Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ด้วย 3 พลังความเย็น

Color Ice คืออะไร

Color Ice ผสาน 3 เทคโนโลยีความเย็นฟื้นฟูผิวแห้งเสีย

  • ปัญหาผิวหน้าแห้งเสียเป็นปัญหาที่หลายคนต้องพบเจอ โดยผิวที่ขาดความชุ่มชื้นจะทำให้ผิวดูหมองคล้ำ ไม่เรียบเนียน และเกิดปัญหาริ้วรอยก่อนวัยได้  แต่ถ้าหากดูแลฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างถูกวิธี ก็จะสามารถฟื้นฟูผิวแห้งเสีย และป้องกันปัญหาผิวต่าง ๆ ที่จะตามมาได้ วันนี้รมย์รวินท์จะพาไปรู้จักกับทรีตเมนต์ Color Ice ทรีตเมนต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูผิวแห้งเสียด้วยการผสาน 3 เทคโนโลยีไว้ด้วยกัน

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




    วันที่สะดวกในการติดต่อ








    Color Ice เผยผิวใหม่ฟื้นฟูผิวแห้งเสียคืออะไร ?

    • Color Ice คือทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวแห้งเสียโดยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในการบำรุงและปรับสภาพผิวให้กลับมาชุ่มชื้นแข็งแรง ด้วยการผสมผสาน 3 เทคโนโลยี ได้แก่ Mesotherapy, Cryotherapy, และ LED Phototherapy โดยทรีตเมนต์นี้ออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาผิวในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ลดการอักเสบ ลดสิว ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูผิวให้ดูกระจ่างใสอย่างมีประสิทธิภาพ

    Color Ice ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ?

    โปรแกรม Color Ice สามารถช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสียและปรับสภาพผิวในหลายด้าน โดยมุ่งเน้นการบำรุงผิวอย่างล้ำลึกและแก้ไขปัญหาผิวที่หลากหลาย ดังนี้

    • Color Ice ช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ด้วยเทคโนโลยี Mesotherapy ใน Color Ice ที่ช่วยผลักวิตามิน และสารอาหารเข้าสู่ผิว จึงทำให้ผิวกลับมาชุ่มชื้น แข็งแรงได้
    • Color Ice ช่วยลดการอักเสบของผิว ด้วยความเย็นจาก Cryotherapy ใน Color Ice ช่วยลดการระคายเคือง และการอักเสบของผิว เช่น รอยแดงหรือบวมหลังการทำหัตถการ
    • Color Ice ช่วยลดสิวและป้องกันสิวใหม่ โดยเฉพาะการควบคุมแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว ด้วยแสงสีฟ้า จาก LED Phototherapy ใน Color Ice ซึ่งช่วยลดการอักเสบและสิวอุดตัน
    • Color Ice ช่วยลดเลือนริ้วรอย ด้วยแสงสีแดงที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและลดริ้วรอยที่เกิดจากวัย
    • Color Ice ช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใส แสงสีเหลืองใน Color Ice ช่วยลดรอยหมองคล้ำและฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้า ทำให้ผิวดูกระจ่างใสและสุขภาพดีขึ้น
    • Color Ice ช่วยกระชับรูขุมขน ด้วยความเย็นจาก Cryotherapy ใน Color Ice จะช่วยในการกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและลดความมัน
    • Color Ice ช่วยลดรอยแผลเป็นจากสิว ช่วยฟื้นฟูผิวที่มีรอยแผลเป็นหรือรอยดำจากสิว ให้กลับมาเรียบเนียนขึ้น

    จุดเด่นของ Color Ice คือ

    ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีที่หลากหลายของ Color Ice ในการแก้ไขปัญหาผิวอย่างล้ำลึกและช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสีย จึงทำให้ Color Ice  มีจุดเด่นในหลายอย่างที่ทำให้เป็นที่นิยม ที่ทำให้ทรีตเมนต์นี้โดดเด่น

    • จุดเด่นของ Color Ice คือการผสมผสานเทคโนโลยี 3 อย่าง โปรแกรม Color Ice ใช้เทคโนโลยีถึง 3 อย่างในการฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ได้แก่ Mesotherapy, Cryotherapy, และ LED Phototherapy โดย 3 เทคโนโลยีนี้ทำงานร่วมกันเพื่อบำรุงและฟื้นฟูผิวอย่างครอบคลุม รวมทั้งช่วยแก้ปัญหาผิวหลายด้านภายในโปรแกรมเดียว
    • จุดเด่นของ Color Ice คือการผลักวิตามินเข้าสู่ชั้นผิว  ด้วยเทคโนโลยี Mesotherapy ใน Color Ice ทำให้สารบำรุงและวิตามินซึมเข้าสู่ผิวได้ลึกกว่าการทาครีมทั่วไป ส่งผลให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
    • จุดเด่นของ Color Ice คือเทคโนโลยีความเย็นที่ช่วยฟื้นฟูผิว ด้วยเทคโนโลยี Cryotherapy ใน Color Ice ใช้ความเย็นถึง -15°C เพื่อช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ลดอาการอักเสบ บวมแดง และระคายเคือง ทำให้หลังจากการทำหัตถการอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
    • จุดเด่นของ Color Ice คือการใช้แสง LED เพื่อบำบัดผิว การบำบัดผิวด้วยแสงสีเหลือง  แดง และฟ้า ใน Color Ice ช่วยแก้ปัญหาผิวในหลายมิติ เช่น ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ลดริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจน ลดสิว และควบคุมแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว
    • จุดเด่นของ Color Ice คือผลลัพธ์ที่ครอบคลุมทุกปัญหาผิว โปรแกรม Color Ice ไม่เพียงช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิว แต่ยังช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ผิวแห้งเสีย หมองคล้ำ สิว รอยแดง ริ้วรอย และการอักเสบของผิวได้อีกด้วย
    • จุดเด่นของ Color Ice คือเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โปรแกรม Color Ice นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสมก็สามารถทำโปรแกรม Color Ice ได้

    Color Ice ทำงานยังไง ? 

    โปรแกรม Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียทำงานผ่าน 3 เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเข้าด้วยกัน ได้แก่ Mesotherapy, Cryotherapy, และ LED Phototherapy ซึ่งแต่ละเทคโนโลยีก็มีวิธีการทำงานที่แตกต่างกัน ดังนี้

    • เทคโนโลยี Mesotherapy ใน Color Ice
      Mesotherapy ใน Color Ice เป็นเทคนิคที่ใช้ในการผลักสารบำรุงผิวลงไปในชั้นผิวหนัง โดยการทำให้เกิดช่องว่างเล็ก ๆ บนผิวชั้นบน ช่วยให้วิตามินและสารอาหารซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น โดยจะช่วยในการฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ให้ความชุ่มชื้น และปรับสภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้หลังทำคือผิวจะมีความชุ่มชื้นสุขภาพดี

    เทคโนโลยีของ Color Ice

    เทคโนโลยี Cryotherapy ใน Color Ice 

    Cryotherapy ใน Color Ice  ใช้ความเย็นถึง -15°C ในการฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ซึ่งช่วยปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน และลดการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการทำ ด้วยความเย็นใน Cryotherapy ของ Color Ice นี้เอง ทำให้ผิวดีขึ้น ช่วยลดบวมแดงและการระคายเคือง โดยยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับมากยิ่งขึ้น

    เทคโนโลยีแสงบำบัด  LED Phototherapy ใน Color Ice 

    LED Phototherapy ใน Color Ice เป็นเทคนิคการบำบัดด้วยแสงที่ใช้ประโยชน์จากความเข้มข้นของแสงในแต่ละสีเพื่อตอบสนองต่อปัญหาผิวที่แตกต่างกัน โดยใช้แสง 3 สีหลักที่มีคุณสมบัติที่ต่างกันในการแก้ไขปัญหาผิว  ได้แก่

    1. แสงสีเหลืองใน LED Phototherapy ของ Color Ice

    • แสงสีเหลืองใน LED Phototherapy ของ Color Ice มีความสามารถในการช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่มีการอักเสบ ช่วยลดอาการบวมและการอักเสบของผิวหนัง รวมถึงแสงสีเหลืองยังช่วยในการลดรอยหมองคล้ำ โดยเฉพาะบริเวณที่มีปัญหา เช่น รอยดำใต้ตา และช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสยิ่งขึ้น

    2.แสงสีแดงใน LED Phototherapy ของ Color Ice

    • แสงสีแดงช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิว ซึ่งเป็นสารสำคัญสำหรับการรักษาความยืดหยุ่นและความเรียบเนียนของผิว โดยการกระตุ้นจากแสงสีแดงใน LED Phototherapy ของ Color Ice จะทำให้ผิวกลับมาดูเรียบเนียนและเต็มอิ่ม รวมถึงสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการเสื่อมสภาพตามวัย ส่งผลให้ผิวดูอ่อนเยาว์หลังการทำโปรแกรม Color Ice  ได้อีกด้วย

    เทคโนโลยีของ Color Ice

    3.แสงสีฟ้าใน LED Phototherapy ของ Color Ice

    • แสงสีฟ้าใน LED Phototherapy ของ Color Ice มีคุณสมบัติในการควบคุมแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดสิว โดยเฉพาะแบคทีเรียที่ชื่อ Propionibacterium acnes ที่ก่อให้เกิดสิว โดยแสงสีฟ้าช่วยลดการอักเสบของสิว ทำให้สิวหายเร็วขึ้นและลดความรุนแรงของการเกิดสิวใหม่

    อีกทั้งการบำบัดด้วยแสงสีฟ้าใน LED Phototherapy ของ Color Ice ยังช่วยทำให้ผิวดูเรียบเนียนและมีสุขภาพดี ช่วยลดโอกาสการเกิดสิวในอนาคตได้

    Color Ice เหมาะกับใคร ?

    • Color Ice เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแห้งเสีย และปรับสภาพผิวให้กลับมาสดใสแแข็งแรง นอกจากนั้น Color Ice ยังสามารถตอบโจทย์คนได้หลายกลุ่ม
    • Color Ice เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งเสีย เนื่องจาก Color Ice สามารถช่วยเติมความชุ่มชื้นและบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ทำให้ผิวที่แห้งกลับมาชุ่มชื้นและดูสุขภาพดี
    • Color Ice เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวและผิวอักเสบ แสงสีฟ้าใน LED Phototherapy ช่วยควบคุมแบคทีเรียและลดการอักเสบของสิว ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบและสิวอุดตัน
    • Color Ice เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยหรือผิวที่เริ่มเสื่อมสภาพ แสงสีแดงใน Color Ice ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย และทำให้ผิวเรียบเนียน อ่อนเยาว์
    • Color Ice เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแห้งเสียอย่างเร่งด่วน Color Ice ช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสียที่อ่อนแอจากการโดนแดด มลภาวะ หรือความเครียด ให้ผิวดีขึ้นได้ในระยะเวลาไม่นาน
    • Color Ice เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ แสงสีเหลืองใน LED Phototherapy ช่วยลดรอยหมองคล้ำและปรับผิวให้กระจ่างใสขึ้น
    • Color Ice จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการลดสิว ลดริ้วรอย ปรับผิวให้กระจ่างใส หรือเติมความชุ่มชื้น

    Color Ice  ไม่เหมาะกับใคร ?

    Color Ice อาจไม่เหมาะกับบางกลุ่มคน เนื่องจากลักษณะเฉพาะของทรีตเมนต์ที่ใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ รวมถึงผลของการใช้ความเย็นและการกระตุ้นด้วยแสง LED ดังนั้นกลุ่มคนต่อไปนี้อาจไม่เหมาะสมที่จะเข้ารับการทำ Color Ice

    • Color Ice อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือด เนื่องจากความเย็นของ Cryotherapy ใน Color Ice อาจส่งผลให้เส้นเลือดหดตัวอย่างรวดเร็ว ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเส้นเลือดฝอยแตก หรือโรคเกี่ยวกับการไหลเวียนเลือดควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ก่อน
    • Color Ice อาจไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร แม้ว่าจะไม่มีผลโดยตรงต่อทารก แต่การทำทรีตเมนต์ที่มีการใช้แสง LED หรือการฉีดสารบำรุงต่าง ๆ เช่น Mesotherapy ซึ่ง Color Ice อาจไม่ปลอดภัยในช่วงนี้ ดังนั้นผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อน
    • Color Ice อาจไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคผิวหนังรุนแรง ผู้ที่มีปัญหาโรคผิวหนังเรื้อรังหรือรุนแรง เช่น โรคสะเก็ดเงิน, กลาก, หรือโรคผิวหนังอื่นๆ ควรหลีกเลี่ยงการทำ Color Ice เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองขึ้นได้
    • Color Ice อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติการแพ้แสง (Photosensitivity)  LED Phototherapy  ใน Color Ice ใช้แสงในการบำบัด ดังนั้นผู้ที่มีความไวต่อแสงหรือมีประวัติการแพ้แสงอาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้หรือการระคายเคืองได้
    • Color Ice อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีการติดเชื้อหรือบาดแผลเปิด Color Ice ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีบาดแผลเปิด การติดเชื้อผิวหนัง หรืออาการระคายเคืองที่ยังไม่ได้รับการรักษา ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังก่อนเข้ารับบริการ Color Ice เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับสภาพผิวและสุขภาพของแต่ละบุคคล

    Color Ice อันตรายหรือไม่ ?

    Color Ice เป็นทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวแห้งเสียที่มีความปลอดภัยเนื่องจากทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการ์ณ และเทคโนโลยีที่ใช้ในโปรแกรมนี้ออกแบบมาให้มีความอ่อนโยนต่อผิวพร้อมกับการใช้เทคโนโลยีความเย็นในการลดการระคายเคืองอีกด้วย

    Color Ice มีผลข้างเคียงไหม ?

    ถึงแม้ Color Ice จะเป็นทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวแห้งเสียที่มีความปลอดภัย แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยได้ในบางกรณี ซึ่งผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น คือ

    • หลังการทำ Color Ice ทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวแห้งเสียอาจมีรอยแดงหรือบวมได้
      หลังการทำ Color Ice อาจเกิดมีรอยแดงหรือบวมขึ้นได้ทันทีหลังการทำ แต่โดยปกติแล้วจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง
    • หลังการทำ Color Ice ทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวแห้งเสียอาจมีอาการคันหรือระคายเคืองได้
      ในผิวของบางคนอาจรู้สึกระคายเคือง หรือคันได้เล็กน้อยหลังการทำ Color Ice  โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้เข้ารับรักษามีผิวบอบบาง
    • หลังการทำ Color Ice ทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวแห้งเสียอาจมีผิวแห้งหรือลอก
      ในบางคนอาจมีอาการผิวแห้งหรือผิวลอกเล็กน้อยได้ หลังการทำ Color Ice ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้มอยส์เจอไรเซอร์

    โดยผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นชั่วคราวและไม่รุนแรง แต่ถ้าหากมีอาการที่ผิดปกติ หรือหายช้าหลังการทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสม

    Color Ice เจ็บไหม ?

    Color Ice เป็นทรีตเมนต์ที่ใช้เทคโนโลยีความเย็นเพื่อช่วยฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ลดเลือนริ้วรอย และแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ด้วยการปล่อยคลื่นแสงเพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ โดยที่ตัวเครื่องจะทำงานร่วมกับความเย็นเพื่อลดความรู้สึกไม่สบายในระหว่างการรักษา

    แต่โดยทั่วไปแล้วความรู้สึกตอนทำ Color Ice มักขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ผู้เข้ารับการรักษาส่วนใหญ่จะไม่รู้สึกเจ็บมาก  เพราะมีการใช้ความเย็นเข้ามาช่วยบรรเทาอาการ แต่คุณอาจรู้สึกแค่ความร้อนอุ่นๆ หรืออาการคันเล็กน้อยในระหว่างทรีตเมนต์เท่านั้น

    Color Ice เห็นผลลัพธ์ตอนไหน ?

    ผลลัพธ์จากการทำ Color Ice มักจะเริ่มเห็นได้ภายใน 2-4 สัปดาห์หลังจากการทำทรีตเมนต์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและการตอบสนองของแต่ละคน โดยคุณจะเริ่มสังเกตเห็นจุดด่างดำ ฝ้า กระ และรอยสิวที่ค่อย ๆ จางลง สีผิวจะดูสม่ำเสมอและดูกระจ่างใสยิ่งขึ้น

    Color Ice ต้องทำกี่ครั้ง ?

    การทำ Color Ice มักจะต้องทำต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข เช่น จุดด่างดำ ฝ้า กระ หรือรอยสิว สำหรับบางคนที่มีปัญหาผิวที่รุนแรง อาจจำเป็นต้องทำต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น  โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ดังนั้นก่อนเริ่มทำ Color Ice ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทราบถึงปัญหาผิวและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมก่อนเริ่มทำ

    การเตรียมตัวก่อนทำ Color Ice

    วิธีการเตรียมตัวก่อนทำ Color Ice 

    ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้การทำ Color Ice มีประสิทธิภาพสูงสุด และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ดังนั้นก่อนทำ Color Ice ควรเตรียมตัวก่อนทำ ดังนี้

    • ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแดดจัด
      ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียประมาณ 1-2 สัปดาห์  ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เพื่อป้องกันผิวไหม้หรือเกิดอาการระคายเคืองในระหว่างการรักษา
    • ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว
      ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA, BHA, เรตินอยด์ หรือสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ก่อนทำเพื่อป้องกันผิวบางและอาการระคายเคือง
    • ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ควรงดการทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์
      หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์หรือทรีตเมนต์อื่น ๆ ที่มีความรุนแรงกับผิว เช่น การกรอผิว การลอกผิว ก่อนการทำ ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย
    • ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ควรพักผิวให้แข็งแรง
      ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียผู้เข้ารับการรักษาควรบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและแข็งแรง เพื่อไม่ให้ผิวแห้งเกินไประหว่างการทำ
    • ก่อนทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ควรแจ้งประวัติการรักษากับแพทย์
      หากผู้เข้ารับการรักษามีปัญหาผิวแพ้ง่าย หรือเคยมีการรักษาผิวหน้ามาก่อน ควรแจ้งให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทราบก่อนการทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียเพื่อให้แพทย์สามารถประเมินและปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมได้

    การเตรียมตัวเหล่านี้จะช่วยให้การทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียได้ดีขึ้นรวมทั้งช่วยทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาผิวหลังการทำได้

    วิธีการดูแลตัวเองหลังทำ Color Ice 

    หลังจากทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียแล้วนั้นการดูแลผิวอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดการระคายเคือง หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยหลังทำ Color Ice ควรดูแลตัวเอง ดังนี้

    • หลังจากทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรหลีกเลี่ยงแสงแดด
      ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดโดยตรงในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย และทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง (50 ขึ้นไป) ทุกวันเพื่อป้องกันรังสียูวีทำลายผิวและทำให้จุดด่างดำกลับมา
    • หลังจากทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น หลังการทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารให้ความชุ่มชื้นหรือครีมบำรุงผิวที่อ่อนโยน เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
    • หลังจากทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรงดการใช้ผลิตภัณฑ์บางชนิด
      หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวหลังการทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียในช่วง 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการระคายเคือง เนื่องจากผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจทำให้ผิวระคายเคืองและแห้งมากขึ้นในช่วงที่ผิวกำลังอยู่ในกระบวนการฟื้นฟู
    • หลังจากทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรหลีกเลี่ยงการขัดหรือถูผิวแรงๆหลังการทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย ควรล้างหน้าอย่างเบามือ และหลีกเลี่ยงการขัดถูผิว เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว เนื่องจากผิวอาจไวต่อการสัมผัสมากขึ้นในช่วงเวลาฟื้นตัว การถูหรือขัดผิวแรง ๆ อาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบ ระคายเคืองได้
    • หลังจากทำ Color Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรดื่มน้ำมากๆ หลังการทำ Color Ice เพื่อฟื้นฟูผิวแห้งเสียแล้วนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นจากภายใน เพราะน้ำมีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลความชุ่มชื้นในผิว เมื่อผิวได้รับการฟื้นฟูจากภายนอกด้วยทรีตเมนต์ การดูแลจากภายในด้วยการดื่มน้ำจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของการรักษา ทำให้ผิวฟื้นตัวได้ดีและเร็วขึ้น

    การดูแลตัวเองหลังการทำ Color IceColor Ice ฟื้นฟูผิวแห้งเสียควรดูแลตัวเองให้ดีตามคำแนะนำเหล่านี้ เนื่องจากจะช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น และคงผลลัพธ์ที่ดีหลังการทำทรีตเมนต์

    สรุป Color Ice เป็นทรีตเมนต์ที่ฟื้นฟูผิวแห้งเสีย และปรับปรุงสภาพผิวให้ดีขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีความเย็นร่วมกับการผสาน 3 เทคโนโลยี ได้แก่ Mesotherapy, Cryotherapy, และ LED Phototherapy เพื่อฟื้นฟูผิวแห้งเสีย และผลลัพธ์ที่ได้หลังการทำ Color Ice คือเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว พร้อมกับเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำและสดใส นอกจากนี้ยังช่วยลดเลือนจุดด่างดำ ฝ้า กระ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น

    ไหมน้ำ ULTRACOL คืออะไร? ช่วยอะไร?

    Ultracol

    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




      วันที่สะดวกในการติดต่อ








      ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL สร้างผิวสวยตั้งแต่ใต้ชั้นผิว

      ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL คือ

      การกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวจากประเทศเกาหลีใต้ ที่บริษัท Ultra V ทำการค้นคว้า วิจัย และคิดค้นร่วมกันกับ มหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังจากประเทศเกาหลีใต้อย่าง Seoul University Hospital ร่วมด้วย Chung-Ang University Hospital เพื่อให้ริ้วรอยบนใบหน้า รวมทั้งคุณภาพผิวดีขึ้นจากการที่คอลลาเจนใต้ผิวมีความหนาแน่นขึ้น ส่งผลให้ผิวที่มีความหลวม คุณภาพไม่ดี มีริ้วรอยได้ถูกเติมเต็มจากคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นเองโดยธรรมชาติ โดยการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตและพัฒนาขึ้นมาจากไหมที่ใช้ร้อยหน้า ที่เรารู้จักกันมาเนิ่นนานในการใช้เย็บแผลสำหรับวงการแพทย์มามากกว่า 50 ปี ตั้งแต่ 1980 อย่างไหม PDO โดยการนำไปเข้ากระบวนการ Nano Technology เพื่อให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่มีโมเลกุลทรงกลมที่มีความสวยงามและมีขนาดที่เล็กมากในระดับนาโน (Spherical Micro Particle Shape)

      เพื่อทำให้ไหมที่เคยมีลักษณะเป็นเส้น ได้แตกตัว กลายเป็นผงละลายในน้ำ sterile water พร้อมใช้สำหรับกระตุ้นคอลลาเจนที่อยู่ใต้ผิวหนังในที่สุด สามารถเปรียบเทียบคุณภาพได้ว่าฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ในปริมาณ 1 ขวด จะเท่ากับการร้อยไหม PDO ปกติจำนวนถึง 1,427 เส้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย เมื่อฉีดลงสู่ผิวจะสามารถสลายออกได้เองตามกระบวนการธรรมชาติ และยังจดสิทธิบัตรเฉพาะในรูปแบบเฉพาะของ Ultra V ยังผ่านอย. และ KFDA, CE, TFDA,USFDA มากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ในรูปแบบ Medical Device Bio-Stimulator Injection หรือในรูปแบบการฉีดสารกระตุ้น อีกทั้งยังเป็นโปรแกรมที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยม IR52 Jang Young Sil award จากเกาหลีใต้ รวมทั้ง ไหมน้ำ ULTRACOL ยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการตีพิมพ์ลงสื่อนิตยสารของทางด้านการแพทย์ ว่ามีความปลอดภัยสูง สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ ภายในระยะเวลา 6-8 เดือน โดยที่จะไม่มีสารตกค้างหลงเหลือที่ผิวถึง 100% เนื่องจาก ไหมน้ำ ULTRACOLใช้เทคโนโลยี Micronizing ในการผลิตแบบพิเศษโดยเฉพาะที่ทำให้มีผงของผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดเล็กในระดับนาโน

      สามารถกระจายตัวได้ดีเนื่องจากมีลักษณะเป็นของเหลว โดยสามารถกระจายตัวได้ในบริเวณกว้าง สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ทั้ง Type 1 และ Type 3 ไม่เกิดการ  Nodule เป็นปมของไหม หรือ Granuloma การอักเสบหลังการฉีดไป

      • ช่วยความหนาแน่นของชั้นผิว 34.36%
      • ความกระจ่างใส 9.15%
      • ริ้วรอย 13 33%
      • ลดการบาดเจ็บในการฉีด

      โดยทั้งหมดอ้างอิงตามงานวิจัยของผลิตภัณฑ์

      ไหมน้ำ

      ไหม PDO (Polydioxanone) คืออะไร

      PDO นั่นเป็นไหมละลาย (Absorb-able suture) ที่ใช้ในวงการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็น การเย็บแผล สมานแผล หรือใช้ในการผ่าตัดอวัยวะภายใน ซึ่งใช้กันมาเป็นระยะเวลานาน PDO ย่อมาจาก Polydioxanone มีความปลอดภัยในการใช้สูง ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ รวมทั้งยังเป็นไหมแบบเดียวกับที่เรารู้จักกันในการนำมาร้อย เพื่อยกกระชับใบหน้าปรับหน้าให้เรียว เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ทั้งแบบมีเงี่ยง และแบบไม่มีเงี่ยง

      Ultracol

      ข้อดีของการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL

      • สามารถฉีดได้แม้ในบริเวณที่มีความบอบบางอย่างใต้ดวงตา
      • สามารถฉีดได้ทุกบริเวณบนใบหน้าโดยไม่มีข้อห้าม
      • ปลอดภัยมีการรับรองจากหลายประเทศ
      • ไม่เป็นก้อน ไม่เป็นปุ่ม ไม่เป็นปม
      • มีการันตีว่าเห็นผลจริง
      • ละลายเร็ว ไม่ต้องกังวลผลข้างเคียง
      • เติมเต็มผิวหน้าได้เทียบเท่าสารเติมเต็ม
      • สลายได้เองตามกระบวนการธรรมชาติ 100%
      • ได้เพิ่มคอลลาเจนของตัวเองใต้ชั้นผิว
      • ยกกระชับใบหน้าได้เทียบเท่าการร้อยไหม
      • เติมเต็มใบหน้าได้คล้ายโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์
      Ultracol

      ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

      Wrinkles ริ้วรอย

        • ช่วยเติมเต็มและลดริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้าให้ตื้นและดูดีขึ้น

      Lifting ผิวกระชับ

        • ช่วยกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึง และมีความแน่นมากขึ้น

      Skin quality คุณภาพผิว

        • ช่วยให้ผิวมีคุณภาพมากขึ้น ทั้งมีความยืดหยุ่น รูขุมขนเล็กลง มีความเรียบเนียน ขาวใส มีความแข็งแรง และมีความหนาที่มากขึ้น

      Naturally fill เติมเต็มให้ดูเป็นธรรมชาติ

        • ดูสวยและดูเติมเต็มอย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากคอลลาเจนที่เกิดขึ้นเป็นคอลลาเจนที่สร้างโดยร่างกายของเราเอง

      Dermal density ความยืดหยุ่นและความหนาแน่นของชั้นผิว

        • คืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว ทำให้ย้อนอายุของผิวให้มีความยืดหยุ่นเหมือนวัยเด็ก

      skin radiance เพิ่มความกระจ่างใสผิวดูมีออร่า

        • ปรับผิวให้ขาวใสจากภายในเนื่องจากการมีคุณภาพผิวที่ดีขึ้น

      Collagen type1 และ type3

      • ทำให้ผิวที่เคยหลวมเกิดการสร้างคอลลาเจนมาทดแทนส่วนที่หายไป ทำให้ผิวกลับมามีความแน่นเด้งอีกครั้ง

      ผลลัพธ์หลังการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL

      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ทำให้ผิวกระชับ
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยแก้ปัญหารอยเหี่ยวย่น
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ทำให้ผิวสุขภาพดีมากขึ้น
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยให้ผิวสวยแบบสาวเกาหลี
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ทำให้ผิวมีความฉ่ำวาวมากขึ้น
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยกระชับรูขุมขน

      อาการที่พบได้หลังทำการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL

      อาการข้างเคียงเหล่านี้ไม่ใช่อาการอันตราย โดยปกติแล้วจะไม่ได้เกิดกับทุกคน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว การดูแล และการตอบสนองของตัวยา ร่วมด้วย แต่หากเกิดแล้วจะสามารถหายได้เองใน 7 วันโดยไม่ต้องกังวล โดยอาการเหล่านี้ ได้แก่

        • อาการบวมในบริเวณที่ฉีด

      อาการบวมนี้จะเกิดขึ้นเนื่องจากการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เป็นโปรแกรมที่ก่อนฉีดจะต้องผสมน้ำสะอาด หรือ sterile water รวมทั้งผสมยาชาในปริมาณ 5 cc ก่อนฉีด และเมื่อฉีดเข้าสู่ใต้ผิวหนังของเราแล้ว สิ่งที่จะเข้าไปอยู่ใต้ผิวหนังของเราในลำดับแรกเลยก็ คือ น้ำสะอาดที่ได้ผสมเข้าไป รวมกับยาชา อาการบวมจะเป็นการบวมจากน้ำสะอาด หรือ sterile water นั่นเอง แต่อาการบวมที่เกิดขึ้นนี้จะสามารถยุบหายไปได้เองในระยะเวลา 3-5 วัน และจะไม่เป็นก้อน ไม่ตกค้าง ผู้เข้ารับบริการไม่ต้องกังวล

        • อาการแดงในบริเวณที่ฉีด

      อาการแดงของผิวที่เกิดขึ้นนั้น เป็นปฏิกิริยาของผิวที่ตอบสนองตัวยาเพียงเท่านั้น โดยตัวยาจะกระจายไปใต้ชั้นผิวทั่วใบหน้า จึงส่งผลให้ใบหน้ามีความแดงจากตัวยานั่นเอง อาการแดงที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นเพียงในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และจะสามารถหายได้เอง โดยไม่ต้องทายาในระยะเวลาเพียง 3 ชั่วโมงถึง 24 ชั่วโมงโดยประมาณเท่านั้น

        • รอยเขียวช้ำในบริเวณที่ฉีด

      ในการฉีดจะต้องใช้เข็มเป็นสิ่งพาตัวยาเข้าสู่ใต้ผิวหนัง จึงมีความเป็นไปได้ว่าในบางคนจะมีการทิ้งรอยเข็มไว้หลังฉีด โดยอาจจะเห็นเป็นรอยแดงจุด ๆ หรือรอยเขียว ช้ำ หลังการฉีดได้ โดยสามารถลดรอยเขียวช้ำดังกล่าวได้ด้วยการประคบเย็นหลังทำ หรือรอให้รอยเขียวช้ำนั้นหายไปเองก็ได้ โดยรอยเขียวช้ำจะหายไปเองในเวลาไม่เกิน 5 วัน

      ไหมน้ำ

      ไหมน้ำ ULTRACOL ฉีดตรงไหนได้บ้าง

      • หน้าผาก
      • ขมับ
      • แก้ม
      • ร่องน้ำหมาก
      • ระหว่างคิ้ว
      • ใต้ตา
      • แก้มส้ม
      • ฉีดทั่วหน้า
      Ultracol

      การเตรียมตัวก่อนฉีดไหมน้ำ ULTRACOL

      1. ก่อนเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการ ควรหยุดการรับประทานยาประเภทแอสไพริน หรือยาที่อยู่ในกลุ่มยาต้านการอักเสบเป็นระยะเวลา 3 วัน
      2. ก่อนเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการ ควรงดการรับประทานวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นระยะเวลาประมาณ 14 วัน
      3. ก่อนเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลา 1-3 วัน เพื่อป้องกันการอักเสบของผิว
      4. ก่อนเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการ ควรงดการสูบบุหรี่เป็นระยะเวลา า 1-3 วัน เพื่อป้องกันการอักเสบของผิว

      ขั้นตอนการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL

      1. แพทย์ทำการประเมินประมาณตัวยา และแจ้งปัญหาบนใบหน้าของผู้เข้ารับบริการเพื่อทำการวางแผนการรักษา
      2. ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้าและเก็บผม เพื่อให้สะอาดเตรียมพร้อมสำหรับเข้ารับการรักษา
      3. ทายาชาบนใบหน้าตามความต้องการของผู้เข้ารับบริการ ในขั้นตอนนี้หากไม่ต้องการทายาชาก่อนทำการรักษาสามารถแจ้งผู้ช่วยแพทย์ได้
      4. ทิ้งยาชาไว้ 40-60 นาที จึงล้างออก
      5. แพทย์ลงมือฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ตามที่ประเมินแผนการรักษาไว้ในตอนแรกอย่าประณีต จนเสร็จ
      6. ผู้ช่วยแพทย์ทำการห้ามเลือด และแปะพลาสเตอร์บริเวณที่เป็นรอยเข็ม เพื่อป้องกันรูเข็มโดนฝุ่น จึงเป็นอันจบขั้นตอนการรักษา

      การดูแลตัวเองหลังจากฉีดไหมน้ำ ULTRACOL

      1. หลังเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการสามารถประคบเย็นได้ หากกลัวมีรอยเข็มหรือมีความเขียวช้ำ ในขั้นตอนนี้ให้ประคบเย็นอย่างเดียวเท่านั้น และห้อมประคบร้อนเด็ดขาด
      2. หลังเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการ ควรงดทำเลเซอร์เป็นระยะเวลา 1 เดือน เนื่องจากใบหน้ายังมีรอยเข็มอยู่
      3. หลังเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการควรงดทำหัตถการ หรือทรีตเมนต์

      วิธีตรวจสอบไหมน้ำ ULTRACOL ของแท้ มีมาตรฐาน

      • ไหมน้ำ ULTRACOL ของแท้ต้องมีสติ๊กเกอร์ Void จาก Ultra V Thailand ที่ผลิตภัณฑ์
      • ที่กล่องผลิตภัณฑ์ไหมน้ำ ULTRACOL ต้องมี QR Code Hologram ที่ Scan แท้ปลอม
      • ไหมน้ำ ULTRACOL ของแท้เลข Lot ต้องตรงกัน
      • สลาก stickervoid ของ ไหมน้ำ ULTRACOL ต้องไม่ฉีกขาด
      • ที่ผลิตภัณฑ์ไหมน้ำ ULTRACOL ต้องมี Hologram สแกนยาแท้ได้
      • สลากภาษาไทยของไหมน้ำ ULTRACOL จะต้องระบุเลขอย.ชัดเจน

      การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับใคร

      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะผู้ที่มีริ้วรอย และร่องลึก
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้าที่หมองคล้ำมีริ้วรอย จุดด่างดำ ดูโทรม และไม่สดใส
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้าที่หย่อนคล้อย ผิวหลวม ไม่กระชับ ยืด
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL  เหมาะกับผู้ที่มีผิวไม่เรียบเนียน มีความขรุขระ
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับผู้ที่มีผิวหน้ามีรอยเหี่ยวย่น หย่อนคล้อยอันเนื่องมาจากการสูญเสียคอลลาเจน
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL  เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์เหมือนในวัยสาว โดยไม่ต้องการฉีดสารเติมเต็ม
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสริมให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้น
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับผู้ที่ ผิวอิ่มฟู อย่างเป็นธรรมชาติ
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับผู้ที่มีกรอบหน้าและโครงหน้าที่ไม่ชัด ต้องการให้กรอบหน้ามีความคมชัดมากขึ้น
      • การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เหมาะกับผู้ที่อยากยกกระชับแต่ไม่กล้า หรือกลัวการร้อยไหม

      ไหมน้ำ ULTRACOL ไม่เหมาะกับใคร

      การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เป็นโปรแกรมที่ไม่อันตราย และไม่ส่งผลกระทบหลังทำการรักษาก็จริง แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ในคนกลุ่มนี้ที่ไม่ควรทำการรักษา คือ

      1. คนที่รับประทานยาลดการแข็งตัวของเลือด ยาที่ทำให้เมื่อทำการรักษาแล้วจะทำให้ผิวหนังมีรอยเขียวช้ำได้ง่าย และยาที่ทำให้เลือดออกง่ายในขณะที่ทำการรักษา เช่น วิตามิน แปะก๊วย ยาแอสไพริน เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์ และงดยาตามความเหมาะสมก่อนเข้ารับการรักษา
      2. ผู้ที่เป็นคนไข้ในกลุ่มภูมิคุ้มกันตนเองในร่างกายมีความบกพร่อง และต้องรับประทานยาจำพวกยากดภูมิตัวเองอยู่เป็นประจำ เช่น ผู้ที่เป็นโรค SLE
      3. สตรีที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์
      4. สตรีที่อยู่ในระหว่างการให้นมบุตร
      5. ผู้ที่มีประวัติ หรือเคยแพ้ไหม PDO ทั้งจากการเย็บแผล และจากการฉีดใบหน้า

      ไหมน้ำ ULTRACOLใช้เวลาหลังฉีดนานเท่าไรจึงจะเห็นผล ?

      สามารถเห็นผลลัพธ์ในการรักษาหลังการฉีดได้ ภายในระยะเวลา 2-4 สัปดาห์โดยประมาณ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบุคคล และการตอบสนองของร่างกายต่อสาร PDO ที่ฉีดเข้าไปด้วย เนื่องจากผิวหนังของแต่ละบุคคลมีการตอบสนองต่อตัวยาที่ไม่เท่ากันนั่นเอง แต่จะเห็นผลลัพธ์ว่าผิวในบริเวณที่ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ไปนั้นจะดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยผลลัพธ์ที่เห็นนั้นจะเกิดจากใต้ผิวหนังนั้นการการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ผิวจะดีขึ้น แน่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อาทิ ผิวจะมีความอ่อนเยาว์ขึ้น มีความยกกระชับมากขึ้น ผิวนิ่ม เด้งฟู ยืดหยุ่นและแน่นมากขึ้น เพียงแต่ต้องให้เวลาในการสร้างคอลลาเจน ผิวหน้า

      การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ควรทำกี่ครั้ง ถี่ห่างอย่างไร จึงจะเกิดผลลัพธ์หลังการรักษาที่ดีที่สุด

      การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL  เป็นโปรแกรมที่แพทย์แนะนำให้ทำให้ครบ  3 ครั้ง เว้นระยะต่อครั้งเป็นเวลา 4 – 6 เดือน หรือปรึกษาแพทย์เพื่อมาทำการรักษาในครั้งถัดไป ทั้งนี้การรักษาให้ครบตามจำนวนที่แพทย์ประเมิน จะทำให้ผลลัพธ์หลังการรักษาเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

      ไหมน้ำ ULTRACOL มีความแตกต่างกับ ฉีดหน้าใสทั่วไปอย่างไร

      ไหมน้ำ ULTRACOL 

      • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ได้รับการรับรองจากหลายประเทศ กว่า 13 ประเทศทั่วโลก
      • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL มีงานวิจัยรองรับ
      • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ค้นคว้าโดยโรงเรียนแพทย์ชื่อดังในประเทศเกาหลี
      • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เป็นโปรแกรมที่ช่วยกระตุ้นให้ใต้ผิวหนัง เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่
      • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ได้มากกว่าการทำให้ผิวมีคุณภาพที่ดี คือ การทำให้ผิวมีความยกกระชับ
      • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ช่วยเรื่องริ้วรอยได้ด้วย
      • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL แพทย์ไม่ต้องฉีดหลายจุด
      • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ปลอดภัยไม่ทำลายผิว และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ที่สำคัญต่อผิว และยังไม่อุดตันเส้นเลือด
      • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ไม่ทำให้ผิวเป็นด่าง เป็นดวง
      • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เป็นการแก้ปัญหาจากต้นทาง
      • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL มีความปลอดภัยต่อจุดที่บอบบาง เช่น รอบดวงตา หรือใต้ตา

       ฉีดหน้าใสทั่วไป

      • เป็นโปรแกรมที่เน้นฉีดเพื่อผลัดเซลล์ผิวหน้าเดิม ที่เกิดการเสื่อมสภาพ
      • เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการฟื้นฟู และแก้ไขในผิวหนังบริเวณที่มีปัญหาเท่านั้น
      • เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการลดเลือนรอยดำ รอยสิว ไม่ใช่ริ้วรอยเหี่ยวย่น
      • เป็นโปรแกรมที่เน้นทำบริเวณผิวหนังชั้นหนังแท้ ไม่ได้ลงลึกถึงชั้นโครงสร้างผิว
      • มีให้เลือกใช้หลายยี่ห้อ
      • เป็นโปรแกรมที่แพทย์ต้องทำการฉีดหลายจุดบนใบหน้าเพื่อทำการรักษา
      • เป็นโปรแกรมที่ต้องทำบ่อย ๆ ถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ดี
      • เป็นโปรแกรมแก้ปัญหาผิวที่ปลายเหตุ

      ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ต่างจากการร้อยไหมชนิดเส้นอย่างไร

      ที่เห็นได้ชัด คือ รูปร่างลักษณะของผลิตภัณฑ์ และวิธีการทำหัตถการ ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL จะใช้วิธีการฉีด และไหมปกติจะไว้วิธีการร้อย นอกจากนี้ยังมีความแตกต่าง ดังนี้

        • ฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ผลิตภัณฑ์จะมาในรูปแบบผง โดยแพทย์จะต้องทำการผสมก่อนทำการฉีดลงบนใบหน้า เพื่อให้ผลิตภัณฑ์กระจายตัวให้ได้มากที่สุด

      หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เนื่องจาก ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น หลังเข้ารับบริการผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

        • โปรแกรมร้อยไหม ไหมจะมาในรูปแบบเส้น อาจจะมีเงี่ยง หรือไม่มีเงี่ยงตามแต่ชนิดของไหม โดยแพทย์จะต้องทำการเปิดแผล และร้อยไหมตามความยาวของไหม เพื่อให้เกิดการยกกระชับกับใบหน้า

      เนื่องจากต้องมีการเปิดแผล หลังทำจะไม่สามารถสระผม และแต่งหน้าได้ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด และอาจมีรอยช้ำจากการดึงไหมได้ จำเป็นจะต้องดูแลตัวเองตามแพทย์สั่ง

      ไหมน้ำ ULTRACOL สามารถทำการรักษาร่วมกับโปรแกรมประเภทฉีดชนิดอื่นๆ ได้หรือไม่

      สามารถทำได้ เนื่องจากโปรแกรมประเภทฉีดชนิดอื่น ๆ อาทิ ฉีดโบ หรือฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นการฉีด เพื่อให้ผลลัพธ์คนละอย่างกันกับฉีดไหมน้ำ ULTRACOL อีกทั้งโปรแกรมเหล่านั้นแพทย์ยังทำการฉีดกันคนละชั้นผิวหนังกับฉีดไหมน้ำ ULTRACOL  อีกด้วย โดยฉีดโบ  แพทย์จะทำการฉีดที่ชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อทำการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ส่วนฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะทำการฉีดที่ชั้นผิวหนังตามแต่ปัญหาที่ต้องการแก้ไข และต้องการเติมเต็ม ส่วนฉีดไหมน้ำ ULTRACOL แพทย์ฉีดเพื่อให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และฟื้นฟูใต้ผิวให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น จึงทำให้ไม่เป็นการรบกวนตัวยาฉีดไหมน้ำ ULTRACOL และไม่ส่งผลให้เกิดอันตรายในการรักษา

      ไหมน้ำ ULTRACOL สามารถทำพร้อมโปรแกรมประเภทเครื่อง หรือทรีตเมนต์ต่างๆได้หรือไม่ ?

      สามารถทำได้ในครั้งเดียวกัน แต่ควรทำโปรแกรมประเภทเครื่องต่างๆ หรือทรีตเมนต์ก่อนฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เนื่องจากหากฉีดไหมน้ำ ULTRACOL แล้วไปทำโปรแกรมประเภทเครื่อง ความร้อน หรือคลื่นที่ออกมา รวมทั้งช็อตทียิงไปนั้นอาจส่งผลต่อตัวยาที่ทำการฉีดเข้าไปได้ ช็อตต่าง ๆ ที่ยิง อาจทำให้รอยเข็มที่เกิดจากการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เกิดการระบมมากขึ้นและหายช้ามากขึ้นกว่าเดิมได้

      หากทำการฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ไปก่อนแล้วและต้องการทำโปรแกรมประเภทเครื่องต่อควรเว้นระยะเพื่อให้ตัวยาทำงาน และรอยเข็มเริ่มหายก่อน ควรปรึกษาแพทย์ถึงความเหมาะสมในการนัดครั้งต่อไป

      ตามความเหมาะสมเรื่องผลลัพธ์การรักษาแล้ว โปรแกรมประเภทเครื่องยกกระชับให้ผลลัพธ์ที่ดีเป็นการส่งเสริมให้การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL เกิดผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น แต่เป็นการทำงานรวมทั้งการรักษาคนละอย่างกัน สามารถทำได้เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในการรักษาที่ดีที่สุด

      การฉีดไหมน้ำ ULTRACOL ที่ดีต้องที่รมย์รวินท์คลินิก

      • ดูแลและลงมือทำโดยแพทย์ผู้มีความสามารถ
      • แพทย์ทุกท่านทำการประเมินการรักษาตามแต่ปัญหาของผู้เข้ารับบริการแต่ละคนเสมอ
      • เป็นคลินิกที่มากประสบการณ์ ทำการดูแลคนไข้ด้านความงามมาแล้วกว่า 21 ปี
      • ได้รับความไว้วางใจจากดารา นางแบบ นักแสดง เซเลป และผู้มีชื่อเสียงมากมาย
      • มีเคสรีวิวจริงการันตี
      • ใช้ยาของแท้ มีคุณภาพสามารถตรวจสอบได้
      • แพทย์มีเทคนิคที่ดีในการรักษา และยังพัฒนาตัวเองเสมอเพื่อให้ผลลัพธ์ในการรักษาเกิดประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
      • มีรางวัลจากบริษัทของ ULTRACOL เป็นเครื่องการันตี

      ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




        วันที่สะดวกในการติดต่อ








        ทำหน้าใสด้วย Treatment (ทรีทเม้นท์) เลือกแบบไหน มีขั้นตอนอย่างไร

        107

        สาวๆ ส่วนใหญ่คงเคยได้ยินคำว่า “ทำทรีทเม้นท์ผิวหน้า” มาบ้างแล้วนะคะ สำหรับคนที่ทำทรีทเม้นท์ผิวหน้าอยู่เป็นประจำ สังเกตได้ไม่ยากค่ะ เพราะใบหน้าของสาวๆ ที่ทำทรีทเม้นท์จะแลดูใส กระจ่าง ไม่หมองคล้ำ อย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ แต่สาวคนไหนที่ยังไม่เคยทำทรีทเม้นท์ และอาจยังไม่ทราบว่า ทรีทเม้นท์ผิวหน้าคืออะไร มีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้างนั้น เราได้รวบรวมขั้นตอนการทำทรีทเม้นท์ผิวหน้าแบบต่างๆ และผลลัพธ์หลังการทำทรีทเม้นท์มาฝาก สำหรับสาวๆ ที่ต้องการทำหน้าใส ไร้รอยรบกวน แบบสามารถโชว์ผิวหน้าเกลี้ยงๆ ได้อย่างมั่นใจเกินร้อยค่ะ

        ทรีทเม้นท์ผิวหน้าคืออะไร

        คือ กระบวนการเพื่อปรนนิบัติผิวหน้า อาจมีหลายขั้นตอน ซึ่งแต่ละขั้นตอนในการทรีทเม้นท์ผิวหน้า จะเน้นเพื่อการขจัดปัญหาแต่ละสภาพผิว ให้ประโยชน์โดยรวมกับผิวหน้า จากวิตามิน แร่ธาตุ และสารพัดเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ผิวหน้าเกิดความกระจ่างใส เรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ 

        ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดผิวหน้า การใช้เครื่องพ่นละอองน้ำ อาจเป็นชนิดอุ่นหรือเย็น ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่ต้องการทรีทเม้นท์ผิวหน้า การผลัดเซลล์หรือขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพโดยไม่ทำลายผิว การกดบีบสิวอย่างถูกหลักสุขอนามัย การนวดหน้าเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต การมาส์คหน้าเพื่อให้สารอาหารตามความต้องการของผิว การบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรับสภาพผิว เพื่อคืนความแข็งแรง ลดเลือนริ้วรอย ลดการอุดตัน เพิ่มความขาวกระจ่าง ทำหน้าใส โดยสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นหลังการทำ ทรีทเม้นท์ผิวหน้าได้อย่างชัดเจน

        image003 24

        สิ่งที่ควรรู้ก่อนและหลังทำทรีทเม้นท์

        • เลือกทำทรีทเม้นท์ผิวหน้าที่มีใบรับรองถูกต้อง จากสถาบันที่เชื่อถือได้เท่านั้น
        • หากเป็นผู้ที่มีผิวคล้ำ การลอกผิวอาจนำปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอมาสู่คุณได้
        • หากเป็นผู้ที่มีเส้นเลือกฝอยเปราะบาง และอยู่ตื้นมาก ควรเลือกใช้วิธีการทรีทเม้นท์ผิวหน้า ที่ผลัดผิวชนิดที่อ่อนโยนจริง ๆ เท่านั้น
        • หลังทำทรีทเม้นท์ผิวหน้าจะทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น จึงจำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดเสมอ
        • เว้นจากการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของเรตินเอ เป็นเวลา 72 ชั่วโมง หลังการทำทรีตเม้นท์ผิวหน้า เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองและรอยแดง

        เลือกทำทรีทเมนต์ที่ไหนดี

        1. เลือกสถานบริการที่มีมาตรฐาน มีชื่อเสียงรับรอง
        2. ความสะอาดของสถานที่
        3. เลือกสถานบริการที่มีผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษา และคำแนะอย่างละเอียดก่อนทำทรีทเม้นท์
        4. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการทำทรีทเม้นท์ผิวหน้าที่มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพที่ชัดเจน ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่สามารถแก้ปัญหาแต่ละสภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
        image005 22

        ตัวอย่างขั้นตอนของการทำทรีทเม้นท์โปรแกรม Transforming Lift

        โปรแกรมการทำทรีทเม้นท์ผิวหน้าที่ทรงประสิทธิภาพที่รวมเทคโนโลยียกกระชับ และวิทยาการฟื้นฟูผิวที่สำคัญๆ เอาไว้ เพื่อช่วยย้อนวัยให้คุณมีผิวที่แลดูอ่อนเยาว์ ทำหน้าใส ตึงกระชับ เรียบเนียน ลดริ้วรอย และยังช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวหน้า ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ

        1. Thermage Total tip 1200 เป็นการใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุไปช่วยกระตุ้นให้เส้นใยคอลลาเจนที่เก่าเสื่อมสภาพ ให้หดตัวกระชับขึ้น เกิดการจัดเรียงตัวและปรับโครงสร้างผิวชั้นคอลลาเจน เส้นใยคอลลาเจนใหม่ที่สมบูรณ์และแข็งแรงจะถูกผลิตออกมาเพิ่มขึ้น ผิวตึงแน่นกระชับ ช่วยลดปัญหาผิวหย่อนคล้อย ขั้นตอนการทำทรีทเม้นท์ผิวหน้านี้ ย้งช่วยปรับรูปหน้าให้คมชัด เพราะพลังงานจะช่วยสลายไขมันที่สะสมเฉพาะจุดบนใบหน้า อย่างเช่น ใต้คางแก้มยุ้ยๆ รูปหน้าจึงแลดูเรียวเข้ารูปขึ้น
        2. Duo Lift up เป็นการใช้พลังงานผสมผสานซึ่งอ่อนโยน ไปช่วยยกกระชับในจุดที่บอบบาง อย่างเช่นใต้ตา ลำคอ คิ้ว ขั้นตอนการทำทรีทเม้นท์ผิวหน้านี้จะช่วยเสริมกระบวนการฟื้นฟูผิวให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เผยผิวกระชับ ยืดหยุ่นและช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย
        3. Botu Lift เสริมประสิทธิภาพการยกกระชับ ด้วยเทคโนโลยีทรีทเม้นท์ผิวหน้าทรงประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอย คืนความกระชับให้โครงหน้า กรอบหน้าดูคมชัด หน้าไม่แบน แลดูมีมิติโดดเด่นขึ้น ผิวดูเรียบเนียนริ้วรอยลดเลือน ทำหน้าใส รูขุมขนกระชับอีกด้วยค่ะ
        4. Color Ice เพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวด้วยเทคโนโลยี ที่ใช้ความเย็นสุดคูล อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส ผนวกกับพลังงานแสง 3 สีที่ช่วยลดสิว ริ้วรอย จุดด่างดำ ทำหน้าใส ขั้นตอนการทำทรีทเม้นท์ผิวหน้านี้ ยังช่วยลดการอักเสบจากแสงแดดและมลภาวะ ช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดี ส่งผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง กระจ่างใสค่ะ
        image007 12

        ควรทำทรีทเม้นท์ผิวหน้าถี่แค่ไหน

        อายุระหว่าง 20 – 30 ปี สำหรับคนในวัยนี้ ผิวจะยังคงดูมีสุขภาพดี มีความเรียบเนียนสดใสและกระชับค่ะ เป็นเพราะผิวยังมีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ทุกๆ 14-25 วัน แต่จะอาจมีปัญหาผิวขาดความชุ่มชื้นบ้าง มีริ้วรอยเล็กๆ ที่เกิดจากการแสดงอารมณ์บ้าง (ริ้วรอยก่อนวัย) สำหรับคนที่เริ่มมีริ้วรอยปรากฎบนใบหน้า แนะนำให้รับบริการทรีทเม้นท์ผิวหน้าเพื่อป้องกันริ้วรอยก่อนวัย ประมาณ เดือนละ 1-2 ครั้งซักระยะ และดูแลทรีทเม้นท์ผิวหน้าต่อเนื่องอย่างน้อย ทุก 2-3 เดือน ควรมีการกลับไปดูแลและบำรุงเองด้วยครีมบำรุงผิว ให้ความชุ่มชื้นผิวต่อที่บ้านทุกๆ วันค่ะ

        อายุระหว่าง 30–40 ปี ในวัยนี้ เซลล์ผิวเริ่มมีการผลัดเปลี่ยนช้าลง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30 วันขึ้นไป นอกจากนี้ ผิวจะมีความหมองคล้ำและเริ่มขาดความกระชับ มีสภาพขาดความชุ่มชื้นและแห้งลงกว่าเมื่ออายุ 20 กว่าปี การผลิตน้ำมันลดลง ทำให้ปริมาณน้ำมันที่ปกป้องผิวมีน้อยลง ริ้วรอยปรากฎชัดขึ้นโดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตาและปาก ความยืดหยุ่นของผิวลดลง เนื่องจากคอลลาเจนและอิลาสตินมีการเสื่อมลง แนะนำให้รับบริการทรีทเม้นท์ผิวหน้าเพื่อแก้ปัญหาเรื่องริ้วรอยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และดูแลทรีทเม้นท์ผิวหน้านี้ต่อเนื่องอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้งค่ะ

        อายุระหว่าง 40-50 ปีขึ้นไป การลดลงของเอสโตรเจน เป็นสาเหตุให้โครงสร้างผิวที่อยู่ลึกลงไปมีการยุบตัว ผิวขาดความสามารถในการกักเก็บความชุ่มชื้น ผิวขาดความกระชับและยืดหยุ่น ชั้นผิวบางลงและมักขาดความชุ่มชื้น ริ้วรอยลึกขึ้นและปรากฎชัดอยู่ทั่วใบหน้า แนะนำให้รับบริการทำทรีทเม้นท์ผิวหน้า เพื่อต่อต้านริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ติดต่อกันซักระยะ และดูแลทรีทเม้นท์ผิวหน้านี้ ต่อเนื่องทุก 2 สัปดาห์ต่อครั้งค่ะ

        ไขความลับหน้าขาว ทำหน้าใสสไตล์เกาหลี เขาทำกันอย่างไร

        106

        เทรนด์ทำหน้าใสในสมัยนี้ต้อง ขาว เนียนเรียบ ดูอิ่มน้ำ และใสเป็นเงาเหมือนกระจกสไตล์แบบสาวเกาหลี เอ… ว่าแต่สาวๆ ฝั่งเกาหลี เขามีเคล็ดลับทำหน้าใสวิ้งๆ แบบนั้นได้อย่างไร เราจะมาไขความลับนี้ไปพร้อมๆ กัน สำหรับสาวไทยผู้ไม่เคยตกเทรนด์อย่างเราต้องจัดไปค่ะซิส…

        ดื่มน้ำบ่อยๆ ทำจนเป็นนิสัย

        สาวๆ ทราบหรือไม่คะว่าเคล็ดลับของดาราเกาหลีหลายๆ คนก็คือการดื่มน้ำตลอดเวลา เพราะสามารถช่วย ทำหน้าใส ดูอิ่มเอิบ ผิวดูมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่ง ได้ค่ะ บอกเลยค่ะว่าการดื่มน้ำเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ นึกขึ้นได้เมื่อไหร่ก็ให้รีบจิบน้ำในทันที ยิ่งอากาศบ้านเราที่มีแต่ร้อนกับร้อนที่สุดการจิบน้ำบ่อยๆ จึงสำคัญมากต่อร่างกายของเราค่ะ

        image003 23

        ออกกำลังกายใบหน้า

        การออกกำลังกายใบหน้า ที่ดารานักร้องเกาหลีนิยมทำ ก็คือการออกกำลังกายใบหน้า ด้วยการพูดคำว่า “มา เม มี โม มู” ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ 10 ครั้ง เพื่อการออกกำลังกายกล้ามเนื้อใบหน้า และปาก จะช่วยเรื่องการกระชับใบหน้าให้ตึงอยู่เสมอค่ะ

        นวดหน้าสม่ำเสมอ

        การนวดหน้าไม่จำเป็นต้องไปนวดที่คลินิคเสริมความงามเพียงอย่างเดียว เพราะความเป็นจริงแล้วการนวดหน้าด้วยมือเปล่าของเราเองทุกวันเนี่ยแหล่ะเป็นสิ่งที่สาวเกาหลีเค้าทำเองที่บ้านอยู่เป็นประจำค่ะ  ขั้นตอนนวดหน้าคือ การนวดให้สวนทางกับแรงโน้มถ่วงขึ้นไปเพื่อยกกระชับผิวหน้าไม่ให้หย่อนคล้อย ซึ่งความสำคัญของการนวดหน้าก็เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ช่วยให้ผิวหน้าเปล่งปลั่ง อีกทั้งช่วยทำหน้าใสขึ้นด้วยค่ะ

        image005 21

        ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเฉียบ

        โดยเอาน้ำแข็งแช่ลงในน้ำเปล่าสะอาดนะคะ แล้วล้างหน้าด้วยน้ำเย็น แก้มของสาวๆ ก็จะดูใสระเรื่อ ดูเป็นสาวหน้าใสแบบสาวเกาหลีได้ค่ะ อีกทั้งน้ำเย็นๆ ยังช่วยป้องกันริ้วรอยได้อีกด้วย เพราะความเย็นจากน้ำแข็ง จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต แล้วเมื่อโลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น นั้นหมายถึงสารอาหารต่างๆ ที่มากับเซลล์เลือด จะถูกมาส่งมาเลี้ยงผิวหน้าเราได้ดีขึ้นด้วยค่ะ แล้วยังกระตุ้นการเกิดคอลลาเจน รูขุมขนกระชับ สุขภาพผิวดี ทำหน้าใส ไร้ริ้วรอยด้วยค่ะ

        โบกครีมกันแดดแม้ในวันที่อากาศหนาว

        ถึงแม้ประเทศเกาหลีจะเป็นเมืองหนาว เจอฟ้าครึ้มฟ้าปิดไม่มีแดดบ่อยๆ แต่สาวเกาหลีเค้าไม่เคยลืมทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเลยนะคะ เพราะเจ้าแสงแดดนี่แหละเป็นตัวการร้ายที่ทำให้ใบหน้าของสาวๆ คล้ำดำ ดูสุขภาพไม่ดี แถมโดนแดดตรง ๆ นาน ๆ เข้าก็เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำอีกด้วยนะ ทุกครั้งที่หน้าหนาวมาเยือนเมืองไทย สาวๆ ก็อย่าละเลยทาครีมกันแดดทุกครั้ง เพื่อช่วยทำหน้าใสด้วยล่ะ

        ทำหน้าใสด้วยนมถั่วเหลือง

        ทราบหรือไม่ว่าในวงการผลิตภัณฑ์ความงามมีผลิตภัณฑ์หลายตัวที่นำนมถั่วเหลืองมาเป็นองค์ประกอบ ซึ่งสาวๆ เกาหลีเองก็นำนมถั่วเหลืองมาใช้ในการบำรุงผิว โดยการใช้ผ้าก๊อชชุบน้ำนมถั่วเหลืองให้ชุ่ม แล้วนำมาแปะลงไปบนผิวหน้าแช่ไว้ประมาณ 15-20 นาที หากทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง สารที่อยู่ในน้ำนมถั่วเหลืองจะช่วยปรนิบัติผิวให้ได้รับการฟื้นฟูและบำรุงเป็นอย่างดี ช่วยทำหน้าใส เนียนนุ่มน่าสัมผัสค่ะ

        แต่งหน้าสไตล์เกาหลี

        นอกจากการดูแลผิวหน้าแล้ว วิธีการแต่งหน้าของสาวเกาหลีก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูฉ่ำวาว ทำหน้าใส เงาเหมือนกระจกขึ้นได้จริงๆ ค่ะ  โดยสาวเกาหลีมักจะแต่งหน้าโทนธรรมชาติ ดังนี้

        image007 11
        • ไม่ทาเปลือกตาให้มีสีสันจัดจ้าน ถ้าใช้อายแชโดว์จะเน้นสีในโทนอุ่น อย่างน้ำตาล และส้ม ให้ทั่วเปลือกตา และเน้นที่การกรีดอายไลเนอร์
        • เน้นให้ดวงตาดูโดดเด้ง ด้วยการปัดมาสคาร่า
        • มีคิ้วที่สวยเป็นระเบียบ
        • ใช้บลัชออนสีชมพู ให้ดูมีเลือดฝาด ซึ่งตัวนี้สำหรับบางคนก็ไม่ต้องใช้
        • ใช้ลิปสติกโทนสีธรรมชาติ

        ทำทรีทเม้นท์ Charm Wow Skin ผิวฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลี

        นักวิจัยเกาหลีให้ความสำคัญกับฮอร์โมน Estrogen หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า “ฮอร์โมนเพศหญิง” เป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญเป็นอย่างมากในการคงความอ่อนวัย ซึ่งประโยชน์หลักๆ ของ Estrogen ก็คือ การขจัดอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ช่วยป้องกันผิวของเราไม่ให้เกิดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร ช่วยในการรักษาคอลลาเจนเพื่อคงความยืดหยุ่นให้กับผิว

        ฮอร์โมน Estrogen นี้จะเริ่มมีปริมาณลดลงตั้งแต่ช่วงอายุ 27 ปีขึ้นไป และเป็นฮอร์โมนที่ร่างกายสร้างขึ้นมาแล้วหมดไปแถมความเครียดก็มีผลกระทบต่อการทำงานของ Estrogen อีกด้วย ดังนั้น นักวิจัยเกาหลีจึงคิดค้นวิธีกระตุ้น Estrogen Receptor ให้ทำงานดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อคงความอ่อนเยาว์ ชุ่มชื้น และรักษาสุขภาพของผิว

        image009 6

        จากหลายปีในการค้นคว้า นักวิจัยเกาหลีได้ค้นพบว่ารากของไม้เลื้อยป่าตระกูล Puerariaมี สารธรรมชาติ Phytoestrogen ที่สามารถลดอาการการเสื่อมสภาพของฮอร์โมนเอสโตรเจนและเพิ่มประสิทธิภาพการสร้าง Collagen และ Elastin ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญของการทำโปรแกรม Charm Wow Skin ดังนี้

        1. Peeling serum : ทาเซรุ่มเปิดผิวชั้นบนแบบ Super facial เพื่อเตรียมผิวสำหรับการเติมเต็มสารสกัดจากรากไม้เลื้อยป่า
        2. Lifting serum : ทาเซรุ่มที่มีสารสกัดจากรากไม้เลื้อยป่า เพื่อกระตุ้นการทำงานของ Estrogen receptor
        3. Cream mask : นวดหน้าโดยการใช้เครื่องมือผลักสารวิตามินบำรุงลงสู่ผิว เหมือนการทำสปา
        4. Mask for Charm Wow Skin : นำส่งสารที่ทาลงบนหน้าทั้งหมด ด้วยการปะมาร์คหน้า Nano Fiber ให้ซึมซับอย่างมีประสิทธิภาพ
        5. Magic cream : ทาครีมบำรุงเพื่อล็อกวิตามินให้อยู่กับผิวนานยิ่งขึ้น

        ผลลัพธ์หลังทำ ส่งผลให้ผิวพรรณตึงกระชับ ทำหน้าใส เปล่งปลั่ง อิ่มน้ำ ดูฉ่ำวาวเหมือนสาวเกาหลี โดยสามารถทำได้มากถึง 1 ครั้งต่อสัปดาห์ พร้อมทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ และสามารถทำได้ทุกเพศทุกวัยด้วยค่ะ

        เปลี่ยนหน้าพังเป็นหน้าแพง เผยวิธีทำหน้าใส เนียน สวย เหมือนดารา

        หน้าใส

        หากสาวๆ คนไหนที่กำลังแก้ปัญหาหน้าพังชนิดหมองคล้ำ มีรอยดำ รอยสิว แถมริ้วรอยเต็มหน้า ด้วยวิธีโบกสารพัดครีมที่เขาว่าดีใช้แล้วจะเจิดแจ่มเหมือนดารา แต่ผลที่ออกมากลับไม่เป็นอย่างที่คิด สภาพหน้าก็ยังพังอยู่เหมือนเดิม ก็อย่างเพิ่งท้อใจไปนะคะ เพราะเรามีวิธีกู้ใบหน้าพังๆ ให้กลับมาขาวเนียน เต่งตึง กระจ่าง ทำหน้าใส แถมดูดีมีออร่า เจิดจรัสแบบดาราได้ค่ะ

        นั่นแน่… อยากทราบกันแล้วล่ะสิ ว่าต้องทำอย่างไร ขยับเข้ามาใกล้ๆ ค่ะ เพราะบทความที่นำเสนอนี้ จะช่วยทำให้ใบหน้าของคุณขาวใสออร่ากระจายแบบดาราได้อย่างเห็นผลชัดเจนค่ะ

        image003 22

        เช็คสัญญาณเตือนก่อนผิวหน้าพัง

        ก่อนอื่น อยากให้สาวๆ ต้องลองเช็คสภาพผิวหน้าของตัวเองดูก่อนว่ามีอาการเหล่านี้หรือไม่ เพราะมันกำลังส่งสัญญาณเตือนว่าใบหน้าคุณกำลังจะพัง และต้องเร่งแก้ไข หาวิธีทำหน้าใสด่วนๆ ค่ะ

        รูขุมขนกว้าง เป็นสัญญาณเตือนที่ทำให้เรารู้ว่าผิวของเราต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน เพราะรูขุมขนกว้างมักมาคู่กับปัญหาสิวเสี้ยนและปัญหาหน้ามันแบบสุดๆ แถมพอรูขุมขนกว้างจะทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียนและแต่งหน้ายากด้วยค่ะ

        หน้าลอกเป็นขุย ถ้าผิวหน้าแห้งจนลอกเป็นขุย แปลว่าผิวของเราแห้งเกินไปแล้วค่ะ การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเป็นประจำโดยไม่ใช้น้ำเย็น บอกได้เลยว่าถ้าทำแบบนี้ ผิวหน้าก็ยังจะลอกเป็นขุยไม่มีทางหายแน่นอนค่ะ

        ผิวหน้าไม่เรียบเนียน ปัญหานี้ทำเอาสาวๆ หลายคนหมดความมั่นใจไปเลยค่ะ บางคนมีสิวผดเต็มไปหมด บางคนมีหลุมสิวเป็นอุปสรรคในการแต่งหน้า ปัญหานี้เป็นสัญญาณเตือนว่า เราต้องดูแลผิวหน้าแบบด่วนๆ เลยล่ะจ้าสาวๆ

        เมคอัพไม่ติดทน หลายคนโบกทั้ง BB Cream และแป้งผสมรองพื้นตอนเช้าแบบจัดหนัก พอตกบ่ายหน้าเริ่มเยิ้มละลายไอ้ที่ทามาเมื่อเช้าหายไปหมด นั่นเป็นเพราะผิวหน้ามันเกินไป แบบนี้ไม่แก้ไขไม่ได้แล้วนะคะ

        ใบหน้าหมองคล้ำ สัญญาณที่บ่งบอกว่าผิวของเราเริ่มอ่อนล้าและต้องการการบำรุง ก็คือปัญหาหน้าหมองคล้ำค่ะซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น แสงแดด ความมันบนใบหน้าฝุ่นละออง เหงื่อ และการพักผ่อนไม่เพียงพอ

        สัญญาเตือนเหล่านี้ สาวๆ ชะล่าใจไม่ได้นะคะ เพราะหากทิ้งไว้เนิ่นนานอาจหน้าพังแบบแก้ไขยากและใช้เวลานานกว่าคนทั่วไปได้ค่ะ

        ทำหน้าใส ออร่าพุ่งเหมือนดารา มีวิธีอย่างไร

        เอาล่ะค่ะ คราวนี้ก็มาถึงไฮไลต์สำคัญที่ได้เกริ่นไปเมื่อตอนต้น เกี่ยวกับวิธีการจัดการกับหน้าพังๆ ของคุณเพื่อเปลี่ยนให้มันดูแพง ทำหน้าใส ผ่อง เริ่ด เหมือนดารา วิธีการทำหน้าใสมีให้เลือกดังนี้ค่ะ

        วิธีธรรมชาติ

        shutterstock 85901968

        สูตรน้ำผึ้งผสมโยเกิร์ต วิธีการทำหน้าใสสูตรนี้ คือ “น้ำผึ้ง” เปรียบได้ดั่งมอยส์เจอไรเซอร์จากธรรมชาติ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการช่วยผิวมีความอ่อนนุ่มชุ่มชื้น และยืดหยุ่น ไม่ระคายเคืองผิวหนัง และยังช่วยดูแลผิวให้ห่างไกลจากริ้วรอยก่อนวัย “โยเกิร์ต” นอกจากเป็นแหล่งของโปรตีนและเชื้อจุลินทรีย์ชนิดที่ดีต่อลำไส้แล้ว โยเกิร์ตยังมีคุณสมบัติที่ดีต่อการบำรุงผิวหน้าอย่างมากมาย ยิ่งนำน้ำผึ้งและโยเกิร์ตผสมรวมกันก็จะช่วยให้ผิวขาวและเนียนนุ่ม ทำหน้าใสขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ

        วิธีทำ ผสมน้ำผึ้งและโยเกิร์ต คนให้เข้ากันดีจนเนี้อเนียน แล้วจึงนำไปพอกจนทั่วผิวหน้าและผิวกาย ทิ้งไว้สักประมาณครึ่งชั่วโมง  แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด

        สูตรกล้วยหอมผสมนมสด กล้วยต่างๆ ทั้งกล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ นอกจากจะกินอร่อยมีคุณค่าด้านสุขภาพแล้ว ยังสามารถช่วยในเรื่องความสวยความงามได้ดีอีกด้วยค่ะ สำหรับสาวที่มีปัญหาผิวแห้ง กล้วยจะช่วยบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นได้ จากโปรตีนและไขมันตามธรรมชาติและยังช่วยในเรื่องของการลดริ้วรอยอีกด้วย กล้วยหอมผสมนมสดเป็นอีกสูตรหนึ่งที่จะช่วยให้คุณสาวๆ มีผิวหน้าขาวชุ่มชื้นและเนียนสวยขึ้น

        วิธีทำ นำกล้วยหอมบดและนมสดมาผสมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วจึงนำมาสครับให้ทั่วบริเวณผิวหน้าแล้วพอกไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วจึงล้างออกให้สะอาด

        สูตรโยเกิร์ตผสมมะนาว โยเกิร์ตผสมมะนาว สำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาสิวและริ้วรอยบนใบหน้า โยเกิร์ตกับน้ำมะนาว จะช่วยฆ่าเชื้อโรคและกำจัดแบคทีเรียบนผิวหน้า อันเป็นที่มาของการเกิดสิว ขณะที่กรดจากน้ำมะนาวจะช่วยให้สิวยุบลง นอกจากนี้ สูตรโยเกิร์ตผสมน้ำมะนาวยังช่วยลบเลือนริ้วรอย จุดด่างจุดดำ ทำหน้าใสกระจ่างขึ้นได้ กรดในน้ำมะนาวจะช่วยขจัดเซลล์ของผิวเก่าที่ตายแล้วออกไป  เผยผิวใหม่ที่เป็นผิวขาวสดใสกว่าเดิม ส่วนผสมของโยเกิร์ตจะช่วยลดการระคายเคืองผิวจากกรดมะนาวได้ นอกจากจะช่วยให้หน้าขาวใสไร้สิวแล้ว ยังช่วยให้มีใบหน้าอ่อนเยาว์ หมดปัญหาแก่ก่อนวัยอีกด้วยค่ะ

        วิธีทำ นำน้ำมะนาวคั้นผสมกับโยเกิร์ตคนจนเข้ากัน  แล้วเอาไปพอกให้ทั่วบริเวณผิวหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างออกให้สะอาด ทำอย่างเป็นประจำ คุณจะเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนใบหน้าที่ขาว เนียน ใส แลดูอ่อนเยาว์ลงรับรองว่าคุณต้องแฮปปี้แน่นอนค่ะ

        นวัตกรรมทำหน้าใส เด้ง Aura Derma Bright           

        วิธีการนี้ รับรองได้ว่าเป็นนวัตกรรมหน้าใสที่เห็นผลอย่างชัดเจน ทำหน้าใส เด้ง เนียนได้แบบดาราเริ่มต้นกระบวนการสู่ผิวหน้าที่แลดูกระจ่างใสด้วย 3 ขั้นตอนคือ เร่งรัด ลดเลือน และปกป้อง

        image007 10
        1. เร่งรัดการผลัดเซลล์ผิว ด้วยเทคโนโลยีที่อ่อนโยน ปลอดภัยแม้กับผิวบอบบางช่วยขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างหมดจดช่วยเผยผิวให้แลดูกระจ่างใส แลดูเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ลื่นสะอาด และยังช่วยเร่งการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ด้วยขั้นตอนของนวัตกรรมหน้าใสนี้มีไฮไลต์เด่นคือ ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวหมองคล้ำให้แลดูเจิดจรัส เปล่งประกาย ด้วยประสิทธิภาพของนวัตกรรมหน้าใส เป็นเทคโนโลยีที่อ่อนโยนจึงสามารถนำพาสารบำรุงให้ซึบซาบลงสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก ช่วยให้สังเกตเห็นผลลัพธ์ได้เร็วขึ้นค่ะ
        2. ลดเลือนความหมองคล้ำ นวัตกรรมหน้าใสสร้างความเนียนผ่องให้ผิวหน้า  ทำหน้าใส โดยเทคโนโลยีที่โดดเด่นด้วยคลื่นแสง ซึ่งเม็ดสสีเมลานินสามารถดูดซับแสงไว้ได้มากกว่า พลังงานแสงจะเปลี่ยนเป็นความร้อนทำให้เม็ดสีเมลานินแตกตัวและสลายไป ช่วยลดจุดด่างดำและความหมองคล้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ผิวด้านบนไม่เกิดรอยช้ำและไม่ทำให้เกิดสะเก็ด ปฏิบัติการของนวัตกรรมหน้าใสนี้จะช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอขึ้น ผลลัพธ์คือ ผิวหน้าที่แลดูกระจ่างใสขึ้น และสามารถปกป้องรังสี UV ได้ด้วยค่ะ
        3. การปกป้องพร้อมๆไปกับการบำรุง  ขั้นตอนของนวัตกรรมหน้าใสนี้ ทำโดยการส่งสารอาหารที่เปี่ยมประสิทธิภาพมัลติวิตามินและสารแอนตี้ออกซิแดนท์ เข้าไปในผิวโดยตรง เพื่อให้สารอาหารอย่างโคเอนไซม์และนิวคลีอิกเข้าจัดการกับจุดด่างดำและปัญหาผิวหมองคล้ำ ในขณะที่สารไฮยาลูโรนิค แอซิด จะผสานและเรียงตัวกันพยุงและล้อมรอบคอลลาเจนไว้ ประดุจปราการปกป้องเซลล์ผิวจากแสงแดดสารอาหารและสารไฮยาลูโรนิค แอซิด จะออกฤทธิ์ทันที ไม่ต้องรอการซึบซาบเหมือนการทาครีมบำรุงจึงช่วยให้เห็นผลลัพธ์ได้ในวันรุ่งขึ้น ผิวจะชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง แลดูกระจ่างใสยิ่งขึ้น ซึ่งนวัตกรรมหน้าใส ของโปรแกรม Aura Derma Bright เป็นตัวช่วยที่ไม่เพียงปกป้องผิวจากการทำร้ายของรังสี UV แต่ยังช่วยลดเลือนความหมองคล้ำ ทำหน้าใส ขาวกระจ่าง พร้อมลดเลือนริ้วรอย และรอยดำต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณมีผิวหน้าเด้ง ออร่าพุ่งแบบดาราได้แน่นอนค่ะ

        7 ต้นเหตุทำใบหน้าหมองคล้ำ พร้อมวิธีแก้ไขทำหน้าใสเนียนยิ่งกว่าเดิม

        หน้าหมองคล้ำ

        ไม่อยากหน้าหมองคล้ำ ฟังทางนี้

        หากสาวๆ หรือหนุ่มๆ คนไหนที่กำลังกลุ้มใจอยู่กับปัญหาใบหน้าที่หมองคล้ำ ไม่เนียนใสอยู่แล้วล่ะก็ เรามีสูตรเด็ด 7 วิธีที่จะช่วยจัดการกับต้นเหตุใบหน้าหมองคล้ำของคุณ พร้อมวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้า ทำหน้าใส กระจ่าง เนียน และอ่อนเยาว์ลงยิ่งกว่าเดิมมาฝากค่ะ

        1. ไม่เคยสครับผิวหน้าเลย

        ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ ว่าสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าของสาวๆ หลายคนยังหมองคล้ำอยู่ เพราะไม่เคยลองสครับผิวหน้าตัวเองเลยเลยสักครั้ง การสครับผิวหน้าเป็นการช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกไป และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ จึงช่วยเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่า  ทำให้หน้าใส รวมถึงยังเปิดทางให้สารบำรุงจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดีกว่าเดิม ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สครับผิวหน้าให้เลือกอย่างหลากหลายในท้องตลาด หรือจะลองหาสูตรแบบทำเองง่ายๆ ที่บ้านก็ทำหน้าใสได้เช่นกันค่ะ

        การสครับผิวหน้าอย่างเบามือเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ก็สามารถช่วยให้ใบหน้าของคุณนวลเนียน ทำหน้าใสกระจ่างขึ้น แถมยังช่วยลดริ้วรอยลงได้ด้วยนะ

        image003 21

        2. ลองหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวดูบ้าง

        ด้วยปัจจัยจากอายุที่เพิ่มขึ้น รังสี UV  มลภาวะ การพักผ่อนน้อย ผิวขาดน้ำ ผิวระคายเคืองหรือแพ้จนผิวอักเสบ สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อการผลัดเซลล์ผิวที่ช้าลง เกิดการสะสมสมของเซลล์ขี้ไคล ทำให้ผิวหมองคล้ำ หยาบกร้าน รูขุมขนกว้าง ไม่กระชับ ดูดซึมครีมไม่ดี ดังนั้น การใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวจะสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวหน้า ทำหน้าใสได้ค่ะ

        ซึ่งครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ Vitamin C, AHA หรือ Retinoid จะกระตุ้นวงจรการผลัดเซลล์ผิว และทำให้ร่างกายเร่งสร้างคอลลาเจนขึ้นมาได้ ซึ่งคอลลาเจนถือเป็นสาระสำคัญที่ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ทำหน้าใส แลดูอวบอิ่มเต่งตึงขึ้นค่ะ

        3. ความเครียด

        ความเครียดนอกจากจะส่งผลต่อสภาพจิตใจและก่อปัญหาต่อสุขภาพร่างกายของเราให้แย่ลงแล้ว การที่เราสะสมความเครียดเอาไว้อยู่ตลอดเวลา จะทำให้ผิวพรรณหมองคล้ำ แลดูไม่มีชีวิตชีวา การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายผิดปกติ ทำให้เกิดสิว และริ้วรอยก่อนวัยได้ค่ะ

        วิธีจัดการกับความเครียดที่ดี คือ ให้ลองหาวิธีผ่อนคลายสมองด้วยการหยุดพักหลับตาลงเพื่อทำสมาธิทำจิตของเราให้นิ่ง หรือลองทานช็อคโกเล็ตก็สามารถช่วยผ่อนคลายความเครียดลงได้นะคะ แต่ถ้าหากพอมีเวลาลองออกไปเที่ยวสัมผัสบรรยากาศของธรรมชาติจะทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้น เท่านี้ก็จะช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าลดความหมองคล้ำบนใบหน้าลง ทำหน้าใส ห่างไกลสิว และริ้วรอยได้ค่ะ

        4. ทาครีมกันแดดครั้งเดียวใน 1 วัน

        สาวๆ ส่วนใหญ่ เมื่อเธอแต่งหน้าออกนอกบ้านแล้ว ก็จะทาครีมกันแดดระหว่างวันเพียงแค่ครั้งเดียวค่ะ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าเมื่อเราแต่งหน้ามาแล้วจะให้ทากันแดดทับลงไปอีกได้ยังไง แต่ขอเตือนสาวๆ ทั้งหลายเลยนะคะ ว่าอย่าประมาทไป เพราะกันแดดที่เราทามันปกป้องผิว ทำหน้าใสได้แค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น

        ถ้าไม่อยากมีปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ปัญหาฝ้า กระ และริ้วรอย ขึ้นมาล่ะก็ อยากทำหน้าใสอยู่ เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะทำให้สาวๆ แก้ปัญหาผิวหน้า และสามารถทากันแดดซ้ำได้หลังจากแต่งหน้าค่ะ เริ่มด้วยตอนที่กำลังแต่งหน้าให้ทาบีบีครีมทับหลังจากที่ทากันแดดแล้ว จากนั้นระหว่างวันก็ให้เลือกใช้แป้งที่มีส่วนผสมสารป้องกันยูวีปัดใบทั่วๆ ใบหน้าทุก 2 ชั่วโมง หรือจะใช้เป็นสเปรย์กันแดดก็ได้ค่ะ เพียงเท่านี้ใบหน้าของคุณก็จะสวยไม่หมองคล้ำ ทำหน้าใสได้ทั้งวัน แถมเครื่องสำอางยังไม่เลอะอีกด้วยนะ

        5. ไม่ชอบทานผักและผลไม้

        ใครที่ชอบปฏิเสธการรับประทานผักและผลไม้ ด้วยเหตุผลส่วนตัวใดๆ ก็ตาม ทราบเอาไว้เถอะค่ะว่ามันเป็นหนึ่งในสาเหตุของผิวหมองไม่กระจ่างใส มีผักและผลไม้หลายชนิดที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง โดยวิตามินซี เป็นสารอาหารที่มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีเยี่ยม ช่วยในการสร้างคอลลาเจน ทำหน้าใส ทำให้ผิวดูสดใสเต่งตึง แถมยังช่วยป้องกันอีกสารพัดโรคด้วยค่ะ

        image005 20

        ดังนั้น หากต้องการมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง ขาวใสสุขภาพดี และช่วยทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ ทำหน้าใส ให้ลองการเลือกรับรับประทานผักและผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น ผลไม้ตระกูลเบอรี่ ฝรั่ง มะละกอ สับปะรด น้ำมะพร้าวสด หรือผักบางชนิด เช่น กะหล่ำดาว บลอกโคลี และผักคะน้า เป็นต้น

        6. ขี้เกียจมาร์กหน้า

        ไอ้อาการขี้เกียจมาร์กหน้าเนี่ยเข้าใจได้ว่าเกิดจากความเหนื่อยล้าจากกิจกรรมประจำวัน ไม่ว่าจะเรื่องงานที่ต้องทำทั้งวัน หรือคร่ำเคร่งกับการเรียนอย่างหนัก ส่งผลให้หมดแรงเมื่อกลับถึงบ้าน แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ ฝืนใจตัวเองสักนิดแล้วหันมาให้ความสำคัญกับการมาร์กหน้ากันสักหน่อย ถ้าคุณต้องการทำหน้าใส วิธีนี้จะช่วยให้ใบหน้ากระจ่างเนียนใส แลดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ

        การล้างหน้าเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการทำความสะอาดผิวหน้า ทำหน้าใส ซึ่งการมาส์กหน้า เป็นหนึ่งในวิธีปรนนิบัติผิวที่ทำได้ง่าย ผ่อนคลาย การทำหน้าใสวิธีนี้เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย แถมยังให้ผลที่ชัดเจนอย่างรวดเร็ว โดยเลือกมาส์กที่มีส่วนผสมของโคลนเบนโทไนท์จะสามารถขจัดสิ่งสกปรกซึ่งซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังชั้นนอกสุดได้อย่างหมดจด ช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นไปอีกขั้น หรือแผ่นมาส์กหน้าที่มีส่วนผสมของน้ำมันสกัดจากมิ้นท์ สามารถช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตได้ดี อีกทั้งในระหว่างที่มาส์กบนหน้าของเราเริ่มแห้งแข็งตัว จะส่งผลให้มีการขยายตัวของหลอดเลือดบนใบหน้าของเรา ซึ่งเราจะสัมผัสได้ถึงผิวที่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ผิวหน้าของเราจะกระจ่างเนียนนุ่ม ทำหน้าใส ดูสุขภาพดี อย่างเห็นได้ชัดค่ะ

        7. ลองไปพบคุณหมอด้านดูแลผิวพรรณบ้าง

        สำหรับคนที่มีปัญหาด้านผิวหน้าไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสิว ผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแผลเป็นจากหลุมสิวต่างๆ ที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยตนเองได้แล้วนั้น แนะนำให้ไปพบคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงามเพื่อแก้ปัญหาผิวหน้า และการทำหน้าใสกันค่ะ

        image007 9

        วิธีการนี้ เป็นวิธีการแก้ปัญหาผิวหน้าที่ดีที่สุด เพราะคุณหมอจะสามารถวินิจฉัยการรักษาตามสภาพปัญหาผิวหน้าของเราได้อย่างตรงจุด พร้อมกับเลือกสรรวิธีการรักษา วิธีการทำหน้าใสที่เหมาะสม เพื่อให้ผิวหน้าของคุณกลับมาเปล่งปลั่งประกายมีออร่า ทำหน้าใส ไร้ริ้วรอยกวนใจ นอกจากนี้ การเลือกสถานบริการด้านความงามและผิวพรรณที่ได้มาตรฐานก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรต้องหาข้อมูลก่อนเข้ารับบริการ เพื่อความพึงพอใจและได้ผลลัพธ์ทางการรักษาที่ดีที่สุดนั่นเองค่ะ

        เปิด 5 เหตุผล ว่าทำไมสาวๆ จึงอยากมีใบหน้าขาวกระจ่างใส

        103

        เปิด 5 เหตุผล ว่าทำไมสาวๆ จึงอยากมีใบหน้าขาวกระจ่างใส

        หนึ่งในความสุขที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ปราถนาต้องการมีนั่นก็คือ ใบหน้าที่ขาว เนียน ใส ไร้สิว ไร้ฝ้า ไร้จุดด่างดำมารบกวนบดบังความสวย ซึ่งมีสาวๆ จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียวนะคะ ที่พวกเธอยอมลงทุนสารพัดเพื่อทำหน้าใส กระจ่างดูมีออร่า ซึ่งบางขั้นตอนในการทำหน้าใสนั้นช่างยุ่งยากซับซ้อนจนเราเองต้องยกย่องในความพยายามของพวกเธอเลยค่ะ แต่จะด้วยเหตุผลประการใดนั้น เราได้รวบรวม 5 เหตุผลที่ทำให้สาวๆ อยากมีใบหน้าขาวกระจ่างใสมาฝากค่ะ

        1. สร้างความมั่นใจให้ตนเอง

        หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่บั่นทอนความมั่นใจของสาวๆ นั่นก็คือ ปัญหาด้านผิวหน้า ไม่ว่าจะเกิดจากปัญหาสิวต่างๆ รอยแดงรอยดำจากสิว ฝ้า กระ ริ้วรอยเหี่ยวย่น ความหมองคล้ำต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่สร้างปัญหาหนักใจ บางคนถึงขั้นเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นพูดคุยเพราะเกิดความอาย ดังนั้น หนทางที่จะสามารถ ทำหน้าใส สร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันให้กลับมา คือการทำหน้าใส มีใบหน้าขาวกระจ่าง เพื่อช่วยให้สาวๆ สามารถพบปะผู้คนได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง

        2. ด้านหน้าที่การงาน

        ลองเปรียบเทียบสาว 2 คนที่มาสมัครงานบริษัทแห่งหนึ่ง ดังนี้ค่ะ สาวคนที่หนึ่งบนใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยแดงรอยดำจากสิว ส่วนสาวคนที่สองมีใบหน้าขาวระจ่างใส เธอทั้งคู่มาสมัครงานในตำแหน่งที่ต้องพบปะกับลูกค้า หากลองคิดแบบไม่โลกสวยเกินไปนัก ก็คงได้คำตอบเบื้องต้นอยู่แล้วใช่ไหมคะ ว่าบริษัทจะรับสาวคนไหนเข้าร่วมงาน

        image003 20

        เราต้องยอมรับว่าในโลกแห่งความเป็นจริง สาวๆ ที่มีใบหน้าที่ขาวเนียน กระจ่างใส ไร้ที่ติ ย่อมมีข้อได้เปรียบในการตัดสินใจคัดเลือกเข้าทำงาน อีกทั้งบางตำแหน่งก็ที่คัดเฉพาะคนหน้าตาดีเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ได้เข้าทำงาน นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมสาวๆ ต้องทำหน้าใส นั่นก็เพราะความอยู่รอดของปากท้องนั่นเองค่ะ

        3. การเข้าสังคม

        ใบหน้าเป็นปราการด่านแรกในการสร้างความประทับใจเมื่อต้องพบปะกับผู้คน ยิ่งสาวๆ คนไหนที่จำเป็นต้องเข้าสังคมเพื่อพบปะผู้คนหน้าใหม่อยู่เป็นประจำ คงจะละเลยเรื่องทำหน้าใส หน้าขาว แบบไร้สิวไร้ฝ้าไปไม่ได้เลย เพราะเมื่อเราทำหน้าใส จะทำให้ใบหน้าสดใส เกลี้ยงเกลา ย่อมช่วยสร้างความมั่นใจให้เราได้อย่างมากในยามพบปะผู้คน และหากมีใครทักว่าเราใบหน้าเนียนใสดูดี ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจมากขึ้น คุณสาวๆ เห็นด้วยมั้ยคะ…

        4. เสน่ห์ดึงดูดใจหนุ่มๆ

        ใบหน้าขาวกระจ่างใสออร่าพุ่ง คือ เสน่ห์แรกของหญิงสาวที่สามารถดึงดูดชายหนุ่มให้หยุดความสนใจไว้ที่เราได้อย่างไม่วางสายตา เหตุผลที่ต้องทำหน้าใส ไม่ว่าหนุ่มๆ คนไหนก็คงปฏิเสธไม่ได้เมื่อได้พบเจอสาวหน้าขาวๆ ใสๆ เป็นต้องอยากทำความรู้จักให้มากยิ่งขึ้น นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลของสาวๆ ค่ะ ว่าทำไมต้องทำหน้าใส อยากมีใบหน้าขาวเนียนรอยด่างดำ ซึ่งนอกจากความงามภายนอกแล้ว อีกหนึ่งเสน่ห์ที่จะมัดใจคนรักของเราไว้ได้ตลอด ก็คือความดีงามภายในตัวของเรานั่นเองค่ะ

        image005 19

        5. โหงวเฮ้ง

        ใบหน้าของคนเรานั้นสามารถบ่งบอกโหวงเฮ้งได้นะคะ  โดยในทางโหงวเฮ้ง ถือว่าใบหน้าของคนเรานั้นมีจุดสำคัญอยู่ 5 จุด คือ หน้าผาก จมูก โหนกแก้มขวา โหนกแก้มซ้าย และคาง หากทำหน้าใสครบ ทั้ง 5 จุดนี้ ก็สามารถบอกความรุ่งโรจน์และความสำเร็จในชีวิตของสาวๆ ได้นะคะ

        image001 2

        สำหรับคนที่จะประสบความสำเร็จนั้นจะมีจุดหนึ่งที่พิเศษโดดเด่นออกมา  หรือบางคนอาจจะมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างราบรื่นแทบจะไม่มีอุปสรรคในชีวิต เพราะ 5 จุดสำคัญบนใบหน้านั้นอวบอิ่มสมบูรณ์ และหน้ามีความสว่างสดใสเปล่งประกายออกมาค่ะ ดังนั้น โหวงเฮ้งที่ดีคือ การทำหน้าใส ใบหน้าอิ่มเอิบ หน้าเนียนสดใส แววตามีประกาย การที่สาวๆทำหน้าใส เรียบเนียน เกลี้ยงเกลา จะช่วยเสริมโหวงเฮ้งให้ชีวิตของสาวๆ ประสบความสำเร็จ รับทรัพย์ฟู่ฟ่าได้ค่ะ

        เหตุผลทั้ง 5 ข้อ ที่กล่าวมาทำหมด คือคำตอบของสาวๆ ที่อยากทำหน้าใส มีใบหน้าขาว เนียน ไร้ที่ติ เพราะสาวหน้าใส ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง หลายคนคงเห็นด้วยกับคำคำนี้แล้วล่ะจริงไหมคะ

        พิชิตหน้าปลวก “ทำหน้าใส” ด้วยเลเซอร์ กำจัดฝ้า หน้ากระ รอยดำจากสิว เห็นผลได้เร็วจริง !!

        44

        หลาย ๆ คน คงมีความกังวลใจอยู่ไม่น้อยหากใบหน้าต้องเผชิญกับความหมองคล้ำ ไม่ว่าจะมาจากแสงแดด หน้าขึ้นฝ้า รอยดำจากสิว กระขึ้นหน้า ฯลฯ สาระพันปัญหาบนใบหน้าที่สร้างความบั่นทองกำลังใจ สู้หน้าใครไม่ได้ ไม่เป็นใคร ไม่รู้หรอกว่ามัน ชอกซ้ำระกำใจแค่ไหน แต่ถ้าใครเกิดปัญหาขึ้น ก็ไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไป ด้วยนวัตกรรมใหม่ ที่เกิดขึ้นนี้ช่วย “ทำหน้าใส” ได้จริง กับการทำ เลเซอร์ผิว ไม่ว่าจะเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ  รับรองเห็นผลเร็ว หน้าใสรอแบบไม่ต้องเจ็บตัวอีกต่อไป อีกด้วยทุกวันนี้มีสถาบันเสริมความงาม  มีให้บริการอยู่ไม่น้อย ดังนั้นการเลือกวิธีรักษาด้วย เลเซอร์ จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่หน้าสนใจ สำหรับคนที่ต้องการความรวดเร็วในการรักษา ทำหน้าใส  แบบ ขาวใส สวยไว ได้ผลจริง.

        เลเซอร์ คือ การรักษาผิวอีกวิธีที่ช่วยปรับสภาพผิวที่มีปัญหาให้ดีขึ้น ทำหน้าใสขึ้น โดยการยิงแสงเลเซอร์บริเวณผิวที่มีความผิดปกติ หรือ จุดที่ต้องการรักษา เพื่อทำการฟื้นฟูสวยผิว จากปัญหาต่าง ๆที่เกิดขึ้นบนใบหน้า หรือ ส่วนอื่น ๆ ตามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ อีกทั้งปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ หน้าเป็นหลุม ผิวไม่เรียบเนียน หรือ รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิว การทำเลเซอร์ นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาผิวให้ดีขึ้นได้แบบรวดเร็วทันใจแล้ว ด้วยนวัตกรรมทำหน้าใสของการแพทย์สมัยใหม่ยังสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในใต้ชั้นผิว ให้ฟื้นฟูสุขภาพผิวให้แข็งแรงขึ้นได้ อีกทั้งยังมีเทคโนโลยีทำหน้าใสบางตัว  สามารถส่งพลังงานได้สูงในการกำจัดเม็ดสีที่ลึกลงไปยังใต้ชั้นผิวบริเวณที่เป็นฝ้า กระ รอยดำ บริเวณที่มีความผิดปกติของเม็ดสี ใช้ระยะเวลาในการทำหน้าใสเพียงสั้น ๆ ซึ่งมีให้เลือกใช้บริการอยู่ตามสถาบันเสริมความงามชั้นนำต่าง ๆ

        การเตรียมตัว เมื่อต้องทำเลเซอร์ผิวหนัง

        shutterstock 580164016

        หากใครที่ต้องการทำเลเซอร์รักษาผิว ทำหน้าใส ก็ควรปรึกษาแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านให้ดีก่อน เพื่อให้ทราบถึงปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข ตรวจประเมินผิวบริเวณดังกล่าว สำหรับประเมินผลการรักษา รวมถึงประวัติการใช้ยาบางชนิดที่อาจส่งผลต่อการรักษา อาจไม่ได้ผลดีตามที่ควร การทำเลเซอร์ ทำหน้าใส มีคุณสมบัติช่วยทำให้หน้าใส กระชับรูขุมขน ลบรอยสิว จุดด่างดำ ให้จางหายไป ด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ หลังทำเสร็จผิวจะไม่ค่อยบอบซ้ำ เกิดร่องรอยจากการทำมากนัก ไม่ต้องฟักฟื้น  และที่สำคัญช่วยลดความเจ็บไปได้เยอะทีเดียว   ฉะนั้นหลังจากทำก็จะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ อีกทั้งการรักษาผิวหน้า ทำหน้าใส ด้วย “เลเซอร์”  นี้ หากต้องการให้ผิวหน้าดี เนียนเรียบ ก็ควรดูแลเอาใจใส่ผิว ควบคู่กับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ เพราะการทำ “เลเซอร์” เพียงครั้งเดียว ไม่สามารถทำให้ผิวเนียนเรียบได้ตลอดไป 

        ข้อควรระวัง หลังจากทำเลเซอร์ผิว

        shutterstock 682564189
        • ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ผิวกระทบแสงแดดโดยตรง เพราะผิวหลังจากทำเลเซอร์นั้นค่อนข้างไวต่อแสง ยิ่งแสงแดดแล้วคือศัตรู ตัวร้ายทำลายผิวชั้นดี  และ ก่อนออกจากบ้านทุกครั้งต้องทาครีมกันแดด อยู่เสมอเพื่อปกป้องรังสี UV ที่จะกระทบผิวเราได้
        shutterstock 559870471
        • หลังจากทำหน้าใส ด้วยเลเซอร์ ควรดูแลผิวหน้าให้ดี อย่าปล่อยให้ผิวแห้ง ควรทาครีมบำรุงผิวให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอ เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ จะเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดี ผิวที่ผ่านการเลเซอร์ มาใหม่ๆ นั้นค่อนข้างจะบอบบาง ต้องได้รับการบำรุง และ ดูแลรักษาความสะอาดผิวเป็นพิเศษ
        shutterstock 428047612
        • ควรดื่มน้ำให้เยอะ ๆ เพราะการดื่มน้ำช่วยทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น ผิวเปล่งปลั่ง ทำหน้าใส อีกทั้งเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ส่งผลให้ผิวมีสุขภาพดี  อีกทั้งอาหาร และ น้ำสะอาด ยังมีส่วนทำให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ในการซ่อมแซม ผิวที่เสื่อมโทรมทำให้ผิวแข็งแรง ทำหน้าใสขึ้นได้
        shutterstock 1144349831
        • ท้ายที่สุดหลังการรักษา ด้วยการทำ เลเซอร์ผิว จะต้องมีวินัยในการดูแลตัวเอง ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาดี ได้ผลตามที่ต้องการ

        ผิวสวยด้วย “เลเซอร์” ได้ผลดี และรวดเร็ว สามารถปรับสภาพผิวให้สวยใส ได้ก็จริง  เมื่อทำแล้วก็ต้องใส่ใจดูแลเป็นอย่างดีเหมือนกัน เพราะการทำแต่ละครั้งนั้นมีค่าใช้จ่าย อย่าให้ต้องได้เสียเงินทิ้งไปเปล่า ๆ ก่อนทำก็จะต้องศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน เลือกสถานที่ สถาบันเสริมความงามชั้นนำที่น่าเชื่อถือ มีแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ที่พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำในแนวทางการรักษา การทำหน้าใสได้เป็นอย่างดีและถูกต้อง อย่าเชื่อในคำโฆษณา โอ้อวดมากเกินจริง  เชื่อว่าการมีข้อมูลที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง.. ใช่มั๊ยค่ะ

        แชร์เคล็ดลับ .. ที่ไม่ลับ.. “ทำหน้าใส” ด้วยสูตรลับให้ผิวขาวใสอมชมพู..

        43

        เป็นอันทราบกันดีอยู่แล้วว่าการที่มี รูปร่างหน้าตา ผิวพรรณดี นั้นเป็นที่ต้องการของสาว ๆ เป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสาวคนไหน ๆ ก็ต้องการผิวขาวกระจ่างใสด้วยกันทั้งนั้น แต่การที่ประเทศไทยของเรานั้นค่อนข้างร้อน และ มีแสงแดดอันแรงกล้า พร้อมที่จะเผาผลาญให้ผิวไหม้กันทีเดียว แต่ก็อย่าเพิ่งตกใจกันไป วิธีทำหน้าใส นั้นทำไม่ยากเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการดูแลเอาใจใส่ของแต่ละคน ที่พร้อมอยากจะ “ทำหน้าใส” ให้ขาวใสอมชมพู เรามีสูตรลับมาบอกต่อให้สาว ๆ ได้เอาไปลองใช้กัน เพราะผิวหน้าคือจุดดึงดูด และ สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเจอ อยากรู้กันแล้วใช่มั้ยล่ะ!!งั้นตามมาเลยจ้า…

        พักผ่อนด้วยการนอนให้เพียงพอในแต่ละวัน

        shutterstock 653166973

        การนอนหลับให้เพียงพอต่อวันนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด อย่างน้อยให้ได้ 8 ชั่วโมง  เพราะร่างกายถูกใช้งานมาตลอดทั้งวันแล้วเมื่อนอนหลับสนิท กลไกของร่างกายจะช่วยซ่อมแซม ระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายให้ดีขึ้น และหากหลับลึกติดต่อกันถึง 4 ชั่วโมง ยังส่งผลให้ผิวพรรณสดใส เต่งตึง ได้ด้วย

        การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ช่วยให้ผิวสวยได้

        shutterstock 599468546

        คุณรู้ไหม!! ว่าการดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ  8  แก้ว นั้นดี  แต่หากดื่มได้มากกว่า 8 แก้ว นั้นดียิ่งกว่า เพราะเป็นอันทราบกันว่าร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักสำคัญของร่างกาย หากร่างกายขาดน้ำจะส่งผลกระทบกับร่างกายเป็นอย่างมาก ซึ่งการดื่มน้ำนั้นไม่จำเป็นต้องดื่มในปริมาณเยอะ ๆ ต่อครั้ง แต่ควรดื่มน้ำให้ได้ตลอดวัน การดูแลตัวเองง่าย ๆ ด้วยการดื่มน้ำนั้นช่วยสร้างผิวขาวใสอมชมพู ทำหน้าใสได้นะค่ะ  ด้วยคุณสมบัติของน้ำมีส่วนช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น เปล่งปลั่งช่วยทำให้ผิวไม่แห้งกร้าน ทำให้แลดูมีน้ำมีนวล จะผิวสีไหนๆ ผิวดำ ผิวแทน ผิวขาว จะดูสดใส เนียนละเอียดขึ้นได้ไม่ยาก อยากมีผิวขาว ทำหน้าใส ดูมีออร่า ดูแพง  เพียงแค่รู้จักที่จะดูแลตัวเองก็มีผิวขาวใสอมชมพูได้ !! ด้วยน้ำเปล่า ๆ นี่แหละ สิ่งสำคัญคือความสม่ำเสมอและมีวินัยในการดื่มน้ำ ให้ได้ปริมาณเพียงพอในแต่ละวัน..

        ออกกำลังกายทำให้ผิวชุ่มชื้น แลดูมีน้ำมีนว

        shutterstock 381676999

        การออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยทำให้มีผิวกระจ่าง ทำหน้าใส แลดูอ่อนกว่าวัยได้ด้วย เพราะว่าการออกกำลังกายช่วยทำให้ระบบโลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น อีกทั้งช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออกไป ช่วยสร้างผิวใหม่ ผิวจึงดูเปล่งปลั่งและเป็นการทำหน้าใส ให้อมชมพู ระเรื่อ นอกจากผิวสวยแล้วการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ยังทำให้รูปร่าง ดูดี สุขภาพแข็งแรง อีกต่างหาก

        ขัดผิวด้วยสูตร ธรรมชาติบำบัด

        shutterstock 658591900

        การขัดผิว ช่วยขัดขี้ไคลและผลัดเซลล์ผิวเก่า หรือ หนังกำพร้าที่ตายแล้วออกไป ทำผิวดูขาวขึ้น  การขัดผิวด้วยสูตรธรรมชาติบำบัดนี้  ใช้วัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติล้วน ๆ ไม่ปนเปื้อนสารเคมีอันตราย ที่จะส่งผลเสียมาสู่ผิวได้ สูตรธรรมชาติบำบัด ที่ว่านี้ได้แก่  โยเกิร์ต  ขมิ้นชัน  มะขามเปียก โดยนำส่วนผสมมาคลุกเคล้าในภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วนำมาขัดตามผิวหน้า ลำคอ และผิวกาย หากต้องการให้ได้ผลดียิ่งขึ้นควรนวดเบาๆ ให้ทั่ว แล้วล้างออก ทำให้ได้ในทุกอาทิตย์ เพื่อคืนความสดใส เผยผิวใส อมชมพู ออร่า พุ่งๆ กันทีเดียว 

         ใช้โลชั่นสูตรไวท์เทนนิ่งเป็นประจำ

        shutterstock 1103911217

        การเลือกใช้โลชั่นบำรุงผิว ที่มีส่วนผสมของสารบำรุงช่วยผิวขาว อย่างเช่น พวกวิตามินบีสาม วิตามินซี วิตามินอี และสารสกัดจากธรรมชาติ  ล้วนมีส่วนช่วยบำรุงผิว และทำให้ผิวขาวขึ้นได้ โดยทาในปริมาณที่พอเหมาะกับผิวแต่ละส่วน เพื่อช่วยให้ผิวดูดซึมซับสารบำรุงเข้าไปสู่ใต้ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเวลาหลังอาบน้ำ หรือระหว่างวัน เพื่อให้ผิวคงความชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน ทำให้ผิวแลดูมีสุขภาพดี ทำหน้าใสได้

        ก่อนออกจากบ้าน ต้องทาครีมกันแดด เพื่อป้องกันแสง UV   ทำร้ายผิว

        shutterstock 1061003795

        การใช้ครีมกันแดดเป็นอีกวิธีที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี  UV ที่มากระทบผิวโดยตรง เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่สามารถป้องกันได้ เพราะรังสี UV ถือว่าเป็นศัตรูตัวร้ายทำลายผิวทำให้ผิวคล้ำเสีย  สิว ฝ้า กระ ตามมาเป็นขบวน การใช้ครีมกันแดดที่ได้ผลดีควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ถึงค่า PA+++ จะช่วยป้องกันแสงแดดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การทาครีมกันแดด สามารถทาซ้ำได้ในระหว่างวันหากมีความจำเป็นต้องอยู่กับแสงแดดเป็นเวลานาน เพื่อปกป้องผิวให้คงความอ่อนเยาว์ลดอาการแก่ก่อนวัยอันควร ซึ่งเป็นอาการที่ไม่พึงประสงค์ของสาวๆ กันเสียเลย..

        เป็นอย่างไรบ้างสำหรับสูตร “ทำหน้าใส” ให้ผิวขาวใส อมชมพู  สาวๆ คนไหนอยากที่จะมีใบหน้าขาวใส ก็เอาไปปรับใช้กันได้นะค่ะ ตามเหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละ  เชื่อว่าวิธีที่เราแนะนำจะสามารถช่วยให้สาว ๆ ทุกคน มีสุขภาพผิวที่ดี สวยๆ กันให้สมใจกันไปเลย   แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องมีวินัยในการดูแลตัวเอง  ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อผิว ทำให้เป็นกิจวัตรจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้  หน้าใสๆ ใครๆ ก็ชอบ ใช่ไหมค่ะ

        เคล็ดลับ “ทำหน้าใส” เสกหน้าสวย กับวิธีมาส์กหน้าที่ใครๆ ก็ทำได้

        42

        เชื่อว่าหลายคน ไม่ว่าผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ต้องการดูแลผิวพรรณและ เลือกหาผลิตภัณฑ์ในการถนอมผิว เพื่อบำรุงผิวพรรณให้ผิวสวยกระจ่าง ทำหน้าใสกันอยู่ไม่น้อย และในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ดูแลถนอมผิว บำรุงผิวพรรณนั้นมีอยู่มากมายหลากหลายตามสูตรของผู้ผลิต และ จำหน่ายในท้องตลาด ทำให้ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย ให้ความมสนใจกับเรื่องรูปร่างหน้าตากันมากขึ้น โดยเฉพาะใบหน้า ที่ผู้คนจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกของการดูแลผิว เพราะเป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการดำเนินชีวิตในยุคปัจจุบัน หากเมื่อไหร่รู้สึกว่าหน้าโทรม ใบหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส เปล่งปลั่ง มีสิวริ้วรอยขึ้นมาเมื่อไหร่ ความมั่นใจก็จะน้อยลงทันที  ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ผู้คนจะหันมาดูแลฟื้นฟูสุขภาพผิวให้สวย ทำหน้าใส เปล่งปลั่ง อยู่เสมอ ที่สำคัญการใช้ผลิตภัณฑ์ในการดูแลผิวหน้าจึงต้องมองหาผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย และ ไม่มีผลข้างเคียงต่อผิว และ ใบหน้า ดังนั้นการมาส์กหน้า “ทำหน้าใส”  จึงเป็นวิธีที่ช่วยได้เป็นอย่างดีในการบำรุงผิว ยิ่งได้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากธรรมชาติแล้วยิ่งมั่นใจมากขึ้น ดังนั้น เราจึงได้รวบรวมสูตร “การมาส์กหน้า” มาให้ได้ใช้กัน

        การมาส์กหน้าด้วยสูตรไข่ขาว

        shutterstock 1038494275

        เชื่อว่าไข่ทุกบ้านต้องมี ไม่ว่าจะเป็นไข่ไก่ ไข่เป็ด ซึ่งนอกจากเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยประโยชน์ และ ให้โปรตีนแล้วยังบำรุงส่วนที่สึกหรอในร่างกายแล้ว  “ไข่” ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ด้วย โดยเฉพาะไข่ขาวมีประโยชน์ในการบำบัติผิวสวยโยนำไข่ขาวมาทำเป็น “มาส์ก” การมาส์หน้าด้วยไข่ขาวเป็นการทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกถึงรูขุมขน เพราะสามารถลอกสิวเสี้ยน สิวหัวดำ ผิวหนังกำพร้าที่ตายแล้ว ได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งการมาส์กหน้าด้วยไข่ขาวยังเป็นการช่วยดีท็อกซ์ผิวหน้าได้อย่างเกลี้ยงเกลา “ทำหน้าใส”  ไม่มีหมองได้อีกต่างหาก

        วิธีมาส์กด้วยไข่ขาว

        • ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อเปิดรูขุมขน
        • นำไข่ขาวมาทาลงบนผิวหน้าให้ทั่วใบหน้า
        • ใช้สำลีแผ่นบางมาแปะทับลงไป ปล่อยทิ้งไว้จนไข่ขาวแห้งตึงไปกับผิว
        • จากนั้นค่อย ๆ ลอกแผ่นสำลีออกจากทางด้านล่างขึ้นด้านบน

        วิธีมาส์กหน้าด้วยไข่ขาวนี้จะช่วยกำจัดสิวเสี้ยน สิวหัวดำ ให้หลุดออกมาได้อย่างหมดจด  เสร็จแล้วจึงล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขนให้กระชับ  เพื่อผิวหน้าที่เรียบเนียนไร้สิว ผิวสวย ทำหน้าใส สำหรับ คนไหนที่มีสิวเสี้ยน แนะนำให้พอกหน้าด้วยไข่ขาวสัปดาห์ละครั้ง เพื่อผิวหน้าของคุณจะเนียนใสและไม่มีสิวเสี้ยนกวนใจอีกต่อไป

        การมาส์กหน้าด้วยสูตร น้ำมะนาว  น้ำผึ้ง โยเกิร์ต

        shutterstock 52139764

        มะนาวเป็นพืชที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ด้วยสรรพคุณของมะนาวสามารถทำหน้าใส ขาวกระจ่าง เมื่อนำมาพอกหน้าจะช่วสยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย สามารถช่วยในการรักษาสิว ทำให้สิวอักเสบหายได้เร็วขึ้น และช่วยในการบำรุงผิวหน้าให้เนียนกระจ่างใสไร้สิว โยเกิร์ตอุดมด้วยกรดแลคติกที่ดีต่อผิวพรรณ จึงช่วยลดความหมองคล้ำจากแสงแดดได้เป็นอย่างดี

        วิธีมาส์กหน้า

        เตรียมน้ำมะนาว น้ำผึ้ง และ โยเกิร์ต ใส่ภาชนะ อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ  ผสมให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วทาลงใบหน้าให้ทั่วถึง  ด้วยคุณสมบัติ ของมะนาว น้ำผึ้ง โยเกิร์ต  เปี่ยมด้ไปด้วยคุณประโยชน์ในการช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ได้ผิวสวยเนียนนุ่มชุ่มชื้นขึ้น  โดยทาทิ้งไว้บนใบหน้าสักพัก  แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

        ผิวหน้าแลดูหมองคล้ำไม่สดใส ก็ทำให้ความมั่นใจหดหายไปได้ไม่น้อย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าแลดูหมองคล้ำไม่กระจ่างใส มีด้วยกันหลายอย่างเช่น รังสียูวีในแสงแดด จากแสงหน้าจอ  มลพิษทางสภาวะแวดล้อมที่อยู่รอบ ๆ ตัว  หากที่ผ่านมาสัมผัสผิวหน้าแล้วรู้สึกถึงความหยาบกร้านของผิว ผิวขาดความชุ่มชื้น คราวนี้ได้เวลาเรียกคืนผิวหน้าเรียบเนียนใส ด้วยวิธีการบำรุงและฟื้นฟูผิวหน้าที่หมองคล้ำให้กลับมาขาวสดใส  ผิวสุขภาพดี  กับการพอกหน้าด้วยสูตรธรรมชาตินี้ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ซึ่งปลอดภัย และเห็นผลได้จริง กับต้นทุนที่สบายกระเป๋า กันไปเลย..

        เทคนิคการ “ทำหน้าใส” ได้อย่างรวดเร็วภายในข้ามคืน!!!

        41

        เชื่อว่าหลายสาว ๆ หลายคน ย่อมมีความต้องการที่จะมีผิวสวย  ผิวขาว ผิวดี ทำหน้าใส อยู่ไม่น้อย เป็นที่รู้กันว่า  การทำหน้าใส นั้นมันค่อนข้างยากที่จะได้ดั่งใจ จึงมีคนอยู่ไม่น้อยที่ยอมควักกระเป๋า ยอมจ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งหน้าขาวใส  แต่วันนี้เรามีเทคนิคทำหน้าใส อย่างรวดเร็วภายในข้ามคืน!!  มาบอกต่อสาว ๆ ให้ สวยๆ  กันไปเลย…

        สูตร ทำหน้าใส..ภายในข้ามคืน

        ก่อนอาบน้ำ ทำการสครับผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำออกจากใบหน้า  โดยหาวัตถุดิบที่จะใช้ทำสครับ แนะนำให้ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว เพราะผิวหน้านั้นบอบบางนะคะ..  เบาๆ กับเค้าหน่อยเพื่อผิวใสๆ จะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ โดยวัตถุดิบก็หาได้ไม่ยาก ของใกล้ตัวทั้งนั้น..โดยการนำวัตถุดิบที่จัดเตรียมไว้มาผสมให้เข้ากัน นำมาพอกหน้าทิ้งไว้สักพัก แล้วล้างออกเพียงเท่านี้หน้าก็จะเนียนนุ่มเกลี้ยงเกลาขึ้นมายังกะเสกผิวได้กันเลย.. มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่จะสามารถ “ทำหน้าใส” เสกหน้าสวย ให้ได้ภายในข้ามคืนได้ ด้วยวิธีธรรมชาติที่ได้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ อีกทั้งยังปลอดภัยจากสารเคมีอันตรายไม่ทำร้ายผิว ด้วยวิธีฟื้นฟูสภาพผิวแบบฉบับเร่งด่วน!!

        การสครับหน้าผลัดเซลล์ผิวเพื่อบำรุงผิวให้ผิวชุ่มชื่น

        1.มะขามเปียก.. ใช่เลย !!

        shutterstock 555129598

        มะขามเปียกจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ทำหน้าใส ผิวขาวกระจ่างขึ้นได้

        2.นมรสจืด  ยิ่งเป็นพร่องมันเนยยิ่งดี

        shutterstock 146078012

        นมสดรสจืดจะช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่ม ทำหน้าใสขึ้นในทันที

        3.มะนาว.. น้ำมะนาวสด ๆ

        shutterstock 264947279

        มะนาวจะช่วยในการเร่งผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวขาวกระจ่าง ทำหน้าใส ช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุให้เกิดสิว

        4. น้ำผึ้ง..ใช่แล้วน้ำผึ้งไทยนี่แหละดี..

        shutterstock 1076909447

        น้ำผึ้งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า เมื่อได้ส่วนผสมทั้งหมดแล้ว เรามาเริ่มวิธีการเร่งฟื้นฟูผิวให้สวย ทำหน้าใสภายในข้ามคืนกันได้เลยค่ะ

        ขั้นตอน และ วิธีทำ

        • นำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมรวมกันในภาชนะที่เตรียมไว้ ผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน
        • นำส่วนผสมมาทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า จากนั้นให้ใช้ปลายนิ้วนวดอย่างเบา ๆ
        • พอกหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วจึงค่อยล้างออกให้สะอาด ด้วยน้ำอุ่น
        • ทาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรส์เซอร์ เข้มข้น เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้กับผิว

        เพียงเท่านี้ก็ได้ผิวสวย  เนียนนุ่ม ทำหน้าใส น่าสัมผัส กลับคืนมา แล้วคุณจะหลงรักผิวของคุณจนไม่อยาก หยุดสัมผัสผิวหน้า อันเนียมนุ่ม ชุ่มชื้น ผิวมีสุขภาพดี เปล่งปลั่ง  มีน้ำมีนวล กันเลย เมื่อมีผิวดีแล้ว ความมั่นใจ มั่นหน้า ก็มา จัดเต็มกันไปเลยใช่มั้ยคะ

        มหัศจรรย์!! น้ำมันมะพร้าว “ทำหน้าใส” ให้หน้าสวย..

        40

        เคยได้ยินมากันบ้างอยู่ไหม ว่าน้ำมันมะพร้าว เป็นยาอายุวัฒนะที่น่ามหัศจรรย์มาก หลายคนอาจจะรู้ และก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ก็มี ดังนั้นจะมาเล่าเรื่องราวของน้ำมันมะพร้าวให้ทราบกันให้ดียิ่งขึ้น  ว่าด้วยน้ำมันมะพร้าวมีประโยชน์ หรือคุณสมบัติในการรักษา และ มีคุณค่าทางโภชนาการ ที่ได้ศึกษากันมาแล้วว่าใช้ได้ผลจริง และมากมายด้วยประโยชน์ที่ได้จาก “น้ำมันมะพร้าว” 

        น้ำมันมะพร้าว คือ สิ่งมหัศจรรย์ ที่ได้จากธรรมชาติ นอกจากถูกนำมาใช้ทางด้านการแพทย์ และ การเยียวยารักษามาอย่างเนินนานแล้ว คนที่รักสุขภาพ และอยากมีสุขภาพกายและผิวพรรณที่ดีจากภายในสู่ภายนอก ต้องทราบประโยชน์และความมหัศจรรย์ของ “น้ำมันมะพร้าว” กันดีอยู่แล้ว ว่ามีความวิเศษขนาดไหน ใช้ดีจริงอย่างไร และสมควรจะมีติดตู้ ติดบ้านกันไว้ได้แล้วหรือยัง…

        ใช้น้ำมันมะพร้าวบำรุงผิว

        shutterstock 426808297

        ใช้น้ำมันมะพร้าวบำรุงผิว หลังจากกากรอาบน้ำ หรือก่อนเข้านอน  เพื่อเพิ่มความความชุ่มชื่นให้กับผิว ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น แลดูมีน้ำมีนวล ทำหน้าใสด้วยน้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่ได้จากธรรมชาติมีความอ่อนโยนต่อผิว โดยเฉพาะผิวที่บอบบางแพ้ง่าย ใช้ได้กับคนทุกสภาพผิว ในน้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริค ซึ่งเป็นกรดไขมันอิ่มตัว มีคุณสมบัติในการขจัดแบคทีเรีย ลดการเกิดสิว ฝ้า และริ้วรอยบนใบหน้า อีกทั้งช่วย ทำหน้าใส ได้เป็นอย่างดี คุณสมบัติช่วยรักษาความชุ่มชื่นของผิว ทำให้ผิวเปล่งปลั่ง สดใส ดูมีชีวิตชีวา ใครที่ชอบผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีอันตราย เพื่อหน้าขาวใสไร้สิว ที่ใคร ๆ ก็ชอบ แถมปลอดภัยอีกต่างหาก

        การแต่งหน้าให้“วาว” ด้วยน้ำมันมะพร้าว

        shutterstock 758806480

        สำหรับสาว ๆ ที่ชื่นชอบในการแต่งหน้า การใช้น้ำมันมะพร้าว ลูบให้ทั่วใบหน้า ก่อนทาครีมบำรุงผิว และก่อนแต่งหน้า การทาน้ำมันมะพร้าวก่อนการแต่งหน้า ช่วยทำให้การแต่งหน้าทำได้ง่ายขึ้น ช่วยทำให้เครื่องสำอางค์ติดทนนาน  เพิ่มความ  “แวววาว” ทำหน้าใส ให้กับใบหน้า  อีกทั้งช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ตลอดทั้งวัน จะเข้าพบปะเพื่อนฝูง สังคมไหน ๆ ก็เอาอยู่

        ใช้ทำความสะอาดใบหน้าหรือล้างเครื่องสำอางค์     

        shutterstock 1114578263

        ทราบหรือไม่น้ำมันมะพร้าวสามารถใช้เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้า และล้างเครื่องสำอางค์   ช่วยขจัดสิ่งสกปรกปลอมปนจากมลภาวะที่เผชิญในแต่ละวัน  อีกทั้งช่วยล้างเครื่องสำอางค์ออกไปได้โดยง่ายไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว หรือ แสบตา ทำหน้าใสอีกด้วย

        วิธีการทำความสะอาดใบหน้า ด้วยน้ำมันมะพร้าว

        เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำความสะอาดผิวหน้า ด้วยน้ำมันมะพร้าว บวกกับผลลัพท์ที่มากคือผิวหน้าไม่แห้งกร้าน เพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยทำให้ผิวหน้าแลดูสดใส เนียมนุ่ม น่าสัมผัส อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อเป็นการบำรุงผิวหน้า ทำหน้าใส ได้เป็นอย่างดี

        • เริ่มต้นด้วยการลูบน้ำมันมะพร้าวบนใบหน้าเพื่อลบเครื่องสำอาง
        • ล้างและทำซ้ำอีกครั้งอีกจนสะอาด
        • จากนั้นล้างหน้าด้วย สบู่ หรือโฟมล้างหน้าตามปกติอีกครั้ง

        ใช้น้ำมันมะพร้าว กับ เบกกิ้งโซดา เป็น สครับขัดผิวหน้า

        shutterstock 1073080895

        การใช้น้ำมันมะพร้าวขัดผิว เป็นการดูแลผิวอย่างปลอดภัยจากสารเคมีที่เป็นอันตราย ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงที่ผิวจะถูกทำร้ายจากสารเคมี และก่อให้เกิดการระคายเคืองตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนการขัดผิวที่ผิวด้านบนอาจเปิดรับสารเคมีได้ง่าย ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ ดังนั้นการสครับด้วยนำมันมะพร้าวกับเบกกิ้งโซดา จึงเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพผิว เพื่อการบำรุงผิวหน้า ทำหน้าใส

        สูตรการทำสครับขัดผิวหน้า

        • น้ำมันมะพร้าว ½ ถ้วย
        • เบกกิ้งโซดา ½ ถ้วย

        นำส่วนผสมทั้งสองอย่างผสมเข้าด้วยกัน แล้วทาที่หน้า นวดเบา ๆ ให้ทั่วทั้งใบหน้า และ ลำคอ จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าเพื่อผลัดเซลล์ผิวใหม่ บนใบหน้า น้ำมันมะพร้าว กับ เบกกิ้งโซดา ลดการอักเสบให้กับผิว ทำให้ผิวนุ่มลื่น ไม่ทำร้ายผิวหน้า ทำหน้าใส ลดการระคายเคืองผิวได้เป็นอย่างดี

        เป็นอย่างไรบ้าง กับ  ความมหัศจรรย์ ของน้ำมันมะพร้าวสามารถช่วย ทำหน้าใส ได้จริง..ใช่มั๊ยค่ะ เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่ใช่น้อยละสิ!! ของดีอยู่ใกล้ตัว  ด้วยสรรพคุณ และประโยชน์มากมี ที่ได้มาจากธรรมชาติ มีประโยชน์ต่อความสวยความงาม ยิ่งกับสาว ๆ แล้วไม่ควรพลาด ไอเทม นี้เลยเชียว รู้แบบนี้แล้วคงต้องหาหยิบเข้าบ้านเป็นการด่วน!! แล้วสินะ..