ฝ้า กระ และรอยดำ อาจไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดร่างกาย แต่… มันเจ็บจี๊ดดดด อยู่ในใจทุกครั้งที่ได้เห็นค่ะ โดยเฉพาะเมื่อขึ้นอยู่บนใบหน้าที่เราแสนจะหวงแหน ส่องกระจกทีไรก็ต้องถอนหายใจทุกครั้ง แต่…จะดีกว่าไหมคะ ถ้าเรามาลองเริ่มแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ด้วยการเริ่มดูแลและป้องกันรักษาฝ้า กระ รอยดำ อย่างถูกวิธี ก่อนจะสายเกินแก้ เพราะหากปล่อยเอาไว้เนิ่นนานอาจต้องใช้ระยะเวลารักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ นานเชียว
1. การหลีกเลี่ยงแสงแดดสำคัญที่สุด
การดูแลป้องกันตัวเองจากแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้น ในแต่ละวันจึงไม่ควรละเลยการทาครีมกันแดดที่มีความสามารถป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต ทั้ง UVA และ UVB ได้ดี โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับแสงแดดระหว่างวัน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีค่า SPF 50+, PA+++
นอกจากนี้ การแต่งกายให้มิดชิดรวม ถึงการสวมหมวก สวมแว่นตากันแดด กางร่ม ก็มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดได้ ถึงแม้ว่าตัวช่วยในการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ นั้นจะมีหลากหลายวิธี ทั้งทายา เลเซอร์ กินวิตามินเสริม ที่จะช่วยทำรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ให้ลดเลือน แต่ก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นอีก ตราบใดที่เรายังต้องเผชิญกับแสงแดดอยู่เป็นประจำนั่นเอง
2. ระวังเรื่องการใช้ยารักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ และอาหารเสริมป้องกันฝ้า
ปัจจุบันมียาทารักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ มากมายจำหน่ายอยู่ตามท้องตลาด มีทั้งที่ปลอดภัยและผสมสารที่เป็นอันตราย ซึ่งการดูฉลากยาในบางครั้งก็ไม่สามารถตรวจสอบได้จริงๆ ว่ายานั้นเป็นยาที่ปลอดภัยจริงหรือไม่ โดยสารเคมีที่ใส่ในยาลบรอยดำที่อันตราย อย่างเช่น ใช้ไฮโดรควินิน (Hydroquinone) มากกว่าปริมาณที่องค์กรอาหารและยากำหนด ใช้สารปรอท หรือมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ที่ไม่เหมาะกับการใช้บนผิวหนัง ยากลุ่มนี้เมื่อใช้ช่วงแรกๆ จะรู้สึกว่ารอยดำจางหายได้เร็วมาก แต่เมื่อใช้ไปนานๆ จะสังเกตว่าจะเกิดอาการหน้าแดงง่าย เกิดเส้นเลือดฝอยเล็กๆ บนใบหน้าอย่างเห็นชัด บางรายอาจเกิดสิวอักเสบเห่อหลังหยุดใช้ยา และอาจส่งผลให้รอยดำที่เป็นอยู่มีสีเข้มขึ้นและขยายขนาดมากขึ้นได้ด้วย ดังนั้น แนะนำว่าถ้าอยากรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำอย่างได้ผลและไม่เสี่ยง ควรมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเลือกวิธีการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ที่เหมาะสมกับเราดีกว่า หายช้าดีกว่าหน้าพัง
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมหลายชนิด ที่โฆษณาเรื่องทำให้มีผิวขาวขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะผสมสารอาหารหรือสารสกัดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์ลดการสร้างเม็ดสีในผิวหนัง ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยลดการทำลายผิวจากแสงแดด ตัวอย่างเช่น Glutathione, Vitamin C, Alpha Lipoic Acid,Pine Tree Bark Extract, Grape Seed Extract เป็นต้น ซึ่งอาหารเสริมเหล่านี้อาจจะนำมาใช้เป็นตัวเสริมในการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำได้ แต่ยังไม่ได้เป็นมาตรฐานในการรักษา เนื่องจากยังไม่มีผลการวิจัยที่เพียงพอที่จะรับรองผลของการรักษาและผลข้างเคียงในระยะยาวอย่างชัดเจน
3. ทดสอบเครื่องสำอางก่อนใช้
ก่อนที่สาวๆ จะตัดสินใจซื้อเครื่องสำอางตัวไหน แนะนำว่าควรทดสอบเครื่องสำอางก่อนใช้จริง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เกิดอาการแพ้เมื่อใช้ สำหรับการรักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ ถ้ามีฝ้าขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากถูกแสงแดด ควรระวังและหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกแสงแดดซ้ำอีก จะช่วยให้ฝ้าจางหายไปได้ ในกรณีที่เป็นมากไม่ควรใช้ยาหรือเครื่องสำอางด้วยตนเอง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ถ้าเป็นไม่มากอาจใช้เครื่องสำอางสำหรับฝ้าได้ แต่จะต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน และต้องใช้ให้ถูกวิธี
4. รับประทานอาหารต้านฝ้า
นอกจากการดูแลผิวภายนอกแล้ว การดูแลผิวจากภายในก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยอาหารที่ทานแล้วทำให้ผิวแข็งแรง ช่วยปกป้องผิวของเราจากการเป็นฝ้า มีดังนี้
- ข้าวโพด ในข้าวโพดจะมีสารเบต้าแคโรทีนและโฟเลต ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเกิดฝ้า และมะเร็ง ทั้งนี้ ยังช่วยชะลอการเกิดเซลล์ผิวเสื่อม ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง กระจ่างใส แข็งแรง มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น
- สตรอว์เบอร์รี อุดมไปด้วย วิตามินซีสูง ที่มีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวต้านทานต่อรังสีอัลตราไวโอเลตที่มากับแสงแดดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ การทานสตรอว์เบอร์รี ยังมี่ส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง พร้อมช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส ลดเลือนรอยดำจากสิว-ฝ้า และทำให้ผิวชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น
- ไข่ไก่ มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่าลูทีนและซีแซนทิน ซึ่งมีคุณสมบัติปกป้องผิวจากรังสียูวี ช่วยต่อต้านการเกิดฝ้าและมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง อ่อนกว่าวัยอีกด้วย
- ปลาแซลมอน มีโอเมก้า 3 DHA และ EPA ที่มีส่วนช่วยปกป้องและต่อต้านอนุมูลอิสระที่เกิดจากรังสี UV ซึ่งการทานปลาแซลมอนนี้ จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ลดริ้วรอย ป้องกันการเกิดฝ้า
- เต้าหู้ จะช่วยรักษาคอลลาเจน กระชับผิวพรรณ เพราะเต้าหู้มีวิตามินอีที่จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลต ลดการเสี่ยงมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันฝ้า ทำให้ผิวชุ่มชื้น นุ่มเนียน ป้องกันริ้วรอยก่อนวัยได้อีกด้วย
5. พยายามหลีกเลี่ยงความร้อนทุกรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ซาวน่า หน้าเตาทำอาหาร โยคะร้อน เพราะความร้อนจะกระตุ้นให้ฝ้าสีเข้มขึ้นและยังเป็นสาเหตุของฝ้าเลือดอีกด้วย อีกทั้ง ควรหลีกเลี่ยงการขัดหน้าบ่อยๆ เพราะการขัดถูใบหน้ามากเกินไปสามารถกระตุ้นฝ้าให้เข้มขึ้นได้ค่ะ
6. พบผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณเป็นประจำ
เพราะสถานบริการด้านผิวพรรณนั้น มีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ พร้อมเทคโนโลยีและเครื่องมือที่ทันสมัยคอยให้บริการ การพบผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณเป็นประจำจะสามารถตอบโจทย์ด้านการดูแล รักษาฝ้า กระ ลบรอยดำ และปกป้อง ผิวพรรณของเราจากปัญหาต่างๆ ได้อย่างถูกต้องตรงจุด รวมไปถึงปัญหาฝ้า กระ หรือรอยดำจากสิวได้ อีกทั้ง การเข้ารับบริการที่สถานบริการผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะทำให้คุณมีผิวพรรณที่ผ่องใส ไร้ฝ้า ไร้ริ้วรอยรบกวนต่างๆ จนใครๆ เห็นต้องร้องว้าว! กับใบหน้าเนียนๆ ใสๆ ของคุณอยู่ตลอด