เทคโนโลยี HIFU เทคนิคยกกระชับผิวของคนอยากหน้าเด็ก

เทคโนโลยี HIFU

รวมเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี HIFU เทคนิคยกกระชับผิวของคนอยากหน้าเด็ก

หากกำลังมองหาวิธีที่ช่วยยกกระชับผิวหน้าให้แลดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด HIFU หรือ High-Intensity Focused Ultrasound อาจเป็นคำตอบที่กำลังตามหา ด้วยเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง ส่งพลังงานลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ทำให้ผิวดูเต่งตึง เรียบเนียน และยกกระชับได้อย่างเป็นธรรมชาติ แบบไม่ต้องพักฟื้น

 

HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในวงการความงาม เพราะช่วยจัดการกับปัญหาผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยได้อย่างตรงจุด ทั้งยังเหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ผิวหน้าดูอ่อนวัยแบบไม่ต้องเจ็บตัวหรือใช้เวลานาน 

 

ในบทความนี้ รมย์รวินท์คลินิกได้รวบรวมทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับ HIFU ไม่ว่าจะเป็นหลักการทำงานที่ช่วยสร้างผลลัพธ์ ข้อดี-ข้อเสีย ข้อควรระวัง รวมถึงคำแนะนำก่อนและหลังทำ เพื่อให้มีข้อมูลครบถ้วนและตัดสินใจเลือกวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลผิวของ

 

เทคโนโลยี HIFU คืออะไร?
เทคโนโลยี HIFU คืออะไร?

 

เทคโนโลยี HIFU คืออะไร?

HIFU หรือ High-Intensity Focused Ultrasound เป็นเทคโนโลยีความงาม ทำงานด้วยหลักการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงแบบเฉพาะเจาะจง (Focused Ultrasound) ไปยังชั้นผิวหนังในระดับลึก เช่น ชั้น SMAS (Superficial Musculoaponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่ทำหน้าที่รองรับโครงสร้างของผิวหนังและกล้ามเนื้อ การใช้พลังงานคลื่นเสียงนี้ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับและลดเลือนริ้วรอย โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผิวหนังชั้นบนหรือเนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียง

เทคโนโลยี HIFU ยังได้รับการออกแบบให้สามารถปรับระดับความลึก และความเข้มข้นของพลังงานได้ตามความเหมาะสมของสภาพปัญหาผิวในแต่ละบุคคล เช่น การยกกระชับใบหน้า การลดเหนียงใต้คาง หรือการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น

 

หลักการทำงานของเทคโนโลยี HIFU

  • การโฟกัสพลังงานอัลตราซาวนด์

คลื่นเสียงจะถูกโฟกัสลงไปในจุดเล็ก ๆ ที่ชั้นผิวลึก โดยพลังงานจะไม่กระจายตัวออกไปบริเวณอื่น

  • การสร้างความร้อนในผิวชั้นลึก

พลังงานคลื่นเสียงจะสร้างความร้อนในจุดที่โฟกัส อุณหภูมิประมาณ 60-70 องศาเซลเซียส ซึ่งเหมาะสมสำหรับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่

  • กระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติ

หลังจากที่คอลลาเจนถูกกระตุ้น ร่างกายจะเริ่มกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวดูยกกระชับและเรียบเนียนยิ่งขึ้น โดยผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นในระยะเวลา 2-3 เดือนหลังทำ

 

เทคโนโลยี HIFU ช่วยอะไรบ้าง?
เทคโนโลยี HIFU ช่วยอะไรบ้าง?

 

เทคโนโลยี HIFU ช่วยอะไรบ้าง?

  • เทคโนโลยี HIFU ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย เช่น แก้ม แนวกราม และใต้คาง
  • เทคโนโลยี HIFU ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น ดูได้รูปมากขึ้น
  • เทคโนโลยี HIFU ลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา ร่องแก้ม และมุมปาก
  • เทคโนโลยี HIFU ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์
  • เทคโนโลยี HIFU ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวลึก
  • เทคโนโลยี HIFU กระชับผิวในบริเวณอื่นของร่างกาย เช่น คอ ท้องแขน หรือหน้าท้อง
  • เทคโนโลยี HIFU ลดไขมันส่วนเกินใต้คางและบริเวณลำคอ
  • เทคโนโลยี HIFU ทำให้ผิวดูเต่งตึงและยืดหยุ่นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
  • เทคโนโลยี HIFU ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูสดใส สุขภาพดี และอ่อนเยาว์
  • เทคโนโลยี HIFU ลดความหมองคล้ำและปรับผิวให้แลดูสม่ำเสมอ
  • เทคโนโลยี HIFU ช่วยเน้นกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัด
  • เทคโนโลยี HIFU ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยในจุดเฉพาะเจาะจง เช่น ยกกระชับหางตา ลดถุงใต้ตา หรือลดความหย่อนคล้อยของลำคอ

 

ข้อดีของเทคโนโลยี HIFU

  • เทคโนโลยี HIFU ให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่กระทบหรือทำลายผิวชั้นบน
  • เทคโนโลยี HIFU ยกกระชับและลดริ้วรอยได้ในหลายจุดในใบหน้า
  • เทคโนโลยี HIFU ลดไขมันและกระชับผิวได้ในครั้งเดียว
  • เทคโนโลยี HIFU ปลอดภัยและได้รับการยอมรับในระดับสากล
  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะสำหรับคนทุกวัยที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่ต้องมีการผ่าตัดหรือใช้เข็ม ไม่มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่มีแผลและไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
  • เทคโนโลยี HIFU เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำทันที และผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น
  • เทคโนโลยี HIFU สามารถปรับระดับความลึกของพลังงานได้ตามปัญหาและความต้องการ
  • เทคโนโลยี HIFU ใช้เวลาเพียง 30–60 นาทีต่อครั้ง และไม่ต้องเสียเวลาในการดูแลหลังทำ
  • เทคโนโลยี HIFU สามารถใช้ได้กับทุกสีผิว โดยไม่มีผลข้างเคียงจากความร้อน

 

เทคโนโลยี HIFU ทำบริเวณใดได้บ้าง?
เทคโนโลยี HIFU ทำบริเวณใดได้บ้าง?

 

เทคโนโลยี HIFU ทำบริเวณใดได้บ้าง?

  • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณหน้าผาก – ช่วยลดริ้วรอยลึกและตื้นบริเวณหน้าผาก
  • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณรอบดวงตา – ลดริ้วรอยรอบดวงตา ยกกระชับหนังตา
  • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณแก้ม – ช่วยยกกระชับผิวแก้มที่หย่อนคล้อย
  • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณร่องแก้ม – ลดร่องลึกที่เห็นได้ชัด
  • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณกรอบหน้า – ปรับกรอบหน้าให้ชัดเจน ลดความหย่อนคล้อย
  • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณใต้คาง – ลดไขมันบริเวณเหนียง พร้อมกระชับผิว
  • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณมุมปาก – ยกกระชับมุมปากที่ตก
  • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณลำคอ – ลดความหย่อนคล้อยและริ้วรอยรอบลำคอ
  • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณหน้าอก – ลดริ้วรอยและยกกระชับผิวบริเวณเนินอก
  • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณต้นแขน – ยกกระชับผิวบริเวณต้นแขนที่หย่อนคล้อย
  • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณต้นขา – ช่วยกระชับผิวบริเวณต้นขา ลดความหย่อนคล้อยบริเวณขาด้านในและด้านนอก
  • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำบริเวณหน้าท้อง – กระชับผิวบริเวณรอบเอว และช่วยลดไขมันส่วนเกิน

 

ใครบ้างที่เหมาะกับเทคโนโลยี HIFU

  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหน้าและลำคอหย่อนคล้อย
  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณใบหน้าและลำคอ
  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิว ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น
  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา ร่องแก้ม หรือมุมปาก
  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์ สุขภาพดีมากขึ้น
  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดหรือพักฟื้นนาน
  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวหน้าในระยะเวลาจำกัด
  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการป้องกันการหย่อนคล้อยของผิวหน้าในอนาคต
  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวบริเวณอื่น เช่น ลำคอ ท้องแขน ต้นขา และหน้าท้อง
  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับทุกสีผิว ทุกสภาพผิว และทุกปัญหาผิว
  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลผิวหน้าอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด เช่น ผิวรอบดวงตา ลำคอ
  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง

 

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับเทคโนโลยี HIFU

  • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวหนังอักเสบ มีแผลเปิด สิวอักเสบขั้นรุนแรง
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีแผลเปิดบริเวณที่จะทำการรักษา
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจหรือโลหะในร่างกาย
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรค SLE โรคภูมิแพ้ตัวเอง
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่เพิ่งผ่านการทำศัลยกรรมหรือหัตถการอื่น ๆ
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวบาง ผิวแพ้ง่าย และผิวไวต่อความร้อน
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่ายหรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาทบริเวณใบหน้า
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจที่ยังควบคุมอาการไม่ได้ หรือโรคเกี่ยวกับตับและไตที่มีภาวะรุนแรง
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อเยื่อผิดปกติในบริเวณที่ต้องการรักษา เช่น ซีสต์ เนื้องอก
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่อยู่ในช่วงพักฟื้นจากการบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยอื่น ๆ
  • เทคโนโลยี HIFU ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหนังแพ้ง่ายและมีการอักเสบเรื้อรัง

 

เปรียบเทียบเทคโนโลยี HIFU กับวิธียกกระชับอื่น ๆ

การยกกระชับผิวมีหลากหลายวิธี โดยแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสีย และเหมาะสมกับความต้องการที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้เป็นการเปรียบเทียบเทคโนโลยี HIFU กับวิธีอื่น ๆ อย่างละเอียด ดังนี้

เทคโนโลยี HIFU vs ร้อยไหม

  • เทคโนโลยี HIFU เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง ส่งพลังงานไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึกโดยไม่ต้องมีแผลหรือใช้เข็ม ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนใน 2-3 เดือน และอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ข้อดีของ HIFU คือไม่มีบาดแผล ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับแบบค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนทันทีเหมือนการร้อยไหม ซึ่งการร้อยไหมเป็นวิธีที่ใช้ไหมละลายเพื่อดึงผิวให้กระชับทันที เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยระดับปานกลาง และต้องการผลลัพธ์รวดเร็ว ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรืออักเสบ และอาจมีรอยซ้ำหลังทำ

 

เทคโนโลยี HIFU vs ศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า

  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัด ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ชัดเจนในระยะเวลา 2-3 เดือน และอยู่ได้นาน 6-12 เดือนโดยไม่ต้องพักฟื้น ข้อดีของเทคโนโลยี HIFU คือไม่มีความเสี่ยงจากการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยรุนแรง การทำเทคโนโลยี HIFU อาจไม่เพียงพอกับการแก้ปัญหานี้ ในกรณีนี้ การศัลยกรรมยกกระชับใบหน้า เป็นทางเลือกที่มีผลลัพธ์ชัดเจนและผลลัพธ์อยู่ได้นานหลายปี แม้ว่าจะต้องผ่าตัดใหญ่ มีแผล และต้องพักฟื้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ นอกจากนี้การศัลยกรรมยกกระชับใบหน้ามีค่าใช้จ่ายสูง และมีความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนอีกด้วย

 

เทคโนโลยี HIFU vs เลเซอร์ยกกระชับผิว 

  • เทคโนโลยี HIFU เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวชั้นลึกโดยไม่กระทบผิวชั้นบน ทำให้เหมาะสำหรับทุกสีผิวและไม่มีความเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี ข้อดีคือไม่มีบาดแผลและไม่ต้องพักฟื้น อย่างไรก็ตามเทคโนโลยี HIFU ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเม็ดสีผิวหรือผิวชั้นบนได้ ในขณะที่เลเซอร์ยกกระชับผิวสามารถช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เช่น ลดเลือนจุดด่างดำ ปรับสภาพผิว พร้อมกับยกกระชับผิวหน้า ซึ่งผลลัพธ์จากเลเซอร์จะเห็นผลใน 1-2 สัปดาห์ แต่เลเซอร์อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวสีเข้ม เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการเกิดรอยด่างหรือการระคายเคือง

 

เทคโนโลยี HIFU ในแต่ละช่วงวัย

การทำ HIFU สามารถปรับใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาผิวและความต้องการของแต่ละช่วงวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยลักษณะของปัญหาผิวและผลลัพธ์ที่คาดหวังจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ ดังนี้

วัย 20–30 ปี

  • ในช่วงวัยนี้ ผิวหน้าจะยังมีความกระชับและยืดหยุ่นดี แต่เริ่มมีปัญหาผิวเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ริ้วรอยตื้นจากการแสดงอารมณ์ ผิวหมองคล้ำจากการทำงานหนัก หรือพักผ่อนไม่เพียงพอและความหย่อนคล้อยเล็กน้อยจากแสงแดดหรือมลภาวะ 
  • การทำเทคโนโลยี HIFU ในวัยนี้ จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว ยกกระชับผิวบริเวณกรอบหน้า แนวกราม และใต้คาง รวมไปถึงป้องกันการเกิดริ้วรอยในอนาคต

วัย 30–40 ปี

  • ในช่วงวัยนี้ ผิวจะเริ่มสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินตามธรรมชาติ ส่งผลให้มีริ้วรอยร่องตื้นและปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่เริ่มสังเกตได้ชัดขึ้น โดยเฉพาะบริเวณแก้ม แนวกราม และใต้ตา
  • การทำเทคโนโลยี HIFU ในวัยนี้ จะช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้น เช่น รอบดวงตาและร่องแก้ม กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวลึก อีกทั้งยังช่วยยกกระชับใบหน้า ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวและได้รูปมากขึ้น

วัย 40-50 ปี

  • ในช่วงวัยนี้ ความเสื่อมสภาพของผิวจะชัดเจนขึ้น ผิวเริ่มหย่อนคล้อยอย่างเห็นได้ชัด โครงหน้าขาดความกระชับ และมีริ้วรอยลึกปรากฏในบริเวณต่าง ๆ เช่น หน้าผาก ร่องแก้ม และลำคอ
  • การทำเทคโนโลยี HIFU ในวัยนี้ จะช่วยยกกระชับใบหน้าและลำคอที่หย่อนคล้อย ลดริ้วรอยลึก เช่น หน้าผาก ร่องแก้ม รวมไปถึงช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวในระยะยาว

วัย 50 ปีขึ้นไป

  • ในช่วงวัยนี้ ผิวสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสตินอย่างมาก โครงหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอยลึกชัดเจน และผิวขาดความยืดหยุ่น
  • การทำเทคโนโลยี HIFU ในวัยนี้ จะช่วยฟื้นฟูผิวลึกถึงชั้น SMAS เพื่อยกกระชับใบหน้า ลดความหย่อนคล้อยบริเวณลำคอ ใต้คาง และแก้ม คืนความยืดหยุ่นและความกระชับให้ผิว

 

สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนทำเทคโนโลยี HIFU

  • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและปัญหา
  • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU ควรแจ้งประวัติสุขภาพ รวมถึงโรคประจำตัว การใช้ยา 
  • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU งดการทำทรีตเมนต์ผิวหน้า หรือหัตถการที่มีผลกระทบต่อผิว 1-2 สัปดาห์
  • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA, BHA, Retinol 3-5 วัน
  • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดและการทำกิจกรรมกลางแจ้ง
  • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU งดการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ประมาณ 1–2 วัน
  • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU งดการแต่งหน้าหรือทาครีมบำรุงผิวใด ๆ ในวันนัดหมาย
  • ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU หลีกเลี่ยงการรับประทานยาแก้ปวดหรือยาบางชนิด

 

ขั้นตอนการทำเทคโนโลยี HIFU 

  1. แพทย์จะทำการประเมินสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข และกำหนดบริเวณที่ต้องการรักษาก่อนทำเทคโนโลยี HIFU
  2. ก่อนเริ่มทำเทคโนโลยี HIFU ผิวหน้าจะถูกทำความสะอาดอย่างหมดจดเพื่อลบเครื่องสำอาง ครีมบำรุง และสิ่งสกปรกตกค้างบนผิว
  3. ทาเจลอัลตราซาวนด์บนบริเวณที่ต้องการทำเทคโนโลยี HIFU เพื่อช่วยส่งพลังงานคลื่นเสียงเข้าสู่ผิว
  4. แพทย์เริ่มวางหัวอุปกรณ์เทคโนโลยี HIFU จะถูกวางลงบนผิว และปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมกับบริเวณที่ทำ
  5. แพทย์ยิงพลังงาน HIFU ในแต่ละจุดอย่างละเอียดทั่วบริเวณที่ต้องการรักษา เพื่อให้พลังงานครอบคลุมและผลลัพธ์ออกมาสม่ำเสมอ
  6. หลังจากทำเสร็จ แพทย์จะทำความสะอาดผิวอีกครั้ง
  7. แพทย์อาจทาครีมบำรุงผิวหรือครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิว และแนะนำการดูแลผิวเพิ่มเติม

 

แนะนำวิธีการดูแลผิวหลังทำเทคโนโลยี HIFU

  • หลังทำเทคโนโลยี HIFU หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดในช่วง 7–14 วันแรก
  • หลังทำเทคโนโลยี HIFU หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ขัดผิว หรือกดผิวหน้า 1–2 สัปดาห์
  • หลังทำเทคโนโลยี HIFU หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงมากหรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดเหงื่อเยอะในช่วง 1–2 วันแรก
  • หลังทำเทคโนโลยี HIFU งดการทำเลเซอร์ การร้อยไหม อย่างน้อย 2–4 สัปดาห์
  • หลังทำเทคโนโลยี HIFU งดกิจกรรมที่ทำให้ผิวสัมผัสความร้อนจัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • หลังทำเทคโนโลยี HIFU ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF50 PA+++ เป็นประจำ
  • หลังทำเทคโนโลยี HIFU ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม
  • หลังทำเทคโนโลยี HIFU ควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น มอยส์เจอไรเซอร์หรือเซรัมไฮยาลูรอน

 

รวมทุกคำถามที่ควรรู้ก่อนทำเทคโนโลยี HIFU

เทคโนโลยี HIFU ปลอดภัยไหม?

  • HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจาก FDA ว่าปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการยกกระชับผิวและลดริ้วรอย พลังงานคลื่นอัลตราซาวนด์ที่ใช้สามารถโฟกัสเฉพาะชั้นผิวลึกโดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ทั้งนี้ความปลอดภัยขึ้นอยู่กับการใช้เครื่องที่ได้มาตรฐานและการทำโดยผู้เชี่ยวชาญ

 

หลังทำเทคโนโลยี HIFU ผิวหน้าจะเป็นอย่างไร?

  • หลังทำเทคโนโลยี HIFU ผิวอาจรู้สึกกระชับขึ้นทันที แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะปรากฏในช่วง 2–3 เดือน เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึกจะใช้เวลา ผิวอาจมีรอยแดงเล็กน้อยทันทีหลังทำ แต่จะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง

 

เทคโนโลยี HIFU มีผลข้างเคียงไหม?

  • เทคโนโลยี HIFU มีผลข้างเคียงน้อยมาก แต่อาจพบได้ในบางกรณี เช่น รอยแดงหรือบวมเล็กน้อย ซึ่งจะหายไปใน 1–2 วัน นับว่าเป็นอาการปกติที่พบได้ทั่วไปหลังทำ

 

เทคโนโลยี HIFU เห็นผลทันทีไหม?

  • หลังทำเทคโนโลยี HIFU อาจมีความรู้สึกว่าผิวกระชับขึ้นทันที แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะค่อย ๆ เห็นในช่วง 2–3 เดือน เพราะเป็นระยะเวลาที่ร่างกายกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่

 

เทคโนโลยี HIFU สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ไหม?

  • เทคโนโลยี HIFU สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เช่น ฉีดโบ ฉีดฟิลเลอร์ หรือเลเซอร์ เพื่อเสริมผลลัพธ์ที่ครอบคลุมยิ่งขึ้น ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสอบว่าควรเว้นระยะเวลาระหว่างการทำแต่ละอย่างนานเท่าไร

 

ต้องทำเทคโนโลยี HIFU กี่ครั้งจึงจะเห็นผล?

  • สำหรับคนส่วนใหญ่ การทำเทคโนโลยี HIFU 1 ครั้ง ก็สามารถเห็นผลลัพธ์การยกกระชับที่ชัดเจน ซึ่งในบางกรณีที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก อาจต้องทำเพิ่มเติมตามคำแนะนำของแพทย์

 

ความถี่ในการทำเทคโนโลยี HIFU ควรเว้นระยะห่างกี่เดือน?

  • เทคโนโลยี HIFU ควรเว้นระยะห่างประมาณ 6–12 เดือน ต่อครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการตอบสนองของร่างกายต่อการกระตุ้นคอลลาเจน การทำซ้ำในช่วงเวลาที่เหมาะสมจะช่วยรักษาผลลัพธ์ให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น

 

HIFU หรือ High-Intensity Focused Ultrasound เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับผิว ลดริ้วรอย และคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด ด้วยการส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิวลึกอย่างแม่นยำ ทำให้เทคโนโลยี HIFU สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูโครงสร้างผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่ดูเต่งตึง กระชับ และสดใสอย่างเป็นธรรมชาติ

แม้ว่าการทำเทคโนโลยี HIFU จะมีข้อดีมากมาย แต่การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและทำโดยแพทย์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ การดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังการทำ จะช่วยเสริมให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานยิ่งขึ้น

หากกำลังมองหาวิธีที่ช่วยให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ยุ่งยาก เทคโนโลยี HIFU อาจเป็นคำตอบที่ตามหา การเริ่มต้นดูแลผิวตั้งแต่วันนี้จะช่วยให้มั่นใจในตัวเองและพร้อมเผชิญกับทุกโอกาสในอนาคตอย่างแน่นอน