ข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรปฏิบัติ และควรระวังอะไรบ้าง?

ข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรปฏิบัติ และควรระวังอะไรบ้าง?

ข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ครั้งแรก ควรปฏิบัติ และควรระวังอะไรบ้าง?

ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ หากต้องการให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และไม่เป็นอันตราย การดูแลตัวเองก่อน และหลังฉีดถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก วันนี้ รมย์รวินท์รวบรวมข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์มาให้แล้วว่า ก่อนฉีดต้องเตรียมตัวอย่างไร? และหลังฉีดควรดูแลตัวเองอย่างไร? เพื่อผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ สามารถคงอยู่ได้ยาวนาน และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง มาหาคำตอบกันในบทความนี้ค่ะ

 

ข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรดูแลตัวเองอย่างไร? เพื่อผลลัพธ์ที่ดี และไม่เป็นอันตราย

รู้จักการฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid – HA) ที่ใช้ฉีดเข้าสู่ใต้ชั้นผิว เพื่อแก้ปัญหาผิวที่เสื่อมสภาพ เช่น เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก เพิ่มปริมาตรให้ผิวบริเวณที่ยุบตัว หรือฉีดปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูสมดุล นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ยังไม่เสี่ยงอันตราย และสามารถเห็นผลได้หลังฉีด จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ และครอบคลุมเกือบทุกปัญหาผิว

 

ข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?
ข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?

 

ข้อควรรู้ก่อน-หลังฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรเตรียมตัวอย่างไร?

  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรศึกษาข้อมูล และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ ทั้งประเภทของฟิลเลอร์ ผลลัพธ์ที่ได้ และข้อควรระวังในการฉีด เพื่อให้สามารถเลือกฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสม

  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรแจ้งประวัติสุขภาพ

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรแจ้งประวัติสุขภาพ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติหัตถการที่เคยทำ รวมถึง ยาที่กำลังรับประทานอยู่ให้แพทย์ทราบอย่างละเอียดก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง

  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดรับประทานยาบางชนิด

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดรับประทานยา หรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น แอสไพริน, ไอบูโพรเฟน, NSAIDs, น้ำมันปลา หรือสารสกัดจากโสม อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดรอยฟกช้ำ หรือเลือดออกง่าย

  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดดื่มแอลกอฮอล์

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 – 2 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวม หรือการอักเสบ

  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดทำกิจกรรมอย่างหนัก

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการทำกิจกรรมหนัก ๆ  หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด รวมถึง งดออกกำลังกายแบบหักโหม อย่างน้อย 1 – 2 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวมช้ำ

  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดนวดหน้า หรือทำทรีตเมนต์

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดนวดหน้า ขัดผิว แว็กซ์ผิว โกนขน หรือทำทรีตเมนต์ต่าง ๆ อย่างน้อย 3 – 5 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดการติดเชื้อ อักเสบ หรือระคายเคือง

  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดใช้ครีม หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมในการผลัดเซลล์ผิว ได้แก่ Retinol, AHA, BHA หรือ Glycolic Acid อย่างน้อย 3 วันก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการระคายเคือง หรือการอักเสบ

  • ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรนอนหลับให้เพียงพอ

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรนอนหลับ หรือพักผ่อนให้เพียงพอในคืนก่อนฉีด เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ในวันถัดไป

 

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรปฏิบัติตัวอย่างไร?

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อลดอาการบวม ปวดตึง หรือรอยฟกช้ำในบริเวณที่ฉีด รวมถึง ป้องกันความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงภายหลัง

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรสังเกตอาการของตนเอง

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรติดตามอาการ หรือสังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติ เช่น ผิวเปลี่ยนสี บวม แดง คัน หรือปวดมากผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรประคบเย็นหากมีอาการบวม

หลังฉีดฟิลเลอร์ หากมีอาการบวมช้ำ สามารถประคบเย็นบริเวณที่ฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยลดอาการบวมช้ำหลังฉีด โดยใช้เจลเย็น หรือถุงน้ำแข็งประคบเบา ๆ ไม่กดแรงเกินไป

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรนอนในท่าทางที่เหมาะสม

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรนอนในท่าทางที่เหมาะสม โดยนอนหงาย และยกศีรษะสูงกว่าหน้าอก เพื่อช่วยลดอาการบวมช้ำหลังฉีด อย่างน้อย 2 – 3 วันแรก

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ

หลังฉีดฟิลเลอร์  ควรดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ ประมาณ 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน ซึ่งน้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญในการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากสารในฟิลเลอร์ เป็นสารที่กักเก็บความชุ่มชื้น ดังนั้น การดื่มน้ำให้มาก ๆ จะทำให้ฟิลเลอร์มีความฟูได้ดีมากขึ้น

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ

หลังฉีดฟิลเลอร์  ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน เนื่องจากการนอนหลับจะทำให้ร่างกายสามารถฟื้นฟู และซ่อมแซมตัวเองได้อย่างเต็มที่

 

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรระวังตัวอย่างไร?
หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรระวังตัวอย่างไร?

 

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรระวังตัวอย่างไร?

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดแต่งหน้า หรือใช้เครื่องสำอางในบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 12 – 24 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหลังฉีด 

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้า

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส จับ กด หรือถูในบริเวณที่ฉีดแรง ๆ อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงฟิลเลอร์เคลื่อนที่ หรือเสียรูปทรง รวมถึง ลดความเสี่ยงในการอักเสบหลังฉีด 

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดโดนความร้อน

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดโดนความร้อน หรืออยู่ในที่ที่อุณหภูมิสูง เช่น เข้าซาวน่า อบไอน้ำ หรือรับประทานอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงฟิลเลอร์เคลื่อนที่ หรือสลายตัวไว

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดนอนกดทับใบหน้า

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดนอนกดทับใบหน้า หรือนอนในท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น นอนคว่ำ นอนตะแคง อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงฟิลเลอร์เคลื่อนที่ หรือเสียรูปทรงหลังฉีด

  • หลังฉีดฟิลเลอร์  งดทำกิจกรรมอย่างหนัก

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการทำกิจกรรมหนัก ๆ  หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด รวมถึง งดออกกำลังกายแบบหักโหม อย่างน้อย 1 – 2 วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวมช้ำ

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดดื่มแอลกอฮอล์

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 – 2 วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบวม หรืออักเสบหลังฉีด

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดสูบบุหรี่

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 – 2 วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หรืออักเสบหลังฉีด รวมถึง อาจทำให้ฟิลเลอร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้นได้

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดรับประทานอาหารหมักดอง

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการรับประทานอาหารหมักดอง เช่น ผักดอง ผลไม้ดอง หรือปลาร้า อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ หรือเกิดแผลอักเสบหลังฉีด 

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดอาหารรสจัด

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดอาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นเค็มจัด เผ็ดจัด หวานจัด หรืออาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น ส้มตำ ยำ หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการอักเสบ หรือบวมหลังฉีด

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ งดทำทรีตเมนต์

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการทำทรีตเมนต์ในบริเวณที่ฉีด เช่น นวดหน้า สครับผิว หรือผลัดเซลล์ผิว อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการระคายเคืองหลังฉีด

 

ขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?
ขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?

 

ขั้นตอนในการฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?

  • ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดฟิลเลอร์

ก่อนฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะเข้ามาพูดคุย และสอบถามเกี่ยวกับความต้องการ หรือปัญหาที่ต้องการแก้ไข เพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

  • ประเมินสภาพผิวก่อนฉีดฟิลเลอร์

แพทย์จะเริ่มวิเคราะห์ และประเมินสภาพผิวหน้า เพื่อคำนวณปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ รวมถึง แนะนำยี่ห้อ และรุ่นของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการแก้ไข

  • ทำความสะอาดใบหน้า

ผู้ช่วยแพทย์จะเริ่มทำความสะอาดใบหน้าในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ โดยการเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมด เพื่อขจัดสิ่งสกปรก และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

  • ทายาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์

เมื่อทำความสะอาดใบหน้าเสร็จ ผู้ช่วยแพทย์จะทำการทายาชา หรือฉีดยาชา เพื่อลดความเจ็บปวดขณะฉีด โดยจะทิ้งให้ยาชาค่อย ๆ ออกฤทธิ์ ประมาณ 30 – 40 นาที

  • แพทย์จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์

เมื่อยาชาออกฤทธิ์เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในชั้นผิวบริเวณที่ต้องการแก้ไข ซึ่งจะต้องอาศัยความชำนาญ และประสบการณ์ในการฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และมีประสิทธิภาพ

  • ปรับรูปทรงให้สวยงาม

เมื่อฉีดฟิลเลอร์เสร็จ แพทย์จะทำการปรับแต่งรูปทรงให้สวยงามในบริเวณที่ฉีด เพื่อให้ฟิลเลอร์กระจายตัวได้ดี และได้รูปทรงที่สมดุลตามที่ต้องการ

  • ให้คำแนะนำหลังฉีดฟิลเลอร์

แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติตัว และข้อควรระวังหลังฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง

 

การฉีดฟิลเลอร์ มีอาการข้างเคียงอย่างไร?

หลังฉีดฟิลเลอร์ อาจมีอาการข้างเคียงเกิดขึ้นเล็กน้อย โดยอาการที่พบได้บ่อย มีดังนี้

  • รอยแดงจากเข็ม

หลังฉีดฟิลเลอร์  อาจมีรอยแดงจากเข็มเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะค่อย ๆ จางลง ภายใน 2 – 3 วัน

  • อาการบวม

หลังฉีดฟิลเลอร์  อาจมีอาการบวมเล็กน้อยในบริเวณที่ฉีด โดยสามารถรับประทานยาลดบวมตามคำแนะนำของแพทย์ หรือประคบเย็นเบา ๆ เพื่อลดอาการบวมลงได้ ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้น ภายใน 1 – 2 สัปดาห์

  • ปวดระบม

 หลังฉีดฟิลเลอร์  อาจมีอาการปวดระบม หรือปวดตึงในบริเวณที่ฉีด โดยสามารถรับประทานยาแก้ปวดตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อลดอาการปวดลงได้ ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้น ภายใน 1 สัปดาห์

  • รอยเขียวช้ำ

หลังฉีดฟิลเลอร์  อาจเกิดรอยเขียวช้ำในบริเวณที่ฉีด โดยสามารถทายาลดรอย เพื่อให้รอยช้ำจางลง ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้น ภายใน 1 – 2 สัปดาห์

 

การฉีดฟิลเลอร์ มีข้อดีอย่างไร?

  • เห็นผลรวดเร็ว เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้หลังฉีด โดยไม่ต้องรอผลลัพธ์นานเหมือนกับการทำหัตถการอื่น ๆ
  • ไม่เสียเวลาพักฟื้นนาน เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ เป็นหัตถการที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด จึงลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง และไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน
  • สลายได้ตามธรรมชาติ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกาย จึงสามารถสลายได้ตามธรรมชาติ หรือในกรณีที่ไม่พอใจในผลลัพธ์ สามารถฉีดสลายได้ง่าย
  • ใช้แก้ปัญหาได้หลากหลาย โดยฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งบนใบหน้า เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างหลากหลาย เช่น เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก ลดความหย่อนคล้อย หรือปรับโครงใบหน้าให้ดูมีมิติ
  • ไม่เสี่ยงอันตราย หากใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการอนุมัติจาก อย. และฉีดโดยแพทย์ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงอันตรายได้

 

การฉีดฟิลเลอร์ มีข้อเสียอย่างไร?

  • ผลลัพธ์ไม่ถาวร เนื่องจากสาร Hyaluronic Acid ในฟิลเลอร์ เป็นสารที่สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ จึงต้องมีการฉีดซ้ำเรื่อย ๆ เมื่อครบกำหนด แต่โดยทั่วไป การฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้นาน 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง 
  • ต้องฉีดโดยแพทย์เท่านั้น หากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ดูเป็นธรรมชาติ หรือเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้

 

ใครที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์?
ใครที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์?

 

ใครที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์?

  • การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมเต็มริ้วรอย และร่องลึก

การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา ริ้วรอยมุมปาก หรือร่องแก้มลึก

  • การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้า

การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้า หรือปรับปรุงโครงสร้างใบหน้าให้ดูมีมิติ และมีสัดส่วนที่สมดุลมากขึ้น เช่น การฉีดฟิลเลอร์คาง การฉีดฟิลเลอร์กรอบหน้า หรือการฉีดฟิลเลอร์ขมับ

  • การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาตรให้ผิว

การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มปริมาตรให้ผิว ในบริเวณที่ยุบตัวลงตามอายุ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ขมับ หรือการฉีดฟิลเลอร์แก้มตอบ

  • การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่ม

การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความอวบอิ่ม ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เช่น การฉีดฟิลเลอร์ปาก การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม

  • การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ต้องการยกกระชับผิว

การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ลดความหย่อนคล้อยของใบหน้า หรือผิวสูญเสียความยืดหยุ่น

  • การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น

การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น หรือเติมน้ำให้ผิว ทำให้แต่งหน้าติดทนมากขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเน้นการฉีดฟิลเลอร์บริเวณหน้าแก้ม หรือทั่วทั้งใบหน้า

ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือประวัติการรักษาก่อนเข้ารับบริการ

 

ใครที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์?

  • การฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้สารในฟิลเลอร์ 
  • การฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีเลือดออกง่าย หรือรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดเป็นประจำ
  • การฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวติดเชื้อ หรือมีอาการอักเสบ
  • การฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะกับผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
  • การฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน
  • การฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะกับผู้ที่เคยมีประวัติเกิดแผลเป็นนูนผิดปกติ

ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือประวัติการรักษาก่อนเข้ารับบริการ

 

Q&A คำถามเกี่ยวกับารฉีดฟิลเลอร์
Q&A คำถามเกี่ยวกับารฉีดฟิลเลอร์

 

Q&A คำถามเกี่ยวกับารฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง?

การฉีดฟิลเลอร์ สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งบนใบหน้า โดยตำแหน่งที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ มีดังนี้

  • ร่องแก้ม ใช้ฟิลเลอร์ ประมาณ 1 – 3 CC เพื่อเติมเต็มร่องแก้มลึกให้ดูตื้นขึ้น ทำให้ใบหน้ามีความอ่อนเยาว์
  • ใต้ตา ใช้ฟิลเลอร์ ประมาณ 1 – 2 CC เพื่อเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ลดความหมองคล้ำใต้ตา และลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา
  • ขมับ ใช้ฟิลเลอร์ ประมาณ 2 – 4 CC เพื่อเติมเต็มขมับที่ตอบ หรือขมับที่ยุบตัวให้ดูเต็มอิ่มมากขึ้น 
  • คาง ใช้ฟิลเลอร์ ประมาณ 1 – 2 CC  เพื่อปรับรูปทรงคางให้สวยงาม มีความสมส่วน และรับกับใบหน้ามากขึ้น
  • ริมฝีปาก ใช้ฟิลเลอร์ ประมาณ 1 – 2 CC เพื่อเติมเต็มความอวบอิ่มให้ริมฝีปาก และปรับรูปทรงปากให้สวยงาม
  • หน้าผาก ใช้ฟิลเลอร์ ประมาณ 3 – 5 CC เพื่อเติมเต็มหน้าผากให้นูนสวย ดูละมุน และรับกับใบหน้ามากขึ้น
  • แก้มส้ม ใช้ฟิลเลอร์ ประมาณ 1 – 2 CC เพื่อเติมเต็มหน้าแก้มให้มีความอิ่มฟู ดูเด็กลง และสดใสมากขึ้น

 

การฉีดฟิลเลอร์ เจ็บไหม?

  • การฉีดฟิลเลอร์ อาจมีความเจ็บเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ฉีด ซึ่งเป็นความเจ็บในระดับที่ทนได้ แต่โดยปกติแล้ว ผู้ช่วยแพทย์จะมีการทายาชา หรือฉีดยาชาให้ก่อนเริ่มฉีดฟิลเลอร์ เพื่อลดความรู้สึกเจ็บขณะฉีด อีกทั้ง ฟิลเลอร์บางยี่ห้อยังมีส่วนผสมของยาชา (Lidocaine) ทำให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น 

 

การฉีดฟิลเลอร์ ฉีดกี่วันเข้าที่?

  • หลังฉีดฟิลเลอร์ โดยปกติแล้ว การฉีดฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่ และกลมกลืนเข้ากับผิว ภายใน 2 – 4 สัปดาห์ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะมีความเป็นธรรมชาติ และไม่แข็งทื่อ 

 

การฉีดฟิลเลอร์ ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นได้ไหม?

  • โดยปกติแล้ว หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น อย่างน้อย 24 – 48 ชั่วโมงแรก เนื่องจากความร้อนอาจส่งผลให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็ว และอาจทำให้เกิดอาการบวมมากขึ้นหลังฉีด แนะนำให้ล้างหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติใ่นช่วงแรก

 

การฉีดฟิลเลอร์ นวดหน้าได้ไหม?

  • โดยปกติแล้ว หลังฉีดฟิลเลอร์ควรงดการนวดหน้าในบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เนื่องจากการกดใบหน้าแรง ๆ อาจทำให้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนที่ผิดตำแหน่ง และทำให้ผลลัพธ์ดูผิดรูปได้

 

การฉีดฟิลเลอร์ อันตรายไหม?

  • การฉีดฟิลเลอร์ ถือเป็นหัตถการที่ไม่เสี่ยงอันตราย เนื่องจากเป็นมีการใช้งานมาอย่างยาวนาน และได้รับการยอมรับทั่วโลก ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ควรฉีดโดยแพทย์ และใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการอนุมัติจาก อย. เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เสี่ยงอันตราย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

วิธีการดูฟิลเลอร์แท้ สังเกตได้จากอะไร?

  • กล่องฟิลเลอร์อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่บุบสลาย และไม่มีการแกะใช้งานมาก่อน
  • มีเลขทะเบียน อย. ระบุไว้อย่างชัดเจนบนกล่อง โดยสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์ของ อย.
  • มีเอกสารกำกับภาษาไทยภายในกล่อง โดยจะต้องระบุข้อมูล หรือรายละเอียดฟิลเลอร์อย่างเห็นได้ชัด
  • มีเลข Lot. ตรงกันทุกจุด เช่น บนกล่องฟิลเลอร์ หลอดฟิลเลอร์ ซองฟิลเลอร์ หรือสติกเกอร์
  • ในบางกรณี ฟิลเลอร์บางยี่ห้ออาจมี QR Code ให้สแกน เพื่อตรวจสอบข้อมูลฟิลเลอร์โดยตรง

 

แม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ หากฉีดโดยแพทย์จะไม่เสี่ยงอันตราย แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงได้ หากปฏิบัติตัวไม่เหมาะสม ทั้งก่อนฉีดฟิลเลอร์ และหลังฉีดฟิลเลอร์ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ควรหาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นข้อควรรู้ หรือข้อควรระวังสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อจะได้เตรียมตัว และดูแลตนเองอย่างเหมาะสม ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพ และมีความคงทนมากขึ้น ลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงในอนาคต 

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

 

หน้าหย่อนคล้อยแก้ไขอย่างไร? รวมวิธีคืนความกระชับ

ใบหน้าหย่อนคล้อยแก้ไขอย่างไร

หน้าหย่อนคล้อยแก้ไขอย่างไร? รวมวิธีคืนความกระชับให้ผิวหน้าแบบได้ผลระยะยาว

ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยเป็นสัญญาณแห่งวัยที่หลายคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น คอลลาเจนและอีลาสตินในผิวลดลง ทำให้ผิวขาดความกระชับและเกิดริ้วรอยได้ง่าย นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอก เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิต แสงแดด มลภาวะ และความเครียด ก็ส่งผลให้ผิวหน้าเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง

 

หากคุณกำลังมองหาวิธี แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อยให้กลับมายกกระชับขึ้น บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักทั้งวิธีธรรมชาติที่สามารถทำได้เองที่บ้าน และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณสามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมและตอบโจทย์สภาพผิวของตัวเองได้ดี

 

หน้าหย่อนคล้อยแก้ไขอย่างไร? วิธีไหนเหมาะกับเรา?
หน้าหย่อนคล้อยแก้ไขอย่างไร? วิธีไหนเหมาะกับเรา?

 

หน้าหย่อนคล้อยแก้ไขอย่างไร? วิธีไหนเหมาะกับเรา?

เทคโนโลยีช่วยยกกระชับ แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย

เทคโนโลยีทางการแพทย์เป็นทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจน โดยแต่ละเทคโนโลยีมีจุดเด่นและข้อดีที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

 

  • เทคโนโลยีโปรแกรม Ultherapy Prime

โปรแกรม Ultherapy Prime เป็นเทคโนโลยีอัลตราซาวนด์เพื่อการยกกระชับผิว ที่พัฒนาขึ้นจาก Ulthera SPT  ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แม่นยำมากขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้น เทคโนโลยีนี้ใช้พลังงาน Micro-Focused Ultrasound with Visualization (MFU-V) ที่สามารถส่งพลังงานลงลึกถึง ชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการดึงหน้า ส่งผลให้ผิวหดตัวและกระชับขึ้นทันที พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่เพื่อฟื้นฟูผิวในระยะยาว

จุดเด่นของเทคโนโลยีโปรแกรม Ultherapy Prime

  • ยกกระชับได้ลึกถึงชั้น SMAS โดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ใกล้เคียงกับการศัลยกรรมดึงหน้าแต่ไม่ต้องการพักฟื้น
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ผิวเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
  • ระบบประมวลผลเร็วขึ้น 20% ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีการทำงานที่รวดเร็วขึ้น ช่วยลดระยะเวลาการทำหัตถการ ส่งผลให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายขึ้น และลดความรู้สึกเจ็บขณะทำ
  • หน้าจอ Full HD ขนาดใหญ่ขึ้น 35% พร้อมความละเอียดสูง ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวได้อย่างคมชัดและแม่นยำมากขึ้น ช่วยให้พลังงานถูกส่งไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้อย่างถูกต้อง
  • ดีไซน์ล้ำสมัยและใช้งานสะดวกขึ้น ตัวเครื่องถูกออกแบบใหม่ให้มีขนาดกะทัดรัดและทันสมัยขึ้น ช่วยให้แพทย์ใช้งานสะดวกมากขึ้นในทุกขั้นตอนของการรักษา
  • ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที

 

  • เทคโนโลยีโปรแกรม Thermage FLX

โปรแกรม Thermage FLX เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ใช้ พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบ Monopolar RF เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูความกระชับของผิว โดยพลังงานความร้อนจะถูกส่งลงลึกถึงชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว เพื่อกระตุ้นให้คอลลาเจนหดตัวทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวดูตึงขึ้น เรียบเนียนขึ้น และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

จุดเด่นของเทคโนโลยีโปรแกรม Thermage FLX

  • โปรแกรม Thermage FLX ได้รับการพัฒนาให้ทำงานรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยหัวทิปรุ่นใหม่สามารถปล่อยพลังงานได้เร็วขึ้นถึง 25% และครอบคลุมพื้นที่การรักษากว้างขึ้นถึง 33% ทำให้สามารถทำหัตถการได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้เวลาน้อยลง
  • ความแม่นยำสูงด้วยเทคโนโลยี AccuREP™ ระบบอัจฉริยะที่สามารถตรวจวัดความต้านทานของผิวได้แบบ Real Time และปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมกับโครงสร้างผิวของแต่ละบุคคล ช่วยให้ผลลัพธ์แม่นยำและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
  • โปรแกรม Thermage FLX มาพร้อม ระบบสั่น (Vibration Technology) และ Cooling System ที่ช่วยลดอาการเจ็บระหว่างทำหัตถการ ทำให้ผู้เข้ารับบริการรู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวมากขึ้น

 

  • เทคโนโลยีโปรแกรม Ultraformer MPT

โปรแกรม Ultraformer MPT (Ultraformer Micro-Pulse Technology) เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่ใช้พลังงาน คลื่นเสียงอัลตราซาวนด์แบบเฉพาะจุด (Focused Ultrasound) โดยมี 2 รูปแบบหลัก ได้แก่ Micro Focused Ultrasound ที่ช่วยยกกระชับและฟื้นฟูผิว และ Macro Focused Ultrasound ที่สามารถช่วยลดไขมันใต้ผิว เทคโนโลยีนี้ออกแบบมาให้สามารถดูแลปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับ ลดเลือนริ้วรอย หรือช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ทั้งหมดนี้สามารถทำได้โดยไม่ต้องฉีดสารเติมเต็ม ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น

จุดเด่นของเทคโนโลยีโปรแกรม Ultraformer MPT

  • โปรแกรม Ultraformer MPT มาพร้อมกับ 4 โหมดการปล่อยพลังงานที่ออกแบบมาให้เหมาะกับการรักษาผิวในแต่ละพื้นที่ ได้แก่ Normal Mode, Mp Mode, Circular Dot และ Micro circular
  • เโปรแกรม Ultraformer MPT มีหัวปล่อยพลังงานที่สามารถปรับความลึกได้ถึง 7 ระดับ (1.5 mm, 2 mm, 3 mm, 4.5 mm, 6 mm, 9 mm และ 13 mm) ทำให้สามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล และสามารถรักษาได้ทั้งชั้นผิวตื้นและลึก
  • ระบบการยิงพลังงานได้รับการพัฒนาให้เร็วขึ้นถึง 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน ทำให้ระยะเวลาในการทำหัตถการสั้นลง โดยเฉลี่ยใช้เวลาเพียง 15-30 นาที เท่านั้น
  • เทคโนโลยีนี้ทำงานโดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อโดยรอบ ไม่มีรอยแผล ไม่ต้องผ่าตัด และสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้ทันทีหลังทำ
  • ลดความรู้สึกไม่สบายขณะทำ ด้วยเทคโนโลยี Micro Pulse Mode ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บระหว่างการรักษา ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายขึ้น

 

  • เทคโนโลยีโปรแกรม Oligio

โปรแกรม Oligio เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวและช่วยลดไขมันใต้ชั้นผิว โดยใช้พลังงาน คลื่นวิทยุแบบ Monopolar RF ที่มีความถี่ 6.78 MHz พลังงานที่ปล่อยออกมาจะช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ลดเลือนริ้วรอย พร้อมทั้งช่วยกระชับรูขุมขน และสลายไขมันส่วนเกินใต้ผิว ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวและกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

จุดเด่นของเทคโนโลยีโปรแกรม Oligio

  • โปรแกรม Oligio มาพร้อมระบบ Vibration Technology ที่ช่วยลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างทำหัตถการ 
  • ระบบ Cooling System ที่ช่วยปกป้องผิวชั้นนอกจากพลังงานความร้อนของ Monopolar RF ทำให้พลังงานถูกส่งลงไปยังชั้นผิวลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน
  • ระบบ Auto Mode ซึ่งช่วยให้การทำงานมีความแม่นยำและปลอดภัยมากขึ้น นอกจากนี้ หัวทิปสำหรับใบหน้ามีขนาดกว้างถึง 4 ซม. ทำให้สามารถครอบคลุมพื้นที่การรักษาได้มากขึ้น ช่วยลดเวลาในการทำโดยยังคงให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
  • โปรแกรม Oligio มาพร้อม Real-Time Temperature Monitoring ที่สามารถตรวจสอบอุณหภูมิของผิวหนังแบบเรียลไทม์ หากอุณหภูมิสูงเกิน 43°C เครื่องจะหยุดทำงานอัตโนมัติเพื่อลดความเสี่ยงต่อการไหม้ของผิว
  • ระบบ Pressure Sensing System ที่ช่วยตรวจสอบแรงกดของหัวทิปกับผิวหนัง หากหัวทิปไม่แนบสนิทกับผิว เครื่องจะปรับการทำงานเพื่อลดโอกาสเกิดการเผาไหม้ของผิว
  • ใช้งานสะดวก ปรับโหมดได้หลากหลาย ได้แก่ Single Mode, Double Mode และ Auto Mode

 

  • เทคโนโลยีโปรแกรม Morpheus8

โปรแกรม Morpheus8 เป็นเทคโนโลยีความงามที่ใช้หลักการ Fractional RF Microneedling ซึ่งเป็นการผสานระหว่าง การใช้เข็มขนาดเล็ก (Microneedling) และ พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) เพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวลึกได้ถึง 8 มม. ทำให้ผิวมีความตึงกระชับและยืดหยุ่นมากขึ้น

จุดเด่นของเทคโนโลยีโปรแกรม Morpheus8

  • เทคโนโลยี Fractional Microneedle RF กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว โดยสามารถลงลึกได้ถึง 4 มม. ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายในอย่างมีประสิทธิภาพ
  • สามารถปรับระดับความลึกได้ตามต้องการ ตั้งแต่ 1-4 มม. ทำให้สามารถเข้าถึงทั้ง ชั้นหนังแท้และชั้นไขมันใต้ผิว เพื่อแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น หลังทำสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
  • โปรแกรม Morpheus8 ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น ลดเลือนริ้วรอย รอยแผลเป็น และกระชับรูขุมขน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ส่งเสริมให้ผิวผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินมากขึ้น ทำให้ผิวดู เฟิร์ม กระชับ และยืดหยุ่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • สามารถทำได้ในหลายส่วนของร่างกาย เช่น หน้าผาก ใต้ตา คิ้ว ขมับ ร่องแก้ม ใต้คาง และลำคอ รวมไปถึงบริเวณร่างกาย ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างทั่วถึง

 

  • เทคโนโลยีโปรแกรม EMFACE

โปรแกรม EMFACE เป็นเทคโนโลยียกกระชับใบหน้าที่ไม่ต้องใช้เข็มและไม่ต้องผ่าตัด โดยอาศัยการทำงานร่วมกันของ Synchronized RF (Radiofrequency) และ HIFES™ (High-Intensity Focused Electrical Stimulation) เพื่อช่วยฟื้นฟูทั้งผิวและกล้ามเนื้อบนใบหน้าไปพร้อมกัน พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและดูเรียบเนียนขึ้น ในขณะที่ HIFES™ ทำหน้าที่กระตุ้นกล้ามเนื้อบนใบหน้าให้แข็งแรงขึ้น ยกกระชับขึ้น และช่วยลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ

จุดเด่นของเทคโนโลยีโปรแกรม EMFACE

  • เทคโนโลยี HIFES™ และ Synchronized RF ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวตึงกระชับและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
  • นี้สามารถเข้าลึกได้ถึงชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้ใบหน้าดูได้รูปและกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว เพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่งขึ้น
  • ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ลดเลือนริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา และร่องแก้ม ให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ขึ้น
  • ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้น และช่วยยกกระชับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ

 

หน้าหย่อนคล้อยแก้ไขอย่างไร? รวมวิธีคืนความกระชับ

หัตถการช่วยยกกระชับผิว แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย

  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์

โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีที่ช่วยเติมเต็มส่วนที่สูญเสียไขมันใต้ผิว ซึ่งมักเกิดขึ้นตามวัย ส่งผลให้ใบหน้าดูตอบและมีริ้วรอยมากขึ้น โดยโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ในบริเวณต่าง ๆ เช่น ใต้ตา ร่องแก้ม ขมับ และคาง เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และเต่งตึงขึ้น โดยใช้สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ จึงมีความปลอดภัยสูงและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

  • โปรแกรมฉีดโบ

โปรแกรมฉีดโบเป็นหัตถการที่ช่วยลดริ้วรอย ซึ่งเกิดมาจากการแสดงออกทางสีหน้า เช่น รอยย่นบริเวณหน้าผาก หางตา และรอยขมวดคิ้ว โดยช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและลดการเกิดรอยพับบนผิวหนัง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เทคนิค Nefertiti Lift เพื่อยกกระชับกรอบหน้า โดยการฉีดสารออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อลงที่แนวกรามและลำคอ ทำให้ใบหน้าดูเรียวและกระชับขึ้นโดยไม่ต้องศัลยกรรม

  • โปรแกรมร้อยไหม

โปรแกรมร้อยไหมเป็นเทคนิคการยกกระชับใบหน้าที่ใช้ไหมละลายชนิดพิเศษ โดยแพทย์จะสอดไหมเข้าไปใต้ผิวเพื่อช่วยยกกระชับ และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ไหมที่ใช้สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และช่วยให้ผิวกระชับขึ้นในระยะยาว ผลลัพธ์ของการร้อยไหม สามารถอยู่ได้นาน 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับประเภทไหมและสภาพผิวของแต่ละบุคคล

  • โปรแกรมฉีดไขมัน

เป็นหัตถการที่ใช้ไขมันของตัวเองมาฉีดเติมเต็มบริเวณที่มีปัญหาผิวตอบ เช่น แก้ม ขมับ หรือใต้ตา โดยแพทย์จะทำดูดไขมันจากส่วนอื่นของร่างกาย เช่น หน้าท้อง หรือต้นขา แล้วนำมาผ่านกระบวนการคัดแยกเพื่อให้ได้ไขมันที่มีคุณภาพสูง จากนั้นจึงฉีดกลับเข้าไปยังใบหน้า วิธีนี้ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ช่วยลดความเสี่ยงจากอาการแพ้หรือผลข้างเคียงต่าง ๆ

 

วิธีไหนเหมาะสมในการแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย

  • ระดับหน้าหย่อนคล้อยเล็กน้อย

ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเพียงเล็กน้อย มักพบในกลุ่มคนที่อายุ 20-35 ปี หรือเริ่มมีสัญญาณของความหย่อนคล้อยที่ยังไม่ชัดเจนมาก การดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติและเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันปัญหาผิวได้ มีดังนี้

  • การใช้เทคโนโลยียกกระชับ เช่น โปรแกรม Oligio ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเต่งตึงขึ้น หรือ โปรแกรม Ultraformer MPT ที่ช่วยยกกระชับผิวชั้นลึกโดยไม่ต้องใช้เข็ม
  • ระดับหน้าหย่อนคล้อยปานกลาง

ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลาง มักอยู่ในช่วงอายุ 35-50 ปี โดยเริ่มมีริ้วรอยและผิวที่หย่อนคล้อยมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การดูแลด้วยเทคโนโลยีที่สามารถเข้าถึงชั้นลึกของผิวและหัตถการเสริมความงามที่เหมาะสม มีดังนี้

  • การทำโปรแกรม Ulthera Prime ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถส่งพลังงานลงไปยกกระชับชั้น SMAS ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงการดึงหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด
  • การทำโปรแกรม Thermage FLX ซึ่งช่วยลดไขมันสะสมและกระชับผิวได้ดี
  • การทำโปรแกรม Morpheus8 ซึ่งผสานเทคโนโลยี Microneedling+RF เพื่อช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและปรับสภาพผิว
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มบริเวณที่มีการสูญเสียไขมัน เช่น ขมับ ใต้ตา และร่องแก้ม
  • โปรแกรมฉีดโบเพื่อช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น หน้าผาก ตีนกา และร่องลึกระหว่างคิ้ว
  • โปรแกรมร้อยไหมเพื่อช่วยยกกระชับใบหน้าในทันที
  • ระดับหน้าหย่อนคล้อยมาก

สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยรุนแรง ซึ่งมักเกิดในกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีปัญหาผิวที่หย่อนคล้อยอย่างชัดเจน อาจต้องใช้วิธีที่ให้ผลลัพธ์ระยะยาวและเข้มข้นมากขึ้น โดยวิธีที่แนะนำมีดังนี้

  • การทำโปรแกรม EMFACE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยกระชับกล้ามเนื้อใบหน้าและฟื้นฟูโครงสร้างผิวโดยไม่ต้องใช้เข็มหรือผ่าตัด
  • การทำโปรแกรม Ulthera Prime ร่วมกับ Thermage FLX เพื่อเสริมประสิทธิภาพทั้งการยกกระชับผิวและลดไขมันสะสม
  • การทำโปรแกรมฉีดไขมันเพื่อเติมเต็มใบหน้าที่มีการสูญเสียไขมันตามธรรมชาติ
  • การทำโปรแกรมร้อยไหม สามารถช่วยให้ผิวกระชับได้ยาวนานขึ้น
  • การทำโปรแกรม Face Lift เป็นทางเลือกที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและคงอยู่ได้นาน
  • การทำโปรแกรม Mini Face Lift ซึ่งเป็นการดึงหน้าแบบแผลเล็ก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระชับผิว โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน

 

การแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะกับใครบ้าง?
การแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะกับใครบ้าง?

 

หน้าหย่อนคล้อยแก้ไขอย่างไร? รวมวิธีคืนความกระชับ

การแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะกับใครบ้าง?

  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 25-50 ปี
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้า ให้กระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก และเนื้อแก้มหายไป
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีคางสองชั้นหรือแนวกรามหย่อนคล้อย
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุเพิ่มขึ้นและคอลลาเจนลดลงตามธรรมชาติ
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่น้ำหนักลดลงมากเกินไป
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ใบหน้าดูเหนื่อยล้า มีริ้วรอย
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด หรือไขมันสะสมบนใบหน้า
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีพันธุกรรมทำให้ผิวหย่อนคล้อยเร็ว
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่เคยฉีดฟิลเลอร์มากเกินไปจนใบหน้าดูหย่อนคล้อยผิดธรรมชาติ
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่เคยดึงหน้าหรือร้อยไหมมาก่อนแล้วต้องการรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ได้นานขึ้น
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวเสื่อมสภาพจากแสงแดด
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะผิวหย่อนคล้อยจากฮอร์โมน
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาเหนียงและลำคอหย่อนคล้อย

 

หมายเหตุ:

ผลลัพธ์จากการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น สภาพผิว อายุ ปัญหาผิวเฉพาะบริเวณ รวมถึงการดูแลตัวเองหลังรับบริการ

เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการ แนะนำให้เข้ารับการตรวจประเมินกับแพทย์ก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง เพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม

 

การแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะกับใครบ้าง?

  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบางและแพ้ง่ายมาก
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความคาดหวังสูงเกินไป
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด เช่น ผู้ที่มี เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker)
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Autoimmune Diseases) เช่น SLE หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบ หรือโรคผิวหนังเรื้อรัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีบาดแผลเปิด รอยถลอก หรือแผลติดเชื้อ
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด หรือรับประทานยาต้านเกล็ดเลือด
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้หรือไวต่อสารบางชนิด
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสบนผิวหนัง
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุยังน้อยเกินไปและไม่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยจริง ๆ
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีแผลเป็นคีลอยด์ หรือมีแนวโน้มเกิดแผลเป็นง่าย
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล หรือมีโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบต่อมไร้ท่อ
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้องอกหรือมีก้อนผิดปกติบริเวณใบหน้า
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่โรคกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด

 

คำแนะนำ:
ก่อนเข้ารับบริการแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย แนะนำให้เข้ารับการประเมินโดยแพทย์ประจำคลินิกทุกครั้ง เพื่อให้สามารถตรวจสอบสภาพผิว สุขภาพร่างกายโดยรวม และพิจารณาปัจจัยเฉพาะบุคคลที่อาจมีผลต่อแนวทางการรักษา

 

โดยเฉพาะในกรณีที่มีโรคประจำตัว หรือข้อจำกัดด้านสุขภาพบางประการ การปรึกษาแพทย์จะช่วยให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างตรงจุด และเหมาะสมกับแต่ละบุคคลมากที่สุด

ข้อดีของการแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย
ข้อดีของการแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย

 

หน้าหย่อนคล้อยแก้ไขอย่างไร? รวมวิธีคืนความกระชับ

ข้อดีของการแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย

  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ช่วยลดความหย่อนคล้อย และทำให้โครงหน้าดูยกขึ้น
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ช่วยเติมเต็มร่องลึกและคืนความเฟิร์มให้กับผิว
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ช่วยลดเลือนริ้วรอยร่องลึก เช่น ร่องแก้ม หนังตาตก และคางสองชั้น
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ทำให้ผิวดูสดใสและเรียบเนียนกว่าเดิม
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ช่วยลดไขมันสะสมบริเวณคางสองชั้น และแนวกรามที่หย่อนคล้อย
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ช่วยยกกระชับแนวกราม ทำให้หน้าดูเรียวและสมส่วนขึ้น
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ช่วยให้ริ้วรอยลดลงโดยเฉพาะบริเวณ หน้าผาก รอบดวงตา และมุมปาก
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ช่วยให้ดูสดใสและดูอ่อนกว่าวัย ใบหน้าดูกระชับขึ้น
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น กระจ่างใส และดูมีชีวิตชีวาขึ้น
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ช่วยชะลอความเสื่อมของผิว ให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้นานขึ้น
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย แก้ปัญหาเฉพาะจุดได้ เช่น หนังตาตก คิ้วตก หรือคางสองชั้น
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย สามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้นในใช้ชีวิตประจำวัน
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ผลลัพธ์อยู่ได้นาน และสามารถทำซ้ำได้เมื่อจำเป็น

 

ข้อจำกัดของการแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย

  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ผลลัพธ์ไม่ได้ถาวร ต้องทำซ้ำเป็นระยะ
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ต้องใช้เวลารอดูผล ไม่เห็นผลทันที
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย อาจมีอาการเจ็บเล็กน้อยหรือไม่สบายตัวในบางหัตถการ
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่สามารถแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อยขั้นรุนแรงได้โดยไม่ผ่าตัด
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย อาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่สามารถหยุดกระบวนการเสื่อมของผิวได้ 100%
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยที่เกิดจากโครงกระดูกได้
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ไม่สามารถแก้ไขปัญหาผิวบาง หรือผิวที่สูญเสียไขมันมากเกินไป
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย การตอบสนองต่อการรักษาแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

 

การเตรียมตัวก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย
การเตรียมตัวก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย

 

การเตรียมตัวก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย

  • ก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อช่วยเลือกวิธีที่เหมาะกับสภาพผิวและปัญหาของคุณ
  • ก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ควรเลือกสถานพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน
  • ก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับ โรคประจำตัว ยาที่รับประทานอยู่ และประวัติแพ้ยา
  • ก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
  • ก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ควรดื่มน้ำมากขึ้นเพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
  • ก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย งดยาและอาหารเสริมบางชนิด อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
  • ก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย งดการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เป็นเวลา 5-7 วัน
  • ก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • ก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย  งดการออกกำลังกายหนัก อย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • ก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงการทำหัตถการหรือเลเซอร์
  • ก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย  หลีกเลี่ยงการสครับหน้า หรือขัดผิวแรง ๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • ก่อนแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงการอบซาวน่า หรือการอบไอน้ำ

 

การดูแลตัวเองหลังแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย

  • หลังแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย งดนวดหน้า หรือขยับใบหน้ามากเกินไป ในช่วง 1-2 สัปดาห์
  • หลังแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย งดการกด นวด หรือใช้มือลูบใบหน้าแรง ๆ เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
  • หลังแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
  • หลังแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย งดออกกำลังกายหนัก หรือทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • หลังแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงความร้อน เช่น ซาวน่า หรือแช่น้ำร้อน อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • หลังแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิว อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • หลังแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงการโดนแดดกลางแจ้ง หรือสถานที่ที่อุณหภูมิร้อนจัด 1 สัปดาห์
  • หลังแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวของผิว เช่น เท้าคาง นอนคว่ำ
  • หลังแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ควรใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 50 PA+++ เป็นประจำทุกวัน
  • หลังแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ควรใช้ยาตามแพทย์แนะนำ และติดตามผลกับแพทย์

 

ผลข้างเคียงทั่วไปจากการยกกระชับผิว แก้หน้าหย่อนคล้อย

  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย อาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกอุ่น ๆ ที่ผิว ส่วนใหญ่จะดีขึ้นภายใน 24-48 ชั่วโมง
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย อาจมีอาการบวมช้ำ หรือมีจุดแดงบนผิว สามารถลดอาการบวมได้ด้วย การประคบเย็นใน 24 ชั่วโมงแรก
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย อาจมีอาการตึง หรือรู้สึกผิวชาเล็กน้อย และจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์
  • แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย อาจรู้สึกตึงผิวหรือมีจุดกดเจ็บ อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 1-2 สัปดาห์

 

รวมคำถามที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย

 

แก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ยกกระชับด้วยเครื่องมือ กับศัลยกรรมดึงหน้า อะไรดีกว่ากัน?

  • การยกกระชับ แก้หน้าหย่อนคล้อย ด้วยเครื่องมือยกกระชับ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง และไม่ต้องการพักฟื้น ผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับเครื่องมือที่เลือกใช้ ในขณะที่ โปรแกรมศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อยระดับมาก และต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและอยู่ได้นานหลายปี ซึ่งการดึงหน้าจะต้องมีระยะเวลาพักฟื้น 2-4 สัปดาห์ และมีความเสี่ยงจากการผ่าตัด ดังนั้นการเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล

 

โปรแกรมร้อยไหมช่วยแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อยได้แค่ไหน?

  • โปรแกรมร้อยไหม สามารถช่วยให้ใบหน้าดูกระชับขึ้นได้ทันทีหลังทำ โดยไหมละลายจะช่วยพยุงผิวให้ตึงขึ้นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ผลลัพธ์ของการร้อยไหมจะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่ใช้ และการดูแลผิวของแต่ละคน ซึ่งการร้อยไหมไม่สามารถยกกระชับผิวได้ลึกเท่ากับเทคโนโลยียกกระชับ หรือโปรแกรมศัลยกรรมดึงหน้า

 

โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ช่วยให้หน้าหย่อนคล้อยดูดีขึ้นได้จริงไหม?

  • โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยให้ใบหน้าที่ดูตอบหรือมีร่องลึกกลับมาเต่งตึงขึ้นได้ โดยเฉพาะบริเวณ ร่องแก้ม ใต้ตา ขมับ และคาง ซึ่งฟิลเลอร์ไม่ได้ช่วยยกกระชับผิวโดยตรง แต่ช่วยเติมเต็มโครงสร้างใบหน้าให้ดูอิ่มฟูขึ้น หากต้องการยกกระชับจริง ๆ อาจต้องใช้เทคโนโลยียกกระชับร่วมด้วย

 

โปรแกรมการฉีดโบสามารถช่วยแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อยได้ไหม?

  • โปรแกรมการฉีดโบช่วยลดริ้วรอยและปรับกล้ามเนื้อให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้น ด้วยเทคนิค Nefertiti Lift ช่วยยกกระชับกรอบหน้าและลำคอ แต่อาจไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อยได้โดยตรง ควรใช้ร่วมกับเทคโนโลยีอื่นเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดี

 

ควรเลือกแก้หน้าหย่อนคล้อยด้วยโปรแกรม Thermage FLX หรือ โปรแกรม Ulthera Prime ดีกว่ากัน?

  • โปรแกรม Thermage FLX และ โปรแกรม Ulthera Prime มีหลักการทำงานที่แตกต่างกัน โดยโปรแกรม Thermage FLX ใช้คลื่นวิทยุ (RF) เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนและช่วยลดไขมันใต้ผิว ลงลึกถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมัน ส่วนโปรแกรม Ulthera Prime ใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ เพื่อยกกระชับผิวระดับลึกถึงชั้น SMAS การเลือกทำขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข

 

แก้หน้าหย่อนคล้อยด้วยโปรแกรม Ultraformer MPT กับ โปรแกรม Thermage FLX แตกต่างกันอย่างไร?

  • โปรแกรม Ultraformer MPT และ โปรแกรม Thermage FLX เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับผิว แต่มีหลักการทำงานแตกต่างกัน โปรแกรม Ultraformer MPT ใช้พลังงาน Micro&Macro Focused Ultrasound ที่ช่วยยกกระชับใบหน้าโดยส่งพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS ขณะที่ โปรแกรม Thermage FLX ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (RF) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดไขมันใต้ผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณคางหรือแก้ม หากต้องการยกกระชับใบหน้าและลดไขมัน โปรแกรม Thermage FLX จะเหมาะกว่า แต่หากต้องการกระชับผิวชั้นลึก แก้หน้าหย่อนคล้อย โปรแกรม Ultraformer MPT จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

 

โปรแกรม EMFACE ช่วยแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อยได้อย่างไร?

  • โปรแกรม EMFACE เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ HIFES™ (High-Intensity Focused Electrical Stimulation) ร่วมกับ RF (Radiofrequency) เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อและสร้างคอลลาเจนโดยไม่ต้องใช้เข็มหรือพลังงานที่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด สามารถช่วยยกกระชับใบหน้า แก้หน้าหย่อนคล้อย ลดริ้วรอย และปรับโครงหน้าด้วยการกระตุ้นกล้ามเนื้อที่รองรับผิว

 

ผลลัพธ์ของการแก้หน้าหย่อนคล้อย แต่ละหัตถการอยู่ได้นานแค่ไหน?

  • โปรแกรม Thermage FLX, โปรแกรม Ulthera Prime, โปรแกรม Ultraformer MPT ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-24 เดือน
  • โปรแกรม Morpheus8 ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน
  • โปรแกรมร้อยไหม ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่ใช้
  • โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของโปรแกรมฟิลเลอร์
  • โปรแกรมฉีดโบ ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 3-8 เดือน
  • โปรแกรมศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift) สามารถอยู่ได้นาน 5-10 ปี

 

ทำหัตถการยกกระชับแล้วปัญหาหน้าหย่อนคล้อยจะกลับมาอีกไหม?

  • ปัญหาหน้าหย่อนคล้อยสามารถกลับมาหย่อนคล้อยอีกตามธรรมชาติ เนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้นทำให้คอลลาเจนลดลง แม้ว่าการทำหัตถการจะช่วยยกกระชับผิว แต่กระบวนการชราของผิวก็ยังคงดำเนินต่อไป หากต้องการรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นาน ควรเข้ารับการดูแลซ้ำตามระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ

 

หากไม่พอใจกับผลลัพธ์การแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย สามารถแก้ไขได้ไหม?

  • สามารถแก้ไขได้หากไม่พอใจกับผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ขึ้นอยู่กับประเภทของหัตถการ เช่น การฉีดสลายฟิลเลอร์ การปรับแก้ร้อยไหม หรือรอให้โปรแกรมโบสลายไปเอง สำหรับการศัลยกรรมดึงหน้า อาจจะต้องรอ 6-12 เดือนก่อนทำการแก้ไข

 

สรุปเรื่องของปัญหาหน้าหย่อนคล้อย เป็นสิ่งที่หลายคนต้องเผชิญเมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเสื่อมของคอลลาเจน พฤติกรรมทำร้ายผิว และไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีหลายวิธีที่สามารถช่วยแก้ไขและคืนความกระชับให้กับผิวหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็น การดูแลผิวด้วยตนเอง การใช้เทคโนโลยียกกระชับ หัตถการทางการแพทย์ ไปจนถึงศัลยกรรมดึงหน้า ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและระยะเวลาการเห็นผลที่แตกต่างกัน

 

สำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด โปรแกรมยกกระชับด้วยเทคโนโลยี เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม เนื่องจากช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและทำให้ผิวกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ โปรแกรมการร้อยไหม โปรแกรมการฉีดฟิลเลอร์ หรือโปรแกรมการฉีดโบ ยังสามารถช่วยเสริมสร้างความเต่งตึงและปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ ส่วนโปรแกรมศัลยกรรมดึงหน้า เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว และมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก

 

สุดท้ายนี้ การเลือกวิธีแก้ไขปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ควรพิจารณาให้เหมาะสมกับสภาพผิว อายุ และความต้องการของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และคุ้มค่า เพราะผิวหน้าที่กระชับเต่งตึง ไม่เพียงช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ และทำให้คุณดูดีในแบบที่เป็นตัวเอง

รมย์รวินท์คลินิก ทุ่มงบไตรมาส 4 รันวงการนางงามในการประกวด “MISS GRAND นครพนม”

มีสแกรนด์นครพนม

ทุ่มงบไตรมาส 4 รันวงการนางงาม “MISS GRAND นครพนม 2025

รมย์รวินท์คลินิก ร่วมเป็นผู้สนับสนุนหลักด้านความงามให้กับเวที “มีสแกรนด์นครพนม 2025”  เพื่อให้ผู้เข้าประกวดมีความงามและความมั่นใจไปพร้อมกัน ไม่เพียงเท่านั้น รมย์รวินท์คลินิกยังสนับสนุนการให้บริการในด้านความงามให้กับผู้เข้าประกวดรอบสุดท้ายทุกท่าน ให้ได้แก้ปัญหาที่กังวลเตรียมพร้อมสำหรับเฉิดฉายอย่างเต็มทีในการประกวดรอบตัดสิน

รมย์รวินท์คลินิกรันวงการนางงามในไตรมาส 4  ด้วยการทุ่มงบเข้าร่วมเป็นผู้สนับสนุน พร้อมกับเป็นผู้ดูแลให้บริการด้านความงามให้กับผู้เข้าประกวดในรอบสุดท้ายของเวทีมีสแกรนด์นครพนม 2025 ที่จัดขึ้นในแนวคิด “A WINNER IS A DREAMER WHO NEVER GIVES UP” ที่สนับสนุนให้ผู้หญิงมีความฝัน และไม่ยอมแพ้ ไม่ย่อท้อต่อความฝัน เพื่อไปแข่งขันในเวทีใหญ่อย่าง มีสแกรนด์ ไทยแลนด์

มีสแกรนด์นครพนม
ผู้เข้าประกวด 12 คนสุดท้าย มีสแกรนด์นครพนม

โดยในระหว่างการเก็บตัวเพื่อเตรียมตัวเข้าแข่งขันในรอบสุดท้าย คือรอบชุดราตรี และชุดการแสดง รมย์รวินท์คลินิกได้ให้บริการด้านความงามของผู้เข้าประกวดทั้ง 12 ท่าน ด้านการเข้ามาดูแลตัวเอง ในส่วนที่มีความบกพร่อง หรือไม่มั่นใจ เพื่อเพิ่มความมั่นใจอย่างเต็มที่ก่อนการแข่งขันรอบตัดสิน โดยโปรแกรมที่ให้การสนับสนุนนั้น เกี่ยวกับการดูแลผิว รูปหน้า รูปร่าง การปรับรูปหน้า เติมเต็ม และการกำจัดขน เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขันสวยทั่วเรือนร่าง และเพิ่มความมั่นใจอย่างมากที่สุด 

สามารถชมและเป็นกำลังใจให้กับสาวงามทั้ง 12 ท่าน ประกวดรอบไฟนอลมิสแกรนด์ นครพนม 2025 ได้ในวันที่ 25 กันยายน 2025 ณ. คอนเวนชันฮอลล์ ช้ัน 5 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ  หรือ Youtube ช่อง Grand TV  

MISS GRAND
ผู้เข้าประกวด 12 คนสุดท้าย มีสแกรนด์นครพนม

เนื่องจากระหว่างการประกวดผู้เข้าประกวดจะต้องมีทั้งการแสดงความสามารถ การแต่งตัวในรูปแบบต่างๆเพื่ออวดเรือนร่างที่สวยงาม สมส่วนในแบบของตัวเอง ทั้งยังต้องมีการเก็บตัวร่วมกันในกองประกวด  ทำงานผู้เข้าแข่งขันไม่สามารถดูแลตัวเองในการพัฒนาด้านความสวยได้อย่างเต็มที่ รมย์รวินท์คลินิก จึงเป็นหนึ่งตัวช่วยที่ต้องการผลักดัน ให้ผู้เข้าประกวดทุกท่านได้สวยในแบบที่ใจต้องการ ทำให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆกับกองประกวดได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวล

มีสแกรนด์นครพนม
ผู้เข้าประกวด 12 คนสุดท้าย มีสแกรนด์นครพนม

เวทีมิสแกรนด์นครพนมเป็นเวทีที่มีภาพลักษณ์และการจดจำของเวทีที่ดี และยังเป็นเวทีที่ให้การสนับสนุนภาคส่วนต่างๆในสังคมได้เป็นอย่างดี ซึ่งมีความสอดคล้องกันกับรมย์รวินท์คลินิก ที่เป็นคลินิกเสริมความงามที่ยืนหยัดในวงการความงามมานานกว่า 21 ปี มีภาพลักษณ์ที่ดี  และยังสนับสนุนสิ่งต่างๆที่ต่อยอดการทำความดีต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง 

รมย์รวินท์คลินิกมีแนวคิดว่าไม่ว่าจะเป็นใคร มีเพศสภาพแบบไหน ก็สามารถมีความสวย ความงามในรูปแบบของตัวเองได้ โดยก้าวผ่านความงามในแบบฉบับของคนอื่นที่ถูกตีกรอบให้ได้ แต่ให้เป็นคุณในเวอร์ชันที่ดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว ซึ่งเราสามารถเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุดได้จากการดูแลตัวเอง ตั้งแต่เรื่องพื้นฐาน ไปจนถึงการดูแลตัวเองโดยเข้าคลินิกความงาม เพื่อให้ดูแลได้อย่างทั่วถึงและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

มีสแกรนด์นครพนม
ผู้เข้าประกวด 12 คนสุดท้าย มีสแกรนด์นครพนม

สำหรับใครที่มีความต้องการจะดูแลตัวเองด้วยโปรแกรมต่างๆตามที่ผู้เข้าประกวดรอบสุดท้ายของเวที มีสแกรนด์นครพนม 2025 เพื่อต้องการเป็นตัวเองในรูปแบบที่ดีที่สุด สามารถเข้ามาสอบถามได้ที่รมย์รวินท์คลินิกทุกสาขา เรามีผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและดูแล เพื่อให้โปรแกรมต่างๆสามารถปรับให้เข้ากับความเป็นคุณได้อย่างเต็มที่เพื่อให้เป็นคุณในเวอร์ชันที่ดีที่สุด

Emface Submentum ลดเหนียง คางสองชั้น

Emface submentum

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




    วันที่สะดวกในการติดต่อ








    ปัญหาผิวหย่อนคล้อยและคางสองชั้นเป็นเรื่องที่หลายคนกังวล ซึ่งการลดไขมันเหนียงด้วยตัวเองหรือการค้นหาคลินิกที่ให้บริการยกกระชับผิวแบบธรรมชาติเป็นสิ่งที่น่าสนใจ หนึ่งในเทคนิคที่กำลังมาแรงคือ Emface submentum ที่ช่วยยกกระชับและลดไขมันเหนียง คางสองชั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่สงสัยว่า Emface submentum คืออะไร และที่ไหนดีในการรับบริการ บทความนี้มีคำตอบ

    Emface Submentum คืออะไร?

    Emface Submentum เป็นเทคนิคใหม่ที่ใช้พลังงานเพื่อยกกระชับและลดไขมันบริเวณคางและเหนียง โดยไม่ต้องผ่าตัด เทคนิคนี้ได้รับความนิยมเนื่องจากมีประสิทธิภาพในการกระชับผิวและลดไขมันพร้อมกัน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าหรือแก้ไขปัญหาคางสองชั้นโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูง

    ขั้นตอนการเข้ารับบริการ Emface Submentum เป็นอย่างไร?

    Emface Submentum เป็นโปรแกรมที่ใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆ อย่างเช่น คลื่นวิทยุ (Radiofrequency), อัลตราซาวด์ (Ultrasound), หรือเลเซอร์ (Laser) เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและยกกระชับชั้นผิว SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ลึก นอกจากนี้ยังช่วยลดไขมันบริเวณใต้คาง ซึ่งกระบวนการทำงานของเทคนิคนี้สามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนได้ดังต่อไปนี้

      1. การปรึกษาและประเมินสภาพผิวก่อนเริ่มการรักษา แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวและโครงสร้างใบหน้าของคนไข้ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ในขั้นตอนนี้ แพทย์จะพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความหย่อนคล้อยของผิว ปริมาณไขมันใต้คาง และสุขภาพทั่วไปของคนไข้
      2. การเตรียมผิวและการทายาชาก่อนการรักษา บริเวณที่ทำการรักษาจะถูกทำความสะอาดและเตรียมพร้อม อาจมีการทายาชาเฉพาะที่เพื่อช่วยลดความรู้สึกไม่สบายในระหว่างการรักษา
    Emface submentum
    • เริ่มทำหัตถการ โดยการใช้พลังงานในการยกกระชับและลดไขมัน
      • การลดไขมันต้องโปรแกรม RF เป็นการใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency) คลื่นวิทยุจะถูกส่งผ่านเข้าสู่ชั้นผิวลึกถึงระดับ SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ทำให้เกิดความร้อนในชั้นผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ การทำงานของคลื่นวิทยุนี้ช่วยยกกระชับชั้นผิวและลดไขมันใต้คางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • การดูแลหลังการรักษาหลังจากการรักษา คนไข้สามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ทันที แต่อาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงในบริเวณที่ทำการรักษาซึ่งจะหายไปในไม่กี่วัน ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาลดปวดหรือยาลดบวมเพื่อช่วยบรรเทาอาการ
    • การติดตามผลและการรักษาซ้ำ (ถ้าจำเป็น)แพทย์จะนัดติดตามผลการรักษาเพื่อประเมินความเปลี่ยนแปลงและให้คำแนะนำเพิ่มเติม ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องทำการรักษาซ้ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยผลลัพธ์ที่ได้จะค่อยๆ เห็นได้ชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังการรักษา


    ข้อดีของ Emface Submentum

    • ไม่ต้องผ่าตัดEmface Submentum ไม่ต้องผ่านกระบวนการผ่าตัด ทำให้ไม่มีแผลเป็นและไม่มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด
    • ไม่มีระยะเวลาพักฟื้นนาน หลังการรักษา คนไข้สามารถกลับไปทำกิจกรรมตามปกติได้ทันที โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน
    • ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและยาวนานผลลัพธ์ของการรักษาสามารถเห็นได้เร็ว และผิวดูเต่งตึงขึ้นในทันทีหลังทำ และสามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือน
    • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่พลังงานที่ใช้ในการรักษาจะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับและดูอ่อนเยาว์ขึ้น

    ข้อควรระวังและผลข้างเคียงของ Emface Submentum

    แม้ว่า Emface Submentum จะเป็นเทคนิคที่มีความปลอดภัยสูง แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยที่คนไข้ควรทราบ

    • อาการบวมและแดงหลังการรักษา อาจมีอาการบวมและแดงในบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งจะหายไปในไม่กี่วัน
    • ความรู้สึกตึงหรือไม่สบายในบางกรณี คนไข้อาจรู้สึกตึงหรือไม่สบายในบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งสามารถใช้ยาลดปวดเพื่อลดอาการได้
    • ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญการทำ Emface Submentum
      ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และความรู้เฉพาะทางเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงจากการรักษา

    กระบวนการทำงานของ Emface Submentum เป็นการใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆ เช่น คลื่นวิทยุหรืออัลตราซาวด์
    เพื่อยกกระชับและลดไขมันใต้คาง โดยไม่ต้องผ่าตัด
    เทคนิคนี้ช่วยให้ผิวบริเวณคางและเหนียงดูกระชับและเต่งตึงขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้
    ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและรับคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ

    Emface submentum

    ชั้น SMAS คืออะไร?

    ชั้น SMAS หรือ Superficial Musculoaponeurotic System เป็นชั้นของเนื้อเยื่อที่มีความสำคัญต่อโครงสร้างของใบหน้าและการคงรูปร่างของผิว ชั้นนี้ประกอบไปด้วยเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและกล้ามเนื้อที่เชื่อมต่อกัน ทำหน้าที่ในการรองรับและยกกระชับผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและลำคอ

    ตำแหน่งและโครงสร้างของชั้น SMAS

    ชั้น SMAS อยู่ระหว่างชั้นไขมันใต้ผิวหนังและชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า เป็นชั้นที่มีความหนาและยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถรองรับและคงรูปใบหน้าได้อย่างดี ชั้นนี้เริ่มจากบริเวณขมับและยาวลงมาถึงลำคอ เชื่อมโยงกับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่ออื่น ๆ ที่อยู่รอบๆ

    Emface submentum

    บทบาทและหน้าที่ของชั้น SMAS มีอะไรบ้าง

    1. การรองรับและยกกระชับผิวชั้น SMAS ทำหน้าที่เหมือนกับ “แผ่นรอง” ที่ช่วยยกกระชับผิวและเนื้อเยื่อที่อยู่เหนือมัน ทำให้ใบหน้าดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์
    2. การเคลื่อนไหวของใบหน้ากล้ามเนื้อในชั้น SMAS ช่วยในการเคลื่อนไหวของใบหน้า เช่น การยิ้ม หัวเราะ หรือแสดงอารมณ์ต่าง ๆ
    3. การกระจายแรงและแรงกดดันชั้น SMAS ช่วยในการกระจายแรงและแรงกดดันที่เกิดขึ้นบนใบหน้า ทำให้ผิวไม่ยุบหรือเสียรูปทรง

    เมื่ออายุมากขึ้น ชั้น SMAS มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

    เมื่ออายุมากขึ้น ชั้น SMAS จะเริ่มเสื่อมสภาพและหย่อนคล้อย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย การเสื่อมสภาพของชั้น SMAS มีผลกระทบต่อความยืดหยุ่นและความกระชับของผิว ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและมีอายุมากขึ้น

    เทคนิคการยกกระชับชั้น SMAS มีอะไรบ้าง

    การยกกระชับชั้น SMAS เป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมในการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า เทคนิคเหล่านี้มักใช้ในวงการศัลยกรรมความงามและการรักษาผิวพรรณ

    1. การผ่าตัดยกกระชับใบหน้าแบบดั้งเดิม (Facelift)เป็นการผ่าตัดที่ยกกระชับชั้น SMAS โดยตรง ทำให้ใบหน้าดูกระชับและอ่อนเยาว์ขึ้น การผ่าตัดนี้ต้องทำโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีระยะเวลาพักฟื้นนาน
    2. Ulthera SPT เป็นการใช้พลังงานอัลตราซาวด์Ulthera SPT ใช้พลังงานอัลตราซาวด์เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและยกกระชับชั้น SMAS โดยไม่ต้องผ่าตัด วิธีนี้มีความปลอดภัยสูงและไม่มีแผลเป็น
    3. RF เป็นการใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency)RF เป็นการใช้คลื่นวิทยุช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้น SMAS ทำให้ผิวดูกระชับและอ่อนเยาว์ วิธีนี้สามารถทำได้โดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีแผลเป็น
    4. Emface SubmentumEmface Submentum เป็นเทคนิคที่ใช้พลังงานเพื่อลดไขมันใต้คางและยกกระชับชั้น SMAS พร้อมกัน ทำให้ใบหน้าดูเรียวและได้รูปมากขึ้น

    ข้อดีและข้อควรระวังในการยกกระชับในชั้น SMAS

    ข้อดีของการยกกระชับในชั้น SMAS

    • การยกกระชับชั้น SMAS ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า ทำให้ผิวดูเต่งตึงและกระชับ
    • เทคนิคที่ไม่ต้องผ่าตัดมีความปลอดภัยสูงและไม่มีแผลเป็น
    • ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานและดูเป็นธรรมชาติ

    ข้อควรระวังของการยกกระชับในชั้น SMAS

    • การผ่าตัดยกกระชับชั้น SMAS ต้องทำโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน
    • เทคนิคที่ไม่ต้องผ่าตัด เช่น Ulthera SPT หรือคลื่นวิทยุ อาจต้องทำซ้ำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
    • หลังการรักษา อาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงในบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งจะหายไปในไม่กี่วัน

    ชั้น SMAS เป็นชั้นสำคัญที่ช่วยรองรับและยกกระชับผิวใบหน้า การเสื่อมสภาพของชั้นนี้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอย การยกกระชับชั้น SMAS ผ่านเทคนิคต่างๆ เช่น การผ่าตัด, Ulthera SPT, คลื่นวิทยุ และ Emface Submentum สามารถช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    Emface submentum

    ปัญหาผิวแบบไหน ที่ต้องรักษาด้วย Emface submentum

    การทำ Emface submentum เป็นวิธีการยกกระชับและลดไขมันบริเวณคางและเหนียงที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวและลักษณะดังต่อไปนี้

    1. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ผิวหย่อนคล้อยและมีริ้วรอยเมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความกระชับเนื่องจากการลดลงของคอลลาเจนและอีลาสตินในผิว ทำให้เกิดริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย การทำ Emface submentum จะช่วยยกกระชับชั้นผิวและกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวกลับมาดูเต่งตึงและอ่อนเยาว์ขึ้น
    2. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ไขมันสะสมบริเวณใต้คางการสะสมของไขมันบริเวณใต้คางหรือเหนียงเป็นปัญหาที่หลายคนพบเจอ ซึ่งมักเกิดจากพันธุกรรม น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น หรือการเสื่อมสภาพของผิวหนัง การทำ Emface submentum จะช่วยลดไขมันใต้คาง ทำให้คางเรียวและใบหน้าดูได้สัดส่วนมากขึ้น
    3. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ คางสองชั้น (Double Chin)คางสองชั้นหรือ Double Chin เป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ซึ่งเกิดจากการสะสมของไขมันและความหย่อนคล้อยของผิว การทำ Emface submentum สามารถลดคางสองชั้นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้คางและใบหน้าดูเรียวและกระชับขึ้น
    4. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ผู้ที่ไม่ต้องการการผ่าตัดสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวและลดไขมันใต้คาง แต่ไม่ต้องการการผ่าตัด การทำ Emface submentum เป็นทางเลือกที่ดี เพราะวิธีนี้ไม่ต้องมีการผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น และมีระยะเวลาพักฟื้นที่สั้น
    5. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ผู้ที่มีปัญหาผิวจากการสูญเสียคอลลาเจนเมื่อผิวสูญเสียคอลลาเจนจะทำให้ผิวบางลงและขาดความกระชับ การทำ Emface submentum จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงและกระชับขึ้น
    6. Emface submentum เหมาะสำหรับคนที่ ปัญหาผิวจากการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวอาจทำให้เกิดความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณคางและลำคอ การทำ Emface submentum เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไขมันสะสมใต้คาง หรือคางสองชั้น ซึ่งการรักษานี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดไขมันและยกกระชับผิว แต่ยังช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวกลับมาอ่อนเยาว์และกระชับยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและรับคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ

    Emface Submentum VS เทคนิคลดเหนียง ไขมันใต้คาง แบบอื่น ต่างกันอย่างไร

    การลดเหนียงและไขมันใต้คางเป็นสิ่งที่หลายคนสนใจและมีเทคนิคหลากหลายที่สามารถเลือกใช้ได้
    แต่ละเทคนิคมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนี้:

    1. ลดไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วย Emface Submentum

    Emface submentum เป็นเทคนิคที่ใช้พลังงานเพื่อยกกระชับผิวและลดไขมันใต้คาง โดยไม่ต้องผ่าตัด

    • Emface Submentumมี ข้อดี
      • ไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ไม่มีแผลเป็นและไม่ต้องพักฟื้นนาน
      • ผลลัพธ์เห็นได้เร็ว และผิวดูเต่งตึงขึ้นในทันทีหลังทำ
      • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
    • Emface Submentumมี ข้อเสีย
      • อาจมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกตึงในบริเวณที่ทำการรักษา
        แต่จะหายไปในไม่กี่วัน
      • ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    2. ลดไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วย Ulthera SPT

    Ulthera
    SPTใช้พลังงานอัลตราซาวด์เพื่อยกกระชับชั้นผิวลึกถึงระดับ SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System)

    • Ulthera SPT มีข้อดี
      • ใช้พลังงานที่มีความแม่นยำสูงในการยกกระชับผิวในชั้นลึก
      • ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี
      • ไม่มีแผลเป็นและไม่ต้องพักฟื้น
    • Ulthera SPT มีข้อเสีย
      • อาจมีความรู้สึกไม่สบายในระหว่างการทำ เช่น
        ความรู้สึกอุ่นหรือเจ็บเล็กน้อย
      • ผลลัพธ์ต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนเพื่อเห็นผลชัดเจน

    3. ลดไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วยการดูดไขมันใต้คาง (Liposuction)

    การดูดไขมันใต้คางเป็นการผ่าตัดเพื่อนำไขมันออกจากบริเวณใต้คาง

    • การดูดไขมันใต้คางมี ข้อดี
      • ผลลัพธ์ถาวรและลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
      • ทำให้คางและใบหน้าดูเรียวและได้รูปมากขึ้น
    • การดูดไขมันใต้คางมี ข้อเสีย:
      • ต้องผ่าตัดและมีระยะเวลาพักฟื้น
      • อาจเกิดแผลเป็นและมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

    4. ลดไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วย RF (Radiofrequency)

    การใช้คลื่นวิทยุเพื่อกระชับผิวและลดไขมันใต้คาง โดยการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในชั้นผิว

    • RF (Radiofrequency)มี ข้อดี
      • ไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีแผลเป็น
      • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวกระชับและดูอ่อนเยาว์ขึ้น
    • RF (Radiofrequency)มี ข้อเสีย
      • ต้องทำหลายครั้งเพื่อให้เห็นผลชัดเจน
      • ผลลัพธ์อาจไม่นานเท่าวิธีการผ่าตัด

    5. ลดไขมัน ลดเหนียง ลดคางสองชั้น ด้วยเลเซอร์ (Laser Lipolysis)

    เลเซอร์ Lipolysis ใช้เลเซอร์ในการลดไขมันใต้คางและกระชับผิว

    • เลเซอร์มี ข้อดี
      • ไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีแผลเป็น
      • ผลลัพธ์เห็นได้ชัดและรวดเร็ว
    • เลเซอร์มี ข้อเสีย
      • อาจต้องทำหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
      • อาจมีอาการบวมและแดงหลังทำ

    การลดเหนียงและไขมันใต้คางมีหลายเทคนิคให้เลือกใช้ ขึ้นอยู่กับความต้องการและความเหมาะสมของแต่ละบุคคล การยกกระชับและลดไขมันเหนียงด้วย Emface submentum เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยและไขมันใต้คาง โดยการเลือกเทคนิคที่เหมาะสมและคลินิกที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญในการได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    หากคุณกำลังมองหาวิธีลดไขมันเหนียง คางสองชั้น และต้องการยกกระชับชั้นกล้ามเนื้อแบบธรรมชาติ Emface submentum ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้ ที่รมย์รวินท์คลินิกนับว่าเป็นสถาบันความงานชั้นอันดับต้นๆ ของประเทศ มีบริการ Emface submentum ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ควบคู่ไปกับความปลอดภัยของคุณ

    ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ




      วันที่สะดวกในการติดต่อ








      หมอออยเป็นวิทยากรให้กับ MASJ Treatment Program ในหัวข้อ Flawless angle

      MASJ Treatment Program

       

      S 18087985

      แพทย์วิทยากรที่มีประสบการณ์ระดับสูงทางด้านการฉีดปรับรูปหน้า

      แพทย์หญิงอรุณี ทองอัครนิโรจน์ (หมอออย) จาก รมย์รวินท์ คลินิก ได้รับเกียรติจาก บริษัท เมิร์ซ เอสเธติกส์ ไทยแลนด์ จำกัด (Merz Aesthetics Thailand) เป็นวิทยากรให้กับ MASJ Treatment Program ในหัวข้อ Flawless angle จะรักษากรอบหน้าอย่างไรให้หน้าคมสวยไร้เหนียงกังวลใจ เมื่อเร็วๆ นี้

       

      S 3383439

      ภาพงาน Cool Caravan ซึ่งรอบนี้จัดขึ้นที่ เซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต โดยทีม Fat Freezing specialist ให้คำปรึกษาและดูแลลูกค้าทุกท่านอย่างใกล้ชิด บรรยากาศสุดอบอุ่นและประทับใจ

      cool caravan westgate ๑๙๐๘๐๖ 0011

      รวมภาพบรรยากาศ กิจกรรม คูล คาราวาน ที่ CentralPlaza Rama 2 ชั้น 2

      DSC 3661

      ขบวน Cool Caravan เดินสายถึงคิว CentralPlaza Rama2 ครั้งนี้รมย์รวินท์แจกโปรฉ่ำๆรับหน้าฝน ทั้งโปรแกรมดูแลรูปร่าง และผิวพรรณ ซึ่งลดสูงสุดถึง 70 % งานนี้ลูกค้าแฮปปี้กันสุดๆเลยค่ะ เราเก็บภาพบรรยากาศมาให้ชมกันค่ะ

      งาน Masala Wedding Fair 2019 งาน Wedding Fair ไทย-อินเดีย ที่ใหญ่ที่สุด จัดขึ้นวันที่ 8-9 มิ.ย.2019 ที่ โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค (Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park)

      o41870b11a81eab5f6733e48c49b1e8e3 25785085 190613 0012

      รมย์รวินท์คลินิกได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงาน อีกทั้งยังได้รับเกียรติจาก เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย H.E. Mrs. Suchitra Durai, Ambassador of India to Thailand เข้าเยี่ยมชมบูธของเรา นอกจากนี้ยังมีว่าที่เจ้าบ่าว ว่าที่เจ้าสาว ให้ความสนใจบริการจากรมย์รวินท์คลินิกเป็นจำนวนมาก

      รมย์รวินท์คลินิก เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ กับสาขาที่ 25 เซ็นทรัลพลาซา อุดรธานี

      o41870b11a81eab5f6733e48c49b1e8e3 25377734 190525 0007

      รมย์รวินท์คลินิก เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ กับสาขาที่ 25  เซ็นทรัลพลาซา อุดรธานี วันที่ 27-28 เมษายน 2562 โดยมีมินิคอนเสิร์ตเอาใจชาวอุดรและชาว สปป.ลาว  จากสองนักร้องหนุ่มสุดฮอต โตโน่ ภาคิน และ ริท เรืองฤทธิ์ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงาน Grand Opening พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบ Exclusive มากมายภายในงาน ลานกิจกรรมชั้น1 หน้าโรบินสัน งานนี้ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่น

      ขบวน “Cool Caravan” จากรมย์รวินท์ คลินิก เดินสายไปมอบโปรโมชั่นดีๆให้ลูกค้าทั่วประเทศ

      o41870b11a81eab5f6733e48c49b1e8e3 25377750 190525 0004

      ขบวน “Cool Caravan” จากรมย์รวินท์ คลินิก เดินสายไปมอบโปรโมชั่นดีๆให้ลูกค้าทั่วประเทศ คราวนี้ถึงคิว”ศูนย์การค้าจังซีลอน” โดยงานมีในวันที่ 18-19 พ.ค 62 งานนี้นำทั้งเกมส์สนุกๆ การแสดงดีๆ ทั้งคาบาเร่ต์โชว์ และ เพลงสากลสไตล์ acoustic และปิดท้ายด้วยโปรเย็นๆช่วยดับร้อนกันถ้วนหน้า

      งานประกาศรางวัลคุณภาพ “คม ชัด ลึก อวอร์ด ครั้งที่ 15” ปี 2019

      รูปลงเวบไซต์ 190329 0004

      ในงานประกาศรางวัลคุณภาพ “คม ชัด ลึก อวอร์ด ครั้งที่ 15” ปี 2019 รมย์รวินท์ คลินิก ขอร่วมแสดงความยินดีกับ คนบันเทิงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังที่ได้รับรางวัล ประเภท เพลงไทยสากล ภาพยนตร์ ละคร และป๊อปปูลาร์โหวต ที่มีผลงานโดดเด่น และมีคุณภาพตลอดปี 2561 โดยผู้บริหารรมย์รวินท์คลินิก คุณขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคินได้มอบรางวัลและร่วมแสดงความยินดีกับ “คุณเป็ก ผลิตโชค” เจ้าของรางวัลเพลงสากลยอดนิยม

      รูปลงเวบไซต์ 190329 0001

      นอกจากนี้”คุณเบลล่า ราณี แคมเปน” ยังนำทัพนักแสดงช่อง 3 เข้ารับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม

      รูปลงเวบไซต์ 190329 0002

      รมย์รวินท์จึงขอยืนยันที่จะยืนเคียงข้างและเป็นเบื้องหลังความมั่นใจของคนบันเทิงต่อไปค่ะ

      รมย์รวินท์คลินิก ได้รับรางวัล ICONIC ULTHERAPY TREATMENT จากนิตยสาร แพรว

      แพรว 960x960 e1561261739120

      เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561 นิตยสารแพรวจัดงานมอบรางวัลด้านความงาม PRAEW ICONIC BEAUTY 2018 ภายใต้คอนเซ็ปท์ ‘THE SECRET WEAPON’ ณ สยามพารากอน ชั้น 1

      รมย์รวินท์คลินิกได้รับรางวัล ICONIC ULTHERAPY TREATMENT ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรางวัลแห่งความสำเร็จของรมย์รวินท์คลินิกที่ผ่านการคัดสรรจากคณะกรรมการและกูรูความงามที่มีชื่อเสียงของเมืองไทยว่า รมย์รวินท์คลินิกมีอาวุธลับทางความงามที่ทรงอานุภาพและเป็นผู้นำทางด้านความงาม

      ข้อมูลเพิ่มเติมโทร 080-153-9000 / 080-154-9000

      Line: @romrawinclinic 

      Inbox: @RomrawinClinic 

      รมย์รวินท์คลินิก คว้ารางวัล EDITOR’S CHOICE 2018 จาก นิตยสาร HELLO!

      43119644 1786441391404576 9192371860560412672 n 768x768 1

      ผิวสุขภาพดีคือผิวที่มีความเนียนสว่างกระจ่างใสไร้จุดด่างดำ ดังนั้นความสม่ำเสมอของสีผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ซึ่งการกำจัดจุดด่างดำ ฝ้า กระ ไม่สามารถทำได้โดยการใช้สกินแคร์เพียงอย่างเดียวค่ะ ต้องอาศัยนวัตกรรมทางการแพทย์เข้าช่วย และนวัตกรรมใหม่ล่าสุด “NU  PICO”จากรมย์รวินท์ ได้คว้ารางวัล EDITOR’S CHOICE: The Must-Try Skin Brightening Treatment จากแคมเปญ HELLO! Beauty Awards 2018: Celebrities’ Choice โดย นิตยสาร HELLO!  ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรางวัลที่ยืนยันความสำเร็จของ รมย์รวินท์คลินิก

      ข้อมูลเพิ่มเติมโทร 080-153-9000 / 080-154-9000

      Line: @romrawinclinic 

      Inbox: @RomrawinClinic 

       

      งาน Cool Caravan ที่ห้างเซนทรัลภูเก็ต ฟลอเรสต้า

      รีทัช คาราวานภูเก็ต ๑๙๐๑๒๓ 0004

      เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่กับงานคูลคาราวาน ที่ห้างเซนทรัลภูเก็ต ฟลอเรสต้าเป็นที่แรก ขบวนคูลคาราวานพร้อมเดินสายไปแนะนำโปรแกรม Fat Freezing ทั่วประเทศไทยตลอดปี 2019 เพื่อให้ทุกท่านได้มีหุ่นกระชับ มั่นใจ ไร้ส่วนเกิน

      รมย์รวินท์คลินิก รับรางวัล OK! Beauty Choice 2018

      42527246 1776474115734637 6611131695741534208 n

      ตลอดระยะเวลา 14 ปี  รมย์รวินท์คลินิกคือ ผู้นำทางด้านนวัตกรรมเพื่อผิวพรรณ  โดยปีนี้เป็น ปีที่ 3  ที่รมย์รวินท์คลินิกได้รับรางวัล จากนิตยสาร OK!  ล่าสุด รมย์รวินท์คลินิกคว้ารางวัล OK! Beauty Choice 2018 ถึง 2 สาขา ได้แก่

      1. Beauty Clinic for Glowing Skin 2018
      2. Romrawin Swiss Glacier Mineral Mist ได้รับรางวัล Best Hydrating Facial Mist

      เพราะรมย์รวินท์คลินิกไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนา จึงทำให้รมย์รวินท์คลินิกอยู่ในใจของคนไทยมายาวนานกว่าศตวรรษด้วยเทคโยโลยีเพื่อผิวพรรณที่เหนือระดับ และทันสมัยที่สุด

      ข้อมูลเพิ่มเติมโทร 080-153-9000 / 080-154-9000

      Line: @romrawinclinic 

      Inbox: @RomrawinClinic 

      งานเปิดตัวแคมเปญ “BEAUTY 360 at Romrawin”

      41366276 1756274237754625 2614716634572521472 n

      เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน 2561 ณ แฟชั่น ฮอลล์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

      รมย์รวินท์ คลินิก” สถาบันดูแลสุขภาพผิวพรรณและความงามชั้นนำของไทยที่ได้มาตรฐานสากล ภายใต้การดำเนินงานของสองผู้บริหาร คุณขวัญฤทัย ดำรงค์วัฒนโภคิน กรรมการผู้จัดการบริษัท และ พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล แพทย์ผู้อำนวยการ จัดงานเปิดตัวแคมเปญ “BEAUTY 360 at Romrawin”  เสิร์ฟความงามทุกด้านให้สาวๆ ได้สวย ครบ  ภายในงานพบกับนางเอกสาวสวย “เบลล่า-ราณี แคมเปน” แอมบาสเดอร์ รมย์รวิน คลินิก พร้อมด้วยพระเอกหนุ่ม “ป้อง – ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์” และ “นาตาลี – ปณาลี วรุณวงศ์” ที่จะมาแชร์เคล็บลับประสบการณ์ การดูแลตัวเองให้สวย หล่อ และหุ่นแซ่บ สไตล์ซุปเปอร์สตาร์ กับ นวัตกรรมความงามใหม่ล่าสุด NU PICO by Enlighten นวัตกรรม ความงามเลเซอร์ระบบใหม่ช่วยรักษา กระ ฝ้า จุดด่างดำ พร้อมช่วยกระชับรูขุมขน ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน และช่วยลดริ้วรอย, FAT FREEZING by Cool Sculpting เทคโนโลยีลดไขมันเฉพาะจุดด้วยความเย็นจุดเยือกแข็ง นวัตกรรมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University), Therma CPT เทคโนโลยียกกระชับปรับหน้าเรียว และ Hair Cel Rejuนวัตกรรมปลูกผมแบบไม่ต้องผ่าตัด

      ข้อมูลเพิ่มเติมโทร 080-153-9000 / 080-154-9000

      Line: @romrawinclinic 

      Inbox: @RomrawinClinic 

       
       

      กิจกรรมเอาใจคุณลูกค้าของ “รมย์รวินท์คลินิก” สาขาเซนทรัล เวสต์เกต

      รีจั๊บ 180202 0007 1024x768 1

      วันหยุดแบบนี้รมย์รวินท์ขอเอาใจคุณลูกค้าสาขา เซ็นทรัล เวสต์เกต กันซะหน่อยค่าาาา
      โดยในวันหยุดที่ผ่านมา รมย์รวินท์ คลินิก สาขาเวสต์เกต ชั้น 2 เสิร์ฟกับกิจกรรมสนุก ๆ กันถึงที่พร้อมทั้งผลิตภัณฑ์ดี๊ดีจาก Romrawin Cosmetics

      ขอบอกเลยนะคะว่าของมันต้องมี แหม ใครพลาดไปไม่ต้องเสียใจนะคะ คุณสาวๆ จะได้พบกับกิจกรรมในครั้งหน้าอีกแน่นอน แล้วพบกันค่าาา

      *สาขาเอ็มควอเทียร์ หรือ ? โทรปรึกษาได้ที่ 0801539000 , 0801549000

      ฉ่ำว๊าว Charm Wow ไปพร้อมกับสาว ๆ Rabbit Girls จ. ขอนแก่น

      CharmWowRabbitGirls 171128 0025 1024x684 1
      2728

      ซึ่งครั้งนี้สาวๆแจกความน่ารักสดใสกันไกลลลล ~ ถึงจังหวัดขอนแก่น ในกิจกรรมสุด Exclusive  Workshop Spot Girl Beauty Workshop with Charm Wow @วิชชิ่งทรีรีสอร์ทวันเสาร์ที่ 25 พ.ย. 60

      และวิทยากรสุดพิเศษภายในงานได้แก่คุณหมอแพร หรือพญ.ธิรดา จิตตการ ที่มาเผยเคล็ดลับการดูแลผิวสำหรับสาวๆสมัยนี้ ที่จะมาเปลี่ยนผิวหน้าให้แลดูสดใสฉ่ำวาว ด้วยขั้นตอนการทรีทเมนท์ Charm Wow Skin ดูแลผิวหน้า 5 ขั้นตอนด้วยกัน
      และขอขอบคุณทีม Bangkok Grass FC และเหล่าสาวๆผู้สมัคร Rabbit Girls ทั้ง 20 คน ที่ไว้ใจให้เราร่วมเป็นผู้สนับสนุนงานและจัดกิจกรรมในครั้งนี้ค่า

      สนใจโทรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 080-154-9000 / 080-153-9000

      Line: @romrawinclinic http://bit.ly/2rebGEc

      line add friend 300x200 1

      Inbox: @RomrawinClinic http://bit.ly/2reFeBP

      หรือเดินเข้ามาปรึกษาแพทย์ได้ทุกวันโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่รมย์รวินท์ คลินิกทั้ง 24 สาขาทั่วประเทศใกล้บ้านคุณ

       

      ตัวแทน Rabbit Girls พร้อมทีมงาน Rabbit Girls Contest 2018 เข้ากล่าวขอบคุณและมอบของที่ระลึกให้กับ “รมย์รวินท์คลินิก”

      1 1 1024x872 1

      ตัวแทน Rabbit Girls สโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส ที่เข้ารอบ 6 คน สุดท้าย พร้อมทีมงาน Rabbit Girls Contest 2018  ? เข้ากล่าวขอบคุณและมอบของที่ระลึกให้กับ รมย์รวินท์คลินิก

      ในวันอังคาร 19 ธันวาคม ในฐานะที่รมย์รวินท์คลินิก ได้ร่วมสนับสนุนดูแล สาวสวย Rabbit Girls ให้มีผิวสวยสดใส สุขภาพดี พร้อมทั้งมีความมั่นใจ ตลอดทั้งการประกวด Rabbit Girls Contest 2018  ?

      *สาขาเอ็มควอเทียร์ หรือ  ? โทรปรึกษาได้ที่ 0801539000 , 0801549000

      ฟินกับสาวๆ Rabbit Girls รอบคัดเลือก 20 คน ดูแลความสวย By Romrawin Clinic

      DSC 2982 1024x684 1

      ฟินได้อีกกกก ~ กับสาว ๆ Rabbit Girl ที่พกความน่ารัก สดใส
      มาในงานรับสมัครรอบคัดเลือก Rabbit Girls Contest 2018 ที่จัดขึ้น ณ ห้องออดิทอเรียม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 18 – 19 พ.ย. 60 ที่ผ่านมา

      Romrawin Clinic ขอแสดงความยินดีกับสาว ๆ ที่เข้ารอบที่ง 20 คน และได้เข้าร่วม Workshop วันที่ 25 พ.ย. 60 นี้ @วิชชิ่ง ทรี รีสอร์ท ขอนแก่นนะคะ
      พบกับสาว ๆ ได้ใน Live ครั้งต่อไป รับรอง! มีเซอไพรส์มาฝากคนดูอีกเช่นเคย !

      #RomrawinX #TheRabbits #BGFC #RabbitGirls2018 #RomrawinCosmetics

      line add friend 300x200 1

      Line: @romrawinclinic (มี@ข้างหน้านะคะ) http://bit.ly/2rebGEc
      .
      Inbox: RomrawinClinic > http://bit.ly/2tnaWyn

      A Cool Day Out with Romrawin @เซ็นทรัลพลาซ่า แจ้งวัฒนะ 4/11/17

      23157219 772042042980797 2190382762703552356 o 1024x726 1

      ภาพบรรยากาศแบบอบอุ่นและเป็นกันเองในงาน A Cool Day Out with Romrawin

      @รมย์รวินท์ คลินิก สาขา เซ็นทรัลพลาซ่า แจ้งวัฒนะ ในวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยภายในงานพบกับการดูแลผิวและรูปร่าง กับโปรแกรม Fat Freezing by Cool Sculpting พร้อมทั้งแขกรับเชิญสุดพิเศษ กับคุณอาร์ท พนิตนาฏ ฉัตรวิไล และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ขอขอบคุณสาว ๆที่น่ารักทุกคนที่มาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนกันภายในงานนะคะ ไว้พบกันใหม่ค่า

      ส่วนใครที่พลาดไปก็ปักหมุดรองานหน้าได้ที่ Romrawin Clinic สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วาน วันเสาร์ที่ 11 และ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายนนี้ได้เลยนะคะ แล้วพบกันค่ะ

      # Romrawin ✘ # TheRabbits Co-Partner…

      22007662 1400500586665327 2000366191780318204 n 625

      #Romrawin ✘ #TheRabbits สนุกจริงๆ ที่ได้ร่วมเป็น Co-Partner กับทีมบางกอกกล๊าส เอฟซี แฟนบอลคนไหนที่พลาดเกมนี้ไม่เป็นไรนะคะ เพราะเราจะกลับไปช่วยให้ทุกคนได้ สวย หล่อ กล้า ท้า แดด กันอีกแน่นอน

      ต้องบอกว่าแฟนบอล #BGFC และสาวๆ #RabbitGirl น่ารักมากๆ ค่ะ ให้ความสนใจกับรมย์รวินท์แบบสุดๆ คราวหน้าจะเอารูปคู่กับนักบอลหล่อๆ ของ BGFC มาฝากด้วยนะคะ