภัยสูง คนส่วนใหญ่ที่เข้ารับการรักษามักจะไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง หรือผลข้างเคียงที่น่ากังวล ทำให้ผู้รับการรักษาสามารถกลับไปทำกิจกรรมประจำวันได้ทันทีหลังจากทำ

      Dual Yellow Laser 07 0 scaled

      ใครเหมาะกับการทำ Dual Yellow Laser ?

      Dual Yellow Laser มีคุณสมบัติในการรักษาใบหน้าที่หลากหลาย จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหน้าหลายรูปแบบ ดังนี้

      • Dual Yellow Laser เหมาะกับคนที่มีรอยดำ และรอยแดง
      • Dual Yellow Laser เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ และสีผิวไม่สม่ำเสมอ
      • Dual Yellow Laser เหมาะกับคนที่มีฝ้า และกระ
      • Dual Yellow Laser เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้า เช่น ฝ้าเลือด ฝ้ากระ โดยหลังจากทำ Dual Yellow Laser แล้วจะช่วยลดเลือนฝ้ากระบนใบหน้า อีกทั้งยังทำให้สีของเม็ดสีดูสม่ำเสมอมากขึ้น
      • Dual Yellow Laser เหมาะกับคนที่มีผิวหน้าไม่เรียบ
      • Dual Yellow Laser สามารถช่วยฟื้นฟูผิวทำให้ผิวหน้าเรียบเนียน และกระชับขึ้นได้เนื่องจากการทำ Dual Yellow Laser จะไปกระตุ้นการผลิตเซลล์ผิวใหม่

      ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ Dual Yellow Laser จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดรอยสิว รอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ รวมถึงฟื้นฟู และปรับสภาพผิวใบหน้า ทั้งนี้ การรักษาด้วย Dual Yellow Laser ยังมีความปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว

      ใครไม่เหมาะกับการทำ Dual Yellow Laser ?

      แม้ Dual Yellow Laser จะมีคุณสมบัติในการรักษาหน้าที่หลากหลาย และมีความปลอดภัยสูง แต่ Dual Yellow Laser อาจจะไม่เหมาะกับคนบางกลุ่ม ดังนี้

      • Dual Yellow Laser : ไม่เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ คนที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้ ควรระมัดระวังในการทำ Dual Yellow Laser เนื่องจากโรคเหล่านี้อาจส่งผลต่อการตอบสนองของร่างกายได้ ดังนั้นคนที่มีโรคประจำตัวที่อยากทำ Dual Yellow Laser ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อประเมินความเสี่ยง และความเหมาะสมก่อนการทำ Dual Yellow Laser
      • Dual Yellow Laser : ไม่เหมาะกับคนที่เคยมีประวัติรับการรักษาด้วยการฉายรังสี
        สำหรับคนที่เคยเข้ารับการรักษาโดยการฉายรังสีในบริเวณที่ต้องการทำ Dual Yellow Laser อาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น การอักเสบหรือการบาดเจ็บของผิวหนังได้ แต่ถึงอย่างนั้นอาจจะทำได้ในบางกรณี ดังนั้นคนที่อยากทำ Dual Yellow Laser แต่เคยมีประวัติการรักษาโดยการฉายรังสีควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำจะดีที่สุด
      • Dual Yellow Laser : ไม่เหมาะกับคนที่มีประวัติเกิดแผลเป็นคีลอยด์ ผู้ที่เคยมีประวัติแผลเป็นคีลอยด์ ซึ่งเป็นแผลเป็นที่ยกสูงขึ้นจากผิวหนังที่เกิดจากการสร้างเนื้อเยื่อผิวหนังใหม่มากเกินไป อาจไม่เหมาะสมกับการทำ Dual Yellow Laser เนื่องจากอาจการทำ Dual Yellow Laser อาจไปกระตุ้นการสร้างแผลเป็นมากขึ้นในบริเวณที่รักษา
      • Dual Yellow Laser : ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร สตรีที่ตั้งครรภ์ หรืออยู่ในระหว่างการให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการทำ Dual Yellow Laser

      Dual Yellow Laser เจ็บไหม ?

      การทำ Dual Yellow Laser มักจะไม่รู้สึกเจ็บมากนัก แต่จริง ๆ แล้วความรู้สึกในระหว่างการทำขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล และบริเวณที่ทำ

      โดยส่วนมากขณะทำ Dual Yellow Laser ผู้รับการรักษาจะรู้สึกอุ่น หรือร้อนเล็กน้อย จากพลังงานเลเซอร์ที่ส่งไปยังผิวหนัง แต่จะไม่มีอาการเจ็บปวดที่รุนแรง ซึ่งในส่วนใหญ่แพทย์ผู้ทำการรักษาอาจใช้ยาชา หรือเจลเย็น เพื่อบรรเทาอาการเจ็บในระหว่างการทำ
      และหลังจากการทำ Dual Yellow Laser อาจมีอาการบวมแดงเล็กน้อย แต่จะหายไปไม่นานหลังทำ โดยปกติแล้วหลังทำผู้รับการรักษาสามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้ทันที แต่หากมีความกังวลเกี่ยวกับความเจ็บปวด หรือความไม่สบายใจ สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการทำ Dual Yellow Laser เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมได้เลย

      Dual Yellow Laser กี่ครั้งเห็นผล ?

      จำนวนครั้งของการทำ Dual Yellow Laser จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนขึ้นอยู่กับปัญหาผิว และสภาพผิวของแต่ละบุคคล สำหรับคนที่มีปัญหารอยแดง อาจเริ่มเห็นผลตั้งแต่ 1-2 ครั้ง หลังทำ Dual Yellow Laser ครั้งแรก แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้น อาจต้องทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง แต่ผลลัพธ์ของการลดรอยดำ ฝ้า หรือกระ มักจะเริ่มเห็นผลชัดเจนหลังจากทำ Dual Yellow Laser 2-3 ครั้ง และควรทำต่อเนื่องประมาณ 4-6 ครั้ง เพื่อให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ส่วนการปรับสภาพผิว และลดริ้วรอยอาจต้องใช้เวลา 3-5 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิว ดังนั้นก่อนทำ Dual Yellow Laser แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิว และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมก่อนการทำ

      หลังทำ Dual Yellow Laser มีผลข้างเคียงไหม ?

      หลังการทำ Dual Yellow Laser ผลข้างเคียงมักเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย และหายไปได้เองในระยะเวลาไม่นาน เนื่องจาก Dual Yellow Laser ออกแบบมาให้มีความอ่อนโยนต่อผิว จึงเป็นการรักษาที่มีความปลอดภัย ในบางคนอาจจะมีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เพียงชั่วคราวและไม่รุนแรง เช่น

      • หลังการทำ Dual Yellow Laser อาจมีรอยแดงเล็กน้อย
      • หลังการทำ Dual Yellow Laser อาจเกิดรอยแดงหลังการทำได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และเป็นสัญญาณว่าผิวกำลังตอบสนองต่อการรักษา รอยแดงนี้มักจะจางหายไปในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ผู้ที่ทำเลเซอร์สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
      • หลังการทำ Dual Yellow Laser อาจมีอาการบวมเล็กน้อย
        ในบางคนอาจพบอาการบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ทำ Dual Yellow Laser แต่โดยทั่วไปแล้วอาการนี้จะลดลงและหายไปภายใน 1-2 วัน
      • หลังการทำ Dual Yellow Laser อาจมีผิวแห้ง หรือหลุดลอกเล็กน้อย
        ผลข้างเคียงนี้อาจเกิดขึ้นเนื่องจากกระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติ ผิวที่แห้งหรือหลุดลอกสามารถดูแลได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
      • หลังการทำ Dual Yellow Laser อาจจะสีผิวเข้มขึ้นเล็กน้อยชั่วคราว
        ในบางกรณี ผิวอาจมีสีเข้มขึ้นเล็กน้อยหลังการทำเลเซอร์ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงชั่วคราวที่มักจางหายไปเองในไม่กี่วัน

      การดูแลตัวเองหลังการทำ Dual Yellow Laser เป็นสิ่งสำคัญเพื่อปกป้องผิว และเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา หลังทำควรสังเกตอาการของตัวเองให้ดี หากมีความผิดปกติ หรือกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

      Dual Yellow Laser ควรทำห่างกันเท่าไหร่ ?

      การทำ Dual Yellow Laser ควรเว้นระยะห่างระหว่างการทำ เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นฟูและตอบสนองต่อเลเซอร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และลดความเสี่ยงของการระคายเคือง หรือผลข้างเคียงอื่น ๆ โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษาห่างกันประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว และลักษณะผิวของแต่ละคน

      หากทำ Dual Yellow Laser เพื่อรักษารอยแดง

      การรักษาลดรอยแดงจะต้องการความถี่ในการทำที่สูงกว่า เนื่องจากผิวสามารถฟื้นตัวได้เร็ว และเลเซอร์ช่วยลดรอยแดงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แนะนำให้ทำห่างกันประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจน และลดรอยแดงอย่างต่อเนื่อง

      หากทำ Dual Yellow Laser เพื่อรักษาฝ้า กระ หรือรอยดำ

      ในการรักษาลดรอยฝ้า กระ หรือรอยดำ เลเซอร์จะทำงานโดยค่อย ๆ ลดเม็ดสีส่วนเกินใต้ผิวหนัง การรักษาลดรอยเหล่านี้มักต้องการระยะเวลาในการฟื้นฟูผิวมากกว่า ดังนั้นแพทย์จะแนะนำให้เว้นระยะการรักษา ทุก 3-4 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวมีเวลาปรับตัว และลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแห้ง หรือระคายเคือง

      หากทำ Dual Yellow Laser เพื่อปรับสภาพผิวโดยรวม

      หากทำ Dual Yellow Laser เพื่อปรับสภาพผิวให้ดูกระจ่างใส และเรียบเนียนขึ้น การทำเลเซอร์ในระยะทุก 3-4 สัปดาห์ จะช่วยให้ผิวมีเวลาฟื้นฟู และปรับสมดุลตามธรรมชาติ การทำเลเซอร์บ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้

      ก่อนทำ Dual Yellow Laser ต้องเตรียมตัวยังไง ?

      ก่อนทำ Dual Yellow Laser การเตรียมตัวเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีหลังการทำการ และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง การเตรียมตัวที่ควรปฏิบัติก่อนการทำ Dual Yellow Laser มีดังนี้

      • ก่อนทำ Dual Yellow Laser ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดแรง ๆ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนการทำเลเซอร์ เพราะผิวที่โดนแสงแดดมากเกินไปอาจทำให้เกิดการระคายเคือง หรือเสี่ยงต่อการเกิดรอยไหม้หลังการรักษา และควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงทุกครั้งเมื่อออกแดด
      • ก่อนทำ Dual Yellow Laser ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวไวต่อแสง เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของ Retinoid, AHA, BHA หรือสารเคมีลอกผิว ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการทำเลเซอร์ลดรอย เนื่องจากสารเหล่านี้อาจทำให้ผิวบอบบาง และเสี่ยงต่อการระคายเคืองหลังทำเลเซอร์
      • ก่อนทำ Dual Yellow Laser ควรงดการทำทรีตเมนต์ผิวหน้า การขัดผิว หรือสครับ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารขัดผิวประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนการรักษา เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวอ่อนแอหรือบอบบาง จนเกิดการระคายเคือง
      • ก่อนทำ Dual Yellow Laser ควรงดการใช้ยาบางชนิด
        หากก่อนทำกำลังทานยาบางชนิดที่อาจทำให้ผิวไวต่อแสง หรือมีผลข้างเคียงเกี่ยวกับผิว ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำเลเซอร์ โดยเฉพาะยาประเภทต้านการอักเสบ (NSAIDs) หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด
      • ก่อนทำ Dual Yellow Laser ลดรอยควรแจ้งให้แพทย์ทราบเกี่ยวกับปัญหาผิว หรือโรคประจำตัว อาการแพ้ เช่น โรคเริม หรือการใช้ยาบางชนิดที่อาจส่งผลต่อการรักษา เพื่อให้แพทย์พิจารณาความปลอดภัย และปรับแผนการรักษาให้เหมาะสม
      • ก่อนทำ Dual Yellow Laser ควรพักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมาก ๆ การพักผ่อนเพียงพอ และดื่มน้ำมาก ๆ หลังการทำ Dual Yellow Laser จะช่วยให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น และช่วยลดความแห้งกร้านหรือระคายเคืองหลังการรักษา

      หลังทำ Dual Yellow Laser ควรปฏิบัติตัวยังไง ?

      หลังทำ Dual Yellow Laser การดูแลผิวเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดี หลังทำควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่าง ๆ ดังนี้

      • หลังทำ Dual Yellow Laser ควรหลีกเลี่ยงการออกแดด

      หลังการทำเลเซอร์ลดรอย ผิวจะไวต่อแสงแดดมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการโดนแดดโดยตรงเป็นเวลาอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ และใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำ หรือฝ้าใหม่

      • หลังทำ Dual Yellow Laser ควรทาครีมบำรุงผิว

      ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีความอ่อนโยน และให้ความชุ่มชื้นสูง เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง เช่น ครีมที่มีกรดผลไม้ (AHA) หรือ Retinoid ในช่วงแรกหลังการรักษา เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง

      • หลังทำ Dual Yellow Laser ควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวไวต่อแสง

      หลังทำเลเซอร์ลดรอย ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีลอกผิว หรือที่ทำให้ผิวไวต่อแสง เช่น Retinoid, AHA, BHA หรือ Vitamin C เข้มข้น เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์

      • หลังทำ Dual Yellow Laser ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิว หรือการทำทรีตเมนต์หน้า

      หลังทำเลเซอร์ลดรอย ผิวจะยังบอบบางและต้องการเวลาฟื้นตัว ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือการทำทรีตเมนต์ใด ๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคืองและผิวลอก

      • หลังทำ Dual Yellow Laser ควรงดกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก

      หลังทำเลเซอร์ ควรงดการออกกำลังกายหนัก ๆ การซาวน่า หรือการแช่น้ำร้อน เพราะเหงื่อและความร้อนอาจทำให้ผิวระคายเคือง และอักเสบได้

      • หลังทำ Dual Yellow Laser ควรสังเกตผิว และติดตามอาการ

      หากมีอาการบวม แดง หรือผิวแห้ง ควรดูแลผิวด้วยการประคบเย็น หรือใช้ครีมบำรุงที่แพทย์แนะนำ และหากมีอาการผิดปกติ เช่น ผิวมีรอยดำที่ไม่จางลง หรือเกิดการอักเสบ ควรรีบปรึกษาแพทย์

      • หลังทำ Dual Yellow Laser ควรดื่มน้ำมาก ๆ

      การดื่มน้ำมาก ๆ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และฟื้นฟูได้เร็วขึ้น รวมถึงช่วยให้ผิวดูสดใสและมีสุขภาพดีหลังการรักษา

      การดูแลผิวหลังการทำ Dual Yellow Laser เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพ ดังนั้นหลังทำควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

      Dual Yellow Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อรักษาปัญหาผิวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้แสงสีเหลือง และสีเขียวเพื่อลดรอยแดง และรอยดำ เช่น ฝ้า กระ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน มีความปลอดภัยสูง ใช้ได้กับทุกสภาพผิว และฟื้นตัวได้รวดเร็ว โดยเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก และชัดเจนขึ้นเมื่อทำต่อเนื่อง

      Sylfirm X Plus คืออะไร ช่วยอะไร 

      SYLFIRM

      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





        วันที่สะดวกในการติดต่อ









        Sylfirm x Plus แก้ปัญหา พร้อมฟื้นฟูผิว

        โปรแกรมแก้ปัญหาผิว และฟื้นฟูผิวอย่างมีประสิทธิภาพ มีประโยชน์ในการแก้ปัญหาผิวหลากหลาย ทั้ง การลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า แก้ปัญหาริ้วรอยจุดด่างดำ อันเกิดจากเม็ดสีผิวหรือหลอดเลือด และลดเม็ดสี โดยการใช้เทคโนโลยี RF Microneedling หรือเครื่องมือที่ประกอบด้วยเข็มขนาดเล็ก ๆ ระดับ 300 ไมครอนที่มีระดับความลึก 0.3-4.0 มม. ที่ทำการรักษาได้ลึกในระดับผิวหนังแท้ชั้นบน (Papillary dermis) ที่อยู่ใต้หนังกำพร้า และยังเป็นตัวเชื่อมระหว่างหนังกำพร้าและผิวหนังแท้ ซึ่ง RF Microneedling จะช่วยเป็นตัวส่งพลังงานคลื่นทำให้ผิวไม่ได้รับความบาดเจ็บ และยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมตัวเอง รวมถึงช่วยสลายพังผืดของแผล ที่อยู่ในบริเวณที่ทำด้วย

        Sylfirm X Plus เป็นโปรแกรมที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ RF ในการส่งพลังงาน โดยการส่งความร้อนประมาณ 40-60 องศาเซลเซียสลงสู่ชั้นผิว ซึ่งส่งผลในการฟื้นฟูสภาพผิว และแก้ปัญหาผิวในทุกสภาพผิวได้อย่างไม่อันตราย และเมื่อเทคนิคทั้งสองอย่างมาผสานรวมกันในการรักษา จึงเป็นการส่งเสริมให้ Sylfirm X Plus เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เทียบเท่าได้กับการผ่าตัดขนาดเล็ก เนื่องจากเข็มของ Sylfirm X Plus จะสามารถเข้าไปสู่ชั้นผิวได้ลึกและตรงจุดถึงต้นตอของปัญหา จึงทำให้แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย

        sylfirm

        ในการทำงานด้วยกันถึง 2 คลื่นวิทยุ (Dual Wave) อันประกอบด้วย Dual Wave ในการแก้ปัญหาผิว

          • Continuous Wave Mode หรือ คลื่นต่อเนื่อง คือ คลื่นที่เกิดจากการสั่นสะเทือน ที่ทำให้เกิดการสั่นอย่างต่อเนื่อง และแผ่กระจายออกอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับคลื่น

        Continuous Wave Mode เป็นคลื่นที่ช่วยแก้ปัญหาผิวในด้านการฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น และปรับสภาพผิวองค์รวมให้ดูดีขึ้นอย่างล้ำลึก ยกกระชับผิวที่มีความหย่อนคล้อย ช่วยในการลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ที่อยู่บนผิว ช่วยให้ผิวมีความกระจ่างใส ฟื้นฟูรอยแผลเป็น และช่วยสร้างคอลลาเจนใต้ผิวให้เกิดใหม่ได้เรียงตัวอย่างมีคุณภาพ

          • Pulse Wave Mode หรือ คลื่นดล คือ คลื่นที่เกิดจากการสั่นสะเทือน ที่จะส่งสัญญาณมาเป็นระยะเวลาสั้น ๆ จึงทำให้คลื่นเกิดการแผ่ตัวในจำนวนที่น้อย จึงทำให้การเคลื่อนที่ของคลื่นมีการแผ่จำนวนออกได้อย่างจำกัด

        Pulse Wave Mode ช่วยแก้ปัญหาผิวด้วยการฟื้นฟูรักษา และลดจำนวนการเกิดสิว กำจัดปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดจากเม็ดสีบนใบหน้า และลดเม็ดสี อย่างเช่น ฝ้า  กระ และลดรอยเส้นเลือดที่ทำให้เกิดปัญหารอยแดงบนใบหน้า

        โดย Sylfirm X Plus เป็นโปรแกรมแก้ปัญหาผิวชนิดแรกของโลก ที่ใช้พลังงานในรูปแบบนี้ และทําให้เกิดความร้อนใต้เนื้อเยื่อผิวชั้นลึกได้อย่างตรงจุด ผ่านเข็มที่มีขนาดเล็กมากเพียง 300 ไมครอน จึงส่งผลให้การฟื้นฟูผิวเป็นการฟื้นฟูในชนิดที่ผิวไม่ได้รับการบาดเจ็บ ทิ้งบาดแผลหลังการทำไม่มาก และยังมีความปลอดภัยในขณะทำการรักษา เป็นโปรแกรมแก้ปัญหาผิวได้รับการรับรองมาตรฐานจากหลายองค์กรจากหลากหลายประเทศ อาทิ  (USFDA, CE, SFDA, KFDA) ทั้งยังมีงานวิจัยต่าง ๆ รองรับอีกมากมาย ที่เกี่ยวกับเทคนิค Continuous Wave และ Pulse Wave

        Sylfirm X Plus ช่วยแก้ปัญหาผิวเรื่องอะไรบ้าง

        • Sylfirm X Plus ช่วยในแก้ปัญหาผิวในด้านการลดฝ้า กระ ด้วยการเข้าไปทำลายการสร้างและสาเหตุของการเกิดเม็ดสี  และช่วยลดเม็ดสีอย่างปลอดภัย
        • Sylfirm X Plus ช่วยในการแก้ปัญหาผิวในด้านการลดจุดด่างดำจากเม็ดสี โดยเข้าไปทำลายการสร้างและสาเหตุของการเกิดเม็ดสี ช่วยลดเม็ดสีทำให้เม็ดสีที่เคยชัดดูจางลง ด้วยการส่งพลังงาน RF ในการสลายเซลล์เม็ดสี ช่วยลดเม็ดสีรวมทั้งทำลายเส้นเลือดฝอยที่ทำหน้าที่คอยหล่อเลี้ยงเซลล์เม็ดสี
        • Sylfirm X Plus ช่วยในการแก้ปัญหาผิวในด้านการกระชับรูขุมขน อันเป็นต้นเหตุของการเกิดสิว ผิวหน้าไม่เรียบเนียน และทำให้ผิวหน้าเกิดความสกปรก โดยการเข้าไปทำให้ผิวหนังเกิดการสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้รูขุมขนที่เคยกว้าง กลับมีขนาดเล็กลง
        • Sylfirm X Plus ช่วยในการแก้ปัญหาผิว ในด้านลดรอยดำจากสิวจะช่วยในการเข้าไปสลายเม็ดสีผิว ลดเม็ดสีผิวที่ทำงานผิดปกติให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ  และฟื้นฟูผิวให้กลับมาไร้ริ้วรอยอีกครั้ง
        • Sylfirm X Plus ช่วยในการลดรอยแดงจากเส้นเลือด ช่วยในการยับยั้งเส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิว อันเป็นสาเหตุของการเกิดรอยแดง
        • Sylfirm X Plus ช่วยในการแก้ปัญหาหลุมสิว โดยวิธีการใช้เข็มของตัวเครื่องในการตัดพังผืด และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ใต้ชั้นผิวออก และช่วยให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น
        • Sylfirm X Plus ช่วยในการยกกระชับผิวหน้าที่มีความหย่อนคล้อย ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รวมทั้งอีลาสตินที่อยู่ใต้ผิวให้เกิดขึ้นใหม่ และทำให้ผิวที่เคยเกิดการเสื่อมสภาพได้มีการฟื้นฟู
        • Sylfirm X Plus ช่วยในการสร้างคอลลาเจน และจัดเรียงคอลลาเจนใต้ชั้นผิวทำให้ผิวมีคุณภาพที่ดีขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนที่เกิดขึ้นใหม่เป็นคอลลาเจนที่เกิดจากร่างกายของเราเอง และยังเป็นคอลลาเจนที่ขึ้นอย่างมีระเบียบ

        จุดเด่นของ Sylfirm X Plus แก้ปัญหาผิว

        • Sylfirm X Plus ใช้ระบบ AI ในการประเมินสภาพผิว
        • Sylfirm X Plus ส่งพลังงานลงสู่ผิวได้อย่างแม่นยำ จากการใช้ AI ในการประเมิน
        • Sylfirm X Plus ไม่ทำให้มีเลือดออกหลังการทำ
        • Sylfirm X Plus หลังทำไม่ต้องพักฟื้น
        • Sylfirm X Plus ไม่ทำให้ผิวเบิร์น หรือไหม้
        • Sylfirm X Plus ไม่อันตรายต่อผิว
        • Sylfirm X Plus ไม่ทำให้ผิวเกิดการบาดเจ็บ
        • Sylfirm X Plus สลายพังผืดได้
        • Sylfirm X Plus กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อได้
        • Sylfirm X Plus ทำลายเม็ดสีผิว และเม็ดสีผิวที่มีความปกติได้แบบเจาะจง
        • Sylfirm X Plus ผิวบาดเจ็บน้อย

        Sylfirm X Plus แก้ปัญหาผิวสามารถทำตรงไหนได้บ้าง

        Sylfirm X Plus แก้ปัญหาผิวสามารถทำได้ทั้งใบหน้าและรูปร่าง ดังนี้

        • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ ทั่วใบหน้า
        • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ รอบดวงตา
        • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ หน้าผาก
        • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ จมูก
        • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ แก้ม
        • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ รอบมุมปาก
        • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ คาง
        • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ ลำคอ
        • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ แขน
        • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ ขา
        • Sylfirm X Plus สามารถทำบริเวณ หน้าท้อง

        ใครเหมาะกับการทำ Sylfirm x Plus แก้ปัญหาผิว

        • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย
        • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหาผิวไม่กระชับ
        • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว รอยสิว
        • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหาจุดด่างดำ รอยแดง จากเม็ดสี ที่ต้องการลดเม็ดสี
        • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
        • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหาใบหน้าไม่เรียบเนียน ขรุขระ
        • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ
        • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้มีความแข็งแรง
        • ผู้ที่เหมาะการทำ Sylfirm x Plus คือผู้ที่มีปัญหาเซลล์ผิวเสื่อมสภาพไปตามวัย

        ขั้นตอนในการทำ Sylfirm X Plus แก้ปัญหาผิว

        • ทำความสะอาดใบหน้า เพื่อพร้อมสำหรับการใช้บริการ
        • หากมีหนวดควรโกนหนวดออก เพื่อความแม่นยำในการรักษา
        • ทายาชาทิ้งไว้เพื่อบรรเทาความเจ็บ เป็นเวลาประมาณ 60 นาที
        • เช็ดยาชาออก
        • แพทย์ลงมือทำ Sylfirm X Plus อย่างละเอียดและแม่นยำ
        • เช็ดหน้าให้เรียบร้อย

        sylfirm

        การดูแลตัวเองหลังการทำ Sylfirm X Plus แก้ปัญหาผิว

        • หลัง Sylfirm X Plus  สามารถทำการประคบเย็นได้ ในการบรรเทาความเจ็บ แสบ หรือร้อนหลังการรักษา
        • หลังทำ Sylfirm X Plus ควรงดการใช้สกินแคร์ ที่ไม่อ่อนโยนต่อผิว หรือทำให้ผิวระคายเคือง
        • หลังทำ Sylfirm X Plus ควรงดใช้เครื่องสำอางสูตรที่ไม่อ่อนโยนต่อผิว หรือทำให้ผิวระคายเคือง หรือมีการผลัดเซลล์ผิว
        • หลังทำ Sylfirm X Plus หากมีสะเก็ดขึ้นบนผิว ห้ามแกะ เกาเด็ดขาด
        • หลังทำ Sylfirm X Plus ควรปล่อยให้สะเก็ดบนใบหน้าหลุดออกเองตามธรรมชาติ
        • หลังทำ Sylfirm X Plus ควรทาสกินแคร์ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวอย่างสม่ำเสมอ
        • หลังทำ Sylfirm X Plus ควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด และลดการสร้างเม็ดสีผิวเพิ่ม
        • หลังทำ Sylfirm X Plus ควรงดการอยู่ในที่ร้อน เช่น ซาวน่า หรือทำกิจกรรมในที่ร้อน ๆ
        • หลังทำ Sylfirm X Plus  ควรงดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อเป็นการฟื้นฟูผิว
        • หลังทำ Sylfirm X Plus ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

        ข้อแนะนำหลังการรักษา

        • หลังการทำ sylfirmx Plus หากมีความกังวลว่าผิวหน้าจะได้รับความระคายเคือง ควรมีระยะเวลาในการพักฟื้นผิวหลังทำ
        • สำหรับอาการบวมแดงหลังทำ sylfirmx Plus จะสามารถหายได้เองใน 24-72 ชั่วโมง

        sylfirm

        sylfirm X Plus ต้องทำกี่ครั้งจึงจะแก้ปัญหาผิวได้

        sylfirmx Plus จะเริ่มเห็นผลลัพธ์หลังทำประมาณ 3-6 ครั้ง โดยแต่ละครั้งควรเว้นระยะห่างในการทำประมาณ 2 สัปดาห์ หรือตามนัดแพทย์ ทั้งนี้ผลลัพธ์ในการรักษาจะขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการตอบสนองของแต่ละบุคคล

        sylfirm X Plus คงผลลัพธ์ได้นานแค่ไหนในการแก้ปัญหาผิว

        ผลลัพธ์ของ sylfirm X Plus สามารถคงผลลัพธ์ได้ตามมาตรฐาน คือ 6-12 เดือน ทั้งนี้ในบุคคลที่ดูแลเป็นอย่างดี จะส่งผลให้ sylfirm X Plus สามารถคงสภาพผลลัพธ์ได้นานขึ้น

        sylfirm X Plus ใช้ระยะเวลาแก้ปัญหาผิวในแต่ละครั้งนานเท่าไร 

        ระยะเวลาในการทำอาจมีความแตกต่างกันไปตามปัญหา และบริเวณที่ทำโดยปกติจะใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 30 นาที ไม่รวมเวลารอยาชา

        sylfirm X Plus แก้ปัญหาผิวมีความเจ็บหรือไม่ในขณะทำการรักษา

        ในขณะที่ทำ sylfirm X Plus ไม่เจ็บ เนื่องจากมีการทายาชาบรรเทาความเจ็บแล้ว หากมีความเจ็บจะมีเพียงเล็กน้อย แต่ปกติจะไม่มีเลย และยังเป็นโปรแกรมที่ไม่ทำลายผิวอีกด้วย

        sylfirm

        sylfirmX Plus แก้ปัญหาผิวได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

        มีความปลอดภัยมาก เนื่องจาก sylfirm X Plus ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก USFDA CE SFDA และ KFDA อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่มีมาตรฐานรองรับมากมาย จากหลากหลายประเทศ

        Sylfirm X Plus  ต่างกับ Morpheus อย่างไร

        อาจจะเห็นว่าลักษณะหัว แฮนด์พีซของทั้งสองโปรแกรมมีความคล้ายคลึงกัน คือ มีลักษณะเป็นหัวเข็มในการปล่อยพลังงานคลื่นลงสู่ผิว แต่ทั้งสองโปรแกรมทำงานแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันอีกด้วย ดังนี้

        • Sylfirm X Plus เป็นการใช้พลังงานคลื่น Microneedling RF ในการปล่อยพลังงานถึงสองโหมด ประกอบด้วยพลังงาน Pulse Mode และพลังงาน  Contineous Mode โดยตัวเข็มของ Sylfirm X Plus จะเป็นเข็มที่ไร้ฉนวน หรือเรียกอีกอย่างว่า เข็มแบบไม่เคลือบ จึงทำให้เข็มทุกเล่มของ Sylfirm X Plus สามารถปล่อยพลังงานคลื่นได้เป็นอย่างดี ไม่ทำให้เกิดสะเก็ดหลังทำ และไม่ทำให้ผิวได้รับความเสียหาย
        • โปรแกรม Morpheus เป็นการใช้พลังงานในลักษณะคลื่น Microneedling RF ที่ตัวหัวเข็มมีการเคลือบทองคำ และสามารถ ปล่อยพลังงานลงสู่ผิวหนังได้อย่างจำเพาะเจาะจงและตรงจุด ทำให้ได้ผลลัพธ์ในการช่วยยกกระชับผิว ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ช่วยในการลดเลือนริ้วรอย หรือร่องตื้น ๆ และยังช่วยลดไขมัน และทำให้ผิวที่มีความหย่อน ย้วย ยับ ได้กลับมาสวยเรียบเนียนอีกครั้ง

        ทั้งสองโปรแกรมจึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวกันคนละแบบ จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ก่อนทำการรักษา เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการรักษาเป็นการแก้ปัญหาอย่างตรงจุดที่สุด และเกิดประโยชน์ที่สุดในระยะยาว

        BF AT1
        sylfirm

        ทำไมต้องทำ Sylfirm X Plus ที่รมย์รวินท์คลินิก

        • เป็นคลินิกที่คร่ำหวอดด้านการฟื้นฟูผิวหน้ามาเป็นระยะเวลานาน
        • มีแพทย์จำนวนมากพร้อมให้บริการ
        • แพทย์ทุกท่านมีความรู้ความสามารถ
        • มีความชำนาญในการฟื้นฟูผิวในทุก ๆ ด้าน
        • คลินิกได้รับมาตรฐานทุกสาขา
        • พนักงานทุกคนได้รับการอบรมในด้านการดูแลผู้เข้ารับบริการเป็นอย่างดี
        • ใช้เครื่อง Sylfirm X Plus แท้ ได้รับมาตรฐานจากผู้ผลิตสามารถตรวจสอบได้
        • ไม่มีอันตรายในระหว่างการรักษา

        ใครที่มีปัญหาผิวและต้องการได้รับการแก้ไข สามารถสอบถามได้ ที่รมย์รวินท์คลินิกในช่องทางออนไลน์ทุกช่องทาง FB : https://www.facebook.com/RomrawinClinic หรือไลน์ @romrawinclinic รวมทั้งสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หน้าสาขาทุกสาขา ทั้ง 28 สาขาทั่วประเทศ

        ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





          วันที่สะดวกในการติดต่อ








          NU Pico Laser คืออะไร ? ช่วยอะไร ? เหมาะกับใคร ?

          pico

          ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





            วันที่สะดวกในการติดต่อ








            NU PICO BRIGHT
            ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

            NU Pico Laser เคลียร์ปัญหา เม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

            NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์จากประเทศสหรัฐอเมริกา ผลิตโดยบริษัท CUTERA เป็นเทคโนโลยีที่สามารถแก้ปัญหาเม็ดสีผิวได้หลากหลาย รวมทั้งยังมีความพิเศษในด้านการจับเม็ดสีที่มีขนาดเล็กได้ดีกว่าโปรแกรมอื่น ๆ เพื่อให้เซลล์เม็ดเลือดขาวในร่างกายได้กำจัดเม็ดสีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ออกจากร่างกายไปตามกระบวนการของธรรมชาติ

            เนื่องจาก NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำมีความยาวของคลื่นอยู่ที่ 532 และ 1,064 นาโนเมตร มีความถี่ในระยะเวลา 750 พิโควินาที ซึ่งนับว่าเป็นความถี่มีความสูงมาก และยังสามารถทำให้เกิดปฏิกิริยา Photo-acoustic หรือปฏิกิริยาที่ไม่ทำให้เกิดการสะสมของความร้อน ในระหว่างการยิง NU Pico Laser ทั้งยังทำให้เม็ดสีที่ถูกยิงไปแล้วเกิดการแตกตัวได้ไว และแตกตัวเป็นอย่างดี เหมาะกับการรักษาเม็ดสีผิวสีอ่อน กระลึก ฝ้าแดด ฝ้าตื้น ฝ้าลึก และฝ้าผสม ปรับสีผิวให้มีความสม่ำเสมอ และยังปรับใบหน้าให้มีความขาวกระจ่างใสมากขึ้น

            จึงสามารถแก้ปัญหาในด้านของเม็ดสีโดยธรรมชาติได้เป็นอย่างดี ทั้งปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ และปัญหาผิวต่าง ๆ ที่เกิดจากผิวหนังในชั้นหนังแท้ (Dermis) อาทิ รอยดำ กระแดด เป็นต้น

            ไม่เพียงเท่านั้น NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ ยังมีโหมด PICO genesis ที่มีพลังงานเสถียรเป็นอย่างมาก และยังเป็นโหมดที่ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว จึงมีส่วนในการฟื้นฟูผิว ให้มีความสวยงาม เรียบเนียน และให้ผลลัพธ์ที่ดี พักฟื้นไม่นานหลังทำการรักษา

            และ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ ยังมีโหมด Micro Lens Array หรือเรียกโดยย่อกันว่า MLA ที่เป็นโหมดที่เหมาะในการรักษาริ้วรอยแบบตื้น ๆ บนใบหน้า ฝ้าชนิดตื้น รวมทั้งรักษาหลุมสิว นอกจากนี้ โหมด Micro Lens Array นี้ยังช่วยในการจัดเรียงคอลลาเจนใต้ผิวให้มีความเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้นด้วย NU Pico Laser ทั้งยังมี Hand pieces หลากหลายให้เลือกสรรให้เหมาะกับปัญหา และสภาพผิวหนังของแต่ละบุคคล

            ลักษณะการทำงานของ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

            NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ ทำงานโดยหลักการปล่อยลำแสงเลเซอร์ เพื่อการรักษาและกำจัดเม็ดสีต่าง ๆ จากนั้นจะทำให้เกิดปฏิกิริยา Photo-acoustic เพื่อทำลายเม็ดสีต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการบนผิวหนังให้ค่อย ๆ จาง และหายจนหมดไปในที่สุดจากผิว โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายจากการสะสมของความร้อน ไม่เป็นแผลเป็น ไม่มีผลข้างเคียง หากทำการรักษาโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ จึงเป็นโปรแกรมที่แพทย์มักแนะนำ เนื่องจากเหมาะกับผู้ที่ต้องการกำจัดเม็ดสีต่าง ๆ บนผิวหนัง แต่ไม่มีเวลาในการพักฟื้นนาน ไม่เจ็บ ไม่แสบ และใช้ระยะเวลาในการรักษาไม่มาก

            pico

            NU Pico Laser ใช้เวลาในการทำแต่ละครั้งนานเท่าไร

            ระยะเวลาในการทำ NU Pico Laser ในแต่ละครั้งแพทย์จะใช้เวลาในการยิง เพื่อทำการรักษาประมาณ 15 – 30 นาที (ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ จำนวนช็อตที่แพทย์ประเมิน และใช้ในการยิงเพื่อทำการรักษา)

            NU Pico Laser ใช้ความถี่ในการทำกี่ครั้งในแต่ละปัญหา

            ระยะเวลาและความถี่ในการทำ NU Pico Laser

            • ทำ NU Pico Laser ในการช่วยปรับผิวให้มีความขาวกระจ่างใส ควรทำติดต่อกันจำนวน 4-6 ครั้ง
            • ทำ NU Pico Laser ในการรักษาฝ้า กระ ควรทำการรักษาเป็นระยะเวลา 2 – 4 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง ติดต่อกันจำนวน 5 – 6 ครั้ง
            • ทำ NU Pico Laser ในการรักษาจุดด่างดำฝังลึก ควรทำการรักษาเป็นระยะเวลาติดต่อกันจำนวน 4-6 ครั้ง
            • ทำ NU Pico Laser ในการลดริ้วรอย ควรทำการรักษา 4 สัปดาห์ ต่อ 1ครั้ง เป็นระยะเวลาติดต่อกันจำนวน 5 – 6 ครั้ง
            • ทำ NU Pico Laser ในการปรับผิวหน้าที่หมองคล้ำให้กลับมาสดใสตามเดิม ควรทำการรักษา 4 สัปดาห์ ต่อ 1ครั้ง เป็นระยะเวลาติดต่อกันจำนวน 5 – 6 ครั้ง
            • ทำ NU Pico Laser ในการช่วยปรับผิวหน้าที่หมองคล้ำให้ดูสวยสดใสมากขึ้น ควรทำ ติดต่อกันจำนวน 4-6 ครั้ง

            NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำแก้ปัญหาเรื่องใดได้บ้าง

            • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาเรื่องรอยแดง รอยดำจากสิวได้
            • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาเรื่องฝ้า ตื้น ฝ้าลึก ฝ้าผสมได้
            • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาเรื่องกระแดดได้
            • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาผิวไม่กระจ่างใสได้
            • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหารูขุมขนกว้างได้
            • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาหลุมสิวได้
            • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหารอยแผลเป็นได้
            • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหารอยแตกลายได้
            • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาผิวไม่เรียบเนียนได้
            • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาจุดด่างดำได้
            • NU Pico Laser สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยได้

            ข้อดีของ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

            • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ นอกจากการลดเม็ดสีแล้ว ยังช่วยในการทำให้ผิวมีคุณภาพและมีความแข็งแรงที่มากขึ้น
            • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ การช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวไปพร้อม ๆ กันในระหว่างทำการรักษา
            • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ สามารถทำได้ในผู้ใช้บริการทุกสภาพผิว
            • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ สามารถทำได้ในผู้ใช้บริการทุกสีผิว
            • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ ได้รับรองความปลอดภัยจาก US FDA
            • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ เห็นผลลัพธ์ในการรักษาตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งหลังจากเข้ารับบริการ
            • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ ไม่ต้องผ่าตัด
            • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ ไม่ทิ้งสะเก็ด ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นหลังทำ
            • ข้อดีของ NU Pico Laser คือ สามารถปรับพลังงานได้หลายระดับตามความเหมาะสมในการรักษา

            NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำเหมาะกับใคร ?

            • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีฝ้าตื้น ฝ้าลึก และฝ้าผสม
            • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีกระตื้น กระลึก กระแดด
            • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีรอยดำจากสิว
            • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีหลุมสิว
            • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาจุดด่างดำ
            • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีผิวเรียบเนียนกระจ่างใส
            • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง
            • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารอยแตกลาย
            • NU Pico Laser เหมาะกับผู้ที่มีปาน และต้องการเอาออก

            NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำไม่เหมาะกับใคร ?

            • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับหญิงที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ 
            • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับหญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
            • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ โรค SLE ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
            • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่มีอาการผิวหนังติดเชื้อ หรือเป็นแผลสด 
            • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นสิวอักเสบ หรือสิวหนอง บริเวณที่จะทำ NU Pico Laser
            • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังบอบบาง ผิวแพ้ง่าย อาจมีโอกาสเกิดการระคายเคืองได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
            • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ 
            • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังให้นมบุตร
            • NU Pico Laser ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติโรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่อง

            ดังนั้นหากต้องการทำ NU Pico Laser ควรทำการปรึกษาแพทย์ และแจ้งแพทย์ถึงสภาวะต่าง ๆ ในร่างกายให้ละเอียด เนื่องจากทุกการทำหัตถการสามารถมีผลข้างเคียงได้ หากร่างกายของผู้เข้ารับบริการไม่มีความพร้อมสำหรับการรักษาที่มากพอ

            การเตรียมตัวก่อนทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

            ก่อนเข้ารับบริการ NU Pico Laser ผู้เข้ารับบริการควรเตรียมตัวดังนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีหลังทำการรักษา

            • ก่อนทำ NU Pico Laser ผู้เข้ารับบริการควรหลีกเลี่ยงการออกแดด หรือสัมผัสแสงแดดจัดขั้นต่ำ 4-6 วันก่อน เข้ารับบริการ
            • ก่อนทำ NU Pico Laser ผู้เข้ารับบริการควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA+++ เป็นประจำทุกวัน เพื่อเป็นการเตรียมผิวก่อนเข้ารับบริการ
            • ก่อนทำ NU Pico Laser ผู้เข้ารับบริการควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่มีส่วนประกอบของ AHA BHA และเรตินอยด์ ก่อนเข้ารับบริการ เนื่องจากอาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองในการทำ NU Pico Laser  ได้ง่ายกว่าปกติ
            • ก่อนทำ NU Pico Laser ผู้เข้ารับบริการควรบำรุงผิวด้วยครีมบำรุง ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้น เตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับบริการ
            • ก่อนทำ NU Pico Laser ผู้เข้ารับบริการควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง 4-6 วันก่อนเข้ารับบริการ

            ขั้นตอนการทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

            การทำ NU Pico Laser มีขั้นตอน ดังนี้

            • ผู้เข้ารับบริการทำการปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับบริเวณ และปัญหาที่ต้องการทำการรักษา
            • แพทย์ผู้มีประสบการณ์ทำการตรวจประเมินปัญหาสภาพผิว รวมทั้งทำการวางแผนการรักษา
            • จากนั้นผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดใบหน้า และเก็บผมให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำ NU Pico Laser
            • แพทย์ทำการยิง NU Pico Laser ตามจำนวนช็อต และความร้อนในระดับที่เหมาะสม
            • เมื่อแพทย์ทำการยิง NU Pico Laser เสร็จแล้ว ผู้ช่วยแพทย์จะทำการประคบเย็นในบริเวณที่ทำการรักษา ประมาณ 10-15 นาที
            • ผู้ช่วยแพทย์ทาครีมบำรุงสูตรพิเศษของ รมย์รวินท์คลินิก โดยเฉพาะ ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นหลังการทำ NU Pico Laser เป็นอันเสร็จ

            pico

            การดูแลตัวเองหลังการทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

            การทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ จำเป็นต้องดูแลตัวเองตามแพทย์สั่ง ดังนี้

            • หลังการทำ NU Pico Laser หากมีอาการแสบร้อนในบริเวณที่ทำ ผู้เข้ารับบริการสามารถประคบเย็น เพื่อบรรเทาอาการแสบร้อนดังกล่าวได้
            • หลังการทำ NU Pico Laser ควรทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์มาก ๆ เป็นประจำ เพื่อให้ความชุ่มชื้นกับผิว และเพื่อการฟื้นฟูของผิวในบริเวณที่ทำการรักษา
            • หลังการทำ NU Pico Laser ควรงดให้สัมผัสกับแสงแดดเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากใบหน้าหลังจากการทำ NU Pico Laser จะมีความไวต่อแดดมากกว่าผิวหนังปกติ อาจทำให้ผิวคล้ำกว่าปกติ หรือไหม้จากการโดนแสงแดดได้
            • หลังการทำ NU Pico Laser ควรงดเล่นกีฬากลางแจ้ง เพื่อป้องกันผิวโดนแดด
            • หลังการทำ NU Pico Laser ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง 50 PA+++ ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันผิวหน้าจากแสงแดด
            • หลังการทำ NU Pico Laser ควรงดการถู นวด แกะ หรือเกาในผิวหนังบริเวณที่ทำการรักษา
            • หลังการทำ NU Pico Laser ควรงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
            • หลังการทำ NU Pico Laser ควรงดรับประทานปลาร้า และของหมักดอง เพื่อป้องกันการอักเสบของผิว
            • หลังการทำ NU Pico Laser ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ที่มีความร้อน การแช่น้ำร้อนหรือ การอบซาวน่า อย่างน้อย 1-2 วัน

            ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการทำหลังการทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

            หลังจากทำการรักษาด้วย NU Pico Laser แล้วผิวหนังในบริเวณที่ทำการรักษา อาจเกิดอาการบวม แดง หรืออักเสบขึ้นมาได้ โดยอาการเหล่านี้เป็นอาการที่สามารถหายได้เองภายในระยะเวลา 1-2 วัน โดยไม่ต้องกังวล

            ข้อจำกัดในการทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ

            ในการทำ NU Pico Laser ในกลุ่มคนไข้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิว เช่น การมีโรคผิวหนัง หรือมีผิวที่บอบบางกว่าปกติ ไม่ใช่กลุ่มที่ไม่สามารถทำการรักษา แต่เป็นคนไข้ในกลุ่มที่ต้องทำการปรึกษาแพทย์โดยละเอียดมากกว่าปกติ เพื่อให้แพทย์แนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังการเข้ารับบริการอย่างละเอียด ให้คนไข้ในกลุ่มนี้ได้รับผลกระทบในการทำ NU Pico Laser อย่างน้อยที่สุด

            NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ เห็นผลหลังจากทำแล้วกี่ครั้ง

            การทำ NU Pico Laser ในแต่ละคนจะเห็นผลลัพธ์ในการทำที่แตกต่างกัน เนื่องจากปัญหาของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน และสภาพผิวของแต่ละบุคคลยังไม่เหมือนกันด้วย แต่โดยปกติแล้วหากเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับเม็ดสีผิว โดยทั่วไปสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่การทำ NU Pico Laser ในครั้งแรก โดยไม่ใช่การที่เม็ดสีนั้นหายไปหมดในทีเดียว แต่จะเห็นว่าจางลงนั่นเอง โดยจะเห็นผลว่าจางลงเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ครั้งที่ทำ

            pico

            NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ จะทำให้ผิวหน้าบางหรือไม่

            ไม่บาง เนื่องจากแสงเลเซอร์ที่ใช้ใน NU Pico Laser  จะมีหน้าที่เพียงแค่เข้าไปทำลายเม็ดสีในชั้นผิว และทำการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิวเพียงเท่านั้น จะไม่มีการเกี่ยวข้องหรือไปรบกวนเซลล์ผิวอื่นในผิวหน้า ทำให้บริเวณอื่น หรือผิวหน้าส่วนอื่นที่ไม่ใช่เม็ดสี ได้รับผลกระทบน้อย

            หลังทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ สามารถล้างหน้าได้หรือไม่

            หลังทำ NU Pico Laser จะสามารถล้างหน้าได้เมื่อทำไปครบ 24  ชั่วโมง เนื่องจากการล้างหน้านั้น อาจไปส่งผลต่อการรักษา และการฟื้นฟูของผิวบริเวณที่ทำ NU Pico Laser ได้ และเมื่อครบ 24 ชั่วโมงสามารถล้างหน้าได้ แต่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยน เนื่องจากผิวหน้ายังมีความบอบบางอยู่มาก

            NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ ช่วยรักษาหลุมสิวได้จริงไหม

            NU Pico Laser ช่วยในการรักษาหลุมสิวได้จริง เนื่องจาก NU Pico Laser นั้นจะเข้าไปทำลายเม็ดสีผิว นอกจากนั้นแล้วจะเข้าไปช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนที่อยู่ใต้ชั้นผิว ให้เกิดการสร้างที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังช่วยให้คอลลาเจนที่อยู่ใต้ชั้นผิว เกิดการเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบมากขึ้น จึงส่งผลให้หลุมสิวที่เป็นนั้น มีความตื้นมากขึ้นนั่นเอง

            สภาพผิวส่งผลต่อการทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือไม่

            ส่งผลต่อการรักษา เนื่องจากผู้ที่ผิวมันจะตอบสนองต่อการยิง NU Pico Laser ได้มากกว่าผู้ที่มีผิวแห้ง และผู้ที่ผิวมันหลังทำการรักษาใบหน้าจะไม่แห้งเท่าผู้ที่มีผิวแห้ง

            หลังทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ หากใบหน้ามีความแดงเป็นอันตรายหรือไม่ และสามารถหายได้ในระยะเวลากี่วัน

            อาการใบหน้าแดง หรือจุดแดงบนใบหน้า หลังทำ NU Pico Laser นับเป็นอาการปกติของการรักษา โดยอาการเหล่านี้จะสามารถหายได้เองในระยะเวลามากที่สุด 3-7 วัน โดยไม่ต้องกังวล

            pico

            NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำมีความเจ็บหรือไม่ ต้องใช้ยาชาร่วมในการรักษาหรือไม่

            ในการทำนั้น จะมีความรู้สึกเพียงเจ็บจี๊ด ๆ และร้อน ๆ อุ่น ๆ ที่ผิวเพียงเท่านั้น หากผู้เข้ารับบริการกลัวเจ็บในระหว่างทำการรักษา สามารถแจ้งแพทย์เพื่อทำการทายาชาก่อนทำการรักษาได้

            หากทำ NU Pico Laser รักษาเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่ไม่ได้มาตรฐานจะเกิดผลข้างเคียงดังต่อไปนี้

            • NU Pico Laser เครื่องไม่แท้จะมีพลังงานที่ไม่เสถียร ทำให้เกิดอันตรายต่าง ๆ ในการรักษาได้ เช่น ผิวไหม้ เบิร์น อันเกิดจากการปรับความร้อนของเครื่อง
            • NU Pico Laser เครื่องไม่แท้จะทำให้เกิดอันตรายได้มากมาย ในระหว่างและหลังทำการรักษา
            • NU Pico Laser เครื่องไม่แท้อาจเกิดการบาดเจ็บบนผิวหนังได้
            • NU Pico Laser เครื่องไม่แท้อาจทำให้เกิดการเจ็บในระหว่างการรักษาได้
            • NU Pico Laser เครื่องไม่แท้ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนานมากกว่าเครื่องแท้ เนื่องจากผิวหนังที่ทำการรักษาเกิดความเสียหายที่มากกว่า
            • NU Pico Laser เครื่องไม่แท้อาจไม่เห็นผลในการรักษา หรือเห็นผลในระดับที่น้อย

            ทำไมต้องใช้บริการ NU Pico Laser ที่รมย์รวินทร์คลินิก

            1. แพทย์ที่รมย์รวินท์คลินิกมีความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถ และประสบการณ์ในการทำ NU Pico Laser
            2. แพทย์ที่รมย์รวินทร์คลินิก สามารถวิเคราะห์ถึงปัญหาของคนไข้ได้อย่างแท้จริง
            3. ที่รมย์รวินท์คลินิกมีเครื่องที่เป็นเครื่องแท้ ได้มาตรฐาน
            4. รมย์รวินทร์คลินิกมีการประเมินปัญหาของคนไข้ตามปัญหาที่เกิดขึ้นจริง
            5. รมย์รวินท์คลินิกเป็นคลินิกที่มีความสะอาดถูกหลักกระทรวงสาธารณสุข
            6. รมย์รวินท์คลินิกมีสาขารองรับผู้เข้าใช้บริการมากถึง 28 สาขาทั่วประเทศ
            7. รมย์รวินท์คลินิกผ่านการทำเคส NU Pico Laser มามากมาย

            ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ





              วันที่สะดวกในการติดต่อ








              ผลัดเซลล์ผิวเก่า สร้างเซลล์ผิวใหม่ “รักษาฝ้า กระ” จัดการได้ NuPicoปิดจบทุกปัญหาผิว..

              226

              เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ผิวหน้าที่เคยสวยใสเรียบเนียนก็ไม่เป็นเหมือนดังเก่าเสียแล้ว   ฝ้า กระ จุดด่างดำทุกอย่างพร้อมใจกันมาแบบไม่ทันตั้งตัว  ผิวหน้าที่สวยใสเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา  แต่มันช่างเป็นไปได้ยากเมื่อผิวต้องเจอภาวะแวดล้อมรอบตัว ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นจากธรรมชาติ เช่น แสงแดด, ความร้อน จากภาวะมลพิษ ฝุ่นละออง ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ฯลฯ รวมถึงความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนทำให้ผิวหน้าหยาบกร้าน หมองคล้ำ ฝ้า กระ ตามมาผิวไม่เรียบเนียน  เมื่อใครต้องเจอกับปัญหาผิวหน้าแน่นอนความมั่นใจหายไปในทันทีต้องหาวิธีที่จะช่วยรักษาปัญหาผิวทำให้ผิวหน้ากลับมาขาวใส เนียนนุ่ม เหมือนอย่างเคย ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ช่วยกู้หน้า ให้ฟื้นคืนชีพอย่างเป็นธรรมชาติ

              เทคโนโลยี เปลี่ยนโลกกับนวัตกรรมใหม่ ปฎิวัติ การทำงานของเลเซอร์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ นั้นก็คือ Laser NuPico เป็นการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานของเลเชอร์ใหม่โดยสิ้นเชิง พลังงานของแสงเลเซอร์จะคลื่นที่ด้วยความถี่สูง ที่มีความเร็วของคลื่นแสงที่เคลื่อนตัวที่ระดับความเร็ว 1 ต่อล้าน ล้าน วินาที ส่งตรงเข้าทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติด้วยการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และ เร็วมาก ๆ โดยไม่ก่อให้เกิดความร้อน สะสมบริเวณรอบๆ ผิว ซึ่งแตกต่างจาก เลเซอร์รุ่นเก่า ที่ใช้กันมา

              NuPico คืออะไร

              NuPico เป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการรักษาความงาม รักษาปัญหาผิว โดยใช้แสงเลเซอร์ ในการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ  ความหมองคล้ำอย่างเป็นธรรมชาติ โดยคุณสมบัติของเลเซอร์ NuPico จะส่งคลื่นพลังงานความถี่สูงเข้าไปยังใต้ชั้นผิว และใช้เวลาในรักษาปัญหาผิว สั้นมาก ๆ คลื่นพลังงานแสงของ เลเซอร์ NuPico จะยิงเข้าไปยังชั้นผิวหนังบริเวณที่มีปัญหา ส่งผลให้เม็ดสีที่รวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่มก้อนใต้ชั้นผิวหนังเกิดการแตกตัว กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในทันที จึงยังไม่ทำให้เกิดความร้อนสะสมใต้ชั้นผิวหนัง ช่วยลดความเสี่ยงผิวแสบไหม้ ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการรักษา  และที่สำคัญในระหว่างทำการรักษาไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด ไม่มีอาการบวม แดง แสบผิว หลังทำไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

              image003 2

              Laser NuPico  ช่วยแก้ปัญหา

              • ผิวหน้าหมองคล้ำ
              • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
              • ช่วยลดริ้วรอย จุดด่างดำ
              • ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส
              • ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

              นวัตกรรม  Laser NuPico ช่วยรักษาปัญหาผิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ  ปรับสีผิวให้กระจ่างใส อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  นอกจากนั้นยังช่วยรักษาผิวบริเวณผิวหน้าได้ดีแล้ว ยังสามารถรักษาผิวบริเวณ แขน หลังมือ ตามลำตัว รวมทั้งบริเวณริมฝีปาก รักแร้ และบริเวณฐานนมได้อีกด้วย การรักษา เห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ารับการรักษา และรักษาต่อเนื่องได้ โดยเว้นระยะห่างเดือนละ 1 ครั้ง  ทำแค่เพียง 1 – 2 ครั้ง  ก็สามารถเปลี่ยนผิวใหม่ผลัดเซลล์ผิวเก่าออกจากหน้า ด้วยเทคโนโลยี Laser Nupico ที่สามารถให้พลังงานความถี่สูง ใช้ระยะเวลาสั้นมากในการทำให้เม็ดสีแตกตัวได้อย่างละเอียด จึงใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่าเลเซอร์ระบบเก่า

              ทีนี้ไม่ว่าใคร ๆ ก็พร้อม อวดผิวสวยเผยผิวกระจ่างใส กันได้ทุกวัน ไม่ต้องกังวลใจเหนียมอายกันอีกต่อไป ผิวสวย ๆ ใส ๆ ใคร ๆ ก็ชอบ ผิวเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติแล้วคุณจะหลงรักผิวขึ้นมาในทันทีเมื่อได้ผิวสวยกลับมาแล้ว อย่าลืมใช้ครีมกันแดดด้วยละหลีกเลี่ยงแสงแดดด้วยยิ่งดี หน้าเราจะได้เนียนใส อยู่คู่กับเราตราบนานแสนนาน..

              จบทุกปัญหาผิวด้วย Nu Pico “รักษาฝ้า กระ รอยดำ หลุมสิว” เผยผิวเนียนเรียบ สว่างใส

              224

              การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เป็นฝ้า กระ ผิวหน้าไม่เรียบเนียนใส  อันเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อความสวย สาเหตุการเกิดจากปัญหาฝ้ากระนั้น ถือว่าเป็นปัญหาของหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะหญิง หรือ ชาย ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แถมยังรักษาให้หายขาดได้ยากอีกด้วย ฝ้า กระ นั้นเป็นเหตุทำให้เกิดเป็นรอยด่างดำบนใบหน้า ซึ่งเกิดมาจากการทำงานที่ผิดปกติของเม็ดสีเมลานินที่เกิดขึ้นใต้ชั้นผิวก่อ

              ตัวรวมกัน จนเห็นเป็นสีน้ำตาลดำ บนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด แต่เราสามารถรักษาฝ้ากระให้หายขาดได้โดยการใช้เทคโนโลยี และวิธีทางธรรมชาติเข้าช่วย ให้สาวๆ ได้อวดหน้าใสแบบไม่พลาดอย่างมั่นใจเต็ม 100 มาดูวิธีรักษาฝ้ากระอย่างถูกต้องและเหมาะสม กับทุกๆ คนกัน อยากให้ฝ้า กระ หายขาดตามเลยนะค่ะ

              วิธีการรักษาฝ้า กระ นั้นมีหลากหลายวิธี  ซึ่งการรักษาฝ้า กระ นั้นสามารถใช้สารเคมี และการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ ก็สามารถรักษาฝ้า กระให้หมดไปได้แต่ที่เราจะแนะนำนี้ เป็นการใช้เทคโนโลยี ทางการแพทย์สมัยใหม่ช่วยรักษาฝ้า กระ ด้วยนวัตกรรมที่ถูกคิดค้นขึ้นมา เพื่อตอบสนองคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการ การรักษาที่เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว สะดวก ไม่ยุ่งยาก  จึงได้เกิดนวัตกรรมตัวนี้ขึ้นมา

              นวัตกรรมตัวนี้ ปฎิวัติประสิทธิภาพ การทำงานของเลเซอร์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ นั้นคือ Laser Nu Pico เป็นการเปลี่ยนวิธีการทำงานของเลเชอร์ โดยใช้พลังงานแสงเลเซอร์ด้วยคลื่นความถี่สูง ที่มีความเร็วของคลื่นแสงที่เคลื่อนตัวที่ระดับความเร็ว 1 ต่อล้าน ล้าน วินาที ส่งตรงเข้าทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติด้วยการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และ เร็วมาก ๆ โดยไม่ก่อให้เกิดความร้อน สะสมบริเวณรอบๆ ผิว ซึ่ง Laser Nu Pico แตกต่างจาก เลเซอร์รุ่นเก่า ที่ใช้กันมา

              225

              วิธีการรักษาฝ้า กระ ด้วย Nu Pico

              Nu Pico เป็นพลังงานคลื่นแสงเลเซอร์ความเร็วสูง ทางเลือกใหม่ในการรักษาฝ้า กระ  ทำงานโดยการส่งพลังงานคลื่นแสงความถี่สูง เข้าไปยังใต้ชั้นผิว ด้วยพลังคลื่นแสงเลเซอร์ จะเข้าไปทำลายเม็ดสีที่ใต้ผิวที่กระจุกรวมตัวกันอย่างหนาแน่น ให้แตกกกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเม็ดสีที่รวมกันนี้เป็นต้นเหตุทำให้ผิวหมองคล้ำดำเสีย ผิวหน้าไม่กระจ่างใส พลังงานแสงเลเซอร์ Nu Picoสามารถกำจัดเม็ดสีให้จางลงได้ในทันที ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำทั้งหลายที่เป็นเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อความสวย จึงจางลง และทำให้ผิวค่อย ๆ กระจ่างใสขึ้น และเห็นผลลัพธ์ได้ในการรักษาฝ้า กระเพียงไม่กี่ครั้งอีกทั้งไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ที่ทำให้กังวล หลังการรักษา สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เคล็ดลับ!! อย่าลืมทาครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกจากบ้านด้วยละ

              ทีนี้ไม่ว่าใคร ๆ ก็สามารถอวดหน้าใสแบบไม่พลาดได้อย่างมั่นใจ Nu Pico ช่วยจบปัญหาผิว อุปสรรคใหญ่ของสาว ๆ  กับทางเลือกใหม่ในการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำให้หายขาด อีกทั้งยังเป็นที่น่าพึงพอใจทั้งผู้ให้การรักษา และผู้รับการรักษา Win Winกันไป ที่สำคัญการรักษาด้วย เลเซอร์ Nu picoไม่เกิดผลข้างเคียง ไม่ต้องกังวลเรื่องการเกิดรอยหลังการรักษา  จึงเปรียบเสมือนของเล่นตัวใหม่ที่สาว ๆ ไม่ควรพลาด กับประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยม เทคโนโลยีน้องใหม่ที่สาว ๆ ต้องตกหลุมรัก อีกทั้ง Nu Pico ยังให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจ เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องฟักฟื้น จำนวนครั้งในการรักษาก็น้อย ลืมเลเซอร์ในยุคเก่าไปได้เลย..หมดยุคแล้วเลเซอร์ แบบเจ็บๆ ………………

              จัดการมันซะ “รักษาฝ้า กระ” กำจัดจุดด่างดำ ความหมองคล้ำ ให้ผิวหน้าเรียบเนียนอย่างหมดจด..

              222

              ฝ้า เกิดจากการที่เม็ดสีผิวหรือเม็ดสีเมลานิน (Melanin pigment) ทำงานมากเกินไป จึงทำให้สีผิวดำคล้ำเป็นหย่อม ๆ สีผิวไม่สม่ำเสมอ เนื่องมาจากเม็ดสีเมลานินที่ทำหน้าที่กรองรังสียูวี เมื่อผิวได้รับแสงแดดมากขึ้น เม็ดสีเมลานินก็จะถูกผลิตออกมามากขึ้นตามไปด้วย รังสีที่ส่งผลต่อการเกิดฝ้านั้นคือ “รังสี UVA” ซึ่งรังสียูวีเอจะมีช่วงคลื่นที่ยาวกว่ารังสียูวีบี จึงสามารถทำลายผิวได้ลึกกว่า เมื่อตากแดดเป็นเวลานาน ๆ ผิวจึงคล้ำเสียได้ และนอกจากแสงแดดแล้ว การใช้เครื่องสำอางบางชนิดที่มีส่วนผสมของสารสเตรอย การทานยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด รวมไปถึงฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ ก็เป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าได้เช่นกัน (ถ้าสาเหตุการเกิดฝ้ามาจากกรรมพันธุ์ ก็ต้องคิดหนักหน่อยสำหรับการรักษา เพราะการรักษาค่อนข้างยากที่จะหายขาดได้)

              223

              ประเภทของฝ้า

              • ฝ้าแบบตื้น จะอยู่ในระดับผิวหนังกำพร้า (ผิวหนังชั้นนอก) ฝ้าชนิดนี้จะเป็นสีน้ำตาล ขอบชัด เกิดขึ้นได้ง่าย
              • ฝ้าแบบลึก จะอยู่ในระดับที่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า ความลึกของมันจะทำให้เกิดเป็นสีน้ำตาลอมฟ้าหรือสีน้ำตาลอมม่วง เป็นฝ้าที่รักษาได้ยาก

              เมื่อเกิดฝ้า กระ ขึ้นแล้วการรักษาค่อนข้างยาก การป้องกัน กำจัดจุดด่างดำจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด หลีกเลี่ยงแสงแดดเท่าที่ทำได้ แต่ถ้าหากจำเป็นต้องเผชิญกับแสงแดด ควรทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันผิวจากรังสียูวี โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF30 ขึ้นไป และต้องเป็นแบบ PA+++ ด้วย ถึงจะช่วยปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าต้องอยู่กับแสงแดดตลอดทั้งวัน คงต้องเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงขึ้นมากไปอีก โดยหมั่นทาครีมกันแดดบ่อย ๆ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าครีมกันแดดยังคงมีประสิทธิภาพดีพอต่อการป้องกันแสงแดด และพวกไอร้อนจากเตา รังสีจากหน้าจอคอมฯ ก็เป็นอีกสาเหตุทำให้เกิดฝ้าได้เช่นกัน  นอกจากการดูแลผิวจากภายนอกแล้ว การดูแลตัวเองจากภายในโดยการรับประทานทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินอี ที่เป็นตัวช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น จึงเป็นตัวช่วยที่ดีเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ฝ้าขยายตัวใหญ่เพิ่มขึ้น หรือบางตัวมีส่วนทำให้เม็ดสีผิวจางลงได้เหมือนกัน

              image005 1

              เทคโยโลยี จัดการฝ้า กระ

              ปัจจุบันมีนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยในการรักษาฝ้า รักษาปัญหาผิว ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดก็ว่าได้ ซึ่งวงการแพทย์ผิวหนัง กำลังเป็นที่นิยมกันอย่างมากในการนำเทคโนโลยี ตัวนี้เข้ามาทำการรักษาผิว  เทคโนโลยีน้องใหม่ตัวนี้ เป็นนวัตกรรมที่ดีที่สุดแห่งยุคก็ว่าได้ นั่นคือ เทคโนโลยี เลเซอร์  NuPico การทำงานของมันจะส่งพลังงานแสงเลเซอร์ เข้าถึงเม็ดสีที่ผิดปกติไม่ว่าจะเป็นฝ้า กระ หรือ กำจัดจุดด่างดำ รอยดำจากหลังสิวที่รักษาได้ยาก และใช้เวลานาน สามาราถรักษาให้หายขาดได้  ด้วยความถี่สูงของเลเซอร์ ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงนี้เป็นเทคโนโลยีที่เลเซอร์รุ่นเก่าทำไม่ได้ พลังงานแสงเลเซอร์จะเข้าไปทำให้เม็ดสีที่รวมกันอย่างหนาแน่นที่กระจุกตัวรวมกันจนมองเห็นเป็นเม็ดสีเข้มบนผิวหน้า เกิดการแตกกระจายตัวออกทำให้จุดต่าง ๆ เหมือนถูกดูกซึมออกจากผิว โดยไม่มีการสะสมความร้อนในบริเวณผิวรอบ ๆ แต่อย่างใด เม็ดสีที่ผิดปกติที่ถูกคลื่นพลังงานแสงเลเซอร์เข้าไปทำลายจะจางลงในทันที สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่การรักษาในครั้งแรก และไม่มีผลข้างเขียงใด ๆ ไม่ทำให้เจ็บ ไม่เสี่ยงผิวไหม้ เห็นผลการรักษาที่รวดเร็ว ในการรักษาเพียงไม่กี่ครั้ง

              สำหรับผู้ที่ไม่อยากเผชิญกับปัญหาฝ้า กระบนใบหน้าแล้วละก็ ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดฝ้ากระขึ้นได้  หากคนที่ประสบปัญหาแล้ว เมื่อมีเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพดีขนาดนี้ คงไม่ต้องมานั่งกลุ่มใจกับปัญหา หนักอก ที่ยากแก้ไขอีกต่อไป ด้วยพลังการรักษาของเลเซอร์ NuPico นี้นั้นให้ผลลัพธ์ที่หน้าทึ่งอยู่ไม่น้อย กับการรักษาฝ้ากระ กำจัดจุดด่างดำที่สามารถขจัดฝ้ากระให้หมดไปจากผิวเราได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งไม่มีความเสี่ยงใด ๆ รู้อย่างนี้แล้ว จะรอช้าอยู่ใย จัดการมันออกไปซะ..อย่าปล่อยให้มันรกหน้าอีกต่อไป

              ฝ้าหลุด คืนผิวกระจ่างใส “รักษาฝ้า กระ” Nu Pico ให้ผิวเรียบเนียนไร้ที่ติ

              220

              คงมีคนที่มีความกังวลเรื่องฝ้าบนใบหน้ากันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งถ้าผิวคนเราไม่มีความเสี่ยงที่จะต้องโดนแสงแดดมาก และโดนแสงแดดโดยตรง อาจไม่เกิดปัญหาสักเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่ต้องเผชิญกับมลภาวะ อีกทั้งแสงแดดอันเจิดจ้า แผ่รังสีอุลตร้าไวโอเลตอย่างเต็มกำลัง แล้วมากระทบผิวเรานี่สิ คงจะหลีกเลี่ยงได้ยากที่จะไม่มีการรวมตัวของสีผิวที่เข้มขึ้น ซึ่งที่ใช้เรียกกันว่า หน้าขึ้นฝ้า หน้าขึ้นกระ ทีนี้แหละ พอได้ขึ้นหน้า มันก็ชวนกันมาเต็มขบวน ทั้งฝ้า ทั้งกระ ริ้วรอย จุดด่างดำ ตามมาเป็นแถว ซึ่งพอถึงจุดนี้แล้วถือว่ายากต่อการรักษาด้วยการใช้ครีมบำรุง ใช้ครีมกันแดด จะทุกชนิด ก็ไม่ได้ผลแล้ว

              ดังนั้นเรามาทำความรู้จัก ฝ้า กันว่ามันเกิดจากอะไร อะไรคือต้นเหตุ

              ฝ้า (Melasma)  คือ  การที่ผิวมีรอยคล้ำสีดำ  หรือน้ำตาลอ่อน ที่บริเวณใบหน้า  มักจะเกิดขึ้นบริเวณโหนกแก้ม  คาง  หน้าผาก  และปลายจมูก

              image003 1

              สาเหตุของการเกิดฝ้า

              1. ฝ้าฮอร์โมน เมื่อมีฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มากเกินไป เช่น การหลั่งฮอร์โมนช่วงตั้งครรภ์ หรือ การหลั่งฮอร์โมนจากต่อมหมวดไตซึ่งทำให้เซลล์สร้างเม็ดสี  (Melanocytes)  ในชั้นผิวหนังผลิตเม็ดสี  (Melanin) ออกสู่ผิวหนังไม่สม่ำเสมอ จึงมีการกระตุ้นสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติ หรือ กระตุ้นเม็ดสีให้เข้มกว่าเดิม จึงทำให้เกิดฝ้าขึ้นได้
              2. การได้รับแสงรังสี UVA และ UVB โดยตรงหรือบ่อยครั้ง ทำให้เซลล์เม็ดสีในผิวหนังได้รับการกระตุ้นให้ผลิตเม็ดสีเพิ่มขึ้น สีผิวจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีที่เข้มขึ้น
              3. จากการใช้เครื่องสำอาง เช่น ครีมหน้าขาวใสที่มีส่วนผสมของสารเคมี สารกันบูด หรือสารปรอท ตะกั่ว สารจำพวกนี้อาจมีสารที่ทำให้เกิดภาวะผิวบาง  เหมือนเป็นการกระตุ้นให้ฝ้าเกิดขึ้นได้ง่ายจะเห็นว่าตอนแรกทาไปหน้าจะขาวเรียบเนียน พอนานเข้า หน้าจะเริ่มเป็นคนแพ้ง่ายเพราะผิวถูกทำลายให้บางลงเมื่อหยุดใช้จะเห็นมีฝ้าขึ้นทาเท่าไหร่ไม่หายและมีเส้นเลือดฝอยขึ้น หน้าแดง ทำให้มีสีน้ำตาลเข้มเป็นจุด ๆ เมื่อสะสมมากขึ้นจึงทำให้เป็นฝ้าได้

              ปัจจุบัน หลายคนอาจจะยังไม่ทราบกระบวนการรักษาฝ้านั้น มีการพัฒนากันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ ที่ดีทั้งผู้ให้การรักษา และ ผู้รับการรักษา ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ได้เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยให้การรักษาผิวเป็นเรื่องง่าย ไม่ยุ่งยากอีกต่อไป ในวงการแพทย์ผิวหนัง เสริมความงาม เทคโนโลยีน้องใหม่ที่ว่านี้นี้ มีการพิสูจน์แล้วว่าให้ผลลัพธ์ที่ตรงจุด และ โดนใจกันมาก ๆ  นั่นก็คือ เทคโนโลยีการใช้ เลเซอร์  NuPico ในการรักษาปัญหาผิว ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีมีประสิทธิภาพ คืนผิวกระจ่างใส ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน  แลดูอ่อนเยาว์เป็นธรรมชาติ  เหมือนช่วยดึงอายุออกไปจากเบ้าหน้า อีกทั้งมีความความปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียงใดๆ

              NuPico คืออะไร

              NuPico เป็นพลังงานแสงเลเซอร์ ที่สามารถส่งพลังงานด้วยคลื่นความถี่ที่สูงมาก ๆ เข้าไปยังใต้ชั้นผิว โดยเข้าไปทำให้เม็ดสีที่ผิดปกติซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผิว เป็นฝ้า กระ  มีความหมองคล้ำ ดำเสีย สีผิวไม่สม่ำเสมอ หรือรอยดำต่าง ๆ บนใบหน้า พลังงานของแสงเลเซอร์ Nupico ที่มีความถี่สูงมากๆ นี้ ได้เคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงในระดับ 1 ต่อ ล้าน ล้าน วินาที ที่เข้าไปกระทบเม็ดสีให้เกิดการแตกตัวด้วยระบบการสั่นสะเทือนแบบรวดเร็ว  ทำให้เม็ดสีที่รวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่มใต้ผิวหนัง เกิดการแตกตัวของเม็ดสีกระจายออกไปในทันที โดยไม่ทำให้เกิดเป็นความร้อนสะสม ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง Nupico เป็นนวัตกรรมน้องใหม่สำหรับการรักษาฝ้า กระ ช่วยคืนผิวกระจ่างใส อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

              เป็นอย่างไรบ้างค่ะ NuPico น้องใหม่ในวงการความงามที่สาว ๆ ไม่ควรพลาด กับการรักษาที่ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และไม่ต้องกังวลเรื่องการเกิดรอยบวม แดง คืนผิวกระจ่างใส หลังการรักษา อีกทั้งยังช่วยลดจำนวนครั้งในการรักษาน้อยลง  ซึ่งไม่เหมือนการรักษาด้วยเลเซอร์ในยุคเก่า ๆ ที่ใช้กันมา ซึ่งจะเห็นได้ว่าคลื่นพลังแสงความถี่สูงของ เลเซอร์ NuPico นี้ เป็นการปฎิวัติการทำงานของเลเซอร์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์การรักษาปัญหาผิว และทางการแพทย์

              รับมือกับจุดด่างดำ ริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ ให้ถูกจุด “รักษาฝ้า กระ” ด้วย NuPico เหมือนได้ชีวิตใหม่

              219

              ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่าการที่มีผิวสุขภาพดี ผิวหน้ากระจ่างใสแลดูเป็นธรรมชาตินั้น ดูเหมือนว่าไม่ใช่แค่สาว ๆ แล้วสินะ  ทุกเพศ ทุกวัย ล้วนมีความต้องการผิวสุขภาพดีด้วยกันทั้งนั้น แต่ที่เห็นเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด ก็คงจะเป็นบรรดากลุ่มสาว ๆ ซะส่วนใหญ่ สาวคนไหนที่มีสภาพผิวหมองคล้ำ มีจุดริ้วรอยด่างดำ ไม่กระจ่างใส รอยสิว ฝ้าขึ้นหน้า กระ ขึ้นมารบกวนจิตใจ คงจะต้องหาวิธีมาบำรุง รักษากันยกใหญ่ หลากหลายวิธีการ หลากหลายตัวช่วยที่หามาใช้ ตามแบบฉบับของแต่ละคน

              image003

              สาวๆ บางคนอาจเลือกวิธีธรรมชาติตามความถนัด ความชอบ ความสะดวก แล้วแต่สูตรของใคร ก็ของใครสินะ ในวิธีธรรมชาติที่คัดสรรมาอย่างดีแล้วนั้น ประสิทธิภาพการรักษาก็ยังพอได้อยู่ แต่อาจจะใช้เวลาค่อนข้างนานสักหน่อยกว่าที่จะได้ผิวสวย ผิวหน้ากระจ่างใส กว่าที่ผิวจะผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพให้หลุดออก และจางลง อีกทั้งจะต้องมีความขยันเป็นทุนหมั่นดูแลเอาใจใส่กันสักหน่อยนะ สำหรับสูตรธรรมชาติบำบัด

              สาว ๆ บางคนอาจเลือกวิธีลัด ที่สะดวกรวดเร็ว ทำแล้วเห็นผลรวดเร็วทันใจ สบายใจกันไป ก็เลือกใช้เทคโนโลยีในการรักษา อย่างเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ อย่าง นวัตกรรม เลเซอร์ NuPico รักษาผิวหน้า ให้ผิวหน้ากระจ่างใส อยากทราบกันแล้วใช่มั๊ยละว่า ไอ้เจ้า เลเซอร์ NuPico นี้ คืออะไร ช่วยรักษาผิวเราได้อย่างไร เรามาทำความรู้จักกันเลยค่ะ

              image005

              NuPico คืออะไร

              NuPico เป็นนวัตกรรมใหม่ในวงการแพทย์รักษาความงาม รักษาผิว โดยใช้แสงเลเซอร์ ในการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ  ความหมองคล้ำ ผิวหน้ากระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ โดยคุณสมบัติของเลเซอร์ NuPico จะส่งคลื่นพลังงานความถี่สูงเข้าไปยังใต้ชั้นผิว และใช้เวลาในการรักษาสั้นมาก ๆ คลื่นพลังงานแสงของ เลเซอร์ NuPico จะยิงเข้าไปยังชั้นผิวหนังบริเวณที่มีปัญหา ส่งผลให้เม็ดสีที่รวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่มก้อนใต้ชั้นผิวหนังเกิดการแตกตัว กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในทันที จึงยังไม่ทันได้เกิดความร้อนสะสมใต้ชั้นผิวหนัง จึงช่วยทำให้ลดความเสี่ยงทำให้ผิวแสบไหม้ ไม่เกิดผลข้างเคียงจากการรักษา  และที่สำคัญในระหว่างทำการรักษาไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด ไม่มีอาการบวม แดง แสบผิว หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ทำเสร็จสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ทำให้สามารถเผยผิวหน้ากระจ่างใส อวดผิวสวยกันได้ทุกเจน ไม่ว่าเจนไหน ๆ ก็พร้อมเผยผิวสวย เปิดผิวใส สู่สายตาชาวโลกได้ยลโฉมกัน

              ข้อดีของ เลเซอร์ NuPico

              • รักษาฝ้า กระ ให้จางลง
              • ทำให้ผิวเรียบเนียน
              • ช่วยกลบหลุมสิว
              • ปราบผิวหมองคล้ำ
              • ผิวหน้ากระจ่างใส

              จะเห็นได้ว่าการรักษาผิวหน้านั้น นอกจากวิธีธรรมชาติบำบัด การใช้ครีมบำรุงผิวรักษาผิวนั้น ช่วยให้ผิวสวยได้เหมือนกัน แต่ก็มีข้อแตกต่างที่น่าจะ เป็นตัวเลือกในการตัดสินใจอยู่บ้างสำหรับสาว ๆ  ที่จะเห็นได้อย่างชัดเจน คือ การใช้เลเซอร์ช่วยในการรักษานั้นได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เห็นผลชัดเจนอย่างมีประสิทธิภาพ และการทำงานของ เลเซอร์ NuPico นั้น ถือว่าเป็นการปฎิวัติวงการเลเซอร์  การรักษาความงามด้วยเลเซอร์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์วงการแพทย์ด้านผิวหนังอย่างเห็นได้ชัด ด้วยประสิทธิภาพการรักษาที่สามารถทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติ ได้ผิวใหม่กลับมา อีกทั้งยังไม่ก่อให้เกิดความร้อนเหมือนเลเซอร์แบบเดิมอีกต่อไป

              วิธีรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ แบบได้ผลเวิร์กสุดๆ แถมใบหน้าเนียนใสยิ่งกว่าเดิม

              78

              ด้วยสภาพอากาศในบ้านเราที่แดดค่อนข้างแรงทั้งปี จึงส่งเสียผลโดยตรงต่อผิวหน้าของสาวๆ ที่ต้องออกนอกบ้านทุกวัน และเผชิญแสงแดดอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้เกิดปัญหาฝ้า กระ รอยด่างดำขึ้นบนใบหน้า ซึ่งสร้างความหนักใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเมื่อเป็นฝ้าแล้วต้องใช้ระยะเวลาการรักษาค่อนข้างนานและโอกาสที่ฝ้าจะลาขาดไปจากใบหน้านั้นเป็นไปได้ยากค่ะ…

              แต่สำหรับยุคนี้ Thailand 4.0 อะไรก็สามารถเป็นไปได้ค่ะ ไม่เว้นแม้กระทั่งการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ให้หายเกลี้ยงเหลือไว้แต่หน้าใสๆ วิ้งๆ โดยใช้เวลาเพียงไม่นานเมื่อเทียบกับวิธีการรักษาแบบเดิมๆ แถมฝ้า กระ รอยดำ ยังไม่กลับมากวนใจอีกด้วยสิ… ฟังแล้วน่าสนใจใช่ไหมคะ วิธีรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำแบบได้ผลเวิร์กสุดๆ จะมีวิธีใดบ้างมาดูกันเลยค่ะ

              รักษาฝ้า ลบรอยดำเบื้องต้นด้วยวิธีธรรมชาติ

              สำหรับการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ แบบธรรมชาตินี้ ต้องบอกไว้ก่อนว่าจะเหมาะสำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาฝ้า ในระยะเริ่มต้นแล้วรีบทำการรักษาเท่านั้นนะคะ เพราะคุณสมบัติของสารธรรมชาติจะไม่เหมาะกับการรักษาฝ้า กระที่ฝังลึก มีสีเข้มจัด ซึ่งเราได้รวบรวมสูตรเด็ดจากธรรมชาติ มาให้สาวๆ เลือกจัดการรักษาฝ้า กระ รอยดำให้อยู่หมัด ดังนี้ค่ะ

              shutterstock 388483516

              สูตรหัวไชเท้า ก่อนอื่นต้องเตือนไว้ก่อนสำหรับคนที่มีผิวหน้าบอบบาง แพ้ง่าย ไม่ควรทำตามสูตรนี้นะคะ ในหัวไชเท้า มีสารไกลโคไซด์ (Glycossides) ที่อุดมไปด้วย กรดแอสคอบิก (Ascorbic Acid) และวิตามินเอ ซึ่งมีผลการวิจัยออกมาว่า ช่วยรักษาฝ้า กระ ได้อย่างเห็นผลชัดเจน โดยสามารถเข้าไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ร่างกายผลิตออกมามากเกินไป จนกลายเป็น ฝ้า กระ และจุดด่างดำได้ หัวไชเท้า ยังมีวิตามินอีกมากมาย มีสารที่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บนผิวหนัง และยังมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะโดยธรรมชาติ ลดการอักเสบได้ แต่ข้อเสียของหัวไชเท้าคือ มีฤทธิ์ค่อนข้างแรงจึงทำให้แสบร้อนที่ใบหน้าได้

              – หัวไชเท้า + ว่านหางจรเข้ นำหัวไชเท้าบด ผสมวุ้นว่านหางจรเข้ที่ล้างยางออกแล้ว มาผสมรวมกัน นำมาพอกหน้า 15 – 20 นาที ล้างด้วยน้ำอุ่น และกระชับรูขุมขนด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง (ควรทำ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์)

              สูตรนี้จะช่วยให้หน้าขาวใสขึ้น รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ หน้าเนียนนุ่ม แถมผิวหน้ายังระคายเคืองน้อยลงจากหัวไชเท้า เพราะวุ้นว่านหางจรเข้จะช่วยลดอาการระคายเคือง ทำให้หน้าชุ่มชื้นขึ้นด้วย จึงทำให้ไม่เเสบผิวจากหัวไชเท้าบดด้วยค่ะ

              – หัวไชเท้า + น้ำผึ้ง นำหัวไชเท้าบด ผสมนมน้ำผึ้ง นำมาพอกหน้า 15 – 20 นาที ล้างด้วยน้ำอุ่น และกระชับรูขุมขนด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง (ควรทำ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์)

              สูตรนี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดรอย รักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ทำให้หน้านุ่ม ชุ่มชื้น ลดสิว และนำผึ้งยังช่วยไม่ให้แสบจากหัวไชเท้าได้ด้วย

              – หัวไชเท้า + แตงกวา นำหัวไชเท้าบด ผสมแตงกวาปั่น นำมาพอกหน้า 15 – 20 นาที ล้างด้วยน้ำอุ่น และกระชับรูขุมขนด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง (ควรทำ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์)

              แตงกวามีวิตามินซี ช่วยต่อต้านอนุมูชอิสระ ลดริ้วรอย แถมบรรเทาอาการแสบจากหัวไชเท้าได้ เพราะช่วยทำให้หน้าชุ่มชื้น ไม่ร้อน ไม่แสบ ทำให้หน้าใส กระจ่างมากขึ้น รักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ

              – หัวไชเท้า + น้ำมันรำข้าว นำหัวไชเท้าบด ผสมน้ำมันรำข้าว นำมาพอกหน้า 15 – 20 นาที ล้างด้วยน้ำอุ่น และกระชับรูขุมขนด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง (ควรทำ 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์)

              shutterstock 490207642

              น้ำมันรำข้าวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว อุดมด้วยวิตามินอี ลดริ้วรอยและผลัดเซลล์ผิวหนังใหม่ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติดูดรังสีอัลตราไวโอเลตได้อีกด้วย มีวิตามินอีสูงและมีสารเซราไมด์ช่วยทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น รักษาผิวพรรณให้สดชื่น เปล่งปลั่ง ลดริ้วรอย รักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ

              เลือกใช้ครีมรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ

              การจะเลือกใช้ครีมรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ดีๆ สักตัวนั้น ไม่ใช่ว่าเราจะสุ่มสี่ สุ่มห้า เลือกใช้ตามคำเชื่อโฆษณาทั่วไปได้นะคะ เราต้องเลือกซื้อจากส่วนประกอบที่มีในครีมด้วย รวมถึงความปลอดภัยของครีมที่ใช้ ว่าจะไม่มีสารอันตรายเป็นส่วนประกอบอยู่ในครีมรักษาฝ้าที่เราเลือกใช้ ต้องให้ความสำคัญในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตราฐานและผ่านการรับรองจาก อย. เพื่อผิวหน้าที่คุณแสนหวงแหน พร้อมรักษาฝ้า กระ รอยดำ ให้จางลงอย่างปลอดภัย และพร้อมป้องกันฝ้าไม่ให้เกิดขึ้นใหม่ โดยมีเทคนิคการเลือกใช้ครีมดังนี้ค่ะ

              1. เลือกครีมที่มีสารอัลฟ่าอาร์บูติน จะช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน
              2. เลือกครีมแก้ฝ้าที่ไม่ให้ผลเร็วเกินไป เพราะการใช้ครีมแก้ฝ้าที่เห็นผลเร็วอาจมาจากสารอันตราย เช่น สารไฮโดรควิโนน ที่ทำให้หน้าบางลง และอาจทำให้ฝ้า กระ ฝังลึกจนหมดหนทางรักษาได้ค่ะ
              3. เลือกครีมแก้ฝ้าทีมีสารสกัด  AHA จากกรดผลไม้ตามธรรมชาติ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า และช่วยทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้นด้วยค่ะข้อสำคัญ ควรใช้ควบคู่กับครีมกันแดด ที่มีค่า SPF30 – 50 ขึ้นไป เพื่อป้องกันการเกิดฝ้ามากขึ้นค่ะ

              รักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ด้วยเทคโนโลยี

              วิธีการนี้ เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหา อยากรักษาฝ้า กระ รอยดำ แบบฝังลึก และต้องการคืนความผ่องใส พร้อมความอ่อนเยาว์ให้แก่ใบหน้า ด้วยเทคโนโลยีด้านความงามที่ก้าวล้ำไปไกลกว่าแค่การรักษา ดังนั้น นวัตกรรมการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ในปัจจุบันจึงเป็นมากกว่าแค่การรักษาให้หาย แต่ยังให้ผลลัพธ์ที่ล้ำลึกยิ่งกว่า เพราะนอกจากรอยฝ้า รอยดำจะหายไปแล้ว คุณยังจะได้เผยผิวหน้าใหม่ที่เกลี้ยงเนียน ริ้วรอยต่างๆ ลดลง แถมผิวหน้ายังขาวกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดด้วยค่ะ โดยเราขอนำเสนอ โปรแกรม  Code  of  white  plus ซึ่งสามารถรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ได้แบบถาวร ด้วย 3 Step ดังนี้ค่ะ

              shutterstock 580664962

              Step 1 สลัดความหมองคล้ำ ด้วยการใช้กระแสไฟฟ้าผลักวิตามิน และสารบำรุงผิวเข้าสู่ผิวหน้า เพื่อขจัดรอยดำคล้ำที่ผิวชั้นนอกให้หลุดออกไป และสามารถเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของใบหน้าที่กระจ่างใสขึ้น วิธีรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำค่ะ

              Step 2 ลดปริมาณเม็ดสีส่วนเกินที่ผิวชั้นใน โดยการใช้เลเซอร์ที่สามารถส่งพลังงานสูงในช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก ระดับ picosecond หรือ 1 ในล้านล้านวินาที ลงไปใต้ผิวหนังบริเวณที่เป็นฝ้าโดยไม่เกิดความร้อน ช่วยให้เม็ดสีเมลานินที่สะสมก่อตัวอยู่ที่ผิวชั้นในแตกกระจายออกเป็นอณูเล็ก ช่วยให้ฝ้าแลดูจางลงจนมองแทบไม่เห็น แถมทำให้ใบหน้ากระจ่างใสขึ้นอีกขั้นค่ะ

              Step 3 Treatment ซ่อมแซมเซลล์ผิว ด้วยการมาส์กหน้าเย็นๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง  ช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำลายจากแดด คืนความแข็งแรง สดใส และความกระจ่างใสให้กับผิวอย่างเป็นระบบครบวงจรความสวยเลยล่ะค่ะ

              รักษาฝ้า ในแบบฉบับผู้ชายต้องใช้วิธีไหน

              รักษาฝ้า

              ฝ้าบนใบหน้า สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศไม่ว่าจะเพศหญิง หรือเพศชาย แต่โดยส่วนใหญ่เรามักจะพบว่าเพศหญิงมีโอกาสเกิดฝ้าได้มากกว่าเพศชายด้วยปัจจัยหลายด้าน อาทิ หญิงตั้งครรภ์หรือหญิงที่กินยาคุมกำเนิดก็มักจะมีฝ้าขึ้นปริมาณมาก เพราะฮอร์โมนเพศในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง กระตุ้นทำให้การผลิตเม็ดสีผิวมีความผิดปกติขึ้นได้ หรือในกรณีที่มีการแพ้สารเคมีบางชนิดจากเครื่องสำอางที่มักมีสารเคมีต้องห้ามปะปนในการผลิตบ่อยๆ เหล่านี้คือปัญหาการเกิดฝ้าที่ผู้หญิงต้องพึงระวังค่ะ

              สำหรับคุณผู้ชาย แม้โอกาสเกิดฝ้าจะน้อยกว่าผู้หญิง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรมองข้ามนะคะ และหากคุณผู้ชายที่กำลังประสบปัญหาเรื่องฝ้าบนใบหน้าอยู่เราก็มีวิธีรักษาฝ้า แบบแมนๆ มาฝากค่ะ

              สาเหตุการเกิดฝ้าในผู้ชาย

              ผู้ชายที่เป็นฝ้า โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเผชิญแสงแดดโดยตรงและไม่มีการป้องกันใบหน้าจากแสงแดด เพราะผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ชอบบำรุงผิวหรือทาครีมกันแดด ไม่กางร่ม (อันนี้หนุ่มๆ เค้าแอบกระซิบว่ากลัวไม่แมน) นอกจากนี้ ความเสื่อมของร่างกาย คือ ความสามารถในการย่อยอาหารลดลง การดูดซึมสารอาหาร ตลอดจนการขับถ่ายของเสีย หากการทำงานของระบบทางเดินอาหารเสื่อมลง แสดงว่าสภาวะสภาพของร่างกายเริ่มเสื่อม ทำให้ส่งผลต่อสภาพผิว ผิวจึงเสื่อม จนเกิดรอยฝ้าในผู้ชายได้ค่ะ

              ผู้ชายควรป้องกันฝ้าด้วยวิธีไหนดี?

              1. ทาครีมกันแดดให้เป็นนิสัย

              การเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดดโดยตรงเป็นหนึ่งในการป้องกันฝ้าที่สามารถทำได้ในชีวิตประจำวันมากที่สุดค่ะเนื่องจากรังสีอัลตราไวโอเลตทั้ง ยูวีเอ (UVA) ยูวีบี (UVB) หรือแสงที่ตามองเห็นได้ (Visible Light) อาจกระตุ้นให้เกิดกระบวนการสร้างเม็ดสีเพิ่มมากขึ้นจนทำให้เกิดฝ้าได้

              shutterstock 245173060

              คุณผู้ชายควรหาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA++++ และควรทาซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ประสิทธิภาพของครีมกันแดดดีขึ้น ซึ่งตัวเลขค่าเอสพีเอฟนี้ จะเป็นค่าที่บ่งบอกว่าครีมมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดีมากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงมีสารป้องกันแดดแบบกายภาพเป็นส่วนประกอบ เช่น ไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) หรือ ซิงค์ ออกไซด์ (Zinc Oxide) ซึ่งช่วยสะท้อนรังสีอัลตราไวโอเลตที่มากระทบจากผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ

              ทั้งนี้ ควรทาครีมกันแดดทุกวันก่อนออกจากบ้าน หรือก่อนไปยังสถานที่ที่ต้องเผชิญกับแสงแดดโดยตรง เพื่อป้องกันผิวหนังถูกทำร้ายจนคล้ำ และรักษาฝ้า กระที่อาจจะเกิดขึ้น ในช่วงที่มีแดดแรงควรมีการปกป้องผิวอีกชั้นเมื่อต้องเจอกับแสงแดดแรงโดยตรงบริเวณใบหน้า เช่น การกางร่ม สวมหมวก หรือสวมเสื้อผ้าที่ปกปิดผิวหนังได้อย่างมิดชิดค่ะ

              2. ทำความสะอาดผิวหน้า

              ผิวหน้าที่ถูกมลภาวะ ฝุ่นควัน จะส่งผลให้ผิวหน้าเกิดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ เกิดขึ้นบนใบหน้าของคุณผู้ชายได้ค่ะ จึงควรทำความสะอาดใบหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น เพื่อรักษาฝ้า กระที่เกิดขึ้นโดยเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของคุณผู้ชายดังนี้ค่ะ

              ผู้ชายผิวหน้ามัน : ไม่ควรเลือกโฟมล้างหน้าที่ล้างแล้วรู้สึกว่าใบหน้าแห้งไม่เหลือความชุ่มชื้น ควรเลือกซื้อโฟมล้างหน้าแบบที่มีคำว่า ออยล์โซลูชั่น หรือ สูตรควบคุมความมัน

              ผู้ชายผิวหน้าผสม : ผิวผสมสามารถเลือกใช้ได้หลายประเภทมากกว่าผิวประเภทอื่นๆ แต่ต้องเลือกโฟมล้างหน้า หรือครีมโฟมล้างหน้าที่ถนอมผิว

              ผู้ชายผิวหน้าแห้ง/ผิวบอบบางแพ้ง่าย : เป็นผิวที่ขาดความชุ่มชื้นเพราะไม่ค่อยมีไขมันตามธรรมชาติ ควรเลือกใช้ครีมล้างหน้า หรือครีมโฟมล้างหน้าที่มีมอยส์เจอร์ไรเซอร์ผสมอยู่

              วิธีรักษาฝ้าแบบผู้ชาย

              ดูแลตัวเอง

              การดูแลตัวเองจากภายใน อย่างการทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ การดื่มน้ำสะอาด ผ่อนคลายความเครียด และออกกำลังกาย จะช่วยให้ภายในร่างกายดีขึ้น ส่งผลให้ผิวพรรณแข็งแรงขึ้น อีกทั้งช่วยลดรอยดำ รักษาฝ้า กระ ให้ค่อยๆ เบาบางลงได้เป็นอย่างดีค่ะ โดยมีคำแนะนำในการดูแลตัวเองของคุณผู้ชายเพื่อการรักษาฝ้า ดังนี้ค่ะ

              shutterstock 132261116
              • ทานผัก ผลไม้ที่มีวิตามินซี เพื่อช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดฝ้า ได้แก่ ส้ม มะนาว แอปเปิ้ลเขียว พืชตระกูลเบอรี่ เป็นต้น
              • ผักใบเขียวที่มีสารเบต้าแคโรทีน อย่าง บล็อคโคลี คะน้า ผักโขม ลดการอักเสบของผิวหนัง และไปยับยั้งการเกิดสิว ฝ้า กระ ได้ค่ะ
              • ทานอาหารจำพวกวิตามินบี12 ได้แก่ ตับ ไข่แดง เนื้อสัตว์ นม ชีส จะช่วยป้องกันการเกิดฝ้า
              • ดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ขับล้างสารพิษในร่างกาย ผิวพรรณจะสดใสฝ้าดูจางลง
              • ผ่อนคลายความเครียด ด้วยการทำสมาธิ อ่านหนังสือ แช่น้ำ จะช่วยผ่อนคลาย ลดการผลิตฮอร์โมนและเมลานินซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของฝ้า
              • ออกกำลังกายวันละ 30 นาที เป็นอย่างน้อย เพื่อให้ผิวพรรณ และร่างกายแข็งแรง ต่อสู้กับอนุมูลอิสระเพื่อลดรอยฝ้า

              ใช้ครีมรักษาฝ้าที่ได้มาตรฐาน

              การเลือกครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ AHA วิตามินซี อาร์บูติน (Arbutin) กรดโคจิก (Kojic) รวมไปถึงครีมทาฝ้า ครีมแก้ฝ้า หรือครีมรักษาฝ้า กระต่างๆ ก็ช่วยทำให้ฝ้าจางลง และทำให้หน้าดูกระจ่างใสขึ้นได้ แต่อาจจะต้องใช้ระยะเวลานิดนึงนะคะ หรือลองเลือกครีมรักษาฝ้าที่มีสารสกัดจากสมุนไพรที่จะช่วยให้รอยฝ้าจางลงได้อย่างปลอดภัย มากกว่าการใช้สารเคมีอย่างครีมหน้าขาว หรือครีมทาฝ้าตามท้องตลาดที่จะแอบใส่สารปรอท หรือสารไฮโดรคิวโนนในปริมาณมากทำให้ฝ้าจางไวกว่าปกติ แต่เมื่อหยุดใช้ หน้าจะพัง และฝ้าฝังลึกกว่าเดิม

              ควรทดสอบครีมก่อนใช้ด้วยการป้ายครีมที่ใต้คาง ท้องแขน เพื่อทดสอบอาการแพ้ การเลือกครีมรักษาฝ้า กระที่ดีควรเลือกครีมรักษาฝ้า กระที่ได้มาตราฐาน ปลอดภัย ด้วยการรับรองจาก อย. ค่ะ

              เลเซอร์รักษาฝ้าผู้ชาย

              shutterstock 189645413

              การทำเลเซอร์ คือการรักษาผิวหน้าอีกทางที่จะช่วยรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ต่างๆ ให้หายขาดได้ ถือเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่คนปัจจุบันนิยมทำกัน โดยการส่งพลังงานที่เหมาะสม เพื่อตอบโจทย์การรักษาฝ้าได้อย่างตรงจุด ในช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก ระดับ picosecond หรือ 1 ในล้านล้านวินาที ลงไปใต้ผิวหนังบริเวณที่เป็นฝ้า ทำให้เม็ดสีที่รวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่มก้อนใต้ผิวแตกกระจายออกเป็นเม็ดละเอียดๆ ทันที  โดยไม่เกิดความร้อน ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียง และที่สำคัญคือช่วยลดความเจ็บ อาจจะสังเกตได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ช่วยลดปัญหาการกลับมาเป็นฝ้าซ้ำ และพลังงานเลเซอร์ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เปลี่ยนหน้าหมองคล้ำให้กลับเป็นกระจ่างใสได้เร็วขึ้นอีกด้วยค่ะ

              หน้าพังเพราะเข้าใจผิด! วิธีรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ แบบผิดๆ เป็นยังไงต้องดู

              76

              คงไม่มีสาวๆ คนไหนอยากเห็นฝ้า กระ รอยดำ ขึ้นอยู่เต็มบนใบหน้าของเราใช่ไหมคะ แต่เมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นมาแล้วก็จำเป็นต้องหาวิธีการแก้ไขรักษาฝ้า กระ รอยดำเหล่านั้นจางลงไป หรือบางคนอาจจะเคยได้ยินความเชื่อเกี่ยวกับวิธีการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ จากคนรอบข้างหลากหลายวิธี แล้วมาทดลองทำตามโดยไม่ได้ศึกษาหาข้อมูล โดยที่บางความเชื่อนั้น ยังไม่ถูกต้อง มีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ยิ่งเป็นการซ้ำเติมฝ้า รอยดำ ให้ฝังลึกมากยิ่งขึ้น… เอาล่ะค่ะ งั้นสาวๆ ลองดูข้อมูลเกี่ยวกับความเชื่อผิดๆ ของวิธีการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ที่เราได้นำมาฝาก เผื่อสาวคนไหนกำลังทดลองอยู่จะได้ยับยังทัน ก่อนสายเกินแก้ค่ะ

              shutterstock 1158881050

              เชื่อคำโฆษณารักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ หายภายใน 7 วัน

              การรักษาฝ้า กระ โดยซื้อยามาทาเองนั้นเสี่ยงมากนะคะ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีอย. และโฆษณาว่าสามารถรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำให้หายภายใน 7 วัน หรือหายในเวลาที่รวดเร็ว เพราะปกติจะต้องใช้เวลารักษาประมาณ 4-8 สัปดาห์ ดังนั้น ให้สันนิษฐานว่าอาจใส่สารอันตรายลงไป โดยเฉพาะครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน ซึ่งเป็นสารเคมีที่อันตรายมาก ไฮโดรควิโนน ทำให้การผลิตเม็ดสีน้อยลง จึงดูเหมือนว่าสามารถรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำให้หายเร็วขึ้น แต่หากใช้เองโดยไม่ได้ปรึกษาคุณหมออาจเสี่ยงให้ฝ้าฝังลึกเมื่อหยุดใช้ อีกทั้งยังทำให้ผิวหน้าบาง ไวต่อแดด และยังก่อให้เกิดสารเคมีตกค้างในเซลล์ผิวอีกด้วย ในระยะยาวผิวหน้าจึงเสีย เสื่อมสภาพและมีสิวขึ้นเห่อ ซ้ำฝ้าฝังลึกยังรักษาไม่หายอีกด้วยค่ะ

              shutterstock 1043930581

              หากต้องการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำอย่างจริงจัง แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอดีกว่าค่ะ คุณหมอจะวิเคราะห์และเลือกวิธีการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ให้เรา ทั้งนี้ ก็เพื่อความปลอดภัยและให้ได้ผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด ควรอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมอและอดทนกับระยะเวลาในการรักษานิดนึงนะคะ เพื่อใบหน้าสวยๆ จะได้อยู่กับเราไปนานๆ ค่ะ

              โบ๊ะหน้ากลบรอยฝ้า

              สำหรับสาวๆ ที่เริ่มรู้ตัวว่าเป็นฝ้า มันจะหาทางออกในการกลบรอยฝ้าด้วยวิธีโบ๊ะรองพื้นคอนซีลเลอร์หนาๆ แล้วจัดเต็มด้วยเครื่องสำอาง เพราะเป็นวิธีรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ที่ง่าย ในพริบตารอยดำๆ เหล่านั้นก็ถูกกลบไปได้ แต่สาวๆ ทราบไหมคะว่าเครื่องสำอางบางยี่ห้อที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ สารกันบูด ฮอร์โมน และน้ำหอม ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถทำร้ายผิวของเราให้เกิดฝ้า

              ถ้าหากสาวๆ คนไหนที่เป็นฝ้าอยู่แล้วจะทำให้ฝ้าเห็นชัดยิ่งกว่าเดิมและลึกยิ่งกว่าเดิม แต่ถ้าหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะต้องแต่งหน้าได้สาวๆ ควรจะล้างหน้าให้สะอาดหมดจดเช้าและเย็น ไม่ควรลืมล้างเมคอัพก่อนนอนเด็ดขาดและล้างอุปกรณ์แต่งหน้าไม่ว่าจะเป็นแปรงแต่งหน้าแป้งพัฟ ฯลฯ ที่สำคัญหลังล้างหน้าทุกครั้งสาวๆ ควรล้างด้วยน้ำเย็นทุกครั้งจะเป็นการกระชับรูขุมขนทำให้ใบหน้าเนียนกระชับขึ้นค่ะ

              ใช้เคมีลอกฝ้า

              การใช้เคมีลอกฝ้าอาจเห็นผลดีในช่วงแรกๆ เพราะช่วยให้เซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมหลุดลอกไปได้ รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือคราบไคล ก็หายไปด้วยแต่ต้องอยู่ในปริมาณที่พอดีนะคะ หากปริมาณของน้ำยาลอกหน้าแต่ละตัวมีความรุนแรงเกินไป หรือลอกผิวหน้าบ่อยๆ ก็จะทำให้ผิวหน้าบางลง ลอก แห้ง และระคายเคืองได้ง่าย จึงอาจทำให้ผิวไวต่อแสง มีอาการไหม้ และแสบแดงได้ง่ายขึ้น ทางที่ดีเมื่อลอกหน้าแล้วให้มาร์คหน้าด้วยสูตรธรรมชาติอย่าง มะขามเปียก หรือ มะละกอ ไม่ควรถูกแสงแดดทันทีเมื่อทำการลอกหน้า และอย่าลอกหน้าบ่อยเกินไปอาจทำให้หน้ายิ่งดำจนชอกช้ำระกำใจยิ่งขึ้นค่ะ

              ใช้หัวไชเท้าพอกหน้าแบบผิดวิธี

              สำหรับสาวๆ ที่เลี่ยงวิธีการรักษาฝ้าด้วยสารเคมี แล้วหันมาพึ่งวิธีธรรมชาติโดยใช้หัวไชเท้าพอกหน้า เพื่อ รักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ เพราะเคยได้ยินมาว่าหัวไชเท้ามีสรรพคุณในเรื่องการลดรอยฝ้า กระ และจุดด่างดำ ก็อยากให้หยุดการกระทำนี้ก่อน แล้วลองศึกษาวิธีการพอกหน้าด้วยหัวไชเท้าที่ถูกต้อง ดังนี้ค่ะ

              shutterstock 666455809
              • การนำหัวไชเท้าพอกหน้าหรือวางแบบสดๆ สามารถใช้ได้กับบางคนเท่านั้น เนื่องจากหัวไชเท้ามีฤทธ์เป็นกรดที่เข้มข้นและมีความเผ็ดร้อน จึงอาจทำให้ผิวหน้ามีอาการแสบแดงได้
              • วิธีรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำด้วยหัวไชเท้า คือ หั่นหัวไชเท้าแล้วนำไปแช่เย็น เพื่อลดอาการแสบร้อนจึงค่อยนำมาพอกหน้า หรือผสมกับน้ำผึ้งหรือว่านหางจระเข้ หรือไม่ก็นำน้ำหัวไชเท้า ผสมกับรำข้าวบดละเอียด คนให้เป็นเนื้อครีม จึงค่อยนำมาพอกหน้า ที่สำคัญควรพอกเพียง 3-5 นาทีเท่านั้น หากไม่แน่ใจอาจนำมาทดสอบที่ท้องแขนก่อนก็ได้
              • สำหรับผู้มีผิวบอบบางไม่ควรใช้สูตรรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำด้วยหัวไชเท้าค่ะ

              กรอผิวหน้าเพื่อลดฝ้า

              การรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ด้วยวิธีนี้จะเป็นการขจัดผิวหน้าที่เสื่อมสภาพและตายแล้วเพื่อให้ฝ้าดูจางลง การกรอผิวหน้า (Microdermabrasion) เป็นเทคโนโลยีการขัดกรอผิวหน้าที่สะดวกรวดเร็ว ให้ประสิทธิภาพสูง เป็นที่นิยมแพร่หลายทั้งในยุโรปและอเมริกา ด้วยวิธีการขจัดผิวในชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นเซลล์ชั้นบนที่ตายแล้วให้หลุดออก โดยใช้ผลึกคริสตัลให้วิ่งตามการพ่นของเครื่องปั้มในกระบอกสูญญากาศที่ปลอดเชื้อ โดยมีการปรับความแรง ความเร็วในการพ่นผลึก เพื่อกรอผิวหนังชั้นนอกเพื่อให้ฝ้าหลุดลอกออกและจางลง โดยมีการปรับความแรง ความเร็วในการพ่นผลึกดังกล่าวได้ตามต้องการของผู้ใช้ ซึ่งผลเสียที่ตามมาจากการกรอผิวหน้าเพื่อรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ คือต้องทำมากกว่า 10 ครั้งขึ้นไปจึงจะเห็นผล หากมีสิวเยอะ หรือหลุมสิวลึกก็จะต้องกรอผิวหน้าในระดับที่ลึก อาจทำให้มีอาการบวม แสบ แดง บางรายอาจจะมีอาการแพ้ผงอัญมณีได้ค่ะ เพราะฉะนั้น ควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจทำการกรอผิวหน้า หากมีผิวบางอยู่แล้วไม่แนะนำวิธีนี้นะคะ

              ทั้งหมดนี้ คือความเชื่อ หรือความเข้าใจแบบผิดๆ เกี่ยวกับวิธีการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ที่เราได้คัดสรรมานำเสนอค่ะ ว่าแต่ว่า… มีวิธีไหนบ้างคะที่สาวๆ กำลังทำอยู่ เมื่อทราบดังนี้แล้ว ก็ให้รีบหยุดการกระทำนั้นทันที ก่อนที่ใบหน้าของคุณจะพังชนิดกู่ไม่กลับ หรือกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็อาจทำให้สาวๆ ท้อใจไปเลยก็มีค่ะ…

              วิธีป้องกันการเกิดฝ้า กระ รอยดำ ที่สาวๆ ควรรู้ก่อนสายเกินแก้

              ฝ้า กระ

              ฝ้า กระ และรอยดำ อาจไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดร่างกาย แต่… มันเจ็บจี๊ดดดด อยู่ในใจทุกครั้งที่ได้เห็นค่ะ โดยเฉพาะเมื่อขึ้นอยู่บนใบหน้าที่เราแสนจะหวงแหน ส่องกระจกทีไรก็ต้องถอนหายใจทุกครั้ง แต่…จะดีกว่าไหมคะ ถ้าเรามาลองเริ่มแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ด้วยการเริ่มดูแลและป้องกันรักษาฝ้า กระ รอยดำ อย่างถูกวิธี ก่อนจะสายเกินแก้ เพราะหากปล่อยเอาไว้เนิ่นนานอาจต้องใช้ระยะเวลารักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ นานเชียว

              1. การหลีกเลี่ยงแสงแดดสำคัญที่สุด

              การดูแลป้องกันตัวเองจากแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้น ในแต่ละวันจึงไม่ควรละเลยการทาครีมกันแดดที่มีความสามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต ทั้ง UVA และ UVB ได้ดี โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับแสงแดดระหว่างวัน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF 50+, PA+++

              shutterstock 271800461

              นอกจากนี้ การแต่งกายให้มิดชิดรวม ถึงการสวมหมวก สวมแว่นตากันแดด กางร่ม ก็มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดได้ ถึงแม้ว่าตัวช่วยในการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ นั้นจะมีหลากหลายวิธี ทั้งทายา เลเซอร์ กินวิตามินเสริม ที่จะช่วยทำรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ให้ลดเลือน แต่ก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นอีก ตราบใดที่เรายังต้องเผชิญกับแสงแดดอยู่เป็นประจำนั่นเอง

              2. ระวังเรื่องการใช้ยารักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ และอาหารเสริมป้องกันฝ้า

              ปัจจุบันมียาทารักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ มากมายจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาด มีทั้งที่ปลอดภัยและผสมสารที่เป็นอันตราย ซึ่งการดูฉลากยาในบางครั้งก็ไม่สามารถตรวจสอบได้จริงๆ ว่ายานั้นเป็นยาที่ปลอดภัยจริงหรือไม่ โดยสารเคมีที่ใส่ในยาลบรอยดำที่อันตราย อย่างเช่น ใช้ไฮโดรควินิน (Hydroquinone) มากกว่าปริมาณที่องค์กรอาหารและยากำหนด ใช้สารปรอท หรือมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ที่ไม่เหมาะกับการใช้บนผิวหนัง ยากลุ่มนี้เมื่อใช้ช่วงแรกๆ จะรู้สึกว่ารอยดำจางหายได้เร็วมาก แต่เมื่อใช้ไปนานๆ จะสังเกตว่าจะเกิดอาการหน้าแดงง่าย เกิดเส้นเลือดฝอยเล็กๆ บนใบหน้าอย่างเห็นชัด บางรายอาจเกิดสิวอักเสบเห่อหลังหยุดใช้ยา และอาจส่งผลให้รอยดำที่เป็นอยู่มีสีเข้มขึ้นและขยายขนาดมากขึ้นได้ด้วย ดังนั้น แนะนำว่าถ้าอยากรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำอย่างได้ผลและไม่เสี่ยง ควรมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเลือกวิธีการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ที่เหมาะสมกับเราดีกว่า หายช้าดีกว่าหน้าพัง

              นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหลายชนิด ที่โฆษณาเรื่องทำให้มีผิวขาวขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะผสมสารอาหารหรือสารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ลดการสร้างเม็ดสีในผิวหนัง ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดการทำลายผิวจากแสงแดด ตัวอย่างเช่น Glutathione, Vitamin C, Alpha Lipoic Acid,Pine Tree Bark Extract, Grape Seed Extract เป็นต้น ซึ่งอาหารเสริมเหล่านี้อาจจะนำมาใช้เป็นตัวเสริมในการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำได้ แต่ยังไม่ได้เป็นมาตรฐานในการรักษา เนื่องจากยังไม่มีผลการวิจัยที่เพียงพอที่จะรับรองผลของการรักษาและผลข้างเคียงในระยะยาวอย่างชัดเจน

              3. ทดสอบเครื่องสำอางก่อนใช้

              ก่อนที่สาวๆ จะตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางตัวไหน แนะนำว่าควรทดสอบเครื่องสำอางก่อนใช้จริง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เกิดอาการแพ้เมื่อใช้ สำหรับการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ถ้ามีฝ้าขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากถูกแสงแดด ควรระวังและหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกแสงแดดซ้ำอีก จะช่วยให้ฝ้าจางหายไปได้ ในกรณีที่เป็นมากไม่ควรใช้ยาหรือเครื่องสำอางด้วยตนเอง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ถ้าเป็นไม่มากอาจใช้เครื่องสำอางสำหรับฝ้าได้ แต่จะต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน และต้องใช้ให้ถูกวิธี

              4. รับประทานอาหารต้านฝ้า

              นอกจากการดูแลผิวภายนอกแล้ว การดูแลผิวจากภายในก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยอาหารที่ทานแล้วทำให้ผิวแข็งแรง ช่วยปกป้องผิวของเราจากการเป็นฝ้า มีดังนี้

              shutterstock 236750896
              1. ข้าวโพด ในข้าวโพดจะมีสารเบต้าแคโรทีนและโฟเลต ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดฝ้า และมะเร็ง ทั้งนี้ ยังช่วยชะลอการเกิดเซลล์ผิวเสื่อม ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง กระจ่างใส แข็งแรง มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
              2. สตรอว์เบอร์รี อุดมไปด้วย วิตามินซีสูง ที่มีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวต้านทานต่อรังสีอัลตราไวโอเลตที่มากับแสงแดดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ การทานสตรอว์เบอร์รี ยังมี่ส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง พร้อมช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส ลดเลือนรอยดำจากสิว-ฝ้า และทำให้ผิวชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น
              3. ไข่ไก่ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่าลูทีนและซีแซนทิน ซึ่งมีคุณสมบัติปกป้องผิวจากรังสียูวี ช่วยต่อต้านการเกิดฝ้าและมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง อ่อนกว่าวัยอีกด้วย
              4. ปลาแซลมอน มีโอเมก้า 3 DHA และ EPA ที่มีส่วนช่วยปกป้องและต่อต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสี UV ซึ่งการทานปลาแซลมอนนี้ จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ลดริ้วรอย ป้องกันการเกิดฝ้า
              5. เต้าหู้ จะช่วยรักษาคอลลาเจน กระชับผิวพรรณ เพราะเต้าหู้มีวิตามินอีที่จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต ลดการเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันฝ้า ทำให้ผิวชุ่มชื้น นุ่มเนียน ป้องกันริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วย

              5. พยายามหลีกเลี่ยงความร้อนทุกรูปแบบ

              ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ซาวน่า หน้าเตาทำอาหาร โยคะร้อน เพราะความร้อนจะกระตุ้นให้ฝ้าสีเข้มขึ้นและยังเป็นสาเหตุของฝ้าเลือดอีกด้วย อีกทั้ง ควรหลีกเลี่ยงการขัดหน้าบ่อยๆ เพราะการขัดถูใบหน้ามากเกินไปสามารถกระตุ้นฝ้าให้เข้มขึ้นได้ค่ะ

              shutterstock 580622002

              6. พบผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณเป็นประจำ

              เพราะสถานบริการด้านผิวพรรณนั้น มีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ พร้อมเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัยคอยให้บริการ การพบผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณเป็นประจำจะสามารถตอบโจทย์ด้านการดูแล รักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ และปกป้อง ผิวพรรณของเราจากปัญหาต่างๆ ได้อย่างถูกต้องตรงจุด รวมไปถึงปัญหาฝ้า กระ หรือรอยดำจากสิวได้ อีกทั้ง การเข้ารับบริการที่สถานบริการผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะทำให้คุณมีผิวพรรณที่ผ่องใส ไร้ฝ้า ไร้ริ้วรอยรบกวนต่างๆ จนใครๆ เห็นต้องร้องว้าว! กับใบหน้าเนียนๆ ใสๆ ของคุณอยู่ตลอด

              ฝ้า กระ คืออะไร ต่างกันอย่างไร

              ฝ้า กระ

              สำหรับสาวๆ ที่พยายามดูแลผิวหน้าไม่ให้มันจนเป็นสาเหตุของการเกิดสิว แต่กลับพบว่าวันดีคืนดีเกิดมีรอยปื้นๆ สีน้ำตาลขึ้นบนใบหน้า หรือบางครั้งมีจุดสีน้ำตาลเล็กๆ กระจายขึ้นอยู่ทั่วใบหน้า คุณสาวๆ ทราบหรือไม่คะ ว่าเป็นอาการของอะไร… เอาล่ะสิ เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของเรา และเมื่อลองสอบถามกับคนใกล้ตัว บางคนอาจให้คำตอบว่าคือ “ฝ้า” บางคนตอบว่า “กระ” สรุปแล้วอาการที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเรามันคืออะไรกันแน่? แล้วปัญหาฝ้า กระเกิดขึ้นจากอะไร? พฤติกรรมใดบ้างที่เร่งให้เกิดฝ้า กระขึ้นบนใบหน้า? เรามาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเพื่อเป็นแนวทางก่อนรักษาฝ้า กระ ให้หายค่ะ…

              shutterstock 653681932

              ลักษณะ “ฝ้า”

              ฝ้าจะมีลักษณะที่เป็นรอยปื้นๆ ใหญ่ๆ มีสีน้ำตาลเข้มกว่าสีผิวปกติของเรา ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของการสร้างสีผิวของผิวหนังในบางแห่งและเป็นเฉพาะบางคนเท่านั้นค่ะ ฝ้าเกิดได้หลายๆ ที่บนใบหน้า เนื่องจากผิวหนังที่ใบหน้าจะมีเซลล์สร้างสีผิวมากกว่าบริเวณอื่นๆ และโดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้มและสันจมูกจะเป็นบริเวณที่มีฝ้าเกิดขึ้นได้บ่อย เนื่องจากเป็นบริเวณที่ถูกแดดได้บ่อยที่สุด โดยมากแล้วฝ้ามักจะเกิดในคนที่มีผิวขาวมากกว่าคนผิวคล้ำหรือผิวดำค่ะ อีกทั้งพบฝ้าในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายด้วย

              139

              โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งฝ้าออกได้เป็น 2 ชนิดคือ ชนิดตื้นและชนิดลึก สำหรับความแตกต่างของฝ้าทั้ง 2 ชนิดนี้ก็คือ ระดับความลึกของเม็ดสีชนิดลึก เพราะเม็ดสีที่มีความผิดปกติจะอยู่ที่ชั้นหนังแท้ ส่วนฝ้าชนิดตื้นนั้นจะมีอยู่แค่ตรงชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น และความเข้มของเม็ดสีก็ยังมีน้อยกว่าฝ้าชนิดลึกอย่างมากอีกด้วยค่ะ

              ลักษณะ “กระ”

              กระ เกิดจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสี สร้างเม็ดสีมากขึ้นผิดปกติเมื่อถูกแสงแดด ลักษณะจะเป็นจุดเล็กๆ สีน้ำตาล พบได้บนใบหน้า โดยเฉพาะกลุ่มสีบริเวณดั้งจมูก หรือส่วนต่างๆ ของร่างกาย  มักเกิดในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวดำ คนที่มีพ่อแม่ เป็น กระ จะมีโอกาสเป็น กระ มากกว่าคนทั่วไป หากตากแดดจะทำให้จำนวนกระเพิ่มจำนวนมากขึ้นได้ค่ะ

              ฝ้า กระ เกิดจากอะไร

              ส่วนใหญ่มักเกิดจากรังสี UVA / UVB ที่เข้ามาทำร้ายผิวโดยตรงเป็นเวลานานๆ ทำให้เม็ดสีเมลานินมีการเกาะตัวเป็นกระจุก จนทำให้เกิดจุดกระ และรอยฝ้า ขึ้นบนใบหน้า ซึ่งฝ้า และ กระ นี้ไม่ใช่จะเกิดขึ้นจากแสงแดดเพียงอย่างเดียวเท่านั้นนะคะ ฝ้า กระ ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากฮอร์โมนผิดปกติภายในร่างกาย และการแพ้เครื่องสำอางได้อีกด้วยค่ะ

              มาดูพฤติกรรมที่เร่งทำให้เกิดฝ้า กระ มีอะไรบ้าง

              ชอบเผชิญแสงแดด   

              แสงแดด สามารถทำร้ายผิวหน้าของคุณให้เกิดรอยฝ้า กระได้ดีอันดับต้นๆ เลยทีเดียวค่ะ เพราะแสงแดดจะปล่อยคลื่นรังสี UV เมื่อได้รับรังสี UVA และ UVB จัดๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็จะเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายที่เพิ่มขึ้น จนรอยฝ้าหรือกระ เริ่มลอยเด่นชัดตามส่วนต่างๆ ของใบหน้า ไม่หายสักที เมื่อเป็นแบบนี้คงต้องเร่งรักษาฝ้า กระ ด่วนๆ แล้วล่ะค่ะ

              shutterstock 1011269995

              นั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นประจำ

              แสงสว่างจากคอมพิวเตอร์จะทำให้เกิดความร้อนสะมอยู่บริเวณใบหน้าของคุณค่ะ พอสะสมมากเข้าก็จะทำปฏิกิริยากับเม็ดสีเมลานินที่อยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดฝ้าบนใบหน้าได้ค่ะ สำหรับวิธีแนะนำเบื้องต้นให้คุณลองนำกระบองเพชรมาตั้งไว้ข้างๆ จอคอมฯ เพื่อดูดซับแสงก็พอช่วยได้บ้างนะคะ หรือหากคุณเกิดปัญหาฝ้าขึ้นมาแล้วกระบองเพชรคงเอาไม่อยู่ทางที่ดีควรหาวิธีรักษาฝ้า กระดีกว่าค่ะ

               เครียดบ่อยๆ ทำฝ้าขึ้นหน้า

              ความเครียดมีส่วนสัมพันธ์กับฝ้าโดยตรง เพราะฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน และเมื่อฮอร์โมนไม่สมดุลก็ทำให้เกิดเมลานินสะสมจนเกิดเป็นฝ้า กระได้ค่ะ

              แพ้เครื่องสำอาง

              สาวๆ ที่แต่งหน้าอยู่เป็นประจำ เคยสงสัยบ้างหรือเปล่าคะ ว่าทำไมพยายารักษาฝ้าบนใบหน้ามาหลายวิธี แต่ฝ้ากลับไม่จางลงสักที อาจเกิดจากอาการแพ้เครื่องสำอางได้เช่นกันค่ะ อาการแพ้เครื่องสำอาง เช่น น้ำหอม สี สารกันเสีย เครื่องสำอางบางชนิดที่มีฮอร์โมนเพศผสมอยู่ก็ทำให้เกิดรอยด่างดำแบบฝ้า กระได้ค่ะ ทางที่ดีไม่ควรเปลี่ยนเครื่องสำอางบ่อยๆ เพราะอาจทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย หรือหากใช้เครื่องสำอางชนิดไหนแล้วเกิดการแพ้ ควรจะอ่านรายละเอียดของสารประกอบในเครื่องสำอางนั้นว่ามีสารตัวใดอยู่บ้าง ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดการแพ้ เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงสารตัวนั้นเมื่อจะซื้อเครื่องสำอางชนิดอื่นต่อไปค่ะ

              shutterstock 1192568971

               

              ใช้ครีมไม่มีมาตรฐาน

              เราสามารถพบเห็นโฆษณาครีมที่อวดอ้างสรรพคุณเรื่องผิวขาวหน้าขาวอยู่บ่อยๆ ในสังคมออนไลน์ ซึ่งหากผู้ใช้ไม่ศึกษาคุณสมบัติ และสารประกอบให้ดีอาจเสี่ยงต่อการเกิดฝ้า กระได้มากค่ะ เพราะครีมหน้าขาวแบบเห็นผลไวมักเต็มไปด้วยสารปรอท และสารเคมีต่างๆ ที่ทำร้ายผิว ไม่มีที่มา ไม่มีส่วนผสมชัดเจน รู้แต่ว่าขาวไว ครีมพวกนี้เมื่อใช้ไปสักพักจะทำให้เกิดฝ้าได้ และที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นผลพวงจากครีมอาจทำให้ฝ้าฝังลึกยิ่งกว่าเดิมได้ค่ะ

              ขาดสารอาหาร

              หากใครที่ปฏิเสธการทานผักและผลไม้อยู่บ่อยๆ แต่นิยมทานแต่ของหวาน ของทอด ของมัน อาหารฟาสฟู้ด เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โปรดทราบว่า “ฝ้า กระ” จะไม่ลาจากคุณไปไหนค่ะ ดังนั้น หากต้องการรักษาฝ้า กระควรเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ อย่างการทานผัก ผลไม้ที่มีส่วนประกอบของวิตามินซี วิตามินบี12 แร่ธาตุ และไฟเบอร์ รวมถึงดื่มน้ำสะอาดให้ได้มากๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ก็จะช่วยให้ร่างกายเกิดการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยขับถ่ายสารพิษ รักษาฝ้า ทำให้รอยฝ้าจางลงได้เป็นอย่างดี

              พักผ่อนไม่เพียงพอ

              คนพักผ่อนน้อย นอกจากจะทำให้ผิวหน้าเกิดริ้วรอย สิว และความหมองคล้ำแล้ว เมื่อร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอระบบภายในร่างกายก็จะรวน มีผลต่อฮอร์โมนในร่างกายทำงานได้ไม่ค่อยดี จนเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเครียด มีอนุมูลอิสระ ส่งผลให้เมลานินทำงานได้ไม่ค่อยดี ทำให้เกิดรอยฝ้า กระได้ชัดมากยิ่งขึ้นค่ะ

              ขี้เกียจล้างหน้าก่อนเข้านอน

              ตื่นๆ ค่ะอย่าเพิ่งหลับ สลัดความขี้เกียจทิ้งไปแล้วลุกขึ้นมาล้างหน้าให้สะอาดก่อนนอน เพราะสิ่งสกปรก สารเคมีจากเครื่องสำอางที่เกาะอยู่บนใบหน้า จะส่งผลให้รอยฝ้าชัดมากยิ่งขึ้น หากไม่ยอมล้างหน้าก่อนนอนบ่อยๆ ก็จะส่งผลให้สารเคมีและสิ่งสกปรกสะสมในผิว ทำให้เมลานินก่อตัว และถึงแม้จะใช้ครีมรักษาฝ้า กระดีแค่ไหน ถ้าไม่ล้างหน้าก่อนนอน รอยฝ้า กระก็ไม่จางลงแน่นอนค่ะ

              ในยาคุม มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศ ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากขึ้น สาวๆ ที่ทานยาคุมจึงมีรอยฝ้าขึ้นได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ทานยาคุม รวมถึงคนที่ตั้งครรภ์ก็จะมีรอยฝ้าได้เช่นกันค่ะ ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องทานยาคุมจริงๆ ก็ควรเลือกทานยาคุมที่มีปริมาณฮอร์โมนที่น้อยลง หากไม่แน่ใจว่ายาคุมตัวไหนมีปริมาณยาคุมเท่าไหร่ ควรปรึกษาเภสัช หรือปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาคุมที่ปริมาณน้อยลง แต่หากหยุดทานยาคุม หรือคนที่ตั้งครรภ์คลอดลูกแล้ว รอยฝ้า กระก็จะจางลงได้เองตามธรรมชาติค่ะ

              ทานยาคุมอยู่ตลอด

              shutterstock 686848585

              ในยาคุม มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศ ทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานมากขึ้น สาวๆ ที่ทานยาคุมจึงมีรอยฝ้า กระขึ้นได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ทานยาคุม รวมถึงคนที่ตั้งครรภ์ก็จะมีรอยฝ้า กระได้เช่นกันค่ะ ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องทานยาคุมจริงๆ ก็ควรเลือกทานยาคุมที่มีปริมาณฮอร์โมนที่น้อยลง หากไม่แน่ใจว่ายาคุมตัวไหนมีปริมาณยาคุมเท่าไหร่ ควรปรึกษาเภสัช หรือปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาคุมที่ปริมาณน้อยลง แต่หากหยุดทานยาคุม หรือคนที่ตั้งครรภ์คลอดลูกแล้ว รอยฝ้า กระก็จะจางลงได้เองตามธรรมชาติค่ะ

              เหตุผลที่คุณควรรักษา ฝ้า กระ จุดด่างดำ

              256

              ฝ้า กระ จุดด่างดำ สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วผิวกาย หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แค่ไม่ใส่ใจก็ไม่เป็นไรหรือไม่ก็อาจจะคิดว่าแค่ตำหนิบนใบหน้าไม่หนักหนาหรอกจริงไหม? แต่การมีฝ้า กระ จุดด่างดำนั้นอาจมีผลกระทบบางอย่างทำให้คุณไม่ชอบใจ วันนี้จะชวนสาวๆ มาดูกันค่ะ ว่าทำไมเราถึงควรกำจัดฝ้า กระ จุดด่างดำออกจากใบหน้า

              1. สมัครงานหน้าใสมีชัยไปกว่าครึ่ง
                ไม่ว่าจะยุคไหนเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าใบหน้านั้นยังเป็นเครื่องดึงดูดผู้คนเข้าหา การเริ่มต้นสมัครงานเช่นเดียวกัน การที่มีใบหน้าสวยใส ไร้จุดด่างดำ เป็นผลดีกับการทำงาน ไม่ว่าคุณจะสีผิวไหน ขอแค่เรียบเนียนและไร้จุดด่างดำก็ทำให้มีคนสนใจคุณได้ไม่ยาก รวมไปถึงงานบางประเภทที่ต้องอาศัยหน้าตาด้วย เช่น พนักงานต้อนรับ แอร์โฮสเตส เป็นต้น หน้าตาเกลี้ยงเกลาสวยใสยังเป็นสิ่งสำคัญต่ออาชีพเป็นอย่างยิ่ง ถ้าสาวๆ อยากเข้าทำงานจำเป็นต้องกำจัดรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำไปซะจะได้หมดอุปสรรคในการสมัครทำงาน เข้าตากรรมการตั้งแต่สบตาน๊าค๊า
              2. เผยผิวให้หนุ่มๆ เหลียวมอง
                เรามักจะได้ยินคำพูดนี้เสมอ ว่าผู้ชายชอบผู้หญิงไม่แต่งหน้า แต่ถ้าคุณมีฝ้า กระ จุดด่างดำล่ะจะทำยังไง หนุ่มๆ คงจะจับจ้องแผ่นฝ้า กระ และจุดด่าดำบนใบหน้ามากกว่าจะอยากศึกษานิสัยใจคอคุณต่อ ไม่มีใครไม่อยากให้หน้าเป๊ะ! ถ้าฝ้าเป็นขวากหนามในการหาแฟนทำไมเราถึงจะไม่อยากกำจัดรักษาฝ้า กระกันละ จริงไหมคะสาวๆ
              3. หมอดูทักมา!
                ถ้าคุณมีฝ้า กระ จุดด่างดำที่บดบังโหงวเฮ้งของคุณ อาจจะส่งผลต่อดวงชะตาก็เป็นได้ใครหาว่างมงายแต่มีอยู่จริงน๊าค๊า ในศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของมหาเสน่ห์ จุดด่างดำ บางที่ดีแต่บางที่เป็นกาลกิณีอีก และถ้ามันรวมตัวกันเป็นไฝจะยิ่งใหญ่โตนะคะ ดังนั้นกำจัดออกตั้งแต่เนิ่นๆ จะเป็นการดีที่สุด เพื่อความสบายใจของคุณสาวๆ นั่นเอง
              4. อยากมั่นใจไม่โป๊ะ!
                เพราะฝ้า กระ จุดด่างดำที่ผุดขึ้นบนใบหน้า ไม่ว่าจะช่วงวัยไหน ก็ทำให้ขาดความมั่นใจได้ทั้งนั้นค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสาวๆ วัยละอ่อนหรือคุณแม่ยังสวยที่เกิดฮอร์โมนแปรปรวนหลังคลอดบุตร ก็อยากมีใบหน้าที่กระจ่างใสไร้ตำหนิกันทั้งนั้น ในเมื่อสิ่งเหล่านั้นมาอยู่บนใบหน้าเราได้ เราก็สามารถกำจัดรักษาฝ้า กระให้พ้นทางได้เช่นกันค่ะ จัดการเลเซอร์มันออกซะดีกว่า บอกลาหน้าเป็นฝ้าแล้วกลับมาสวยใสอย่างเดิมเถอะค่ะ
              5. เพื่อการแต่หน้าได้ดีขึ้น
                สังเกตไหมว่าเวลาที่คุณสาวๆ ต้องการแต่งหน้าเพื่อกลบจุดบกพร่อง บางอย่างหนึ่งในนั้นคือฝ้า กระ จุดด่างดำ แต่ถ้าฝ้าเป็นแผ่นแน่นติดใบหน้าเป็นวงกว้างจะเอาคอนซีเลอร์ที่ไหนปกปิดหรือจะรองพื้นยี่ห้อดังแค่ไหนก็ไม่สามารถปิดมิดนะคะ ถึงจะสาย “ฝ” เต็มขั้นแค่ไหนก็เอาไม่อยู่ แต่หน้าแต่ละทีต้องเรียกว่าถมรองพื้นจนแน่นยิ่งเสียงต่อการเกิดฝ้าเพิ่มขึ้นอีก และถ้าคุณอยากแต่หน้าเกาหลี โชว์ผิวแล้วละก็ ลืมไปได้เลยค่ะ เปลี่ยนลุคแต่ละทีคิดหนักจนปวดหัว เพื่อความสะดวกเลเซอร์รักษาฝ้า กระซะเถอะค่ะ ง่ายสุดแล้วไปหยุดอยู่ที่ความสวย

              ปัจจุบันการเลเซอร์มีวิวัฒนาการล้ำหน้ามากยิ่งขึ้นยิ่งเป็นการเลเซอร์รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำไม่ได้เจ็บแสบมากอย่างที่ทุกคนคิดกันถ้าเจ็บก็ต้องบอกว่าเจ็บนิดเดียวแต่ถ้าแลกด้วยความสวยใครล่ะคะจะไม่อยากลองทั้งสะดวก ปลอดภัย และให้ผลรวดเร็วกว่าวิธีอื่นอีกด้วย

              สาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่สาวๆต้องรู้

              255

              ผิวของมนุษย์มีการผลิตเม็ดสีเมลาไวท์ (เม็ดสีอ่อน) และเมลานิน (เม็ดสีเข้ม) ซึ่งฝ้า กระ จุดด่างดำ คือภาวะที่เรียกว่าไฮเปอร์พิกเมนเทชั่นเกิดขึ้นเมื่อร่างกายผลิตเม็ดสีเข้มหรือเมลานินมากเกินไปจนผิดปกติ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นทุกที่บนผิว ผลของการผลิตเม็ดสีเมลานินนี้สามารถทำให้ผิวจริงถูกบดบัง หมองคล้ำขาดความกระจ่างใส เม็ดสีที่เกาะกลุ่มรวมตัวกันนั้นมีรูปร่างและขนาดที่หลากหลาย ยากต่อการปกปิด ถมคอลซีเลอร์กี่เฉดก็เอาไม่อยู่ อาจส่งผลถึงความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันของคุณสาวๆ ที่มาของ ฝ้า กระ จุดด่างดำนั้นมีหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้

              1. แสงแดดตัวร้าย
                รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) มาพร้อมกับแสงแดดศัตรูหมายเลขหนึ่งที่คุณเผชิญอยู่ทุกวัน แม้ว่าการอยู่ในแสงแดดเป็นสิ่งที่ดีมีประโยชน์เพราะช่วยกระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างวิตามินดีแก่ร่างกาย แต่ถ้าได้รับมากไปจากมีประโยชน์จะกลายเป็นให้โทษได้ เพราะในแสงแดดมี รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่สามารถทำลายชั้นผิว สำหรับคนที่ทำงานกลางแจ้ง ออกแดดบ่อยครั้งจะทำให้เกิดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้ง่ายมาก
              2. กรรมพันธุ์
                มีการวิจัยว่าหากครอบครัวใดมีพ่อแม่ที่เป็นฝ้า โอกาสที่บุตรหลานจะเป็นฝ้าด้วยนั้นมีมากถึง 30 – 50% และมักพบในคนเอเชียมากกว่าคนยุโรป และผู้ที่เป็นฝ้าจากกรรมพันธุ์ถ้ารักษาฝ้า กระ จุดด่างดำให้หายแล้ว จะมีโอกาสกลับมาเป็นฝ้าอีกสูงมาก ดังนั้นคนที่เป็นฝ้าเพราะกรรมพันธุ์อาจจะไม่สามารถรักษาฝ้าให้หายขาดได้ซะทีเดียว คุณจึงควรดูแลและป้องกันผิวหน้าเป็นพิเศษ กันไว้ดีกว่าแก้ทีหลังดีกว่าต้องมานั่งรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำเป็นเวลานาน
              3. เครื่องสำอาง
                เครื่องสำอางก็มีส่วนทำให้คุณเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำได้เช่นกัน โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำหอม สี หรือแอลกอฮอลล์ เพราะสารเหล่านี้มักเป็นสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการแพ้ระคายเคือง ก่อให้เกิดรอยดำคล้ำ ยิ่งเมื่อคุณแพ้เครื่องสำอางแล้วยังดันทุรังใช้ เมื่อโดนแสงแดดก็จะเกิดฝ้าได้ง่าย เนื่องจากผิวบอบบางจึงไวต่อแสง ดังนั้นเมื่อคุณเริ่มเป็นฝ้าจากเครื่องสำอางที่ใช้อยู่ควรหยุดใช้และรีบรักษาฝ้าโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เป็นมากขึ้นจนยากที่จะรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำให้หายได้
              4. การอบซาวหน้า
                เนื่องจากความร้อนในขณะซาวหน้าอาจส่งผลกับสาวๆ ที่ผิวบอบบาง เมื่อผิวถูกกระตุ้นโดยความร้อน จึงมีความไวในการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำจากความร้อนเนื่องจากการทำซาวหน้าได้
              5. ฮอร์โมน
                อิทธิพลของ ฮอร์โมน จะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย (เช่น การตั้งครรภ์, วัยหมดประจำเดือน) เมลาสมาหรือโคลแอสมา (ฝ้า) มักถูกเรียกว่า “หน้ากากของการตั้งครรภ์” หรือ “the mask of pregnancy” เนื่องจากพบในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนและยาคุมกำเนิด ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้าหรือแขนที่มักมีบริเวณค่อนข้างใหญ่
              6. การใช้ยาบางชนิด
                พบว่าผู้ที่รับประทานยากันชักบางชนิด มักเกิดผื่นดำคล้ายรอยฝ้า กระ จุดด่างดำที่บริเวณใบหน้า จึงเชื่อว่ายานี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำนอกจากนี้ยาคุมกำเนิดบางชนิดก็มีผลทำให้เกิดฝ้าเช่นเดียวกัน
              7. ขาดวิตามิน
                สาวๆ ที่มีฝ้า กระ จุดด่างดำนั้นอาจมีผลมาจากการทำงานของตับผิดปกติเนื่องจากดื่มแอลกอฮอล์ปาตี้จัดหนักจนเกินพอดี หรือขาดวิตามินบี12 ก็เป็นได้ การขาดวิตามินชนิดนี้จะทำให้ร่างกายแปรปรวน จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำได้

              เปลี่ยนจากหน้าพัง! เป็นหน้าปัง! ด้วยการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำด้วยเลเซอร์

              254

              เชื่อเหลือเกินว่าสาวๆ หลายคนไม่ได้มีความชื่นชอบกับฝ้า กระ จุดด่างดำบนใบหน้า ส่งกระจกทีไรแล้วไม่เคยพอใจสักที บางครั้งเป็นอุปสรรคต่อการแต่งหน้าอีกต่างหาก เผลอๆ จุดด่างดำบางจุดดันไปอยู่ในที่หมอดูทัก จะทำยังไงละทีนี้ หลากหลายวิธีในการกำจัด รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ มีให้เห็นเยอะมาก เลือกไม่ถูกว่าจะใช้ครีมตัวไหน นวัตกรรมอะไรดี วันนี้เราจะชวนคุณสาวๆ มาดูนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของการกำจัดฝ้า กระ จุดด่างดำด้วยเลเซอร์ ที่รมย์รวินท์คลีนิกกันค่ะ

              คอนเซปการทำเลเซอร์ชอบเค้าก็เก๋ไม่เบานะยูว์ มาในแบบเรียบๆ แต่เฉียบที่เดียว คือ “ฝ้ารักษายากแต่รักษาได้” ว่ากันว่าไม่เจ็บ ไม่แสบ เห็นผลทันใจและผลข้างเคียงน้อยด้วย มาดูกันดีกว่าว่าใบหน้าของสาวๆ จะได้รักการปรนนิบัติยังไงกันบ้าง

              ขั้นตอนที่ 1 พูดคุณกับคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญ

              สาวๆ จะต้องเข้ารับการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อวิเคราะห์ความตื้น ลึก หนา บางรวมไปถึงขนาด ของฝ้า กระ จุดด่างทำที่อยากกำจัดให้หมดไป ร่วมพูดคุยและฟังข้อสรุปของปัญหาผิว การรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ของผู้รับบริการ ในขั้นตอนนี้คนไข้สามารถถามปัญหาที่ตนสงสัยได้อย่างตามสบาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผิวการปฏิบัติตัว เอาที่แฮปปี้กันทั้งสองฝ่ายแล้วค่อยไปขั้นตอนต่อไป

              ขั้นที่ตอน 2 รับ….ยาชา

              หลังจากที่พูดคุยเม้าท์มอยกับคุณหมอเรื่องปัญหาผิว การรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ เรียบร้อย ถูกวิเคราะห์แล้วว่าจุดที่ต้องทำ คราวนี้ก็เป็นการขึ้นเตียงรอรับบริการ ด่านที่สองของการเดินทางไปสู่ผิวสวย คือการทายาชา และมนุษย์เมคอัพก็ต้องลบเครื่องสำอางให้เกลี้ยงกริบด้วยนะจ๊ะ ช่วงเวลานี้คุณหมอจะมีการพูดคุยหลอกล่อแบบน่ารักๆ แล้วทายาและแร็บแผ่นฟิล์มบนหน้า รอประมาณ 30- 40 นาที เพื่อความสวย นอนชาวนไปค่ะ

              ขั้นตอนที่ 3 ยิงเลเซอร์

              นวัตกรรมเลเซอร์รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ เจนเนอเรชั่นล่าสุด สามารถส่งพลังงานสูง ในช่วงระยะเวลาที่สั้นมาก ระดับ picosecond หรือ 1 ในล้านล้านวินาที ลงไปใต้ผิวหนังบริเวณที่เป็นฝ้า ทำให้เม็ดสีที่รวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่มก้อนใต้ผิวแตกกระจายออกเป็นเม็ดละเอียดๆ ทันที โดยไม่เกิดความร้อน ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียง และที่สำคัญคือช่วยลดความเจ็บ ทำให้คุณสามารถเผยผิวสวยกระจ่างใสอีกด้วยค่ะ

              ที่เจ๋งสุดๆ ก็คือเทคนิคนี้ใช้ได้ไปถึงกับการลบรอยสัก อย่างรอยสักคิ้วหรือรอบดวงตา ได้โดยไม่เสียงผิวไหม้ ถ้ารอยสักยังลบได้รอยสิวก็ไม่ต้องพูดถึงสินะ! ของเขาดียจ์จริงๆ

              ขั้นตอนที่ 4 มาสก์หน้าผ่อนคลาย

              ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงขั้นตอนท้ายสุดคือการทำมาสก์หน้า เพราะหลังจากการทำเลเซอร์รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ เรียบร้อยแล้ว ผิวหน้าอาจมีอาการแสบร้อน รอยแดงนิดๆ โดยมาสก์หน้าจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายผิวขึ้น ถึงจะมีรอยแดงบ้างเมื่อสิ้นสุดการเลเซอร์ แต่ถือว่าน้อยมากเรียกว่าดูไม่ออกก็ว่าได้ งานนี้ชิลด์ไปอีก

              หลังจากการทำเลเซอร์รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ประมาณ 2-3 อาทิตย์ผ่านไปก็เริ่มรับรู้ได้ถึงฟีดแบ็ค เวลาเพื่อนๆ ทักว่าช่วงนี้ไปทำอะไรมา ทำไมหน้าใส? อยากจะตอบไปเหมือนกันว่าแค่ ‘ดื่มน้ำเยอะๆ แล้วก็คิดบวก’ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลของการทำเลเซอร์ตัวนี้ทำให้ริ้วรอยแดงที่เคยเป็นปัญหาจางลงอย่างชัดเจน จนต้องบอกต่อเพื่อนสาวที่มีปัญหาผิวไปหลายนาง

              สำหรับคนที่มีปัญหากระฝ้าหนักๆ คุณหมอแนะนำว่าให้ทำซ้ำ 2-3 ครั้งรับรองว่าเห็นผล ถือเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์สาวยุคใหม่ ใส่ใจงานผิว มาสวยให้สุดกันเถอะค่ะ

              วิธีรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้ใบหน้าขาว ไร้ความหมองคล้ำ

              253

              คำว่าฝ้า กระ จุดด่างดำ พูดเบาๆก็เจ็บ ไม่มีใครไม่อยากให้ใบหน้าสดใสเปล่งปลั่ง กระจ่างใส ไร้ข้อบกพร่อง แต่ถ้าเกิดบังเอิญว่าสิ่งเหล่านั้นบังเอิญผุดขึ้นมาบนใบหน้า อาจทำให้สาวๆขากความมั่นใจอย่างมากในการดำรงชีวิตเพราะแทนที่ทุกคนที่คุยกับคุณ แทนที่จะมองหน้าอาจจะมองฝ้าที่เกาะอยู่บนหน้าคุณก็เป็นได้ สำหรับสาวๆที่กำลังกลุ้มใจกับ ฝ้า กระ จุดด่างดำอยู่ในขณะนี้ เราจึงมีวิธีการช่วยกำจัด ฝ้า กระจุดด่างดำมาฝากกัน ดังต่อไปนี้

              1. มาร์คหน้าด้วยวิธีธรรมชาติ การนำพืชบางชนิดที่มีคุณสมบัติรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำเช่น หัวไชเท้า มะขามเปียก ว่านหางจระเข้ มะนาว ใบบัวบก มาผ่านกรรมวิธีอาทิ การบด คั้น ปั่น หั่น เป็นต้นเพื่อให้เกิดความละเอียดพอเหมาะแก่การพอกผิวเพื่อให้ฝ้ากระจุดด่างดำดูลดเลือนได้แต่ต้องใช้เวลานาน แต่วิธีการเหล่านี้อาจจะมีผลกระทบกับผู้แพ้สารอื่นในพืช หรือไม่ก็ต้องระวังเรื่องยาฆ่าแมลงตกค้างในพืชผัก จึงควรคำนึงถึง ถึงสารตกค้างให้มาก
              2. การเลือกใช้ครีมรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่มีส่วนผสมของ AHA, วิตามินซี, อาร์บูติน กรดโคจิก ก็สามารถช่วยได้แต่อาจจะต้องใช้เวลานาน หรืออาจจะไม่ดีขึ้น
              3. การลอกฝ้า ไม่ว่าจะเป็นการใช้กรด อย่างเช่น AHA หรือการใช้ผงคริสตัล ขัดผิว ก็ล้วนแล้วแต่จะช่วยให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอกออกไปพร้อมเซลล์เม็ดสีที่กระจายตัวอยู่บนผิวชั้นบน นั่นคือรอยฝ้าก็จะแลดูจางลง แต่สิ่งที่คุณจะต้องเสี่ยงคือการที่ผิวบริเวณนั้นจะไวต่อแสงแดดมาก
              4. ฉีดเมโสรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ (Mesotherapy) เป็นการใช้เข็มเล็ก ๆ ฉีดตัวยาเข้าไปในชั้นผิวตื้น ๆ เพื่อการกระจายตัวยาที่ใช้รักษากระ ฝ้า ลงสู่ชั้นเซลล์ที่มีปัญหา โดยจะฉีดลึกลงไปประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ระยะห่างกันไม่เกิน 1 เซนติเมตร เฉพาะบริเวณที่มีปัญหากระและฝ้า แต่ต้องทำการฉีดซ้ำทุก ๆ 1-2 อาทิตย์ วิธีนี้ถ้าจะหวังผลการรักษาให้เป็นที่พอใจคงเป็นไปได้ยาก อย่างมากก็แค่ช่วยให้ฝ้าดูจางลงเท่านั้น
              5. ไอออนโตรักษาฝ้า(Iontophoresis) เครื่องมือชนิดนี้ อาศัยหลักการปล่อยประจุไฟฟ้าระดับอ่อนๆ มีผลช่วยผลักยาหรือวิตามินที่เราทาไว้บนผิวให้ซึมผ่านเข้าสู่ผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ยาออกฤทธิ์ในการรักษาได้ดี โดยยาที่นิยมนำมาใช้จะอยู่ในรูปแบบของเจล อย่างเจลอาร์บูติน, เจลโคจิก, เจลวิตามินซี, เจลลิโคไลซ์ และทรานซามิคเจล การรักษาแบบนี้มีผลข้างเคียงน้อย แต่อาจมีอาการระคายเคืองได้บ้าง หากทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งฝ้า กระ จุดด่างจะจางลงตามลำดับ แต่ยังไม่ช่วยให้หายขาดจากการเป็นฝ้าได้
              6. การรักษาด้วยเลเซอร์ นวัตกรรมเลเซอร์รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำโดยเลเซอร์สามารถส่งพลังงานคลื่นสูง ในช่วงระยะเวลาที่สั้น ลงไปใต้ผิวหนังบริเวณที่เป็นฝ้า ทำให้เม็ดสีที่รวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่มก้อนใต้ผิวแตกกระจายออกเป็นเม็ดละเอียดๆทันที โดยไม่เกิดความร้อน ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียง และที่สำคัญคือช่วยลดความเจ็บ ทำให้คุณสามารถเผยผิวสวยกระจ่างใส รวดเร็ว เป็นวิธีกำจัดฝ้า กระจุดด่างดำหายขาด ได้โดยไม่ต้องใช้เวลานาน และให้ผลดีที่สุด